ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรักอสุรา | {TITAN SET}

    ลำดับตอนที่ #23 : กลรักอสุรา l บทที่๒๑ ตอน เขตแดน {อัพ100%}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.68K
      202
      13 ก.พ. 62

    * หากรำคาญเสียงเพลงก็ปิดได้เน้อ *



    บทที่๒๑
    ตอน เขตแดน

    ไอ้วิรุฬผู้นี้ทำงานมาเหน็ดเหนื่อย พอจักมีน้ำสักขันให้พี่ดื่มแก้กระหายบ้างหรือไม่จ๊ะ แม่จันทร์ผา ?’

    ตั้งแต่เด็กมาแล้วที่ผมมักชอบเห็นภาพของผู้ชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นในความฝัน เขาไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่หรือใครที่ผมรู้จัก นั่นคือสิ่งเดียวที่ผมตระหนักได้ยามต้องเห็นหน้า ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่ผู้ชายคนที่ว่า ดันมีชื่อเรียกเดียวกันกับผมมันเสียอย่างนั้น

    นี่จ๊ะ ลุงกับป้า วานฉันกับพี่นิมมานรดียกขันน้ำมาให้พี่ด้วยกินน้ำกินท่าก่อนสิจ๊ะ จักได้มีเรี่ยวแรงลุยงานต่อ ขณะเดียวกันในภาพฝันที่มีผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นปรากฏตัว ก็มักจะมีภาพของหญิงสาวท่าทางเรียบร้อยคนหนึ่งพ่วงติดเข้ามาให้มองเห็นด้วยเสมอๆ

    เธอมีกริยาเรียบร้อย อ่อนหวาน เช่นเดียวกับเนื้อเสียงฉะฉานยามเจรจา ซ้ำยังเป็นเจ้าของใบหน้าสวยหวานอย่างไทยๆ ในแบบที่สามารถสะกดให้หยุดมองได้ทุกครั้งเมื่อได้เห็น และผมรับรู้ได้ทันทีว่าทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าหญิงสาวผู้นั้น ทั้งผมและผู้ชายที่มีชื่อเรียกเดียวกันรู้สึกอย่างไรกับเธอ แม้ลึกๆ จะรับรู้ดีว่า อีกฝ่ายนั้นไม่ได้มองเราทั้งคู่เป็นอื่นนอกเสียจากพี่ชายก็ตามที

    ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันคือฝันดีทุกครั้ง กับการมีผู้หญิงซึ่งเป็นเจ้าของชื่อแสนไพเราะอย่างเช่น จันทน์ผา’ อยู่ในฝัน

    แต่ว่า ยิ่งวันคืนเคลื่อนผ่านไป ฝันที่เคยรู้สึกว่าดีก็เริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นภาพของฝันร้าย

    นังจันทน์ผา มันตกสระบัวตายตั้งแต่เมื่อรุ่งเช้า... 

    ผมจำเสียงของผู้หญิงแปลกหน้าอีกคนซึ่งเป็นผู้นำพาข่าวร้ายในฝันมาให้ได้ยินได้ เธอมีใบหน้าคล้ายคลึงกับผู้หญิงที่ผมรู้สึกหลงรัก ซึ่งมักปรากฏตัวให้เห็นในสายตาอยู่บ่อยครั้งยามเมื่อจันทน์ผาปรากฏตัวให้เห็น

    หากแต่การแต่งกายของเธอในช่วงที่กำลังบอกข่าวนั้น ดูผิดแผกแตกต่างไปจากภาพจำจากฝันที่เคยรู้สึก เครื่องนุ่งห่มบนตัวรวมถึงผิวกายเธอนั้นไม่ได้ดูเก่าหรือสกปรกมอมแมมแบบหญิงชาวบ้านทั่วไปอย่างที่เคยพบเห็นในฝัน หากแต่มีผิวนวลเปล่งปลั่งราวกับมีออราสีทองแผ่กระจายออกจากเนื้อตัว ซ้ำยังนุ่มห่มด้วยผ้าซิ่นสีนวล ห่มสไบ และมากด้วยประดับกายสีทองซึ่งดูเข้ากันจนดูแตกต่างจากภาพลักษณ์เก่าที่เคยรับรู้ได้

    ที่นังจันทน์ผามันตาย หาใช่ความผิดข้าแต่ผู้เดียวไม่ เอ็งเองก็มีความผิดมิต่างกัน!’ จำได้ว่าตอนที่ได้ยินคำพูดประโยคนั้น ทั้งผมและชายแปลกหน้ารู้สึกโกรธเธอคนนั้นมาก ถึงขั้นส่งเสียงตวาดกลับไป

    จักเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ในเมื่อแม่จันทน์ผานั้นไซร้ให้คำมั่นสัญญากับข้าไว้ !’

    คำมั่นสัญญาเรื่องอันใด !?’ และผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองในฝันกับผู้หญิงคนนั้นกำลังพูดถึงเรื่องอะไร นี่เอ็งคิดจักทรยศข้าอย่างนั้นรึไอ้วิรุฬ !?’

    ทรยศรึ? เหตุใดจึงกล่าวหาข้าเช่นนั้นเล่า แม่นิมมานรดี?’ และถ้าผมจำไม่ผิด ผู้หญิงที่แต่งตัวอย่างสวยงามคนนี้ มีชื่อว่านิมมานรดี ในเมื่อคนที่ช่วยเอ็งให้ได้ครอบครองยศถาสูงศักดิ์ในภายภาคหน้า มันคือตัวข้า ไอ้วิรุฬผู้นี้มิใช่หรอกรึ ?

    อาจเพราะตอนนั้นยังเด็กล่ะมั้ง บ่อยครั้งผมถึงได้ไม่เข้าใจบทสนทนาแสนแปลกนี่ แต่ไม่ใช่หลังจากนั้น เมื่อผมเริ่มโตขึ้นจนพอเข้าใจความหมายของมัน

    ตึก! ตึก! ตึก!

    อีกสิ่งที่จำติดตาจนต้องเหมารวมทุกภาพที่ได้เห็นเป็นภาพฝันร้าย ก็เป็นคงเป็นท่าทางร้อนรนและรีบร้อนของชายซึ่งเป็นเจ้าของชื่อเดียวกัน ขณะวิ่งหยัดเหยียบเท้าเปล่ามุ่งตรงไปยังสระบัวขนาดใหญ่ที่สวยงามราวกับหลุดมาจากภาพวาด

    แม่จันทน์ผา!’ ไม่ใช่แค่ท่าทางเท่านั้น ที่ดูรีบร้อนและร้อนรน แต่รวมถึงเสียงสั่นเครือที่ให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน และด้วยอากัปกิริยาที่ชายคนนั้นแสดงออก มันเลยทำให้ผมรับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่เขามีเหนือกว่าผู้คนปกติทั่วไป เมื่อแสงสีทองสว่างวาบขึ้นภายในบ่อบัวราวกับเกิดสิ่งมหัศจรรย์ หลังจากที่ชายคนดังกล่าวยกมือขึ้นเสียงสวดบริกรรมคาถาอยู่ริมสระ

    หยุดบัดเดี๋ยวนี้ ไอ้วิรุฬ!’ อีกทั้งยังไวกว่าเกินกว่าผู้ใดจะทันห้ามปรามได้ทัน เมื่อชายผู้นั้นกระโจนตัวลงสู่สระบัว ดำดิ่งลงไปยังบริเวณที่แสงสีทองปรากฏ

    ตูมมมม!

    ‘ขึ้นมาบัดเดี๋ยวนี้! นังจันทน์ผามันตายแล้ว!’ ขณะเดียวกันผมก็ยังได้ยินเสียงของผู้หญิงคนเดิมคอยตะโกนไล่หลังด้วยทีท่าเป็นกังวล แม้ว่าหล่อนจะรู้ดีว่าเสียงตนเองนั้นไม่อาจห้ามปราบอีกฝ่ายได้ทันท่วงที

    หลังจากคลื่นน้ำแตกกระจายออกเป็นวงกว้างกลับคืนสู่ความนิ่ง วี่แววของผู้รอดชีวิตจากก้นสระบัวก็คล้ายกับจะสูญหายตามไปด้วย ทว่า หลังจากนั้นอีกหลายนาทีอันแสนยาวนานเทียบเท่าความรู้สึก ผู้ชายซึ่งกระโดดหายลงไปภายในสระบัวก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมร่างของหญิงสาวอีกคน ที่ถูกเขาแบกติดหลัง ตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งกลับมาด้วย

    กึก...

    สภาพของเธอคนนั้นแต่งกายไม่ได้ต่างจากหญิงชาวบ้านทั่วไป หากแต่เนื้อตัวกลับเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดที่ยังซึมไหลจากปากแผล

    ฮึก…’ หูได้ยินเสียงสะอื้นของชายคนนั้นดัง เมื่อพาร่างไร้ลมหายใจของผู้หญิงซึ่งเคยเป็นภาพฝันดีของผมขึ้นมานอนเทียบอยู่ริมฝั่ง ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่เขาที่ร้องไห้ แต่รวมถึงผมที่กำลังยืนมองภาพเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน ลืมตาขึ้นสิ แม่จันทน์ผา…ฮึก...’

    เสียงของชายคนนั้นฟังดูโศกเศร้าและน่าสงสาร เช่นเดียวกับเสียงสะอื้นแผ่วๆ ของผมที่คล้อยตามภาพบรรยากาศที่ได้เห็นเพิ่มขึ้นทุกขณะ หากแต่วินาทีที่เสียงสะอื้นปานจะขาดใจของชายหนุ่มสิ้นสุดลง เสียงตวาดอย่างเกรี้ยวกราดของเขาก็ดังแทรกขึ้นมาแทน

    ฝีมือเอ็งใช่หรือไม่ แม่นิมมานรดี!’

    อะ เอ็งอย่ามาพูดพล่อยๆ นะไอ้วิรุฬ!’ และนั่นล่ะมั้ง คือจุดเริ่มต้นของอดีตบทสนทนาที่ผมไม่เข้าใจในวัยเด็ก ที่นังจันทน์ผามันตาย หาใช่ความผิดข้าแต่ผู้เดียวไม่ เอ็งเองก็มีความผิดมิต่างกัน !’

    ผมไม่ได้เบื่อที่จะฝันเห็นภาพเหตุการณ์ที่ยากจะเข้าใจในวัยเด็ก รู้สึกดีมากด้วยซ้ำไปที่ได้ฝันถึงภาพของผู้หญิงสักคนที่ทำให้ผมรู้สึกหลงรักได้เพียงแรกเจอผ่านภาพฝัน ผมชอบที่จะฝันถึงเธอคนนั้นในฐานะคนรัก แต่ ขณะเดียวกันผมก็รู้สึกเจ็บทุกครั้ง เมื่อภาพในฝันกำลังฉายชัดถึงการได้เธอมาครอบครองอย่างไม่สมเกียรติลูกผู้ชาย

    ไม่รู้เพราะอะไร ผมถึงมีความรู้สึกแบบนั้น อาจเพราะทุกครั้งที่ผมเห็น เธอมักจะแสดงสีหน้าเศร้าสร้อยให้เห็นอยู่ตลอดเวลาล่ะมั้ง หรือไม่ก็คงเพราะคำพูดของผู้ชายคนนั้น

    ให้อภัยพี่เถิด แม่จันทน์ผา…’ ที่มักเอ่ยคำขอโทษยามต้องเห็นใบหน้าเศร้าสร้อยคนรักของตนเอง พี่หาได้ปองร้ายเช่นการกระทำที่พลั้งพลาดผิดไม่…’

    เพียงเพื่อกายนี้เท่านั้นหรือเจ้าคะ ท่านจึงฉุดกระชากน้องลงจากสรวงด้วยกำลังและคาถาอาคม หาได้สนความรู้สึกเช่นนี้ไม่…’ และใช่ ผู้ชายคนนี้ฉุดเธอเพื่อให้ได้มาครอบครองไว้ในกำมือตามความรู้สึกที่เอ่อล้นจนเกินพอดี

    ถึงพี่จักกระทำเช่นนั้น แต่เนื้อกายบริสุทธิ์นี้ พี่หาได้เคยแตะต้องไม่ พี่มิเคยมาดร้ายน้องเลยแม้เพียงสักครา จันทน์ผา…’ ต่อให้รับรู้ว่าระหว่างคนทั้งคู่ ไม่เคยมีอะไรเกินเลยนอกเสียจากเพียงแตะเนื้อต้องตัว อย่างไรแล้วผมก็รู้สึกไม่ชอบความไม่เป็นลูกผู้ชายที่พยายามฝืนใจผู้หญิงที่ตัวเองรักของเขาอยู่ดี

    หากท่านกล่าวเช่นนั้น แล้วไยจึงมิปล่อยให้น้องรับใช้ ร่ายรำอยู่บนสรวง เหตุใดจึงฉุดลักพาตัวน้องลงมาเหยียบเมืองมนุษย์ ปิดกั้นทุกหนทางด้วยฤทธิ์คาถาอาคมเช่นนี้เล่า ? และเหมือนเคย ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่ถูกหญิงสาวคนนี้กำลังต่อว่าและเค้นเอาคำตอบ ที่จำได้มีเพียงประโยคหลังซึ่งฟังเหมือนว่าเธอกำลังเชื่อมโยงใครอีกคนเข้ามาเกี่ยว ราวกับรู้ทัน หรือเป็นเพราะพี่นิมมานรดีเช่นนั้นหรือจ๊ะ ?

    ทำอย่างไรเขาก็ไม่รัก คุณเข้าใจความหมายของประโยคนี้กันไหม ?

    ส่วนผมน่ะ เข้าใจดีเลยหล่ะ ไม่ใช่เพราะเคยประสบพบเจอความรู้สึกเหล่านี้มาตั้งแต่เด็กหรอกนะ แต่ว่ารับรู้ได้จากภาพฝันที่ได้เห็นมากกว่า เพราะในหลายๆ ครั้งที่ภาพในฝันเปลี่ยนไปในแต่ละคืน

    ผมรับรู้ได้ถึงความโกรธแค้นจากผู้ชายเจ้าของชื่อเดียวกัน ที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองหมายปองผ่านทางวาจา ใจ หรือคาถาอาคม แม้จะรู้ว่าความรู้สึกของตนเองส่งไปไม่ถึง แต่ขณะเดียวกันผมก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกลึกๆ ที่เขามีต่อผู้หญิงที่ชื่อจันทน์ผามากด้วยเช่นกัน

    หากก่อนคืนวันอภิเษกเคลื่อนมาถึง น้องมิอาจชนะอาคมที่พี่ร่ายไว้ได้ดั่งความประสงค์ ถึงครานั้นน้องจักยอมกลับคืนสู่เมืองมนุษย์ใช้ชีวิตเช่นปุถุชน อยู่คู่เคียงกายพี่เช่นนี้ไปตราบชั่วชีวิต…’ และเพราะรักมาก จนไม่อาจปล่อยเธอให้ห่างกายได้อีกเป็นหนที่สอง คำพูดที่เหมือนไม่รู้สึกอะไรจึงลอดผ่านปากจากชายคนเดิม

    หากแม่จันทน์ผาหมายให้คำมั่นต่อพี่เช่นนั้น พี่จักรอ…’ ที่เป็นแบบนั้นคงเพราะเขารู้อยู่แก่ใจล่ะมั้ง ว่าเธอไม่มีทางเอาชนะคาถาอาคมของตนเองได้...

    ผมไม่รู้เลยว่าหลังสิ้นเสียงรับปากที่ได้ยินในฝัน จะมีสิ่งใดเกิดขึ้นต่อจากนั้น เพราะสิ่งเดียวที่ผมจำได้ติดตา คือภาพฝันที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเรื่องที่เคยดีให้กลายเป็นฝันร้ายซึ่งไม่น่าจดจำที่สุด

    ผมเห็นร่างของผู้หญิงที่ชื่อจันทน์ผา ถูกจัดเนื้อแต่งตัวด้วยชุดนางรำอย่างสมเกียรติ ราวกับว่าชุดที่เธอกำลังสวมใส่อยู่นั้น คือความฝันสูงสุดในชีวิตที่ปรารถนา ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่ว่าเรือนร่างได้รูปในชุดนางรำของเธอนั้นกลับค่อยๆ ถูกคล้องเชือกรอบรัดลำคอและดึงสูงขึ้นไปแขวนอยู่บนกิ่งก้านของไม้ใหญ่ต้นหนึ่งภายใต้ท้องฟ้าซึ่งถูกความมืดดำฉาบไว้

    สถิตอยู่ในสรวงจนกว่าจักถึงเวลาอุบัติใหม่เถิดหนาแม่จันทน์ผา…’ ผมไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ชายคนนั้นกำลังพนมมือบริกรรมคาถากึ่งกล่าวคำพูดออกนั้น มันคืออะไรในวัยเด็ก แล้วทำไมเขาถึงได้ทำแบบนั้นกับผู้หญิงที่ตัวเองรักที่สุด หากแม้นดวงจิตถึงคราวอุบัติใหม่แล้วไซร้ ขอให้ความบริสุทธิ์ในตัวเจ้า ส่องสว่างดั่งเม็ดทับทิมมากค่า ต้องตาพี่ให้หลงใหล จดจำ ให้คืนกลับมาพบเจอกันดั่งเช่นนี้ภพชาตินี้…’

    แม้ไม่เข้าใจ ทว่า ทันทีที่สิ้นเสียงเป่าคาถา ลมปากที่ชายคนดังกล่าวพ่นออกมานั้นกลับปรากฏเป็นหมอกควันสีทมิฬ ลอยขึ้นสู่นภาสีทึบ

    ท่านท้าวขอรับแย่แล้ว !’ พร้อมเพรียงกับเสียงเอะอะโวยวายภายผู้คนภายในวังที่ลอดดังขึ้นจากภายในรั้วกำแพงสูงสีขาวเบื้องหน้าภายในคืนเดียวกัน

    มีเหตุอันใดรึ ท่านมหาอุปราชรามสูร ไยจึงโหวกเหวกเสียดังมิเกรงอกเกรงใจเรากับอนุชายามเตรียมทัพออกล่าตัวไอ้ยักษ์เนรคุณเช่นนี้เล่า?’ ทั้งที่มองไม่เห็นต้นเหตุและที่มาของเสียงโวยวาย แต่ผมกลับได้ยินเสียงพูดคุยของผู้คนภายในซึ่งดูจะรีบร้อนและร้อนได้อย่างเต็มหู

    ยามนี้ไอ้กุมภัณฑ์ บุกรุกขึ้นสู่แดนสรวง พังทำลายชีวาผู้บริสุทธิ์แล้วขอรับท่านท้าว…’ 

    เช่นเดียวกับเสียงร่ายเป็นหนสุดท้ายของชายคนเดิม

    ทุกคาถามนต์ตราที่เคยสำฤทธิ์ผล กูขอทวงคืนทั้งหมดทั้งสิ้น กลับคืนสู่กายกู เปิดหู เปิดเนตร เปิดทวาร ทุกสรรพสิ่งให้กลับคืนอึก…’ หากแต่นั่นก็ตามมาด้วยภาพที่ไม่น่าดู เมื่อมีดสั้นลงอาคมถูกผู้ส่งเสียงร้องขอใช้มันจ้วงแทงไปยังท้องของตัวเองอย่างไม่กลัวความเจ็บหรือความตายจนเลือดสีแดงฉานไหลทะลักราวกับใช้เป็นเครื่องสังเวย กะ กลับคืนสู่กู ผู้เป็นนาย…’

    และภาพสุดท้ายที่ผมจำได้ ก่อนที่ชายคนนั้นจะหมดลมหลังจากใช้มีดสั้นบากท้องตัวเอง คือร่างของเขาที่พยายามฝืนลมหายใจรวยริน เฮือกสุดท้าย กลับมายังสระบัวซึ่งน่าจะเป็นที่เดียวกับที่ผู้หญิงที่ตนรักเสียชีวิต

    อึกรอพี่ด้วยหนา แม่จันทน์ผา ก่อนตัดสินใจกระโดดทิ้งตัวลงสู่ก้นสระ ปลิดลมหายใจเฮือกสุดท้ายของตนเองแบบไม่คิดรีรอ

    ตูมมมม!

    และผมมักสะดุ้งตื่นเมื่อเสียงกระแทกผิวน้ำดังขึ้น 

    ตอนนั้นผมกลัวเหลือเกิน กลัวที่จะมองเห็นภาพเหล่านี้ซ้ำๆ ในทุกคืน ยิ่งด้วยชื่อในตอนนั้นดันมีชื่อเรียกเดียวกับผู้ที่ตายในฝัน การพบเห็นสถานที่เป็นบ่อน้ำหรือสระน้ำ จึงเป็นเรื่องชวนหลอนประสาทและน่าหวาดกลัวตลอดมา

    โยม ลูกของโยมผู้นี้ มีชื่อว่าวิรุฬงั้นหรือ ?

    ค่ะหลวงตา มีอะไรหรือเปล่าคะ ? จนกระทั่งเมื่อมีโอกาสได้ไปกราบไหว้พระกับครอบครัว ผมจึงได้ฤกษ์เปลี่ยนชื่อจากวิรุฬมาเป็นเขตแดนในที่สุด

    วิรุฬคือชื่อของผู้แบกกรรมหนัก ลูกโยมมีเคราะห์กรรมที่ติดตามตัวมา หากให้ดีอาตมาอยากให้เด็กคนนี้เป็นเหมือนพื้นดินกั้นเขตระหว่างเคราะห์กรรม

    กั้นเขตระหว่างเคราะห์กรรมหรือคะ หลวงตา ?

    อืมเขตแดนระหว่างสองภพ ที่คนธรรมดาไม่อาจก้าวข้ามผ่านขึ้นไปรบกวนผู้คนบนนั้นได้ สิ่งที่หลวงตาบอกกับแม่ในตอนนั้นฟังแล้วให้ความรู้สึกแปลก ถึงโดยรวมจะฟังแล้วเข้าใจยาก แต่ผมรู้ว่าประโยคเหล่านั้นมันมีความหมายซ่อนอยู่ 

    ส่วนแม่ซึ่งเชื่อเรื่องพวกนี้เป็นเดิมทุนอยู่แล้ว ก็ไม่ได้รอช้าที่จะหยิบยกถ้อยคำจากปากหลวงตามาตั้งเป็นชื่อให้

    และเขตแดนนั่นหล่ะ คือชื่อผม...

    ซึ่งมันคงจริงอย่างที่หลวงตาว่า เพราะภาพฝันร้ายที่เคยเห็นก็ค่อยๆ ลดหายไปจากความคิด ผมไม่ค่อยฝันถึงเรื่องราวประหลาดเหล่านั้นอีก ราวกับภาพฝันร้ายมันได้ถูกปิดกั้นไปตามดังคำบอกกล่าวนับตั้งแต่ชื่อถูกเปลี่ยน 

    ถึงอย่างนั้นผมก็ยังจดจำภาพฝันบางส่วนได้แม่นยำอยู่ดี...

    อาจเพราะเวลาที่หมุนวนไปในแต่ละวันล่ะมั้งมันเลยทำให้ภาพฝันที่เคยติดอยู่ในหัวตั้งแต่วัยเด็กลดเลือนจางลงตามไปด้วย จนรู้สึกว่าบางที่ฝันบ้าๆ นั่นอาจเป็นเพียงแค่ฝันร้ายทั่วๆ ไปของเด็กคนหนึ่งเท่านั้น ทว่า 

    ทับทิม วันนี้ไปอยู่ที่ห้องนาฏศิลป์เป็นเพื่อนหน่อยสิ ฉันไม่อยากซ้อมรำคนเดียวเลย’ ทุกอย่างที่เคยคิดและควรถูกลืมไปตามกาลเวลา มันก็ได้หวนกลับมาให้นึกถึงและรู้สึกชัดเจนอีกครั้ง เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งได้ก้าวเข้ามาในชีวิต

    ได้ยังไงล่ะเมรี วันนี้ทับทิมต้องไปซื้อหนังสือกับฉันก่อน!’ เธอคือผู้หญิงหน้าตาทั่วไป ไม่ได้สวยหรือดูโดดเด่นตรงไหน ซ้ำยังชอบใส่แว่นตาหนาๆ ดูเฉิ่มและเชย ไม่ต่างจากชุดนักศึกษาที่แทบจะปิดเนื้อกายมิดชิด

    งั้นเดี๋ยวฉันไปซื้อหนังสือกับไวเกลก่อน ซื้อเสร็จแล้วค่อยกลับไปอยู่กับเมตอนซ้อมรำเอาไหม ?’ เธอคนนั้นมีชื่อว่าทับทิม

    หากแม่จันทน์ผาขึ้นไปอยู่บนสรวง พี่นี้คงไม่วายคำนึกถึงจวนเจียนจะขาดใจ วินาทีแรกที่มีโอกาสเห็นเธอจากมุมหนึ่งของโต๊ะม้าหินภายในสวนระหว่างตึกคณะ ข้าหมายอยากร่ำเรียนวิชาอาคมจนแก่กล้า มีวิชาเหนือฟ้าเหนือดิน เหยียบขึ้นฟ้า หมายยลเห็นนางฟ้าบนสรวงได้สักคราให้หายจากการคำนึงหา

    ภาพทุกภาพที่เกือบลืมไปแล้วกลับค่อยๆ ผุดกลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง ไม่ว่าจะภาพหรือเสียง 

    โธ่ ท่านวิรุฬล่ะก็ ทำฉันตกอกตกใจเสียหมด

    ได้ข่าวคราวมาว่า แถวนี้จักมีนางสวรรค์ลงมาเก็บดอกบัวในทุกเช้า พี่จึงได้มาดักรอ มิคิดเลยว่านางสวรรค์ที่พวกชาวบ้านล่ำลือกันนั้นจะเป็นเจ้า…’ ราวกับทุกฉากที่แล่นผ่านเข้ามานั้นต้องการจะตอกย้ำภาพจำที่พยายามลืมให้คืนกลับมา โดยเฉพาะภาพใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น

    สุขสบายดีทั้งฉันและพี่นิมมานรดีเจ้าค่ะ…’

    ตลอดเวลา ผมพยายามลืม พยายามไม่นึกถึงภาพฝันเหล่านั้น ปฏิเสธทุกวิถีทางยามที่ภาพจำทั้งหมดภาพเจนชัดในความคิด แต่ขณะเดียวกันผมก็ไม่สามารถปฏิเสธใจตัวเองได้ ว่านับตั้งแต่แรกที่ผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวขึ้นในสายตา ความรู้สึกที่เป็นขณะนั้นดันเริ่มตื่นตัว ไม่ต่างจากที่ผู้ชายคนนั้นที่มีต่อผู้หญิงที่ชื่อจันทน์ผาเลยแม้แต่นิด

    และผมโกรธ โกรธที่การมาของเธอคนนั้น ซึ่งนำพามาด้วยเรื่องที่อยากจะลืม

    พนันเหล้ากับกูไหมแดน คบกับผู้หญิงหน้าบ้านได้สัก 3 เดือน กูเลี้ยงเหล้าเลยลังหนึ่ง ?

    จัดไปดิครับ

    เอาคนไหนดิวะ น้องปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่ป่ะ หน้าตาบ้านนอกดดีเพราะแบบนั้นเสี้ยวอารมณ์วูบหนึ่งที่รู้สึกโกรธ จึงส่งผลให้ผมทำเรื่องแบบนั้นลงไป

    คนนี้ดีกว่าป่ะ ที่ชื่อทับทิม เรียนอยู่คณะใกล้ตึกเราอ่ะ

    ผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ มีตั้งเยอะทำไมมึงถึงอยากพนันกับกูเพราะผู้หญิงคนนั้นวะแดน ?’

    ทับทิมน่ะเหรอ?’ และผมไม่รู้เลยว่าที่ตัดสินใจทำแบบนั้น เป็นเพราะความต้องการของตัวเองหรือเป็นความโกรธแค้นบางส่วนจากการรักข้างเดียวของผู้ชายคนนั้นที่ติดมาจากภาพฝัน กว่า

    เออ เด็กปีหนึ่งหนึ่งคณะเราแม่งก็เฉิ่มไม่แพ้กัน ไม่ไม่เลือกน้องคนนั้นแทนวะ จะได้ไม่ต้องเดินข้ามตึกคณะ

    กูแค่อยากเอาคืนมั้ง กว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองนั้นได้พลั้งพลาดทำเรื่องระยำแบบนั้นลงไปก็คงเป็นตอนที่ผมกำลังรู้สึกจนเหมือนจะขาดใจ เมื่อเห็นบนสองข้ามแก้มเปียกปอนของทับทิมเปียกปอนไปด้วยน้ำตา จนอดคิดไม่ได้ว่า... 

    ฮึกเราดูโง่มากเลยใช่ไหม เขตแดน…’  

    ตอนนั้นผมแม่งกำลังทำเรื่องบ้าอะไรอยู่วะ

    ผมควรขอโทษเธอแต่ว่า ระหว่างเราที่เหมือนถูกตัดขาดออกจากกันด้วยการหลบหน้าและหนีหายไปจากสายตา มันทำให้ผมเหมือนคนสูญเสียสมาธิจากทุกสิ่ง ผมไม่สามารถรู้สึกแบบนี้กับใครอีกได้นอกจากผู้หญิงคนนั้นทั้งที่เราทั้งคู่เพิ่งมีโอกาสได้พบเจอกันไม่ถึงสี่เดือนเสียด้วยซ้ำ

    มันเหมือนกับว่าภาพฝันที่เคยอยู่ในหัวของผู้ชายคนนั้น มันกำลังเกิดขึ้นจริงไม่มีผิด ทั้งที่รู้ดีว่าควรจะทำอะไร แต่ว่า ผมก็ขี้ขลาดเกินกว่าที่จะเข้าหาเพื่อบอกความรู้สึกที่มีให้เธอรับรู้ เพราะแบบนั้นล่ะมั้ง กาลเวลาจึงเริ่มลงโทษให้คนเลวคนนี้รู้สึกเจ็บกลางใจ ทุกครั้งเมื่อเผลอนึกถึงใบหน้าของทับทิมตอนร้องไห้ขึ้นมา

    และผมเจ็บ จนแทบจะทนไม่ไหว...

    หลังจากนั้น ในแต่ละวันผมใช้ชีวิตภายในรั้วมหาวิทยาลัยและชีวิตประจำวันอย่างยากลำบาก เมื่อจิตใต้สำนึกยังเอาแต่ร้องหาผู้หญิงที่ชื่อทับทิมนั่นไม่ยอมหยุด 

    ผมรักเธอ...รักมาก เป็นแบบนี้ได้อย่างไรก็ไม่รู้

    ทั้งที่เธอไม่ได้โดดเด่นเทียบเท่ากับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว จนวูบหนึ่งในหัวก็เผลอนึกคำพูดในฝันขึ้นมาได้

    หากแม้นดวงจิตถึงคราวอุบัติใหม่แล้วไซร้ ขอให้บริสุทธิ์ส่องสว่างดั่งเม็ดทับทิมมากค่า ต้องตาพี่ให้หลงใหล จดจำ ให้คืนกลับมาพบเจอกันดั่งเช่นนี้ภพชาตินี้…’

    งี่เง่าน่า! ผมสบถบอกตัวเองแบบนั้น ทุกครั้งที่นึกถึงคำพูดในฝัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลังพลั้งพลาดทำเรื่องแย่ๆ ใส่เธอไปแบบนั้น ผมคือผู้ซึ่งต้องจมอยู่ท่ามกลางความเจ็บปวดและไม่อาจมองหาใครได้อีกนอกจากเธอ และทำได้เพียงหวังว่าสักวัน ผมจะกล้าหาญมากพอ เป็นฝ่ายเดินกลับไปขอโทษเธอด้วยตัวเอง

    แม้ภาพจำในฝันจะยังคงตามมาเวียนเวียนให้นึกถึง แต่อย่างไรเสียผมก็ยังเชื่อมั่นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาปัจจุบันมากกว่าจะงมงายไปตามภาพฝันที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง  เพราะตอนนี้ผมเองก็กล้าหาญมากขึ้นแล้ว มากพอที่จะพาตัวมาหยุดยืนเคียงข้างทับทิมเหมือนเก่าอีกครั้ง ต่อให้ผมยังคงรู้เจ็บไม่ต่างจากที่ผ่านมาก็ตาม

    ทั้งที่ไม่เคยเชื่อภาพฝันไม่เคยงมงาย เอาปฏิเสธเพื่อหยุดการหวนระลึกนึกถึง ทั้งที่ทั้งหมดนั่นควรเป็นแค่ภาพฝันธรรมดาแท้ๆ 

    แล้วทำไมล่ะ

    ประดับผมทับทิมชิ้นนั้น ถูกมั่นหมายยกให้แก่หญิงผู้เป็นรักแรกพบสบตาในคืนก่อนวันอภิเษกมาถึง หากแต่กลับถูกคนในขโมย หมายครอบครองเป็นเจ้าของ เช่นนี้แล้วหากพี่มิลงโทษให้เข็ดหลาบ ผู้อื่นคงมิแคล้วกระทำเป็นเยี่ยงอย่างเป็นแน่…”

    ทำไมผมถึงต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้

    มันก็ถูกแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ ที่ประดับชิ้นนั้นจะถูกขโมย! ในเมื่อผู้หญิงที่ท่านต้องพบสบตาจนเกิดเป็นความรักน่ะ มันคือแม่จันทน์ผาไม่ใช่แม่นิมมานรดี

    กึก

    สิ้นเสียงของทับทิมที่ดังแว่วขึ้นจนผมสะดุ้งจากการหลับใหลและเผลอกำกระชับฝ่ามือเรียวไว้กับตัว หากแต่การตอบสนองหลังจากสะดุ้งตื่นจากห้วงนิทราในลักษณะ กลับทำเสียงพูดคุยที่เคยดังขึ้นอย่างต่อเนื่องก็คล้ายจะหยุดตามลงไปด้วย

    ผมไม่กล้าที่จะลืมตาขึ้นมองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ทำได้แค่ปล่อยให้ความเงียบของบรรยากาศเข้าแทรกเท่านั้น ซึ่งไม่นานนัก เสียงเข้มของผู้ชาย เจ้าของสำเนียงโบร่ำโบราณ ก็ดังความเงียบขึ้น

    แท้จริงแล้ว แม่จันทน์ผาเองก็เคยกล่าวไว้เช่นนั้นหากว่าแม่จันทน์ผาคือแก้วตาดวงใจที่พี่พบรัก ไฉนเลยที่ผ่านมาพี่จึงไม่รู้สึกถึงเรื่องราวพรรค์นั้นแม้แต่เพียงสักนิด

    รู้ไหมตอนนี้น่ะ นอกจากอึดอัดแล้ว ผมกำลังรู้สึกอะไร

    เดี๋ยวดิ ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่แฟน แล้วมันเข้ามาอยู่ในบ้านเธอได้ไง !?’

    ละ ลูกพี่ลูกน้องฉันเป็นคนพาเขาเข้ามาอยู่ในบ้านมาเอง ผมกำลังสัมผัสถึงคำโกหกที่เคยได้รับเมื่อหลายวันก่อนจากปากทับทิม 

     แล้วตอนนี้ล่ะเจ้าคะ…” ไม่ว่าจะจากสำเนียงการพูดคุยที่ค่อยข้างแปลกของคนทั้งคู่ ซ้ำยังโบร่ำโบราณราวกับกำลังท่องบทละคร โดยเฉพาะกับเจ้าของเสียงเข้มคนนี้ที่ถูกทับทิมใช้สรรพนามแทนตัวว่าท่าน ท่านพอจะนึกเรื่องของแม่จันทน์ผาขึ้นมาได้บ้างแล้วใช่ไหม ?

    อีกหนที่ร่างทั้งร่างเริ่มเกร็งจัดระคนสับสนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผมให้ผมเผลอกระชับรอบมือเธออีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ

    หากปฏิเสธ พี่คงไม่แคล้วต้องกลายเป็นผู้โป้ปดเป็นแน่…” แต่ดูเหมือนว่าในหนนี้ บทสนทนาที่เข้มข้นขึ้นระหว่างคนทั้งคู่นั้น ดูจะไม่ได้ทำให้เธอสนใจกับปฏิกิริยาตอบรับทางกายผมเท่าไหร่นัก ถึงแม้นระลึกถึงเรื่องราวระหว่างกันมิได้มาก เทียบเท่าเรื่องของดวงใจ อย่างไรเสียภาพจำของแม่จันทน์ผานั้นไซร้ก็คงมิเคยเลือนรางจากไปจากห้วงความคิด พี่ยังคงนึกถึงภาพใบหน้ายามที่เรามีโอกาสพบปะกัน เช่นที่บอกเคยกล่าวไว้

    แล้วท่านเริ่มมีความรู้สึกอยากนึกถึงเรื่องของแม่จันทน์ผาตั้งแต่เมื่อไหร่อย่างนั้นหรือเจ้าคะ ?” 

    หัวใจผม มันกำลังเต้นแรงเพิ่มมากขึ้นทุกวินาที เมื่อบทสนทนาแสนแปลกที่เหมือนหลุดจากภาพฝันร้ายในอดีตยังคงดังอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเสียงตอบซึ่งฟังดูสอดคล้องกับ เรื่องราวที่เคยปรากฏขึ้นในฝัน

    นับจากวันที่ทหารวัง พบร่างแม่จันทน์ผาห้อยคอใต้ต้นมะกอกกระมังสืบด้วยในช่วงคืนยามนั้นภายในวังกำลังวุ่นวายกับจัดเตรียมทัพ หมายออกไล่ล่าไอ้กุมภัณฑ์ เหตุการณ์ในคืนนั้นจึงเป็นเรื่องที่ผู้คนในวังมิอาจลืมเลือนในจากกมลนึกคิด” 

    นอกจากเสียงเข้มโบร่ำโบราณของชายคนนั้นแล้ว ที่แทรกเพิ่มเติมเข้ามาก็คงเป็นเสียงของชายที่ชื่อวิรุฬจากภาพฝันในอดีตด้วยเช่นกัน

    ทุกคาถามนต์ตราที่เคยสำฤทธิ์ผล กูขอทวงคืนทั้งหมดทั้งสิ้น กลับคืนสู่กายกู เปิดหู เปิดเนตร เปิดทวาร ทุกสรรพสิ่งให้กลับคืนอึกกะ กลับคืนสู่กู ผู้เป็นนาย…’

    สงครามปราบยักษ์มาร…” วินาทีที่เมื่อเสียงแว่วจากภาพฝันสิ้นสุดลง เสียงที่ตามมาคือคำพูดของทับทิม ราวกับเธอรับรู้และเข้าใจในสิ่งที่ชายอีกคนพูด แปลว่าแม่จันทน์ผาเสียชีวิตก่อนที่แม่นิมานรดีจะถูกกุมภัณฑ์ฆ่าตายในสงครามใช่ไหมเจ้าคะ ?

    หากนับฤกษ์ยามแล้วล่ะก็ ถูกต้องดั่งที่แม่ทับทิมว่า…”

    แล้วชายชาวบ้านที่ชื่อวิรุฬคนนั้นล่ะเจ้าคะ ?” มิหนำซ้ำเสียงของเธอยังฟังดูร้อนรนราวกับว่ากำลังค้นหาคำตอบในตอบในสิ่งที่ต้องการได้จากบทสนทนา และไม่ปฏิเสธว่าผมเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน ยามต้องได้ยินชื่อของชายในฝันคนนั้นผ่านบทสนทนาของคนทั้งคู่ชายชาวบ้านที่ชื่อวิรุฬ ที่ท่านบอกว่าเขาคือจอมขมังเวทย์ล่ะเจ้าคะ ในช่วงเวลานั้น เขาอยู่ที่ไหน ?

    พี่เคยบอกแล้วมิใช่รึ ว่าพี่นั้นหาได้สนใจการเป็นอยู่ของไอ้วิรุฬมันไม่ซึ่งถ้าผมไม่ได้เป็นบ้าจนฟังสิ่งที่คนทั้งพูดคุยกันผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง ดูเหมือนว่าทั้งหมดนั่นจะเกี่ยวข้องกับความฝันของผมทั้งหมดทั้งสิ้น รู้จากคำลือว่ามันทำอัตวินิบาตกรรมตนเอง สิ้นชีวาวายในสระบัวแต่เพียงเท่านั้น

    กึก

    สิ้นเสียงบอกกล่าวหากแต่ดูมีอำนาจไปจากทุกที อีกหนที่ร่างกายเผลอเกร็งจัดตอบรับตามเสียงที่ได้ยิน และเผลอกำกระชับฝ่ามือเธออีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ ซึ่งนั่นก็พลอยให้บทสนทนาที่ผมลอบรับฟังอยู่มีอันต้องขาดช่วงลงไปเป็นอีกครั้ง 

    ไม่ใช่เพราะบทสนทนาของคนทั้งคู่ขาดช่วงไป แต่เป็นเพราะในหัวผมตอนนั้น ดันมีเสียงใครคนหนึ่งดังแทรกขึ้นมาแทนมากกว่า

     ‘หลงใหลได้ปลื้มแม่จันทน์ผามิใช่รึท่านวิรุฬ แล้วไยจึงไม่บอกกล่าวความในใจออกไปเล่า…’ เสียงดังกล่าว คือเสียงของผู้หญิงสาวหากแต่ฟังดูคุ้นหูละม้ายคล้ายกับภาพในฝัน ซ้ำเสียงของเธอ ยังเริ่มดังกลบทับทุกเสียงรอบกายให้ได้ยินชัดเจนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเมื่อยามนี้นั้นไซร้ อาคมในมือท่าน สามารถฉุดสรวงให้ลงมาคู่เคียงกับเมืองมนุษย์แค่เพียงเป่าคาถา

    นอกจากเสียงของเธอแล้ว ช่วงเวลาเดียวกันความว่างเปล่าทางความคิด ก็เริ่มผุดภาพกระท่อมไม้ขนาดเล็กกลางป่าให้ได้เห็น ซึ่งมันดูเหมือนภาพฝัน

    ฝันที่ผมเอง ก็เกือบจะลืมไปแล้ว

    หากกระทำเช่นนั้น เมืองมนุษย์และนครยักษ์อาจก่อเกิดสงครามก็เป็นได้…’ แม้จะห่างไกลจากภาพฝันร้ายมาหลายปี แต่ผมก็จำเสียงของผู้ชายที่ชื่อซ้ำกับผมเมื่อวัยเด็กได้อยู่ดี อีกทั้งพี่คงมิมีวันต่อกรกับมหาอำนาจเช่นท่านท้าวอสุเรนทร์และท่านอสุรา ด้วยเพียงอาคมเล็กน้อยในมือเป็นแน่

    แล้วไยจึงต้องหวาดเกรงเล่า ท่านวิรุฬ ในเมื่อยามนี้นั้นไซร้ มีคนของสรวงเช่นฉันอยู่ทั้งคน แม้สำเนียงการพูดจาระหว่างคนทั้งคู่จะฟังดูสุภาพแปลกหู ผิดจากภาพฝันที่ยังหลงเหลือไปบ้าง อย่างไรแล้วผมก็จดจำได้ว่าเสียงดังกล่าวคือเสียงของใครอยู่ดี

    หากว่าเช่นนั้น งั้นเอ็งลองบอกประสงค์ให้ข้าฟังเสียหน่อยได้หรือไม่ แม่นิมมานรดี ?

    นังจันทน์ผากับอนุชาท้าวนครยักษ์… ท่านเองก็ชอบพอนังจันทน์ผามันอยู่มิใช่หรืออย่างไรเล่า หรือท่านจักยอมปล่อยให้หญิงที่รักตกเป็นของผู้อื่นเช่นนั้นรึ ท่านวิรุฬ ?ถ้อยคำมากมายที่ดังขึ้นในหัวคราวนี้ ให้ความรู้สึกแตกต่างจากสมัยก่อนโดยสิ้นเชิง จากที่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย เวลานี้กลับตรงกันข้าม

    ยิ่งด้วยมีเสียงสนทนาระหว่างทับทิมกับชายแปลกหน้าเจ้าของวาจาภาษาแปลกนั่นดังให้ได้ยินก่อนหน้าด้วยแล้ว ทุกอย่างก็คล้ายกับจะสอดคล้องกันไปเสียหมด  

    ท่านได้นังจันทน์ผาไป ส่วนฉันได้ครองรักกับอนุชาเจ้าเมืองนครยักษ์ ฟังแล้วมิสมน้ำสมเนื้อกันหรอกรึ ?ผมไม่รู้ว่าชายที่ชื่อวิรุฬคนนั้นกำลังรู้สึกอย่างไรต่อถ้อยคำที่กำลังได้ยิน แต่สำหรับผมแล้วในอกกลับเกิดอาการลังเลขึ้นมา ราวกับเสียงที่ได้ยินอยู่ในหัวเวลานี้กำลังเกิดขึ้นจริง

    ขืนชักช้าร่ำไร จักไม่ทันการณ์เอานะท่าน…’ ยิ่งด้วยมีเสียงเร่งเร้าจากหญิงสาวคนเดิมคอยกดดันด้วยแล้ว เห็นแก่ความเป็นสหายระหว่างเราครั้งเมื่อยังเยาว์และความรักที่ท่านกับนังจันทน์ผาจักมีให้ต่อกันในภายภาคหน้าสิเจ้าคะ…’

    สุดท้ายเสียงที่ตอบโต้ที่ดังขึ้นหลังจากนั้นจึงออกมาในรูปแบบนี้ในที่สุด

    ได้! หากเช่นนั้นข้าจักช่วยเจ้า…’ และนั่นล่ะมั้ง ที่เป็นเหตุผลว่าทำไม ตลอดเวลาที่มองเห็นภาพฝันชายคนนี้อยู่กับแม่จันทน์ผา ผมถึงรู้สึกว่ามันดูไม่สมเกียรติเอาเสียเลย แล้วจงอย่าลืมคำมั่นที่ให้ไว้เล่า แม่นิมมานรดี

    ฉันหาใช่ผู้ชอบผิดคำสัตย์ไม่ ท่านวิรุฬ โปรดจงไว้ใจ…’ สิ้นเสียงรับปาก พิธีกรรมพร้อมด้วยเสียงสวดคาถาแสนคุ้นหูก็เริ่มดังกึกก้องขึ้น ท่ามกลางลมฟ้าลมฝนที่โหมพัดเข้าสู่กระท่อมหลังเล็กอย่างไร้ที่มา

    สัมภเวสี ผีป่า ตายห่า ตายโหง และทุกอุปราคาจงสถิตรวมตัวกันตรงหน้า รับฟังเสียงกูผู้เป็นนาย…’ 

    หากแต่ลมพายุที่โหมขณะพิธีกรรมกำลังเริ่มต้น ก็ไม่อาจทำให้ผู้เรียกหาเหตุวิปโยครู้สึกสะทกสะท้านต่อเหตุอาเพศโดยรอบกระท่อม  ซ้ำยังดำเนินพิธีของตนเองอย่างต่อเนื่อง ขณะปากยังร่ายคาถาทำพิธีไม่หยุด 

    ให้เสน่หาใคร่ครวญหลงสะกดติดอยู่บนเนื้อกาย ปิดหู ปิดเนตร ปิดทุกรูทวารของทุกสรรพสิ่งยามเมื่อกายนี้ย่างเหยียบหยัดลงสู่ธรณี ให้หลงลืม ให้หมดสิ้นจากห้วงคำนึก เสพกาย หลงกาย หลงเพียงรูปลักษณ์ของผู้สังเวยสีชาดนี้แก่ท่านเพียงรูปเดียวเท่านั้น!’

    สิ้นเสียงมีดสั้นปลายแหลมลงอาคมก็ถูกผู้ทำพิธีบรรจงกรีดลงบริเวณปลายนิ้วของผู้ร่วมพิธีโดยทันที

    ฟึ่บ!

    เลือดสีสดที่เริ่มซึมไหลจากปากแผลค่อยไหลย้อยไปตามเรียวนิ้วและโครงมืออย่างเชื่องช้า พร้อมเพรียงหมอกจางๆ และควันสีทมิฬซึ่งเริ่มเคลื่อนคล้อยราวกับห้อมล้อมกระท่อมทั้งหลังเอาไว้ราวกับรับรู้ถึงเสียงเรียก แต่ทันทีที่สีชาดนางสวรรค์หยดลงสู่พื้นธรณี หมอกควันและความดำมืดก็พุ่งเข้าโอบล้อม ปกคลุมเรือนร่างได้รูปของหญิงสาวเบื้องหน้าตามเสียงสั่ง ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าอันแสนน่ากลัวด้วยเช่นกัน

    เปรี้ยงงง!!

    ผมสะดุ้งเฮือกเล็กน้อยจากภาพวังวนที่ได้เห็น พร้อมเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นไปทั่วทุกพื้นที่ของความคิดราวกับว่าเสียงฟ้าที่ดังอยู่ในช่วงเวลานั้นกำลังเกิดขึ้นจริงก่อนตามมาด้วยเสียงหวานเสียงคุ้นเคยที่ช่วยฉุดผมให้หลุดออกจากภวังค์กึ่งหลับกึ่งตื่นให้กลับสู่ช่วงเวลาปัจจุบันได้อย่างแท้จริงอีกครั้ง

    จะพอเป็นไปได้ไหมเจ้าคะ หากผู้ชายที่ชื่อวิรุฬคนนั้นจะใช้อาคมที่ตัวเองมี ทำอะไรบางอย่างใส่ท่าน…” มันโคตรเป็นตลกร้าย ที่คำพูดกึ่งข้อสันนิฐานของทับทิมในหนนี้ฟังดูสอดคล้องกับเสียงแว่วหลอนในหัวเมื่อครู่ราวกับนัดแนะกันมา ประมาณว่าที่ท่านจดจำเรื่องของแม่นิมมานรดีได้อย่างเดียวนั้น อาจจะเกิดจากฝีมือของผู้ชายคนนั้น

    แล้วเหตุใดไอ้วิรุฬจึงประสงค์ให้พี่จดจำเพียงแค่แม่นิมมานรดีเล่า…”

    “กะ ก็เขารักแม่จันทน์ผาไม่ใช่หรือเจ้าคะ ส่วนแม่นิมมานรดีก็อาจจะชอบท่าน... ใช่! มันควรเป็นเรื่องตลกร้ายเท่านั้น แต่ว่ายิ่งได้ยินเสียงทับทิมพูดบทสรุปมากเท่าไหร่ เสียงที่อยู่ในใจกลับร่ำร้องในสิ่งที่ตรงกันกับข้อสันนิฐานบ้าๆ นั่นมากเท่านั้น

    แม่ทับทิมจักกล่าวว่า แท้จริงแล้วแม่นิมมานรดีนั้นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นนั้นรึ ?

    มะ ไม่รู้เจ้าค่ะ ฉันก็แค่พูดตามสิ่งที่คิดท่านเองก็เจอแม่นิมมานรดีแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ ทำไมไม่ทำให้เขาระลึกอดีตชาติของตัวเองแบบที่ทำกับฉัน แล้วถามเธอด้วยตัวเองล่ะเจ้าคะ ?ระลึกอดีตชาติงั้นเหรอ

    บ้าน่า เรื่องแบบนั้นมันจะไปมีจริงได้อย่างไรกัน ?

    พี่กระทำเช่นนั้นมิได้แม้นได้พบเจอดวงใจสมดั่งที่ปรารถนา กระนั้นแล้วบางสิ่งยังคงขวางกั้นไว้ พี่มิอาจเอื้อนเอ่ย สื่อสารความใดให้ดวงใจรับรู้ได้ ไม่ว่าจักในรูปกายใดก็ตามที…” ต่อให้จดจำเสียงเข้มและสำเนียงแปลกของผู้พูดได้ ถึงอย่างนั้นกลับมีบางอย่างดลจิตดลใจ นำพาความรู้สึกหวังเห็นหน้าผู้พูดอีกครั้งสักครั้งอย่างไร้เหตุผล จนไม่รู้เลยว่าที่อยากมองหน้ามันตอนนี้เป็นเพราะบทสนทนาแปลกๆ ที่กำลังเกิดขึ้น หรือเป็นเพราะจิตใต้สำนึกของตัวผมเองกันแน่ นับแต่ลงมาเหยียบเมืองมนุษย์ ทุกสิ่งที่พี่คะเนไว้คล้ายกับผิดเพี้ยนไปเสียหมด

    เหยียบเมืองมนุษย์งั้นเหรอ ไอ้เวรนี่กำลังพูดเรื่องบ้าอะไรวะ ?

    มันผิดเพี้ยนตั้งแต่ที่ท่านมั่นใจว่าฉันคือแม่นิมมานรดีแล้วล่ะเจ้าค่ะ แล้วก็... ไอ้ที่ฉันพูดเมื่อกี้ ท่านไม่ต้องใส่ใจก็ได้นะเจ้าคะมันเป็นเพียงแค่ข้อสันนิฐานของฉันคนเดียวเท่านั้น

    ไม่สิ ไม่ใช่แค่ผู้ชายคนนี้แต่รวมถึงทับทิมด้วย สองคนนี้กำลังพูดเรื่องบ้าอะไรวะ !?

    อีกอย่างในภาพนิมิตที่ท่านดลบันดาลให้ฉันอดีตของตัวเองตอนยังเป็นแม่จันทน์ผาน่ะ เสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากเธอ คือคำพูดที่ว่าไม่ต้องตามหาเธอแล้ว หมดหวังแล้ว เท่านั้นมันก็คงจะแปลได้ว่าฉันไม่ควรรู้อดีตของตัวเองมากไปกว่านี้แล้วถูกต้องไหมเจ้าคะ…”

    “…”

    ในเมื่อตอนนี้ท่านได้เจอสิ่งที่ท่านตามหาแล้ว สิ่งแรกที่ท่านควรทำคือการกลับไปหาผู้หญิงคนนั้นพยายามรื้อฟื้นเศษเสี้ยวความทรงจำในอดีตของเธอ แล้วกลับไปครองรักกันตามอย่างที่ท่านต้องประสงค์…” สุดท้ายผมก็ไม่อาจทนรับฟังบทสนทนาแสนพิลึกของคนทั้งคู่ในสภาพเหมือนคนหลับใหลได้อีกต่อไป

    ความเคลือบแคลง อีกทั้งความสงสัยนานาร้อยแปดที่ผสมรวมอยู่ในตัว จึงส่งผลให้ผมตัดสินใจปรือตาขึ้นเล็กน้อยพอให้มองเห็น โดยพุ่งเป้าสายตามองฝ่าความมืดภายในห้องไปยังใครอีกคน กันซึ่งนั่งอยู่บนเตียงนอนตรงกับวิถีสายตาพอดิบพอดี

    ทว่า มันก็กลับเป็นผมเองที่ต้องรู้สึกช็อกต่อความเลือนรางที่ได้เห็นจนเกือบหยุดหายใจ เมื่อภาพที่ปรากฏต่อสายเวลานี้คือร่างสูงใหญ่ของผู้ชายขนาดตัวพอๆ กัน แต่งกายด้วยชุดสีขาวบริสุทธิ์เหมือนพวกยักษ์ในโรงละครจำพวกโขนไม่มีผิด 

    ถึงจะเคยเห็นการแต่งกายในลักษณะนี้ของเขามาแล้วหนหนึ่งก็ตาม หากแต่สิ่งที่แตกต่างออกไปและสร้างความเขย่าขวัญให้แก่ผู้มองเห็น ก็คงเป็นคมเขี้ยวฟันแบบพวกยักษ์ในละครพื้นบ้านซึ่งกำลังปรากฏอยู่บริเวณสองมุมปากนั่นหล่ะ

    วินาทีที่สายตาเผลอสบกับเขากับนัยน์ตาคมของผู้ชายขนาดตัวพอๆ กันแบบไม่ตั้งใจ วินาทีนั้นทุกสิ่งรอบกายคล้ายกับเริ่มเคลื่อนไหวช้าลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ หูทั้งสองข้างของผมมันอื้ออึงไปหมด

    ฉันหาใช่หญิงชาวบ้านเหมือนท่านวิรุฬแล้วนะเจ้าคะ หากกระทำเช่นนั้น จักดูมิดีมิงาม มิถูกมิควรนะอะหากแต่นั่นกลับไม่ใช่กับภาพเหตุการณ์ประหลาดที่เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่กมลความคิดเหมือนน้ำหลาก

    ช่างเรื่องถูกผิดมันประไร ในเมื่อยามนี้ พี่ได้พบเจ้าแล้ว แม่จันทน์ผามิคิดถึงพี่บ้างหรอกรึ ?’

    ปล่อยฉันเถิดนะเจ้าคะ หากชักช้าเกินการกว่านี้ เห็นทีฉันคงมิแคล้วถูกท่านท้าวอสุเรนทร์ลงโทษเป็นแน่ ภาพและเสียงเวลานี้ไม่ใช่ภาพที่ติดจากความฝันในวัยเด็ก แต่เหมือนมีใครสักคนกำลังฉายม้วนฟิล์มเก่าๆ เข้าสู่หัวผมเสียมากกว่า

    น่านะ แค่ชั่วครู่เดียวเอง มิเป็นไรหรอก  

    มิได้เจ้าค่ะ ปล่อยฉันเถิดนะเจ้าคะ ! ทุกอย่างมันเหมือนจริงราวกับกำลังพาตัวเองไปนั่งดูหนังระบบ HD สี่มิติ ไม่ว่าจะน้ำเสียง หรือสัมผัสมือที่พยายามฉุดยื้อผู้หญิงคนเดียวกับภาพฝัน

    ฟึ่บ! ครืนนนน...

    ตึง!! ทั้งหมดนั่นเหมารวมถึงเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าและแรงสั่นสะเทือนของบางสิ่งยามกระทบหยัดเหยียบลงดินในช่วงเวลานั้นด้วยเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่เสียงตะโกนขานชื่อด้วยความตกใจซึ่งคล้ายกับมันได้ดังออกมาจากปากผมเอง

    ทะ ท่านอสุรา!’ ทั้งที่นั่งฟุบหน้าแนบลงกับเตียงนอนแท้ๆ ทว่าตามร่างกายกลับรู้สึกปวดระบมไปทุกส่วน เมื่อเจ้าของเสียงขานชื่อวาดมือออกห่างจากตัวด้วยทีท่าดุดันและดูน่ากลัว หากแต่นั่นกลับตามมาด้วยลมหวนลูกใหญ่ที่พักพาเอาร่างทั้งร่างให้ลอยคว้างกระแทกเข้ากับล้ำต้นไม้ใหญ่

    ยักษ์! นั่นคือสิ่งแรกที่ผมตระหนักได้เมื่อได้เห็นหน้าชายคนดังกล่าวผ่านภาพหลอน โดยเฉพาะเสียงเข้มดุดันที่อีกฝ่ายใช้ต่อว่า

    มึงเป็นเพียงมนุษย์ เหตุใดจึงริอาจแตะน้องนางฟ้านางสวรรค์หาได้เกรงกลัวความผิดไม่…’ ไม่ว่าจะสำเนียงการพูดจาหรือน้ำหนักเสียง ไม่ได้ต่างจากผู้ชายที่กำลังพูดคุยกับทับทิมอยู่บนเตียงนอนเวลานี้เลยแม้แต่นิด ทั้งที่ผมควรตกใจหรือไม่ก็ช็อกกับภาพหลอนที่กำลังเกิดขึ้นในหัวแท้ๆ แต่ว่าสิ่งที่กำลังก่อเกิดขึ้นกับความรู้สึกเวลานี้กลับกลายเป็นอารมณ์หงุดหงิดและโกรธแค้นอย่างไร้สาเหตุ

    เหตุของการลงมาเยือนเมืองมนุษย์ ตัวพี่นั้นตระหนักดีว่าลงมาเพื่อการณ์ใด แม้นได้พบปะดวงใจที่พลัดพรากดั่งประสงค์ หากแต่จิตนึกคิดพี่นั้นไซร้กลับว้าวุ่นอยู่กับสิ่งอื่น…” ซ้ำความรู้สึกเหล่านั้นยังทวีมากขึ้นทุกที เมื่อเสียงจากภาพความจริงดังแทรกเข้ามาพร้อมด้วยการขยับกายเคลื่อนไหวของคู่ชายหญิงบนที่นอน

    สิ่งที่ตามองเห็นจากการปรือขึ้นมองผ่านความมืดหลังภาพและเสียงเหมือนการฉายหนังสิ้นสุดลง คือภาพของผู้ชายใบหน้าละม้ายคล้ายกับยักษ์ไทยในวรรณคดีกำลังถือวิสาสะคว้ามือข้างที่เหลือของทับทิมไปกุมไว้แนบอกตัวเอง

    เสมือนว่า แท้จริงแล้ว ผู้ที่พี่ประสงค์จักพบหน้ามิใช่ดวงใจอย่างที่มุ่งหวัง หากแต่เป็นเจ้าของเสียงหวานที่ดังก้องไกลไปถึงพระนคร…” ถ้อยคำบอกความรู้สึกที่ไม่อาจทำให้คนฟังตีความเป็นอื่นได้ จากปากของผู้ชายเจ้าของใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับยักษ์ในฝันเวลานี้ กำลังผสมผสานเข้ากับเสียงแว่วจากห้วงความฝัน

    ท่านเองก็ชอบพอนังจันทน์ผามันอยู่มิใช่หรืออย่างไรเล่า หรือท่านจักยอมปล่อยให้หญิงที่รักตกเป็นของผู้อื่นเช่นนั้นรึ ท่านวิรุฬ ? เสียงของผู้หญิงที่กำลังบอกกล่าวถึงหญิงอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวผมตอนนี้ตรงไหน แต่ว่า

    ยิ่งนึกถึงโทสะเล็กๆ ในอกก็ยิ่งปะทุขึ้นอย่างไม่อาจห้ามไหว ส่งผลให้ผมเริ่มกำกระชับรอบมือทับทิมที่กุมไว้แน่นมากขึ้นแบบไม่สนว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวหรือไม่ว่าตัวผมเวลานี้ไม่ได้หลับ ราวกับเสียงยุแยงที่เคยได้ยินในหัวนั้นกำลังทำปฏิกิริยาต่อความรู้สึกในช่วงปัจจุบัน จนเกิดความคิดและความรู้สึกที่ดูไม่ผิดไปจากชายแปลกหน้าในฝันแม้แต่นิด

    ให้ไม่ได้ยกให้ไม่ได้เป็นอันขาด

    เพราะท่านได้ยินแต่เสียงของฉันล่ะมั้งคะ ความสับสนมันเลยทำให้ท่านรู้สึกแบบนั้น…” โชคดีที่ทับทิมไม่ผู้หญิงหัวอ่อน จนยอมก้มหัวให้กับคำหวานของคนอื่นมากนัก ถึงได้เลือกที่จะเป็นฝ่ายดึงมือตัวเองให้หลุดจากการถูกชายประหลาดตรงหน้าจับกุม ผมมองไม่เห็นหรอกว่าตอนนี้เธอกำลังแสดงสีหน้าแบบไหน เพราะสิ่งที่ชักจูงสายตาให้สนใจอยู่เวลานี้มีเพียงใบหน้าของยักษ์ที่ปรากฏให้เห็นต่อสายตาเท่านั้น 

    ฉันว่าถ้าท่านมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับคนรักในอดีตมากขึ้น ความรู้สึกท่านน่าจะกลับมาเป็นปกติมากกว่านี้นะเจ้าคะ” และเหมือนเคย ขณะเดียวผมก็ยังสัมผัสได้ถึงความปากไม่ตรงกับใจที่มาจากทับทิมได้อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน

    มันจักดีได้เช่นไร ในเมื่อพี่นั้นไซร้เอาแต่หวนนึกถึงแต่เรื่องของแม่ทับทิมจนว้าวุ่นใจ ซ้ำยังมิสื่อสารบอกกล่าวสิ่งใดเฉกเช่นแม่ทับทิมกระทำต่อนางไม่…” ทว่า ความร้อนในอกก็ไม่อาจคงอยู่ได้ถาวร เมื่อเสียงเข้มของคู่สนทนากล่าวโต้ตอบกลับ แปรเปลี่ยนความหงุดหงิดในใจเพียงเล็กน้อยให้กลายเป็นความสงสัยเข้ามาแทนที่

    แบบที่ฉันทำหรือเจ้าคะ ?ไม่ต่างจากผู้ฟังอีกคนเลยแม้แต่นิด ปะ แปลว่าฉันเคยเจอกับผู้หญิงที่เป็นอดีตคนรักต่างภพของท่านด้วย อย่างนั้นหรือเจ้าคะ ?

    ไม่มีเสียงตอบใดเล็ดลอดกลับมาจากปากผู้ถูกถาม มีเพียงการพยักหน้าเท่านั้นที่ปรากฏให้เห็น ซึ่งนั่นก็ตามมาด้วยคำถามไม่กี่วลี ที่คล้ายกับช่วยย้ำและตอบโจทย์ทุกอย่าง

    แม่กรองขวัญ... แม่ทับทิมเองก็รู้จักนางมิใช่หรอกรึ ?

     คุณกรองขวัญน่ะเหรอ !?


    Talk1 ที่มาของเขตแดนน งืมๆ ปล. ในส่วนของยักษ์มารหรือไอ้กุมภัณฑ์ที่ปรากฏในเรื่องนั้น จะรวมอยู่ในเล่มของเรื่องอสุเรนทร์วิวาทรักนะเออ

    Talk2 ฝันที่เกือบจะลืมไปแล้วววว 

    Talk3 รู้จักไม่ใช่เหรอ กรองขวัญอ่ะ

    ___________________________________________________________ 

    ไม่เม้นก็ได้แต่กดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าา จุ้บ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายน้าา

    ปล. หากเจอคำผิดหรือตรงไหนอ่านแล้วแปลกๆ เม้นบอกกันได้เน้อ T__T


    คุณเชื่อเรื่อง 'ยักษ์' หรือไม่?
    อยากรู้จักยักษ์ตนไหนมากขึ้น จิ้มที่รูปด้านบนเลยจ้า


    ติดตามเรื่องนี้จิ้มที่หน้าท่านอสุราโลด

    รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน
    หรือกดหัวใจให้เราก็ได้น้าา 
    v
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×