ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HUNT วิกลคลั่งสั่งรัก l Creepypasta SET

    ลำดับตอนที่ #8 : HUNT07 l สั่งรักครั้งที่7 ตอน ลิ้น H {อัพ100%}

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.92K
      261
      19 ก.ค. 61

    * หากรำคาญเสียงเพลงก็ปิดได้เน้อ *


    EP07

    เวลาต่อมา...

    ฉันถูกพี่จ๋าพาขึ้นมาส่งยังห้องพักได้อย่างปลอดภัย โดยที่เขาไม่ได้ปล่อยให้ฉันเดินขึ้นบันไดด้วยตัวเองเลยแม้แต่เพียงขั้นเดียว กว่าที่อีกฝ่ายจะยอมปล่อยให้กลับมายืนเหมือนปกติ ก็เป็นตอนที่เราทั้งคู่เข้ามาอยู่ในห้องพักฉันได้สำเร็จแล้วนั่นแหละ

    ส่วนโจนาธาน หลังจากพี่จ๋าพาฉันเข้ามาในตึก คาดว่าเขาคงถูกปล่อยทิ้งไว้ที่หน้าหอพักแบบนั้นและคงไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ดูแลหอพักให้เข้ามา

    แม้หอพักแห่งนี้ค่อยข้างเก่า แต่ก็ใช่ว่าใครที่ไหนจะสามารถเดินเข้าออกหอได้ตามอำเภอใจ คงเพราะที่นี่เป็นหอพักเก่าแก่ ทำให้คนที่สามารถเดินเข้าออกจึงมีแค่คนที่คุ้นเคยและรู้จักหน้าค่าตากันแต่เพียงเท่านั้น

    ทำไมไม่ระวังตัวเลยคะ?” 

    ท่ามกลางความเงียบภายในห้องพักส่วนตัว เสียงเข้มดุดันหากแต่แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงก็ดังขึ้น เมื่อได้มองหน้าเจ้าของคำถาม จึงพบว่าสีหน้าของพี่จ๋าเวลานี้ได้เต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่ขณะเดียวก็ปรากฏรอยยิ้มที่คล้ายกับพึงพอใจที่เห็นฉันตกอยู่ในสภาพแบบนี้เช่นกัน

    รถเวรนั่นขับมาเร็ว ฉันไม่ทันเห็นส่วนฉันที่ไม่ได้สนใจรอยยิ้มเขามากนักก็ตอบกลับเพียงเท่านั้น พลางขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง ตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง

    ยังดีที่แค่ถลอก...พี่จ๋ายังคงพ่นคำพูดที่แฝงไว้ด้วยหลายๆ ความรู้สึกให้ได้ยิน แม้ว่าฉันจะไม่ได้สนใจเขาและเลือกที่จะรื้อหาของที่ต้องการตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ถ้าเจ็บหนักกว่านี้คงแย่

    สิ้นเสียงพูด มือข้างถนัดก็ควานเจอเข้ากับยาหม่องกระปุกเล็กพอดิบพอดี เมื่อพบสิ่งที่ต้องการ ฉันก็ไม่รอช้าที่จะหันกลับไปเผชิญหน้าคนตัวใหญ่อีกครั้ง โดยไม่ลืมที่จะยื่นยาหม่องส่งให้เขาด้วย

    และพูด

    รับผิดชอบสิ…”

    พี่จ๋าทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินฉันพูด เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมาและยังคงยืนนิ่งอยู่ในท่ากอดอกแบบเดิม ดังนั้นฉันจึงต้องกล่าวซ้ำเป็นหนที่สองพลางชูบาดแผลตามแขนและหลังมือให้อีกฝ่ายมองเห็นได้ถนัดมากขึ้น 

    ไหนบอกฉันจะอยู่ในสายตานายเสมอแล้วปลอดภัยยังไงล่ะ เจ็บหมดแล้วเห็นหรือเปล่า?” คราวนี้พอพูดจบ คนฟังก็หยุดยิ้มเล็กๆ มุมปากให้ได้เห็น พี่จ๋ากลอกตาไปมาเล็กน้อยและยอมคลายแขนออกจากท่ากอดอกแล้วเปลี่ยนมาเป็นยกมือสองข้างขึ้นระดับอกแสดงถึงการยินยอมรับผิดตามที่ถูกกล่าวหา

    โอเค พี่ผิดเอง...ไม่ใช่แค่ยอมรับผิด แต่เขายังรีบเดินเข้ามาหา จากนั้นก็รับกระปุกยาหม่องไปไว้กับตัว

    เมื่อพี่จ๋ายินดีที่จะรับผิดชอบ  ฉันเองก็ไม่ได้รอช้ารีบสาวเท้าเดินตรงไปยังประตูเลื่อนกึ่งหน้าต่างทางออกของระเบียงห้องทันที โดยตลอดทุกการเคลื่อนไหวนั้น สายตายังคงเหลียวหลังจับจ้องทีท่าของอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ตอนที่กำลังย่อตัวลงนั่งในท่าหลังพิงประตูระเบียงแล้วหันหน้ากลับมาเผชิญกับเขาตรงๆ

    คนตัวใหญ่เองก็ดูรู้งาน เมื่อเห็นฉันนั่งเขาก็เป็นฝ่ายก้าวเท้าเดินเข้ามาหา ก่อนหยุดลงตรงหน้าและทิ้งความสุูงในท่านั่งยองกับพื้น ในช่วงเวลานั้นสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเราสองคนมีเพียงความเงียบ

    พี่จ๋าไม่พูดอะไรและเลือกที่จะจัดการเปิดฝากระปุกยาหม่องในมือ เหมือนกับฉันที่ไม่พูดอะไร และเอาแต่นั่งจ้องหน้าเขา

    ตั้งแต่กลับมาพักที่หอแห่งนี้ นี่คงเป็นครั้งแรกเลยล่ะมั้ง ที่เขามีโอกาสได้เข้ามาภายในห้องนี้ ซึ่งมันคงมีไม่บ่อยนัก ที่ฉันจะเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนไหนได้อยู่ใกล้ชิดแบบสองต่อสองในที่ลับตาคนลักษณะนี้

    แต่กับผู้ชายคนนี้มันต่างจากผู้ชายคนอื่นๆ นั่นแหละ คือข้อยกเว้น...

    ขณะที่ความคิดกำลังแล่นไปเรื่อยเปื่อย ร่างกายที่รอคอยการตอบสนองการเปิดฝากระปุกยาหม่องของคนตรงหน้าก็ค่อยๆ เคลื่อนแขนข้างที่เจ็บยื่นออกไปหา และถือโอกาสวางฝ่ามือลงบนไหล่กว้างเบื้องหน้า หากแต่การสัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กลับทำให้ผู้ถูกสัมผัสสะดุ้งเล็กน้อยและช้อนตามองกลับมา

    เหมือนเดิม เราไม่ได้พูดอะไรกัน มีเพียงสายตาเท่านั้นที่ยังสบประสานกันในระยะที่ไม่ใกล้หรือไกลกันเกินไป...

    พี่จ๋าค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วบรรจงปลายยาหม่องจากกระปุก บรรจงป้ายลงมาตามรอยถลอกบนแขนอย่างบรรจงและนุ่มนวล แต่แล้วกลับมีวูบหนึ่งที่เขาเป็นฝ่ายละสายตาหลบไปก่อน เนื่องจากต้องจัดการวางกระปุกยาหม่องในมือลงกับพื้นแล้วเปลี่ยนมือข้างนั้นช่วยประคองแขนฉันไว้อีกแรง ซ้ำยังพูดบางอย่างออกมา

    มีคนบอกพี่ว่าเห็นเรากับแฟน ไปนั่งดื่มกาแฟกันที่ร้านตรงข้ามหอพัก...บางอย่างที่ทำให้รู้ว่า การที่ไม่เห็นเข้าอยู่ในระยะสายตา นั่นไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่รู้ว่าฉันกำลังทำอะไรกับใครที่ไหนเหมือนอย่างที่คาดไว้ จูบกับผู้ชายในร้านแบบนั้นน่ะ ไม่ดีเลยนะคะ

    เหรอ...พอส่งเสียงรับ พี่จ๋าซึ่งเป็นฝ่ายประเด็นขึ้นกลับเป็นฝ่ายเงียบไป เขาทำเหมือนไม่ได้ยินขณะยังคงลูบปลายนิ้วละเลงยาหม่องไปตามรอยถลอกช่วงปลายแขนอย่างนุ่มนวล ส่งผลให้ฉันต้องถามด้วยตัวเองเป็นหนที่สอง แล้วต้องจูบกับผู้ชายที่ไหนล่ะ ถึงจะดี?

    หนนี้เมื่อสิ้นเสียงถามถาม พี่จ๋าก็ชะงักมือลงเล็กน้อย ก่อนเลื่อนสายตาขึ้นช้อนมองหน้า เขายังคงสีหน้าเรียบเฉยไว้ดังเก่าเช่นเดียวกับฉันที่ไม่ได้แสดงสีหน้าใดให้อีกฝ่ายเห็นยามที่ต้องสบสายตากันอย่างนี้

    หึ...แต่ไม่นานเขาก็หลุดยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ พร้อมๆ กับเริ่มใช้ปลายนิ้วนวดคลึงยาหม่องไปตามรอยถลอกอีกครั้ง ทำไมถามแบบนี้ล่ะคะ?

    ฉันก็แค่สงสัย” พี่จ๋ายังคงรอยยิ้มเล็กมุมปากไว้เช่นเดิมหลังได้คำตอบ 

    สีหน้าเขาเหมือนกำลังเคอะเขินสิ่งที่ได้ยิน แต่ในทางตรงกับข้ามรอยยิ้มที่เขากำลังแสดงให้เห็นมันก็เต็มไปด้วยความสมเพชที่คะเคล้าเข้ากับความพอใจเช่นกัน

    ฉันอาศัยจังหวะในยามที่พี่จ๋าหลุบตาแล้วก้มลงลงไปเก็บกระปุกยาหม่อง กวาดสายตาสำรวจไปตามโครงหน้าเขาอีกครั้ง ก่อนพบว่าบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาเวลานี้ ยังคงปรากฏร่องรอยของเมคอัพที่ถูกทำความออกไม่หมด และการที่เห็นเช่นนั้นมันก็ทำให้ฉันอดไม่ไหวที่จะใช้มือข้างที่เหลือเคลื่อนเข้าไปใช้ปลายนิ้วเช็ดออกให้

    รับรู้ได้ถึงการถูกคนตัวใหญ่ตรงหน้ามอง ขณะที่ปลายนิ้วบรรจงเช็ดคราบเปื้อนสีขาวบริเวณหางคิ้วออกให้ ซึ่งนั่นมันไม่ได้สำคัญเท่าไหร่ เพราะสุดท้ายฉันก็มีเหตุผลในสิ่งที่ทำอยู่บอกเขาอยู่ดี

    ท่าทางนายคงรีบมาก ถึงได้เช็ดเครื่องสำอางไม่หมด…” อีกหนที่ฉันรับรู้ถึงอาการสะดุ้งจนถึงขั้นชะงักงันสิ่งที่ทำอยู่ของคนตรงหน้าจากการแตะเนื้อต้องตัว เป็นห่วงฉันเหรอ?

    จนกระทั่งประโยคหลังถูกกล่าวจนจบ พี่จ๋าถึงได้กลับมาเคลื่อนไหวร่างกายและทำสิ่งที่ค้างเอาไว้ได้อีกครั้ง

    คงงั้นมั้งคะ ก็พี่พูดเองนี่ว่าทุกอย่างที่เราทำ พี่จะคอยดูแลและจัดการให้...เขาตอบโดยยังคงก้มหน้าก้มตาทายาบริเวณหลังมือให้ ขอโทษนะคะ ที่มาช้าจนเราต้องเจ็บตัวแบบนี้

    รู้ไหม พอฟังนายพูดแบบนี้แล้ว มันทำให้ฉันนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา…” นี่เป็นหนที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ที่พี่จ๋าหยุดชะงักสิ่งที่ทำลงราวกับว่านั่นคือปฏิกิริยาตอบรับที่เขามีเพื่อรับฟัง ฉันมักเห็นภาพหลอนของใครคนหนึ่งแทรกเข้าปะปนกับภาพของตัวตลกน่าสะอิดสะเอียน ผู้ชายคนนั้นตามหลอกหลอนฉันแม้แต่ในฝัน หมอบอกว่านั่นเป็นผลกระทบจากอาการช็อกหลังเกิดเรื่องแย่ๆ และสูญเสียความทรงจำบางส่วนไป

    “ใครคนนั้นคือภาพฝันร้ายเหรอคะ?

    มั้ง แต่ฉันจำไม่ค่อยได้หรอกนะ มันเหมือนว่าเขาคนนั้นหายไปจากความทรงจำหลังฉันช็อก…” 

    ทั้งที่พี่จ๋าหยุดมือจากการทายาไปแล้ว แต่เขากลับไม่ยักจะมองหน้าฉันกลับมาเลยแม้แต่นิดไม่เว้นแม้ตอนที่คำพูดแสดงความรู้สึกจะลอดผ่านปากให้อีกฝ่ายได้ยินก็ตามที 

    ทั้งที่จำไม่ได้และไม่คิดอยากจะจำ แต่ทุกครั้ง ฉันกลับต้องการเจอเขาในความฝันมากกว่าใคร

    นายมันแย่ที่สุดเลยอ่ะ!’

    ทั้งที่เป็นคนพูดเรื่องไม่น่าจำขึ้นมาเอง หากแต่ภาพหลอนที่พูดถึงกลับเกิดอาการแฟล็ตแบล็กดึงความคิดและความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้กลับสู่วังวนอดีตจนสามารถมองเห็นภาพของตัวเองที่กำลังยืนเท้าเอวแสดงทีท่าโวยวายอยู่บริเวณหน้าทางเข้าบ้านผีสิงของสวนสนุก

    ทำไมถึงได้มาช้านักล่ะ นายก็รู้นี่ว่าฉันกลัวผี!?

    ขอโทษค่ะ พอดีเมื่อกี้พี่ติดโชว์รอบสุดท้ายนิดหน่อย... ฉันได้ยินเสียงขอโทษของภาพหลอนที่ยังติดอยู่ในความรู้สึกดังขึ้น รวมถึงยังสามารถเห็นท่าทางที่เขาแสดงออกเพื่อยอมรับผิดในทุกข้อกล่าวหา ด้วยการยกสองมือขึ้นระดับอกบอกถึงความพ่ายแพ้

    จำได้ว่าตอนนั้นฉันโมโหเขามากที่นัดฉันให้เข้าไปเจอกันในบ้านผีสิง แต่ดันมาช้า ทั้งที่รู้ว่าฉันไม่ถูกกับเรื่องน่ากลัวพรรค์นั้น ทว่า สิ่งที่ทำให้ฉันรับรู้ว่าเขาไม่ได้โกหกจนหายโกรธเขาได้แทบจะทันทีก็คงเป็นเพราะ

    นายคงรีบมากเลยสินะ ถึงได้เช็ดเมคอัพกับลิปสติกสีแดงนี่ออกไม่หมด’ การที่เขารีบร้อนจนเช็ดเครื่องสำอางบนหน้าออกไม่หมดเพื่อออกมาหาฉันนั่นแหละ...

    ค่ะ ก็พี่เป็นคนนัดเราเองนี่นา ขอโทษนะที่มาช้าจนเราต้องเข้าไปรอในนั้นคนเดียวตั้งนาน

    อือ...คะ คราวหลังก็อย่าเด๋อจนเช็ดเครื่องสำอางออกไม่หมดอีกล่ะ...

    ถ้าไม่โกรธพี่แล้ว... แต่ก่อนที่ภาพหลอนในอดีตจะเลือนรางจางไปจากความคิด ฉันก็ยังได้ยินเสียงของเขาคนนั้นพูด งั้นเปลี่ยนมาให้รางวัลแก่คนพยายามรีบมาหาหน่อยสิคะ

    เหมือนพี่เลยค่ะ...

    เฮือก!” ฉันสะดุ้งเฮือกจากภาพวังวนในอดีต เมื่อเสียงเข้มของผู้ชายคนนั้นมันได้ย้อนกลับมาดังขึ้นในช่วงเวลาปัจจุบัน ซ้ำยังดังกลบทุกเสียงที่เคยได้ยินให้เหลือเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า

    พี่จ๋าปล่อยมือฉันลงวางบนตักหลังจากจัดการทายาบริเวณหลังมือให้จนเสร็จ ขณะปากยังคงพูด

    เวลาอยู่ใกล้กับเราแบบนี้แล้ว มันทำให้พี่นึกถึงอดีตของตัวเองกับผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมา…”

    อดีตเหรอ?ฉันย้อนเสียงนิ่งเช่นเดียวกับเจ้าของประเด็นที่ไม่แสดงความรู้สึกได้ผ่านคำพูด

    ค่ะ พูดแล้วก็คิดถึง พอคิดถึงมากเข้าก็เริ่มเกลียด...คราวนี้พี่จ๋ายอมเลื่อนสายตาขึ้นมองหน้าฉันอีกครั้ง บนใบหน้าที่ปราศจากสีหน้าได้เริ่มปรากฏรอยยิ้มเล็กให้เห็น ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องที่อยากรู้ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะถาม

    กับ...คนรักเก่าหรือไง?อย่างที่บอก ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรจากคำตอบเขานัก ทั้งที่คิดและรู้สึกแบบนั้นแต่หัวใจกลับเกิดอาการในแบบที่ไม่สมควรเป็น เมื่อคำตอบสั้นๆ แต่ได้ใจความถูกเขาเอ่ยกลับมา

    เปล่าค่ะ” 

    ฉันคิดว่านั่นคงเป็นประโยคปิดท้ายสำหรับบทสนทนาระหว่างเรา เพราะทันทีที่เขาพูดจบรอยยิ้มเล็กๆ ก็ฉีกกว้างขึ้นจากเดิมนิดหน่อย ซึ่งนั่นมาพร้อมกับการขยับตัวถอยห่างออกไป ทั้งที่ทุกอย่างควรจบ แต่ว่า

    คนที่เป็นฝ่ายรั้งให้เขาอยู่ต่อกลับเป็นตัวฉันเอง

    ฟึ่บ! หมับ!

    เมื่อร่างกายไปไวกว่าความคิดและความรู้สึก พุ่งมือเข้าคว้ามือคนตัวใหญ่ที่กำลังจะผละตัวออกไปได้ทันท่วงที และนี่ก็เป็นหนที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ฉันมีโอกาสได้เห็นสีหน้าของพี่จ๋าที่แสดงถึงอาการตกใจเมื่อถูกสัมผัสเนื้อต้อง

    จะรีบไปไหนล่ะ... 

    นอกจากนั้นแล้ว ฉันเองก็ไม่ได้รอหรือเปิดโอกาสให้เขาได้พูดหรือถามอะไรที่ถูกรั้งไว้แบบนั้น โดยเลือกเป็นฝ่ายตั้งคำถามด้วยตัวเอง

    ไม่อยากได้รางวัลของคนพยายามรีบมาหาเหรอ?

    สีหน้าที่บ่งบอกถึงความตกใจเป็นเดิมทุนอยู่แล้วเขา ยิ่งแสดงให้รู้สึกและมองมากยิ่งกว่าเก่า นัยน์ตาคมที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตรนักกำลังเบิกกว้างมากกว่าที่เคยเห็น แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่พี่จ๋ากลับไม่ได้แสดงทีท่าขัดขืนใดต่อคำถามและแรงเพียงเล็กน้อยที่ฉันใช้ดึงรั้งให้เขาอยู่ต่อ

    สภาพของพี่จ๋าเวลานี้ไม่ต่างไปจากหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึก เขานิ่งมากกว่าทุกครั้งโดยยังคงสีหน้าและแววตาตกใจไว้เช่นนั้นโดยไม่หันกลับมามองหน้ากันตรงๆ ดังเก่า เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมอง แม้ว่าฉันจับมือเขา ข้างที่ไม่ได้เปื้อนยาหม่องยกสูงขึ้นระดับริมฝีปาก

    หากแต่วินาทีที่ฉันบรรจงจุมพิตลงระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลาง ชายหนุ่มที่ไม่คิดจะเหลียวหางตากลับมามองก็เริ่มกระทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม ใช่ พี่จ๋ายอมเหลือบมองฉันอีกครั้งราวกับอยากรู้ว่าฉันตั้งใจจะทำอะไร

    เมื่อสบโอกาสในช่วงที่สองสายตาสบกันอีกครั้งอีกครั้ง คำถามสั้นๆ ก็ถูกเอ่ยขึ้น

    นายเคยบอกว่า...ชอบลิ้นใช่ไหม? 

    นอกจากถามแล้ว ฉันยังแสดงสิ่งที่เขาเคยบอกว่าชื่นชอบให้เห็นด้วยการอ้าปากเล็กน้อยโชว์อวัยวะสำหรับรับรสให้เขาได้เห็น เหมือนเคยพี่จ๋าไม่ได้พูดอะไรเพราะงั้น ฉันจึงถามซ้ำ 

    แล้วตอนนี้ อยากได้ลิ้นฉันหรือเปล่า?

    ลิ้งกลุ่มจิ้มที่รูปเน้อ

    {จริงๆ ไม่ได้สำคัญต่อเนื้อหาหลัก มโนเอาเองแล้วอ่านข้ามได้นะเออ}

    ขณะแพนตี้ค่อยๆ ถูกเขาเกี่ยวให้ร่นลงขณะถูกลมหายใจร้อนๆ เป่ารดอยู่นั้น...

    จู่ๆ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

    Rrrrrr

    เสียงเล็กแหลมเป็นทำนองดนตรีเหมือนด้วยช่วยชั้นดีที่ช่วยฉุดเราทั้งคู่ออกจากห้วงความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวขึ้นในช่วงเวลานั้น คนที่ดูตกใจที่สุดดูเหมือนจะเป็นตัวพี่จ๋าเอง เขารีบผละตัวรวมถึงปลายนิ้วที่ยังคงค้างคาไว้ภายในปากฉันออกไปอย่างรีบร้อน

    ต่างจากฉันซึ่งยังคงความนิ่งของตัวเองไว้ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย...

    และการที่คนตัวใหญ่แสดงอาการเช่นนั้น มันก็ทำให้ฉันไม่อาจสนใจเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของตัวเองที่กำลังดังได้เลย

    ขะ ขอโทษค่ะ...เขาพูดถ้อยคำแสดงความรู้สึกให้ได้ยิน ราวกับเพิ่งนึกได้ โดยตลอดเวลาที่พูดคำนั้น เขาไม่แม้แต่คิดจะใช้สายตาคู่เดิมเหลือบมองแม้แต่น้อย ต่างจากช่วงเวลาที่ตกอยู่ในห้วงอารมณ์ราวกับเป็นคนละคน

    ขอโทษทำไม?ฉันถามและเป็นฝ่ายผละตัวลุกขึ้นจากพื้นบ้าง แม้จะรู้ตัวดีว่าสภาพ/ตัวเองเวลานี้จะดูไม่ค่อยเรียบร้อยนัก ในเมื่อนี่คือรางวัลของคนพยายามรีบมาหา อ้อ! แล้วก็นะ...

    ...

    ไอ้ที่ทำกันเมื่อกี้น่ะ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะงั้นนายไม่ต้องขอโทษ...

    “…” ไม่มีเสียงใดตอบรับกลับมาจากคู่สนทนาที่ยืนหันหลังด้วยระยะที่เราทั้งคู่ห่างจากเพียงนิดหน่อย แม้ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังสังเกตปฏิกิริยาที่เขากำมือสองข้างจนแน่นหลังสิ้นเสียงบอกกล่าวอยู่ดี

    พอเห็นปฏิกิริยาของเขาแบบนั้นแล้ว รอยยิ้มมุมปากก็ผุดขึ้นบนหน้าอย่างห้ามไม่ได้ ฉันขยับตัวเล็กน้อย เปลี่ยนจากท่ายืนปกติมาเป็นท่ายืนกอด และอาศัยจังหวะในตอนนั้นมองภาพทุกของชายตรงหน้าจากทางด้านหลัง ส่วนปากก็ทำหน้าที่ของมัน

    บางทีไอ้ที่เพิ่งทำกันเมื่อกี้ มันอาจเป็นวิธีช่วยรักษาอาการป่วยของฉันก็ได้นะ เพราะมันทำให้ฉันก็นึกถึงเรื่องที่เคยหายไปจากความทรงจำขึ้นได้...

    “…”

    ฉันเห็นภาพตัวเองกำลังถูกไอ้ระยำคนหนึ่งย่ำยี มันกระชากเสื้อฉันออก จูบและกัดฉันเหมือนที่นายทำ...ถึงพี่จ๋าไม่ได้ทำเรื่องเสียมารยาทด้วยการเดินหนีออกไป ซึ่งตลอดการพล่ามคำพูดยืดยาวของฉันนั้นเขาก็ไม่ได้ตอบรับกลับมาสักวลีด้วยเช่นกัน แล้วรู้อะไรไหม ในภาพความทรงจำที่แว๊บเข้ามาน่ะ มันบอกฉันว่าไอ้สารเลวคนนั้นนั่นแหละ ที่เป็นคนวางแผนข่มขืนฉัน จนต้องเป็นโรคประสาทมาถึงตอนนี้

    “…” ที่เขาทำให้เห็นคือ การกำกระชับมือทั้งสองข้างของตนเองจนแน่นและสั่นก็เท่านั้น

    น่าเสียดายนะ...และการที่เขาไม่พูดโต้ตอบ มันก็ไม่ใช่ปัจจัยที่จะหยุดเสียงของฉันให้เงียบลงเหมือนกัน ถ้าเสียงโทรศัพท์ไม่ดังขึ้นมาซะก่อน บางทีฉันอาจจะเห็นหน้าไอ้เวรนั่นก็ได้

    พูดจบ คนตัวใหญ่ที่ยืนนิ่งไปพักใหญ่ก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาไม่ได้เดินหนีฉันออกไปหรอกนะ แต่เลือกที่จะเหลียวหลังเหลือบมองฉันจากทางหางตาต่างหาก หากแต่นั่นดันเป็นจังหวะเดียวกับวลีสั้นๆ ถูกพ่นผ่านปากพอดิบพอดี

    ศอว์...วูบหนึ่งที่นัยน์ตาเรียวรีของคนฟังเบิกขึ้นเล็กน้อยในช่วงที่สบประสานสายตาต่อกัน ทว่า มันก็เกิดขึ้นเพียงชั่วเสี้ยววินาที ก่อนที่เสี้ยวหน้าดุดันจะปรากฏรอยยิ้มเหยียดให้ได้เห็น

    พร้อมคำตอบที่ไม่สั้นหรือยาวเกินไป

    ไอ้สวะนั่น แม่งตายในคุกไปตั้งนานแล้วค่ะ

    ยิ่งไปกว่านั้นพี่จ๋ายังไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้พูดต่อ แต่เป็นฝ่ายกล่าวขึ้นด้วยตัวเอง

    ถ้าไอ้ที่เราทำกันก่อนหน้านี้ มันช่วยให้นึกอะไรได้อย่างที่เราว่า งั้นว่างๆ เรามาทำแบบนั้นกันอีกสักรอบก็ได้นะคะ

    ได้เหรอ?ฉันย้อนอย่างทันควัน แบบไม่ได้คิดอะไร

    ค่ะ คิดซะว่ามันคือการแกล้งทำที่ใช้สำหรับรักษาก็ได้…” ส่วนเขาก็ตอบ ดีไม่ดี ถ้าทำบ่อยๆ แล้วเรานึกเรื่องระยำๆ ที่เป็นต้นเหตุของอาการขึ้นมาได้ บางทีไอ้อาการทางจิตที่เคยเป็นอาจหายไปก็ได้ จริงไหมคะ?

    ทั้งที่ตอนแรกเขาแสดงทีท่าร้อนรนอย่างคนรู้สึกผิดแท้ๆ หากแต่สิ่งที่พูดออกในครั้งนี้กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกอื่น

    แล้วถ้าฉันจำเรื่องระยำที่เกิดขึ้นวันนั้นได้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้วล่ะ...จนอดไม่ไหวที่จะถามกลับ คิดว่าฉันจะหายจากอาการทางจิตที่เป็นอยู่ได้หรือเปล่า?

    ทว่า คำถามของฉันครั้งนี้กลับไม่ได้รับคำตอบใดจากคู่สนทนา เมื่อเสียงเรียกเข้าที่เคยดังและเงียบไป ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในห้องอีกครั้ง

    Rrrrrr…

    นั่นทำให้คนตัวใหญ่รีบเหลียวขวับไปยังที่มาของเสียงเรียกเข้าบนที่นอนทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย ก่อนจะเหลียวหันมายิ้มให้อย่างละมุนละไม แล้วกล่าวขึ้น

    แฟนเราโทรมาอีกแล้วนะคะ สงสัยคงจะเป็นห่วง…” พี่จ๋าไม่ได้ตอบคำที่ถูกถามค้างไว้ แต่เลือกจะพูดเรื่องอื่นโดยอาศัยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเป็นประโยชน์ ยังไงก็รีบรับสายแฟนด้วยนะ อ้อแล้วก็...

    ก่อนหันหลัง เดินกลับไปยังประตูห้องโดยพูดทิ้งท้ายไว้เพียงสั้นๆ แทนการจบบทสนทนาระหว่างเรา

    อย่าลืมแต่งตัวให้เรียบร้อยนะคะ

    กึก... ตึง!

    ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดและปิดลงพร้อมๆ กับการจากไปของแขกผู้มาเยือน ร่างทั้งร่างที่เคยถูกความเฉยชาดั่งคนไร้ความรู้สึกกลืนกิน กลับเริ่มร้อนขึ้นอย่างไร้เหตุผล พานต้องใช้ปลายนิ้วทั้งห้าของมือทั้งสองข้างแตะลงตามเนื้อกายในส่วนที่เคยถูกริมฝีปากร้อนระอุลากผ่าน โดยหวังว่าการทำเช่นนั้นจะช่วยลดอุณหภูมิในกายลงได้บ้าง

    แต่เปล่าเลย เพราะเมื่อฉันเริ่มก้าวเท้าเดินมายังปลายเตียง และบังเอิญชำเลืองมองผ่านหางตาไปยังกระจกเงา แล้วพบเข้ากับผู้หญิงในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยที่ตามเนื้อเนียนขาวเต็มไปด้วยรอยจ้ำสีอ่อน ร่างกายก็คล้ายก็ยิ่งร้อนขึ้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตรงจุดที่ถูกเขาคนนั้นฝากฝังรอยแดงเอาไว้

    อะ...ยิ่งรู้สึก ร่างกายก็คล้ายกับทานทนต่อความรู้สึกที่ถูกกลบไว้ด้วยความเฉยชาไม่ไหว ก่อให้เกิดอาการสะท้านสั่นอย่างไร้ควบคุม จำต้องทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงเพื่อใช้เป็นที่พักพิง

    ที่บ้าก็คือ...

    นี่ คำว่าศอเนี่ย มันแปลว่า คอ หรือเปล่า?

    ใช่ค่ะ ศอ แปลว่าคอ

    เสียงพูดคุยในอดีตมันดังให้ได้ยินในหัวอีกแล้ว

    งั้นก็แปลว่านายชื่อพี่คองั้นสิ?

    ฮ่ะๆ พี่คออะไรกัน เรียกแบบนั้นน่าเกลียดแย่…’ มันคือเสียงการพูดคุยและเสียงหัวที่ดูเป็นธรรมชาติ ปราศจากความอึดอัด คำเสียดสี และการประชดประชัน ในแบบที่ฉันกำลังเป็นในปัจจุบัน พี่ชื่อศอว์ มี วอ แหวนการันต์ด้วยนะคะ

    ถ้ามี วอ แหวนการันต์ แบบนั้นก็ไม่มีความหมายน่ะสิ

    ถ้าอยากให้มีความหมาย งั้นหนูก็ให้พี่เป็นคนสำคัญสิคะ เผื่อพี่จะมีความหมายมากกว่านี้ ฮ่ะๆ

    คิดจะจีบฉันเหรอ ฝันไปเถอะ!’ และฉันคิดว่า เสียงพูดคุยแบบเป็นกันเองลักษณะนั้นน่ะ คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีกแล้วในช่วงเวลาปัจจุบัน แล้วถ้านายชื่อจริงว่าศอว์ แล้วชื่อเล่นล่ะ

    ถามทำไมคะ?

    เอ้า! ก็อยากรู้นี่ เผื่อจะได้เปลี่ยนมาเรียกชื่อเล่นแทนไงล่ะ

    ไม่บอกหรอกค่ะ รู้แค่ว่า ชื่อเล่นพี่...

    รวมถึงรอยยิ้มที่เคยมีในตอนนั้นด้วยเช่นกัน

    เหมือนชื่อผู้หญิงก็พอ


    To Be Continued...
    Talk1 เวลาอัพเรื่องนี้ เราจะรู้สึกอึดอัดแทนตัวละครที่แบบเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่พูด แต่ก็นะ ถ้าให้พูดเลย เราก็กลัวจะไม่มีอะไรเขียน #ตบตีตัวเองแป๊บ 55555
    _____________________________________________________________ 

    ไม่เม้นไม่ว่าแต่กดให้กำลังใจเค้าด้วยน้าา ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะงับ

    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและการชี้แนะดีๆในหน้านิยายน้าา


    ll CREEPYPASTA SET ll


    ติดตามเรื่องนี้จิ้มที่รูปโลด

    รักกันชอบกันกดติดตามข้างบน
    หรือกดให้กำลังใจกันข้างล่างนะเอออ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×