คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Deception Love - 3 - ใจสั่น
ใจสั่น
“เฮ้ย ทำอะไรกันว่ะ!!!”
ผมรีบผลักร่างสูงออก หลังจากได้ยินเสียงของคนที่เข้ามาในห้อง แต่แปลกที่ครั้งนี้มาร์คปล่อยคนตัวเล็กออกง่ายๆ เมื่อเป็นอิสระผมจึงหันไปมองเจ้าของเสียงทุ้มเมื่อสักครู่ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน พี่แจบอม
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร…” แบมแบมพยายามจะบอกว่ามันไม่ใช่อย่างที่แจบอมคิด แต่ความจริงแล้วก็ไม่มีข้อแก้ตัวจริงๆล่ะ ก่อนที่ดวงตากลมโตของแบมแบมจะหันไปมองทางมาร์ค เผื่อว่าเขาจะช่วยพูดแก้ต่างได้บ้าง แต่ภาพที่เห็นก็คือมาร์คไม่พูดอะไร ทั้งยังยิ้มเยาะอยู่กรายๆ เหมือนมันเป็นเรื่องที่เขาต้องการให้มันเป็นแบบนี้ เขาคงต้องการให้พี่แจบอมมาเห็นสินะ...
“มึงมันร่าน” แจบอมที่เห็นทั้งแบมแบมและมาร์คเงียบ ก็พูดขึ้นมาลอยๆ แต่เป็นประโยคที่ทิ่มแทงใจคนฟังอย่างแบมแบมได้ไม่ยาก คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแจบอมนั่นพูดถึงใคร
“เฮอะ” เสียงแค่นหัวเราะที่เหมือนจะสะใจดังมาจากมาร์คที่ยืนอยู่ข้างๆ ผม ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมาร์คถึงต้องเกลียดผมนักหนา ทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรให้เลย แต่ก็พอจะเข้าใจ ว่าการที่คนเราเกลียดกันมันคงไม่ต้องการเหตุผลอะไรมากมายหรอก ผมเริ่มจะชินกับมันแล้วล่ะ
บรรยากาศรอบข้างเริ่มอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ และทั้งมาร์คและแจบอมก็ทำเหมือนกับผมเป็นเพียงแค่อากาศที่ล่องลอยอยู่อย่างไร้ค่า และไม่มีใครสนใจ ผมจึงไม่มีเหตุจำเป็นอะไรอีกที่จะอยู่ในห้องที่มีแต่คนใจร้าย คนตัวเล็กค่อยๆ เดินออกมาจากห้องเงียบๆ เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจของทั้งสองคน
มาร์คชำเลืองมองคนตัวเล็กที่เพิ่งเดินออกไปจากห้องไป ก่อนที่มาร์คจะพูดทำลายความเงียบลง
“บี ไม่ว่าอะไรกูใช่มั้ย? ถ้ากูจะใช้น้องมึงเป็นของเล่นให้กู” มาร์คพูดเสียงเรียบ ไม่มีน้ำเสียงล้อเล่นอยู่ในนั้น ทำให้เจบีก็พอจะรู้ว่ามาร์คนั้นจะทำอะไร และน้องที่พูดถึงก็คงไม่ใช่ใครนอกจากแบมแบม เพราะมาร์คเองก็พอจะรู้ว่าเจบีเองก็เกลียดน้องชายต่างสายเลือดมากแค่ไหน
เมื่อเจบีได้ยินประโยคที่มาร์คพูดจบก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตีสีหน้าเรียบเฉยและเอ่ยประโยคที่คนเป็นพี่ไม่สมควรพูดออกมา
“กูยกให้ฟรีๆเลย…” หลังจากที่มาร์คได้ยินเจบีกล่าวอย่างนั้น ซึ่งเขาก็พอจะเดาคำตอบได้อยู่แล้ว ว่ามันจะต้องตอบแบบนี้ ก็ยกยิ้มขึ้นอย่างนึกสนุก
ถ้าอยากรักฉันมากนัก ก็อดทนให้ได้แล้วกันแบมแบม
“พวกมึงมาโรงเรียนแต่เช้ากันจริงๆเลยนะ” และยังไม่ทันที่ห้องจะเงียบลงอีกครั้ง อยู่ๆน้ำเสียงใสๆก็ดังขึ้นหน้าประตูห้อง ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร
“มีปัญหาอะไรมั้ยเนียร์?” น้ำเสียงของเจบีเรียบนิ่ง แต่แววตาของเจ้าของเสียงกลับไม่นิ่งเช่นนั้น แววตาที่มีแต่การหยอกล้อ และเต็มไปด้วยความอบอุ่น ที่มองไปทางจินยอง หรือจูเนียร์ แววตานั้นแตกต่างจากที่มองน้องชายของตนเองอย่างสิ้นเชิง
“ไม่มีแล้วครับ บีของเนียร์ ฮ่ะๆๆ” จินยองพูดอย่างขบขันพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง เพื่อที่จะแกล้งหยอกล้อกับคนที่ชอบทำหน้าเครียดตลอดเวลา จินยองเดินไปวางกระเป๋านักเรียนไว้ที่เก้าอี้ข้างๆเจบี ก่อนจะนั่งลงและกอดแขนของเจบีอย่างอ้อนๆ
มาร์คเองก็ไม่เข้าใจว่าพวกมันเป็นเพื่อนหรือเป็นแฟนกันแน่ ถึงได้ทั้งการกระทำและคำพูดเหมือนเป็นแฟนกันแบบนี้
มาร์คเก็บความสงสัยของตนไว้ในใจ เลือกที่จะเงียบไว้ดีกว่า ก่อนจะละสายตาจากเพื่อนทั้งสองคนมา เพื่อหวังจะหยิบงานที่ต้องส่งวันนี้ขึ้นมาทำ มือหนาล่วงเข้าไปใต้โต๊ะ ก่อนจะหยิบหนังสือเล่มหนาเล่มหนึ่งออกมา
มาร์คเองก็สงสัยเหมือนกันว่าไม่รู้จะให้ผลิตหนังสือมาหนาๆมาทำซากอะไรในเมื่อบางครั้งยังสอนไม่ทันจนต้องข้ามไปตั้งเยอะแยะ ยังไม่ทันที่มาร์คจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ อยู่ๆก็มีกระดาษสีส้มแผ่นเล็กๆ ปลิวออกมาด้วย
มาร์คก้มลงเก็บกระดาษแผ่นเล็กๆสีส้มที่ปลิวไปตกอยู่ตรงปลายเท้าขึ้นมา มันคือโพสอิทที่แบมแบมเอามาวางไว้เมื่อเช้า มาร์คอ่านข้อความในแผ่นกระดาษผ่านๆ ก่อนจะขย่ำเบาๆ และโยนลงถังขยะที่อยู่ไม่ไกล อย่างไม่ใส่ใจอะไร
ฉันหวังว่าต่อจากนี้นายคงจะทำให้ฉันสนุกนะ แล้วเจอกันของเล่นไร้ค่า
DECEPTION LOVE
“แบมแบม!! นายเป็นอะไร ทำไมเลือดออกปากแบบนั้น!!?” ทันทีที่ผมเดินเข้ามาภายในห้องเรียนประจำ ยูคยอมก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างกระตือรือร้น เมื่อเห็นผมเดินเข้ามาอย่างสภาพจิตใจไม่ดีนัก
“เปล่า…” ผมตอบออกไป ทั้งที่สติปัญญาเหมือนจะยังกลับมาไม่ครบ เพราะผมเจ็บหนึบไปทั้งหัวใจเหลือเกิน ใช่ว่าผมจะไม่ได้ยินบทสนทนาของแจบอมกับมาร์ค
ผมคงเป็นได้แค่ของเล่นไร้ค่าสินะ... แต่ยังไงแล้วผมก็ยินดีที่จะเป็นนะ แค่ได้ผ่านเข้าไปในชีวิตมาร์คก็ดีแค่ไหนแล้ว ถึงแม้จะแค่ผ่านมาและผ่านไปก็เถอะ
ผมนึกในใจอย่างเศร้าๆ แต่ก็พยายามจะยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึกภายในใจตัวเองเพื่อไม่อยากแสดงออกมา เกรงว่ายูคยอมเพื่อนที่แสนดีของผมนั้นจะเป็นห่วงเอาได้
พึ่บ...
“ฉันเป็นห่วงนายนะ... มากๆด้วย” ผมตกใจมากที่อยู่ๆเพื่อนตัวโตนั่นก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด ก่อนที่ยูคยอมจะพูดเสียงเบาแต่หนักแน่นแฝงเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความเป็นห่วง จนผมรู้สึกได้
เหมือนเขาจะรู้นั่นแหละ ว่าผมไปเจอกับอะไรมาและยังพูดปรดออกไปว่าตัวผมเองนั่นไม่ได้เป็นอะไรก็เพื่อความสบายใจของยูคยอม
“ขอบคุณนะ” ผมค่อยๆ ผละออกจากอ้อมกอดที่อบอุ่นของคนตัวโตก่อนจะพยายามฝืนยิ้มและเคร้นเสียงออกมาเพื่อที่จะกล่าวขอบคุณเพื่อนที่ดีมากๆกับผม แต่ผมก็เลือกที่จะตอบออกไปสั้นๆ และไม่คิดจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
ยูคยอมส่งสายตาที่เหมือนจะกดดันให้ผมเล่าเรื่องทั้งหมด แต่เมื่อคนตัวสูงเห็นว่าคนตัวเล็กที่ไม่ยอมเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างแน่นอน ก็ถอนหายใจเบาๆ ก่อนมือหนาจะมายีที่ผมนุ่มๆของผมเป็นเชิงจะบอกว่าให้ผมไม่คิดมาก
คาบแนะแนว
หลังจากที่จิตใจของผมเริ่มดีขึ้นเพราะมีเพื่อนดีๆอย่างยูคยอมและยองแจคอยคุยเล่นและอยู่เป็นเพื่อนกับผม ถึงแม้ว่าทั้งสองคนนั้นจะไม่ได้ซักไซ้เรื่องของผม แต่ผมก็รู้ดีว่าเพื่อนทั้งสองคนนั้นเป็นห่วงผมมากแค่ไหน
คาบนี้เป็นคาบแนะแนวซึ่งเป็นคาบสุดท้ายของการเรียนการสอนในวันนี้ ห้องที่ไร้วี่แววอาจารย์แทคยอน อาจารย์ประจำวิชาแนะแนวที่มาเข้าสอนเลทได้เป็นเวลาสิบนาทีแล้ว อยู่ๆก็โผล่พรวดเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อน ก่อนจะวางเอกสารกองโตไว้บนโต๊ะหน้าห้องสำหรับอาจารย์ผู้สอน
“วันนี้ครูมีเรื่องบางอย่างจะประชาสัมพันธ์ให้นักเรียนเกรดสิบห้อง Bทุกคนได้ทราบ” อาจารย์แทคยอนเว้นวรรคเพื่อหายใจ ก่อนจะเริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง “นักเรียนเกรดสิบทุกคนในระดับชั้น จะต้องไปค่ายรับน้อง บอกลาพี่ หรือก็คือการเชื่อมความสัมพันธ์ของน้องเกรด10กับพี่เกรด12 ที่ใกล้จะจบในอีกไม่ถึงสองเดือนข้างหน้าเป็นเวลา2คืน3วัน”
หลังจากที่แบมแบมได้ฟังอาจารย์แทคยอนร่ายยาวมาได้สักพักก็ต้องนึกตกใจ
อะไรนะ... 2 คืน 3 วันอย่างนั้นเหรอ?
แบบนี้ผมก็ต้องเจอมาร์คย่างนั้นสิ? ผมเริ่มจะกังวลขึ้นมาแล้วว่าค่ายนี้มันรู้สึกไม่ปลอดภัยสำหรับตัวเขายังไงไม่รู้
ขณะที่ร่างเล็กกำลังแสดงท่าทีวิตกกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจนจนเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ด้านหลังนั้น พอจะผิดสังเกตได้ไม่ยาก ก็เพราะยูคยอมมองแต่แบมแบมเพื่อนตัวเล็กคนนี้คนเดียวอยู่ตลอดเวลานี่...
“แบมเป็นอะไรหรือเปล่า?” ยูคยอมถามออกมาอย่างเป็นห่วง ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามาร์คกับแบมแบมนั่นมีเรื่องอะไรต่อกันยังไง แต่มันแค่ไม่ใช่เรื่องที่คนอย่างยูคยอมจะเข้าไปยุ่งเท่านั้นเอง แต่ถ้าไอ้มาร์คนั่นมันทำเรื่องอะไรกับแบมแบมคนที่เขาทั้งหวง ห่วงและคอยถนุถนอมเมื่อไหร่ ผมไม่ปล่อยมันไว้แน่...
“ฉันจะเป็นอะไรล่ะยูค ก็แค่คิดว่าค่ายนี้คงจะต้องสนุกมากแน่นอนเลย เลิกเป็นห่วงฉันได้แล้วน่า” แบมแบมพูดปรดออกไปอีกครั้งพร้อมกับยิ้มหวานที่ทำเอาเพื่อนสนิทอย่างยูคยอมใจสั่น ทั้งยังเอื้อมมือไปดึงหูของอีกคนเล่น และเลื่อนใบหน้าหวานนั่นเข้าไปใกล้เพื่อนตัวโต ก่อนจะเอาจมูกรั้นๆนั่นถูเบาๆที่จมูกของอีกคน
ซึ่งคนตัวเล็กไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามันทำให้เพื่อนตัวโตของเขาใจสั่นและต้องระงับอารมณ์ไว้มากแค่ไหน ถึงแม้ว่าอยากจะเข้าไปฟัดคนตัวเล็กน่ารักตรงหน้าให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่เขาก็ทำไม่ลงหรอกถึงจะมีโอกาสก็ตามที เพราะเขาชอบและถูกชะตากับคนตัวเล็กมากจริงๆ และเขาคิดว่าจะไม่มีทางทำเรื่องอะไรที่ทำให้คนตัวเล็กตรงหน้า เสียใจแน่นอน
การกระทำของแบมแบมทำให้เพื่อนในห้องและอาจารย์แทคยอนมองมาเป็นตาเดียวกันได้อย่างไม่ยาก ก่อนที่ยองแจที่นั่งอยู่ข้างๆแบมแบม จะตีป้าบลงมาที่หลังของคนตัวเล็กเพื่อจะเตือนให้ผละหน้าออกมาได้แล้ว
“โอ้ย!!” ถึงแม้ยองแจจะตีลงมาที่หลังของแบมแบมเพียงเบาๆ แต่ก็ทำให้คนตัวเล็กร้องอย่างเจ็บปวดออกมาได้ไม่ยาก
“เฮ้ย แบมฉันตีเบาๆเองนะ เป็นอะไร?” ยองแจถามออกมาอย่างเป็นห่วง ก่อนจะหันไปมองเพื่อนอีกคน ก็พบว่ายูคยอมนั่นถลึงตาใส่เขาอยู่ก่อนแล้ว
‘อะไรจะห่วงกันมากขนาดนั้นว่ะ’
ยูคยอมที่ละสายตามาจากเพื่อนตัวดีที่ทำให้คนตัวเล็กของเขาต้องเจ็บ ก่อนจะหันมาหาแบมแบมด้วยความเป็นห่วง ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะได้พูดอะไร เสียงออดก็ดังขัดเสียก่อน
กริ๊งงงงงง!!
เสียงออดบอกเวลาว่าหมดคาบสุดท้ายของวันแล้ว นักเรียนคนอื่นๆในห้องที่ตอนแรกมุ่งความสนใจมาที่กลุ่มของแบมแบมก็รีบเก็บของเพื่อเตรียมกลับบ้านกันอย่างกับว่ากลัวบ้านจะหนีไปที่อื่น
“ทำความเคารพ” เสียงของหัวน้าห้องอย่างจงอิน บอกทำความเคารพอย่างไม่ค่อยสนใจอะไร พอพูดจบก็เดินออกจากห้องไปเฉยเลย
“นี่ๆ ไม่ต้องรีบกันขนาดนั่น” อาจารย์แทคยอนพูดเพียงเท่านั้นก็เดินออกจากห้องเรียนไปอีกคน
“นี่ คู่รักทั้งสองคน ฉันกลับก่อนนะมีธุระ ดูแลแบมแบมดีๆด้วยนะยูค” ยองแจพูดก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไป
“ตกลงหลังนายเป็นอะไรแบมแบม? ขอฉันดูได้มั้ย?” ยูคยอมหันกลับมาหาแบมแบม ก่อนจะพูดออกไปแบบไม่ได้คิดอะไร แต่ใบหน้าหวานของแบมแบมกลับขึ้นเสียงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด จนเพื่อนตัวโตหัวเราะออกมาเบาๆ กับความน่ารักของคนตัวเล็ก
“คิดอะไรน่ะ!! ฉันก็แค่เป็นห่วง เราก็ผู้ชายด้วยกันนะแบมแบม ฉันจะทำอะไรได้” ใช่ ผู้ชายด้วยกัน แต่สำหรับผู้ชายน่าหวานราวกับผู้หญิงอย่างนายน่ะ ไม่แน่... ผมพูดต่อในใจขำๆ
แบมแบมพยักหน้าลงเบาๆ เป็นเชิงอนุญาต แต่ขอร้องไว้ว่าให้ไปที่ห้องพยาบาลได้มั้ย ซึ่งคนตัวสูงก็ไม่ได้ว่าอะไร ตามจริงแล้วแบมแบมก็พอจะรู้ว่าหลังของเขาจะต้องเขียวเพราะเหตุการณ์เมื่อเช้าแน่ๆ จึงคิดว่าไปทายาที่ห้องพยาบาลเลยน่าจะดีกว่า
- DECEPTION LOVE –
“มึงกูกลับก่อนนะ” มาร์คหันไปบอกกับเพื่อนอีกสองคนที่อยู่ในห้อง เพราะตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้ว คนอื่นๆ จึงรีบกลับบ้านกันไปหมดแล้ว เหลือแต่เจบีและจินยองเท่านั้นที่ยังนั่งปั่นงานอยู่ ตามจริงแล้วจินยองคนเดียวที่ต้องปั่นงานย้อนหลังเพราะ เมื่ออาทิตย์ก่อนมันป่วยเลยหยุดเรียนไปพักใหญ่แต่มันเพิ่งมาตามงานเอาวันนี้ซึ่งเป็นวันกำหนดส่งวันสุดท้าย
ส่วนเจบี มาร์คเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะอยู่ทำซากอะไร นับวันสองคนนี้ยิ่งเหมือนแฟนกันเข้าไปทุกที
“เออๆ” จินยองบอกปัดก่อนจะรีบทำงานของตัวเองต่ออย่างไม่สนใจอะไร
“เนียร์ ให้กูช่วยมั้ย?” คนตัวสูงที่มองดูร่างเล็กปั่นงานมานานนับชั่วโมงก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงซึ่งเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ผมถามประโยคนี้ แต่ก็ถูกคนตัวเล็กปฏิเสธกลับมาทุกครั้งและครั้งนี้ก็คงอีกเช่นกัน
“ไม่เป็นไรหรอก ลำบากมึงเปล่าๆ” และก็เป็นไปตามคาด คนตัวเล็กยังคงปฏิเสธความหวังดีและการช่วยเหลือของเจบี
ร่างสูงถอนหายใจเบาๆกับความดื้อรั้นของจินยองหรือคนที่เขามักจะชอบเรียกว่าจูเนียร์ และที่ร่างสูงยังไม่กลับบ้านก็เพราะเขาเป็นห่วงคนตัวเล็กที่ต้องอยู่เย็นที่โรงเรียนคนเดียว อย่างน้อยก็ช่วยให้คนตัวเล็กไม่เหงาก็ยังดี
“กูว่ามึงกลับไปก่อนเถอะ เหลืออีกตั้งสองวิชา จะรอกูทำหอกไรบ้านก็กลับคนละทาง” จินยองบ่นไปขณะที่มือและสายตาก็ยังคงจดจ้องอยู่กับสมุดเล่มบาง
“ถ้าไม่ให้กูช่วยก็ไม่ต้องบ่น กูไม่กลับ” เจบีตอบอย่างเอาแต่ใจ ทำให้คนตัวเล็กเอือมระอา
“ทำไม?” จินยองละสายตาจากสมุด ก่อนจะหันกลับมาสบตากับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เพราะเขาก็ไม่เข้าใจจริงๆว่า เจบีจะอยู่รอเขาไปทำไมกัน ร่างสูงสบสายตากับคนตัวเล็กนิ่งๆ ก่อนจะตอบออกมา
“กูเป็นห่วง” เจบีตอบออกมาอย่างไม่คิดอะไร ด้วยความไม่คิดอะไรแต่ทำให้คนตัวเล็กที่ได้ยินประโยคนี้ถึงจะเป็นประโยคสั้นๆ เข้าก็ทำให้ใจสั่น จนยากที่จะห้ามความรู้สึกนี้ไว้
จินยองรู้สึกว่าแก้มทั้งสองข้างของตัวเองคงจะต้องแดงแน่ๆ จึงเลือกที่จะหลบสายตาจากเจบีด้วยการก้มลงทำงานของตัวเองต่อ แต่มือเจ้ากรรมมันกลับสั่นเสียได้ ไม่รู้เพราะความเขิน ตื่นเต้นหรือเพราะเขาปั่นงานมานานเกือบชั่วโมง ทำให้กล้ามเนื้อมันเกร็งหรือยังไง
แต่ไม่ทันที่จินยองจะได้จัดการทำอะไรกับมือตัวเอง ร่างสูงที่มองปฏิกริยาของคนตัวเล็กมานานแล้ว จึงฉวยมือเล็กๆของร่างบางไปกุมไว้ ก่อนจะออกแรงนวดเบาๆ ที่นิ้วมือลงไปถึงข้อมือทำแบบนี้ซ้ำๆ สลับกันทั้งสองข้างอย่างอ่อนโยน มันอ่อนโยนมากจนทำให้คนตัวเล็กถึงกับนิ่งงันไม่กล้าแม้แต่จะหายใจด้วยซ้ำ
ทำไมใจมันเต้นแรงจังนะ...
จินยองได้แต่ถามคำถามนี้กับตัวเองในใจ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่รู้สึกอย่างนี้กับเพื่อนสนิทตัวเอง พยายามหาคำตอบหลายครั้งแต่ก็หาคำตอบไม่ได้ซักที
“บอกให้กูช่วยก็ไม่เชื่อ...” ร่างสูงยังคงบ่นต่อไป อย่างกับคนแก่ไม่มีผิด แต่ตอนนี้คนตัวเล็กได้แต่นั่งนิ่งๆ เท่านั้นแหละ เพราะในใจมันยังสั่นไม่หาย
สปอยตัวโตโต!!!
“เฮ้ย เนียร์กูบอกแล้วไงว่าอย่าดื่มเยอะ เดี๋ยวกูไปส่งที่บ้าน”
“บี อย่าเพิ่งกลับ...”
TALK
มาอัพแล้ววว ช้าไปนิดเนอะ บีเนียร์มาแล้วน้า แล้วจะเริ่มมาเรื่อยๆแล้วล่ะ เพราะพล็อตเริ่มคงที่ละ5555555555 อย่าเพิ่งทิ้งกันไปละกันนะครับ <3
เวิ่นเว้อคุยทวงฟิคหรือข้องใจอะไรติดต่อกับไรท์เตอร์ได้ที่ @kaewknr
แจ้ง!! วันศุกร์นี้ไรท์ลานะ มีโปรเจ็คต้องไปทำ จะเปิดเทอมแล้วงานยุ่ง55555 อาจจะมาอัพวันอาทิตย์นะงับถ้าไม่ติดอะไร ไรท์ต้องเอาคอมไปซ่อมด้วย พังซะละ ชีวิตหน่อ555
ความคิดเห็น