คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Deception Love - 2 - โพสอิท
- โพสอิท -
17.45 PM.
เฮ้อ วันนี้เป็นเวรของผมและก็ยองแจ ทำให้ไม่แปลกที่วันนี้จะกลับบ้านช้าผิดจากปกติ เพราะต้องใช้เวลาในการทำเวรพอสมควร แต่ยังดีหน่อย เพราะเพื่อนใหม่อย่างยูคยอมอยู่ช่วยทำเวรจนเกือบเสร็จ แต่ต้องกลับไปก่อนเพราะมีธุระ
“เฮ้ย ฉันว่ายูคชอบนายชัวร์เลยว่ะ” เสียงของยองแจเข้ามาในโสตประสาทของผมอีกครั้ง เพราะวันนี้ทั้งวันตั้งแต่ที่มีเพื่อนใหม่อย่างยูคยอม ยองแจเองก็ได้ยินบทสนทนาทั้งหมด ทำให้ยองแจเอาแต่พูดเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมา
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะคิดว่ายองแจก็พูดไปเรื่อยเปื่อย และยูคยอมเองก็คงไม่ได้คิดอะไร ตอนนี้ผมคิดถึงแต่รุ่นพี่ผมสีน้ำตาลซึ่งเป็นใครไปไม่ได้… พี่มาร์ค
“นี่ นายจะปล่อยให้ฉันพูดคนเดียวแบบนี้หรือไงฮ่ะ?” ยองแจหยุดและ หันมาหาผมซึ่งตอนนี้เราก็เดินมาถึงหน้าโรงเรียนแล้ว ผมก็ยังคงไม่สนใจยองแจและไม่คิดจะตอบอะไรยองแจทั้งนั้น
ผมกวาดสายตาไปบริเวณรอบๆโรงเรียน ซึ่งตอนนี้เด็กนักเรียนในโรงเรียนก็กำลังถยอยกันกลับบ้านจะหมดแล้ว จะเหลือก็แค่นักกีฬาในโรงเรียนก็เท่านั้น ผมมองไปยังกลุ่มนักกีฬาที่อยู่บริเวณสนามบาส ผมเพ่งสายตาเพื่อมองหาคนคนหนึ่ง และไม่นานก็พบคนที่เขาตามหาอยู่
ใช่แล้วล่ะครับ พี่มาร์คเป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียน
ผู้ชายผมสีน้ำตาลแดงที่กำลังเล่นบาสอยู่ คนที่เขาหลงรัก และคนที่ทำลายหัวใจผม แต่ผมก็เลือกที่จะรักต่อไป เพราะคนแอบรักจะทำอะไรได้นอกจากต้องรักเขาต่อไป แม้เขาจะทำให้เสียใจแค่ไหนก็ตาม
“ย๊าส์!! แบมแบม เดี๋ยวนี้ชอบเหม่อจริงนะ รถของบ้านนายมานู้นแล้ว” ก่อนที่ผมจะอยู่ในห้วงความคิดตัวเองไปมากกว่านี้ ยองแจก็สะกิดเพื่อเรียกสติผมกลับมา ก่อนจะชี้ไปที่รถของทางบ้านผมมารับอย่างเช่นทุกวัน
“อืม ฉันไปก่อนนะ” ผมพูดบอกลาเพื่อนสนิทสั้นๆ ก่อนจะโบกมือให้ และก่อนที่จะเดินไปขึ้นรถ ผมก็ไม่ลืมที่จะหันกลับไปมองที่สนามบาสอีกครั้ง และถ้าผมไม่คิดเข้าข้างตัวเองไปละ ผมรู้สึกเหมือนมาร์คกำลังมองมาทางผมอยู่
แต่มันคงไม่ไปไม่ได้หรอก เขาไม่สนใจอะไรผมด้วยซ้ำ…
- DECEPTION LOVE –
ไม่นานผมก็มาถึงคอนโดหรูใจกลางกรุงโซล ที่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก ที่ผมอยู่คอนโดก็เพราะจริงๆแล้วผมเป็นคนไทยครับ ผมเพิ่งย้ายมาเรียน ที่เกาหลีตอนปีนี้เทอมที่แล้วเอง และที่ผมได้มาเรียนอยู่ที่นี้ก็เพราะ หลังจากที่พ่อผมเสีย แม่ก็ไปแต่งงานใหม่กับใครก็ไม่รู้ซึ่งเป็นคนเกาหลี และรถที่ไปรับส่งผมอย่างเช่นเมื่อครู่นี้ก็มาจากคำสั่งพ่อคนใหม่ของเขานั้นแหละ
ผมขึ้นมายังคอนโดชั้นที่ผมอยู่แล้ว ซึ่งอยู่เกือบชั้นสุดท้ายของคอนโดที่สูงเสียดฟ้า ก่อนที่ผมจะแตะคีย์การ์ดและผลักประตูเข้าไปในห้อง
“กลับมาช้าจังนะ ไปอ่อยผู้ชายที่ไหนมาอีกละ” เสียงเรียบๆที่ดังขึ้นมาจากภายในห้องทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไป
และไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ชายต่างสายเลือดของผมเองครับ พี่อิม แจบอม เป็นลูกของพ่อคนใหม่ของผมเอง พี่เขาเรียนอยู่เกรด12 ครับ อยู่ห้องเดียวกับพี่มาร์ค และพี่แจบอมก็ไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่ ไม่สิ… อาจถึงขั้นเกลียดเลยก็ว่าได้
“เปล่าครับ ผมแค่ทะ…”
“อย่ามาตอแหล ไปอ่อยไอ้มาร์คมันก็บอกมา คนเขานินทากันทั้งโรงเรียนยังไม่รู้เรื่อง” ยังพูดไม่จบประโยค คำพูดเสียดสีก็เอ่ยขึ้นมาอีกจากปากคนเป็นพี่ แต่ผมก็เลือกที่จะเงียบ
ตามจริงแล้วผมไม่ต้องอยู่คอนโดเดียวกับพี่แจบอมก็ได้ แต่การที่ผมอยู่กับพี่แจบอมก็เพราะตามความต้องการของพ่อพี่แจบอมและแม่ของผมเอง เพราะพวกท่านคิดว่าเราสองคนเข้ากันได้ แต่ความจริงแล้วพวกเขาคิดผิดแล้วล่ะ
“ยังจะมัวยืนนิ่งอยู่ได้ ไปหาอะไรมาให้กูกินสิ รอมึงกลับมาก็นานจะตายแล้ว” คำพูดหยาบคายกับประโยคที่เหมือนจะเป็นประโยคคำสั่งมากกว่าประโยคขอร้องถูกเอ่ยออกมาอีกด้วยน้ำเสียงที่ติดจะหงุดหงิด แต่ผมจะทำยังไงได้ นอกจากทำตามที่พี่แจบอมต้องการ ผมก็หวังว่าสักวันหนึ่งพี่แจบอมจะเห็นเป็นน้องคนนึงบ้างก็เท่านั้น
หลังจากทำอาหารให้พี่แจบอมเสร็จ ผมก็หลบออกมาทำการบ้านบริเวณ โซฟาที่นอนของผม ใช่… ผมไม่มีโอกาสได้นอนเตียงเดียวกับพี่แจบอมหรอกครับ แค่อยู่ร่วมห้องกันพี่เขาก็คงรังเกียจมากพอแล้ว
- DECEPTION LOVE –
เนเก วาจุลเร…
นูนึล กัมโก นอล อาจาจุลเร…
ผมตื่นขึ้นมากดปิดเสียงนาฬิกาปลุก ตอนนี้เป็นเวลาตี5 ครับ ผมต้องตื่นมาทำอาหารเช้ารวมถึงรีดชุดยูนิฟอร์มให้พี่แจบอมก่อนไปโรงเรียน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ผมจะต้องทำทุกวันอยู่แล้ว
ผมนำอาหารเช้าที่ทำเสร็จตั้งเอาไว้บนโต๊ะอาหารในห้องครัว และชุดที่รีดแขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้า เพราะอีกไม่นานพี่แจบอมคงจะตื่นแล้วล่ะ พอทำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจึงออกจากห้องเพื่อที่จะไปโรงเรียน
ตอนเช้าผมจะไม่ไปโรงเรียนพร้อมพี่แจบอมครับ เพราะผมรู้ว่าพี่เขาเกลียดผมมากแค่ไหนผมก็พอจะรู้ตัว ดังนั้นตอนมาโรงเรียนผมจึงเลือกที่จะขึ้นรถโดยสารประจำทางมาเองดีกว่า
และไม่นานผมก็มาถึงโรงเรียน เวลาตอนนี้ยังมีคนมาโรงเรียนจำนวนไม่มาก หรือจะเรียกว่าไม่มีเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากพวกที่อยู่หอของโรงเรียนแล้ว ก็คงไม่มีใครบ้ามาโรงเรียนเช้าแบบผมหรอก
แต่ผมมีเหตุผลนะ ที่มาโรงเรียนเช้าก็เพื่อจะได้นำโพสอิสที่ผมเขียนทุกวันไปไว้ใต้โต๊ะเรียนของพี่มาร์ค ถึงผมจะรู้ว่าพี่เขาคงขย่ำทิ้งทุกใบก็เถอะ
ผมเดินขึ้นไปบนตึกชั้นเรียนของรุ่นพี่เกรด 12 และไม่นานผมก็มาหยุดที่เกรด 12 ห้อง B ผมเดินเข้าไปโต๊ะริมหน้าต่างหลังสุดของห้องก่อนจะค่อยๆ เลื่อนเก้าอี้ออก และย่อตัวลงเพื่อจะได้นำโพสอิทที่เขียนมาสอดไว้ใต้โต๊ะของพี่มาร์ค
ตึก.. ตึก
ผมได้ยินเสียงรองเท้าที่บริเวณหน้าห้อง ก่อนที่เจ้าของเสียงเท้านั้นจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ ซึ่งผมจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร
“ไม่ต้องแอบ มาทำอะไรที่โต๊ะฉัน!!” เสียงทุ้มตะหวาดออกมาเสียงดัง ผมจึงค่อยๆลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับมาร์ค
“นายอีกแล้วหรอ? ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่าไปให้พ้นฉันซะที” มาร์คเอ่ยเสียงเรียบ ตาคมจ้องไปยังคนตัวเล็กที่ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด
“ตะ… แต่ผมแค่อยากทำให้พี่” พูดจบผมก็เงยหน้าเพื่อสบตาเป็นการยืนยันว่าที่ผมพูดนั้นเป็นความจริงเผื่อร่างสูงจะเห็นใจและไม่โกรธผม แต่ก็ต้องตกใจเมื่อพี่มาร์คเดินเข้ามาใกล้ จนหยุดอยู่ตรงหน้าผมแล้ว
“หยุดพูดจาน้ำเน่า แล้วออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้” มาร์คยังคงเอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความน่ากลัว ทำให้ผมที่กลัวพี่เขาอยู่แล้วถึงกับก้าวขาไม่ออก
“…” ผมเงียบเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรในเหตุการณ์แบบนี้ จะเดินออกจากห้องนี้ ขามันก็ก้าวไม่ออก จึงทำได้แต่ต้องก้มหน้ารับชะตากรรม
แต่มาร์คกลับเข้าใจการกระทำนั้นผิด คิดว่าคนตัวเล็กต้องการที่จะกวนประสาทหรือจะเรียกอีกอย่างว่า ‘ยั่ว’ นั้นเอง
พลั่ก!!
“โอ้ย...” ผมร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อมาร์คผลักผม แม้จะเพียงแขนเพียงข้างเดียว แต่แรงมากจนทำให้แผ่นหลังของผมกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างจัง ผมคิดว่าเช้าวันพรุ่งนี้มันคงจะขึ้นช้ำเป็นสีเขียวแน่ๆ
“นี่นายไม่เข้าใจที่ฉันพูดสินะ…” มาร์คเดินเข้ามาประกบตัวผม ก่อนจะก้มลงมาใกล้ๆ มันใกล้มากจนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่รดบริเวณต้นคอ ผมหดคอหนีก่อนจะเบนหน้าไปทางอื่น เพื่อจะหลีกเลี่ยงการสบตากับคนตัวสูงแต่มันเป็นการปล่อยโอกาสให้มาร์คเอาจมูกมาถูไถบริเวณพวงแก้มใสเบาๆ
ผมเอามือวางไว้บริเวณแผงอกของมาร์ค เพื่อหวังที่จะผลักออกไป แต่เมื่อวางมือลงไปแล้ว กลับไม่มีแรงแม้แต่นิดเพื่อที่จะผลักคนตัวสูงออกไป
“นี่คิดจะยั่วฉันจริงๆใช่มั้ย?” พอจบประโยค ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัว มาร์คก็กดจูบหนักๆลงมาที่ริมฝีปากบางของคนตัวเล็ก ร่างสูงใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าหวานไว้เพื่อไม่ให้ร่างเล็กหลบได้ ผมพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากมาร์ค แต่ก็โดนร่างสูงรั้งเอวบางเข้ามาแนบตัว ก่อนที่มืออีกข้างจะรั้งท้ายทอยคนตัวเล็กลงมาเพื่อที่จะไม่ให้ผมผละออกได้
“อืมม…” ผมเม้มปากแน่น เพื่อที่จะไม่ให้มาร์ครุกล้ำเข้ามาได้ แต่ร่างสูงก็เหมือนจะรู้ทัน จึงกัดริมฝีปากของร่างบางแรงๆ ทำให้ริมฝีปากนุ่มเลือดซิบ เกิดกลิ่นคาวของเลือดชัดเจน และเป็นไปตามความต้องการของมาร์ค เมื่อแบมแบมเผยอปากออกด้วยความเจ็บ ก่อนที่ร่างสูงจะสอดเรียวลิ้นสากเข้าไปสำรวจภายในโพรงปากหวานของคนตัวเล็ก
จูบที่ไม่มีแม้แต่ความอ่อนโยนสักนิด ผมอยากจะผละออก แต่เหมือนใจมันโหยหาและต้องการผู้ชายคนนี้เหลือเกิน เขาเหมือนกับคนคนนั้นมากจนผมเองยังตกใจ ว่า เขานั้นใช่คนๆเดียวกันหรือเปล่า?
และก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปมากกว่านั้น ผมก็ได้ยินเสียงรองเท้าบริเวณหน้าห้องเรียนแล้วใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมจึงพยายามดิ้นสุดแรงเพื่อให้หลุดจากจูบที่ไม่มีแม้แต่ความอ่อนโยน แต่มาร์คกลับไม่ปล่อยผมออก
“เฮ้ย ทำอะไรกันว่ะ!!!”
TALK
ใครมาขัดมาร์คแบมมม555555 พี่บีอย่าใจร้ายกับน้องมากดิ ไรท์อาจแต่งมึนไปบ้าง อย่าคิดไรมาก ฟิลมันไม่มาตอนดึกๆ555555555555555 ฝันดีนะครับรีดเดอร์ที่น่ารัก^^
ความคิดเห็น