คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Mistake 8
Mistake 8
‘ฮึก พี่ครับผมเจ็บ’
‘ไม่เป็นไรนะครับคนดี ไม่เอาไม่ร้องๆ’
‘ฮึก พี่ครับ....พี่ครับ’
เฮือก!!!
“แฮ่กๆๆ” ร่างบางของจงแดที่นอนอยู่บนเตียงใหญ่เบิกตากว้างพลางหายใจหอบถี่เหงื่อไหลซึมทั้งที่ภายในห้องนั้นมีเครื่องปรับอากาศ อยากจะลุกขึ้นนั่งแต่ก็ทำอะไรแทบไม่ได้นอกจากกระดิกตัวได้แค่นิดหน่อยเพราะอาการครั่นเนื้อครั่นตัวและอาการปวดจี๊ดๆที่ศีรษะ
มือข้างขวาค่อยๆยกขึ้นมาจับที่หัวด้วยความโรยแรง ผ้าที่พันไว้รอบศีรษะนั้นคงจะทำให้จงแดคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เสียนอกจากว่า...เขาหัวแตก แล้วไหนจะแขนซ้ายที่มันปวดระบมไปหมดจนแทบกระดิกไม่ได้ลองมองไปดูก็เจอผ้าก็อตพันไว้รอบๆนี่ถ้าพันไว้ทั้งตัวได้ก็คงจะทำกันไปแล้ว
นึกไปถึงผู้ชายคนนั้น...คนที่ทำให้จงแดต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ คงจะสาแก่ใจหมอนั่นแล้วสินะที่ทำให้เขาเจ็บเจียนตายได้ขนาดนี้ จงแดไม่เข้าใจเลยว่าจุนมยอนต้อการอะไรกันแน่ทั้งที่จงแดและครอบครัวก็ไม่เคยไปทำอะไรให้ด้วยซ้ำมีแต่จุนมยอนนั่นแหละที่คอยแต่ทำร้ายจงแดและครอบครัว แต่ตอนนี้จุนมยอนก็ได้ในสิ่งที่ต้องการไปแล้วนิแล้วยังจะต้องการอะไรอีก...หรือจะให้เขาตายๆไปซะทุกอย่างมันถึงจะจบ
แอ๊ด~~
เสียงเปิดประตูดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของจงแด ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงไม่ได้มีท่าทีจะสนใจว่าใครทีเป็นคนเปิดประตูเข้ามาจงแดทำแค่เพียงวางมือที่จับศีรษะออกมาวางไว้ข้างกายแล้วนอนนิ่งๆรอฟังว่าคนที่เข้ามาใหม่ต้องการอะไร
“นางหญิงฟื้นแล้วเหรอครับ” น้ำเสียงที่ฟังดูเปรมปรีดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของจงอินมาหยุดยืนอยู่ตรงข้างเตียงฝั่งทางซ้ายของจงแด
“อือ”
“นายหญิงเป็นยังไงบ้างครับ...ปวดหัวรึเจ็บตรงไหนมากรึเปล่า” จงอินถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความเป็นห่วง
“ก็...ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ”
“ให้ผมตามหมอให้ไหมครับ”
“ไม่ต้องหรอกขอฉันพักผ่อนอีกสักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้นเองแหละ”
“ถ้าอย่างนั้นนายหญิงทานอะไรสักหน่อยแล้วก็ทานยาแล้วค่อยนอนนะครับ เดี๋ยวผมให้คนยกขึ้นมาให้”
“ไม่ต้องหรอกฉันยังไม่หิว”
“แต่....” จงอินมีทาทีคัดค้านเล็กน้อยกับการปฏิเสธที่จะทานข้าวของจงแด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเมื่อจงแดพลิกตัวหันไปอีกทางแล้วก็คลุมผ้าห่มหนีเขาไปเลย ร่างสูงถอนหายใจให้กับความดื้อรั้นนั้นเล็กน้อยก่อนจะต้องจำใจหมุนตัวหันหลังเดินจากมา
ปัง
เมื่อเสียงประตูปิดลงจงแดก็ปล่อยให้หยดน้ำตาที่กลั้นไว้ไหลรินลงมาทันที เขาคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่เหลือเกินถ้าเขายังมีท่านทั้งสองอยู่ด้วยก็คงไม่ต้องมาพบเจอกับอะไรแบบนี้ ทำไมกันนะ...ทำไมฟ้าต้องบัลดาลให้คนอย่างจงแดต้องมาเจอกับคนอย่างจุนมยอน.....
‘พี่ซูโฮฮะถ้าผมเลิกร้องไห้พี่จะพาผมไปกินไอติมใช่ไหมฮะ’ เสียงของเด็กตัวผอมที่นั่งกุมหัวเข่าของตัวเองไว้ทั้งน้ำตาเอ่ยกับพี่ชายตัวขาวที่นั่งยองๆอยู่ตรงหน้า
‘แน่นอนอยู่แล้วสิครับ ถ้าเจ้าสาวของพี่เลิกร้องไห้พี่จะพาไปกินทุกอย่างที่เจ้าสาวของพี่อยากกินเลย’ เด็กชายตัวขาวที่อายุมากกว่าเอ่ยยิ้มๆแล้วยกมือน้อยๆขึ้นไปลูบหัวคนเป็นน้องแผ่วเบา
เด็กน้อยที่มีมุมปากยกขึ้นเหมือนลูกแมวยิ้มให้พี่ชายตาหยีแล้วเอียงคอมาให้พี่ชายตัวขาวลูบหัวให้ตนเองถนัดขึ้น...ท่าทางแบบนั้นเหมือนลูกแมวกำลังอ้อนไม่มีผิด
‘พี่ซูโฮบอกว่าผมเป็นเจ้าสาว...แปลว่าโตขึ้นผมต้องแต่งงานเป็นเจ้าสาวให้พี่ซูโฮใช่ไหมฮะ’ คนน้องถามเสียงใส
‘แน่นอนสิ แล้วพี่ก็จะไม่มีทางให้ใครมาเป็นเจ้าบ่าวของเฉินเฉินได้หรอก’ เด็กโตกว่าตอบเสียงหนักแน่นก่อนจะค่อยๆผละตัวออกจากหัวทุยๆที่เพิ่งจะเอนมาซบไหล่ตนเองเมื่อกี้แล้วลุกขึ้นมานั่งยองๆหันหลังให้คนน้องขึ้นมาขี่หลังตนเอง ซึ่งคนน้องก็ทำตามที่คนพี่ต้องการด้วยความเต็มใจ
ร่างเล็กๆของเด็กน้อยทั้งสองที่เดินแบกกันไปร้ายไอติมไม่ใกล้ไม่ไกลในเวลาตอนเย็นที่มีพระอาทิตย์ส่องแสงสีส้มอมแดงประกอบกับเสียงเล็กๆที่พูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะกันไปตลอดทางมันช่างเป็นภาพที่ดูมีความสุขจริงๆ....
เฮือก!!!
เป็นอีกครั้งที่จงแดต้องสะดุ้งตื่น ร่างบางนอนหายใจหอบถี่เม็ดเหงื่อผลุดพรายตามใบหน้าและเนื้อตัวมือบางทั้งสองข้างที่ชื้นเหงื่อไม่แพ้กันกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน อีกแล้ว...ฝันเห็นเด็กสองคนนี้อีกแล้ว!
เด็กคนหนึ่งที่ร้องไห้นั้นคือเขาในสมัยเด็กๆไม่มีผิดแน่ แต่ว่าเด็กผิวขาวอีกคนที่ตัวโตกว่าคนนั้นเป็นใครทำไมเขาถึงจำไม่ได้ ไม่สิต้องบอกว่าไม่รู้จักเลยเสียด้วยซ้ำ ท่าทางที่เขาและคนตัวขาวนั้นแสดงออกมาทางความฝันมันเหมือนว่าผมกับเด็กผิวขาวคนนั้นสนิทและรักกันมาก แต่ทำไม? ....ถ้าผมกับเขาคนนั้นสนิทกันและรักกันมากจริงๆทำไมในตอนนี้ คิม จงแด ถึงจำคนผิวขาวนั้นไม่ได้เลยล่ะ? แล้วเด็กผิวขาวคนนั้น...หายไปไหน
ซูโฮคนนั้นมีตัวตนอยู่จริงๆใช่ไหม?
ซูโฮคนนั้นเป็นอะไรกับจงแด แล้วทำไมต้องเรียกเขาว่าเฉินเฉิน?
แล้วตอนนี้ซูโฮคนนั้นหายไหน?
40%
ต่อค่ะ
‘พี่ซูโฮจะอยู่กับเฉินเฉินไปตลอดรึเปล่า’
‘แน่นอนสิ พี่สัญญาเลยนะว่าจะอยู่ดูแลเจ้าสาวของพี่ไปตลอดชีวิตเลย’
‘จริงๆนะ’
‘จริงที่สุดเลยครับ แล้วเจ้าสาวของพี่ล่ะจะอยู่ให้พี่ดูแลไปตลอดชีวิตไหม’
‘ครับ เฉินเฉินสัญญาว่าจะอยู่ให้พี่ซูโฮดูแลไปตลอดชีวิตเลย’
.........คำสัญญามันก็เป็นแค่เพียงลมปาก........
เฮือก!!!
ร่างโปร่งของจุนมยอนสะดุ้งตื่นในเวลากลางดึก ตามตัวและบริเวณใบหน้ามีเหงื่อเกาะพราวราวกับว่าภายในห้องนั้นร้อนนักหนา เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงพลางหายใจหอบถี่อัตราการเต้นของหัวใจในตอนนี้ไม่สามารถระบุได้ว่ามันเต้นกี่ครั้งต่อนาที มือเรียวยกขึ้นมาเสยผมที่มันตกลงมาบดบังใบหน้าหล่อที่ติดจะออกไปทางหวาน
ความคิดในหัวเริ่มตีรวนกันจนยุ่งเหยิง นานแค่ไหนกันนะที่เขาไม่ได้ฝันเห็นอะไรแบบนี้ครั้งสุดท้ายที่ฝันถึงคงจะเป็นวันครบรอบหนึ่งปีที่ชีวิตของจุนมยอนหรือซูโฮไม่ได้มี คิม จงแด หรือ เฉินเฉิน อยู่เคียงข้าง ไม่ได้มีเด็กน้อยยิ้มหวานที่คอยร้องไห้งอแงเวลาหกล้ม ไม่ได้มีเด็กน้อยที่คอยเรียกเขาว่าพี่ซูโฮ...พี่ซูโฮ มันนานมากแล้วเวลาเกือบสิบปีที่ผ่านมา...เวลาที่จุนมยอนไม่ได้มีจงแดยืนอยู่เคียงข้าง
...มันนานมากจนเขาเริ่มจะชาชินกับความอ้างว้างและความเจ็บปวด
แล้วทำไมวันนี้ถึงได้ฝันเห็นเหตุการณ์ตอนเด็กอีกล่ะ ยังจะมาฝันถึงเรื่องหลอกลวงโกหกพวกนั้นอยู่อีกทำไม! คำสัญญานั่นมันจะมีความหมายอะไรในเมื่อคนที่เป็นคนสัญญาเขาไม่แม้แต่จะมีท่าทีว่าจำได้...คิม จงแดไม่เคยจำเรื่องราวอะไรที่เกี่ยวกับจุนมยอนได้เลย
คิมจงแด...นายมันก็เป็นแค่เพียงคนหลอกลวง...
เช้านี้อากาศไม่ค่อยปลอดโปร่งสักเท่าไหร่คงจะเหมือนกับสภาพร่างกายและจิตใจของจงแดตอนนี้แหละมั้ง ร่างกายและหัวใจที่มันเหมือนจะแตกสลายกลายเป็นเพียงแค่ธาตุอากาศเสียให้ได้ แม้ว่าอาการของบาดแผลที่บริเวณศีรษะจะปวดน้อยลงแขนข้างที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าก็อตก็ไม่รู้สึกปวดมากเท่าเมื่อวาน รอบลำคอก็ไม่แดงช้ำจนน่ากลัวเหมือนกับตอนก่อนหน้าแต่สภาพจิตใจของจงแดตอนนี้เรียกได้ว่าย่ำแย่มากถึงมากที่สุด
ส่วนหนึ่งที่ทำให้เป็นแบบนั้นก็คงเพราะ...การรอคอยอย่างมีความหวัง แม้ว่ามันจะเป็นความหวังที่แสนจะงี่เง่าและบ้าบอที่สุดและมันแทบจะเป็นไปไม่ได้แต่จงแดก็ยังแอบหวัง...
หวังว่าผู้ชายใจร้ายที่ทำให้เขาต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้จะมาเยี่ยมเขาบ้างสักนิดก็ยังดี แต่เปล่าเลยตลอดเวลาที่จงแดนอนซมเจ็บตัวอยู่บนเตียงนี้เขาไม่เคยจะได้เห็นเพียงปลายเส้นผมของจุนมยอนเลยด้วยซ้ำ พยายามหักห้ามใจไม่ให้คิดถึงหมอนั่นมากเท่าไหร่ก็เหมือนกับมันเป็นตัวกระตุ้นให้เฝ้ารอให้เขามาหามากขึ้น หัวใจของจงแดคอยเรียกร้องและเฝ้าหาจุนมยอนตลอดแต่สมองกับสั่งให้เกลียดคนคนนั้นไปซะ เพราะเขา! เพราะคิมจุนมยอนที่ทำให้จงแดต้องเจ็บตัวแบบนี้
แล้วจงแดควรทำยังไงดี...ในเมื่อหัวใจกับสมองมันขัดแย้งกันขนาดนี้?
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูช่วยดึงเอาความสนใจของจงแดที่กำลังนั่งพิงหัวเตียงพลางคิดเรื่องของผู้ชายใจร้ายคนนั้นให้หันมามองได้เป็นอย่างดี หัวใจดวงน้อยเต้นแรงผิดจังหวะเมื่อแอบคิดว่าผู้มาใหม่อาจจะเป็นคนที่เขานั้นเฝ้ารอก็ได้ แต่ส่วนลึกของสมองกับเอาแต่คัดค้านอาการหัวใจเต้นแรงจนจงแดเริ่มจะสับสน
แล้วทำไม...ทำไมจงแดถึงต้องหัวใจเต้นแรงให้กับคนใจร้ายที่คอยจ้องแต่จะทำลายเขาด้วยล่ะ นั่นน่ะมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเลยสักนิด!
“ผมมารับนายหญิงลงไปรับประทานอาหารเช้าข้างล่างครับ”
ผู้มาใหม่ที่ไม่ใช่จุนมยอนนั้นแอบทำจงแดผิดหวังอยู่สักหน่อยแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไปมากนัก ก็รู้อยู่แล้วว่าคนใจร้ายแบบนั้นไม่มีทางที่จะมาเยี่ยมตัวเองแน่นอนอยู่แล้วก็ยังจะหวังอะไรลมๆแล้งๆอีกนะ...เมื่อไหร่จะจำสักทีว่าจุนมยอนน่ะเกลียดจงแดขนาดไหน จุนมยอนทำร้ายจงแดกับครอบครัวมาตั้งเท่าไหร่ทำไมถึงยังไม่จำสักที!
“นายหญิงครับ”
“อ๊ะ อา...อืม ว่าไง” เพราะมัวแต่ตบตีกับความคิดของตัวเองนานเกินไปเลยทำให้ไคที่มาตามลงไปทานข้าวเช้าด่านล่างต้องเรียกอีกครั้ง
“ได้เวลาลงไปรับประทานอาหารแล้วครับ”
“อืม”
“ผมช่วยพยุงนายหญิงเองครับ”
“ขอบใจนะ” ขอบคุณร่างสูงอย่างจริงใจเมื่อไคเดินเข้ามาช่วยพยุงเขาให้ลุกจากเตียง ก็นะ...กินๆนอนๆอยู่แต่ที่เดิมมาก็ตั้งสามสี่วันมันน่าเบื่อจะตาย สู้ลงไปทานข่างล่างที่มีแม่บ้านแล้วก็บอดี้การ์ดทั้งหลายยืนมองอยู่รอบโต๊ะดีกว่าต้องมานั่งกินนอนกินอยู่แต่กับเตียงคนเดียวให้เหงาแบบนี้
....แม้จะรู้ดีว่าลงไปก็คงจะไม่มีจุนมยอนนั่งกินข้าวด้วยก็ตาม
เป็นไปอย่างที่จงแดคิดไว้ไม่มีผิดรอบโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเหล่าแม่บ้านและบอดี้การ์ดยืนคุมอยู่รอบโต๊ะ ทุกคนต่างก็ระบายรอยยิ้มน้อยๆให้กับเขาบางสายตาก็แอบแสดงออกว่าสงสารเขาจับใจเมื่อได้เห็นสภาพของนายหญิงที่ดูจะหนักเอาการอยู่
จงแดนั่งทานข้าวคนเดียวได้สักพักแล้ว...หมดแล้วล่ะกับการแอบหวังที่ว่าจะได้เจอจุนมยอนเพียงสักนิด เกือบสิบนาทีที่จงแดละเมียดละไมอาหารเช้าตรงหน้าช้าๆเพื่อรอให้จุนมยอนลงมาทานข้าวทันได้เจอกับเขา แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...จะไปหวังทำไมกับคนใจร้ายอย่างนั้น
“นายหญิงมองหาอะไรอยู่รึเปล่าครับ” เป็นไคที่เอ่ยถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นว่านายหญิงตัวเล็กทำท่าทางเหมือนมองหาอะไรสักอย่างอยู่
“เปล่า”
“ถ้าเป็นนายท่านล่ะก็ตอนนี้คงถึงบริษัทแล้วล่ะครับ เพราะออกไปกับจื่อเทาตั้งแต่เช้ามืดแล้วเห็นบอกว่ามีงานด่วนน่ะครับ” บอดี้การ์ดมือดีของจุนมยอนร่ายยาวแล้วแอบยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นท่าทีแอบผิดหวังเล็กน้อยของนายหญิงตัวเล็ก ถึงจะโดนเขาทำร้ายอยู่เรื่อยแต่ก็ยังจะสนใจเขาอยู่เนอะคนเรา
“ผมเปล่ามองหาหมอนั่นสักหน่อย” ตอบหน้าตายแล้วจึงก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มในชามกินอย่างไม่สนใจใคร
ว่าแต่...ออกไปทำงานแต่เช้าขนาดนั้นจะได้กินอะไรบ้างรึยังนะ?
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งตกมาตอนเย็นจงแดก็ยังไม่เห็นแม้แต่วี่แววของจุนมยอนเลยด้วยซ้ำ งานเยอะขนาดนั้นเลยรึไงแล้วจะได้กินอะไรบ้างรึยังก็ไม่รู้ ให้ตายเหอะ! แล้วทำไมจงแดจะต้องมาคอยคิดถึงแล้วก็เป็นห่วงจุนมยอนอยู่เรื่อยด้วยมันไม่ใช่เรื่องของเขาสักหน่อย หมอนั่นจะอยู่หรือตายยังไงมันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับจงแดสักหน่อย
ว่าแต่...ลองโทรหาหน่อยจะเป็นไรไหมนะ?
15 นาทีผ่านไป
ให้ตายเถอะนี่ผมกำลังจะเป็นบ้าตายแล้วนะ ทั้งนั่งรอก็แล้ว อ่านหนังสือรอก็แล้ว กินข้าวก็อิ่มไปตั้งแต่ช่วงเย็นๆแล้วแต่ไม่ยักเห็นแม้แต่เงาหัวของจุนมยอนเดินเข้ามาในบ้านด้วยซ้ำ ไม่คิดจะกลับมาอาบน้ำที่บ้านบ้างรึไง?
20 นาทีผ่านไป
นี่ก็ไม่ได้เจอจุนมยอนมาหลายวันแล้วนะ หมอนั่นไม่คิดที่จะมาเยี่ยมเขาเลยสักครั้งเหรอไม่กลัวเขาหนีไปหาพี่อี้ชิงหรือว่าแบคฮยอนแล้วรึไง จงแดไม่ได้คิดถึงอะไรจุนมยอนนักหนาหรอกนะไอ้ที่นั่งรอนอนรอฟังเสียงรถของจุนมยอนนี่ก็แค่เพราะนอนไม่หลับเลยอยากจะหาอะไรทำหรือหาอะไรดูรอ...เฉยๆ
1 ชั่วโมงผ่านไป
เวลาเดินทางมาถึงสี่ทุ่มหนังตาที่เคยตึงเปรี้ยก็เริ่มจะหย่อนลงเรื่อยๆ ดวงตาสวยพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่หลับลง จุนมยอนยังไม่กลับมาบ้านเลยไม่รู้ว่างานจะยุ่งอะไรนักหนากับอิแค่ไปหาวิธีล้มคู่ต่อสู้ทางธุรกิจแล้วก็หาทางโกงคนอื่นแค่นี้มันจะอะไรนักหนา เรื่องถนัดไม่ใช่รึไง...แล้วตอนที่คิดหาวิธีทำลายครอบครัวขอเขานั้นใช้เวลาไปกี่วันกันหล่ะ!
หึ่ย! คิดแล้วก็น่าโมโหไม่น่ามารออะไรกับคนใจร้ายอย่าจุนมยอนเลย สู้เอาเวลามานอนพักผ่อนให้เต็มที่ยังจะดีซะกว่าอีก คิดได้แล้วจึงล้มตัวลงนอนไปบนที่นอนหนานุ่มจับผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนชิดคาง ถอนหายใจไปครั้งหนึ่งแล้วจึงหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราฝัน....
ประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดแล้วก็ปิดลงในเวลาต่อมาภายในห้องไม่ปรากฏสิ่งใดนอกจากความมืดมิดโชคดีที่แสงไฟทางด้านนอกนั้นลอดผ่านเข้ามาพอให้มองเห็นได้รางๆ ร่างของคนที่จงแดรอคอยตั้งแต่เช้าเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างเตียงที่มีร่างบางนอนหลับตาพริ้มอยู่
จุนมยอนลากเอาเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆมานั่งมองดูคนที่กำลังหลับสบาย ไม่ใช่วันแรกที่จุนมยอนมานั่งเฝ้าดูจงแดเวลาหลับแบบนี้มันเริ่มตั้งแต่วันที่จงแดนอนหมดสติมีรู้เรื่องตั้งแต่วันแรกเลยด้วยซ้ำ จุนมยอนน่ะเฝ้าดูจงแดอยู่ห่างๆไม่ให้เจ้าตัวรู้ต่างหากล่ะส่วนเพราะอะไรนั้นมันคงจะเป็นเพราะ...รู้สึกผิด
รู้สึกผิดจริงๆที่ทำให้คนคนนี้ต้องเจ็บตัวหนักขนาดนี้ แต่ถ้าเขาไม่บังคับจงแดให้แต่งงานด้วยให้ได้ล่ะก็...ทุกอย่างมันคงจะต้องพังลงไม่เป็นท่าแน่ๆ
มือขาวเอื้อมไปลูบผมให้เด็กยิ้มหวานของเขาเบาๆเป็นการกล่อมให้นอนหลับฝันดี แอบหวังลึกๆว่าจงแดจะฝันเห็นเขาบ้างสักนิดก็ยังดี ใบหน้าขาวนวลพยายามจะเอาแก้มมาแนบกับมือขาวของจุนมยอนอย่างออดอ้อนจนเขาได้แต่ยิ้มให้...แม้จงแดจะไม่เห็นเพราะหลับอยู่ก็ตาม
“ขอโทษนะเฉินเฉิน แต่ที่พี่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่าพี่ต้องการจะช่วยเรานะ”
“........”
“พี่ไม่ได้ขอให้เรามองพี่ในแง่ดีหรอกนะ สำหรับพี่น่ะแค่นายเห็นพี่อยู่ในสายตาสักนิดแค่นี้ก็ดีถมไปแล้วล่ะ”
แม้รู้ว่าคนที่หลับจะไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูดแต่จุนมยอนก็ยังเลือกที่จะพูดไปพลางลูบหัวคนหลับสนิทไปด้วย ใบหน้าหล่อติดหวานที่ดูอิดโรยอยู่สักหน่อยยังคงมีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าเสมอตั้งแต่เดินเข้ามาเห็นคนที่หลับอยู่ รอยยิ้มที่แทบไม่มีใครได้เห็นมันเลยด้วยซ้ำถึงแม้ว่าเวลานี้มันจะดูเป็นรอยยิ้มที่แสนเศร้าก็ตามที...
“เมื่อถึงเวลา...พี่จะทวงทุกอย่างที่เป็นของพี่คืน!”
100%
ขอโทษที่มาต่อช้าแล้วเนื้อเรื่องยังไม่หนุกอีกด้วยนะค่ะ TTVTT
ความคิดเห็น