ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Pretty Boy [ALLCHEN]

    ลำดับตอนที่ #26 : SF Sehun x Chen Bad Guy IV 100%

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ค. 59


          


    SEHUN x CHEN

    Bad Guy IV



        ผมเดินมารอจงอินที่หน้าตึกคณะเพราะเมื่อตอนบ่ายกว่าๆจงอินส่งข้อความมาบอกว่าจะรอกลับหอด้วย ป่านนี้ก็คงจะรอผมแย่แล้วเพราะวันนี้ผมต้องไปช่วยรุ่นพี่ที่คณะจัดเตรียมงานอะไรซักอย่างเลยทำให้ต้องเลิกซะเย็น ชานยอลกับแบคฮยอนนั้นกลับไปก่อนผมได้ซักพักแล้ว เห็นท่าทางสองคนนั้นดูเหนื่อยๆ ผมเลยไล่ให้กลับไปพักผ่อนก่อนทีแรกทั้งสองคนก็ไม่ยอมบอกจะอยู่เป็นเพื่อนแต่คงจะทนกับความดื้อด้านของผมกันไม่ไหวเลยยอมถอนใจกลับไปก่อน

                มานั่งใต้ต้นไม้ใหญ่คือที่ที่ผมเลือกไปนั่งรอจงอินที่ป่านนี้ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหนมา ดวงอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้าผมเลยล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาโทรหาคนที่บอกว่าจะกลับหอด้วยกัน

                ตู๊ด ตู๊ด

                [เอ่อ ครับจงแดฮยอง]

              “จงอินตอนนี้ฮยองรออยู่ที่หน้าคณะนะ จงอินอยู่ไหนหรอ”

                [ผม ผมกำลังไปครับ]

                ติ๊ด!

                ไม่ทันให้ผมได้ตอบอะไรกลับไปจงอินก็กดวางสายใส่ทันที ผมยกโทรศัพท์มือถืออกมามองก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นอะไรไปอีกเสียงที่ตอบกลับมานั่นก็ดูไม่ค่อยดีเสียด้วยสิ เป็นอะไรของเขานะ...

               

     

                รอไม่ถึงยี่สิบนาทีผมก็เห็นจงอินกำลังเดินตรงเข้ามาหาท่าทางของเขาตอนเดินเหมือนจะเซเล็กน้อยจนผมต้องขมวดคิ้วมุ่น กำลังจะตะโกนเรียกแต่ก็ถูกมือของใครไม่รู้ปิดปากของผมไว้แน่นพร้อมกับลากผมให้ตามไป

                “อื้อออ” ผมพยายามดิ้นหนีและขืนตัวไว้ไม่ให้คนที่กำลังลากผมไปนั้นลากผมไปได้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะผมแรงน้อยเกินไปหรือคนที่กำลังลากผมอยู่นั้นแรงเยอะเกินไปกันแน่มันถึงได้ดูไม่มีผลอะไรเลย จากแผ่นหลังของผมที่แนบชิดกับอกของคนที่ลากผมอยู่ทำให้ผมรู้ว่าเขาตัวสูงกว่าผมอยู่เยอะทีเดียว

                จงอินเหมือนจะมองเห็นผมแล้วเขาพยายามวิ่งตามมาแม้ว่าท่าวิ่งของเขามันจะดูแปลกๆ ไปเสียหน่อยเหมือนคนจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ จนเมื่อผมได้ยินเสียงเปิดประตูรถและร่างของผมก็ถูกผลักให้เข้าไปนั่นถึงทำให้ผมมองเห็นว่าใครเป็นคนลากตัวผมมา

                “ซ...เซฮุน!

                “หึ! สวัสดีตอนเย็นครับ...จงแดฮยอง J

                ปึง!

              ประตูรถปิดลงพร้อมกับรอยยิ้มของเซฮุนที่ส่งมาให้ผม มันไม่ใช่รอยยิ้มที่จริงใจผมรู้ดีเป็นรอยยิ้มที่ดูเย้ยหยันและทำให้ผมขนลุกเสียมากกว่า เซฮุนอ้อมมานั่งฝั่งคนขับแล้วออกรถทันทีจนผมที่นั่งอยู่เบาะหลังเซเล็กน้อยเพราะไม่ทันได้ตั้งหลัก

                “เซฮุนนายจะพาฮยองไปไหนน่ะ หยุดรถเดี๋ยวนี้เลยนะ!

                “ทำไมล่ะครับ อยากจะไปหาไอ้จงอินมันรึไง”

                “ใช่! เพราะงั้นก็ปล่อยฮยองไปได้แล้ว”

                “รอผมตายก่อนแล้วกัน!

                ปรื้นนนน

                แล้วรถคันหรูก็เคลื่อนตัวพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็ว และเมื่อมาถึงตอนนี้ผมเองก็คงจะทำอะไรไม่ได้แล้วนอกเสียจากว่าจะยอมอยู่นิ่งๆ รอรับอารมณ์ของอีกคนที่ไม่สามารถมีใครเดาออกได้เลยว่าอยู่ในอารมณ์โกรธระดับไหน แต่แม้ว่าจะโกรธน้อยหรือโกรธมากสำหรับจงแดเมื่อไหร่ก็ตามที่เซฮุนโกรธมันมักจะไม่ใช่เรื่องดีต่อตัวเขาเองเสมอ

     

                มันดูเหนือความคาดหมายเมื่อที่ที่เซฮุนพาผมมานั้นก็คือห้องของผมเอง ตั้งแต่ลงจากรถมาคนตัวสูงกว่าก็เอาแต่ลากผมแบบเอาเป็นเอาตาย มีหลายครั้งที่ผมสะดุดล้มลงเพราะก้าวตามขายาวๆ ที่ก้าวฉับๆ นำอยู่นั้นไม่ทัน แต่เซฮุนไม่ได้สนใจยังดันทุรังที่จะลากผมต่อจนกระทั่งตอนนี้ที่เราเข้ามาอยู่ในห้องแล้วพร้อมกับประตูที่ถูกล็อกแน่นสนิทโดยฝีมือเซฮุน

                “จะไปไหน”

                “หมายถึงอะไร” ผมขมวดคิ้วสงสัยเมื่อเจอคำถามที่ไม่เข้าใจของเซฮุน ส่วนเจ้าของคำถามเหมือนจะดูฮึดฮัดขัดใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมขยายความให้ผมได้กระจ่างแจ้ง

                “กับไอ้จงอินจะนัดกันไปไหน”

                “นายรู้ได้ยังไง แล้วนั่น...หน้าไปโดนอะไรมา”

                เมื่อเริ่มมีสติใจเย็นลงผมถึงได้สังเกตเห็นชัดๆ ว่าใบหน้าหล่อเหลาขาวใสของเซฮุนมีรอยฟกช้ำอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะที่บริเวณมุมปากดูจะช้ำม่วงกว่าที่อื่น อยากจะเอื้อมมือออกไปสัมผัสแผ่วเบาแต่ก็รู้ดีว่าไม่สามารถทำได้

                “ฟัดกับหมามา”

                “...จงอิน!” เมื่อได้ฟังคำตอบที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยช่วยขยายความอะไรเลยแต่เพราะนึกย้อนไปถึงสภาพของจงอินเมื่อตอนเย็นนั้นก็เหมือนจะมีแสงสว่างวาบเข้ามาในหัวแทบจะทันที และรู้ได้โดยไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเพราะสีหน้าของเซฮุนตอนนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าที่เขาเดาไปนั้นมันถูกต้อง

                “ท่าทางอาการมันจะหนักอยู่นา” นำเสียงที่กวนๆ โดยไม่ได้มีแม้แต่วี่แววของความสำนึกผิดหรืออะไรเลยแบบนั้นของเซฮุนมันทำให้ผมไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ก่อนเซฮุนไม่เคยเกเรขนาดนี้...

                “นายเป็นบ้าไปแล้วรึไง ไปต่อยกับจงอินทำไม!” ผมถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกได้อย่างชัดเจนว่ากำลังโมโห

                “ทำไม! เป็นห่วงผัวนักรึไง!!” และก็ดูเหมือนว่าเซฮุนก็จะอารมณ์ขึ้นบ้างแล้วเหมือนกัน

                “เลิกดูถูกฮยองกับเพื่อนของนายสักทีเซฮุน!

                “มันไม่ใช่เพื่อนกู!!!” เสียงตะคอกที่ดังลั่นห้องทำให้ผมตกใจจนเผลอถอยหลังไปสองก้าว รับรู้ได้เลยว่าตอนนี้ร่างกายตัวเองสั่นระริกแค่ไหน นับครั้งได้ที่เซฮุนจะพูดคำหยาบกับผมถ้าหากว่าเขาไม่โมโหจริงๆ เราต่างก็เงียบไปสักพักเซฮุนเองก็ดูเหมือนว่ากำลังจะควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองอยู่หลังจากที่เห็นว่าผมกลัวเขาจนตัวสั่น เสียงหายใจฮึดฮัดของเขานั้นเป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าเขาโกรธแค่ไหน

                “เข้าไปในห้อง” หลังจากที่เริ่มควบคุมอารมณ์ได้บ้างแล้วเซฮุนก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ คราวนี้ผมไม่ได้ขัดขืนหรือเถียงเขาอีก ยอมเดินเข้าไปในส่วนของห้องนอนอย่างคนว่าง่าย


    - B A D G U Y -


    10%


    เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ผมเองก็ไม่อาจจะรู้ได้เพราะตลอดเวลาที่เข้ามาในห้องตามที่เซฮุนบอกผมก็เอาแต่นั่งเหม่อเหมือนคิดอะไรไม่ตกแต่ความเป็นจริงคือผมเหมือนคนจิตหลุดมากกว่าหลังจากที่ถูกตะคอกเสียงดังลั่นห้อง ตั้งแต่คบกันมาครั้งนี้คงเป็นครั้งที่สองที่เซฮุนโกรธผมขนาดนี้ ครั้งแรกเป็นตอนที่ผมติดฝนอยู่หน้ามหาลัยฯ แล้วมีรุ่นพี่ที่คณะอาสามาส่งแต่เซฮุนมาเห็นเลยเข้าใจผิดไปใหญ่ เขาโมโหมากจนซัดกับรุ่นพี่คนนั้นอย่างคนไม่ฟังเหตุผลอะไร นิสัยที่แก้ไม่หายของเซฮุนคือเขาเป็นคนขี้หึงขี้หวงไม่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นของเขาคนอื่นไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องหากไม่ได้รับอนุญาตจากเขาก่อน

                ก๊อกๆๆ

                เสียงเคาะประตูเหมือนจะเรียกสติผมให้กลับมา ผมเดินออกไปเปิดประตูก็เจอเซฮุนยืนหน้านิ่งรออยู่เขาเอ่ยเสียงเรียบบอกให้ไปกินข้าว แล้วก็เดินนำออกไปโดยที่ไม่ได้รอฟังว่าผมจะตอบว่าอะไร แต่ก็นั่นแหละครับ ทางเลือกผมใช่ว่ามันจะเยอะถ้าผมไม่ยอมไปกินข้าวตามที่เขาบอกคนที่จะซวยไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกจากผม

                บนโต๊ะกินข้าวมีบะหมี่อยู่สองชามกำลังส่งกลิ่นหอมพร้อมกับควันที่ลอยออกมาจากปากชามทำให้รู้ว่าอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นเพิ่งจะทำเสร็จได้ไม่นาน เซฮุนทำอาหารไม่เป็นนั่นคือเรื่องจริง ถ้าหากเขาอยากเอาใจผมหรือขอโทษกับอะไรสักอย่างที่เขาทำผิดเขาจะชอบทำอาหารมาง้อซึ่งมันก็มีไม่กี่อย่างที่คนทำอาหารไม่เป็นอย่างเซฮุนจะทำได้ ไม่บะหมี่ก็โจ้กสำเร็จรูป คิดได้แบบนั้นเลยทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้คงจะเป็นการขอโทษที่เผลอตะคอกใส่ผมซะเสียงดังเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วมั้ง

                “จะกินไม่กิน ถ้าไม่กินจะได้เก็บ”

                เสียงที่มันฟังดูเข้มกว่าทุกทีทำให้ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าเจ้าของฝีมือการต้มบะหมี่สองชามนี้กำลังเขิน ผมพยายามกลั้นยิ้มไว้แล้วเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเซฮุนที่ตอนนี้ก้มหน้าก้มตากินบะหมี่จนหน้าแทบจะจมไปกับชามแล้วด้วยซ้ำ เขาไม่ได้หิวอะไรมากมายถึงขนาดนั้นหรอก ที่เห็นแบบนั้นเพียงเพราะเขาเขินเท่านั้นแหละครับ แต่เห็นเขาเป็นแบบนี้ก็ใช่ว่าผมจะกล้าแซวเขาเหมือนตอนที่เรายังคบกันอยู่หรอกนะเกิดเขาโกรธขึ้นมาอีกผมก็ซวยอ่ะดิ สิ่งเดียวที่ทำได้เลยจำต้องนั่งเงียบกินบะหมี่ไปแบบนั้น บรรยากาศรอบตัวของเราสองคนเงียบกริบเพราะทั้งผมและเซฮุนเอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตากินกันอยู่เงียบๆ

                ก็อกๆๆ

                จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมเงยหน้ามองเซฮุนเล็กน้อยเขาพยักหน้าให้ผมกินต่อ ส่วนร่างสูงก็ลุกขึ้นไปเปิดประตูแทนเจ้าของห้องอย่างผม

                ผลัก! ตุบ! ตึง!

              เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นมาในนาทีต่อมา ผมรีบวางช้อนที่กำลังจะส่งน้ำซุปร้อนๆ เข้าปากแล้วรีบวิ่งออกไปดูที่หน้าห้องก็เจอร่างสูงสองร่างกำลังฟัดกันนัวเนีย และผมจะไม่ยืนรอให้ใครคนใดคนหนึ่งต้องเจ็บตัวกันไปมากกว่านี้หรอกนะ! สองขาของผมรีบวิ่งเข้าไปพยายามกระชากเซฮุนที่กำลังซัดหมัดใส่จงอินไม่ยั้งให้ถอยออกมา แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากเสียเหลือเกินเมื่อผมไม่ได้รับความร่วมมือที่ดีเลย

                “นี่หยุดนะ! หยุดได้แล้ว!

                ตุบ! ผลัก!

              ในจังหวะที่ผมกำลังจะดึงตัวเซฮุนออกมาได้แล้วนั้นก็เป็นทีของจงอินที่พุ่งเข้ามาสวนหมัดใส่ใบหน้าของเซฮุนไม่ยั้งจนร่างสูงเซล้มลงไปกับพื้นแม้แต่ผมก็ไม่สามารถประคองไว้ได้ จงอินลงไปคร่อมร่างของเซฮุนไว้แล้วซัดหมัดซ้ำไปที่บริเวณเดิม ใบหน้าของทั้งสองคนเริ่มจะดูไม่ได้เพราะมีทั้งเลือด ทั้งรอยบวมช้ำบางจุดจนดูน่ากลัว ผมไม่ถอดใจวิ่งเข้าไปดึงแขนของจงอินไว้ตอนที่แขนแกร่งนั้นกำลังง้างขึ้นเตรียมจะปล่อยหมัด แต่คงเพราะอยู่ในห่วงของอารมณ์โมโหอยู่ร่างของผมถูกผลักกระเด็นออกมาจนหัวไปชนเข้ากับขอบโต๊ะเข้าอย่างจัง

                “โอ้ย!!” เหมือนกับว่าบริเวณรอบข้างเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อของผมเสียงดังจากคนสองคนที่ก่อนหน้านี้กำลังฟัดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

                “ฮยองเป็นยังไงบ้าง”  เซฮุนพุ่งถลาเข้ามาประคองผมไว้ในอ้อมแขน ผมรับรู้ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้นะ แต่ผมแค่ยังไม่สามารถตอบรับอะไรพวกเขาทั้งสองคนได้เพราะผมยังรู้สึกมึนๆ อยู่ มือที่ยกขึ้นมากุมหัวด้านที่โดนกระแทกเข้าอย่างจังรับรู้ได้ถึงของเหลวเหนียวข้นที่ไหลลงมาตามใบหน้าและมือ

                “ฮยอง จงแดฮยอง...” จงอินลงมาคุกเข่าลงตรงหน้าผม ผมไม่ได้สนใจเขามากนัก มือข้างที่สัมผัสได้ถึงของเหลวถูกเลื่อนมาไว้ตรงหน้า เลือดสีแดงเข้มที่อาบอยู่บนฝ่ามือนั้นเล่นเอาผมแทบช็อค อาการหน้ามืดหูอื้อก็เริ่มจะเข้ามาครอบงำจนผมไม่สามารถทนได้ไหว และสลบไปในที่สุด....

     

    - B A D G U Y –

     

     

                โรงพยาบาล

                [Sehun part]

                ผมแทบนั่งไม่ติดตั้งแต่ที่ร่างของจงแดฮยองถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินความรู้สึกเหมือนมีไฟสุมตัวอยู่ตลอดเวลา ถ้าจงแดฮยองเป็นอะไรไปผมจะไม่ให้อภัยตัวเองเลยเด็ดขาด! ผมเคยคิดว่าผมเกลียดจงแดฮยองไปแล้วตั้งแต่ที่รู้ว่าจงแดฮยองนอกใจผมแต่เปล่าเลย... หัวใจของผมมันเคยเป็นของจงแดฮยองอยู่ยังไงตอนนี้มันก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น

                ทำไมกันนะเขาทำกับผมขนาดนี้แต่ทำไมผมถึงเกลียดเขาไม่ลงสักที!

              “จงแดเป็นยังไงบ้าง!” เสียงของรุ่นพี่ทั้งสองซึ่งเป็นเพื่อนกับจงแดฮยองตะโกนถามตั้นแต่ตัวยังไม่ถึงผมกับไอ้จงอินที่ตอนนี้เดินสวนกันไปมา ตั้งแต่มาถึงผมกับมันก็ไม่มีใครคิดที่จะให้ความสนใจกับเก้าอี้เลย

                “หมอยังไม่ออกมาเลยครับ” เป็นไอ้จงอินที่ตอบแทน ส่วนผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักตอนนี้สมาธิทั้งหมดของผมมันพุ่งตรงไปแค่หน้าประตูห้องฉุกเฉินเท่านั้น

                ผมรู้แล้วว่าผมขาดเขาไม่ได้ ผมขาดคนที่ชื่อคิม จงแดไม่ได้ ถ้าหากเขาฟื้นขึ้นมาผมต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทำไมเขาต้องนอกใจผมหากจงแดฮยองไม่ชอบผมเกลียดผมเพราะอะไรผมจะยินยอมปรับปรุงตัวทุกอย่างเพื่อให้ได้เขากลับมา ผมขอแค่นั้นจริงๆ

                “เซฮุนขอพวกฮยองคุยด้วยหน่อยสิ” ผมหันกลับไปมองรุ่นพี่ร่างสูงที่เดินเข้ามาจับบ่าผม ใบหน้าที่แต่ก่อนมีแต่ความขี้เล่น ร่าเริง สนุกสนานตอนนี้กลับดูจริงจังจนผมรู้สึกเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย ข้างหลังมีรุ่นพี่แบคฮยอนที่ยืนก้มหน้าไม่พูดอะไรตั้งแต่มาถึง

                “แต่จงแดฮยอง...”

                “แค่แป๊บเดียว”

                “...ก็ได้ครับ”

     

     

    - B A D G U Y –

     

     

                ผมกับรุ่นพี่อีกสองคนหยุดกันอยู่ที่ซอกตึกบริเวณหนึ่งซึ่งไร้ผู้คนแต่ก็ไม่ได้ไกลไปจากห้องฉุกเฉินมากนัก ใบหน้าของชานยอลฮยองยังคงเรียบนิ่งค่อนไปทางซีเรียสจนผมรู้สึกอึดอัด พอเหลือบไปมองแบคฮยอนฮยองที่แต่ก่อนจะเสียงดังโหวกเหวกโวยวายที่สุดในกลุ่มตอนนี้ก็ยังคงก้มหน้านิ่งเหมือนตอนเข้ามาแรกๆ เหมือนเดิม

                “ฮยองมีอะไรกับผมรึเปล่าครับ”

                “ให้แบคฮยอนเป็นคนบอกเองแล้วกัน” ผมหันไปมองทางแบคฮยอนฮยองที่ตอนนี้ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมแล้ว ดวงตาที่เคยสว่างสดใสตอนนี้ดูเศร้าซึมและเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ผมเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร

                “ฉัน...ฉันผิดเอง” ผมขมวดคิ้วมุ่น กำลังงงว่ารุ่นพี่ตัวเล็กเป็นอะไรแล้วเขาทำอะไรผิดงั้นเหรอ? “ทุกอย่าง...ทุกอย่างมันเป็นเพราะฉันเอง!

                “ฮยองหมายถึง...อะไรหรอครับ?” เพราะเห็นว่าอีกคนเงียบไปนานหลังจากที่ตะคอกเสียงดังเมื่อกี้ ยิ่งเห็นน้ำตาของอีกคนผมยิ่งรู้สึกแปลกๆ

                “ฉันเป็นคนโกหกจงแดเรื่องที่นายไปต่างประเทศเพราะแอบหนีไปหมั้น เพื่อนของฉันที่อยู่นู่นเห็นนายไปเที่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งฉันมารู้ทีหลังว่าเป็นญาติของนาย...ฮึก...แต่ฉันก็ยังแกล้งเป็นผู้หวังดีส่งรูปพวกนั้นไปให้จงแดดูแล้วก็ใส่ร้ายนาย อึก!

                “ฮยองทำแบบนั้นทำไม!!!” เหมือนเส้นควบคุมสติของผมจะขาดจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ร่างของผมพุ่งตรงเข้าใส่ร่างเล็กของรุ่นพี่ที่ยืนน้ำตาไหลตั้งแต่เริ่มเปิดปากเล่าเรื่อง มือทั้งสองข้างของผมกำคอเสื้อเขาไว้แน่นอยากจะซัดหมัดใส่ใบหน้าน่ารักนั่นไปสักทีแต่ผมก็ทำได้แค่ยับยั้งชั่งใจไว้

                “ฉันรู้ว่านายโกรธแต่ช่วยฟังให้จบก่อน” เหมือนชานยอลฮยองจะเป็นคนที่อารมณ์นิ่งที่สุดในตอนนี้ เขารีบเข้ามาห้ามเมื่อเห็นว่าผมชักจะคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว

                “ฉันอยากให้นายกับจงแดเลิกกันจริงๆ นะ ...แล้วรูปที่จงแดกับจงอินอยู่ด้วยกันนั่นก็ฉันเองล่ะที่ส่งไปให้นาย”

                “...”

                “ฉันแกล้งยุยงจงแดให้เลิกยุ่งกับนายไปซะ”

                “...ทำแบบนั้นทำไม”

                “ยิ่งเลิกกันเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี” ยิ่งพูดแบคฮยอนฮยองก็ยิ่งสะอื้นหนัก ในสมองผมตอนนี้มันเหมือนกับกระดาษที่เต็มไปด้วยหมึกดำขีดเขียนอะไรต่างๆ มากมายจนยุ่งเหยิง ได้แต่ตั้งคำถามซ้ำไปซ้ำมาว่าเขาทำแบบนั้นทำไม

                “ฉันขอโทษนะ แต่ว่า...”

                “ฉันถามว่าทำแบบนั้นทำไม!!!!

                “เพราะฉันอยากให้จงอินสมหวังไงล่ะ!! ฉันแค่อยากเห็นคนที่ฉันรักมีความสุขก็แค่นั้น...” เกิดความเงียบขึ้นหลังจากที่ผมได้รู้เหตุผลที่แท้จริงของรุ่นพี่ตัวเล็ก มือทั้งสองข้างของผมเหมือนมันจะอ่อนแรงขึ้นมากะทันหันจนต้องทิ้งดิ่งลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก เข้าใจแล้ว...ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว

                “...”

                “...ฮึก ฉันแค่อยากเห็นเขามีความสุข ฉันแค่ไม่อยากทนเห็นเขาต้องทนมองภาพของนายกับจงแดรักกันแล้วแกล้งทำเป็นว่ายินดี เพราะฉันรู้ดีว่าการที่ต้องแกล้งทำอะไรแบบนั้นมันรู้สึกยังไง ฮึก ฉันแค่อยากให้เขาสมหวังแม้ว่าฉัน...จะต้องเจ็บปวดขนาดไหนก็ตาม”

                “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ...แต่ผมไม่ต้องการ”

                “จงอิน!” เหนือความคาดหมายเมื่อร่างสูงของคนที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนรักของผมปรากฏขึ้น เหมือนมีอะไรมาทุบเข้าที่หัวผมอย่างจังจนมันแทบจะไม่รับรู้อะไรแล้วในตอนนี้ สิ่งเดียวที่ผมอยากจะทำตอนนี้คือกอดจงแดฮยองไว้ให้แน่นๆ แล้วบอกขอโทษกับสิ่งที่เคยทำร้ายเขาซ้ำไปซ้ำมา

                “ยิ่งคุณทำแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกสมเพชตัวเอง” คำเรียกที่ดูห่างเหินเรียกเสียงสะอื้นจากรุ่นพี่ตัวเล็กที่ตอนนี้น้ำตานองหน้าได้เป็นอย่างดี “แล้วผมก็ต้องขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้นั่นด้วยนะครับ แต่รบกวนช่วยเอามันคืนไปเถอะครับผมไม่ต้องการ”

                พูดจบไอ้จงอินก็เดินออกไปจากบริเวณที่ผมกับรุ่นพี่ทั้งสองคนยืนอยู่ มันไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองด้วยซ้ำว่าหลังจากมันพูดจาทำร้ายจิตใจของรุ่นพี่ตัวเล็กคนนี้แล้วเขาจะต้องตกอยู่ในสภาพไหน

                แผ่นหลังกว้างที่เดินห่างออกไปพร้อมกับร่างเล็กของรุ่นพี่แบคฮยอนที่ตอนนี้แทบไม่มีเรี่ยวแรงล้มลงไปนั่งกับพื้น จนรุ่นพี่ชานยอลที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้องเข้าไปกอดปลอบ มาถึงตรงนี้ผมเองก็เข้าใจเหตุผลของแบคฮยอนฮยองนะครับตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาจะต้องทนเจ็บปวดขนาดไหนกันกับเรื่องนี้ เขายอมทำเรื่องเลวร้ายเพียงเพื่อที่จะให้คนที่เขารักได้มีความสุขแม้ว่าเขาจะไม่ได้อะไรตอบแทนมาเลย แม้แต่ให้อยู่ในสายตาเขายังแทบไม่เคยได้รับมัน...

                แต่จะบอกว่าผมไม่โกรธอะไรเขาเลยมันก็คงจะไม่ใช่ ผมเองก็เป็นคนมีความรู้สึกเหมือนกันเขาทำให้ชีวิตรักของผมกับจงแดฮยองเกือบจะพังจนกู่ไม่กลับมันก็ต้องมีบ้างที่จะโกรธ แต่จะให้มาซ้ำเติมหรือสมน้ำหน้าผมก็ทำไมลงเหมือนกัน ในเมื่อเรื่องมันเกิดมาแล้วเราก็คงจะต้องทำใจยอมรับและแก้ไขปัญหาต่อไป...

     

    2BC


    100% ครบค่ะ

    ตอนหน้าจบก็จบแล้ว (จบซะที) 

    ชีวิต ม.๖ นี่มันไม่ง่ายเลย YoY

    ว่างแล้วเดี๋ยวจะรีบเอาตอนจบมาเสิร์ฟนะคะ คิดถึงทุกคน จุ๊บ!

    BlackForest
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×