ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Pretty Boy [ALLCHEN]

    ลำดับตอนที่ #24 : OS Lion Eyes

    • อัปเดตล่าสุด 29 ส.ค. 58



    Lion Eyes

     

                เคยมองเข้าไปในดวงตาของสิงโตกันชัดๆ ไหม?

                คุณมองเห็นอะไรในดวงตาของสิงโต?

                ว่ากันว่าเด็กมักจะมองเห็นอะไรที่ผู้ใหญ่ไม่เห็น...

     

                K Zoo

                ในสวนสัตว์ก็ต้องมีสัตว์ หลากหลายสายพันธุ์ หลากหลายชนิด ทั้งดุร้าย และไม่ดุร้าย ผู้คนที่มาเที่ยวกันในวันหยุดเดินกันให้ทั่วจนผู้ปกครองที่สวนใหญ่จะพาลูกพาหลานออกมาเที่ยวต้องจับจูงมือเหล่าเด็กตัวน้อยนั้นไว้มั่นป้องกันการหลง เด็กชายคิม จงแด ในวัย 9 ขวบเองก็เช่นกัน...

                คุณแม่วันสาวจูงมือลูกชายตัวน้อยชมสวนสัตว์จนเกือบจะทั่ว จงแดไม่ใช่เด็กขี้งอแงงหรือเป็นเด็กที่เลี้ยงยากอะไร เธอจึงไม่ได้เหนื่อยหรือหนักหนาอะไรกับการพาลูกชายตัวน้อยมาเพียงกันเพียงลำพัง โดยไม่ต้องไปรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณสามีที่ทำงานหนักมาเกือบทั้งเดือน

                “แม่ฮะ นั่นใช่สิงโตรึเปล่าฮะ”

                “ไหนครับ” เธอมองตามนิ้วมือเล็กๆ ของลูกชายไปอีกฟากหนึ่งเห็นรำไรว่าเป็นฝูงสิงโตขนาดย่อมจริงๆ แต่บริเวณนั้นไม่ได้มีคนให้ความสนใจมากนักเพราะคนสวนใหญ่ที่มาสวนสัตว์ก็พาลูกมาทั้งนั้น เด็กๆ คงจะกลัวสิงโตที่ขู่คำรามในบางระยะจนไม่กล้าเข้าไปเยี่ยมชม  “ใช่แล้วล่ะครับ จงแดอยากเข้าไปดูหรอครับ”

                “ฮะ! จงแดอยากไปดูคุณสิงโต” เด็กตัวเล็กตอบรับเสียงแข็งขัน เธอยิ้มให้ลูกชายตัวน้อยแล้วใช้มือนุ่มลูบเข้าที่กลุ่มผมสีดำของลูกชายด้วยความเอ็นดู

                “ถ้าจงแดอยากเข้าไปดูจงแดต้องสัญญากับแม่ก่อนนะครับว่าจะไม่ดื้อ ไม่ซน เชื่อฟังที่แม่บอก และไม่เข้าไปใกล้คุณสิงโตมากเกินไป โอเคไหมครับ”

                “โอเคฮะ!

                เมื่อเด็กน้อยตอบรับอย่างเชื่อฟังเธอก็ต้องจำยอมพาลูกชายคนเดียวเดินเข้าไปดูสิงโตใกล้ๆ บริเวณนี้เป็นลนกว้างพอสมควรที่สิงโตจะอยู่ด้วยกันได้ประมาณสี่ถึงห้าตัว แต่ล่ะตัวก็จะแยกกันอยู่ไปคนล่ะที่ มีกรงกั้นไว้และเป็นรั้วไม้กั้นไว้อีกทีเพื่อความปลอดภัย

                เด็กชายที่เพิ่งจะเคยเห็นสิงโตตัวเป็นๆ ครั้งแรกในชีวิตมองอย่างตื่นตะลึง ในทีวีว่าตัวโตแล้วพอมาเจอตัวจริงคุณสิงโตตัวใหญ่กว่าในทีวีมากๆ เลย  เอ๊ะ! แต่ทำไมคุณสิงโตตัวนั้นถึงได้มีดวงตาสีฟ้าล่ะ?

                “แม่ฮะดูตาของคุณสิงโตตัวนั้นสิครับ”

                เป็นอีกครั้งที่คุณแม่ยังสาวต้องหันไปมองตามนิ้วป้อมๆ ของลูกชายที่คราวนี้ชี้ไปยังสิงโตตัวใหญ่ที่นอนหลบมุมอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เธอพยายามเพ่งมองเข้าไปที่ดวงตาของสิงโตตัวนั้นแต่ก็ไม่พบกับความผิดปกติอะไร

                “ตาคุณสิงโตทำไมเหรอครับ” หล่อนก้มลงมาถามลูกชายอย่างสงสัย

                “ดวงตาของคุณสิงโตตัวนั้นมีสีฟ้า แล้วก็เหมือนแววตาที่คุณพ่อมองคุณแม่เลย”

                เธอหัวเราะเบาๆ ให้กับคำพูดที่แสนจะสรรหาของลูกชาย มือเรียวสวยลูบผมของลูกชายตัวน้อยแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเมื่อเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้นมาเสียก่อน เธอหยิบมันขึ้นมาดูชื่อคนที่โทรเข้ามาก่อนจะกดรับสาย แต่เพราะเสียงของเด็กชายตัวอ้วนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาดูสิงโตนั้นตะโกนเสียงดังจนเธอไม่ได้ยินเสียงจากปลายสาย

                “จงแดรอแม่ตรงนี้ก่อนนะครับ แม่ไปคุยโทรศัพท์ก่อน อย่าไปไหนนะครับ”

              “ครับ”

                เธอยิ้มให้ลูกชายเล็กน้อยก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาอยู่ในที่ที่พอจะทำให้เธอสามารถคุยกับคนปลายสายได้ซึ่งไม่ได้ไกลจากตรงที่ลูกชายของเธอยืนดูสิงโตอยู่ ระหว่างที่คุยโทรศัพท์ก็ไม่ลืมหันมามองลูกชายเป็นระยะๆ

     

                กระทั่งคุยโทรศัพท์เสร็จเธอก็เดินกลับมาหาลูกชาย แต่ปรากฏว่าลูกชายของเธอได้หายไป หล่อนกระวนกระวายมองไปรอบๆ พลางตะโกนร้องเรียก

                “จงแดอยู่ไหนครับ จงแด”

                ไม่มีเสียงอะไรตอบรับกลับมาให้เธอได้รู้สึกชื่นใจสักนิด หล่อนเริ่มเหงื่อตกเดินตาหารอๆ ก็ไร้ซึ่งวี่แวว ใจคอไม่ดีจนอยากจะนั่งร้องไห้โฮออกมาเสียตรงนี้ แต่เธอก็ทำไม่ได้เพราะถ้ามัวแต่มานั่งร้องไห้ลูกชายของเธออาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ได้

                “ว้ายยย นั่นเด็กนี่คะเข้าไปข้างในได้ยังไง!

                “แย่แล้ว ลูกใครล่ะนั่น ผู้ปกครองไปไหน”

                “แจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปช่วยเด็กเร็วเข้า!!

                เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นรอบตัว เธอหันไปมองตามที่ผู้คนกำลังยืนมุงกันอยู่ ...ในกรงขังสิงโตนั้น

                “จงแด!!!

                เธอแทบสิ้นสติเมื่อพบร่างของลูกน้อยเดินเข้าไปใกล้กับสิงโตตัวเดิมที่ลูกชายหล่อนเคยชี้ให้ดูแล้วบอกว่ามีดวงตาสีฟ้า หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อลูกรักเอื้อมมือเล็กออกไปลูบหัวของสิงโตตัวนั้น น่าแปลกที่สิงโตตัวนั้นไม่ได้ทำอะไรเด็กชายเลย เพียงแค่นอนนิ่งๆ เหมือนจะรู้สึกดีด้วยซ้ำที่ลูกชายของเธอลูบหัวให้ ผู้คนบริเวณรอบส่งเสียงฮือฮา

                “ขอทางหน่อยครับๆ”

                เสียงของเจ้าหน้าที่ดูแลสวนสัตว์เดินแทรกเข้ามาให้เธอได้รู้สึกตัว เธอไม่รอช้าวิ่งตรงเข้าไปหาพลางเกาะแขนของชายคนนั้นไว้แล้วเขย่าเบาๆ

                “ช่วยลูกฉันด้วยนะคะ ช่วยแกที”

                “ครับๆ คุณใจเย็นๆ ก่อนนะครับ”

              เจ้าหน้าที่คนเดิมหันมาลูบแขนหล่อนเพื่อให้ผ่อนคลายก่อนจะหันไปสบตากับเจ้าหน้าที่ที่ตามมาอีกคนแล้วพยักหน้าเบาๆ เพียงเท่านั้นเจ้าหน้าที่คนที่ได้รับคำสั่งก็หันไปทำตามคำสั่งของเจ้านายทันที

                “ใจเย็นๆ นะครับ ลูกของคุณจะต้องปลอดภัยแน่นอน”

                เธอพยักหน้าให้แล้วหันกลับไปหาลูกชานตัวน้อยที่ยืนส่งยิ้มให้กับสิงโตตัวใหญ่ตัวเดิม น่าแปลกจริงๆ ที่สิงโตตัวนี้ไม่ได้มีท่าทีว่าจะทำอันตรายเด็กน้อยแต่อย่างใด มันเพียงแค่จ้องเด็กตรงหน้านิ่ง

                “นั่น!!

                เสียงจอแจของคนรอบข้างทำให้เธอรู้สึกหูอื้อตาลายไปหมด อยากจะกรีดร้องออกมาเมื่อสิงโตอีกตัวที่มาจากไหนไม่รู้เดินตรงเข้ามาหาลูกชายของเธอ สิงโตตัวนี้ไม่ได้เข้ามาหาลูกเธอด้วยท่าทางที่เป็นมิตรแน่ๆ เธอมั่นใจ และมันก็ใช่เมื่อสิงโตตัวนั้นขู่คำรามเสียงดังใส่ลูกชายของเธออย่างน่ากลัวจนเด็กน้อยร้องไห้ด้วยความกลัว

                “จงแด! ลูกแม่! ฮือออ อย่าทำอะไรลูกฉันนะ!

                เหมือนคนเสียสติหล่อร้องไห้คร่ำครวญอย่างคนจะขาดใจ สิงโตตัวนั้นย่างเท้าเข้าไปใกล้ลูกตัวน้อยของเธอเรื่อยๆ แต่แล้วสิงโตตัวแรกที่ลูกของเธอเดินเข้าไปหาก็ลุกขึ้นกระโจนเข้าใส่สิงโตตัวที่มาเยือนใหม่ ทั้งสองตัวต่อสู้กันจนเด็กน้อยที่ยืนอยู่บริเวณใกล้ร้องไห้หนักกว่าเดิม เธอได้ยินเสียงของลูกชายร้องหาเธอด้วยความกลัวนั่นยิ่งเปรียบเสมือนมีดแหลมคมกรีดหัวใจของเธอจนเป็นแผลเหวอะหวะ

                “เอาตัวเด็กออกมาเลย!

              เสียงของผู้ชายที่ยืนปลอบใจเธออยู่ข้างๆ ออกคำสั่งผ่านวอล์ เพียงเท่านั้นคนดูแลสวนสัตว์คนเดิมที่ได้รับคำสั่งไปก่อนหน้านี้ก็ตรงเข้าไปอุ้มเอาตัวลูกชายของเธอออกมาได้อย่างง่ายดาย เพราะสิงโตทั้งสองตัวกำลังต่อสู้กันอยู่จึงไม่มีตัวไหนได้หันมาสนใจเด็กน้อย

                เมื่อถูกพาขึ้นมาส่งถึงอ้อมอกคุณแม่ยังสาวเด็กน้อยก็โผล่เข้ากอดคุณแม่ด้วยความกลัว เธอกอดลูกน้อยไว้แน่นน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาด้วยความดีใจที่เห็นว่าลูกน้อยไม่เป็นอะไร

                “ไม่เป็นไรแล้วนะครับเด็กดี ไม่เป็นไรนะ”

                “แม่ฮะ ฮึก จงแดกลัว”

                “ไม่เป็นไรนะคนดีของแม่ ไม่เป็นไรนะครับ”

               

     

     

                10 ปีผ่านไป

                ผมนอนพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ หลายวันมานี้ผมรู้สึกแปลกๆ อันที่จริงมันก็แปลกมานานแล้วล่ะ แปลกตั้งแต่เมื่อตอนนั้น...

                ผมรู้สึกเหมือนถูกจับตามองอยู่ตลอด พอมองดูรอบๆ ก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีใคร จนกระทั่งตอนนี้ที่ผมเข้ามหาลัยแล้วย้ายออกมาอยู่หอคนเดียวมันเหมือนกับว่าเหตุการณ์ดูจะแย่ลงกว่าเดิม จากเดิมที่เพียงแค่รู้สึกเหมือนมีคนมองเดี๋ยวนี้กลับรู้สึกแปลกๆ ตอนดึกๆ ผมรู้สึกเหมือนมีคนมานอนกอด บางคืนก็รู้สึกเหมือนมีคนมาหายใจรดต้นคอ หรือบางคืนก็เหมือนมีเสียงมากระซิบที่ข้างหูซึ่งผมเองก็จับใจความไม่ค่อยได้ หรือหนักสุดคงจะเป็น...

                ผมรู้สึกเหมือนมีคน...จูบ

                ผมไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับผมได้ยังไง และผมก็ไม่รู้วิธีที่จะกำจัดเรื่องราวแบบนี้ออกไปจากชีวิตได้ยังไงเหมือนกัน บางทีผมคิดว่าเรื่องแบบนี้มันคงจะเกิดขึ้นเพราะเรื่องเมื่อตอนสมัยที่ผมยังอายุเพียง 9 ขวบ ...

     

                มานี่สิเด็กน้อย เดินเข้ามาหาข้าสิ

              ในตอนนั้นที่ผมกำลังยืนรอคุณแม่ที่เดินออกไปคุยโทรศัพท์เสียงทุ้มต่ำของใครสักคนก็เรียกให้ผมเดินเข้าไปหา ผมมองตามเสียงนั้นจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่คุณสิงโตตัวใหญ่ที่นอนหลบอยู่ใต้ต้นไม้ ดวงตาของผมกับคุณสิงโตสบกันอยู่นาน และเหมือนมีอะไรสักอย่างดลใจให้ผมเดินห่างออกมาจากคุณแม่ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ผมกำลังยืนอยู่ตรงหน้าคุณสิงโตตัวใหญ่นั่นแหละ

                ดีมาก เจ้าน่ารักมาก

              ‘คุณสิงโต....พูดได้ด้วยเหรอฮะ ผมถามด้วนความสงสัย

                ข้าพูดแค่กับเจ้าเท่านั้น...เจ้าสาวของข้าคุณสิงโตตัวโตยิ้มให้ผม นั่นทำให้ผมแปลกใจมากเพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิต

                คุณสิงโตยิ้ม

              ‘ข้าให้เจ้าได้มากกว่ายิ้ม ลูบหัวข้าสิแล้วข้าจะดุแลเธอเอง

              และผมก็ลูบที่หัวของคุณสิงโตอย่างแผ่วเบา มันลื่นและนุ่มมือกว่าตอนที่ผมลูบขนให้เจ้าเชนเชนหมาน้อยที่บ้านเสียอีก คุณสิงโตมองผมเหมือนที่เวลาคุณพ่อมองคุณแม่เลย...

                และข้าจะตามเจ้าไป...ทุกหนทุกแห่ง

     

              เฮือกกก!!!’

              แค่คิดมาถึงจุดนี้ผมก็ต้องสะบัดหน้าแรงๆ ไม่อยากคิดถึงเหตุการณ์ต่อจากนี้ที่มันฝังใจผมมาตั้งแต่เด็กจนผมไม่กล้าที่จะไปเที่ยวสวนสัตว์อีกเลย คิดไปคิดมาผมก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะมีเรื่องแบบนี้อยู่จริง

                ตึง!!!

              เสียงของอะไรสักอย่างชนเข้ากับประตูห้องทำให้ผมสะดุ้งเด้งตัวลุกขึ้นมาจากเตียงนอน แต่เพียงไม่นานร่างของผมทั้งร่างก็กลับลงไปนอนแผ่อยู่ที่เตียงตามเดิม เมื่อมีอะไรไม่รู้ทิ้งน้ำหนักลงมาที่ตัวผมเต็มแรง เมื่อได้สติมองให้ชัดผมก็ต้องเบิกตากว้าเมื่อเห็นว่าสิ่งที่คร่อมตัวผมไว้ในตอนนี้คือ...สิงโตตัวนั้น!!

              อุ้งเท้าของสิงโตค่อยๆ กลายเป็นมือและเท้าเหมือนคนปกติ ลำตัวค่อยๆ แปลเปลี่ยนเป็นร่างกายที่มีเนื้อหนังเหมือนมนุษย์ แต่เป็นร่างกายที่เปลือยเปล่าหากแต่ขาวสะอาด ใบหน้าค่อยๆ กลายเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลา

              “คิดถึงข้าไหม...เจ้าสาวของข้า”

                และเขาก็ยกยิ้มให้ผม...จนลักยิ้มบุ๋มลึกที่ข้างแก้ม!!!

     

    :DNE


    แวะเอามาคั่นเวลาให้ก่อน ๕๕๕๕๕

    ไหนใครเดาว่าคุณสิงโตเป็นใครบ้าง? 

    ใครที่เดาผิดคงรู้กันแล้วเนอะว่าคุณสิงโตเป็นใคร ๕๕๕๕

    เดี๋ยวถ้าว่างแล้วจะรีบมาอัพน้องฮุนให้นะคะ

    คอมเม้นติชมสักนิดเป็นกำลังใจในการแต่งฟิคนะคะ จุ๊บ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×