ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Pretty Boy [ALLCHEN]

    ลำดับตอนที่ #22 : SF Sehun x Chen Bad Guy I

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 58


    SEHUN x CHEN

    Bad Guy




    ฉันอยากจะลืมว่าเธอเคยทำเลวอะไรไว้...

    ฉันอยากจะลืมเรื่องราวในอดีตนั้นเสีย...

    ฉันคิดว่าฉันพร้อมที่จะลืมเรื่องเลวร้ายพวกนั้นนะ

    แต่ว่า...มันต้องเป็นตอนที่เธอได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดเหมือนที่ฉันเคยรู้สึก

     

              ภายในร้านอาหารหน้ามหาลัยฯ ไม่ได้มีคนเยอะเท่าไหร่เพราะตอนนี้ก็เริ่มที่จะมืดแล้วนักศึกษาก็เริ่มกลับไปพักผ่อนกันหมด ภายในร้านอาหารตามสั่งจึงมีเพียงคู่สามีภรรยาที่คงเพิ่งจะเลิกงานมานั่งทานกันสองคน  มีนักศึกษาชายอีกคนที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่สนใจใคร  นักกีฬาสี่ห้าคนที่กินไปด้วยคุยกันไปด้วย  และอีกคู่ที่กำลังนั่งทานข้าวด้วยกันอย่างกระหนุงกระหนิงผลัดกันป้อนผลัดกันกิน  ก็ดูเหมือนจะน่ารักดี... หึ!

                ร่างสูงที่หลบซ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตรงข้ามกับร้านอาหารดังกล่าวยกยิ้มมุมปากขึ้นแววตาและสีหน้าเย้ยหยันอยู่ในที  สายตาคู่สวยจับจ้องไปยังคู่รักนักศึกษาชายทั้งสองคนก่อนจะเกิดความว่างเปล่าในดวงตาและใบหน้าที่กลับมาเรียบนิ่งเหมือนเดิม ไม่มีใครรู้ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ 

                เวลาเพียงไม่นานร่างของคู่รักนักศึกษาชายที่ถูกจับจ้องอยู่ก็ลุกออกมาจากร้านหลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย ทั้งสองเดินกุมมือกันออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเสื้อคลุมของคนตัวโตกว่าถูกนำมาคลุมไหล่ให้คนตัวเล็กเพื่อคลายหนาว  ใบหน้าน่ารักนั้นเงยขึ้นมาส่งยิ้มจนตาหยีให้อย่างน่ารักเลยได้รางวัลเป็นนิ้วยาวของคนตัวโตหนีบเข้าให้ที่จมูกที่เริ่มแดงเพราะความหนาวเบาๆ  ทุกเหตุการณ์อยู่ในสายตาของชายหนุ่มตัวสูงที่ยืนหลบแสงไฟอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ทั้งหมด

     

              ขายาวก้าวออกมาจากที่มืดตามสองร่างที่ไม่ทันได้สังเกตอะไรไปเงียบๆ มือทั้งสองข้างล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงหมวกที่ติดอยู่กับเสื้อแขนยาวเป็นตัวช่วยในการอำพรางใบหน้า ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเริ่มมีหยดน้ำตกลงมาเล็กน้อยให้ได้ชุ่มชื้น 

                ร่างสองร่างที่เดินตามกันไปก็ไม่ได้รีบเร่งฝีเท้าให้เดินเร็วขึ้นจังหวะการเดินของทั้งคู่ยังคงเป็นจังหวะเดิม  จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าหอพักซึ่งเป็นที่พักของคนตัวเล็กทั้งสองจึงหยุดเดินแล้วหันมามองหน้ากัน  ร่างสูงของอีกคนที่เดินตามมาปลีกตัวออกมายืนหลบแสงไฟที่ข้างพุ่มไม้ใหญ่สายตายังคงจับจ้องไปที่คนทั้งคู่เช่นเคย...

                เป็นเวลาไม่นานที่ทั้งสองร่างยืนคุยกันอยู่อย่างนั้นใบหน้าหล่อหวานของคนที่ตัวสูงกว่าก็ค่อยๆ โน้มลงมาใกล้ใบหน้าน่ารักที่หลับตาพริ้มรออยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มแสยะยิ้มให้กับภาพที่เห็นแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้จูบกันลึกซึ้งหรือเนิ่นนานอะไรแต่แววตาที่แสดงถึงความกรุ่นโกรธของคนที่แอบมองอยู่นั้นช่างแรงกล้าเสียเหลือเกิน

                ร่างทั้งสองผละออกจากกันก่อนที่คนตัวเล็กจะก้มหน้าอย่างขัดเขิน  ร่างสูงก้มลงไปกระซิบอะไรบางอย่างก่อนจะได้รับกำปั้นน้อยๆ  กลับไป  ร่างเล็กโบกมือลาก่อนที่ทั้งสองคนจะแยกย้ายกันไป  ชายหนุ่มที่ยืนหลบอยู่ที่พุ่มไม้ก้าวออกมายืนอยู่จุดเดิมที่คนทั้งสองยืนก่อนหน้านี้  เพียงไม่นานไฟในห้องชั้นสามก็สว่างจ้า  ชายหนุ่มแหงนหน้ามองไปที่ห้องเดิมที่เคยมายืนเฝ้ามองอย่างนี้ทุกวัน  ฝนเริ่มจะตกหนักขึ้นกว่าเมื่อกี้ทำให้ผมของชายหนุ่มร่างสูงเปียกลู่ลงมาตามใบหน้าด้านข้าง 

                รอยยิ้มถูกจุดขึ้นที่ใบหน้าใต้หมวกของเสื้อคลุมอีกครั้งมันเป็นรอยยิ้มที่ยากจะคาดเดาตามเคย  ขายาวก้าวถอยหลังออกมาทั้งที่สายตายังคงจับจ้องไปยังห้องพักชั้นสามไม่วางตาแล้วจึงยอมเดินออกมาจากหน้าหอพักด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งอย่างเคย...


    ต่อ


    วันนี้ผมตื่นสายกว่าทุกวันเพราะเมื่อตอนเจ็ดโมงแบคฮยอนโทรมาบอกว่าอาจารย์ติดธุระเลยยกเลิกคลาสนี้ไปผมเลยนอนยาวมาถึงสิบโมงกว่า ถือเอาวันนี้เป็นวันพักผ่อนไปเสียเลยหลังจากที่โหมทำโปรเจคงานต่างๆ นานา อันที่จริงแล้วผมมีโครงการว่าจะนอนต่อยาวกว่านี้แต่เพราะทนกับอาการหิวไม่ไหวเลยต้องถ่อสังขารลงมาหาของกินที่ร้านสะดวกซื้อหน้าหอพักทั้งที่หนังตายังไม่เปิดต้อนรับแสงแดดเต็มที่เสียด้วยซ้ำ

    ผมเดินวนอยู่ในร้านสะดวกซื้อมาได้สักพักแล้ว ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดีนี่ก็ต้องซื้อของไปตุนไว้ในห้องอีกเผื่อวันหลังขี้เกียจออกมาหาซื้อ รูมมงรูมเมทก็ไม่มีกับชาวบ้านชาวช่องเขาหรอกครับ เคยประกาศรับรูมเมทไปแล้วครั้งหนึ่งแต่พอมาอยู่ด้วยกันได้ไม่นานมันก็เกิดปัญหายิ่งกว่าใหญ่นั่นก็คือปัญหาหัวใจนี่แหละครับ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังตัดใจจากเขาไม่ได้เลย...

    “จงแด คิมจงแด!

    “ฮะๆๆ” ผมหันรีหันขวางตกใจกับเสียงตะโกนเรียกชื่อลั่นจนผมคิดว่าแก้วหูของผมมันคงจะสะเทือนไปไม่มากก็น้อย

    “ย๊า! ฉันเรียกตั้งนานมัวแต่ยืนเหม่ออะไรอยู่ได้”

    “อ่า ชานยอลเองหรอ”

    “ก็ใช่น่ะสิ คิดว่าเป็นใครล่ะ”

    “เปล่า” ชานยอลเบะปากใส่ผมเล็กน้อยพอให้ดูน่ารัก (มั้งนะ) ผมไม่ได้สนใจชานยอลมากเพราะหมอนี่ก็เป็นแบบนี้แหละ “แล้วนายมีอะไรกับฉันงั้นเหรอ” ผมถามพลางหยิบขนมปังใส่ลงในตะกร้า

    “ย๊าๆๆ เจ้าคิมจงแดถามแบบนี้กับเพื่อนได้ยังไงกัน! ถ้าฉันไม่มีอะไรกับนายนายก็ห้ามให้ฉันเข้าไปทักงั้นเหรอ” ชานยอลพูดเสียงดังเสียจนผมแทบจะยกมือขึ้นมาปิดหูอยู่มอรอมมอร่อ ผมเลิกสนใจขนมปังที่วางเรียงกันอยู่บนชั้นแล้วหันกลับมาคนที่เอาแต่โวยวายอยู่ข้างๆ

    “เปล่า ฉันก็แค่ถามเฉยๆ”

    “ชัดช่า! เอาเถอะจะว่าไปฉันก็แค่เข้ามาทักนายไปงั้นแหละ แล้วนี่ลงมาจากห้องด้วยสภาพแบบนี้คงจะเพิ่งตื่นล่ะสิ”

    “อืม”

    “ซื้อของไปตุนหรอ”

    “อืม” ผมหันกลับมาเลือกขนมปังใส่ตะกร้าอีกเล็กน้อยแล้วจึงผละออกมาเลือกนมที่ผมไม่ได้ดื่มมันมานานพอสมควร... ก็คงตั้งแต่ตอนที่เขาคนนั้นทิ้งผมไป...

    อ่า แล้วผมยังต้องมาคิดถึงเขาทำไมเนี่ย น่าโมโหชะมัดเลยคิม จงแด!

    “ถ้าจะสะบัดขนาดนั้นก็ตัดมันทิ้งเสียเลยไหมหัวน่ะ” ผมหันกลับไปตวัดสายตามองชานยอลอย่างเคืองๆ หมอนั่นเพียงแค่ไหวไหลเล็กน้อยแล้วหยิบนมรสจืดที่ผมไม่ได้จับมันใส่ในตะกร้าเลยสักขวดลงมาใส่ในตะกร้าให้ผมแทน “ดื่มนมจืดสิจะได้โตเร็วๆ”

    “ย๊า! เอามือนายออกไปจากหัวฉันเลยนะชานยอล” ผมหันไปแหวชานยอลเสียงแหลมขึ้นจมูกตอนที่หมอนั่นเอามือมาขยี้ผมของผมจนมันยุ่งฟูกว่าเดิมจากที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้ว หมอนั่นเพียงแค่หัวเราะเสียงดังลั่นจนคนที่มาซื้อของพากันหันมามองผมจึงส่งสายตาเขียวปั๊ดกลับไปให้หมอนี่หยุดหัวเราะเสียที “นายก็รู้ว่าฉันไปดื่มนมรสจืด เชิญนายไปบอกเจ้าแบคฮยอนให้ดื่มเสียดีกว่ามั้ง”

    “นายกับหมอนั่นก็ไม่ต่างกันหรอกน่า เป็นนายเสียด้วยซ้ำที่ต้องหาอะไรบำรุงตัวเองเสียบ้าง ดูสิเนี่ยผอมอย่างกับโครงกระดูกเดินได้” ไม่ว่าเปล่าเจ้าคนตัวสูงทำท่าประกอบด้วยการคู้ไหล่ทั้งสองของตัวเองเข้าหากันแล้วโค้งตัวลงต่ำเล็กน้อยทำท่าแขนอ่อนขาอ่อนจนผมอดจะหมั่นไส้ไม่ไหวเตะเข้าให้ที่ท่อนขาโก่งๆ นั่นเสียดังปั๊ก

    “โอ้ย!! เจ็บนะเจ้าเตี้ย เจ็บๆๆๆ”

    “ก็เตะให้เจ็บ...” ผมมองชานยอลที่กระโดดโหยงเหยงมือทั้งสองข้างกุมขาข้างที่โดนผมเตะแน่นอย่างน่าสงสาร แต่สำหรับผมแล้วผมคิดว่าผมสะใจมากกว่าอ่ะครับ

    ผมส่ายหน้าให้กับท่าทางเบะปากปัญญาอ่อนของเจ้าชานยอลแล้วเดินออกมาจากตู้แช่นม เดินลัดเลาะออกมาหยิบเอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับโจ๊กใส่ลงในตะกร้าแล้วเดินออกไปจ่ายเงิน ขณะที่พนักงานกำลังคิดเงินผมก็ยืนจ้องขวดนมรสจืดที่ชานยอลเป็นคนหยิบลงใส่ตะกร้าให้นิ่งๆ มันทำให้ผมอดที่จะคิดถึงเขาคนนั้นไม่ได้จริงๆ...

    ก้อนแข็งๆ แล่นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอซึ่งมันทำให้ผมรู้ซึ้งแล้วว่า...ผมกำลังจะร้องไห้ ผมเลือกที่จะเบือนหน้าหนีแล้วหันออกไปมองข้างนอกร้านแทน ผู้คนมากมายเดินพลุ่งพล่านตามท้องถนนผมไม่ได้เจาะจงมองใครเป็นพิเศษเพราะถึงยังไงผู้คนมากมายที่เดินสวนกันไปมานั้นก็คงจะไม่ใช่คนที่ผมรู้จักมักจี้ด้วยอยู่แล้ว แต่แล้วสายตาของผมก็ดันไปสะดุดกับใครบางคนที่ผมคิดว่า...เป็นคนคนนั้น

    รูปร่างสูงโปร่ง ไหล่กว้าง ผอมเพรียว ใบหน้าถูกบดบังด้วยหมวกสีดำมากไปกว่าครึ่งแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงจำเขาได้ดี ร่างสูงยืนอยู่อีกฝั่งของถนนใกล้ๆ กับห้องพักของเขา ถ้าหากว่าผมไม่ได้ตาฝาดไปผมเห็นว่ามุมปากของเขากำลังยกสูงขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รับจากเขา เขากลับมาแล้ววอย่างนั้นหรือ... ตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะ?

    “พี่ครับ พี่!

    “ครับ?” เสียงเรียกจากพนักงานเคาน์เตอร์ดึงผมให้หันกลับมาสนใจอย่างเดิม เด็กผู้ชายคนเดิมที่เรียกผมยื่นของที่ใส่ถุงเรียบร้อยแล้วกลับมาให้และบอกราคาของทั้งหมด ผมจ่ายเงินให้น้องแล้วหยิบเอาของมาถือไว้พอหันกลับไปมองที่เดิมที่ที่ผมเห็นเขาคนนั้นมันก็ว่างเปล่าไปเสียแล้ว เขาไปแล้วใช่ไหม?

    ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่คิดว่าบางทีผมอาจจะตาฝาดที่เห็นเขาคนนั้น  เขาจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไงป่านนี้เขาคงจะกำลังมีความสุขอยู่กับคนของเขาไม่มาสนใจคนอย่างผมเสียหรอก

     

    เมื่อกลับมาถึงห้องผมก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าบานประตูนั้นปิดไม่สนิททั้งที่ตอนออกไปผมจำได้ว่าปิดมันสนิทดีแล้วแท้ๆ  หรือบางทีผมอาจจะนึกว่าผมปิดประตูสนิทแล้วทั้งที่ความจริงนั้นยัง  ฮ่า เอาเข้าไปสิจงแดขี้หลงขี้ลืมนี่ไม่มีใครเกินจริงๆ ผมเคาะหัวตัวเองสองสามทีแล้วเปิดประตูเข้าไปวางของที่ซื้อมาทั้งหมดไว้ที่โต๊ะแล้วเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาเปิดทีวีดูช่องนู้นช่องนี้ไปเรื่อยจนเริ่มเบื่อเลยลุกขึ้นเดินลากเท้าไปทางห้องนอน  หวังจะทิ้งตัวลงนอนที่เตียงนุ่มๆ ให้สบายกายไปเลยทั้งวัน

    แต่ทันทีที่ผมก้าวเข้ามาภายในห้องนอนได้เพียงก้าวเดียวขาของผมก็เหมือนจะเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ ลำคอแห้งผากเหมือนไข้ขึ้นกะทันหันมือชื้นเหงื่อแต่กลับรู้สึกว่ามันเย็นจนชาทั่วปลายนิ้ว ร่างสูงโปร่งในชุดสีดำทั้งตัว ไหล่กว้าง ผิวขาวละเอียด ริมฝีปากสีสด ใบหน้าหล่อเหลา เขาเป็นผู้ชายคนเดียวกันกับคนที่ยืนอยู่ข้างหอผมตอนที่ผมกำลังรอจ่ายเงินอยู่ ผู้ชายคนที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผมและเป็นคนเดียวกันกับคนที่ทำให้ชีวิตผมเหมือนพังทลายลง...

    ผู้คนคนนี้เป็นคนที่ผมอยากเจอมากที่สุด...

    และผู้ชายคนนี้ก็ยังเป็นคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดเหมือนกัน!

    ...โอ เซฮุน!

     

     

    ต่อ


    “นะ นาย...”

    เหมือนกล่องเสียงทำงานผิดพลาดจนทำให้ผมไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาเป็นคำพูดได้ ตามร่างกายชาวูบทำอะไรไม่ถูก ร่างสูงที่นั่งอยู่บนเตียงลุกขึ้นมายืนจ้องตากับผมริมฝีปากสีสดนั้นเหยียดยิ้มจนดูน่ากลัว แววตาของเขาที่ใช้มองผมมันไม่เหมือนเดิม...ในแววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความโกรธ ความแค้น และความเกลียดชัง ผมมองว่ามันเป็นสายตาแบบนั้น เพียงไม่นานใบหน้าของเขากลับมานิ่งสนิทเหมือนเดิมก่อนที่ขายาวๆ จะก้าวเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ส่วนผมที่เห็นท่าไม่ดีจึงเดินถอยห่างออกมา

    เขาไม่เหมือนเดิม ไม่สิ บางทีเขาอาจจะไม่ใช่ โอ เซฮุนคนเดิมแล้วก็ได้ เซฮุนคนเดิมไม่เคยใช้สายตาแบบนั้นจ้องมองผม แต่ก็อย่างว่า...เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน ขนาดทิ้งผมไปหมั้นกับคนอื่นเขายังทำได้ เขามันเป็นคนเลือดเย็นกว่าที่ใครจะคิดเสียอีก คนอย่างโอ เซฮุน ไม่สามารถมีใครเข้าถึงได้หรอก

    “อ๊ะ!

    เหมือนฉากในละครน้ำเน่าที่ผมดันสะดุดเข้ากับธรณีประตูจนล้มลงก้นจ้ำเบ้า คนตัวสูงที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก้มลงมาหาจนใบหน้าของเราอยู่ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่เซ็น ผมเบือนหน้าหนีพยายามห้ามไม่ให้ตัวเองเผลอตัวโผล่เข้ากอดอีกคน เคยคิดว่าเกลียดคนๆ นี้ไปแล้ว แต่ที่ไหนได้พอได้กลับมาอยู่ใกล้กันแบบนี้หัวใจผมยิ่งสั่นไหว รับรู้ได้เลยว่าตลอดระยะเวลาที่ผมพยายามทำใจให้ลืมเขานั้นมันไม่ได้ผลเลย ทุกอย่างมันสูญเปล่าตั้งแต่ผมได้สบตากับเขา...

    ไม่ว่าโอ เซฮุนจะเคยทำอะไรไว้กับผม แต่ผมก็ยังคงรักเขาเหมือนเดิม...

    “ไม่ได้เจอกันตั้งนาน...จะหนีผมไปไหนล่ะครับ จงแดฮยอง ^^

    “...” รอยยิ้มที่เซฮุนยิ้มจนตาหยีนั้นผมบอกได้แค่ว่ามันไม่ได้ดูน่าไว้ใจหรือใสซื่อจริงใจเหมือนแต่ก่อน รอยยิ้มนั้นมันเคลือบไปด้วยยาพิษดีๆ นี่เอง

    “ผมถามว่าจะหนีผมไปไหน...ครับ!

    “อึก!

    ใบหน้าของผมหันกลับมาสบตากับเซฮุนอีกครั้งเมื่อมือใหญ่ๆ ของเขาจับเข้าที่สันกรามจนมันรู้สึกปวดไปหมด น้ำตาผมแทบร่วงเมื่อเจอเขาใช้กำลังด้วย...เพียงแค่คิดถึงแต่ก่อนที่เวลาผมโดนอะไรกระทบผิวกายนิดหน่อยเขาก็แทบจะโมโหเป็นฟืนเป็นไฟจะไปเอาคืนให้ผมให้ได้แม้แต่โดนแค่มดกัดเขาก็แทบจะบี้มดพวกนั้นให้แหลกสลาย แต่วันนี้คนที่ทำให้ผมเจ็บกลับเป็นตัวเขาเสียเอง มันไม่ได้เจ็บแค่กายแต่มันเจ็บไปทั้งใจ...

    ผมไม่ชอบเซฮุนในตอนนี้เอาเสียเลย...

    “ใช่สิ! ผมมันไม่ใช่ไอ้จงอินของฮยองนิ แค่เห็นหน้าผมฮยองก็แทบจะพุ่งหนีไปเสียให้ได้”

    “...”

    “ทำไม! ผมมันไม่เร้าใจ ไม่ทำให้พี่พอใจได้เหมือนไอ้จงอินรึไงพี่ถึงได้ถ่อไปหามันแล้วทิ้งผมไปน่ะ ห๊ะ!

    เสียงตวาดลั่นมาพร้อมกับแรงบีบเข้าที่สันกรามแน่นกว่าเดิม ผมหลับตาปี๋อยากจะเถียงใจจะขาดว่าใครกันแน่ที่เป็นคนทิ้งใครแต่เพราะแรงของอีกคนที่บีบสันกรามไว้แน่นจึงทำให้ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยหรือแม้แต่เปล่งเสียงออกมาได้

    ทำไมนายถึงพูดเหมือนตัวเองไม่ได้ผิดอะไรแบบนั้นกัน! คนที่เลือกที่จะทิ้งกันไปมันเป็นนายเองไม่ใช่รึไง!

    “อยู่กับมันคงจะจัดกันบ่อยจนหายเงี่ยนแล้วสินะ โสโครกจริงๆ  โอ้ย!!

    เพราะทนฟังคำพูดร้ายกาจที่พ่นออกมาจากปากอีกคนไม่ไหว ผมเลยอาศัยจังหวะที่มือของเซฮุนผ่อนแรงบีบที่สันกรามลงนิดหน่อยนั้นรีบยกมือขึ้นไปดึงเอามือของเขาออกแล้วกัดเข้าที่มือขาวนั้นอย่างจังจนร่างสูงรีบผละออกไป ผมลุกขึ้นยืนแล้วเตะเข้าที่หน้าขาของเซฮุนจนร่างสูงนั้นล้มลง

    “พูดให้ดีนะเซฮุนคนที่ทิ้งกันไปมันนายต่างหาก อย่ามาทำเป็นไขสือแล้วป้ายความผิดมาให้คนอื่นในเมื่อนายเลือกที่จะทิ้งฮยองไปเองนายก็ไม่ควรกลับมา ...” ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามกลืนก้อนแข็งๆ ที่วิ่งขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ ผมและเซฮุนต่างจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใครก่อนที่ผมจะตัดสินใจพูดทุกสิ่งออกไป

    “....”

    “นายควรจะกลับไปดูแลคู่หมั้นนายซะ...แล้วก็ไม่ต้องกลับมาหาฮยองอีก...” คราวนี้ผมหยุดไปนายพอสมควรจนต้องก้มหน้าลงหลบสายตาของเซฮุนที่จ้องกลับมาด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออก ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้ผมไม่พร้อมที่จะจ้องตากับเขาตรงๆ สักนิด

    “...”

    “นายน่ะ... ไม่จำเป็นที่จะต้องมาสร้างเรื่องให้ฮยองเป็นคนเลวนอกใจนายเพื่อที่จะใช้เป็นข้ออ้างในการเลิกกันหรอกนะ จงอินเขาเองก็เป็นเพื่อนของนายเขาเป็นคนดีนายไม่ควรที่จะดึงเขามาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้”

    “...”

    “ฮยองจะยอมรับบทเป็นคนสารเลวอย่างที่นายว่านั่นก็ได้ แต่นั่นหมายถึงฮยองคนเดียวจงอินไม่เกี่ยว แล้วนายจะไปป่าวประกาศบอกใครต่อใครก็ได้ว่าฮยองมันเลวที่นอกใจนายไปมีคนอื่น ...แต่ขออย่าให้คนๆ นั้นเป็นจงอินเลยนะ เขาไม่ อ๊ะ!

    “หยุดพล่ามซะที!!

    ผลัก!!

    ผมเบิกตากว้างเมื่อร่างของผมถูกมือใหญ่ดึงลงไปนอนราบอยู่กับพื้นห้องอย่างแรง ดีที่มือของเซฮุนนั้นใช้รองหัวผมไว้อยู่ถ้าไม่เช่นนั้นหัวผมคงจะฟาดพื้นเลือดออกสลบหรือไม่ก็อาจจะตายไปแล้วก็ได้

    “นายจะทำอะไร!” ผมถามเสียงดังเมื่อเซฮุนดึงเอาเนคไทนักศึกษาของผมที่วางอยู่บนเก้าอี้เขียนหนังสือมามัดข้อมือของผมทั้งสงข้างเข้าด้วยกัน ผมพยายามดิ้นให้หลุดพ้นแต่เพราะขาทั้งสองข้างถูกเซฮุนนั่งทับไว้เลยไม่สามารถดิ้นได้มาก

    “ปกป้องมันดีนักนิไอ้จงอินน่ะ ผมก็แค่อยากรู้ว่าถ้าไอ้จงอินมันรู้ว่าฮยองมันแปดเปื้อนแค่ไหนมันยังจะอยากเข้าใกล้ฮยองอยู่รึเปล่า”

    “อย่าคิดที่จะทำอะไรบ้าๆ นะ เซฮุน ปล่อยฮยองเดี๋ยวนี้!” ผมพยายามดึงแขนออกมาแต่ก็คงจะไม่ทันแล้วเมื่อเซฮุนมัดเชือกทบสุดท้ายด้วยความแน่นหนา ผมเลยทำได้เพียงพยายามดีดตัวออกจากร่างสูงที่คร่อมทับไว้ แต่เพราะขนาดตัวที่ดูก็รู้ว่าแตกต่างกันขนาดไหนความแข็งแรงของร่างกายมันก็ต้องต่างกันอย่างแน่นอน ...ผมไม่มีทางสู้เขาได้เลย

    “จะกลัวอะไรกัน ...ถ้าไอ้จงอินมันดีอย่างที่ฮยองว่าจริงๆ มันไม่ทิ้งฮยองหรอก และผมจะบอกไว้อีกอย่างนะว่า...”

    “...”

    “ผมกับไอ้จงอิน ไม่-ใช่-เพื่อน-กัน-อีก-ต่อ-ไป!!

    ผมได้ยินเพียงแค่นั้นก็เริ่มไม่มีสติเพราะผ้าเช็ดหน้าที่เซฮุนเอามาโป๊ะจมูกของผมไว้จนแทบหายใจไม่ออก ได้แต่ส่งเสียงอื้ออึงในลำคอและพยายามดิ้นหนีแต่ก็ไม่สำเร็จ...

    ทุกสิ่งรอบตัวมันดับมืดไปเสียแล้ว...

     

    TBC

     


    ..............................................................................................

    ในที่สุดก็มาอัพได้ซะที อยากบอกว่าช่วงเวลาของการสอบไรท์ยังไม่ผ่านพ้นค่ะ

    ยังมีให้สอบมาเรื่อยๆ เรื่องนี้ก็จะมีต่อแต่ไรท์ยังไม่แน่ใจว่าจะมีกี่ตอนอาจจะมีตอนพิเศษอีกก็ได้

    รอกันอีกหน่อยนะคะ มาลุ้นกันว่าเซฮุนจะทำอะไรจงแด แล้วเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อ

    เม้นเป็นกำลังใจหน่อยสิจ๊ะ แล้วเราจะมาไขข้อข้องใจไปด้วยกัน ฮิ้งงงง

    ปล.ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและคอมเม้นให้เป็นกำลังใจนะคะ จุ๊บ

    เหมียวหง่าว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×