คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : Mistake 16 100%
Mistake 13
“สายของเรารายงานมาว่าคืนนี้คุณอี้ฟานมีแผนที่จะเอาคืนนายท่านครับ
โดยมีเป้าหมายเป็นนายหญิง”
ผมยกกาแฟขึ้นมาจิบพลางฟังการรายงานของไคที่ได้รับมอบหมายจากผมให้ไปจับตามอง
อู๋ อี้ฟาน และลูกน้องคนสนิทก็ไม่ทำให้ผมผมผิดหวัง
ข้อมูลที่ได้มาจากสายที่ถูกส่งให้เข้าไปแฝงตัวอยู่กับอี้ฟานมีประโยชน์ต่อผมอยู่ไม่น้อย
ก็ช่วยไม่ได้ที่หมอนั่นดันโง่ไม่รู้แม้กระทั่งว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่ด้วย
เป็นที่รู้กันดีว่าผมกับอี้ฟานนั้นเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกัน
มีหลายครั้งที่เล่นตุกติกกันบ้างหากใครไม่เคยทำธุรกิจก็คงจะไม่เข้าใจ
เรื่องนี้เองก็เช่นกัน...
หมอนั่นส่งคนให้เข้ามาล้วงข้อมูลของผมโดยให้คนของหมอนั่นปลอมตัวเป็นนูน่าช่างแต่งหน้าเข้ามา
เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่จะทำให้คนของทางนั้นแฝงตัวเข้ามาได้
และผมเองก็ดันเป็นคนใจกว้างเลยยอมเปิดโอกาสให้ทางนั้นได้เข้ามาเยี่ยมเยือนเสียหน่อย
ก่อนที่จะพาไปปล่อยลงสู่...หลุมแห่งความตาย
มันก็แค่เรื่องสนุกที่นานๆ ทีจะเข้ามาในวงจรชีวิตผมเลยไม่ได้อะไรมาก
ยอมเว้นช่องว่างให้มีเรื่องตื่นเต้นเข้ามาบ้างชีวิตจะได้มีสีสัน J
“แผนการเป็นยังไง”
ไคเล่ารายละเอียดของแผนการที่ทางฝั่งนั้นได้เตรียมมาให้ผมฟังพอประมาณ
ซึ่งแผนการที่ได้ฟังนั้นก็ไม่ได้ต่างจากที่คิดไว้เสียเท่าไหร่
ผมพยักหน้าให้ไคหยุดเรื่องที่กำลังรายงาน เพราะมันยังมีอีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กัน
“แล้วอีกเรื่องล่ะ”
“โปรดลงโทษผมด้วยครับนายท่าน”
ไคก้มหัวลงเตรียมรอรับฟังบทลงโทษ ซึ่งถ้าหากไคขอรับโทษก็แปลว่างานที่ได้รับมอบหมายนั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า
“สายของเราที่ถูกส่งเข้าไปตายแล้วครับ”
“ช่างเถอะ”
ผมโบกมืออยู่กลางอากาศสองสามทีเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายกับการทำงานพลาดของลูกน้องคนสนิท
“นายคอยจับตามองเจ้าหนอนน้อยนั่นเถอะ อย่าปล่อยให้คาดสายตาเด็ดขาด
...ฉันจะพานายจับหนูตัวใหญ่เสียหน่อย หึ”
“รับทราบครับนายท่าน!”
*****
“ยิงมันซะ”
เสียงทุ้มต่ำที่กระซิบอยู่ข้างหูของผมดังวนซ้ำไปซ้ำมา
ถ้าให้ผมยิงจุนมยอนผมคงจะทำไม่ได้ เพราะเขาเป็นคนที่เข้ามาช่วยเหลือผมแล้วผมก็ยังไม่รู้ว่าถ้าหากผมยิงจุนมยอนไปแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
คุณอี้ฟานจะปล่อยผมไปหรือฆ่าผมทิ้งเหมือนกัน
แต่ตอนนี้ปืนของคุณอี้ฟานอยู่ในมือของผม...เขาหยิบยื่นเอาอาวุธของตัวเองให้ผม
คิดว่าผมจะทำยังไงล่ะในเมื่อสิ่งที่สามารถทำให้ผมกับจุนมยอนรอดได้นั้นอยู่ในมือ
ผมผละออกมาจากตัวของอี้ฟานเล็กน้อยทำเหมือนเล็งกระบอกปืนไปทางจุนมยอน
ก่อนที่จะหมุนตัวหันกระบอกปืนมาทางอี้ฟานด้วยความเร็ว
แต่เหมือนว่าเขาจะรู้ทันผมมือใหญ่ของเขาเลยคว้าเอากระบอกปืนมาถือไว้เสียเองแล้วล็อกคอผมไว้ให้แผ่นหลังของผมแนบชิดกับหน้าอกแกร่งของเขาเช่นเดิม
“อย่าคิดว่าฉันจะโง่ขนาดนั้นสิคนดี”
“ปล่อยผมนะ!!”
ผมพยายามที่จะดิ้นหนีพันธนาการอันแน่นหนานี้แต่ก็เป็นไปได้ยาก
เป็นผมเองที่ยิ่งเจ็บตัวเมื่อแขนของอี้ฟานรัดเข้าที่คอของผมแน่นกว่าเดิม
“อย่าทำอะไรเด็กนั่น”
จุนมยอนกัดฟันกรอดแล้วค่อยๆ เดินช้าๆ เข้ามาใกล้
“ถ้าไม่อยากให้เด็กคนนี้ตายก็ยืนอยู่ที่เดิมซะ...คุณจุนเหมียน”
ปากกระบอกปืนจ่อมาที่ขมับผมอีกครั้งด้วยฝีมือของคนๆ เดิม
“นายนี่ก็โง่จังเลยนะ คิม จงแด”
ภาษาเกาหลีเริ่มถูกเอื้อนเอ่ยออกมา ผมตกใจนิดหน่อยที่ได้ฟังสำเนียงการพูดภาษาเกาหลีของอี้ฟาน
มันชัดเจนจนถ้าหากว่าไม่รู้ว่าเป็นคนจีนมาก่อนผมเองก็คงจะคิดว่าเขาเป็นคนเกาหลีไปซะแล้ว
“คุณพูดเกาหลีได้...”
“ฉันพูดได้หลายภาษากว่าที่นายคิดเสียอีก
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้”
“อ๊ะ” แขนที่รัดอยู่รอบคอของผมถูกลดช่องว่างให้เหลือน้อยกว่าเดิม
มันเจ็บจนนึกว่าคอของผมมันกำลังจะหักอยู่แล้ว
“เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ...คนที่ทำให้พ่อกับแม่นายต้องตายต่างหากล่ะ”
ผมเหมือนกับสะอึกไปเมื่อเจอคำพูดที่มันช่างมีอิทธิพลต่อผมเหลือเกิน
มือไม้ที่พยายามจะขัดขืนอี้ฟานนั้นตอนนี้เหมือนมันจะไม่มีแรงเอาเสียเลย
สิ่งรอบข้างดูจะไม่มีความสำคัญอะไรเลยต่อผมในตอนนี้
คำพูดของคุณอี้ฟานมันทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมลืมอะไรบางอย่างไป
....ผมคงจะลืมนึกถึงข้อสำคัญข้อนี้ไปสินะ
“คิม จงแด ลูกชายคนเล็กของตละกูลคิม เตยเป็นคุณหนูอยู่ดีๆ
แต่ก็ต้องกลายมาเป็นเพียงแค่เด็กธรรมดา ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวตั้งแต่พ่อแม่จากไป”
“ไม่! อย่าไปฟังมันนะจงแด”
เสียงที่แทรกเข้ามาของจุนมยอนไม่ได้ทำให้ผมมีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับไป
ผมยังคงนิ่งเหมือนเดิมใช้ช่วงเวลาเพียงน้อยนิดไปกับการคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ
กับตัวเองในใจเงียบๆ
“เด็กชายที่กำลังจะมีอนาคตที่สดใส
การเรียนกำลังจะรุ่งโรจน์แต่ก็ต้องมีอันต้องทำให้อนาคตที่สดใสนั้นดับมืดบอดลง
เพียงเพราะ...”
“หยุดพล่ามเดี๋ยวนี้นะอี้ฟาน!!”
เสียงของจุนมยอนตอนนี้มันเหมือนเสียงคำรามที่กึกก้องเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
ผมไม่รู้หรอกว่าอี้ฟานเขาไปเอาข้อมูลเหล่านี้มาจากไหน เท่าที่ดูๆ
แล้วเขาไม่ใช่คนกระจอกอะไรเพราะถ้ากระจอกจริงคงไม่มาเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับจุนมยอนหรอก
ถ้าถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าสองคนนี้เป็นคู่แข่งกัน ....มันไม่ยากหรอก
ก็ทั้งสองออกจะแสดงออกกันเสียชัดเจนขนาดนั้นว่าไม่ชอบกัน
แน่นอนเมื่อมีเสี้ยนหนามมาขัดหูขัดตาพวกเขาก็ต้องอยากจะกำจัดมันออกไปเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
พวกเขายอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อที่จะเอาชนะ
“นายลองคิดดีๆ
สิจงแดอ่า...ว่าใครที่เป็นต้นเหตุแห่งการตายของพ่อแม่นาย” เสียงของคุณอี้ฟานก็ยังคงดังอยู่ที่ข้างหูของผมเหมือนเดิม
แม้ว่าจะได้ยินอีกเสียงที่ดังแทรกขัดขึ้นมาผมก็ไม่ได้คิดจะสนใจ
มีเพียงแค่เสียงของคุณอี้ฟานเท่านั้นที่ผมจะยอมรับมันเข้ามาในตอนนี้
“คนที่ดับความสดใส
ดับแสงสว่างไสวในชีวิตของนายคือใคร”
“...”
“จงแด...พี่ขอร้อง นายต้องฟังในสิ่งที่พี่กำลังจะบอก
ความจริงทุกอย่างไงจงแด พี่จะบอกความจริงกับนายทุกอย่าง”
“คิดดูให้ดีสิจงแด
ที่นายไม่ได้ทำตามฝันมันเป็นเพราะใคร คนที่ทำให้พ่อกับแม่นายตายน่ะมันคือใคร”
“...หยุด”
เพราะทนฟังกับสิ่งที่ทั้งสองคนพยายามใส่มันเข้ามาในหัวไม่ไหวผมจำต้องเอ่ยปากบอกให้หยุดกันได้แล้ว
อาการปวดหัวมันเริ่มจะเข้ามาแทรกแซงผมเรื่อยๆ
และผมรู้ว่าถ้าพวกเขาสองคนยังไม่หยุดผมคงจะทนรับไม่ไหว
“คนที่ทำกับนายขนาดนี้...นายยังจะปล่อยให้มันมีชีวิตรอดรึยังไง”
“...หยุด”
“จงแดฟังพี่นะ ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นมันเป็นเพียงแค่เรื่องเข้าใจผิด
คนที่ฆ่าพ่อกับแม่นายน่ะมันคือ...”
“ผมบอกให้หยุดพูด!!!!!!”
ตุบ!
ร่างของผมร่วงลงนั่งคุกเข่ากับพื้นทันทีที่สิ้นเสียงตะโกนของตนเอง
เหมือนแรงที่เคยมีถูกสูบออกไปหมดพร้อมกับเสียงตะโกนเมื่อกี้ ผมปวดหัวจนต้องกุมมันไว้
ไม่ไหวหรอก ตอนนี้ผมไม่ไหวเอาเสียเลยปวดหัวเหมือนสมองมันจะแตกกระจายออกมา
น้ำตาของผมมันไหลพรั่งพรูออกมาอย่างไม่อาจจะกักเก็บไว้ได้
“จงแด...”
“หยุดอยู่ตรงนั้น ห้ามเข้ามาใกล้ผม!!”
จุนมยอนที่กำลังจะเดินเข้ามาหาผมยอมหยุดลงตามที่ผมตะโกนห้าม
ผมไม่พร้อมสำหรับอะไรทั้งนั้นตอนนี้ อยากจะหมดสติไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ปวดหัวเหลือเกิน...
“อ่อนแอ ไร้ประโยชน์”
เสียงคนที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรเลยในตอนนี้
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงที่พุดออกมานั้นมันจะเหยียดผมแค่ไหนก็ตาม
ตอนนี้ผมรู้ว่าร่างกายของผมมันสู้ใครไม่ได้หรอก
“อยากจะเห็นแก่ตายด้วยฝีมือคนที่แกรักก็ดันต้องมาผิดหวังเสียแล้วสิจุนเหมียน
ถ้างั้นก็...ตายด้วยฝีมือฉันเองตามเดิมก็วันนะ”
ปัง!!!
ไม่มีคำว่ารีรออะไร
เสียงปืนที่ดังขึ้นหนึ่งนัดทำให้ผมตกใจเบิกตากว้าง
ถึงยังไงผมก็ไม่ได้อยากให้จุนมยอนตายหรอกนะ
อย่างน้อยเขาก็ต้องสมควรที่จะได้รับในสิ่งที่ทำกับผมไว้ก่อน
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองจุนมยอนว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง
แต่ก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเข้าหากันเมื่อภาพที่ผมมองอยู่มันไม่ชัดเอาเสียเลยนั่นคงจะเป็นเพราะสติของผมที่มันยังเลื่อนลอย
แต่เท่าที่ผมเพ่งมองนั้นก็ไม่เห็นว่าจุนมยอนจะมีท่าทีเหมือนคนโดนยิงเลยสักนิด
ผมไม่เห็นแม้กระทั่งเลือดสักหยดบนตัวเขาด้วยซ้ำ
“คนที่จะทำอะไรเขาได้มีเพียงแค่ฉันเท่านั้น!”
....................
ต่อ ...................
เสียงที่ผมรู้สึกว่าคุ้นเคยกบมันอยู่ไม่น้อยดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของผม
ผมหันขวับไปมองทันทีและก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างที่สูงกว่าผมแค่นิดเดียวกำลังยืนจ่อปืนไปทางอี้ฟาน
หันไปมองตามกระบอกปืนก็เจออี้ฟานยืนนิ่ง ปืนที่เคยอยู่ในมือของเขาตกลงไปอยู่ที่พื้นและมือข้างที่เคยถือปืนนั้นก็มีเลือดสีแดงไหลออกมาไม่หยุด
...แบคฮยอนยิงอี้ฟาน!
“นายมาที่นี่ได้ยังไงแบคฮยอน”
“ฉันมาพานายกลับน่ะจงแด” แบคฮยอนตอบผมด้วยรอยยิ้มแต่ผมมองว่ารอยยิ้มนั้นมันดูไม่น่าไว้วางใจ
ไม่เหมือนกับรอยยิ้มที่ผมเคยได้รับเลยสักนิด เหมือนคนๆ นี้ไม่ใช่แบคฮยอน “ผมเองต้องขอบคุณคุณอี้ฟานมากๆ
เลยนะครับที่พาจงแดออกมาหาผม”
“ฉันไม่ได้พาเขามาหาแก!” อี้ฟานคำรามเสียงต่ำ
“ไม่เป็นไรครับเพราะอย่างน้อยตอนนี้จงแดก็อยู่กับผม
และอีกอย่างนะครับ...” แบคฮยอนเข้ามาฉุดผมให้ไปยืนอยู่ข้างๆ
ผมที่ยังงงอยู่เลยไม่ทันได้ขัดขืนหรือถามอะไร “ชีวิตของหมอนั่นมันเป็นของผม”
แบคฮยอนเบนปากกระบอกปืนไปทางจุนมยอนซึ่งผมก็พึ่งจะเห็นว่าเขาถูกจับตัวไว้โดย... เทา!!
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน แบคฮยอนมาที่จีนได้ยังไงแล้วทำไมเทาถึงได้จับตัวจุนมยอนไว้
เทาเป็นคนของจุนมยอนไม่ใช่รึยังไงกัน
แล้วตอนนี้ไคไปไหนเสียแล้วล่ะทำไมถึงไม่มาช่วยจุนมยอน
“นายหมายความว่ายังไงแบคฮยอน
นี่มันเรื่องอะไรกัน นายมาที่นี่ได้ยังไง”
“แล้วนายจะได้รู้ทุกอย่างจงแด
แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
“อ๊ะ! จะพาฉันไปไหนน่ะปล่อยนะ”
หลังจากที่แบคฮยอนพยักหน้าให้คนที่ตามเขามาด้วยหนึ่งในนั้นก็เข้ามาจับตัวผมลากให้เดินไปไหนสักที่
ผมพยายามดิ้นเท่าไหร่ก็ดิ้นไม่หลุดจนกระทั่งห่างออกมาจากบริเวณนั้น
และถูกจับยัดใส่เข้าไปในรถตู้ที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว
“พวกคุณจับผมมาทำไมปล่อยผมไปเถอะนะ”
“ไม่ได้หรอกครับ
นี่เป็นคำสั่งของคุณแบคฮัน
เอ่อ...ผมหมายถึงคุณแบคฮยอนถ้าคุณไม่อยากเจ็บตัวก็นั่งรออยู่ในความสงบด้วยครับ”
ว่าเพียงแค่นั้นประตูรถก็ปิดลงแต่ก็ใช่ว่าผมจะได้นั่งอยู่คนเดียวในรถ
คนที่พูดกับผมเมื่อกี้และเป็นคนเดียวกับที่พาตัวผมมาก็ยังคงนั่งอยู่ข้างๆ แต่เมื่อกี้ผมได้ยินนะที่เขาเผลอเรียกแบคฮยอนว่าแบคฮัน
แบคฮัน...ทำไมผมถึงได้รู้สึกคุ้นกับชื่อนี้จัง
*****
“เฮ้ย! นี่จะมาจับตัวฉันไว้ทำไมปล่อยนะเว้ย!” ร่างสูงตะโกนโวยวายเมื่อมีคนเข้ามาล็อกตัวเขาไว้จากทางด้านหลัง
พยายามดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดพ้นเสียที
“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกครับคุณอี้ฟาน
เพียงแค่ผมกลัวว่าคุณจะทำให้ผมทำอะไรได้ไม่สะดวกเท่าที่ควรเลยต้องขออนุญาตจับตัวคุณไว้เสียหน่อย” ชายหนุ่มที่อยู่ในสถานการณ์เป็นผู้เหนือกว่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เหอะ! ไอ้บ้าเอ้ย!”
คนที่เหนือกว่าไม่ได้สนใจคู่สนทนาชั่วคราวนั้นอีก
ร่างโปร่งเดินเข้าไปหาอีกคนที่ยืนเงียบมานาน
แววตาคู่นั้นไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาเลยเพียงนิด
ไม่ได้มีท่าทีร้อนรนเลยเมื่อเห็นว่าคนในปกครองตนเองถูกจับตัวไป
และไม่ได้แสดงอาการโกรธเกรี้ยวออกมาเมื่อเจอกับลูกน้องคนสนิทหักหลังตัวเองได้หน้าตาเฉย
ร่างโปร่งสืบเท้าเข้าไปหาจนกระทั่งห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว
“จะไม่พูดอะไรหน่อยหรือครับคุณจุนมยอน”
ร่างโปร่งยังคงถามด้วยรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า
แต่คนที่ถูกถามก็ยังคงไม่แสดงออกถึงอาการใดๆ
“หยิ่งซะด้วยสิ”
ร่างโปร่งหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรให้น่าขำเลยในตอนนี้
“....”
“โดนลูกน้องที่ไว้ใจหักหลังไม่รู้สึกอะไรเลยอย่างนั้นเหรอครับ”
“...เคยไว้ใจ”
แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นเมื่ออยู่ดีๆ
อีกคนก็พูดขึ้นมา ทั้งที่ก่อนหน้าก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะพูดอะไรเลยแม้แต่น้อย
“....”
“ต้องบอกว่าฉันเคยไว้ใจต่างหากล่ะ”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
แบคฮยอนตอบรับเพียงเท่านั้น
เขาก็ไม่ได้คิดว่าคนอย่างจุนมยอนจะดูไม่ออกหรอกว่าตอนเองนั้นมีไส้ศึก
จุนมยอนไม่ใช่คนโง่เขาเองก็รู้ดี
ส่วนจื่อเทาเองก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรออกจะนิ่งเฉยเสียด้วยซ้ำ เพราะคนพวกนี้ถูกฝึกให้กลายเป็นคนไร้ความรู้สึก
แต่ใครเล่าจะสามารถทำได้ที่จริงก็แค่รู้จักเก็บอาการต่างๆ ไว้เท่านั้นเอง
แม้ว่าข้างในจะช้ำจนตายแต่ก็ทำได้เพียงแค่แสดงออกมาให้คนอื่นได้เห็นว่าไม่เป็นอะไร
“ถ้าไม่ได้อยากทำแบบนี้ก็แค่ไม่ต้องทำ...”
“...?” อีกครั้งที่แบคฮยอนต้องเลิกคิ้วเมื่อจุนมยอนเอ่ยทำลายความเงียบลง
“ทำในสิ่งที่นายอยากทำมันจะไม่ดีกว่ารึไง...แบคฮัน”
ตาตี่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่ออีกคนเอ่ยชื่อที่ไม่ควรจะเอ่ย
ชื่อที่มันถูกเก็บไว้ในที่ลับอย่างมิดชิด ชื่อที่มีไม่กี้คนที่จะรู้จัก... หึ! แต่แบคฮยอนคงจะลืมนึกไปว่าจุนมยอนนั้นฉลาดแค่ไหน
เรื่องแค่นี้จะไม่รู้ได้ยังไงกัน
“หึ! ทางที่ดีอย่าเรียกผมด้วยชื่อนั้นจะดีกว่านะครับ”
“....”
“ตอนนี้น่ะมีแค่แบคฮยอนเท่านั้นแหละครับ
ส่วนแบคฮันนั้น...ได้ตายจากไปนานแล้ว”
เป็นแบคฮันหรือแบคฮยอนของเรานั่นเอง
#ในที่สุดก็โผล่มาได้เสียทีหลังจากที่ไม่มีบทอยู่นาน ๕๕๕๕
แบคฮยอนเราไม่ได้ใจร้ายหรอก พี่คริสเราก็แค่เข้ามาเป็นตัวประกอบ
#ค่าตัวเขาแพงจ้างนานไม่ไหว ๕๕๕๕๕
ใกล้จะจบแล้วนะ ใกล้แล้วๆ
แต่ก็แบบว่า....ตัวละครหายไปไหนอีกหนึ่งตัว คิดๆๆๆ
จื่อเทาคนทรยศแท้จริงจะเป็นคนทรยศจริงๆ หรือไม่ (?)
โปรดติดตามตอนต่อไปปป
ความคิดเห็น