ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Pretty Boy [ALLCHEN]

    ลำดับตอนที่ #21 : SF Xiumin x Chen Hey! You... [END]

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 58




    XIUMIN x CHEN

    Hey! You…

     

     

    คิม จงแด ไม่ใช่เด็กเกเร ...เพียงแต่ไม่ชอบอยู่ในกรอบ

    คิม มินซอก ไม่ได้จุ้นจ้าน ...เพียงแค่ชอบเห็น เด็กอยู่ในกรอบ



     








     

    “ช่วยด้วยค่ะๆ โจรกระชากกระเป๋าค่ะ!!!

     

    เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากหญิงวัยกลางคนดังขึ้นหน้าโรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งในโซล ช่วงเวลาเลิกเรียนและเลิกทำงานแบบนี้คนเลยเยอะและวุ่นวายนั่นจึงเป็นโอกาสของพวกโจรขโมยที่จะอาศัยจังหวะที่คนกำลังยุ่งฉกชิงกระเป๋าของบรรดาคนรวยทั้งหลาย

     

    เด็กหนุ่มมัธยมปลายใบหน้าหล่อติดไปทางสวยหวานเดินทำหน้าเบื่อหน่ายออกมาจากโรงเรียนได้ยินเสียงตะโกนให้ช่วยแว่วๆ เลยเดินไปตามเสียงที่ได้ยิน จับใจความได้ว่ามีโจรวิ่งราวกระเป๋าของคุณนายเขาแล้ววิ่งเข้าไปทางซอยเปลี่ยวซึ่งไม่ได้ไกลจากหน้าโรงเรียนนัก ...ดีล่ะ! วันนี้ต้องนั่งเบื่อในห้องเรียนทั้งวันเลิกเรียนแล้วก็ขอทำอะไรที่มันสนุกๆ หน่อยก็แล้วกัน!

     

    “รออยู่นี่นะครับเดี๋ยวผมมา แล้วก็อย่าลืมโทรแจ้งตำรวจด้วยนะครับ”

     

    เด็กหนุ่มหันไปคุยกับคุณนายเจ้าของกระเป๋า เมื่อคิดว่าคุณนายคงจะเข้าใจที่เขาบอกแล้วก็ตั้งท่าจะวิ่งออกไปไล่จับโจรตามลุงยามหน้าโรงเรียนที่วิ่งออกไปก่อนหน้าแล้ว แต่ไม่ทันจะก้าวขาไปได้ไกลแขนเล็กก็ถูกมือนุ่มของใครสักคนจับไว้เสียก่อน

     

    “เห้ย! ใครมาจับว่ะ...ไอ้พี่มินซอก!!!

     

    “จะไปไหนครับจงแด...”

     

    แทบจะวีนแตกเมื่อหันกลับมาเจอใบหน้ากวนติงจากไอ้พี่ชายว่าที่คู่หมั้น เด็กหนุ่มตัวผอมไม่รอให้อีกคนได้จัดการลากตนขึ้นรถกลับบ้านรีบสะบัดแขนออกจากมือของคนเป็นพี่แล้ววิ่งหนีตามไปทางที่ลุงยามวิ่งไปก่อนหน้าทันที

     

    “เห้ย! จงแดจะไปไหนกลับมานะ!  ถึงแม้จะรู้ว่าตะโกนไปร่างบางที่วิ่งไปแล้วก็คงจะไม่หยุดแต่มินซอกก็ยังตะโกนเรียกไว้ เห็นท่าไม่ดีจึงได้ออกวิ่งตามเจ้าเด็กตัวแสบไปติดๆ

     

    มินซอกวิ่งตามหลังของจงแดมาติดๆจนกระทั่งคนวิ่งนำเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ เขาก็วิ่งตามเข้าไปแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของจงแดเสียแล้ว ร่างโปร่งเดินเข้าไปในซอยคาดว่าจงแดคงจะอยู่แถวๆ นี้ จนกระทั่งเจอเข้ากับคุณลุงที่แต่งตัวเหมือนยามก็พอจะรู้ว่าเป็นยามที่เฝ้าหน้าโรงเรียนของจงแด ตอนที่มินซอกมารับจงแดมักจะเห็นลุงคนนี้ทักเจ้าเด็กดื้อของเขาบ่อยๆ

     

    ดูท่าแล้วเหมือนว่าลุกยามคนนี้ก็คงจะวิ่งตามโจรมาเหมือนกัน แต่คงเหนื่อยเลยหยุดพักล่ะมัง ถ้าลองเดินเข้าไปถามก็คงจะรู้ว่าจงแดอยู่ไหน...

     

    “ลุงครับ ทำไมมานั่งหอบอยู่นี่ล่ะครับ”

     

    “ก็ลุงวิ่งตามโจรมาน่ะสิ แฮ่กๆ ” ลุงยามเงยหน้าขึ้นมาตอบ “อ้าว พ่อหนุ่มที่มารับเจ้าเด็กจงแดบ่อยๆ นี่นา”

     

    “ครับ แล้วตอนนี้จงแดอยู่ไหนเหรอครับ ผมเห็นเด็กนั่นวิ่งเข้ามาในซอยนี้นี่นา”

     

    “อ้อ เจ้าเด็กนั่นวิ่งตามโจรเข้าไปในซอยนั่นน่ะ” ลุงยามที่เริ่มจะหายใจเป็นปกติแล้วหลังจากที่ได้พักเหนื่อยชี้มือไปตรงซอยทางเข้าเล็กๆ มินซอกมองตามก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่

     

    “แล้วทำไมลุงไม่ห้ามเขาล่ะครับ เกิดถูกโจรทำอะไรขึ้นมาจนเป็นอันตรายจะว่าไง”

     

    “ถ้าห้ามแล้วเจ้าเด็กนั่นมันฟังบ้างก็ดีน่ะสิ”

     

    มินซอกถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่สอง ก็รู้ดีอยู่หรอกว่าจงแดเป็นพวกเด็กหัวดื้อไม่เชื่อฟังใคร เวลาถูกตีกรอบก็ชอบจะแหกออกมาจากกรอบตลอด แล้วถ้าเด็กนั่นยอมเชื่อฟังใครเขาเสียบ้างเขาก็คงไม่ต้องมาตามคุมอยู่อย่างนี้หรอก ไม่รู้ป่านนี้จะวิ่งไปตามโจรถึงไหนต่อไหนแล้ว ถึงแม้จงแดจะเอาตัวรอดเก่ขนาดไหนแต่ก็ยังอดจะเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี

     

    “งั้นลุงรออยู่นี่นะครับผมจะไปตามจงแดเอง”

     

    “ไม่ต้องมาตามผมหรอกครับ”

     

    เสียงที่มินซอกคุ้นเคยเป็นอย่างดีดังมาจากทางด้านหลัง มินซอกหันกลับไปมองด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่ายเต็มทน...ความกังกลเมื่อก่อนหน้านี้หายวับไปทันทีเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวแสบลากใครมาด้วย เจ้าโจรที่วิ่งราวกระเป๋าอยู่ในสภาพที่หนักหนาพอสมควรส่วนเจ้าเด็กตัวแสบมีเพียงมุมปากสวยเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บ

     

    “ทำแบบนี้อีกแล้วนะจงแด เมื่อไหร่จะเลิกทำเรื่องห่ามๆ เสียที”

     

    “อย่าบ่นเป็นคนแก่ไปหน่อยเลยน่า ผมยังไม่ตายสักหน่อย”

     

    “เลิกเถียงพี่สักที รีบพาหมอนี่ไปส่งตำรวจแล้วก็เอากระเป๋าไปคืนเจ้าของเสียทีจะได้รีบๆ กลับบ้าน”   จงแดทำปากขมุบขมิบล้อเลียนมินซอกจนคนถูกล้อเลียนได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอากับเจ้าว่าที่คู่หมั้นจอมดื้อ

     

     

     

     

     

    “โอ้ว! ขอบใจหนูมากๆ เลยนะจ๊ะที่ช่วยตามกระเป๋ามาให้ ถ้าไม่ได้หนูฉันต้องแย่แน่ๆ เลย”

     

    หลังจากหิ้วเจ้าโจรมาส่งให้ตำรวจได้จงแดก็รี่เอากระเป๋ามาคืนให้คุณนายเจ้าของกระเป๋า คำขอบคุณมากมายที่จงแดเองก็ไม่รู้ว่าคุณนายแกไปสรรหามาจากไหนถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากสีแดงแปร๊ดนั้น จงแดเพียงแค่ตอบกลับไปว่าไม่ต้องขอบคุณอะไรมากมายขนาดนั้นก็ได้แล้วก็เดินหนีไปขึ้นรถของมินซอกไม่สนใจอะไรอีก

     

    ปึก!

     

    “มีเรื่องมันได้ทุกวันเลยนะจงแด” มินซอกที่ตามมาทีหลังเอ่ยขึ้นเมื่อเข้ามานั่งประจำที่คนขับเรียบร้อย

     

    “แต่วันนี้เรื่องที่ผมทำมันก็เป็นเรื่องดีนี่!

     

    “มันก็ใช่ แต่ถ้าเกิดโจรมีมีดมีปืนแล้วจงแดจะทำยังไง จะสู้มันได้เหรอ”

     

    “ผมไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า รีบๆ ออกรถได้แล้วผมอยากอาบน้ำ”

     

    มินซอกไม่ได้ทำตามที่เด็กตัวบางบอกตรงข้ามกลับเบี่ยงตัวเข้ามาใกล้จนจงแดต้องถอยห่าง มินซอกต้อนจงแดจนร่างบางหนีไปไหนไม่รอดเพราะช่วงตัวและศีรษะดันถอยหนีออกมาจนมันชิดประตูฝั่งที่ตนเองนั่ง แขนล่ำๆ ของมินซอกกักกั้นจงแดไว้ไม่ให้ถอยหนีไปไหนได้

     

    “จะทำอะไรว่ะ! ถอยออกไปเด้!

     

    แม้ว่าจงแดจะตะโกนใส่หน้าหรือพยายามใช้มือทั้งสองข้างดันมินซอกออกไปให้ห่างยังไงก็ไม่สามารถทำได้เพราะแรงของอีกคนมันมากเหลอเกิน ส่วนมินซอกที่เห็นอาการหงุดหงิดของเด็กในปกครองก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างชอบอกชอบใจ ทั้งที่จงแดสู้กับโจรได้สบายๆ แต่กับมินซอกเพียงแค่ผลักเขาออกห่างแค่นี้กลับทำไม่ได้...มันน่าขำเสียจริง

     

    “พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าเวลาคุยกับผู้ใหญ่ให้พูดเพราะๆ”

     

    “เออ!! รู้หรอก ถอยออกไปได้ยังหายใจไม่ออก” ว่าพลางสะบัดหน้าไปอีกทาง

     

    มินซอกผละมือออกมาข้างหนึ่งแล้วจึงจับคางมนบังคับให้จงแดหันมามองหน้ากันตรงๆ ใบหน้าหล่อหวานของมินซอกก้มลงไปใกล้กับใบหน้าของจงแดมากขึ้น นิ้วมือสวยแตะเบาๆ ที่มุมปากที่คงจะโดนโจรต่อยมา ร่างบางไม่กล้าจะเอ่ยปากว่าสิ่งใดทำได้เพียงนั่งนิ่งๆ จ้องมองใบหน้าของว่าที่คู่หมั้นเงียบๆ

     

    “มุมปากสวยๆ ช้ำหมดเลย” มินซอกว่าพลางขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ “เดี๋ยวกลับบ้านไปพี่จะทำแผลให้นะ”

     

    “อื้ม...ถ้างั้นก็รีบๆ พากลับบ้านซะทีสิ!

     

    มินซอกยกยิ้มกว้างให้กับปฏิกิริยาของร่างบางที่พอตั้งสติได้ก็แว๊ดใส่เขาเสียงแหลม มินซอกผละออกมานั่งประจำที่คนขับให้เรียบร้อยหันมามองตุ๊กตาหน้ารถว่านั่งที่เรียบร้อยดีหรือยัง เมื่อคิดว่าน้องพร้อมแล้เขาจึงออกรถทันที

     

     

     

    *****

     

     

     

    พอมินซอกพามาส่งถึงบ้านจงแดไม่รอช้ารีบวิ่งขึ้นไปบนห้องของตัวเองทันที จนคุณแม่ที่เดินออกมารับยังต้องขมวดคิ้วสงสัยว่าเจ้าลูกชายตัวดีเป็นอะไร ทุกทีเห็นโหวกเหวกโวยวายมาตั้งแต่อยู่หน้าบ้านแต่วันนี้กลับไม่ได้ยินแม้แต่เสียงวิ่งเข้าบ้าน

     

    “น้องเป็นอะไรน่ะมินซอก”

     

    “ไม่มีอะไรหรอกครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

     

    “จ๊ะๆ”

     

    มินซอกยิ้มให้ว่าที่แม่ยายเล็กน้อยก่อนจะเดินเลี่ยงเข้ามาในบ้าน กล่าวทักทายกับว่าที่พ่อตานิดหน่อยแล้วจึงเดินไปเอากล่องปฐมพยาบาลที่เขารู้ดีว่าอยู่ตรงไหน จากนั้นจึงตรงดิ่งไปที่ห้องนอนของเจ้าเด็กตัวแสบ

     

    ก็อกๆๆ

     

    “จงแดเปิดประตูให้พี่หน่อยสิครับ พี่จะทำแผลให้”

     

    “ไม่ต้อง! ผมทำเองได้พี่เอากล่องยาวางไว้แล้วก็รีบๆ กลับไปได้แล้ว! 

     

    เสียงติดเหวี่ยงที่ลอดผ่านบสนประตูออกมาทำให้มินซอกยกยิ้มขึ้นมาอย่างชอบใจ ที่ยิ้มเพราะเขารู้ว่าสาเหตุที่ทำให้จงแดวีนแตกอยู่ในตอนนี้เป็นเพราะเรื่องเมื่อตอนเย็นที่เขากำลังจะพาเจ้าตัวกลับมาส่งที่บ้านนั่นแหละ จงแดน่ะก็แกล้งทำเป็นวีนทำเป็นเหวี่ยงเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินเท่านั้นแหละ

     

    แต่ก่อนจงแดไม่ใช่เด็กเกเรแบบนี้หรอก แต่ที่ทำตัวเป็นเด็กเกเรอย่างทุกวันนี้ก็เพียงแค่ต่อต้านพ่อแม่เท่านั้น หลังจากที่จงแดจบชั้น ม.3 และเขาจบชั้น ม.6 พ่อและแม่ของเขากับจงแดก็พาไปฉลองเรียนจบพร้อมกับบอกข่าวที่ไม่รู้จะบอกว่าดีหรือร้ายกันแน่แก่พวกเขา นั่นก็คือพวกท่านทั้งพ่อแม่ของเขากับจงแดได้ตกลงกันไว้ว่าจะให้เราทั้งหมั้นกันเมื่อโตขึ้น ตั้งแต่นั้นมาจงแดก็ทำตัวเกเรจนถึงตอนนี้ที่เจ้าตัวก็อยู่ ม.5 ส่วนผมก็อยู่มหาลัยปี 2 แล้วจงแดก็ยังไม่เลิก

     

    ผมรู้ว่าน้องก็คงไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ที่ทำไปก็เพียงแต่อยากประทวงพ่อกับแม่ที่ทำอะไรไม่ปรึกษาหรือถามความเห็นก่อน เพราะถ้าจงแดไม่อยากจะหมั้นกับเขาจริงๆ ก็คงจะคัดค้านตั้งแต่ที่รู้เรื่องแล้วล่ะ แล้วอีกอย่างจงแดก็คงจะรู้สึกพิเศษต่อเขาเหมือนที่เขาเองก้รู้สึกกับจงแดบ้างหล่ะ

     

    กลับสู่ปัจจุบันที่เขากำลังยืนยิ้มอยู่ที่หน้าประตูห้องของจงแดซึ่งไร้วี่แววว่าเจ้าของห้องจะออกมาเปิดประตูให้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอกเพราะเขา...มีกุญแจสำรอง : )

     

    แกร๊กๆ

     

    “เฮ้ย! เข้ามาได้ไงว่ะ!

     

    เจ้าของห้องที่กำลังจะล้มตัวนอนเกลือกกลิ้งไปกับเตียงนุ่มเป็นต้องรีบเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งตามเดิม นิ้วมือเรียวชี้มาที่มินซอกด้วยแววตาตื่นๆ แต่มินซอกเพียงแค่หัวเราะขำแล้วชูกุญแจสำรองในมือให้ดู

     

    “ไปเอามาได้ไง!

     

    “ก็แม่ของจงแดเป็นคนให้พี่ไว้เอง”

     

    “ให้ตาย!

     

    “มาให้พี่ทำแผลให้ดีกว่ามา” มินซอกไม่ได้สนใจว่อีกคนจะมีสีหน้ายังไง เขาเพียงแต่เดินตรงเข้าไปหาร่างที่ตอนนี้นั่งกำมือแน่นพลางขมุบขมิบปากบ่นไปตามประสา

     

    “โอ้ย! ไรว่ะ! เบาๆ หน่อยเซ่!!” ปากที่ขมุบขมิบบ่นเมื่อกี้ร้องประท้วงเสียงดังเมื่อมินซอกกดสำลีที่ป้ายยานั้นลงมาที่มุมปากข้างที่มีแผล พลางสายตาก็ตวัดไปมองอย่างหาเรื่อง

     

    “พูดเพราะๆ หน่อยสิครับ”

     

    “ไอ้บ้า! เอาหน้าออกไปให้ห่างเลย” มือเล็กยกขึ้นมาดันหน้าของมินซอกออกไปให้ห่างเมื่อรับรู้ว่าระยะห่างระหว่างใบหน้าของตนกับอีกคนนั้นมีเพียงน้อยนิด

     

    “โอเคๆ นั่งนิ่งๆ ล่ะห้ามส่งเสียงดังด้วยพี่จะใช้สมาธิทำแผลให้”

     

    คิ้วเรียวขมวดฉับมองหน้าว่าทีคู่หมั้นด้วยความหงุดหงิด กับอีแค่ทำแผลมันต้องใช้สมาธิขนาดนั้นเลยรึไง! แต่ก็ช่างเหอะ! ขี้เกียจจะต่อปากต่อคำด้วย

     

     

     

     

    ต่อค่ะ

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

     

    หลังจากที่ผมทำแผลให้เจ้าเด็กดื้อเสร็จก็ไล่ให้ไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมาทานข้าวข้างล่างซึ่งก็มีคุณแม่แล้วก็คุณพ่อของจงแดนั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้วเรียบร้อย ผมโค้งขอโทษที่ทำให้ผู้ใหญ่ต้องรอแต่พวกท่านก็แค่ยกยิ้มให้แล้วบอกว่าไม่เป็นไรเท่านั้น

     

    “นั่งเถอะลูก เดี๋ยวกับข้าวกับปลาจะเย็นเสียก่อน”

     

    คุณพ่อของจงแดซึ่งนั่งอยู่มุมหัวโต๊ะว่าจบก็ผายมือเชิญทุกคน ผมเองก็ได้มีโอกาสมาทานข้าวเย็นที่บ้านนี้บ่อยจนแทบจะเรียกได้ว่าทุกวัน เพราะต้องไปรับไปส่งจงแดไปกลับโรงเรียนทุกวันแต่ถ้าวันไหนไม่ว่างจงแดก็จะนั่งรถเมล์กลับมาเอง ผมไปรับไปส่งจงแดเองโดยที่ไม่ดีมีคนสั่งหรือขอร้องเพราะผมเห็นว่านี่ก็คงจะเป็นหน้าที่อีกอย่างที่ผมจะสามารถทำให้ว่าที่คู่หมั้นได้ พ่อกับแม่ของจงแดเองก็คงจะเกรงใจที่ผมต้องคอยมารับมาส่งลูกชายจอมเกเรเกือบจะทุกวันเลยตอบแทนผมด้วยการเลี้ยงข้าวเย็น

     

    “แล้วตอนกลับมาเป็นอะไรทำไมถึงได้ก้มหน้าก้มตาวิ่งขึ้นบ้าน ห๊ะ เจ้าจงแด” เป็นแม่ของจงแดที่เปิดประเด็นขึ้นหลังจากที่บรรยากาศมันเริ่มจะเงียบเกินไป

     

    “ไม่มีอะไรหรอกครับแม่”

     

    เด็กดื้อที่ก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปากไม่สนใจใครในตอนแรกเงยหน้าขึ้นมาตอบ ผมที่นั่งอยู่ข้างจงแดหันไปมองเล็กน้อยแล้วจึงหันกลับมาตักข้าวเข้าปากตามเดิมเพราะมันก็คงจะไม่ได้มีเรื่องอะไร

     

    “แล้วปากไปโดนใครต่อยมาอีกล่ะ” คราวนี้บรรยากาศไม่ได้เงียบอย่างเดียวแต่ยังปนไปด้วยความอึมครึมขึ้นมา

     

    คุณพ่อของจงแดถึงแม้ว่าจะดูเหมือนไม่ค่อยสนใจอะไรแต่ก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดกับลูกชายได้เสมอ คราวนี้เองก็เช่นกัน

     

    “เล่นตำรวจไล่จับโจรมาครับ”  จงแดตอบกลับแบบไม่ใคร่สนใจนัก ผมเลยต้องไขข้อสงสัยให้กับท่านผู้ใหญ่ทั้งสองท่านที่เอาแต่จ้องมองลูกชายตนเองด้วยความงงงวย

     

    “พอดีตอนเลิกเรียนมีโจรวิ่งราวกระเป๋าที่หน้าโรงเรียนน่ะครับจงแดเลยวิ่งไปตามจับโจรเอากระเป๋ามาส่งให้เจ้าของ”

     

    “ตายจริง! เจ้าลูกคนนี้ชอบทำอะไรบู่มบ่ามจริง ถ้าเกิดถูกโจรทำร้ายขึ้นมาจะทำไง!” เป็นคุณนายคิมที่เอ่ยติติงลูกชายแต่ในกระแสเสียงก็ปนไปด้วยความเป็นห่วงอย่างปิดไม่อยู่

     

    “แต่ผมก็ยังไม่เป็นอะไรสักหน่อย นี่ไง! ยังมานั่งทานข้าวที่บ้านได้สบายๆ อยู่เลย” เจ้าเด็กที่ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงยังไม่สำนึกตักข้าวเข้าปากอย่างไม่คิดจะสนอะไรทั้งสิ้น

     

    “คราวหลังจะทำอะไรก็คิดให้เยอะอย่าใช้แต่กำลังสมองมีก็ใช้ด้วย”

     

    สดท้ายคุณคิมก็ได้แต่ตักเตือนเป็นประโยคสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะเข้าสู่สภาวะเงียบสงบ จนกระทั่งทานข้าวเสร็จผมที่อาสาจะช่วยล้างจานให้ก็โดนคุณนายคิมไล่ให้ออกมาเพราะมันเป็นงานของแม่บ้าน ซึ่งก็เป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ที่ผมได้เข้ามาทานข้าวร่วมกับครอบครัวนี้ครั้งแรก

     

    ข้างนอกตอนนี้ก็เริ่มมืดเข้าไปทุกทีผมเลยบอกลาผู้ใหญ่ของบ้านทั้งสอง ส่วนจงแดก็โดนคุณแม่คนสวยบังคับให้เดินมาส่งผมอยู่หน้าบ้านอีกตามเคย...

     

    “พี่กลับนะครับ”

     

    “เออ! จะไปไหนก็ไปไป๋!

     

    เด็กดื้อก็ยังคงเป็นเด็กดื้ออยู่วันยังค่ำ...

     

    ผมสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้จงแดที่เริ่มจะถอยหลังห่างออกไปเรื่อยๆ เช่นกัน แต่ผมจะไม่ยอมให้เขาถอยห่างออกไปได้มากกว่านี้หรอกนะ แขนที่แข็งแรงโดยกรรมพันธุ์ของผมรั้งเข้าที่เอวบางให้เข้ามาใกล้ แล้วก้มหน้าเข้าไปหาคนที่ดิ้นอยู่ในอ้อมแขนช้าๆ

     

    “พี่เคยบอกแล้วไงว่าให้พูดเพราะๆ”

     

    “อย่ามากวน! จะกลับบ้าไม่ใช่หรอ ก็รีบๆ กลับไปซะสิ!

     

    “อืมมม...เอางั้นก็ได้ครับ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับนะ” ผมปล่อยแขนออกจากเอวบางแล้วส่งยิ้มอบอุ่นไปให้ น้องมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแปลกใจแต่ผมก็ไม่ได้สนใจแล้วหันหลังจะเดินไปขึ้นรถ

     

    “เดี๋ยว!

     

    “ครับ?” เสียงแหลมที่เรียงไว้ทำให้ผมหันกลับไปเลิกคิ้วมองอย่างเป็นคำถาม

     

    “พรุ่งนี้ตอนเที่ยงว่างรึเปล่า!

     

    “อืมม...ก็น่าจะว่างนะเพราะพรุ่งนี้พี่มีเรียนแค่ตอนเช้า ตอนบ่ายก็มีนัดไปส่งโปรเจ็ค...จงแดมีอะไรรึเปล่า”

     

    “พรุ่งนี้มีเรียนแค่ครึ่งวันตอนบ่ายครูจะไปต้อนรับ ผ.อ คนใหม่ พี่...มารับผมได้ป่าว” แม้ประโยคหลังที่เป็นคำถามจะฟังดูติดขัดไปหน่อยแต่มันก็เรียกรอยยิ้มให้มาประดับบนใบหน้าผมได้ไม่ยาก

     

    “ได้สิครับ แต่ตอนบ่ายจงแดต้องพาพี่ไปส่งโปรเจ็คด้วยนะ...แล้วเดี๋ยวพี่พาไปเที่ยว”

     

    “เออ!

     

    แม้ว่าผมจะพูดเพราะกับเขาเท่าไหร่แต่เขาก็ยังเลือกที่จะพูดจาไม่ดีกับผมเหมือนเดิมสินะ... แบบนี้ต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้วเจ้าเด็กนอกกรอบ

     

    ฟอดดด!

     

    “พูดไม่เพราะต้องถูกลงโทษ”

     

    “อะ...ไอ้ ...ไอ้!  ไอ้บ้าพี่มินซอก!!! 

     

    คนถูกขโมยหอมแก้มเหมือนเพิ่งจะตั้งสติได้ แต่มันก็สายเสียยิ่งกว่าสายแล้วเมื่อผมไม่รอให้ได้รับเสียงก่นด่ารีบหันหลังวิ่งไปขึ้นรถแล้วขับออกมาจากบริเวณรั้วบ้านจงแดอย่าง...อารมณ์ดี   : ))

     

     

     

    :: Jongdae Part ::

     

    ผมยกมือขึ้นมาลูบแก้มข้างที่โดนขโมยหอมไป รู้สึกว่าทั่วทั้งหน้ามันจะร้อนวูบวาบและไม่ต้องสงสัยเลยว่าแก้มทั้งสองข้างของผมมันจะแดงปลั่งขนาดไหน  >///<

     

    ที่จริงแล้วผมเองก็ไม่ใช่เด็กเกเรอะไรหรอกครับแล้วผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรไอ้พี่มินซอกนั่นด้วย ทุกอย่างที่ผมทำไปมันก็เพียงเพราะผมไม่ชอบใจที่มีคนมาตีกรอบครอบผมไว้ในเส้นบังคับผมเหมือนผมเป็นหุ่นเชิด เลยทำตัวเกเรเสเพมันไปเสียเลย จะเรียกว่าประท้วงทางอ้อมมันก็คงได้อ่ะครับ

     

    แล้วข้อจริงอีกข้อก็คือ...ผมชอบไอ้พี่มินซอกครับ >//<  ไม่ใช่เพิ่งชอบด้วยนะแต่ผมน่ะชอบพี่ชายคนนี้มาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ผมเกลียดเวลาเขามาไล่ต้อนให้ผมเข้าไปอยู่ในเส้นกรอบชีวิตที่พ่อกับแม่ตีไว้ให้โดยไม่ถามเลยสักคำว่าผมอยากได้ชีวิตแบบไหน ผมเลยต้องแสดงพฤติกรรมแย่ๆ ออกไป

     

    “จงแดจะยืนยิ้มคนเดียวอีกนานไหม แขกไปใครมาเขาจะหาว่าเป็นบ้าเอาได้นะ”

     

     

    จบ!!

     

    นี่ผมยืนยิ้มอยู่คนเดียวตอนคิดถึงพี่มินซอกหรอเนี่ย >//<  ท่าทางจะหนักแล้วสิเนี่ย บ้าๆๆๆ บ้าไปแล้ว!!! 

    #วิ่งหนีขึ้นห้อง

     

     

     

     

    ตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงกว่าๆ แล้วล่ะครับ  ผมแวะไปทานข้าวที่โรงอาหารก่อนจะออกมานั่งรอให้พี่มินซอกมารับอยู่ที่ม้าหินอ่อนแถวหน้าโรงเรียน ไม่อยากจะบอกว่าเมื่อเช้าตอนที่พี่มินซอกขับรถมาส่งผมเขาฮัมเพลงมาตลอดทางแถมยังยิ้มเกๆ ที่มุมปากอ่างกับคนอารมณ์ดีนักหนา

     

    ส่วนเรื่องที่ผมถูกขโมยหอมแก้มนั้นก็ไม่มีใครปริปากพูดถึงเพราะนั่นก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมถูกพี่มินซอกลวนลามอยู่แล้ว ถ้าจะให้ไปฟื้นฝอยหาตะเข็บอีกก็คงจะเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองมากเกินไปเลยทำได้แค่ปล่อยๆ ผ่านไป

     

    ว่าแต่ทำไมป่านนี้พี่มินซอกยังไม่มาอีกล่ะเนี่ย??

     

    Rrrr

     

    เสียงโทรศัพท์เครื่องบางของผมดังขึ้นมาจากในกระเป๋ากางเกงนักเรียน ไม่ต้องหยิบขึ้นมาดูเบอร์โทรเข้าผมก็รู้ว่าต้องเป็นสายจากใคร ...

     

    คิม มินซอก

    ...ทายผิดที่ไหน

     

    “พี่อยู่ไหนแล้ว”

     

    (พี่รออยู่ที่หน้าโรงเรียน)

     

    “เออ เดี๋ยวผมออกไปหา”

     

    ผมกดวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงตามเดิม คว้ากระเป๋าเป้พาดบ่าแล้วเดินออกมาหน้าโรงเรียนตรงไปที่ที่พี่มินซอกเคยมาจอดรถรอรับผมทุกวัน และวันนี้มันก็ยังจอดรออยู่ที่เดิม

     

    ปัง!

     

    “จงแดกินข้าวรึยัง” ทันทีที่ผมปิดประตูรถและนั่งที่รัดเข็มขัดเรียบร้อยพี่มินซอกก็ออกปากถาม ผมเพียงแค่พยักหน้าตอบไปแบบส่งๆ “งั้นเดี๋ยวพี่ขอไปส่งโปรเจ็คที่มหาลัยก่อนแล้วกันนะ แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปเที่ยวกัน”

     

    “อืม”

     

    รถมุ่งหน้าออกไปจากโรงเรียนด้วยความนุ่มนวลเหมือนกับบุคลิกของคนขับ ผมมองออกไปนอกหน้าต่างมองวิวถนนหนทางที่มันก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจมากมาย

     

    ความเร็วของรถยนต์ชะลอลงช้าๆ ก่อนที่จะหยุดลงเมื่อมาถึงจุดหมาย ผมเลือกที่จะนั่งรอพี่มินซอกอยู่ในรถเพราะคาดว่าถ้าหากเข้าไปด้วยอาจจะมีปัญหา

     

    “จะนั่งอยู่ในนี้รึไงกันครับจงแด”

     

    “อืม จะนั่งรออยู่ในนี้แล้วกัน”

     

    “ไปนั่งรอพี่ที่ม้านั่งหน้าคณะดีกว่าอยู่ตรงนี้มันอันตราย” พี่มินซอกยังไม่เลิกพยายามที่จะพาผมไปด้วย

     

    “ถ้าผมเข้าไปมันจะไม่มีปัญหาหรอ”

     

    “ถ้าจงแดไม่ก่อเรื่องมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

     

    ผมตวัดสายตาไปมองพี่มินซอกแบบเชือดเฉือน พี่มินซอกเองพอโดนสายตาฟาดฟันจากผมก็หัวเราะเบาๆ ไม่ได้มีท่าทีกลัวแต่อย่างใด นั่นยิ่งทำให้ผมอารมณ์เสียแต่ก็ต้องอดทนไว้ หันหน้าออกไปมองที่อื่นไม่สนใจพี่มินซอกเพราะมันจะยิ่งทำให้ผมหงุดหงิด

     

    หาว่าผมเป็นตัวก่อปัญหารึไง...       

     

    แต่พี่มินซอกก็ยังไม่ยอมรามือที่จะพาผมเข้าไปข้างในให้ได้ พี่มินซอกเปิดประตูและลงไปจากรถปิดประตูอย่างนุ่มนวลอย่างกับกลัวว่ามันจะพัง ประตูรถฝั่งผมเปิดออกโดยฝีมือพี่มินซอกเช่นเดิมก่อนที่แขนของผมจะโดนจับหมับ เท่านั้นแหละครับ...พี่มินซอกก็ลากผมออกจากรถทันทีทันใดปิดประตูล็อครถและพาผมมุ่งหน้าไปอย่างไม่สนสายตาคนที่มองตาม

     

    “นี่พี่ทำอะไรเนี่ย! ปล่อยแขนผมได้แล้วผมเดินเองได้”

     

    “ไม่ได้หรอก ...เดี๋ยวจงแดหนี” ประโยคหลังพี่มินซอกหันมาพูดกับผมแล้วขยิบตาให้หนึ่งที ผมเลยเบะปากส่งคืนให้ด้วยความหมั่นไส้

     

    “นั่งรอตรงนี้แหละ เดี๋ยวพี่มา”

     

    ผมถูกพี่มินซอกลากมาจนมาถึงม้านั่งที่หน้าคณะมือทั้งสองข้างของพี่มินซอกกดไหล่ผมให้นั่งนิ่งๆ ผมมองพี่มินซอกตาขวางแต่พี่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร

     

    “ห้ามไปไหน...เข้าใจไหม”  มิวายพี่มินซอกยังยกมือข้างหนึ่งมาชี้หน้าผมสายตาที่มองมาอย่างจ้องจับผิดทำให้ผมไม่กล้าสบตา

     

    “เออน่า! จะไปก็รีบไปผมไม่ไปไหนหรอก”

     

    ผมตอบเสียงปัดๆ เพราะเริ่มรู้สึกว่าหน้ามันจะร้อนวูบวาบๆ ยังไงไม่รู้ อยู่ใกล้พี่มินซอกนี่อันตรายจริงๆ

     

    พี่มินซอกเดินเข้าไปในตึกอาคารพร้อมกับงานที่จะเอามาส่งยังอยู่ในมือ นี่ผมยังสงสัยว่าพี่แกไปเอาเวลาไหนหยิบงานมาด้วย แต่ก็ช่างเถอะ! ไม่ใช่เรื่องของผมสักหน่อย

     

    นักศึกษาหลายคนที่อยู่โดยรอบหรือเดินผ่านไปผ่านมาต่างก็มองผมอย่างสงสัย ผมที่ขี้เกียจจะสนใจสายตาคนพวกนั้นเลยยกมือถือขึ้นมาเล่นตัดปัญหามันไปเสียเลย  แล้วไหนพี่มินซอกบอกจะไปไม่นาน นี่มันนานมากแล้วนะ!

     

    “กูว่านะอาจารย์โซฮีแมร่งปิ๊งไอ้มินซอกแน่เลยว่ะ”

     

    “ทำไมมึงคิดงั้นอ่ะ”

     

    “มึงก็รู้ว่าอาจารย์โซฮีระเบียบจัด งานผิดนิดเดียวไล่มาแก้ใหม่ทั้งเล่ม! คนอื่นเขาโดนมาหมดขนาดคยองซูที่ว่าเก่งแล้วยังเคยโดนมาตั้งสามครั้ง แต่ไอ้มินซอกกูยังไม่เคยเห็นมันเอางานของอาจารย์โซฮีมาแก้เลยสักครั้งเดียว”

     

    ผมเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ทันทีเมื่อได้ยินชื่อของคนที่คุ้นเคยกับผมเป็นอย่างดี ผู้ชายสองคนที่เดินเคียงกันมาคนหนึ่งตัวผอมสูงส่วนอีกคนตัวอวบผิวขาวจัด ผมกลับมาจ้องหน้าจอโทรศัพท์เหมือนเดิมเมื่อทั้งสองคนเริ่มเดินเข้ามาใกล้ แต่ถึงแม้ว่าตาจะไม่ได้ดูหูผมก็ยังฟังนะครับ  : )

     

    ว่าแต่มินซอกที่ว่านี่คงจะไม่ใช่มินซอกเดียวกันกับที่ผมรู้จักใช่ไหม?

     

    “แต่ใครเขาก็รู้ว่ามินซอกน่ะ เป็นคนเจ้าระเบียบเรียนก็เก่งมีสิทธิ์คว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งตั้งแต่อยู่เพิ่งจะอยู่ปี 2 เลยนะเว้ย! และที่สำคัญฉันรู้มาว่ามินซอกมีว่าที่คู่หมั้นแล้วนะเป็นเด็กผู้ชายเรียนอยู่ชั้นมอปลายโรงเรียนดังด้วยนะ หมอนั่นเป็นเกย์คงจะไม่ชอบผู้หญิงหรอก” ผมแอบเหลือบตาดูคนพูดเป็นคนตัวอวบผิวขาวนั่นเอง จากคุณสมบัติที่คนตัวอวบพูดมาทำให้ผมมั่นใจได้ทันทีเลยล่ะว่ามินซอกที่พวกเขาพูดถึงคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...

     

    คิม มินซอก ว่าที่คู่หมั้นของผมนั่นเอง! ว่าแต่เจ้าคนตัวสูงนั่นกล้าดียังไงว่าพูดจาใส่ร้ายว่าที่คู่หมั้นของผม!

     

    “ก็แค่ว่าที่คู่หมั้น บางทีหมอนั่นอาจจะเป็นพวก...ผู้หญิงก็ได้ผู้ชายก็ดีแบบนี้ก็ได้นะเว้ย ฮ่าๆๆๆ” คราวนี้ไอ้คนตัวสูงพูดแน่ๆ แบบไม่ต้องเดา

     

    “ฉันว่านายอย่าไปว่ามินซอกแบบนั้นจะดีกว่านะ”

     

    “ทำไมจะว่าไม่ได้!   หมอนั่นน่ะนอกจากจะเล่นคนแก่แล้วยังเล่นเด็กด้วยสินะ ฮ่าๆๆ   โอ้ย!!!

     

    เจ้าคนตัวสูงที่ว่าร้ายให้พี่มินซอกยังหัวเราะได้ไม่เท่าไหร่ก็เป็นต้องร้องโอดโอยเมื่อผมยื่นขาออกไปขัดขาเขาที่กำลังจะเดินผ่านพอดีจนหมอนั่นล้มไปกองกับพื้นไม่เป็นท่า

    “เอ๊ะ! พี่ครับเป็นอะไรรึเปล่าครับ ผมขอโทษนะครับ”  ผมแกล้งตีหน้าว่ารู้สึกผิดเสียเหลือเกิน แล้วเดินเข้าไปช่วยพยุงหมอนั่นให้ลุกขึ้น ส่วนผู้ร่วมเห็นเหตุการณ์อีกคนก็ยืนนิ่ง

     

    ผลั๊ก!!!

    “โอ้ย!!!  เชี่ย!

     

    “โอ๊ะ! ขอโทษอีกครั้งนะครับพอดีมือผมลื่น”  คราวนี้ผมไม่ได้แกล้งตีหน้าเศร้าเหมือนเคย ผมยิ้มแย้มแจ่มใสส่งให้กับผู้ชายตัวสูงที่ล้มลงไปกับพื้นอีกครั้งอย่างไม่เป็นท่า

     

    “ไอ้เด็กเวร!!!

     

    เมื่อลุกขึ้นมายืนได้ยังไม่มั่นคงคนตัวสูงปากเสียก็พุ่งหมัดตรงมาที่หน้าของผมทันที แต่คนอย่างผมคงไม่ยืนเซ่อให้โดนหมัดฟรีๆ หรอก ผมเอนตัวหลบหมัดได้อย่างหวุดหวิดก่อนจะยกขาขึ้นถีบเข้าที่ท้องคนที่หวังจะต่อยผมเมื่อกี้จนมันล้มลงไปกองกับพื้นอย่างเก่า ผู้คนมากมายเริ่มที่จะมามุงดูเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น

     

    ผมหันไปยิ้มให้พี่ชายอีกคนที่เดินมาพร้อมกับหมอนั่น พี่เขาก็เพียงแค่ขมวดคิ้วมองผม ผมไม่ทำอะไรพี่เขาหรอกครับเพราะพี่เขาไม่ได้พูดจาให้ร้ายใคร

     

    “ผมว่าบางทีพี่น่าจะไปเอาแผลที่ปากเสียหน่อยนะครับ พอปากเป็นแผลพี่จะได้ไม่ไปเที่ยวเห่าหอนคอยพูดจาใส่ร้ายคนอื่น”  ผมเดินเข้ามาใกล้คนตัวสูงที่นั่งจุกอยู่กับพื้น

     

    หมอนั่นจ้องผมตาเขม็งแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะว่ายังจุกอยู่ ผมยิ้มหวานส่งไปให้แล้วก้มหน้าเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่กับพื้นใกล้ๆ

     

    “กล้าดียังไงมานินทาพี่มินซอกของผม พี่น่ะอิจฉาพี่มินซอกสินะที่พี่มินซอกรวยกว่า หล่อกว่า แล้วก็เรียนเก่งกว่าเลยหาเรื่องมาใส่สีตีไข่ทำให้พี่มินซอกของผมดูไม่ดี”

     

    “...”

     

    “ทุเรศจัง ^^

     

    “เหอะ! แกคงจะเป็นว่าที่คู่หมั้นไอ้มินซอกมันสินะ นี่! ระวังโดนไอ้มินซอกหลอกฟันหน่อยก็แล้วกัน เพราะหมอนั่นน่ะไม่รู้ว่าเคยได้กับใครมาแล้วบ้าง ...ระวังจะติดโรคนะเจ้าหนู”

     

    “ไอ้นรกเอ้ย! ไปตายซะ!!!

     

    หมัดของผมพุ่งเข้าใส่ที่โหนกแก้มหมอนั่นอย่างจังจนมันล้มนอนราบไปกับพื้น ผมตามไปนั่งคร่อมมันไว้แล้วซัดหมักใส่อีกสองสามที ตอนแรกกะว่าจะไม่โมโหแล้วนะแต่พอเจอหมอนี่พูดจาหมาแมวใส่อีกคนความอดทนต่ำอย่างผมก็ไม่คิดที่จะทน

     

    ในขณะที่เลือดกำลังขึ้นหน้าผมไม่รู้ตัวเลยว่าซัดหมัดใส่ไอ้สวะนี่ไปกี่ครั้ง แต่พอผมเงื้อมือจะซัดหมัดอีกครั้งก็มีมือของใครไม่ทราบคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของผมแน่นจะผมต้องหันไปมองด้วยสายตาเคืองๆ

     

    “พี่บอกว่าอย่าก่อเรื่องไง คิม จงแด”

     

    “พี่มินซอก...”  ตัวของผมถูกกระชากอย่างแรงให้ลุกออกมาจากการคร่อมไอ้สวะนั่น ก่อนที่จะถูกล็อกตัวไว้แน่นด้วยฝีมือพี่มินซอก “พี่มินซอกพี่ปล่อยผมเลยนะ ผมจะเอาเลือดชั่วๆ ของไอ้บ้านั่นออก!

     

    “หยุดดิ้นได้แล้ว แล้วก็กลับบ้านกับพี่!  พี่มินซอกเริ่มขึ้นเสียง แต่ผมไม่กลัวหรอกนะเพราะไม่ว่ายังไงผมก็จะจัดการหมอนั่นให้สาสม!

     

    “พี่ไม่ต้องมาห้ามผม! พี่ไม่รู้หรอกว่าหมอนั่นมันว่าอะไรให้พี่บ้าง”

     

    “...แล้วเขาว่าอะไรล่ะ”  พี่มินซอกที่พยายามทำใจให้เย็นลงถามกลับ

     

    “มันบอกว่าพี่กับอาจารย์โซฮีอะไรนั่นกิ๊กกัน แล้วมันยังมาหาว่าพี่เป็นพวกได้ทั้งหญิงทั้งชาย หาว่าพี่ไปนอนกับคนอื่นมาแล้วตั้งหลายคน และที่สำคัญมันหาว่าพี่เป็นโรค!!  หลังจากร่ายจบก็เหมือนว่าแรงของผมจะหมดลงไปด้วยจนต้องหอบแฮ่กๆ

     

    พี่มินซอกจับไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้แล้วจ้องตากับผมนิ่ง ถ้าหากเป็นเวลาปกติผมคงจะวีนแตกพี่เขาเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะมาเขินหรอก...สายตาเรียบนิ่งกับรอยยิ้มที่แย้มออกน้อยๆ ของพี่มินซอกทำให้ผมรู้สึกงงหนัก สายตาแบบนี้ของพี่มินซอกบอกตามตรงเลยว่า...

     

    ผมไม่เคยเจอ มันให้ความรู้สึกเย็นวูบวาบที่สันหลังจริงๆ

     

    “จงแดฟังพี่นะ...”

     

    “...?”

     

    “แม้ว่าใครจะว่าเราเป็นยังไงแต่ถ้าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดเราก็อย่าเดือดร้อน”

     

    “...”

     

    “คนที่เขาเอาแต่นินทาว่าร้ายคนอื่นน่ะเขาเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเราหรอกนะ”

     

    “...”

     

    “แม้ว่าเราจะอยู่ท่ามกลางคนไม่มีเกียรติ...แต่เราก็ต้องรักษาเกียรติไว้”

     

    “...”

     

    “เข้าใจไหม”

     

    ผมไม่ตอบพี่มินซอกพี่เขาเองก็ไม่ได้ถามอะไรหรือพูดอะไรอีก มือข้างหนึ่งของพี่มินซอกเลื่อนลงมากุมมือของผมไว้แล้วพาเดินออกจากวงคนมุงตรงไปทางโรงจอดรถ

     

    บรรยากาศรอบข้างเงียบสนิทไม่มีใครพูดอะไร  จนกระทั่งพี่มินซอกพาผมมาถึงรถและเราก็นั่งประจำที่กัน ผมกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่างไม่ยอมหันไปสบตากับพี่มินซอก แต่จากหางตาผมเห็นว่าพี่มินซอกนั้นหันหน้ามาทางผม

     

    “จงแด..”

     

    “...”

     

    “จงแดครับ”

     

    “...อะไร” พี่มินซอกคงจะไม่ยอมพูดอะไรง่ายๆ หากผมยังไม่ยอมขานรับ ผมเลยต้องยอมปริปาก

     

    “พี่ขออะไรจงแดสักอย่างได้ไหม”

     

    “...”

     

    “ได้ไหมครับ?”

     

    “จะขออะไรก็ขอมา”

     

    “...อย่าให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกได้ไหม พี่ไม่อยากเห็นจงแดไปต่อยตีกับใครอีกแล้ว”

     

    ผมไม่ตอบแต่ยอมรับเลยว่าน้ำเสียงที่พี่มินซอกใช้นั้นมันทั้งขอร้องและอ้อนวอนจนผมเริ่มจะใจอ่อน มือของผมถูกพี่มินซอกเอาไปกุมไว้ผมเลยจำยอมหันไปสบตากับพี่เขาตรงๆ เท่านั้นก็แทบจะทำให้ผมตอบตกลงในทันที

     

    “นะครับจงแด”

     

    “...ก็ได้”

     

    “พี่รักจงแดนะ!

     

    ฟอดดดดด

     

    “อ๊ะ!!  แค่คำบอกรักคงจะไม่ทำให้ผมเขินเท่าไหร่ (มั้ง) แต่นี่พี่มินซอกเล่นมาฉกหอมแก้มผมแบบไม่ทันให้ตั้งตัวแบบนี้คิดว่าผมจะทำยังไงได้ล่ะ นอกจาก...

     

    “ไอ้พี่บ้า!!  ทะลึ่งจริงๆ เลย ไหนบอกว่าส่งโปรเจ็คแล้วจะพาไปเที่ยว...ก็รีบๆ พาไปสักทีเซ่!

     

    “หึ! ครับๆ”

     

    บางทีที่ผมวีนก็เป็นเพราะว่าผมเขินก็ได้นะ ^//^

     

     

     

     

    ยังไม่จบนะคะ >0<

     

    อารมณ์ดีได้ไม่นานผมก็ต้องกลับมาอารมณ์เสียอีกครั้ง หลังจากที่พี่มินซอกพาผมมาเลี้ยงไอศกรีมที่ห้างผมก็ต้องพบกับสายตาของสาวๆ ที่พากันมองมาที่พี่มินซอกอย่างกับจะกลืนกิน! ผมนี่ต้องคอยส่งสายตาพญามารตอบกลับไปใส่คนพวกนั้นอยู่เรื่อย

     

    จนตอนนี้ที่ออกมาจากร้านไอศกรีมแล้วแต่ก็ยังหนีไม่พ้นมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มองตามพี่มินซอกของผม(?)เป็นแถบ!  ขนาดว่าผมเดินควงแขนอยู่กับพี่มินซอกแล้วแท้ๆ ยังจะมองตามกันอยู่ได้!

     

    “มองอะไร!  ผมจิกตาใส่หนุ่มน้อยคนหนึ่งที่มองมาที่พี่มินซอกของผมนานแล้ว

     

    “ไม่เอาน่าจงแด ...ขอโทษด้วยนะครับ”  พี่มินซอกส่งสายตาดุๆ มาให้ผมแล้วค่อยหันไปขอโทษคนที่โดนผมจิกตาใส่ หมอนั่นส่งยิ้มกลับมาให้แล้วจึงรีบเผ่นออกไปเมื่อสบสายตากับผม

     

    “พี่จะไปขอโทษทำไม”

     

    “ไม่เอาน่าจงแด พี่รู้ว่าจงแดหึงแต่จงแดไม่ควรไปว่าคนอื่นแบบนั้นนะครับ”

     

    “หึงบ้าหึงบออะไรเล่า!  ผมรีบผละออกมาจากพี่มินซอกแล้วเดินหนีออกมาทันที

     

    หึงเหิงอะไร...ผมไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย เนอะ

     

    “จงแดครับพี่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าใช้แต่อารมณ์” พี่มินซอกตามมาคว้าแขนผมไว้ ผมหันกลับไปมองพี่เขาด้วยแววตาขุ่นเคือง

     

    “พี่จำได้ว่าเราตกลงกันได้แล้วนะ”

     

    “แต่...”

     

    “จงแดรักพี่ไหม?”

     

    “...ก็รู้อยู่แก่ใจจะถามทำไม!  บ้าจริง! พี่มินซอกจะมาถามอะไรตอนนี้เนี่ย ผมก็เขินเป็นนะเฟ้ย!

     

    “พี่แค่อยากฟังมันจากปากจงแด”

     

    “...รัก!

     

    “งั้นต่อไปนี้ไม่ต้องคอยหึงพี่แล้วนะครับ เพราะพี่รักจงแดมากพี่ไม่มีทางนอกใจจง...อื้ออ!

     

    ผมคว้าพี่มินซอกเข้ามาประกบริมฝีปากทันทีเพราะถ้าหากพี่มินซอกได้พูดยาวแบบนี้แล้วรับรองว่าอีกนานกว่าจะหยุด ผมกะว่าจะจูบแค่ปากแตะปากธรรมดาแล้วผละออกแต่ก็ไม่เป็นไปตามที่หวังเมื่อพี่มินซอกไม่ยอมปล่อยให้ผมได้เป็นอิสระ พี่มินซอกป้อนจูบที่ทั้งนุ่มนวลและหอมหวานมาให้จนพอใจแล้วจึงผละออกไปผมซบหน้าลงกับอกล่ำของพี่มินซอกทันทีเพื่อหลบสายตาและซ่อนใบหน้าที่คาดว่าตอนนี้คงแดงเผือดไปแล้ว

     

    “เลิกบ่นเป็นคนแก่เสียที ผมยังไม่อยากมีคู่หมั้นเป็นตาแก่ชอบบ่นหรอกนะ”

     

    “ก็ถ้าพี่บ่นจงแดก็จัดการพี่แบบเมื่อกี้นี้เสียสิ”

     

    “บ้า” ผมทุบอกพี่มินซอกไปหนึ่งทีแล้วผละออกจากอกล่ำๆ อุ่นๆ นั้น ยืนหันรีหันขวางอยู่สักพักเมื่อทนกับสายตาล้อๆ ของพี่มินซอกไม่ไหวผมเลยเผ่นออกมาทันที

     

    “อ้าว แล้วนั่นจะไปไหนน่ะที่รักรอพี่ก่อนสิครับ” ได้ยินเสียงพี่มินซอกตะโกนตามมาผมเลยรีบจ้ำเดินหนีทันที

     

    ...อายจะตายอยู่แล้ว  >///<

     

     

     

    เดี๋ยวววว!  ยังไม่จบน้า เหลืออีกนิด

     

    ผมมองตามเด็กดื้อที่กลายร่างเป็นเด็กขี้อายเดินจ้ำหนีความเขินอายออกไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม นึกแล้วก็ขำนะครับ จงแดน่ะปากแข็งมาตั้งนานไม่เคยปริปากบอกรักผมเลยสักครั้ง แต่พอหึงแล้วกลับทำหลายๆ อย่างที่ไม่เคยทำ เช่น ...ที่จูบผมเมื่อกี้ไง  : )

     

    ผมเองก็ไม่อยากจะบอกเท่าไหร่หรอกครับว่าตอนที่จงแดกลายร่างเป็นแมวขู่ฟ่อๆ นั้นมันน่ารักแค่ไหน ผู้ชายหลายคนที่เดินผ่านไปผ่านมาบางทีเขาก็ไม่ได้มองผมคนเดียวอย่างที่จงแดเข้าใจหรอกครับ คนพวกนั้นก็จ้องเด็กขี้หวงของผมอย่างกับจะจะกลืนกินเหมือนกัน ผมเลยต้องส่งสายตาขู่พวกนั้นไปเสียหลายทีบอกเป็นนัยว่าคนนี้ของผม จงแดที่มัวแต่หึงผมก็ไม่ได้รู้อะไรด้วยหรอกครับ

     

    อืมม แต่จะว่าไปเวลาจงแดหึงนี่มันก็ดีนะครับ...น่ารักดี : )

     

    อ้าว แล้วนั่นจะไปไหนน่ะที่รักรอพี่ก่อนสิครับ” ผมตะโกนตามหลังคนขี้อายไปแต่ผลตอบรับคือจงแดรีบจ้ำหนีผมไปอีก ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะรีบวิ่งตามจงแดไป

     

    อ่า...บางทีผมว่าผมน่าจะทำให้จงแดหึงอีกสักครั้งสองครั้งหน่อยนะ เผื่อจะได้จูบริมฝีปากบางๆ นั่นอีก หึหึ!

     

    อ้อ! แล้วก็...อย่าได้คิดว่าผมจะเป็นคนดีขนาดนั้นนะครับ ไอ้พวกที่มาใส่ร้ายผมน่ะ บอกได้คำเดียวว่า เละ!  : )

     

    END

     

     

     

    *****
    ในที่สุดก็ได้อัพฟิคสักทีหลังจากที่ขี้เกียจอยู่นาน ๕๕๕๕
    คิดถึงกันบ้างป่ะเนี่ยย เค้าคิดถึงทุกคนเลยยยย
    ทีแรกกะว่าจะให้มีอีกตอนแต่ขี้เกียจเลยตัดให้เหลือตอนเดียว
    ใครอยากทวงฟิคหรือพูดคุยกับไรท์เชิญที่ @_BeeBiww เลยนะคะ
    แล้วเจอกันใหม่ค่ะ รอลุ้นเอาแล้วกันนะว่าตอนหน้าจะเทาเฉิน ฮุนเฉิน หรือโด้เฉิน ๕๕๕
    แต่ถ้าอยากอ่านคู่ไหนก็รีเควสมาได้เลยค่ะ แต่ต้องเป็นสามคู่นี้เท่านั้นนะคะ ไปล่ะ จุ๊บ


     

    *****
    ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ค่ะ
    ที่มาช้าเพราะติดเที่ยว แฮร่
    มาไม่ครบด้วยไม่รู้กี่เปอร์
    บางทีเรื่องนี้อาจมี 2 ตอนนะคะ
    อย่าเพิ่งโกรธกันน้าาาา
    เก๊าขอโทษษษษษ TTToTTT

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×