ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC EXO Mistake {SUHO x CHEN}

    ลำดับตอนที่ #17 : Mistake 13 { Rewrite } 100%

    • อัปเดตล่าสุด 12 มิ.ย. 58




    Mistake 13


     

    อยากทำอะไรก็ทำไปนะเดี๋ยวพี่จะอาบน้ำก่อน

     

    ครับ

     

    ผมมองตามหลังของจุนมยอนที่หายลับเข้าไปทางห้องนอน หลังจากที่ออกไปทานข้าวกันมาก็เห็นเขาบ่นๆ ว่าเหนียวตัวจนกระทั่งมาถึงห้องเจ้าตัวเลยตรงไปยังห้องน้ำเป็นที่แรก ผมเลิกสนใจแล้วจึงหันกลับมาดูทีวีที่กำลังฉายละครน้ำเน่าอยู่

     

    ดูไปสักพักก็รู้สึกว่าหนังตามันเริ่มหย่อนผมปิดทีวีแล้วลุกจากโซฟาเดินไปทางห้องนอนที่จุนมยอนหายเข้าไปก่อนหน้า จุนมยอนเขาเลือกห้องพักที่มีแค่ห้องนอนห้องเดียวครับผมเลยจำต้องนอนกับเขาไปตามระเบียบทีแรกผมก็ว่าจะขอให้เขาลองเปลี่ยนเป็นห้องที่มีสองห้องนอนแทนแต่เขาบอกว่าราคามันจะแพงกว่าราคาห้องปกติ ผมเองก็ไม่เข้าใจทั้งที่ก็ออกจะรวยขนาดนั้นยังจะต้องมางกกับเรื่องแค่นี้อีกทำไม  แต่ผมก็คงจะทำอะไรไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละครับ...ก็มันเป็นเงินเขานี่ไม่ใช่เงินผม

     

    ผมเดินเข้ามาหย่อนก้นนั่งลงที่เตียงนอนนุ่มๆ นั่งมองนู่นมองนี่ไปเรื่อยจนเริ่มเบื่อก็ยังไม่เห็นว่าจุนมยอนจะออกมาจากห้องน้ำสักทีไม่รู้ว่าตกส้วมตายไปแล้วรึเปล่า อาการเพลียจากการเดินทางมันทำให้ผมรู้สึกเริ่มจะไม่ไหวจนต้องเอนกายลงนอนไปบนเตียงหนานุ่มหลับเปลือกตาลงเบาๆ

     

    กิ๊งก่อง!

     

    เสียงออดหน้าดังขัดในจังหวะที่ผมกำลังเคลิ้มจะหลับ รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่มีคนมากวนแต่ก็ยอมลุกขึ้นจากเตียงนุ่มไปเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มาเยือน

     

    มีอะไรรึเปล่าครับ”  เมื่อเปิดประตูออกมาก็เจอกับพนักงานของทางโรงแรมยืนฉีกยิ้มกว้างรอการต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว

     

    ขออภัยที่มารบกวนเวลาพักผ่อนนะครับ คือว่าผมเอาการ์ดเชิญร่วมงานเลี้ยงฉลองขอบคุณที่ลูกค้าเลือกโรงแรมของเราเป็นที่พักครับ งานจะจัดขึ้นในคืนวันพรุ่งนี้หากผมมาเรียนเชิญช้าก็ต้องขออภัยอีกครั้งด้วยครับ”  พนักงานกล่าวยืดยาวก่อนจะจบลงด้วยการโค้งให้อย่างนอบน้อม ผมเองเลยได้แต่โค้งกลับ

     

    ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกผมเองก็เพิ่งจะเข้ามาพักจะรู้เรื่องช้าก็ไม่แปลก

     

    ยังไงก็ต้องขออภัยด้วยครับ นี่การ์ดเชิญครับรายละเอียดอยู่ในการ์ดทั้งหมดหรือถ้าหากมีข้อสงสัยสามารถโทรไปสอบถามกับเบอร์ฉุกเฉินของทางโรงแรมได้ครับ

     

    อ่า ครับๆ

     

     

     

     

    หลังจากที่พนักงานของทางโรงแรมเอาการ์ดมาให้ผมก็เปิดดูอ่านรายละเอียดคร่าวๆ ทราบว่าเขาต้องการจะจัดงานเลี้ยงเพื่อเป็นการขอบคุณกับลูกค้าทุกคนที่เข้ามาพักในโรงแรม นอกนั้นก็เป็นรายละเอียดเวลาเริ่มงานและพิธีต่างๆ ซึ่งผมก็อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง

     

    นั่นการ์ดอะไร”  ผมสะดุ้งเล็กน้อยเพราะเสียงทักของจุนมยอน

     

    อ่านดูเองสิผมยื่นการ์ดเชิญให้เขาอ่านเขาเองก็รับไปอ่านสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมพยายามมองแค่ส่วนใบหน้าของเขาเท่านั้นไม่ได้มองต่ำลงไปมากกว่านั้นเพราะจุนมยอนยังไม่ได้แต่งตัวก่อนออกมาจากห้องน้ำ ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาก็เห็นจะมีเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันไว้รอบเอว

     

    ถ้างั้นก็มีเวลาหาชุดแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองน่ะสิ ถ้าสั่งตัดชุดตอนนี้ก็คงจะไม่ทันแน่ๆ

     

    ก็แค่ไปเดินห้างเลือกเอามาสักชุดมันก็จบไม่เห็นจะต้องไปสั่งตัดอะไรให้ยุ่งยากเลยผมเปรยขึ้นมาเหมือนเป็นการคุยคนเดียวเสียมากกว่า แต่เขาก็ยังอุตส่าห์เห็นด้วยกับความคิดของผมซะงั้น

     

    งั้นโปรแกรมพรุ่งนี้ของเราก็เปลี่ยนจากไปเที่ยวพระราชวังต้องห้ามเป็นไปเดินห้างแทน โอเคนะ

     

    หืม? หมอนี่ไปคิดโปรแกรมเที่ยวไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมมาถึงจีนแล้วยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาจะพามาเที่ยวจริงอย่างที่บอกหรือเปล่า แต่ว่าไปเที่ยวพระราชวังต้องห้ามงั้นเหรอ...

     

    อันที่จริงแล้วผมเองก็อยากไปเที่ยวพระราชวังต้องห้ามเหมือนกันนะ

     

    ไม่ต้องทำหน้าเสียดายขนาดนั้นก็ได้ ถึงพรุ่งนี้จะไม่ได้ไปเที่ยวพระราชวังต้องห้ามแต่ก็ใช่ว่าวันอื่นจะไม่ได้ไปนิ

     

    ไม่รู้ว่าเพราะผมเผลอแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไปหรือยังไงจุนมยอนถึงได้มองผมด้วยสายตาล้อเลียนกับพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้นๆ แบบนั้น

     

    ใครไปทำแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...ผมบ่นอุบอิบเสียงค่อย แต่คงเพราะว่าในห้องนี้มีเพียงผมกับจุนมยอนสองคนมันเลยเงียบเกินไปจนทำให้เขาได้ยินที่ผมพึมพำ

     

    ไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำ งั้นวันนี้ก็พักผ่อนให้เต็มที่แล้วกันพรุ่งนี้พี่จะพาไปเดินช้อป”  สั่งการเสร็จร่างเกือบเปลือยของจุนมยอนก็เดินไปลื้อหาเสื้อผ้ามาใส่ ผมเองที่ง่วงอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยถือโอกาสนี้พักงีบเอาแรงมันเสียเลย

     

    *****

     

    เป็นไปตามโปรแกรมที่ได้คุยกันไว้เมื่อวานว่าวันนี้ผมกับจุนมยอนจะไปเดินช้อปเลือกเสื้อผ้ามาใส่ร่วมงานเลี้ยงของโรงแรม ผมตื้นขึ้นมาในช่วงสายๆ เพราะจุนมยอนปลุกให้ลุกมาทานอาหารเช้าจากนั้นก็โดนจุนมยอนลากให้ไปอาบน้ำแต่งตัวจนสุดท้ายก็มาจบลงที่การนั่งรถไปช้อปปิ้ง

     

    ห้างใหญ่โตชื่อดังทำผมตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อย เพราะตั้งแต่ผมเสียพ่อกับแม่ไปก็แทบจะไม่เคยได้ย่างกรายเข้ามาในสถานที่หรูๆ แบบนี้

     

    เข้าไปข้างในกันเถอะ

     

    มือของผมถูกมืออุ่นนั้นคว้าไปกุมไว้แล้วกระตุกให้เดินตามเบาๆ ผมมองลงไปที่มือของผมกับจุนมยอนมือนุ่มที่จับมือผมอยู่นั้นมันให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด หัวใจของผมมันอุ่นวาบเมื่อสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนผ่านมือนั้น

     

    มือนี้เหมือนผมเคยได้สัมผัส...

    มือนี้มันให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยเมื่อได้สัมผัส...

    คิม จุนมยอน คนใจร้ายนั้นหายไปไหนผมเองก็ไม่รู้...

    แต่ตอนนี้ผมว่าผมชอบ คิม จุนมยอน คนอ่อนโยนคนนี้มากกว่าจุนมยอนคนก่อนนะ...

     

     

     

    พี่ว่าเสื้อมันดูตัวใหญ่ไปนะ มันจะยิ่งทำให้นายดูตัวเล็กลง ลองตัวนี้ดูดีกว่า

    ...

    ตัวนี้ก็เล็กไป ส่วนโค้งส่วนเว้านั้นมันดูเหมือนผู้หญิงเกิน เปลี่ยนเป็นตัวนี้ดูดีกว่า

    ...

    สีดำมันดูอึมครึมเกินไปเปลี่ยนเป็นสีขาวดีกว่า

    ...

    สีขาวก็อ้อนแอ่นไป...

     

    ย่าส์! นี่ผมเปลี่ยนมาเป็นสิบกว่าชุดแล้วนะ รู้ไหมว่าเปลี่ยนชุดไปเปลี่ยนชุดมาแบบนี้มันเหนื่อย!”

     

    เมื่อสุดที่จะทนผมเลยแว้ดเสียงแหลมใส่คนที่นั่งชี้นิ้วเลือกชุดให้อยู่บนโซฟารับรองแขก นี่ไม่ใช่ชุดที่สองหรือที่สามที่ผมไปเปลี่ยนมาให้จุนมยอนดู แต่มันเป็นชุดที่สิบกว่าๆ เห็นจะได้ ส่วนตัวแล้วผมว่าชุดมันโอเคกับผมตั้งแต่ตัวที่สามที่ได้ลองแล้วนะแต่เพราะมันไม่ถูกใจคนจ่ายเงินผมเลยจำต้องร่อนเข้าร่อนออกห้องลองชุดเป็นว่าเล่น ยังดีที่หมอนี่มันรวยเลยเหมาโซนนี้ให้ผมได้เลือกชุดอย่างสบายอารมณ์ไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนมาวุ่นวาย

     

    ก็นายใส่ชุดไหนมันก็ดูเหมือนลูกเป็ดขี้เหร่ไปหมดแบบนี้จะให้พี่ทำไง พี่ไม่มีทางควงลูกเป็ดขี้เหร่ไปงานเลี้ยงหรอกนะ

     

    ใครเป็นลูกเป็ดขี้เหร่กัน! ผมไม่ได้เป็นลูกเป็ดขี้เหร่นะ!”

     

    จุนมยอนเพียงยักไหล่ไม่สนใจที่ผมเถียงเขา ร่างโปร่งที่นั่งไขว่ห้างอยู่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินตรงเข้ามาหาผม ซึ่งผมก็ถอนหลังห่างโดยอัตโนมัติด้วยความระแวงปนกลัว มือข้างซ้ายของจุนมยอนยื่นไปทางพนักงานสาวที่เป็นคนดูแลผมสองคน เธอหยิบเอาชุดสูทสีดำพร้อมกับเสื้อเชิตสีขาวชุดใหม่ส่งให้

     

    ถ้าจงแดเหนื่อย...เดี๋ยวพี่เปลี่ยนชุดช่วยก็แล้วกัน

     

    เฮ้ย!”

     

    ร่างของผมถูกผลักเข้าไปในห้องลองเสื้อผ้าจนหลังชนผนังก่อนที่คนผลักจะตามเข้ามาประกบชิดตัวผมไว้ ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นดันหน้าอกของคนตรงหน้าไว้แต่เมื่อได้สัมผัสกับหน้าอกของเขาอาการหัวใจเต้นแรงก็เกิดกำเริบ หน้าอกแกร่งอย่างชายชาตรีที่ผมไม่มีเพราะร่างกายมันผอมแห้งเหลือเกิน ทั้งที่ส่วนสูงของผมกับเขาก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากมายแต่ร่างกายของจุนมยอนกลับดูแข็งแรงและบึกบึนกว่าอยู่มากโข

     

     

     

    ชุดนี้ชุดสุดท้าย แล้วพี่ก็คิดว่าชุดนี้มันเหมาะกับนายที่สุด...

     

    ...

     

    เดี๋ยวพี่ช่วยใส่นะ

     

    ไม่ต้อง!!”

     

    ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเสื้อเชิตสีดำที่ผมสวมอยู่ถูกริดกระดุมออกด้วยน้ำมือของคนที่กักขังผมไว้ด้วยร่างกาย ผมพยายามดิ้นออกมาจากการกักขังแต่เพราะสัมผัสที่นุ่มนวลของเขาทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ มันไม่ได้คุกคามหรือพร้อมจะทำร้ายผมเหมือนแต่ก่อน มีเพียงแค่สัมผัสอันนุ่มนวลที่บรรจงปลดกระดุมเสื้อผมออกจนกระทั่งถึงเม็ดสุดท้าย

     

    ทำไมไม่ใส่เสื้อกล้ามมาด้วยล่ะ

     

    อ๊ะ!”  น้ำเสียงเรียบๆ ที่ฟังดูเหมือนจะไม่มีอะไรแต่มันเป็นประโยคที่เรียกสติของผมกลับมาได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อเช้าผมใส่เสื้อผ้ามาหนาพอสมควรเลยไม่ได้ใส่เสื้อกล้ามมาด้วย สภาพของผมตอนนี้หลังจากที่ถูกริดกระดุมเสื้อออกเลยเผยให้เห็นหน้าอกลามลงมาถึงสะดือบางส่วน ไม่ต้องรีรออะไรมือทั้งสองข้างของผมก็ตะครุบเอาเสื้อเชิตกลับมาปิดบังเนื้อหนังไว้ตามเดิม

     

    จะปิดทำไมล่ะ...ผู้ชายด้วยกันจะอายทำไม

     

    ผมไม่ใช่พี่นิที่จะได้เทียวแก้ผ้าให้คนนั้นคนนี้ดู!”

     

    เคยที่ไหน...ก็แก้เฉพาะเวลาอยู่กับนายนั่นแหละ”  ประโยคหลังที่คนพูดก้มลงมาพูดเสียชิดใบหูทำเอาขนอ่อนลุกซู่เพราะความรู้สึกซ่านแปลกๆ ไหนจะเสียงที่จงใจให้มันแหบพร่านั่นอีก

     

    ผมไม่เข้าใจเลยว่าอะไรทำไมจุนมยอนถึงได้ทำดีกับผม ซึ่งมันเป็นการกระทำที่แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง แววตาที่มองมาที่ผมมันไม่ได้มีความเกลียดชังอย่างแต่ก่อนแต่มันเป็นแววตาที่พอผมได้สบมันทำให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย...ทุกอย่างมันเหมือนจะไม่เป็นอย่างเก่า มันมีอะไรที่เปลี่ยนไป

     

    ทำไมเม้มปากเสียแน่นขนาดนั้น มีอะไรรึเปล่า

     

    ใบหน้าของผมถูกเชยให้แหงนขึ้นมาสบตากับเขา แววตาคู่นั้นที่มองมามันดูเหมือนกับว่าเป็นห่วงเป็นใยผมเสียเหลือเกินจนผมอดจะคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าเขาเป็นห่วงผมจริงๆ นิ้วหัวแม่มือของเขาบรรจงแตะแผ่วเบาที่ริมฝีปากของผม ปดผ่านไปมาให้มันคลายตัวออกแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

     

    มีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่า

     

    ผมยังคงเงียบเสหลบสายตาคมที่จ้องมาไม่วางตา ถ้าหากผมถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเขาถึงได้ดีกับผม ทำไมเขาถึงทำเหมือนห่วงใยผมนักหนา ทำไมเขาอ่อนโยนกับผมไม่ทำร้ายผมเหมือนเมื่อก่อน... ถ้าถามไปแบบนี้เขาจะได้สติแล้วกลับไปเป็นคนที่ทำร้ายผมอย่างเดิมรึเปล่า

     

    โอเค ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรไว้สบายใจที่จะบอกก็ค่อยบอกพี่แล้วกัน

     

    อ๊ะ!” ผมเผลอสะดุ้งตกใจตอนที่จุนมยอนละมือจากใบหน้าลงมาดึงเอาเสื้อที่ผมกำมันแน่นจนยับยู่ยี่ออกไป ผมกำลังจะบอกเขาว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเองได้แต่พอเจอสายตาคล้ายจะดุของเขาผมเลยจำต้องหุบปากเงียบ

     

    เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกถอดออกไปทำร่างกายส่วนที่ไม่มีเสื้อผ้าให้ความอบอุ่นเย็นขึ้นมาเล็กน้อย โชคดีที่จุนมยอนไม่ได้ยืดเยื้อเขารีบสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวอีกตัวให้ผมแทบจะทันทีที่ถอดออก ผมทำเพียงมองการกระทำของเขาเงียบๆ มีบางทีที่สะดุ้งโหยงเพราะมือของเขามาสัมผัสผิวเนื้อ

     

    ติดกระดุมจนครบแล้วเขาจึงบอกให้ผมเอาเสื้อเข้าข้างในกางเกงเสียไม่อย่างนั้นเขาจะเป็นคนจัดการให้เอง ผมรีบต้องรีบทำตามที่เขาบอก ถึงแม้จะเป็นผู้ชายด้วยกันแต่อยู่ดีๆ จะให้ผู้ชายด้วยกันมาล้วง...เอ่อ มาแต่งตัวให้มันก็คงจะแปลกอยู่ไม่น้อย เมื่อเห็นว่าเสื้อและกางเกงเรียบร้อยดีแล้วจุนมยอนก็หันไปคว้าเอาหูกระต่ายที่ดำขึ้นมาใส่ให้ หัวใจผมแทบหยุดเต้นเสียให้ได้ทุกครั้งที่เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ๆ

     

    เสื้อสูทค่อยๆ ถูกสวมลงบนตัวของผม ใบหน้าที่ดูผ่อนคลายมุมปากยกยิ้มเล็กๆ ไม่ได้ยิ้มแบบแสยะแต่เป็นรอยยิ้มเล็กๆ ที่ออกมาจากใจจากความรู้สึกแบบนั้น...ผมไม่เคยเห็นมันจากใบหน้าของจุนมยอนเลย แต่วันนี้เขากำลังยิ้มอย่างนั้นเหรอ

     

    สถานการณ์ตอนนี้มันคืออะไรกันแน่นะ



     

    ชุดของพี่เชนค่ะ 



    เสร็จแล้วล่ะ ชุดนี้เหมาะกับนายจริงๆ ด้วยเสียงของเขาทำให้ผมรู้สึกตัว จุนมยอนพยักพเยิดให้ผมมองดูตัวเองที่กระจกผมเองก็ทำตามอย่างว่าง่าย  อ่า จะว่าไปแล้วชุดนี้มันก็ดูดีเหมือนกันนะเนี่ย ผมหันซ้ายหันขวาสำรวจร่างกายก่อนจะยกยิ้มให้ตัวเองเล็กน้อย

     

    งั้นเดี๋ยวนายเปลี่ยนชุดไปนะพี่จะออกไปรอจ่ายเงินข้างนอก

     

    ไม่รอให้ผมได้ตอบกลับสักนิดร่างหนาก็หมุนตัวเตรียมที่จะเดินออกไปข้างนอกแต่ผมดันมือไวคว้าเข้าที่แขนเสื้อของเขาไว้ เป็นไปตามคาดเมื่อเขาหันกลับมาเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย ผมเม้มปากแน่น ผมคิดดีแล้ว...ไม่ว่าจะยังไง จะเกิดอะไรขึ้นผมก็จะต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา ทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนไปจากหลังมือเป็นหน้ามือขนาดนี้

     

    มีอะไรรึเปล่า

     

    ถ้าผมอยากจะถามอะไรสักหน่อย...จะได้ไหม

     

    ...ได้สิ”  เขาครุ่นคิดอยู่เพียงครู่ก่อนที่ปนตรงหัวคิ้วจะคลายออกพร้อมกับคำอนุญาต ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้า

     

    ตอนนี้...คือ

     

    ... มันเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายแต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกกดดันขนาดนี้กันนะ

     

    เอ่อ...ทำไมพี่

     

    ...?

     

    ใบหน้าสงสัยของเขามันทำให้ผมกลัว กลัวว่าเมื่อได้ฟังในสิ่งที่ผมจะถามแล้วเขาจะกลับมาเป็นจุนมยอนคนใจร้ายเหมือนเดิม ผมไม่มั่นใจเลยว่าจุนมยอนในตอนนี้คือเขาจริงๆ ไม่ได้เผลอไผลไปบางช่วงที่ทำดีกับผม บางทีถ้าผมถามเขาไปแล้วเขาจะได้สติกลับมาเป็นคนเดิมไหม

     

    แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว...ถามก็ถาม!

     

    เอ่อ...ทำไมนาย...พี่ถึงมาทำดีกับผมทั้งที่แต่ก่อนพี่เองนั่นแหละที่เป็นคนทำร้ายผมสารพัดแล้วยังบอกว่าพ่อกับแม่ผมเป็นคน...เอ่อ...ฆ่าพ่อกับแม่พี่อีก

     

    ...

     

    มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอครับ

     

    สิ่งที่ผมได้รับกลับมาจากความพยายามถามเหตุผลของเขาไปคือความเงียบ มันเงียบอยู่อย่างนั้นเป็นนาทีจนผมไม่กล้าสบตากับเขาตรงๆ ใบหน้าที่เคยผ่อนคลายกลับมาเรียบนิ่งอย่างเดิม...เขากำลังจะกลับมาเป็นจุนมยอนคนเดิมเหมือนแต่ก่อนแล้วใช่ไหม?

     

    พี่จะออกไปรอข้างนอกนะ รีบๆ ตามมาล่ะเดี๋ยวจะพาไปหาซื้อของต่อ

     

    พูดทิ้งไว้เพียงแค่นั้นเขาก็เดินออกไปเลยไม่ได้หันมามองว่าตอนนี้หน้าผมเป็นยังไง สายตาของผมมองตามมือตัวเองที่ทิ้งดิ่งลงมาอยู่ข้างลำตัวเหมือนเดิม

     

    สถานการณ์ตอนนี้หรือต่อจากนี้จะเป็นยังไงผมไม่รู้ ผมไม่รู้อะไรเลยในตอนนี้ความรู้สึกตอนนี้ของผมเองผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร มีเพียงสิ่งเดียวที่ผมกังวลในตอนนี้ก็คือ...

     

    ต่อจากนี้ไปจุนมยอนจะปฏิบัติกับผมยังไง เหมือนแต่ก่อนหรือเหมือนช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่นานนี้...

     

    ผมกังวลอยู่เพียงแค่นี้จริงๆ ....

     

     

    คืออัพนานแล้วนะแต่ไม่ขึ้นแจ้งเตือน

    วันนี้ไรท์เลยมีเวลาได้มาแก้ให้สักที ตอนนี้ไรท์รีไรท์ใหม่นะคะ (จงลืมตอนเก่า)

    มีใครได้อ่านแล้วยังคะเนี่ย หรือไม่ขึ้นแจ้งเตือนแล้วไม่มีคนได้อ่านเลย?

    เอาเป็นว่าถ้าใครยังไม่ได้อ่านก็อ่านมันซะเลยค่ะ คนที่อ่านแล้วก็ไม่เป็นไร

    อย่าลืมให้กำลังใจไรท์หน่อยนะคะ ช่วงนี้ไรท์ท้อมากเรียนหนักจริงๆ #ร้องไห้

    รวมเล่มอดใจรอกันสักหน่อยนะคะ ไรท์กำลังเตรียมๆ อยู่ค่ะ รอเค้าด้วยนะ TTvTT

    มาคุยและให้กำลังใจไรท์ได้ค่ะ @_BeeBiww 

    รออยู่นะ ๕๕๕๕๕๕๕๕ เจอกันตอนหน้าเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นค่ะ จุ๊บ


     

    เหมียว หง่าว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×