คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Misetake 10
Mistake 10
เฮือก!!!
เปลือกตาบางลืมตาตื่นอย่างตกใจ เหงื่อไหลโซมกายจนรู้สึกได้ หัวใจเต้นแรงรัวเร็วร่างกายสั่นไหว เสียงหายใจหอบถี่ดังก้องเรียกให้คนที่ฟุบหน้ากุมมือเล็กไว้อยู่ต้องตื่นขึ้นมา ก่อนจะรีบลุกลี้ลุกลนอย่างคนทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นว่าคนที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงเกือบสามวันมาวันนี้กลับลืมตาโพลงอยู่บนเตียงด้วยสภาพเหงื่อโทรมกาย
“เฉินเฉิน!... เอ่อ จงแดนายเป็นยังไงบ้าง!” ด้วยความรีบร้อนเลยเผลอเรียกชื่อที่ตนไม่คิดที่จะเรียกออกไป แต่คนที่ยังไม่ได้สติดีนักคงจะฟังไม่ทัน
“ผม...หิวน้ำ”
“ได้สิ รอแป๊บนะ”
เสียงของคนบนเตียงดังแผ่วเบาราวกับกระซิบแต่คนที่อยู่ใกล้แค่นี้มีหรือจะไม่ได้ยิน จุนมยอนผละออกมาจากเตียงหลังใหญ่แล้วจึงหันมารินน้ำใส่แก้วให้ตามที่อีกคนขอ ร่างโปร่งช่วยพยุงคนป่วยให้ลุกขึ้นมาพิงหลังไว้กับหัวเตียงแล้วจึงป้อนน้ำเปล่าให้อย่างอ่อนโยน ถ้าเป็นเวลาปกติท่าทางแบบนี้จงแดคงไม่มีวันจะได้เห็นมันเสียหรอก...
“ขอบคุณ”
“อืม แล้วอาการเป็นไงบ้างปวดหัวไหม”
“ไม่เท่าไหร่...ครับ”
“ดีแล้วล่ะ รู้ไหมว่านายนอนไปนานเกือบสามวันฉันนึกว่านายจะไม่ฟิ้นแล้วซะอีก”
“ผมไม่ตายง่ายๆ หรอก...”
“หึ! พอตื่นขึ้นมาก็ปากดีเหมือนเดิมเลยนะ เอาเถอะคราวนี้ฉันจะไม่ถือสาเอาความอะไรก็แล้วกัน” มือหนาลูบผมนุ่มของคนบนเตียงเบาๆ จงแดผละศีรษะออกมาเล็กน้อยแต่มือหนาก็ยังตามมาลูบผมนิ่มไม่ห่างเลยจำยอมต้องปล่อยเลยตามเลยเพราะเขาเองก็แทบไม่มีแรงจะทำอะไรอยู่แล้ว “นอนพักผ่อนซะจะได้หายเร็วๆ นี่ก็เพิ่งจะตีห้ากว่าๆ เดี๋ยวถ้าเช้าแล้วฉันจะไปตามหมอมาดูอาการก็แล้วกัน”
ไม่รอให้คนป่วยได้คัดค้านอะไรจุนมยอนก็จัดการให้อีกคนลงมานอนตามเดิมแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ถึงอก ลูบผมนิ่มเบาๆ อีกครั้ง ค่อยๆ ก้มใบหน้าหล่อเข้าไปใกล้จุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผากมนก่อนจะผละออก คนบนเตียงหลับตาพริ้มรู้สึกอบอุ่นไปทั่วหัวใจไม่นานจึงเคลิ้มหลับไป
“ไว้ทุกอย่างเรียบร้อยดีเมื่อไหร่พี่จะดูแลเราอย่างดี พี่จะทำให้นายมีความสุขที่สุดนะครับน้องส้มของพี่...”
“อือออ...” จงแดครางอื้ออึงในลำคอเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่กำลังรบกวนการนอนของเขา ร่างเล็กพลิกตัวหนีด้วยความรำคาญก่อนจะต้องลืมจาขึ้นมาจนได้เมื่อทนรำคาญกับการโดนเรียกชื่อถี่ๆ ไม่ไหว
“สวัสดี ยอมตื่นได้แล้วสินะ” หัวคิ้วของคนบนเตียงขมวดมุ่นเมื่อหันกลับมาเจอเข้ากับใบหน้ากลมของคนที่เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นใครกำลังก้มลงมาจ้องหน้าเขาเสียใกล้ “เจอกันอีกแล้วนะ คิม จงแด”
“คุณ...เป็นใคร”
“ฉันชื่อ คิม มินซอก เป็นหมอประจำตระกูลนี้แล้วก็เป็นญาติโคตรห่างกับไอ้เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้” อีกคนแนะนำตัวเสียงเจื่อแจ้ว จงแดได้แต่พยังหน้ารับรู้แล้วว่าอีกคนเป็นใคร
“นี่รู้ไหมว่าเจ้าบ้าจุนมยอนน่ะมันโทรไปตามพี่ตั้งแต่เช้าเลยนะ เพื่อที่จะได้รีบมาตรวจดูอาการของเรานั่นแหละดูสิเนี่ยเสื้อผ้ายังไม่ได้เปลี่ยนเลยด้วยซ้ำ”
ว่าจบเจ้าตัวก็พองแก้มออกมา จงแดลองมองสำรวจตามก็พบว่าอีกคนนั้นยังอยู่ในชุดนอนอยู่เลย รู้สึกผิดที่ทำให้อีกคนต้องวุ่นวายเพราะตนเองขนาดนี้
“ผมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณต้องวุ่นวายเพียงเพราะผมคนเดียว”
“บ้าน่า! อย่าคิดมากสิพี่เป็นหมอนะจะมาห่วงเวลาส่วนตัวของตัวเองมากกว่าคนไข้ได้ยังไง อ้อ! แล้วก็ไม่ต้องเรียกพี่ว่าคุณหรอกเรียกว่า พี่มินซอก ดีกว่านะจะได้สนิทกันเร็วๆ”
“ครับ พี่มิน...”
“ใครอนุญาตให้นายสนิทกับเด็กนี่กัน” เสียงดังขัดขึ้นมาจากทางประตูเรียกให้ทั้งสองคนต้องหันไปดู จึงได้พบกับใบหน้าเรียบเฉยของจุนมยอนที่กำลังเดินช้าๆ เข้ามาหาทั้งสองคน
“ถึงไม่มีใครอนุญาตฉันก็จะทำ ก็จงแดน่ารักขนาดนี้นี่นาฉันก็ต้องอยากสนิทด้วยเป็นธรรมดาสิ” คุณหมอแก้มป่องหันไปเถียงกับเจ้าของคฤหาสน์อย่างไม่ยอมแพ้ จุนมยอนจิกตาใส่คุณหมอตัวเล็กไปหนึ่งที่แล้วจึงหย่อนก้นลงนั่งตรงบริเวณพื้นที่ว่างของเตียงนอนที่มีคนป่วยนอนอยู่
“ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับคนของฉัน...”
“ไหนคนของนาย”
“ก็เจ้าเด็กคนนี้ไง คน ของ ฉัน!” เมื่อเจอจุนมยอนย้ำทีล่ะตัวว่าจงแดเป็นคนของตนมินซอกก็เบ้ปากใส่ไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ ที่แต่ก่อนล่ะทำร้ายเขาจังพอมาตอนนี้มาทำหวง เหอะ! จุนมยอนเจ้าคนปากแข็ง!!
“ผมไม่ใช่...”
“เงียบไป” หันกลับไปดุคนที่ยังนอนอยู่เมื่อเสียงแหลมนั้นเตรียมจะค้าน คนตัวเล็กเมื่อเจอสายตาแกมดุของอีกคนก็เงียบกริบไม่หือไม่อือ “ตรวจเสร็จยัง อาการเจ้าเด็กนี่เป็นไงบ้าง”
“ก็ไม่เป็นไรมากแล้วล่ะ พักผ่อนอีกสักวันสองวันก็หายล่ะ...ถ้านายไม่ทำอะไรรุนแรงกับน้องอีกน่ะนะ”
“คิม มินซอก”
“โอเค๊ หมดหน้าที่แล้วฉันไปล่ะ ส่วนยาฉันจัดไว้ให้แล้ววางอยู่บนโต๊ะสงสัยอะไรก็อ่านที่ฉลากยาแล้วกัน ไปล่ะ” ว่าอย่างตัดรำคาญเสร็จคุณหมอตัวเล็กก็เก็บของของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะไปยังไม่ลืมหันไปลาคนตัวเล็กที่นอนเงียบอยู่บนเตียงหวังกวนประสาทเจ้าคนหน้าบึ้งเสียหน่อย “น้องจงแดครับพี่มินซอกไปนะ แล้วไว้จะมาเยี่ยมใหม่”
“ครั...”
“ไม่ให้มาเว้ย!! จะไปก็รีบไป” เป็นอีกครั้งที่จงแดโดนขัดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดของจุนมยอน มินซอกหัวเราะชอบใจแล้วจึงเดินออกไปจากห้องพลางยกมือบ๊ายบายกวนประสาทจุนมยอนไปอีกหนึ่งดอก
“เห็นทีต้องจ้าหมอคนอื่นซะล่ะมั้ง” พึมพำกับตัวเองแล้วจึงหันมาสนใจคนบนเตียงอีกครั้ง “เป็นไงบ้าง หิวไหม”
“ไม่เท่าไหร่...ครับ”
“งั้นรอแป๊บนึง ฉันจะให้แม่บ้านทำข้าวต้มขึ้นมาให้แล้วกัน”
พูดแค่นั้นก็เดินออกจากห้องไปจงแดเองก็มองตามไปจนแผ่นหลังกว้างนั้นหายลับไปกับบานประตู นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยไปสักพักก็ยังไม่เห็นวี่แววของคนไหล่กว้างสักที จนกระทั่งเคลิ้มหลับไปในที่สุด...
“อื้มมมม” จงแดเริ่มจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เริ่มจะหายใจไม่ออก เหมือนกับว่ามีอะไรมาทับอยู่บนร่างกายพอจะดิ้นก็ดิ้นไม่ได้ เหมือนกับร่างกายกำลังถูกยัดไว้ในที่คับแคบจนแทบหายใจไม่ออก ดวงตากลมเฉี่ยวเบิกโพลงขึ้นมาในวินาทีสุดท้ายที่เหมือนลมหายใจจะถูกตัดขาดไป
“แฮ่กๆ” ร่างเล็กหายใจหอบหนักหลังจากที่ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ทำให้แทบขาดใจตายมาได้ สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือใบหน้าหล่อของจุนมยอนที่อยู่ใกล้กันจนปลายจมูกแตะกัน ข้อมือทั้งสองข้างถูกตรึงไว้เหนือหัวส่วนลำตัวและขาก็โดนร่างกายแข็งแกร่งนั้นกดทับไว้จนแทบกระดุกกระดิกไม่ได้
“แค่จูบเดียว...เหนื่อยขนาดนั้นเลยรึไง” ใบหน้าหล่อไล้จูบไปทั่วใบหน้าขาวใสแล้วลงมาหยุดอยู่ที่ใบหูขาวที่ตอนนี้กลายเป็นแดงระเรื่อไปเสียแล้ว ดวงตากลมเฉี่ยวของจงแดเบิกกว้างขึ้นมากว่าเดิมนิดหน่อยเมื่อรู้แล้วว่าอีกคนทำอะไรกับร่างกายของเขาในขณะที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่
จูบ...จูบเนี่ยนะ!!
“นี่นาย...จูบฉันเหรอ!?”
“อันที่จริงฉันอยากทำมากกว่านั้นอีก”
ฉ่า!!! _/////_
เหมือนหน้ามันจะไหม้เสียให้ได้เมื่อเจอประโยคที่ตรงไปตรงมาของอีกคน แก้มที่เคยแดงระเรื่อบัดนี้กลับแดงแปร๊ดเสียจนดูน่าตลก ร่างเล็กบิดข้อมือเบาๆ พยายามขยับตัวเพื่อให้คนที่คร่อมอยู่ด้านบนได้รู้ว่าเขาต้องการจะเป็นอิสระ แต่ร่างโปร่งกลับไม่สนใจเคลื่อนใบหน้ากลับมาสบตากับคนตัวเล็กที่พยายามหลบสายตาอย่างสุดชีวิต
ไม่รู้ว่าไอ้คนขี้โมโหนั้นหายไปไหนถึงได้เหลือไว้แค่ไอ้บ้าจุนมยอนจอมหื่นที่จงแดไม่ค่อยจะได้เจอนัก แต่ไม่ว่าจะให้เจอบ่อยแค่ไหนจงแดก็คงต้องบอกว่า ไม่ชิน ไม่ชินกับ คิม จุนมยอน ลุคนี้จริงๆ
“จะทำอะไร...เอา เอาหน้าออกไปไกลๆ เลยนะ!”
“ไม่ถอย... จะทำไม?”
“ฮือออ เอาหน้าออกไป”
“นายนี่ก็แปลก ใครๆ ก็อยากจะจูบกับฉันทั้งนั้นมีแต่นายนี่แหละที่ผลักไสฉันอยู่ได้”
“ก็ผม...อื้อออ” ไม่รอให้คนตัวเล็กได้คัดค้านอะไรอีก จุนมยอนจัดการประกบริมฝีปากของตนเข้ากับคนตัวเล็กทันที ลิ้นร้อนแตะเบาๆ บนริมฝีปากบางให้อีกคนคล้อยตาม แต่เห็นทีคงจะยากเพราะคนตัวเล็กเอาแต่เม้มริมฝีปากแน่นไม่ยอมให้ลิ้นร้อนของอีกคนได้เข้ามาคว้านหาความหวนภายในโพลงปากของตนเองได้ง่ายๆ
แต่จุนมยอนก็คือจุนมยอนอยู่วันยังค่ำเมื่อลองให้คนอย่างเขาอยากได้อะไรสักอย่างเขาก็จะต้องเอามันมาให้ได้ มือหนาบีบข้อมือบางแรงขึ้นกว่าเดิมจนจงแดต้องร้องโอ้ย แต่เวลานี้เจ้าตัวคงจะร้องไม่ได้เพราะพออ้าปากจะร้องลิ้นร้อนของคนเจ้าเล่ห์ก็แทรงเข้ามาทันที
“อึก อื้ออออ”
ได้แต่ถดลิ้นหนีเพราะความตกใจจุนมยอนในตอนนี้สติแทบจะปลิวว่อนอีกครั้งเมื่อสัมผัสได้ถึงรสชาติอันหอมหวานภายในปากของคนตัวเล็ก ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากในการไล่ต้อนลิ้นเล็กด้วยประสบการณ์แล้วความช่ำชองไม่นานลิ้นของจุนมยอนก็สามารถเกี่ยวลิ้นของคนตัวเล็กได้แล้ว
คนไม่มีประสบการณ์ได้แต่หลับตาปี๋รู้สึกโหวงแปลกๆ ในช่องท้อง หัวใจเต้นรัวจนเจ้าตัวยังแอบกลัวว่ามันจะหลุดออกมาข้างนอกให้อีกคนเห็น เป็นนานกว่าจงแดจะเป็นอิสระดวงตากลมหวานเยิ้มอย่างไม่ได้ตั้งใจ และนั่นก็ทำให้จุนไม่สามารถทนได้ก้มลงไปกดจูบแรงๆ ที่ริมฝีปากบางนั้นอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“แฮ่กๆ” เป็นอีกครั้งที่จงแดต้องหอบหายใจหนักเมื่ออีกคนผละออกไป
“เด็กบ้าเอ้ย! ทำไมไม่ห้ามว่ะ!!”
“เอ๊ะ!?” จงแดรู้สึกงงเป็นไก่ตาแตกขึ้นมาทันทีที่โดนตะคอก แต่กระนั้นจุนมยอนก็ยังไม่ยอมลุกออกไปจากตัวของเขาเสียที
“เลิกทำหน้าบ้าบอแล้วก็ลุกมากินข้าวได้แล้วก่อนที่ฉันจะกินนายแทน!”
“ผม...ฉันลุกไม่ได้”
“ทำไมจะลุกไม่ได้”
“ก็นายไม่ยอมลุกออกไปจากตัวฉันสักทีฉันจะลุกขึ้นได้ไง”
จุนมยอนชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเจอคนตัวเล็กตอกกลับ พอลองมองสำรวจดูดีๆ ถึงได้รู้ว่าตนเองนั้นยังไม่ได้ผละออกไปจากร่างกายนุ่มนิ่มนี้อย่างที่เจ้าตัวเล็กพูดไว้จริงๆ แอบได้ยินเสียงเหมือนอะไรสักอย่างที่แตกอยู่บนใบหน้า (หน้าแตก) แต่ถึงแม้ว่าจะรู้สึกอับอายขนาดไหนจุนมยอนนคนนี้ก็ไม่มีทางยอมเสียหน้าหรอก
“ก็แล้วทำไมไม่บอก!”
สรุป...คิม จงแด ทำอะไรก็ผิดเสมอ
ข้าวต้มจากที่ร้อนๆ ตอนนี้กลายเป็นข้าวต้มอุ่นๆ ไปเสียแล้วเพราะมัวแต่โดนไอ้หมอนั่นมัน... นั่นแหละ -//- เลยทำให้ข้าวต้มหายร้อนไปซะก่อน แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้เย็นชืดไปเลย
“อันที่จริงไม่ต้องป้อนก็ได้นะ ฉันไม่ได้เจ็บมือ”
อย่างที่ได้ยินไม่มีผิดหรอกครับ คิม จุนมยอน กำลังป้อนข้าวต้มเขาด้วยท่าทางที่ดูจะเก้ๆ กังๆ ไปสักหน่อย ...คงเพราะไม่เคย
“หุบปากแล้วก็กินไปเถอะน่า”
.......
จงแดยอมเงียบตามที่อีกคนบอก ยอมนั่งกินข้าวต้มไปเงียบๆ แต่เพราะว่าบรรยากาศมันดูน่าอึดอัดจนเกินไปจงแดเลยออกปากชวนคุยอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะว่าหัวจงหัวใจเต้นแรกอะไรหรอกนะ ไม่ใช่จริงจริ๊งงง
“นี่! นายตักกุ้งให้ฉันบ้างก็ดีนะป้อนมาแต่ข้าว”
“เรื่องมาก!”
“ก็ถ้านายยอมให้ฉันกินเองเสียก็จบ”
“ก็ถ้านายไม่เรื่องมากมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
ชักจะเริ่มสงสัยว่าหมอนี่ไปเรียนวิชาเถียงอย่างไรให้ชนะ (?) นี้มาจากไหน เถียงทีไรไม่มีว่าจะชนะเลยสักครั้ง!
“นี่!”
“อะไรอีก” คราวนี้จุนมยอนตอบกลับรับอย่างหงุดหงิด
“เทาบอกฉันว่าถ้าฉันอยากรู้ว่าซูโฮเป็นใครก็ให้ฉันไปหาคำตอบเองที่ห้องของนาย นายรู้จักซูโฮด้วยเหรอ”
เคร้ง!!
“นายรู้จักซูโฮได้ยังไง แล้วรู้อะไรเกี่ยวกับซูโฮบ้าง!!” เสียงตะโกนของจุนมยอนพร้อมกับเสียงช้อนกระทบกับชามข้าวต้มทำเอาจงแดแอบสะดุ้งไปเล็กน้อย เขาเห็นว่านัยน์ของจุนมยอนตอนนี้กำลังดูเหมือนสับสนบางครั้งสายตาคู่นั้นก็เหมือนกับจะอ่อนโยน แต่ไม่นานก็เปลี่ยนมาเป็นโมโหจนเขาไม่สามารถเดาอารมณ์ของผู้ชายคนนี้ได้เลย
“ฉันไม่รู้ แต่ฉันแค่ฝันเห็นเขา...เขาดูจะสนิทกับฉันมากๆ เลยล่ะ น่าแปลกที่ฉันกลับจำเขาไม่ได้เลย”
“หึ!! เลิกคิดได้เลยไอ้เรื่องไร้สาระพวกนั้น แล้วก็หยุดตามหาคนชื่อซูโฮซะ!”
“ทำไมล่ะ”
“ก็เพราะคนชื่อซูโฮมันได้ตายไปจากโลกนี้แล้วยังไงล่ะ!” ร่างโปร่งโวยวายเสียงดังชามข้ามต้มที่มือหนาจับไว้แน่นสั่นเบาๆ เพราะว่ามือที่จับนั้นสั่นไหว จุนมยอนเลยวางชามไว้ที่โต๊ะไม้ข้างหัวเตียงยืนเต็มความสูงแล้วก้าวห่างออกมาจากคนบนเตียง
“ฉันไม่เชื่อหรอก! พี่ซูโฮยังมีชีวิตอยู่ พี่ซูโฮเรียกฉันว่าเฉินเฉินแล้วตอนที่ฉันฟื้นมาถ้าฉันจำไม่ผิดฉันได้ยินนายเรียกฉันว่า เฉินเฉิน ”
!!!!!
“ระหว่างนายกับฉันมันมีอะไรที่ฉันยังไม่รู้รึเปล่า...”
ตอนต่อๆ ไปจะเป็นตอนหวานๆ ล่อให้พี่จุนหึงน้องเนอะ
ไหนมีใครอยากอ่านต่อไหมเอ่ย
ใครอยากอ่านต่อวันอาทิตย์นี้ของเสียงกรีดร้องดังๆ หน่อยเร็ววววว
#กริบ ๕๕๕๕ เดี๋ยวรอลุุ้นดูนะค่ะว่าจะมาต่อรึเปล่า อิอิ
ความคิดเห็น