ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Pretty Boy [ALLCHEN]

    ลำดับตอนที่ #14 : SF Luhan x Chen I'm Fine

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 58




    LU x CHEN

    I'm Fine

     

     

     

    คิม จงแดกำลังจะเป็นบ้า ให้ตายสิ! ลู่เก่อคนบ้าบอกว่าให้ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีๆ พอไม่เชื่อฟังเห็นม่ะ? ก็มาป่วยอยู่อย่างเนี่ยแฟนคลับเขาเป็นห่วงกันให้วุ่น นี่ถ้าไม่เห็นว่าป่วยอยู่นะจงแดจัดการให้หนักเลย!

     

     

     

    "ลู่เก่อกินข้าววววว" ผมตะโกนเรียกคนป่วยที่นอนซมอยู่ให้ลุกขึ้นมากินข้าวจะได้กินยา

     

     

     

    "อื้ออ หมูอ้วนเหรอ" อีกคนที่งัวเงียตื่นถามเสียแหบแห้ง

     

     

     

    "ลู่เก่อคนบ้า! ผมไม่อ้วนซักหน่อยนั่นน่ะมันตอนหลายเดือนก่อนนู่นต่างหาก" ผมตอบอย่างงอนๆนิดหน่อยแล้วจึงเอาชามข้าวต้มร้อนๆไปวางไว้บนโต๊ะข้างๆเตียง

     

     

     

    "เก่อลุกมากินข้าวก่อนเถอะจะได้กินยา"

     

     

     

    "แต่เก่อยังไม่หิวเลยนะ"

     

     

     

    "เก่อไม่หิวก็ต้องหิว ถ้าเก่อเอาแต่นอนซมอยู่แบบนี้เมื่อไหร่เก่อจะหาย รู้ไหมว่าตอนที่พวกผมไปเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยน่ะแฟนคลับเขาเสียใจมากๆเลยนะที่เก่อไปเล่นคอนฯไม่ได้น่ะ แต่เก่อรู้อะไรไหม แฟนคลับที่พอรู้ว่าเก่อไม่สบายเขาก็เข้าใจแล้วก็เป็นห่วงเก่อมากๆเลย" ผมนิ่งสักพักเพื่อให้อีกคนคิดตาม "เก่ออยากให้แฟนคลับเป็นห่วงเก่อจนไม่เป็นทำอะไรเลยรึไง"

     

     

     

    "เปล่า เก่อ...เก่อไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น"

     

     

     

    "งั้นเก่อก็ต้องกินข้าวกินยาแล้วก็พักผ่อนให้มากๆจะได้หายเร็วๆ เดี๋ยววันนี้ทั้งวันกระผม! คิม จงแด จะทำหน้าที่ดูแล เสี่ยว ลู่หาน เองงงง"

     

     

     

    ผมยิ้มร่าแล้วจึงหันไปยกชามข้าวต้มมาถือไว้เมื่อเห็นว่าลู่เก่อนั้นยันตัวลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงไว้เรียบร้อยและมั่นคงแล้ว

     

     

     

    "ถ้ามัวแต่มาดูแลเก่ออยู่แบบนี้แล้วไม่กลัวว่าจะเสียเวลาไปเล่นกับแบคฮยอนเหรอ" คนป่วยถามแหย่ผมอย่างขันๆ ยิ่งผมทำหน้าบึ้งคนป่วยจอมแสบก็ยิ่งยิ้มจนตีนกา อุ๊บ! เอ่อ...ผมหมายถึงรอยย่นบริเวณหางตาอันทรงเสน่ห์(?)ของลู่เก่อมันออกมาปรากฏเต็มหน้าน่ะครับ แหะๆ

     

     

     

    "เก่อพูดอย่างกะผมเป็นเด็กสิบขวบงั้นแหละ"

     

     

     

    "ฮ่าๆๆ เก่อเปล่าซะหน่อยแค่เห็นว่าเราสองคนน่ะชอบไปเล่นด้วยกันตลอด จนบางทีเก่อก็แอบ..."

     

     

     

    คนป่วยพูดทิ้งค้างไว้แค่นั้น จนทำให้หัวคิ้วของผมขมวดมุ่น...เก่อจะพูดอะไรทำไมไม่พูด เงียบทำไม -_-?

     

     

     

    "เก่อแอบอะไรเหรอฮะ"

     

     

     

    "เปล๊า ไม่มีอะไร แล้วนี่ข้าวน่ะเมื่อไหร่จะป้อนเก่อสักที ถือไว้อย่างนั้นแล้วเมื่อไหร่เก่อจะได้กิน"

     

     

     

    คนป่วยแกล้งเปลี่ยนเรื่องทันทีจนผมต้องแอบเบ้ปาก นึกหมั่นไส้คนป่วยเบาๆ ทีตอนแรกนี่ไม่ยอมกินข้าวกินยาพอเวลาแบบนี้นี่ร้องหาข้าวทำม่ะ!? ชิ! บ้าบอที่สุด!

     

     

     

    "ใครบอกว่าผมจะป้อน เก่อก็ไม่ได้เจ็บแขนนิ! กินเองไปเลย"

     

     

     

    ผมพยายามจะยัดชามข้าวต้มที่เริ่มจะอุ่นๆแล้วไปไว้ในมือของคนป่วย แต่เจ้าตัวก็เอาแต่ชักมือหนีไม่ยอมจับเอาไปง่ายๆ รู้หรอกว่าอยากให้ป้อน!

     

     

     

    อันที่จริงผมเองก็ตั้งใจว่าจะป้อนอยู่แล้วล่ะ แต่พอดีเกิดนึกหมั่นไส้ขึ้นมานิดหน่อยเล็กน้อยถึงปานกลาง(?)ก็เลยแกล้งๆไปงั้นแหละ

     

     

     

    "จงแดอา เก่อป่วยอยู่นะให้เก่อตักข้าวกินเองยังไงไหว อีกอย่างเมื่อกี้จงแดยังบอกอยู่เลยว่าจะดูแลเก่อเป็นอย่างดีน่ะ"

     

     

     

    "ผมก็ไม่เห็นว่าเก่อจะเป็นอะไรมากนิ เห็นเถียงผมได้สบายๆอยู่เลย"

     

     

     

    ผมเบ้ปากใส่อีกคน ซึ่งคนป่วยก็ได้แต่ทำหน้าเลิกลักจนผมที่ลอบมองอยู่เกือบจะหลุดขำไปหลายทียังดีที่ยับยั้งไว้ได้

     

     

     

    "จงแดครับอย่าใจร้ายกับเก่อนักซี่~ ป้อนเก่อเถอะน้าาา นะ นะ นะ" เจ้าของตากวางใช้ประโยชน์จากดวงตาอันเปล่งประกายของตนเองให้คุ้มค่าโดยการกระพริบตาปริบๆสองสามทีเพื่อออดอ้อนคนขี้งอน

     

     

     

    ถ้าไม่ใช่เพราะน้องจงแดคนงามพี่เสี่ยวหานไม่มีทางทำนะจ๊ะเนี่ย~

     

     

     

    "ก็ด่ะ แต่..."

     

     

     

    "หืม? แต่อะไรเหรอครับคนดี"

     

     

     

    "แต่เก่อต้องสัญญาว่า..." ผมหยุดพูดอีกครั้งให้คนตากวางได้ขมวดคิ้วเล่น

     

     

     

    "ว่า?"

     

     

     

    ผมยิ้มให้กับใบหน้าลุ้นๆของคนป่วยที่ดูจะลุ้นยิ่งกว่าเวลาเชียร์บอลทีมโปรดว่าจะเอาชนะคู่แข่งได้ไหม

     

     

     

    "เอาไว้ผมคิดออกแล้วผมจะบอกเก่อเองนะฮะ"

     

     

     

    "อ่าา งั้นเหรอ ก็ได้ๆแล้วนี่ตกลงจะป้อนข้าวเก่อได้ยัง"

     

     

     

    ดวงตากลมโตเหมือนลูกกวางกลับมาแพรวพราวอักครั้งจนผมถึงกับต้องก้มงุดอย่างอายๆ เห็นตอนป่วยทำผมเขินแค่นี้ยอกเลยครับว่าเวลาไม่ป่วยทำเขินกว่านี้เยอะ

     

     

     

    "อะแฮ่มๆ เอ่อ...งั้นเก่ออ้าปากนะฮะ อ้ามมม"

     

     

     

    ข้าวคำแรกถูกส่งเข้าปากอีกคนอย่างง่ายดาย ในขณะที่คนป่วยก็เอาแต่จ้องหน้าคนป้อนจนแทบจะทำเอาอีกคนป้อนถูกป้อนผิดให้อายเล่นๆ

     

     

     

     

     

     

    เป็นเวลาเกือบอาทิตย์ที่ผมต้องคอยมาดูแลป้อนข้าวหาน้ำหายาให้อีกคนกิน โชคดีหน่อยที่ลู่เก่อของเขา อุ้ย! ลู่เก่อของทุกคน (>///<) เป็นบุคคลประเภทแมนมากถึงมากที่สุดเลยไม่ได้หวั่นกับการกินยาเม็ดเล็กๆเหมือนอย่างไอ้เด็กหมีแพนด้าที่ตัวใหญ่แต่ใจเท่ามดแดง ปัญหาการกินยาเลยหมดไปแต่จะมีปัญหาอยู่ก็แค่จุดเดียวนั่นก็คือ...ลู่เก่อคนบ้าชอบแกล้งให้จงแดต้องเขินอยู่เรื่อยเลย >//////<

     

     

     

    วันนี้ก็เช่นกันหลังจากที่ป่วยมานานอาการของลู่เก่อก็ดีขึ้นเรื่อยๆ (สงสัยได้ยาดี หุหุ -..-) จนเกือบจะกลับมาแข็งแรงร้อยเปอร์เซ็นเหมือนเดิม มีออกมานั่งเล่น เดินเล่นข้างนอกได้บ้างแล้วแต่ก็ยังไม่เหมือนเดิมเท่าไหร่ เพราะอาการวิงเวียนศีรษะและปวดหัวก็มีมาเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้มาถี่เหมือนตอนแรกๆ

     

     

     

    "ลู่เก่ออยากทำอะไรเป็นพิเศษไหมฮะ" ผมถามขึ้นขณะที่กำลังลูบผมนุ่มของคนป่วยที่ใช้ตักของผมแทนหมอน

     

     

     

    "อะไรพิเศษนี่หมายถึงอะไรล่ะ"

     

     

     

    "ก็แบบ...เก่อป่วยมาก็นานใช่ป่ะ ร่างกายก็ไม่แข็งแรงเต็มที่เหมือนแต่ก่อน..."

     

     

     

    "พูดเหมือนเก่อเป็นคนป่วยใกล้ตายไปได้"

     

     

     

    เพี้ย!

     

     

     

    ผมฟาดมือลงไปบนไหล่ที่เคยล่ำ(เหรอ)ของอีกคนที่ตอนนี้มันซูบลงไปกว่าเดิมนิดหน่อย จนคนโดนฟาดร้องโอดโอยอย่างโอเวอร์ แต่ก็เพราะว่าคนตากวางนั้นแหละที่พูดขัดเขาไม่เป็นเวล่ำเวลาแถมที่พูดมาก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควรพูดอีกด้วย!

     

     

     

    "เก่อฟังผมก่อนสิจะพูดขัดทำไมเนี่ย"

     

     

     

    "ฮ่าๆ เก่อขอโทษครับผม พูดต่อเลยๆเก่อไม่ขัดล่ะ"

     

     

     

    "ชิ! ก็แบบผมคิดว่าเก่ออาจจะเบื่อเพราะว่านอนซมมานานเลยอยากจะถามว่าเก่ออยากทำอะไรทดแทนช่วงเวลาที่เสียไปไหม"

     

     

     

    "อืม...อันที่จริงมันก็มีอยู่หลายอย่างอ่ะนะ แต่ตอนนี้สิ่งที่อยากที่สุดก็คงจะมีอยู่สองอย่าง"

     

     

     

    "อะไรเหรอครับ" ผมเอียงคอถามอย่างสงสัย

     

     

     

    "อย่างแรกเลยนะ..."

     

     

     

    "......?"

     

     

     

    "เก่ออยากจูบจงแด"

     

     

     

    "ห๊ะ! ห๊า!?!"

     

     

     

    ผมตกใจตาโตทันทีที่อีกคนพูดจบ ถึงแม้ว่าผมกับลู่เก่อจะเคยกอดเคยหอมกันมาบ้างแล้วแต่ว่าจูบนี่มัน...ยังไม่เคยเลยสักครั้ง เพราะว่าสถานะของเรามันยัง 'ไม่แน่ชัด'

     

     

     

    "ให้เก่อได้จูบจงแดสักครั้ง...จะได้ไหม"

     

     

     

    "อะ เอ่อ...คือ..."

     

     

     

    "ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เก่อ..."

     

     

     

    "ได้...ได้สิฮะ"

     

     

     

    หลับหูหลับตาตะโกนบอกอีกคนที่ทำหน้าหงอยๆแล้วลุกขึ้นนั่งตัวตรง

     

     

     

    "งั้น...เก่อจูบล่ะน้าาา"

     

     

     

    "อ่ะ...อื้มมม"

     

     

     

    ริมฝีปากของคนป่วยฉกเข้าที่ริมฝีปากของผมทันทีจนผมไม่ทันได้ตั้งตัว ใบหน้าที่อยู่ชิดใกล้ ริมฝีปากที่แตะกันแนบสนิท กับเสียงหัวใจของผมที่เต้นโครมครามจนปมต้องหลับตาลงเบาๆ

     

     

     

    ไม่มีการลุกล้ำแต่อย่างใด ริมฝีปากของเราเพียงแค่แตะกันแนบชิดเหมือนเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกที่มีต่อกันมากกว่า เนิ่นนามเท่าไหร่ไม่รู้ที่ริมฝีปากของเราสัมผัสกันอยู่เข่นนั้น รู้ตัวอีกทีริมฝีปากของอีกคนก็ค่อยๆผละออกไปผมถึงได้ลืมตา

     

     

     

    แว่บแรกที่ได้สบตากับอีกคนทำเอาหัวใจของผมยิ่งเต้นแรง รู้สึกถึงความร้อนที่พาดอยู่บนสองข้างแก้มจนต้องก้มหน้างุด เพิ่งเขาใจคำว่าเขินสุดๆ อายแบบไม่สะดุดก็วันนี้แหละว่ะ! -////-

     

     

     

    "อย่างที่สองที่เก่ออยากจะทำก็คือ..."

     

     

     

    "ห๊า!?!"

     

     

     

    เพราะสมองกำลังมึนเบลอเลยทำให้ผมทำหน้าที่คาดว่าคงประหลาดและตลกที่สุดออกไปแน่ๆ เพราะลู่เก่อถึงกับหลุดขำมันออกมาเลยทีเดียว

     

     

     

    "นี่คงไม่ได้ลืมว่าเก่อขอสองอย่างหรอกนะ" คนป่วยถามเสียงขัน

     

     

     

    "ปะ เปล่าสักหน่อย ไม่ลืมไม่ลื๊ม~"

     

     

     

    "ฮ่าๆๆ งั้นเก่อขออย่างที่สองเลยแล้วกันนะ"

     

     

     

    "กะ ก็ขอมาสิ (_///_) "

     

     

     

    "เก่อขอให้จงแด...มาเป็นแฟนกับเก่อนะ"

     

     

     

    ฉ่าาาาาาาาา

     

     

     

    เสียงนี้คงเป็นเสียงเนื้อที่ถูกย่างแน่ๆ แก้มของผมตอนนี้มันคงจะเข้าข่ายถูกย่างไปแล้วล่ะ สักเกตได้จากความร้อนที่สองข้างแก้มที่แทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว

     

     

     

    ขอเป็นแฟนงั้นเหรอ?

     

     

     

    ลู่เก่อคนบ้า...รู้ไหมผมรอคำนี้มานานแค่ไหน!

     

     

     

    "เป็นแฟนกับเก่อได้ไหมคนดี"

     

     

     

    "เก่อยังจำที่ผมบอกจะให้เก่อสัญญาตอนวันแรกที่ผมมาดูแลเก่อได้ไหม"

     

     

     

    "อืม ได้สิ ทำไมเหรอ"

     

     

     

    แม้จะแอบหวั่นที่อยู่ดีๆอีกคนก็พาเปลี่ยนเรื่อง แต่ลู่หานก็ยินยอมตอบคำถามอยู่ดี ถึงจะไม่เจ้าใจว่าอีกคนต้องการอะไรก็เถอะ...

     

     

     

    "วันนี้ผมคิดออกแล้วว่าจะให้เก่อสัญญาอะไร"

     

     

     

    "อะ อะไรงั้นเหรอ"

     

     

     

    ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เรียกความกล้าและความมั่นใจให้กับตัวเองสักเล็กน้อย แล้วถึงได้เอื้อนเอ่ยออกไป

     

     

     

    "ในเมื่อเก่อขอผมเป็นแฟน ถ้างั้นเก่อสัญญาได้ไหมว่าเก่อ...เอ่อ...จะรักผมแค่คนเดียว"

     

     

     

    สิ้นคำถามลู่หานก็ยกยิ้มกว้างออกมาทันที รู้ไหมว่าเขาน่ะลุ้นแค่ไหนว่าอีกคนจะให้สัญญาอะไร รู้ไหมว่าเขาน่ะกลัวแค่ไหน กลัวว่าจะโดนจงแดปฏิเสธ...

     

     

     

    แต่ตอนนี้เขาไม่กลัวอะไรอีกแล้ว และเขาก็พร้อมที่จะให้คำสัญญาว่าจะรักเด็กตรงหน้าแค่คนเดียว จะไม่แบ่งใจไปให้ใคร ให้ไว้แค่ คิม จงแด

     

     

     

    หัวใจของ เสี่ยว ลู่หาน มีไว้ให้ คิม จงแด คนเดียว

     

     

     

    "เก่อสัญญา สัญญาว่าจะรักจงแดแค่คนเดียว จะไม่เหลียวมองใคร จะดูแลคนดีคนนี้ของเก่อตลอดไป จะไม่ปันใจไปให้ใคร จะให้แต่เด็กดีของเก่อเท่านั้น และ เสี่ยว บู่หาน ก็จะรัก คิม จงแด เพียงคนเดียวตบอดไป..."

     

     

     

    "ฮึก ลู่เก่อคนบ้า!"

     

     

     

    ร่างขอผมโผล่เข้ากอดร่างของลู่เก่อทันที น้ำตาแห่งความดีใจไหลหยดลงเปื้อนเสื้อนอนของอีกคนจนรู้สึกได้ มือหนาของอีกคนลูบที่ศีรษะของผมซ้ำไปซ้ำมานานหลายนาที จนน้ำตาของผมหยุดไหลนั่นแหละเขาถึงได้หยุดและค่อยๆดันตัวผมออกจากอ้อมกอดให้มาสบตากัน

     

     

     

    เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ใบหน้าของผมและลู่เก่อค่อยๆขยับเข้าใกล้กันทีล่ะนิด ทีล่ะ ทีล่ะนิด จนปลายจมูกของเราแตะกัน ริมฝีปากของเราอยู่ใกล้กันมากจนผมแน่ใจว่าอีกไม่นานมันคงจะมาบรรจบกันอย่างแน่นอน

     

     

     

    แต่ทว่า...

     

     

     

    "เฮ้! กัปตันบีเกิ้ลเราไปช้อปปิ้งกันดีกว่า~"

     

     

     

     

     

     

     

    "บยอน แบคฮยอน" ลู่หานเอ่ยลอดไรฟัน..

     

     

    "แหะๆๆ"

     

     

     

    ...FIN...

     

     

     

    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×