คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : :: Special :: Promise Suho x ChenChen
Promise 2
SUHO x CHEN
ถ้าหากว่าคำสัญญาทำให้เราผูกพันกันมากขึ้น...
เหตุการณ์ที่เด็กชายตัวเล็กตกน้ำในสวนดอกไม้ที่คฤหาสน์ตระกูลคิมผ่านมาเกือบสัปดาห์ครอบครัวของซูโฮแสดงออกถึงความเสียใจเป็นอย่างมาก พวกเขาแวะเวียนไปเยี่ยมจงแดกับครอบครัวเกือบทุกวันเหตุผลอีกอย่างก็คงเพราะพ่อของจงแดและซูโฮเองก็เป็นเพื่อนสนิทกันด้วยล่ะมั้งเลยไม่เป็นเรื่องแปลกอะไรที่ทั้งสองครอบครัวจะผลัดกันไปเยี่ยมเยือนกันบ้าง
คุณหนูทั้งสองตระกูลก็ดูจะเข้ากันได้ดีคนน้องก็ติดคนพี่แจเพราะว่าคนพี่นั้นคอยเอาอกเอาใจดี เรียกได้ว่าน้องอยากได้อะไรพี่ก็ให้หมดไม่มีอิดออด และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่สองครอบครัวมาอยู่กันพร้อมหน้าตามเดิม เด้กน้อยทั้งสองเลยปล่อยให้ผู้ใหญ่คุยกันไปส่วนทั้งสองก็ออกมานั่งเล่นกินขนมกันที่สวนสองคน
“พี่ซูโฮฮะ คุณพ่อของน้องจงแดบอกว่าพี่ซูโฮเรียนภาษาจีนด้วยเหรอฮะ” คนน้องเอ่ยถามทั้งที่ปากเล็กยังมีขนมอยู่เต็มปาก
“ใช่ครับ ทำไม จงแดอยากเรียนเหรอ”
คนน้องส่ายหน้าทันทีแสดงออกว่าไม่ได้อยากจะเรียนมันเลยภาษาจีนเนี่ย คนพี่เมื่อเห็นท่าทีของน้องก็หัวเราะเบาๆ ให้กับความน่ารักของน้อง มือเรียวของเด็กหนุ่มที่กำลังเติบโตเอื้อมไปยีผมนุ่มของเด็กตัวเล็กเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“อยากได้ชื่อเป็นภาษาจีนไหมล่ะเดี๋ยวพี่ตั้งให้”
“จริงเหรอฮะ! พี่ตั้งชื่อจีนให้จงแดได้จริงๆ เหรอ” เด็กน้อยถามเสียงใสด้วยความตื่นเต้น
“แน่นอนสิ อืม....เอาชื่ออะไรดีน้า”
ในขณะที่คนพี่ทำท่าใช้ความคิดอยู่คนน้องก็จ้องรอชื่อใหม่อย่างใจจดใจจ่อ ดวงตาเฉี่ยวใสแจ๋วฉายแววตื่นเต้นออกมาอย่างปิดไม่มิด คนเป็นพี่มองไปรอบๆ ก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่ที่เปลือกส้มที่น้องนั้นกินหมดไปนานแล้ว เขาจำท่าทางเวลาที่น้องกินส้มด้วยความอร่อยแล้วก็เหมือนว่าน้องจะชอบมันมากเสียด้วย ฮ่า! คิดออกแล้ว!!
“เฉิน... เฉินเฉิน! ดีไหม”
“เฉินเฉิน เย้ๆ จงแดชอบๆ จงแดชอบชื่อเฉินเฉิน!”
เสียงแหลมตะโกนเสียงดังลั่นแล้วลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ ซูโฮได้แต่หัวเราะเสียงดังไปกับน้องแล้วจึงปรามให้น้องเลิกกระโดดโลดเต้นได้แล้วเพราะกลัวว่าจะพลาดล้มมาบาดเจ็บอีก คนน้องก็ยอมเชื่อฟังพี่แต่โดยดี
“แล้วเฉินเฉินนี่มันแปลว่าอะไรเหรอฮะ”
ซูโฮแทบจะขำพรืดออกมาแต่ยังดีที่กลั้นไว้ได้ทัน นี่ขนาดว่ายังไม่รู้ความหมายหรือที่มาของชื่อเจ้าตัวเล็กยังจะออกอาการดีใจเสียขนาดนั้นเลย หรือที่จริงแล้วคงไม่ใช่ว่าไม่ชอบชื่อที่เขาตั้งให้แต่แกล้งทำเป็นดีใจเพราะกลัวว่าเขาจะเสียใจ เสียความรู้สึกหรอกนะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงเด็กน้อยตรงหน้านี่ก็น่ารักเป็นบ้าเลยล่ะ!
“ไม่รู้ความหมายแล้วทำไมต้องดีใจขนาดนั้นด้วยล่ะ หืม”
“ก็จงแด เอ๊ะ! ไม่สิ เฉินเฉินชอบชื่อที่พี่ซูโฮตั้งให้นี่ฮะ”
“พูดจริงรึเปล่า”
“จริงสิฮะ เฉินเฉินไม่โกหกหรอก เพราะคุณแม่บอกว่าคนโกหกเป็นคนนิสัยไม่ดี”
เมื่อได้ฟังคำตอบแสนน่ารักของเด็กดีซูโฮก็เป็นอันต้องยิ้มกว้างอีกครั้ง เด็กคนนี้ทำให้เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยจริงๆ สิเนี่ย ช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง
“โอเคพี่จะบอกให้ก็ได้ว่าเฉินน่ะภาษาจีนแปลว่า ส้ม แต่ถ้าเรียกเฉินเฉยๆ มันไม่ค่อยเหมาะกับเราพี่เลยเรียก เฉินเฉิน เพราะมันดูน่ารักเหมาะกับเราที่สุด”
“ส้ม? เฉินเฉินชอบส้มที่สุดเลย!”
“ฮ่าฮา อืม พี่ตั้งชื่อเก่งใช่ไหมล่ะ”
“แน่นอน! พี่ซูโฮของเฉินเฉินน่ะเก่งทุกเรื่องอยู่แล้ว”
เด็กชายตัวเล็กยกยอปอปั้นพี่ชายตัวขาวอย่างออเซาะอยู่ในที เสียงหัวเราะสดใสของทั้งสองคนดังทั่วสวนจนผู้ใหญ่ทั้งสี่คนต้องเดินออกมามองดูที่หน้าต่างซึ่งสามารถมองเห็นเด็กทั้งสองคนได้จากมุมนี้ ภาพเด็กชายสองคนนั่งคุยกันแล้วหัวเราะลั่นนั้นอดไม่ได้ที่จะทำให้ผู้พบเห็นเป็นต้องยิ้มตาม
“ดูเหมือนตาซูโฮจะเอ็นดูน้องจงแดมากๆ เลยนะค่ะ” คุณแม่คนสวยของซูโฮเหมือนจะพึมพำคนเดียวเสียมากกว่า แต่ผู้ร่วมเหตุการณ์ที่ได้ยินกลับเห็นพ้องต้องกันเสียหมด
“จงแดเองก็ดูจะรักพี่ชายคนใหม่มากเหมือนกันนะค่ะ” คราวนี้เป็นคุณแม่คนสวยของจงแดที่เอ่ยบ้าง ทั้งสี่คนไม่ได้พูดอะไรกันต่อสายตาทั้งสี่คู่กลับมองตรงไปยังเด็กน้อยทั้งสองด้วยความเอ็นดู
ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกันระหว่าจงแดกับซูโฮนี่ก็ผ่านมาเกือบจะสองเดือนเข้าไปแล้ว ทั้งสองคนสนิทกันมากขึ้นต่างฝ่ายต่างผลัดวันไปหากันหากว่าวันไหนไม่ได้เจอจงแดก็จะงอแงเรียกหาแต่พี่ซูโฮอย่างเดียว ไม่ต่างจากคนพี่ที่วันไหนไม่ได้เจอน้องก็จะนั่งซึมเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก
วันนี้เป็นคราวที่จงแดมาหาพี่ชายตัวขาวบ้าง เด็กน้อยนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวเพียงเล็กน้อยตัวเดียวกับพี่ชายตัวขาว ด้านหน้าของทั้งสองคนมีเปียโนตัวใหญ่สีขาวตั้งอยู่ มือทั้งสองข้างของซูโฮบรรจงเล่นเปียโนให้น้องฟังด้วยบทเพลงหวานซึ้งที่เพิ่งจะได้เรียนมา
เด็กน้อยตั้งใจฟังเป็นอย่างดี โยกตัวไปมาตามจังหวะดนตรีที่พี่ชายตัวขาวเล่น มุมปากเล็กยกยิ้มกว้างดวงตาสวยหลับพริ้มตั้งอกตั้งใจฟังเสียงเปียโนเพราะๆ นี้ จนกระทั่งเสียงเปียโนหยุดลงในโน้ตตัวสุดท้ายคนตัวเล็กถึงได้ลืมตาหันหน้ามามองพี่ชายที่นั่งข้างๆ พลางมือเล็กก็ยกขึ้นมาปรบมือให้พี่ชายคนเก่ง
แปะ แปะ แปะ!
“เพราะจัง พี่ซูโฮของเฉินเฉินเก่งมาก!” ยกนิ้มโป้งป้อมๆ ของตัวเองให้พี่ชายพลางยิ้มตาหยี
“แล้วไหนรางวัลสำหรับคนเก่งล่ะครับ”
“พี่ซูโฮอยากได้อะไรล่ะฮะ”
“ไม่รู้สิ เฉินเฉินให้อะไรพี่ก็เอาหมดแหละครับ”
“งั้น... จุ๊บ!”
คนน้องยืดตัวขึ้นไปจุ๊บเข้าที่ริมฝีปากสีแดงสดของพี่ชายเพียงแป๊บเดียวแล้วจึงผละออกมายิ้มกว้างให้ คนเป็นพี่ได้แต่ยกยิ้มกว้างเมื่อได้รับรางวัลที่แสนน่ารักจากน้องชายตัวเล็ก
“ไหน คนดีของพี่ซูโฮหิวข้าวรึยังเอ่ย” เมื่อเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ฝาผนังบ่งบอกว่าเป็นว่าลาเที่ยงกว่าๆ แล้วซูโฮจึงถามคนน้องที่ป่านนี้คงจะหิวแย่แล้ว
“เฉินเฉินยังไม่หิวเลยฮะ”
“หืม เที่ยงกว่าแล้วนะ ไม่หิวก็คงต้องกินนะครับ”
“แต่ว่า...”
“ถ้าเฉินเฉินยอมกินข้าวพี่จะพาไปเลี้ยงไอติม” หลอกล่อน้องด้วยไอติมที่เขาเองก็รู้ดีว่าเจ้าตัวเล็กนี้โปรดปรานมากขนาดไหน
“เย้! พี่ซูโฮพูดจริงนะฮะ”
“จริงสิ พี่จะโกหกเฉินเฉินทำไม เฉินเฉินเคยบอกพี่ว่าคนโกหกเป็นคนนิสัยไม่ดีไม่ใช่เหรอ”
“ครับ! งั้นเราไปกินขข้าวกันเถอะ!”
โดยไม่รอให้พี่ชายตัวขาวได้ตอบอะไร เด็กตัวเล็กก็กระโดดลงจากเก้าอี้แล้วหันมาดึงแขนพี่ชายตัวขาวให้ออกไปจากห้องซ้อมดนตรีด้วยกัน ส่วนคนพี่เองก็ไม่ได้ว่าอะไรยอมเดินตามน้องด้วยดี
“เฉินเฉินกินผักด้วยสิครับ”
เป็นอีกครั้งที่ซูโฮต้องมาปวดหัวแล้วก็คอยดุน้องเวลาไม่ยอมกินผัก แต่ถึงแม้ว่าคนน้องจะยอมฟังก็ใช่ว่าจะเชื่อฟังตลอด พอเวลาผ่านไปไม่ถึงสามนาทีเด็กตัวผอมก็เขี่ยๆ ผักที่เขาตักให้ออกแล้วกินแต่เนื้อย่างเดียวจนเขาต้องได้ดุกันอีกรอบ
“ก็เฉินเฉินไม่ชอบกินผัก มันขม”
“แต่ถ้าเฉินเฉินไม่ยอมกินผักเฉินเฉินก็จะตัวเล็กแล้วก็ไม่แข็งแรงด้วยนะครับ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ยังไงพี่ซูโฮก็ต้องปกป้องเฉินเฉินอยู่แล้ว ใช่ไหมฮะ”
“เฮ้ออ... เฉินเฉินครับพี่น่ะก็อยากจะดูแลเฉินเฉินตลอดไปนะ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้หรอก”
“พี่ซูโฮหมายความว่าไง...” เด็กน้อยเริ่มเบะปากเหมือนจะร้องไห้เมื่อได้ฟังประโยคของพี่ชาย
“โอ๋ๆ ไม่เอาไม่ร้องนะครับ พี่ซูโฮไม่ได้หมายความว่าอะไรทั้งนั้นแหละ เอางี้! ถ้าคนดีของพี่ซูโฮยอมกินผักพี่ซูโฮจะยอมให้เฉินเฉินขี่หลังไปซื้อไอติม โอเคไหมครับ”
“โอเคฮะ!”
พี่ชายตัวขาวเอื้อมมือไปยีผมของเด็กตัวเล็กเบาๆ แล้วก็ต้องยกยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเห็นเด็กดีของเขายอมตักผักสีเขียวในจานมากิน แม้ว่าใบหน้าหวานนั้นจะทำท่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ก็ตามแต่เมื่อเหลือบตามาเห็นพี่ชายใจดีจ้องมองด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอยู่เด็กน้อยก็ไม่ลังเลเลยที่จะยอมงับเอาผักสีเขียวที่อยู่ในช้อน
“เก่งมากครับคนดี” เอ่ยชมเมื่อน้องกินผักเข้าไปเป็นคำแรก เฉินเฉินน้อยรีบเคี้ยวผักในปากเร็วๆ ก่อนจะรีบกลืนแล้วเอื้อมมือไปหยิบเอาแก้วน้ำมาดื่มไปอึกใหญ่ ใบหน้าเล็กเหยเกเพราะความขมจนซูโฮต้องหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น
มื้อเที่ยงจบลงไปด้วยดีเวลาที่ซูโฮจะพาน้องชายตัวเล็กออกไปซื้อไอติมตามที่ตกลงไว้ก็มาถึง คนเป็นพี่หยิบเอาหมวกสีเหลืองอ่อยมาให้น้องสวมไว้กันแดด กิจกรรมนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกกิจกรรมที่พวกเขาสองคนมักจะทำด้วยกัน หลังจากทานข้าวเที่ยวเสร็จเด็กน้อยทั้งสองก็จะเดินตามถนนในซอยออกไปซื้อเค้กบ้าง ไอศกรีมบ้าง หรือพวกขนมของเล่นจุกจิกตามที่อยากได้เพียงสองคน
ผ่านรั้วประตูคฤหาสน์หลังใหญ่ออกมาได้แล้วคนเป็นพี่ก็นั่งลงยองๆ แล้วกวักมือเรียกให้น้องขึ้นมาขี่หลังตามที่ได้สัญญาไว้ คนน้องยิ้มกว้างแล้วกระโดดขึ้นหลังของพี่ชายแขนเล็กๆ ก็กอดรอบคอขาวของพี่ไว้เมื่อคิดว่าน้องพร้อมแล้วพี่ชายตัวขาวจึงลุกขึ้นเดินออกไปตามถนนที่เงียบสงบ
เสียงแหลมเล็กร้องเพลงคลอเบาๆ ไปตามถนนเรียกให้รอยยิ้มอบอุ่นของพี่ชายตัวขาวฉายขึ้นมาบนใบหน้าหล่อ ผู้ใหญ่ที่อยู่แถวนั้นก็เป็นที่คุ้นหูคุ้นตาไปเสียแล้วเพราะเกือบจะทุกวันจะมีเสียงเล็กๆ ร้องเพลงอยู่บนหลังของคุณหนูคิมลูกชายนักธุรกิจใหญ่ผู้ร่ำรวย
“ถึงแล้ว! เดี๋ยวเฉินเฉินยืนรออยู่ตรงนี้นะแล้วเดี๋ยวพี่ซูโฮจะไปซื้อไอติมมาให้”
“ครับ พี่ซูโฮรีบมานะเฉินเฉินหิ๊วหิว” ว่าพร้อมกับเอามือลูบท้องที่มีพุงน้อยๆ ของตัวเองให้พี่ชายตัวขาวดูให้รู้ว่าหิวจริงๆ
“ฮ่าฮา โอเคครับ เดี๋ยวพี่ซูโฮจะรีบมาน้า”
รับคำน้องเสร็จแล้วก็เดินออกมาจากม้านั่งหน้าร้านที่มีต้นไม้ใหญ่ให้อาศัยเป็นร่มเงา ทุกครั้งที่มาซื้อไอติมร้านประจำเฉินเฉินมักจะนั่งรอซูโฮอยู่ตรงนี้เพราะน้องให้เหตุผลว่าที่นี่มีดอกไม้เยอะดี แล้วอีกอย่างน้องก็ขี้เกียจเข้าไปรอไอติมในร้านเพราะคนเยอะมากๆ คนพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรปล่อยให้น้องนั่งรออยู่ข้างนอกอย่างที่เจ้าตัวต้องการ...
และทุกครั้งที่มาซื้อไอติมแล้วปล่อยให้น้องนั่งรอที่หน้าร้านพอกลับออกมาซูโฮก็จะเห็นเด็กดีของเขานั่งรออยู่ที่เดิมพร้อมรอยยิ้มเสมอ แต่วันนี้... น้องกลับหายไป!
น้องจะหายไปไหน หายไปได้ยังไงในเมื่อน้องเองไม่ได้คุ้นเคยกับแถวนี้นักหนา หรือมีใครมาเอาตัวน้องไป!?
“ขอโทษนะครับเห็นเด็กตัวเล็กๆ ที่นั่งอยู่ตรงนี้ไหมครับ” ซูโฮไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปถามชายชราที่อยู่แถวนั้นพอดี
“เห็นวิ่งออกไปทางนู้นน่ะ”
“ขอบคุณครับ!”
เมื่อรู้ทิศทางที่น้องไปแล้วตามที่ชายชราบอกซูโฮก็ไม่รอช้ารีบออกวิ่งไปตามทางนั้นทันที หัวใจของคนเป็นพี่เต้นแรงด้วยกลัวว่าน้องจะเป็นอะไรไป และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลย!
“ปล่อยนะ! นั่นหมวกพี่ซูโฮให้เฉินเฉินนะเอาคืนมา!”
“ปล่อยนะ! นั่นหมวกพี่ซูโฮให้เฉินเฉินนะเอาคืนมา! เหอะ! เด็กตุ๊ดเอ้ย”
“เฉินเฉินไม่ได้เป็นตุ๊ดนะ!”
พระเจ้า! ขอบคุณจริงๆ ที่ทำให้เขาตามหาน้องเจอ ร่างเล็กที่ล้มอยู่บนพื้นถนนกำลังเถียงอยู่กับเด็กผู้ชายตัวสูงที่ไม่ได้สูงกว่าเด็กดีของเขาเสียเท่าไหร่ เขาเพ่งมองหน้าของเด็กที่ชูหมวกสีเหลืองอ่อยที่เขาให้น้องไว้เหนือหัวให้ชัดๆ เพราะรู้สึกคุ้นตากับเด็กคนนี้เหลือเกิน
“แบคฮัน! แบคฮันใช่ไหม”
“พี่ซูโฮ!”
ทันทีที่เขาตะโกนเรียกชื่อเด็กที่ยืนชูหมวกนั้นไว้เด็กน้อยทั้งสองก็หันมามองเขาเป็นตาเดียว ก่อนที่เจ้าของชื่อที่ซูโฮเรียกไปจะตะโกนชื่อของคนตัวขาวเสียงดังแล้ววิ่งเข้ามากอดซะแน่น ด้วยไม่ทันจะได้ตั้งตัวถุงไอติมที่เขาถือติดมือมาด้วยเลยร่วงลงพื้นเละเทะซะจนสภาพไม่น่าจะกินได้
“คิดถึงพี่ซูโฮจัง”
“อืม แล้วนี่มาได้ไงล่ะ” ซูโฮผละออกจากอีกคนแล้วจึงถาม
“คุณพ่อจะกลับมาทำงานที่เกาหลีฮะเลยพาแบคฮันมาเยี่ยมคุณอา”
“อ้อ...เฉินเฉินมาหาพี่มา” เมื่อถามไถ่กับผู้มาใหม่เรียบร้อยแล้วจึงหันไปเรียกเด็กดีของเขาที่นั่งนิ่งอยู่ที่เดิม แม้จะรอเท่าไหร่คนตัวเล็กก็ไม่ยอมเดินมาหาตามที่เขาบอกสักทีเขาเลยต้องเดินเข้าไปหาเจ้าตัวเสียเอง
“เฉินเฉิน...เป็นอะไรไปครับ”
“ฮึก!”
“เฉินเฉินเป็นอะไรครับร้องไห้ทำไมบอกพี่ซูโฮมาสิครับเด็กดี” น้ำเสียงของคนเป็นพี่ร้อนรนขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงน้องสะอื้น “เฉินเฉิน...”
“ฮึก พี่ซูโฮใจร้าย พี่ซูโฮทิ้งไอติมของเฉินเฉิน!”
“เฉินเฉินครับ พี่ขอโทษเดี๋ยวพี่พาไปซื้อใหม่นะครับ”
“ไม่เอา! เฉินเฉินเกลียดพี่ซูโฮแล้ว!”
“เฉินเฉิน!”
คนตัวขาวได้แต่ตะโกนเรียกเด็กชายตัวเล็กที่วิ่งหนีกลับไปทางเดิมที่เขาพามาแล้วเรียบร้อย ร่างสูงกำลังจะวิ่งตามไปแต่ก็เป็นอันต้องได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาแล้วหันกลับไปมองตามเสียงเรียกของเด็กอีกคน
“โอ้ย! พี่ซูโฮช่วยแบคฮันด้วยครับ”
ซูโฮถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินกลับไปช่วยพยุงคนตัวเล็กอีกคนที่ล้มไม่เป็นท่าอยู่ตรงถนน ก่อนสายตาจะได้แต่มองตามหลังของเด็กน้อยของเขาที่วิ่งออกไปไกลแล้ว...
ตั้งแต่วันนั้นมาเฉินเฉินของเขาก็ไม่มาหาอีกเลย ไปหาก็ไม่ยอมออกมาเจอจนเขาแทบจะเฉาตายอยู่แล้ว แม้ว่าแบคฮันจะมาหาเกือบทุกวันแต่มันก็ไม่ได้รู้สึกดีเหมือนเวลาคนตัวเล็กเสียงแหลมๆ นั้นมาหาเลยสักนิด เขาอยากจะได้ยินเสียงแหลมนั้นใจจะขาด อยากกินข้าวกับน้องเหมือนทุกวัน อยากพาน้องไปซื้อขนม อยากเห็นรอยยิ้มของเด็กดีของเขาใจจะขาด เมื่อไหร่เด็กน้อยของเขาจะหายงอนเสียทีนะ
“พี่ซูโฮครับเจ้าเด็กตัวเตี้ยนั้นไม่มาหาพี่อีกเลยเหรอฮะ” ซูโฮหันไปมองแบคฮันที่นั่งกินขนมอยู่ข้างๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“อืม”
“ทำไมล่ะครับ เพราะแบคฮันรึเปล่า”
“...เปล่าหรอก”
“พี่ซูโฮเหมือนไม่อยากคุยกับแบคฮันเลย...”
“พี่เปล่า”
“แบคฮันกลับบ้านกันเถอะลูกพรุ่งนี้ค่อยมาหาพี่ซูโอใหม่นะลูกนะ” ไม่ทันได้ให้เด็กน้อยเถียงอะไรซูโฮอีก เสียงทุ้มใหญ่ของคุณลุงแบคกยองก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ยังไม่กลับไม่ได้เหรอครับคุณพ่อ”
“ไม่ได้ครับ ต้องกลับเดี๋ยวนี้”
“คร้าบบ” เมื่อคนเป็นพ่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังแบคฮันจึงยอมแต่โดยดี เด็กตัวเล็กเดินคอตกกลับไปหาพ่อของตนเองทันที
“อากลับล่ะนะซูโฮ”
“ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับคุณอา”
ซูโฮและคุณคิมเจ้าของคฤหาสน์เดินออกมาส่งแขกเมื่อเห็นทั้งสองนั่งรถออกไปแล้วคุณคิมจึงหันกลับมามองที่ลูกชายของตน ซึ่งพักหลังมานี่เหมือนจะซึมๆ ไปไม่เหมือนแต่ก่อน ซึ่งสาเหตุก็คงจะมีอยู่อย่างเดียวคือ... คิดถึงเฉินเฉินน้อยของตัวเองนั่นแหละ
“อยากไปหาน้องไหม”
“ครับ?”
“คิดถึงน้องไม่ใช่เหรอ คิดถึงแล้วทำไมไม่ไปหาล่ะ”
“ถึงผมไปน้องก็ไม่ออกมาหาผมอยู่ดีนั่นแหละครับ” ตอบด้วยน้ำเสียงหงอยๆ จนคนเป็นพ่อต้องยกมือขึ้นมาลูบผมนุ่นของลูกชายคนเดียวเบาๆ
“งั้นไปกับพ่อสิ เดี๋ยวพ่อพาไป”
“จะดีเหรอครับ”
“ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้วล่ะ”
“อ้าว! มาหาจงแดเหรอลูก”
ทันนทีที่ก้าวขาเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่คุณนายคิมแม่ของจงแดก็เอ่ยทักทายกันตามปกติ ซูโฮพยักหน้าบอกว่าตนเองนั้นมาหาน้องที่เฝ้าคิดถึงมานานเกือบอาทิตย์ คุณนายคิมสุดใจดีเมื่อสบตากับพ่อของซูโฮก็เหมือนจะเข้าใจ ร่างโปร่งของคุณนายคิมเลยพาเด็กหนุ่มที่ทำหน้าซึมๆ ขึ้นมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องนอนของเจ้าลูกชายตัวดี
“จงแดเปิดประตูให้แม่หน่อยครับ”
“ครับ”
เมื่อได้ยินเสียงจากข้างในตอบรับมาแล้วไม่นานบานประตูไม้ก็ถูกเปิดออกมา ซูโฮค่อยๆ ก้าวออกมาจากทางด้านหลังของคุณนายคิมและเมื่อเจ้าของห้องเห็นหน้าของพี่ชายใจร้ายก็แทบจะปิดประตูลงทันที หากไม่ติดว่าคนเป็นแม่นั้นดึงประตูไว้ก่อน
“พี่เขาอุตส่าห์มาหาอย่าเสียมารยาทสิลูก” ดุลูกชายไปทีหนึ่งแล้วจึงหันกลับมาหาเด็กหนุ่มอีกคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ “เข้าไปคุยกับน้องข้างในไปลูก”
“ครับ ขอบคุณนะครับ”
“จ๊ะ”
คุณนายคิมหันมาทำสายตาดุๆ ใส่ลูกชายตัวเล็กไปทีหนึ่งแล้วจึงหันหลังกลับเดินออกไปจากบริเวณนั้น ทันทีที่ลับหลังจากผู้เป็นแม่แล้วคนตัวเล็กก็เตรียมจะปิดประตูใส่หน้าพี่ชายอีกหนแต่คนเป็นพี่ก็ดึงประตูไว้แล้วรีบแทรงตัวเข้าไปในห้องของน้องทันที
“เฉินเฉินพี่ขอโทษ”
“ไม่! เฉินเฉินเกลียดพี่ซูโฮ!”
“เด็กดีอย่าเกลียดพี่เลยนะ รู้ไหมว่าตอนที่เฉินเฉินไม่ไปหาพี่พอพี่มาหาก็เอาแต่หลบหน้าพี่แบบนั้นพี่คิดถึงเราแทบใจจะขาด...” ร่างสูงค่อยๆ ก้าวเข้ามาใกล้คนตัวเล็กที่เม้มปากแน่น ค่อยๆ ดึงเอาน้องเข้ามากอดอย่างรักใครและคิดถึง “อภัยให้พี่เถอะนะครับเด็กดี”
“พี่ซูโฮจะทิ้งเฉินเฉินไปหาแบคฮันคนนั้น... เฉินเฉินไม่อยากให้พี่ซูโฮทิ้งเฉินเฉิน”
“พี่จะไม่ทิ้งเฉินเฉินไปไหน พี่สัญญา”
“พี่ซูโฮจะไม่ทิ้งเฉินเฉินจริงๆ ใช่ไหมฮะ”
“จริงสิ พี่รักเฉินเฉินจะตายพี่ไม่มีทางทิ้งเฉินเฉินหรอก”
“เฉินเฉินก็รักพี่ซูโฮ เฉินเฉินจะไม่ทิ้งพี่ซูโฮสัญญา...”
“อืม พี่ก็สัญญา...”
ทั้งสองผละออกจากกันต่างคนต่างก็ยิ้มให้กัน นิ้วก้อยน้อยๆ ของเฉินเฉินถูกยกขึ้นมาไว้ข้างหน้ายื่นไปหาคนตัวโตกว่าคนเป็นพี่เองก็ยกกว้างแล้วยกนิ้วก้อยของตัวเองมาเกี่ยวไว้กับอีกคน
ต่อไปนี้สัญญา...จะไม่ทิ้งกัน...
ฮ่าา ในที่สุดก็ได้อัพสักที
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์
และขอบคุณที่ตามอ่านกันนะค่ะ
ความคิดเห็น