คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : SF Sehun x Chen Bad Guy IV 100%
SEHUN x CHEN
Bad Guy IV
ผมเดินมารอจงอินที่หน้าตึกคณะเพราะเมื่อตอนบ่ายกว่าๆจงอินส่งข้อความมาบอกว่าจะรอกลับหอด้วย ป่านนี้ก็คงจะรอผมแย่แล้วเพราะวันนี้ผมต้องไปช่วยรุ่นพี่ที่คณะจัดเตรียมงานอะไรซักอย่างเลยทำให้ต้องเลิกซะเย็น ชานยอลกับแบคฮยอนนั้นกลับไปก่อนผมได้ซักพักแล้ว เห็นท่าทางสองคนนั้นดูเหนื่อยๆ ผมเลยไล่ให้กลับไปพักผ่อนก่อนทีแรกทั้งสองคนก็ไม่ยอมบอกจะอยู่เป็นเพื่อนแต่คงจะทนกับความดื้อด้านของผมกันไม่ไหวเลยยอมถอนใจกลับไปก่อน
มานั่งใต้ต้นไม้ใหญ่คือที่ที่ผมเลือกไปนั่งรอจงอินที่ป่านนี้ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหนมา
ดวงอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้าผมเลยล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาโทรหาคนที่บอกว่าจะกลับหอด้วยกัน
ตู๊ด ตู๊ด
[เอ่อ
ครับจงแดฮยอง]
“จงอินตอนนี้ฮยองรออยู่ที่หน้าคณะนะ จงอินอยู่ไหนหรอ”
[ผม
ผมกำลังไปครับ]
ติ๊ด!
ไม่ทันให้ผมได้ตอบอะไรกลับไปจงอินก็กดวางสายใส่ทันที
ผมยกโทรศัพท์มือถืออกมามองก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นอะไรไปอีกเสียงที่ตอบกลับมานั่นก็ดูไม่ค่อยดีเสียด้วยสิ
เป็นอะไรของเขานะ...
รอไม่ถึงยี่สิบนาทีผมก็เห็นจงอินกำลังเดินตรงเข้ามาหาท่าทางของเขาตอนเดินเหมือนจะเซเล็กน้อยจนผมต้องขมวดคิ้วมุ่น
กำลังจะตะโกนเรียกแต่ก็ถูกมือของใครไม่รู้ปิดปากของผมไว้แน่นพร้อมกับลากผมให้ตามไป
“อื้อออ”
ผมพยายามดิ้นหนีและขืนตัวไว้ไม่ให้คนที่กำลังลากผมไปนั้นลากผมไปได้
แต่ไม่รู้ว่าเพราะผมแรงน้อยเกินไปหรือคนที่กำลังลากผมอยู่นั้นแรงเยอะเกินไปกันแน่มันถึงได้ดูไม่มีผลอะไรเลย
จากแผ่นหลังของผมที่แนบชิดกับอกของคนที่ลากผมอยู่ทำให้ผมรู้ว่าเขาตัวสูงกว่าผมอยู่เยอะทีเดียว
จงอินเหมือนจะมองเห็นผมแล้วเขาพยายามวิ่งตามมาแม้ว่าท่าวิ่งของเขามันจะดูแปลกๆ
ไปเสียหน่อยเหมือนคนจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ จนเมื่อผมได้ยินเสียงเปิดประตูรถและร่างของผมก็ถูกผลักให้เข้าไปนั่นถึงทำให้ผมมองเห็นว่าใครเป็นคนลากตัวผมมา
“ซ...เซฮุน!”
“หึ! สวัสดีตอนเย็นครับ...จงแดฮยอง J”
ปึง!
ประตูรถปิดลงพร้อมกับรอยยิ้มของเซฮุนที่ส่งมาให้ผม
มันไม่ใช่รอยยิ้มที่จริงใจผมรู้ดีเป็นรอยยิ้มที่ดูเย้ยหยันและทำให้ผมขนลุกเสียมากกว่า
เซฮุนอ้อมมานั่งฝั่งคนขับแล้วออกรถทันทีจนผมที่นั่งอยู่เบาะหลังเซเล็กน้อยเพราะไม่ทันได้ตั้งหลัก
“เซฮุนนายจะพาฮยองไปไหนน่ะ
หยุดรถเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“ทำไมล่ะครับ
อยากจะไปหาไอ้จงอินมันรึไง”
“ใช่! เพราะงั้นก็ปล่อยฮยองไปได้แล้ว”
“รอผมตายก่อนแล้วกัน!”
ปรื้นนนน
แล้วรถคันหรูก็เคลื่อนตัวพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็ว
และเมื่อมาถึงตอนนี้ผมเองก็คงจะทำอะไรไม่ได้แล้วนอกเสียจากว่าจะยอมอยู่นิ่งๆ
รอรับอารมณ์ของอีกคนที่ไม่สามารถมีใครเดาออกได้เลยว่าอยู่ในอารมณ์โกรธระดับไหน แต่แม้ว่าจะโกรธน้อยหรือโกรธมากสำหรับจงแดเมื่อไหร่ก็ตามที่เซฮุนโกรธมันมักจะไม่ใช่เรื่องดีต่อตัวเขาเองเสมอ
มันดูเหนือความคาดหมายเมื่อที่ที่เซฮุนพาผมมานั้นก็คือห้องของผมเอง
ตั้งแต่ลงจากรถมาคนตัวสูงกว่าก็เอาแต่ลากผมแบบเอาเป็นเอาตาย มีหลายครั้งที่ผมสะดุดล้มลงเพราะก้าวตามขายาวๆ
ที่ก้าวฉับๆ นำอยู่นั้นไม่ทัน
แต่เซฮุนไม่ได้สนใจยังดันทุรังที่จะลากผมต่อจนกระทั่งตอนนี้ที่เราเข้ามาอยู่ในห้องแล้วพร้อมกับประตูที่ถูกล็อกแน่นสนิทโดยฝีมือเซฮุน
“จะไปไหน”
“หมายถึงอะไร”
ผมขมวดคิ้วสงสัยเมื่อเจอคำถามที่ไม่เข้าใจของเซฮุน ส่วนเจ้าของคำถามเหมือนจะดูฮึดฮัดขัดใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมขยายความให้ผมได้กระจ่างแจ้ง
“กับไอ้จงอินจะนัดกันไปไหน”
“นายรู้ได้ยังไง
แล้วนั่น...หน้าไปโดนอะไรมา”
เมื่อเริ่มมีสติใจเย็นลงผมถึงได้สังเกตเห็นชัดๆ
ว่าใบหน้าหล่อเหลาขาวใสของเซฮุนมีรอยฟกช้ำอยู่ไม่น้อย
โดยเฉพาะที่บริเวณมุมปากดูจะช้ำม่วงกว่าที่อื่น
อยากจะเอื้อมมือออกไปสัมผัสแผ่วเบาแต่ก็รู้ดีว่าไม่สามารถทำได้
“ฟัดกับหมามา”
“...จงอิน!”
เมื่อได้ฟังคำตอบที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยช่วยขยายความอะไรเลยแต่เพราะนึกย้อนไปถึงสภาพของจงอินเมื่อตอนเย็นนั้นก็เหมือนจะมีแสงสว่างวาบเข้ามาในหัวแทบจะทันที
และรู้ได้โดยไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเพราะสีหน้าของเซฮุนตอนนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าที่เขาเดาไปนั้นมันถูกต้อง
“ท่าทางอาการมันจะหนักอยู่นา”
นำเสียงที่กวนๆ โดยไม่ได้มีแม้แต่วี่แววของความสำนึกผิดหรืออะไรเลยแบบนั้นของเซฮุนมันทำให้ผมไม่พอใจเป็นอย่างมาก
แต่ก่อนเซฮุนไม่เคยเกเรขนาดนี้...
“นายเป็นบ้าไปแล้วรึไง
ไปต่อยกับจงอินทำไม!”
ผมถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกได้อย่างชัดเจนว่ากำลังโมโห
“ทำไม! เป็นห่วงผัวนักรึไง!!”
และก็ดูเหมือนว่าเซฮุนก็จะอารมณ์ขึ้นบ้างแล้วเหมือนกัน
“เลิกดูถูกฮยองกับเพื่อนของนายสักทีเซฮุน!”
“มันไม่ใช่เพื่อนกู!!!”
เสียงตะคอกที่ดังลั่นห้องทำให้ผมตกใจจนเผลอถอยหลังไปสองก้าว
รับรู้ได้เลยว่าตอนนี้ร่างกายตัวเองสั่นระริกแค่ไหน
นับครั้งได้ที่เซฮุนจะพูดคำหยาบกับผมถ้าหากว่าเขาไม่โมโหจริงๆ
เราต่างก็เงียบไปสักพักเซฮุนเองก็ดูเหมือนว่ากำลังจะควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองอยู่หลังจากที่เห็นว่าผมกลัวเขาจนตัวสั่น
เสียงหายใจฮึดฮัดของเขานั้นเป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าเขาโกรธแค่ไหน
“เข้าไปในห้อง”
หลังจากที่เริ่มควบคุมอารมณ์ได้บ้างแล้วเซฮุนก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ คราวนี้ผมไม่ได้ขัดขืนหรือเถียงเขาอีก
ยอมเดินเข้าไปในส่วนของห้องนอนอย่างคนว่าง่าย
- B A D G U Y -
10%
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ผมเองก็ไม่อาจจะรู้ได้เพราะตลอดเวลาที่เข้ามาในห้องตามที่เซฮุนบอกผมก็เอาแต่นั่งเหม่อเหมือนคิดอะไรไม่ตกแต่ความเป็นจริงคือผมเหมือนคนจิตหลุดมากกว่าหลังจากที่ถูกตะคอกเสียงดังลั่นห้อง
ตั้งแต่คบกันมาครั้งนี้คงเป็นครั้งที่สองที่เซฮุนโกรธผมขนาดนี้
ครั้งแรกเป็นตอนที่ผมติดฝนอยู่หน้ามหาลัยฯ
แล้วมีรุ่นพี่ที่คณะอาสามาส่งแต่เซฮุนมาเห็นเลยเข้าใจผิดไปใหญ่
เขาโมโหมากจนซัดกับรุ่นพี่คนนั้นอย่างคนไม่ฟังเหตุผลอะไร นิสัยที่แก้ไม่หายของเซฮุนคือเขาเป็นคนขี้หึงขี้หวงไม่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นของเขาคนอื่นไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องหากไม่ได้รับอนุญาตจากเขาก่อน
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูเหมือนจะเรียกสติผมให้กลับมา
ผมเดินออกไปเปิดประตูก็เจอเซฮุนยืนหน้านิ่งรออยู่เขาเอ่ยเสียงเรียบบอกให้ไปกินข้าว
แล้วก็เดินนำออกไปโดยที่ไม่ได้รอฟังว่าผมจะตอบว่าอะไร แต่ก็นั่นแหละครับ
ทางเลือกผมใช่ว่ามันจะเยอะถ้าผมไม่ยอมไปกินข้าวตามที่เขาบอกคนที่จะซวยไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกจากผม
บนโต๊ะกินข้าวมีบะหมี่อยู่สองชามกำลังส่งกลิ่นหอมพร้อมกับควันที่ลอยออกมาจากปากชามทำให้รู้ว่าอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นเพิ่งจะทำเสร็จได้ไม่นาน
เซฮุนทำอาหารไม่เป็นนั่นคือเรื่องจริง
ถ้าหากเขาอยากเอาใจผมหรือขอโทษกับอะไรสักอย่างที่เขาทำผิดเขาจะชอบทำอาหารมาง้อซึ่งมันก็มีไม่กี่อย่างที่คนทำอาหารไม่เป็นอย่างเซฮุนจะทำได้
ไม่บะหมี่ก็โจ้กสำเร็จรูป คิดได้แบบนั้นเลยทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้คงจะเป็นการขอโทษที่เผลอตะคอกใส่ผมซะเสียงดังเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วมั้ง
“จะกินไม่กิน ถ้าไม่กินจะได้เก็บ”
เสียงที่มันฟังดูเข้มกว่าทุกทีทำให้ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าเจ้าของฝีมือการต้มบะหมี่สองชามนี้กำลังเขิน
ผมพยายามกลั้นยิ้มไว้แล้วเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเซฮุนที่ตอนนี้ก้มหน้าก้มตากินบะหมี่จนหน้าแทบจะจมไปกับชามแล้วด้วยซ้ำ
เขาไม่ได้หิวอะไรมากมายถึงขนาดนั้นหรอก
ที่เห็นแบบนั้นเพียงเพราะเขาเขินเท่านั้นแหละครับ แต่เห็นเขาเป็นแบบนี้ก็ใช่ว่าผมจะกล้าแซวเขาเหมือนตอนที่เรายังคบกันอยู่หรอกนะเกิดเขาโกรธขึ้นมาอีกผมก็ซวยอ่ะดิ
สิ่งเดียวที่ทำได้เลยจำต้องนั่งเงียบกินบะหมี่ไปแบบนั้น บรรยากาศรอบตัวของเราสองคนเงียบกริบเพราะทั้งผมและเซฮุนเอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตากินกันอยู่เงียบๆ
ก็อกๆๆ
จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ผมเงยหน้ามองเซฮุนเล็กน้อยเขาพยักหน้าให้ผมกินต่อ
ส่วนร่างสูงก็ลุกขึ้นไปเปิดประตูแทนเจ้าของห้องอย่างผม
ผลัก! ตุบ! ตึง!
เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นมาในนาทีต่อมา
ผมรีบวางช้อนที่กำลังจะส่งน้ำซุปร้อนๆ
เข้าปากแล้วรีบวิ่งออกไปดูที่หน้าห้องก็เจอร่างสูงสองร่างกำลังฟัดกันนัวเนีย
และผมจะไม่ยืนรอให้ใครคนใดคนหนึ่งต้องเจ็บตัวกันไปมากกว่านี้หรอกนะ! สองขาของผมรีบวิ่งเข้าไปพยายามกระชากเซฮุนที่กำลังซัดหมัดใส่จงอินไม่ยั้งให้ถอยออกมา
แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากเสียเหลือเกินเมื่อผมไม่ได้รับความร่วมมือที่ดีเลย
“นี่หยุดนะ! หยุดได้แล้ว!”
ตุบ! ผลัก!
ในจังหวะที่ผมกำลังจะดึงตัวเซฮุนออกมาได้แล้วนั้นก็เป็นทีของจงอินที่พุ่งเข้ามาสวนหมัดใส่ใบหน้าของเซฮุนไม่ยั้งจนร่างสูงเซล้มลงไปกับพื้นแม้แต่ผมก็ไม่สามารถประคองไว้ได้
จงอินลงไปคร่อมร่างของเซฮุนไว้แล้วซัดหมัดซ้ำไปที่บริเวณเดิม
ใบหน้าของทั้งสองคนเริ่มจะดูไม่ได้เพราะมีทั้งเลือด
ทั้งรอยบวมช้ำบางจุดจนดูน่ากลัว
ผมไม่ถอดใจวิ่งเข้าไปดึงแขนของจงอินไว้ตอนที่แขนแกร่งนั้นกำลังง้างขึ้นเตรียมจะปล่อยหมัด
แต่คงเพราะอยู่ในห่วงของอารมณ์โมโหอยู่ร่างของผมถูกผลักกระเด็นออกมาจนหัวไปชนเข้ากับขอบโต๊ะเข้าอย่างจัง
“โอ้ย!!”
เหมือนกับว่าบริเวณรอบข้างเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อของผมเสียงดังจากคนสองคนที่ก่อนหน้านี้กำลังฟัดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ฮยองเป็นยังไงบ้าง” เซฮุนพุ่งถลาเข้ามาประคองผมไว้ในอ้อมแขน
ผมรับรู้ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้นะ แต่ผมแค่ยังไม่สามารถตอบรับอะไรพวกเขาทั้งสองคนได้เพราะผมยังรู้สึกมึนๆ
อยู่ มือที่ยกขึ้นมากุมหัวด้านที่โดนกระแทกเข้าอย่างจังรับรู้ได้ถึงของเหลวเหนียวข้นที่ไหลลงมาตามใบหน้าและมือ
“ฮยอง จงแดฮยอง...”
จงอินลงมาคุกเข่าลงตรงหน้าผม ผมไม่ได้สนใจเขามากนัก มือข้างที่สัมผัสได้ถึงของเหลวถูกเลื่อนมาไว้ตรงหน้า
เลือดสีแดงเข้มที่อาบอยู่บนฝ่ามือนั้นเล่นเอาผมแทบช็อค อาการหน้ามืดหูอื้อก็เริ่มจะเข้ามาครอบงำจนผมไม่สามารถทนได้ไหว
และสลบไปในที่สุด....
- B A D G U Y –
โรงพยาบาล
[Sehun part]
ผมแทบนั่งไม่ติดตั้งแต่ที่ร่างของจงแดฮยองถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินความรู้สึกเหมือนมีไฟสุมตัวอยู่ตลอดเวลา
ถ้าจงแดฮยองเป็นอะไรไปผมจะไม่ให้อภัยตัวเองเลยเด็ดขาด! ผมเคยคิดว่าผมเกลียดจงแดฮยองไปแล้วตั้งแต่ที่รู้ว่าจงแดฮยองนอกใจผมแต่เปล่าเลย...
หัวใจของผมมันเคยเป็นของจงแดฮยองอยู่ยังไงตอนนี้มันก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น
ทำไมกันนะเขาทำกับผมขนาดนี้แต่ทำไมผมถึงเกลียดเขาไม่ลงสักที!
“จงแดเป็นยังไงบ้าง!”
เสียงของรุ่นพี่ทั้งสองซึ่งเป็นเพื่อนกับจงแดฮยองตะโกนถามตั้นแต่ตัวยังไม่ถึงผมกับไอ้จงอินที่ตอนนี้เดินสวนกันไปมา
ตั้งแต่มาถึงผมกับมันก็ไม่มีใครคิดที่จะให้ความสนใจกับเก้าอี้เลย
“หมอยังไม่ออกมาเลยครับ” เป็นไอ้จงอินที่ตอบแทน
ส่วนผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักตอนนี้สมาธิทั้งหมดของผมมันพุ่งตรงไปแค่หน้าประตูห้องฉุกเฉินเท่านั้น
ผมรู้แล้วว่าผมขาดเขาไม่ได้
ผมขาดคนที่ชื่อคิม จงแดไม่ได้
ถ้าหากเขาฟื้นขึ้นมาผมต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ทำไมเขาต้องนอกใจผมหากจงแดฮยองไม่ชอบผมเกลียดผมเพราะอะไรผมจะยินยอมปรับปรุงตัวทุกอย่างเพื่อให้ได้เขากลับมา
ผมขอแค่นั้นจริงๆ
“เซฮุนขอพวกฮยองคุยด้วยหน่อยสิ”
ผมหันกลับไปมองรุ่นพี่ร่างสูงที่เดินเข้ามาจับบ่าผม
ใบหน้าที่แต่ก่อนมีแต่ความขี้เล่น ร่าเริง
สนุกสนานตอนนี้กลับดูจริงจังจนผมรู้สึกเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย
ข้างหลังมีรุ่นพี่แบคฮยอนที่ยืนก้มหน้าไม่พูดอะไรตั้งแต่มาถึง
“แต่จงแดฮยอง...”
“แค่แป๊บเดียว”
“...ก็ได้ครับ”
- B A D G U Y –
ผมกับรุ่นพี่อีกสองคนหยุดกันอยู่ที่ซอกตึกบริเวณหนึ่งซึ่งไร้ผู้คนแต่ก็ไม่ได้ไกลไปจากห้องฉุกเฉินมากนัก
ใบหน้าของชานยอลฮยองยังคงเรียบนิ่งค่อนไปทางซีเรียสจนผมรู้สึกอึดอัด
พอเหลือบไปมองแบคฮยอนฮยองที่แต่ก่อนจะเสียงดังโหวกเหวกโวยวายที่สุดในกลุ่มตอนนี้ก็ยังคงก้มหน้านิ่งเหมือนตอนเข้ามาแรกๆ
เหมือนเดิม
“ฮยองมีอะไรกับผมรึเปล่าครับ”
“ให้แบคฮยอนเป็นคนบอกเองแล้วกัน”
ผมหันไปมองทางแบคฮยอนฮยองที่ตอนนี้ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมแล้ว
ดวงตาที่เคยสว่างสดใสตอนนี้ดูเศร้าซึมและเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ผมเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร
“ฉัน...ฉันผิดเอง” ผมขมวดคิ้วมุ่น
กำลังงงว่ารุ่นพี่ตัวเล็กเป็นอะไรแล้วเขาทำอะไรผิดงั้นเหรอ?
“ทุกอย่าง...ทุกอย่างมันเป็นเพราะฉันเอง!”
“ฮยองหมายถึง...อะไรหรอครับ?”
เพราะเห็นว่าอีกคนเงียบไปนานหลังจากที่ตะคอกเสียงดังเมื่อกี้ ยิ่งเห็นน้ำตาของอีกคนผมยิ่งรู้สึกแปลกๆ
“ฉันเป็นคนโกหกจงแดเรื่องที่นายไปต่างประเทศเพราะแอบหนีไปหมั้น
เพื่อนของฉันที่อยู่นู่นเห็นนายไปเที่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งฉันมารู้ทีหลังว่าเป็นญาติของนาย...ฮึก...แต่ฉันก็ยังแกล้งเป็นผู้หวังดีส่งรูปพวกนั้นไปให้จงแดดูแล้วก็ใส่ร้ายนาย
อึก!”
“ฮยองทำแบบนั้นทำไม!!!”
เหมือนเส้นควบคุมสติของผมจะขาดจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ร่างของผมพุ่งตรงเข้าใส่ร่างเล็กของรุ่นพี่ที่ยืนน้ำตาไหลตั้งแต่เริ่มเปิดปากเล่าเรื่อง
มือทั้งสองข้างของผมกำคอเสื้อเขาไว้แน่นอยากจะซัดหมัดใส่ใบหน้าน่ารักนั่นไปสักทีแต่ผมก็ทำได้แค่ยับยั้งชั่งใจไว้
“ฉันรู้ว่านายโกรธแต่ช่วยฟังให้จบก่อน”
เหมือนชานยอลฮยองจะเป็นคนที่อารมณ์นิ่งที่สุดในตอนนี้
เขารีบเข้ามาห้ามเมื่อเห็นว่าผมชักจะคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว
“ฉันอยากให้นายกับจงแดเลิกกันจริงๆ นะ
...แล้วรูปที่จงแดกับจงอินอยู่ด้วยกันนั่นก็ฉันเองล่ะที่ส่งไปให้นาย”
“...”
“ฉันแกล้งยุยงจงแดให้เลิกยุ่งกับนายไปซะ”
“...ทำแบบนั้นทำไม”
“ยิ่งเลิกกันเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”
ยิ่งพูดแบคฮยอนฮยองก็ยิ่งสะอื้นหนัก
ในสมองผมตอนนี้มันเหมือนกับกระดาษที่เต็มไปด้วยหมึกดำขีดเขียนอะไรต่างๆ
มากมายจนยุ่งเหยิง ได้แต่ตั้งคำถามซ้ำไปซ้ำมาว่าเขาทำแบบนั้นทำไม
“ฉันขอโทษนะ แต่ว่า...”
“ฉันถามว่าทำแบบนั้นทำไม!!!!”
“เพราะฉันอยากให้จงอินสมหวังไงล่ะ!! ฉันแค่อยากเห็นคนที่ฉันรักมีความสุขก็แค่นั้น...”
เกิดความเงียบขึ้นหลังจากที่ผมได้รู้เหตุผลที่แท้จริงของรุ่นพี่ตัวเล็ก มือทั้งสองข้างของผมเหมือนมันจะอ่อนแรงขึ้นมากะทันหันจนต้องทิ้งดิ่งลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก
เข้าใจแล้ว...ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว
“...”
“...ฮึก ฉันแค่อยากเห็นเขามีความสุข
ฉันแค่ไม่อยากทนเห็นเขาต้องทนมองภาพของนายกับจงแดรักกันแล้วแกล้งทำเป็นว่ายินดี
เพราะฉันรู้ดีว่าการที่ต้องแกล้งทำอะไรแบบนั้นมันรู้สึกยังไง ฮึก
ฉันแค่อยากให้เขาสมหวังแม้ว่าฉัน...จะต้องเจ็บปวดขนาดไหนก็ตาม”
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ...แต่ผมไม่ต้องการ”
“จงอิน!”
เหนือความคาดหมายเมื่อร่างสูงของคนที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนรักของผมปรากฏขึ้น
เหมือนมีอะไรมาทุบเข้าที่หัวผมอย่างจังจนมันแทบจะไม่รับรู้อะไรแล้วในตอนนี้
สิ่งเดียวที่ผมอยากจะทำตอนนี้คือกอดจงแดฮยองไว้ให้แน่นๆ แล้วบอกขอโทษกับสิ่งที่เคยทำร้ายเขาซ้ำไปซ้ำมา
“ยิ่งคุณทำแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกสมเพชตัวเอง”
คำเรียกที่ดูห่างเหินเรียกเสียงสะอื้นจากรุ่นพี่ตัวเล็กที่ตอนนี้น้ำตานองหน้าได้เป็นอย่างดี
“แล้วผมก็ต้องขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้นั่นด้วยนะครับ
แต่รบกวนช่วยเอามันคืนไปเถอะครับผมไม่ต้องการ”
พูดจบไอ้จงอินก็เดินออกไปจากบริเวณที่ผมกับรุ่นพี่ทั้งสองคนยืนอยู่
มันไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองด้วยซ้ำว่าหลังจากมันพูดจาทำร้ายจิตใจของรุ่นพี่ตัวเล็กคนนี้แล้วเขาจะต้องตกอยู่ในสภาพไหน
แผ่นหลังกว้างที่เดินห่างออกไปพร้อมกับร่างเล็กของรุ่นพี่แบคฮยอนที่ตอนนี้แทบไม่มีเรี่ยวแรงล้มลงไปนั่งกับพื้น
จนรุ่นพี่ชานยอลที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้องเข้าไปกอดปลอบ
มาถึงตรงนี้ผมเองก็เข้าใจเหตุผลของแบคฮยอนฮยองนะครับตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาจะต้องทนเจ็บปวดขนาดไหนกันกับเรื่องนี้
เขายอมทำเรื่องเลวร้ายเพียงเพื่อที่จะให้คนที่เขารักได้มีความสุขแม้ว่าเขาจะไม่ได้อะไรตอบแทนมาเลย
แม้แต่ให้อยู่ในสายตาเขายังแทบไม่เคยได้รับมัน...
แต่จะบอกว่าผมไม่โกรธอะไรเขาเลยมันก็คงจะไม่ใช่
ผมเองก็เป็นคนมีความรู้สึกเหมือนกันเขาทำให้ชีวิตรักของผมกับจงแดฮยองเกือบจะพังจนกู่ไม่กลับมันก็ต้องมีบ้างที่จะโกรธ
แต่จะให้มาซ้ำเติมหรือสมน้ำหน้าผมก็ทำไมลงเหมือนกัน
ในเมื่อเรื่องมันเกิดมาแล้วเราก็คงจะต้องทำใจยอมรับและแก้ไขปัญหาต่อไป...
2BC
100% ครบค่ะ
ตอนหน้าจบก็จบแล้ว (จบซะที)
ชีวิต ม.๖ นี่มันไม่ง่ายเลย YoY
ว่างแล้วเดี๋ยวจะรีบเอาตอนจบมาเสิร์ฟนะคะ คิดถึงทุกคน จุ๊บ!
BlackForest
ความคิดเห็น