คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : OS Lion Eyes
Lion Eyes
เคยมองเข้าไปในดวงตาของสิงโตกันชัดๆ
ไหม?
คุณมองเห็นอะไรในดวงตาของสิงโต?
ว่ากันว่าเด็กมักจะมองเห็นอะไรที่ผู้ใหญ่ไม่เห็น...
K Zoo
ในสวนสัตว์ก็ต้องมีสัตว์
หลากหลายสายพันธุ์ หลากหลายชนิด ทั้งดุร้าย และไม่ดุร้าย ผู้คนที่มาเที่ยวกันในวันหยุดเดินกันให้ทั่วจนผู้ปกครองที่สวนใหญ่จะพาลูกพาหลานออกมาเที่ยวต้องจับจูงมือเหล่าเด็กตัวน้อยนั้นไว้มั่นป้องกันการหลง
เด็กชายคิม จงแด ในวัย 9 ขวบเองก็เช่นกัน...
คุณแม่วันสาวจูงมือลูกชายตัวน้อยชมสวนสัตว์จนเกือบจะทั่ว
จงแดไม่ใช่เด็กขี้งอแงงหรือเป็นเด็กที่เลี้ยงยากอะไร
เธอจึงไม่ได้เหนื่อยหรือหนักหนาอะไรกับการพาลูกชายตัวน้อยมาเพียงกันเพียงลำพัง
โดยไม่ต้องไปรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณสามีที่ทำงานหนักมาเกือบทั้งเดือน
“แม่ฮะ นั่นใช่สิงโตรึเปล่าฮะ”
“ไหนครับ” เธอมองตามนิ้วมือเล็กๆ
ของลูกชายไปอีกฟากหนึ่งเห็นรำไรว่าเป็นฝูงสิงโตขนาดย่อมจริงๆ
แต่บริเวณนั้นไม่ได้มีคนให้ความสนใจมากนักเพราะคนสวนใหญ่ที่มาสวนสัตว์ก็พาลูกมาทั้งนั้น
เด็กๆ คงจะกลัวสิงโตที่ขู่คำรามในบางระยะจนไม่กล้าเข้าไปเยี่ยมชม “ใช่แล้วล่ะครับ จงแดอยากเข้าไปดูหรอครับ”
“ฮะ! จงแดอยากไปดูคุณสิงโต” เด็กตัวเล็กตอบรับเสียงแข็งขัน
เธอยิ้มให้ลูกชายตัวน้อยแล้วใช้มือนุ่มลูบเข้าที่กลุ่มผมสีดำของลูกชายด้วยความเอ็นดู
“ถ้าจงแดอยากเข้าไปดูจงแดต้องสัญญากับแม่ก่อนนะครับว่าจะไม่ดื้อ
ไม่ซน เชื่อฟังที่แม่บอก และไม่เข้าไปใกล้คุณสิงโตมากเกินไป โอเคไหมครับ”
“โอเคฮะ!”
เมื่อเด็กน้อยตอบรับอย่างเชื่อฟังเธอก็ต้องจำยอมพาลูกชายคนเดียวเดินเข้าไปดูสิงโตใกล้ๆ
บริเวณนี้เป็นลนกว้างพอสมควรที่สิงโตจะอยู่ด้วยกันได้ประมาณสี่ถึงห้าตัว
แต่ล่ะตัวก็จะแยกกันอยู่ไปคนล่ะที่
มีกรงกั้นไว้และเป็นรั้วไม้กั้นไว้อีกทีเพื่อความปลอดภัย
เด็กชายที่เพิ่งจะเคยเห็นสิงโตตัวเป็นๆ
ครั้งแรกในชีวิตมองอย่างตื่นตะลึง
ในทีวีว่าตัวโตแล้วพอมาเจอตัวจริงคุณสิงโตตัวใหญ่กว่าในทีวีมากๆ เลย เอ๊ะ! แต่ทำไมคุณสิงโตตัวนั้นถึงได้มีดวงตาสีฟ้าล่ะ?
“แม่ฮะดูตาของคุณสิงโตตัวนั้นสิครับ”
เป็นอีกครั้งที่คุณแม่ยังสาวต้องหันไปมองตามนิ้วป้อมๆ
ของลูกชายที่คราวนี้ชี้ไปยังสิงโตตัวใหญ่ที่นอนหลบมุมอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
เธอพยายามเพ่งมองเข้าไปที่ดวงตาของสิงโตตัวนั้นแต่ก็ไม่พบกับความผิดปกติอะไร
“ตาคุณสิงโตทำไมเหรอครับ”
หล่อนก้มลงมาถามลูกชายอย่างสงสัย
“ดวงตาของคุณสิงโตตัวนั้นมีสีฟ้า
แล้วก็เหมือนแววตาที่คุณพ่อมองคุณแม่เลย”
เธอหัวเราะเบาๆ
ให้กับคำพูดที่แสนจะสรรหาของลูกชาย
มือเรียวสวยลูบผมของลูกชายตัวน้อยแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเมื่อเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้นมาเสียก่อน
เธอหยิบมันขึ้นมาดูชื่อคนที่โทรเข้ามาก่อนจะกดรับสาย
แต่เพราะเสียงของเด็กชายตัวอ้วนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาดูสิงโตนั้นตะโกนเสียงดังจนเธอไม่ได้ยินเสียงจากปลายสาย
“จงแดรอแม่ตรงนี้ก่อนนะครับ
แม่ไปคุยโทรศัพท์ก่อน อย่าไปไหนนะครับ”
“ครับ”
เธอยิ้มให้ลูกชายเล็กน้อยก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาอยู่ในที่ที่พอจะทำให้เธอสามารถคุยกับคนปลายสายได้ซึ่งไม่ได้ไกลจากตรงที่ลูกชายของเธอยืนดูสิงโตอยู่
ระหว่างที่คุยโทรศัพท์ก็ไม่ลืมหันมามองลูกชายเป็นระยะๆ
กระทั่งคุยโทรศัพท์เสร็จเธอก็เดินกลับมาหาลูกชาย
แต่ปรากฏว่าลูกชายของเธอได้หายไป หล่อนกระวนกระวายมองไปรอบๆ พลางตะโกนร้องเรียก
“จงแดอยู่ไหนครับ จงแด”
ไม่มีเสียงอะไรตอบรับกลับมาให้เธอได้รู้สึกชื่นใจสักนิด
หล่อนเริ่มเหงื่อตกเดินตาหารอๆ ก็ไร้ซึ่งวี่แวว
ใจคอไม่ดีจนอยากจะนั่งร้องไห้โฮออกมาเสียตรงนี้
แต่เธอก็ทำไม่ได้เพราะถ้ามัวแต่มานั่งร้องไห้ลูกชายของเธออาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ได้
“ว้ายยย
นั่นเด็กนี่คะเข้าไปข้างในได้ยังไง!”
“แย่แล้ว ลูกใครล่ะนั่น
ผู้ปกครองไปไหน”
“แจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปช่วยเด็กเร็วเข้า!!”
เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นรอบตัว
เธอหันไปมองตามที่ผู้คนกำลังยืนมุงกันอยู่ ...ในกรงขังสิงโตนั้น
“จงแด!!!”
เธอแทบสิ้นสติเมื่อพบร่างของลูกน้อยเดินเข้าไปใกล้กับสิงโตตัวเดิมที่ลูกชายหล่อนเคยชี้ให้ดูแล้วบอกว่ามีดวงตาสีฟ้า
หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อลูกรักเอื้อมมือเล็กออกไปลูบหัวของสิงโตตัวนั้น
น่าแปลกที่สิงโตตัวนั้นไม่ได้ทำอะไรเด็กชายเลย เพียงแค่นอนนิ่งๆ เหมือนจะรู้สึกดีด้วยซ้ำที่ลูกชายของเธอลูบหัวให้
ผู้คนบริเวณรอบส่งเสียงฮือฮา
“ขอทางหน่อยครับๆ”
เสียงของเจ้าหน้าที่ดูแลสวนสัตว์เดินแทรกเข้ามาให้เธอได้รู้สึกตัว
เธอไม่รอช้าวิ่งตรงเข้าไปหาพลางเกาะแขนของชายคนนั้นไว้แล้วเขย่าเบาๆ
“ช่วยลูกฉันด้วยนะคะ ช่วยแกที”
“ครับๆ คุณใจเย็นๆ ก่อนนะครับ”
เจ้าหน้าที่คนเดิมหันมาลูบแขนหล่อนเพื่อให้ผ่อนคลายก่อนจะหันไปสบตากับเจ้าหน้าที่ที่ตามมาอีกคนแล้วพยักหน้าเบาๆ
เพียงเท่านั้นเจ้าหน้าที่คนที่ได้รับคำสั่งก็หันไปทำตามคำสั่งของเจ้านายทันที
“ใจเย็นๆ นะครับ
ลูกของคุณจะต้องปลอดภัยแน่นอน”
เธอพยักหน้าให้แล้วหันกลับไปหาลูกชานตัวน้อยที่ยืนส่งยิ้มให้กับสิงโตตัวใหญ่ตัวเดิม
น่าแปลกจริงๆ ที่สิงโตตัวนี้ไม่ได้มีท่าทีว่าจะทำอันตรายเด็กน้อยแต่อย่างใด
มันเพียงแค่จ้องเด็กตรงหน้านิ่ง
“นั่น!!”
เสียงจอแจของคนรอบข้างทำให้เธอรู้สึกหูอื้อตาลายไปหมด
อยากจะกรีดร้องออกมาเมื่อสิงโตอีกตัวที่มาจากไหนไม่รู้เดินตรงเข้ามาหาลูกชายของเธอ
สิงโตตัวนี้ไม่ได้เข้ามาหาลูกเธอด้วยท่าทางที่เป็นมิตรแน่ๆ เธอมั่นใจ
และมันก็ใช่เมื่อสิงโตตัวนั้นขู่คำรามเสียงดังใส่ลูกชายของเธออย่างน่ากลัวจนเด็กน้อยร้องไห้ด้วยความกลัว
“จงแด! ลูกแม่! ฮือออ อย่าทำอะไรลูกฉันนะ!”
เหมือนคนเสียสติหล่อร้องไห้คร่ำครวญอย่างคนจะขาดใจ
สิงโตตัวนั้นย่างเท้าเข้าไปใกล้ลูกตัวน้อยของเธอเรื่อยๆ
แต่แล้วสิงโตตัวแรกที่ลูกของเธอเดินเข้าไปหาก็ลุกขึ้นกระโจนเข้าใส่สิงโตตัวที่มาเยือนใหม่
ทั้งสองตัวต่อสู้กันจนเด็กน้อยที่ยืนอยู่บริเวณใกล้ร้องไห้หนักกว่าเดิม
เธอได้ยินเสียงของลูกชายร้องหาเธอด้วยความกลัวนั่นยิ่งเปรียบเสมือนมีดแหลมคมกรีดหัวใจของเธอจนเป็นแผลเหวอะหวะ
“เอาตัวเด็กออกมาเลย!”
เสียงของผู้ชายที่ยืนปลอบใจเธออยู่ข้างๆ
ออกคำสั่งผ่านวอล์
เพียงเท่านั้นคนดูแลสวนสัตว์คนเดิมที่ได้รับคำสั่งไปก่อนหน้านี้ก็ตรงเข้าไปอุ้มเอาตัวลูกชายของเธอออกมาได้อย่างง่ายดาย
เพราะสิงโตทั้งสองตัวกำลังต่อสู้กันอยู่จึงไม่มีตัวไหนได้หันมาสนใจเด็กน้อย
เมื่อถูกพาขึ้นมาส่งถึงอ้อมอกคุณแม่ยังสาวเด็กน้อยก็โผล่เข้ากอดคุณแม่ด้วยความกลัว
เธอกอดลูกน้อยไว้แน่นน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาด้วยความดีใจที่เห็นว่าลูกน้อยไม่เป็นอะไร
“ไม่เป็นไรแล้วนะครับเด็กดี
ไม่เป็นไรนะ”
“แม่ฮะ ฮึก จงแดกลัว”
“ไม่เป็นไรนะคนดีของแม่
ไม่เป็นไรนะครับ”
10 ปีผ่านไป
ผมนอนพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ หลายวันมานี้ผมรู้สึกแปลกๆ
อันที่จริงมันก็แปลกมานานแล้วล่ะ แปลกตั้งแต่เมื่อตอนนั้น...
ผมรู้สึกเหมือนถูกจับตามองอยู่ตลอด
พอมองดูรอบๆ ก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีใคร
จนกระทั่งตอนนี้ที่ผมเข้ามหาลัยแล้วย้ายออกมาอยู่หอคนเดียวมันเหมือนกับว่าเหตุการณ์ดูจะแย่ลงกว่าเดิม
จากเดิมที่เพียงแค่รู้สึกเหมือนมีคนมองเดี๋ยวนี้กลับรู้สึกแปลกๆ ตอนดึกๆ
ผมรู้สึกเหมือนมีคนมานอนกอด บางคืนก็รู้สึกเหมือนมีคนมาหายใจรดต้นคอ
หรือบางคืนก็เหมือนมีเสียงมากระซิบที่ข้างหูซึ่งผมเองก็จับใจความไม่ค่อยได้
หรือหนักสุดคงจะเป็น...
ผมรู้สึกเหมือนมีคน...จูบ
ผมไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับผมได้ยังไง
และผมก็ไม่รู้วิธีที่จะกำจัดเรื่องราวแบบนี้ออกไปจากชีวิตได้ยังไงเหมือนกัน
บางทีผมคิดว่าเรื่องแบบนี้มันคงจะเกิดขึ้นเพราะเรื่องเมื่อตอนสมัยที่ผมยังอายุเพียง
9 ขวบ ...
‘มานี่สิเด็กน้อย
เดินเข้ามาหาข้าสิ’
ในตอนนั้นที่ผมกำลังยืนรอคุณแม่ที่เดินออกไปคุยโทรศัพท์เสียงทุ้มต่ำของใครสักคนก็เรียกให้ผมเดินเข้าไปหา
ผมมองตามเสียงนั้นจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่คุณสิงโตตัวใหญ่ที่นอนหลบอยู่ใต้ต้นไม้
ดวงตาของผมกับคุณสิงโตสบกันอยู่นาน
และเหมือนมีอะไรสักอย่างดลใจให้ผมเดินห่างออกมาจากคุณแม่
มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ผมกำลังยืนอยู่ตรงหน้าคุณสิงโตตัวใหญ่นั่นแหละ
‘ดีมาก
เจ้าน่ารักมาก’
‘คุณสิงโต....พูดได้ด้วยเหรอฮะ’ ผมถามด้วนความสงสัย
‘ข้าพูดแค่กับเจ้าเท่านั้น...เจ้าสาวของข้า’ คุณสิงโตตัวโตยิ้มให้ผม
นั่นทำให้ผมแปลกใจมากเพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิต
‘คุณสิงโตยิ้ม’
‘ข้าให้เจ้าได้มากกว่ายิ้ม
ลูบหัวข้าสิแล้วข้าจะดุแลเธอเอง’
และผมก็ลูบที่หัวของคุณสิงโตอย่างแผ่วเบา
มันลื่นและนุ่มมือกว่าตอนที่ผมลูบขนให้เจ้าเชนเชนหมาน้อยที่บ้านเสียอีก
คุณสิงโตมองผมเหมือนที่เวลาคุณพ่อมองคุณแม่เลย...
‘และข้าจะตามเจ้าไป...ทุกหนทุกแห่ง’
เฮือกกก!!!’
แค่คิดมาถึงจุดนี้ผมก็ต้องสะบัดหน้าแรงๆ
ไม่อยากคิดถึงเหตุการณ์ต่อจากนี้ที่มันฝังใจผมมาตั้งแต่เด็กจนผมไม่กล้าที่จะไปเที่ยวสวนสัตว์อีกเลย
คิดไปคิดมาผมก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะมีเรื่องแบบนี้อยู่จริง
ตึง!!!
เสียงของอะไรสักอย่างชนเข้ากับประตูห้องทำให้ผมสะดุ้งเด้งตัวลุกขึ้นมาจากเตียงนอน
แต่เพียงไม่นานร่างของผมทั้งร่างก็กลับลงไปนอนแผ่อยู่ที่เตียงตามเดิม
เมื่อมีอะไรไม่รู้ทิ้งน้ำหนักลงมาที่ตัวผมเต็มแรง
เมื่อได้สติมองให้ชัดผมก็ต้องเบิกตากว้าเมื่อเห็นว่าสิ่งที่คร่อมตัวผมไว้ในตอนนี้คือ...สิงโตตัวนั้น!!
อุ้งเท้าของสิงโตค่อยๆ กลายเป็นมือและเท้าเหมือนคนปกติ ลำตัวค่อยๆ
แปลเปลี่ยนเป็นร่างกายที่มีเนื้อหนังเหมือนมนุษย์
แต่เป็นร่างกายที่เปลือยเปล่าหากแต่ขาวสะอาด ใบหน้าค่อยๆ
กลายเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลา
“คิดถึงข้าไหม...เจ้าสาวของข้า”
และเขาก็ยกยิ้มให้ผม...จนลักยิ้มบุ๋มลึกที่ข้างแก้ม!!!
:DNE
แวะเอามาคั่นเวลาให้ก่อน ๕๕๕๕๕
ไหนใครเดาว่าคุณสิงโตเป็นใครบ้าง?
ใครที่เดาผิดคงรู้กันแล้วเนอะว่าคุณสิงโตเป็นใคร ๕๕๕๕
เดี๋ยวถ้าว่างแล้วจะรีบมาอัพน้องฮุนให้นะคะ
คอมเม้นติชมสักนิดเป็นกำลังใจในการแต่งฟิคนะคะ จุ๊บ
ความคิดเห็น