ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Pretty Boy [ALLCHEN]

    ลำดับตอนที่ #23 : SF Sehun x Chen Bad Guy II 100%

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 58



    SEHUN x CHEN

    Bad Guy II

     

     

                ผมรู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูที่ไม่เบานัก สติของผมมันยังไม่ได้กลับมาเต็มร้อยแต่ก็พอจะรู้ได้ว่าตอนนี้ผมนอนอยู่บนเตียงหลังกว้างที่มันช่างนุ่มนิ่มเหมือนนอนอยู่บนปุยนุ่ม จากตรงที่ผมนอนอยู่สามารถทำให้เห็นได้ว่าใครที่เป็นคนเปิดประตูเข้ามารบกวนการนอนของผม ร่างสูง ไหล่กว้าง ใบหน้าหล่อเหลาที่มีริมฝีปากสีสดนั่น ...

                โอ เซฮุน!!!

              ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ผมจะได้มานอนอยู่บนเตียงนุ่มๆ นี้ที่ผมนึกได้ทำให้ร่างกายของผมเริ่มมีปฏิกิริยาขึ้นมาอัตโนมัติ ผมที่กำลังจะลุกขึ้นจากเตียงแต่ก็จำต้องนอนอยู่เหมือนเดิมเมื่อร่างกายที่ควรจะขยับเขยื้อนได้มันกลับไม่เป็นไปตามที่ต้องการมีเพียงแค่ใบหน้าเท่านั้นที่พอจะขยับเขยื้อนได้บ้าง นิ้วมือที่ผมลองขยับดูมันก็ยังไม่ยอมเขยื้อนแม้แต่น้อย นั่นยิ่งทำให้ผมตกใจเข้าไปใหญ่ หมอนั่น...ทำอะไรกับร่างกายผม!!!

                “ตื่นแล้วหรอครับ ^^

                “นายทำอะไรกับร่างกายของฮยอง ทำไมฮยองถึงขยับไม่ได้!”  ยังดีที่ผมมีเสียงให้พูดจาตอบโต้กับคนตรงหน้า

                ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้เตียงที่ผมนอนอยู่เรื่อยๆ ไฟถูกปิดให้เหลือเพียงแสงจากโคมไฟที่หัวเตียง ภาพสลัวๆ ทำให้มองอะไรไม่ชัดนักนั่นยิ่งทำให้ผมกลัว

                สิ่งที่มันน่ากลัวที่สุดคือการที่เราไม่สามารถอ่านใจของคนอื่นได้นี่แหละ  ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนนี้เซฮุนกำลังคิดที่จะทำอะไร

                “ใจเย็นนะครับ ผมก็แค่ฉีดยาให้ฮยองเป็นอัมพาทชั่วขณะ ดีแค่ไหนที่ผมไม่ทำให้ฮยองพูดไม่ได้ ฮยองคิดว่างั้นไหม?”

                ร่างสูงยิ้มกว้างจนตากลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวที่ผมเคยบอกว่ามันสวย เป็นรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาน่ารัก น่าเอ็นดู แต่ตอนนี้รอยยิ้มนี้มันคงจะไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เขาไม่ใช่เซฮุนคนเดิมที่ผมเคยรู้จัก

                “ทำให้ฮยองกลับมาเป็นเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้นะเซฮุน!

                “ไม่! ฮยองเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วจะได้ไม่วิ่งแจ้นไปให้ใครเสียบอีกไงครับ ^^

                “โอ เซฮุน!! มันจะมากเกินไปแล้วนะ !!

                “...มันไม่มากเท่ากับที่ฮยองทำลายความรู้สึกของผมหรอก”

                เสียงที่อ่อนลงของเซฮุนทำให้ผมรู้สึกอ่อนตาม ใบหน้าและแววตาที่แสดงออกว่าเจ็บปวดแค่ไหนนั้นถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นต้นเหตุเสียทีเดียว แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกผิดเสียเหลือเกิน ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเซฮุนถึงจะต้องกลับมาแสร้งเล่นละครบ้าๆ พวกนี้ ทั้งที่เขาเองก็ทิ้งผมไปอย่างเลือดเย็น เขาไม่จำเป็นต้องกลับมาทำให้เราผิดใจกันเพียงแค่เขาไปแล้วไม่กลับมาเลยมันจะทำให้ผมรู้สึกเจ็บน้อยกว่านี้...

                “...”

                ร่างสูงของเซฮุนที่ยืนอยู่ข้างเตียงบัดนี้กลับเดินมาทิ้งตัวลงนอนที่ข้างๆ ผม แขนยาวรวบเอาตัวผมเข้าไปกอดไว้ในอ้อมแขน ผมไม่คิดที่จะขัดขืนเพราะถึงยังไงผมก็ทำอะไรไม่ได้หรอกในเมื่อร่างกายมันขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาดึงให้ผมซบลงที่อกกว้างๆ นั้นแล้วเอาคางมาเกยไว้ที่ศีรษะของผมแผ่วเบา มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่เราเป็นแฟนกัน เขามักจะทำแบบนี้กับผมแล้วเราก็จะหลับใหลไปพร้อมกัน...ทุกคืน

                แต่สำหรับตอนนี้และสถานการณ์แบบนี้ผมเดาอะไรไม่ได้เลย

                “ฮยองใจร้าย ฮยองทิ้งผมไปหาไอ้จงอิน”  น้ำเสียงตัดพ้อนั้นมันฟังดูเจ็บปวดเหลือเกินสำหรับผม แต่...ผมไม่ได้เป็นคนทิ้งเซฮุนไปซักหน่อย

                “เซฮุนฮยองไม่ได้ทิ้งนะ อื้ม!!

                เสียงที่ควรจะถูกเปล่งออกมากลับหายไปทั้งที่ผมยังพูดไม่ทันจบประโยค รับรู้ได้เพียงริมฝีปากของเซฮุนที่ประทับลงมาที่ริมฝีปากของผม มันไม่ใช่การจูบแบบดูดดื่มอะไรเป็นเพียงแค่ปากแตะปากเท่านั้น  ผมหลับตาลงซึมซับเอาสัมผัสที่คุ้นเคยให้มากที่สุด ...ก่อนที่มันจะหายไปตลอดกาล

                แต่เพียงไม่นานร่างสูงก็ผละออกไป เราสองคนจ้องตากันอยู่อย่างนั้น ผมไม่รู้ว่าผมใช้สายตาแบบไหนจ้องเซฮุนและผมก็ไม่สามารถดูออกได้เลยว่าเซฮุนจ้องผมด้วยสายตาแบบไหน บางครั้งก็ดูเหมือนห่วงหา บางครั้งก็ดูเฉยชา เหมือนกับว่าแม้แต่เจ้าของสายตาก็ยังรู้สึกสับสน

                “อยู่แบบนี้...สักพักนะฮยอง”

                “...อื้ม”

                ผมซุกใบหน้าลงกับอกกว้างของเซฮุนที่มันเคยให้ความอบอุ่นแก่ผมทุกครั้ง แต่คราวนี้มันกลับทำให้ผมรู้สึกดีใจปนเสียใจไปหมดจนไม่รู้ว่าที่จริงแล้วผมดีใจที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้อีกครั้ง หรือผมผมกำลังเสียใจที่อ้อมกอดนี้จะไม่มีวันเป็นของผมอีกแล้ว...

     

     

              ซ่า!!!

              “เฮือก! แค่กๆ!” ผมไอจนตัวโยนเมื่อสำลักน้ำที่ถูกสาดเข้าใส่อย่างไม่ทันให้ตั้งตัว แทบจะทันทีที่ผมรู้สึกตัวสิ่งแรกที่รู้สึกเลยคืออาการปวดเมื่อยตามแขนทั้งสองข้าง เมื่อลองสะบัดหน้าไปมาสองสามทีไล่อาการมึนออกไปก็พอจะช่วยให้ได้สติมาบ้าง

                สิ่งอยู่ตรงหน้าผมคือสิ่งมีชีวิตรูปร่างสูง ผิวขาวจัดแต่ไม่ได้ดูซีดเป็นผิวขาวดูมีชีวิตชีวา และถึงแม้ว่าผมจะไม่ต้องเงยหน้าไปดูก็รู้ว่าคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้านั้นคือใคร ในมือข้างขวาของเขาถือถังน้ำขนาดกลางอยู่นั่นคงจะเป็นที่มาของน้ำที่มันชุ่มไปทั่วผมอยู่ตอนนี้ ผมลองสำรวจไปรอบๆ ก็พบเพียงความว่างเปล่า ที่นี่เป็นห้องขนาดเล็กไม่มีเฟอร์นิเจอร์ ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรใดๆ เป็นเพียงห้องว่างเปล่าสีขาวโล่ง และสิ่งสุดท้ายที่ผมจะสำรวจคือ...ร่างกายของตัวเอง

                แขนทั้งสองข้างที่ผมบอกว่ารู้สึกเมื่อมาจากสาเหตุที่ถูกมัดเชือกที่ห้อยลงมาจากด้านบนเพดานเสื้อผ้าที่ผมสวมอยู่เป็นเพียงเสื้อยืดสีดำตัวบางและกางเกงธรรมดา ส่วนเท้าทั้งสองข้างนั้นเปล่าเปลือย ลองขยับกายดูเล็กน้อยก็ขยับได้ไม่ได้เป็นคนอัมพาทเหมือนตอนแรกที่ฟื้นขึ้นมา นั่นเป็นข้อดีข้อเดียวที่ผมสามารถหาได้ในตอนนี้

                “เป็นไงครับ ชอบบรรยากาศห้องนี้ไหม”

                เสียงจากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าดึงเอาความสนใจทั้งหมดของผมออกไปจากสิ่งรอบกายให้มาหยุดอยู่ที่เขา

                “...เซฮุน” เสียงของผมที่ขานชื่อของเขามันช่างดูไร้เรี่ยวแรงและอิดโรยนัก นี่มันเกิดอะไรขึ้นผมไม่เข้าใจ  ก็ในเมื่อเมื่อกี้เขายัง...อ่อนโยนกับผมอยู่เลย

                “ไม่ต้องทำหน้าสงสัยไปครับ... ตอนนี้ได้เวลาแห่งความเป็นจริงแล้วล่ะ”

                “หมายความว่าไง”

                เซฮุนไม่ตอบตำถามแต่เขาทำเพียงทิ้งถังในมือแล้วสาวเท้าเข้ามาใกล้ผม แววตาของเขาในตอนนี้ถึงแม้ว่าผมจะดูมันไม่ค่อยแต่ก็พอจะรู้ได้ว่ามันเป็นแววตาที่ดุดันขนาดไหน เหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นยังไงผมไม่สามารถรู้ได้เลย...

                “คนทรยศจะต้องไม่มีความสุข”

                “...”

                “คนที่ผิดคำสัญญาไม่สมควรที่จะต้องมีความสุข!

                “พูดบ้าอะไร! คนที่ทิ้งกันไป คนที่ผิดคำสัญญานั่นน่ะมันนายต่างหาก! เลิกเอาดีใส่ตัวแล้วเอาชั่วให้คนอื่นเสียทีเซฮุน นายนั่นแหละที่ไม่สมควรมีความสุข!

                “หุบปาก!!

                “อึก” มือใหญ่บีบแก้มผมแน่นด้วยความโกรธ ถึงแม้จะรู้สึกเจ็บมากแค่ไหนแต่ผมก็ไม่ได้ส่งเสียงหรือแสดงท่าทีว่ารู้สึกเจ็บออกไปให้เขาได้เห็นแม้แต่น้อย คราวนี้น่ะ...คราวนี้ผมจะไม่ยอมให้เขาใส่ร้ายแล้วก็ทำร้ายผมได้แล้ว!

              “ฮยองนั่นแหละที่ตอแหล อยากได้ไอ้จงอินจนตัวสั่นล่ะสิ พอสบโอกาสที่ผมต้องไปอยู่กับแม่ที่อเมริกาหนึ่งปีเลยไปอ่อยมันมาจนได้ใช่ไหม!!

                เสียงตะวาดกร้าวมาพร้อมกับแรงบีบเข้าที่สองข้างแก้มของผมแรงกว่าเดิม บอกถึงระดับอารมณ์ของคนกระทำได้เป็นอย่างดี ผมไม่รู้จะหาคำไหนมาพูดหรือด่าคนๆ นี้ได้เลย เขาโยนความผิดมาให้ผมได้หน้าตาเฉยไม่ได้รู้สึกระอายใจอะไรบ้างเลยสินะ ตลอดเวลาที่เขาหนีผมไปหมั้นกับผู้หญิงอื่นเขาคงจะไม่รู้สึกผิดอะไรเลย...อย่างนั้นสินะ

                “...นายต่างหากที่ทิ้งฮยองไปหมั้นกับผู้หญิงคนนั้น คนที่ตอแหลและเห็นแก่ตัวนั่นมันนายต่างหากล่ะ โอ เซฮุน!!!

                เพี้ย!!!

              ใบหน้าของผมสะบัดไปตามแรงตบของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ร่างของผมเซถลาออกมาได้เพียงนิดเพราะมีเชือกมัดไว้ ผมเบิกตากว้างไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำกับผมได้ถึงขนาดนี้ แม้ไม่ต้องส่องกระจกดูก็รู้ว่าผมได้เลือดเสียแล้ว

                “...”

                “...”

                เกิดความเงียบขึ้นมาเมื่อผมตวัดสายตากลับไปมองเจ้าของแรงตบ ขอบตาของผมมันร้อนผ่าวเหมือนน้ำตามันจะไหล แต่ไม่หรอก...ผมจะไม่ยอมให้มันไหลออกมาหรอก

                “...ฮยอง” เสียงเรียกเบาๆ เหมือนกับพึมพำเสียมากกว่าของเซฮุนไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรได้เท่ากับแววตาและสีหน้าที่ดูเหมือนจะขอโทษผมอยู่ในทีของเขา ผมไม่เข้าใจ...ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่โอ เซฮุนทำเลย ไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว

                “...”

                “หึ! คิดว่าแค่นี้จะทำให้ผมรู้สึกผิดกับฮยองหรอ”  อยู่ดีๆ คนที่ตีหน้าสำนึกผิดอยู่เมื่อกี้ก็กลับมายิ้มเหยียดและพูดด้วยน้ำเสียงหยันๆ จนผมตามอารมณ์ของเขาไม่ทัน “คนอย่างฮยองไม่สมควรที่จะได้รับความสงสารหรือความเห็นใจจากใครทั้งนั้น”

                “...”

                “เจ็บตัวแค่นี้มันยังเทียบกับที่ฮยองทำให้ผมเสียใจแล้วก็เจ็บใจไม่ได้แม้เพียงเศษเสี้ยวด้วยซ้ำ...จำไว้!!!



    - B A D G U Y –

     

    สองวันแล้ว สองวันที่คิม จงอินติดต่อคิม จงแดไม่ได้ โทรหาก็ไม่ยอมรับสาย ไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ ตอนเช้าที่เข้าไปรับมาเรียนด้วยกันก็ไม่มา ถามเจ้าของหอที่จงแดพักเขาก็บอกว่าไม่เห็นเหมือนกัน คิม จงอินแทบจะเป็นบ้าตายไปให้ได้เสียตรงนี้

                เขาเป็นห่วงจงแดเสียจนต้องถ่อสังขารจากคณะวิศวฯ มาที่คณะนิเทศฯ ซึ่งห่างกันมากพอสมควร ที่จำได้คือจงแดมีเรียนถึงบ่ายสองแต่เขามีเรียนถึงเที่ยง หลังจากที่เรียนเสร็จกินข้าวกินน้ำเรียบร้อยเขาก็ตรงดิ่งมาที่คณะนิเทศฯ ทันที หวังว่าจะได้เจอกับรุ่นพี่ตัวเล็กที่เป็นเจ้าของหัวใจของจงอิน แต่นี่ก็ปาไปเกือบจะสองชั่วโมงแล้วที่เขามานั่งรอก็ยังไม่เห็นวี่แววหรือแม้กระทั่งเงาของรุ่นพี่ตัวเล็กเลย

                หรืออาจารย์จะยังไม่ปล่อย?

                ก็ได้แต่คิดแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระทั่งเริ่มรู้สึกท้อ  จนคิดที่จะกลับหอไปนอนพักให้หายเหนื่อยก็ปรากฏร่างสูงโปร่งของปาร์ค ชานยอล เพื่อนสนิทของรุ่นพี่ตัวเล็กที่เขาเฝ้ารอเดินทอดน่องลงมาจากตึกเรียน เขาไม่รอช้าที่จะวิ่งโร่เข้าไปคว้าตัวไว้แล้วยิ่งคำถามใส่โดยไม่รีรอ

                “รุ่นพี่! จงแดฮยองล่ะทำไมไม่มาด้วยกัน ผมไปหาฮยองเขาตอนเช้าก็ไม่เจอ โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย”

                “ใจเย็นน่า ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหมอนั่นหายหัวไปไหน วันนี้ก็ขาดเรียนโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย นี่ก็ว่าจะเข้าไปหาที่ห้องเสียหน่อย” ชานยอลตอบเสียงเนือยเพราะรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ก็วันนี้อาจารย์เล่นร่ายยาวแล้วยังลากตัวเขาให้ไปช่วยงานอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้จนเลยเวลาเลิกมาเป็นชั่วโมงๆ

                “งั้นผมไปด้วยสิ ผมเป็นห่วงจงแดฮยอง”

                “ตามใจ” ประโยคสนทนาเหมือนจะจบลงเพียงเท่านั้น แต่ชานยอลก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับร่างกายไปไหน เป็นจงอินเองที่ต้องเอ่ยถาม

                “รุ่นพี่ทำไมยังไม่ไปกันอีกล่ะครับ”

                “ฉันแค่มีเรื่องสงสัย” เพราะคำว่าสงสัยของชานยอลมาพร้อมกับสายตาที่ดูเหมือนจะจ้องจับผิดเขานั่นทำให้จงอินต้องขมวดคิ้วมุ่น สงสัยอะไรกันอีกล่ะ?

                “สงสัยอะไรงั้นเหรอครับ”

                “นายน่ะ...เป็นเพื่อนของโอ เซฮุนแฟนเก่าจงแดใช่ไหมล่ะ” เมื่อมาเจอคำถามแบบนี้จงอินก็พอจะเดาทางออกบ้างแล้วว่าสิ่งที่รุ่นพี่ร่างสูงคนนี้สงสัยมันคืออะไร

                ชานยอลเองถึงแม้จะไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับการเลิกรากันระหว่างจงแดกับเซฮุนมากนัก แต่เขาก็พอจะรู้ว่าเหตุผลที่ทั้งสองเลิกกันนั้นมาจากแฟนเด็กของจงแดนั้นหนีไปหมั้นกับสาวสวยที่อเมริกาเมื่อปีที่แล้ว จริงๆ จะใช้คำว่าเลิกก็ไม่ได้เสียเต็มปากเท่าไหร่หรอก เพราะทั้งสองคนก็เพียงแค่ขาดการติดต่อกันไปเสียเฉยๆ ส่วนเด็กตัวสูงผิวเข้มคนนี้เขาก็เคยเห็นอยู่กับเซฮุนบ่อยๆ เห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ที่เขาสงสัยก็คือ...เหมือนกับเด็กนี่จะเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนตัวเล็กของเขาเสียเหลือเกิน พักหลังๆ ที่จงแดห่างกับเซฮุนนั้นเจ้าเด็กคนนี้มักจะเข้ามาป้วนเปี้ยนคอยเกาะติดจงแดตลอด

                และถ้าหากว่าชานยอลไม่ได้เข้าใจผิดอะไรไป...เขาคิดว่าเด็กคนนี้คงจะต้องชอบเพื่อนตัวเล็กของเขาเป็นแน่!

              จงอินก้มหน้าเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อเริ่มจะรู้สึกว่ารุ่นพี่ตัวสูงคนนี้จับได้ถึงความผิดปกติระหว่างเขากับรุ่นพี่ตัวเล็กอีกคน แต่ถ้าชานยอลกล้าที่จะถามกันตรงๆ จงอินเองก็พร้อมที่จะตอบตรงๆ เหมือนกัน!

              “ครับ ...ผมกับเซฮุนเราเป็นเพื่อนกัน”

                “แล้วถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็...นายคงจะรู้สึกดีกับจงแดสินะ”

                “...” คราวนี้จงอินเงยหน้าขึ้นมาสบตากับชานยอลตรงๆ ไม่มีหลบ พร้อมกับตอบคำถามอย่างหนักแน่น “ผมชอบจงแดฮยองครับ!

                “หึ! แมนดีนี่...” ชานยอลยกมือขึ้นมากอดอกใช้สายตามองสำรวจรุ่นน้องตรงหน้าแล้วยกยิ้มมุมปาก “แต่นายรู้รึเปล่าว่าการแอบตีท้ายครัวเพื่อนมันไม่ดีนะเด็กน้อย” ชานยอลว่าเสียงล้อๆ

                จงอินมีท่าทีไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็พยายามที่จะเก็บอาการไม่แสดงออกไปให้ได้เกิดผลเสียตามมา เขาเพียงแค่ยกยิ้มแล้วตอกกลับรุ่นพี่ตรงหน้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

                “แน่ใจแล้วหรอครับที่ใช้คำว่าตีท้ายครัว ถึงยังไงเซฮุนมันก็ผิดสัญญาทิ้งจงแดฮยองหนีไปหมั้นกับผู้หญิงอื่น แต่กลับโกหกจงแดฮยองว่าไปอยู่กับแม่...หรือบางทีหมอนั่นอาจจะไม่ได้โกหกก็ได้นะครับรุ่นพี่...”

                “หมายความว่าไง”

                “ก็ที่จริงแล้วหมอนั่นอาจจะไปอยู่กับแม่จริงๆ ก็ได้นี่ครับ...ผมหมายถึงแม่ทูนหัวน่ะ”

                ชานยอลเงิบไปเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำพูดของรุ่นน้อง คำพูดคำจาที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนกับว่าเป็นเพื่อนสนิทกับคนที่ถูกพาดพิงเลย หรือจริงๆ เด็กคนนี้อาจจะไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับเด็กโอ เซฮุนนั่นมาตั้งแต่แรก?

                “นายนี่มันร้ายกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลยนะ...”

                “หึ! สรุปว่ารุ่นพี่จะไปตามหาจงแดฮยองกับผมรึเปล่าครับ ถ้าไม่ไปผมจะได้ไม่เสียเวลา...” ชานยอลหัวเราะในลำคอเบาๆ ให้กับคนที่รู้สึกว่าจะปากคอเราะร้ายเสียเหลือเกินในตอนนี้

                “จงแดมันก็เพื่อนฉัน...ทำไมฉันต้องให้ คนนอกอย่างนายมาทำตัวเกินหน้าเกินตาด้วยล่ะ” ชานยอลเน้นหนักไปที่คำว่า คนนอก ให้รุ่นน้องผิวเข้มได้รู้สึกไม่พอใจเบาๆ ขายาวเริ่มก้าวออกเดินนำหน้าเด็กปากดีที่ยืนหงุดหงิดอยู่คนเดียว แต่ก้าวไปได้ไม่ถึงเท่าไหร่เสียงแปดหลอดของเพื่อนตัวเล็กอีกคนก็เรียกเขาไว้เสียก่อน

                “ชานยอลโว้ยยยย”

                ชานยอลถอนหายใจอย่างปลงตก ร่างสูงค่อยๆ หันกลับไปมองตามที่มาของเสียงพร้อมกับเตรียมใจรับกับคำบ่นที่คงจะถูกพ่นออกมาจากปากที่เวลายิ้มกว้างๆ จะกลายเป็นรูปสี่เหลี่ยมนั้น เขาผิดเองที่ไม่รอแบคฮยอนตอนหมอนี่บอกจะไปห้องน้ำ  แต่ผิดคาดเมื่อแบคฮยอนที่กำลังจะแหกปากโวยวายกลับสงบเสงี่ยมเมื่อเห็นว่ามีรุ่นน้องผิวเข้มยืนอยู่ด้วยอีกคน

                หมอนี่ไปหัดมีมารยาทกับคนไม่สนิทตั้งแต่เมื่อไหร่ ปกติก็เห็นทำตัวสนิทกับคนโน้นคนนี้ไปทั่ว-_-?

     

                “จงอินก็อยู่ด้วยหรอ”

                “...ครับ”

                แบคฮยอนทักทายกับจงอินพอเป็นพิธีเพราะไม่ได้รู้จักมักจี้อะไรกันมากมายเลยไม่ได้ถามอะไรมาก จากนั้นแบคฮยอนก็หันมามองเขาด้วยใบหน้าที่เหมือนจะมีคำถาม และถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นคำถามที่ว่าทำไมจงอินถึงได้มาอยู่ที่นี่

                “จงอินมาตามหาจงแดน่ะ เห็นว่าติดต่อไม่ได้เหมือนกัน” ไม่ต้องรอให้แบคฮยอนถามชานยอลก็ตอบให้เสร็จสรรพ

                “อ่า แล้วสรุปรู้กันรึยังเนี่ยว่าไอ้เป็ดมันหายไปไหน”

                “...ยัง”

                จบคำชานยอลทุกคนก็เงียบกริบ ต่างคนต่างก็ตกอยู่ในภวังความคิดของตัวเองแต่เรื่องที่คิดก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของคนที่หายไปนั่นแหละ

                “ฉันว่าเราลองไปหาไอ้เป็ดมันที่ห้องดูก่อนไหม เผื่อมันอาจจะไปธุระแล้วก็อาจจะกลับมาแล้วก็ได้” แบคฮยอนลองเสนอขึ้นมา และทุกคนก็เหมือนจะเห็นด้วยกับความคิดนั้นเมื่อทั้งชานยอลและจงอินก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมๆ กัน

     

    - B A D G UY –

     

                จงแดตัวสั่นเทิ้มเมื่อแสงตกกระทบกับโลหะแวววับ มีดใบขนาดกลางถูกมือใหญ่จับไว้มั่นแล้วพลิกไปมาให้เกิดแสงจนคนที่มองตามการขยับนั้นเริ่มก้าวถอยหลังออกมาห่างแต่ก็ถอยออกมาไม่ได้มากตามที่ต้องการเพราะเชือกที่พันธนาการอยู่

                “นาย จะ...จะทำอะไรน่ะเซฮุน” เสียงที่เปล่งออกไปช่างตะกุกตะกักขัดใจจงแดเหลือเกิน

                เซฮุนเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากแล้วก้าวเข้ามาใกล้ มือข้างซ้ายที่ไม่ได้ถือมีดยกขึ้นมาลูบเบาๆ ที่ข้างแก้มของคนที่ตัวเล็กกว่าอยู่มากโข ยิ่งได้เห็นแววตาสั่นไหวบวกกับอาการตัวสั่นเหมือนลูกนกตัวน้อยๆ นั้นแล้วเซฮุนยิ่งรู้สึกชอบใจ

                “กลัวหรอครับ...ฮยอง ^^

                “ยะ อย่าทำอะไรบ้าๆ นะเซฮุน”

                “ ^^

                เซฮุนไม่ฟังที่จงแดพูดแม้เพียงนิด ร่างสูงจับยึดใบหน้าของจงแดให้อยู่นิ่งๆ ด้วยมือข้างเดียว มือข้างขวาที่ถือมีดอยู่ง้างขึ้นสูงใบหน้าหล่อเหลายังคงรอยยิ้มไว้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสงวาววับของโลหะต้องกับแสงไฟยิ่งทำให้จงแดตัวสั่นมากกว่าเดิม

                และยิ่งสั่นหนักกว่าเดิมเมื่อร่างสูงออกแรงเหวี่ยงแขนเข้ามาใกล้กับระยะใบหน้า จงแดหลับตาปี๋ด้วยความกลัว ส่งเสียงร้องห้ามออกมาจนสุดเสียง

                “อย่า!!!!!!!!!

     

     

    2BC

     



    ..............................................................

    นั่นแหน่ะ!!! อ่านแล้วจะกดออกเลยหรอ

    ไม่คอมเม้นติชมไรท์สักนิดเหรอคะ ToT

    มารอลุ้นกันต่อนะคะว่าสรุปแล้ว....ใครทิ้งใครก่อน

    หรือใครที่เป็นคนที่ทำให้สองคนแตกคอกัน

    ใบ้ให้ก็ได้ว่าเป็นคนใกล้ตัว ใครตอบถูกตอนท้ายไรท์จะ...จะ

    ...จะเขียนคู่ที่คนตอบถูกอยากอ่านให้ ๑ เรื่อง!!!! (เยอะเนอะ -_-)

    ผู้โชคดีมีเพียง...กี่ท่านไมารู้ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

    เหมียวหง่าว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×