คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : SF Sehun x Chen Bad Guy II 100%
SEHUN x CHEN
Bad Guy II
ผมรู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูที่ไม่เบานัก
สติของผมมันยังไม่ได้กลับมาเต็มร้อยแต่ก็พอจะรู้ได้ว่าตอนนี้ผมนอนอยู่บนเตียงหลังกว้างที่มันช่างนุ่มนิ่มเหมือนนอนอยู่บนปุยนุ่ม
จากตรงที่ผมนอนอยู่สามารถทำให้เห็นได้ว่าใครที่เป็นคนเปิดประตูเข้ามารบกวนการนอนของผม
ร่างสูง ไหล่กว้าง ใบหน้าหล่อเหลาที่มีริมฝีปากสีสดนั่น ...
โอ เซฮุน!!!
ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ผมจะได้มานอนอยู่บนเตียงนุ่มๆ
นี้ที่ผมนึกได้ทำให้ร่างกายของผมเริ่มมีปฏิกิริยาขึ้นมาอัตโนมัติ ผมที่กำลังจะลุกขึ้นจากเตียงแต่ก็จำต้องนอนอยู่เหมือนเดิมเมื่อร่างกายที่ควรจะขยับเขยื้อนได้มันกลับไม่เป็นไปตามที่ต้องการมีเพียงแค่ใบหน้าเท่านั้นที่พอจะขยับเขยื้อนได้บ้าง
นิ้วมือที่ผมลองขยับดูมันก็ยังไม่ยอมเขยื้อนแม้แต่น้อย นั่นยิ่งทำให้ผมตกใจเข้าไปใหญ่
หมอนั่น...ทำอะไรกับร่างกายผม!!!
“ตื่นแล้วหรอครับ ^^”
“นายทำอะไรกับร่างกายของฮยอง ทำไมฮยองถึงขยับไม่ได้!”
ยังดีที่ผมมีเสียงให้พูดจาตอบโต้กับคนตรงหน้า
ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้เตียงที่ผมนอนอยู่เรื่อยๆ
ไฟถูกปิดให้เหลือเพียงแสงจากโคมไฟที่หัวเตียง ภาพสลัวๆ
ทำให้มองอะไรไม่ชัดนักนั่นยิ่งทำให้ผมกลัว
สิ่งที่มันน่ากลัวที่สุดคือการที่เราไม่สามารถอ่านใจของคนอื่นได้นี่แหละ
ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนนี้เซฮุนกำลังคิดที่จะทำอะไร
“ใจเย็นนะครับ ผมก็แค่ฉีดยาให้ฮยองเป็นอัมพาทชั่วขณะ
ดีแค่ไหนที่ผมไม่ทำให้ฮยองพูดไม่ได้ ฮยองคิดว่างั้นไหม?”
ร่างสูงยิ้มกว้างจนตากลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวที่ผมเคยบอกว่ามันสวย
เป็นรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาน่ารัก น่าเอ็นดู แต่ตอนนี้รอยยิ้มนี้มันคงจะไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
เขาไม่ใช่เซฮุนคนเดิมที่ผมเคยรู้จัก
“ทำให้ฮยองกลับมาเป็นเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้นะเซฮุน!”
“ไม่! ฮยองเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วจะได้ไม่วิ่งแจ้นไปให้ใครเสียบอีกไงครับ ^^”
“โอ เซฮุน!! มันจะมากเกินไปแล้วนะ !!”
“...มันไม่มากเท่ากับที่ฮยองทำลายความรู้สึกของผมหรอก”
เสียงที่อ่อนลงของเซฮุนทำให้ผมรู้สึกอ่อนตาม
ใบหน้าและแววตาที่แสดงออกว่าเจ็บปวดแค่ไหนนั้นถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นต้นเหตุเสียทีเดียว
แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกผิดเสียเหลือเกิน
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเซฮุนถึงจะต้องกลับมาแสร้งเล่นละครบ้าๆ พวกนี้
ทั้งที่เขาเองก็ทิ้งผมไปอย่างเลือดเย็น เขาไม่จำเป็นต้องกลับมาทำให้เราผิดใจกันเพียงแค่เขาไปแล้วไม่กลับมาเลยมันจะทำให้ผมรู้สึกเจ็บน้อยกว่านี้...
“...”
ร่างสูงของเซฮุนที่ยืนอยู่ข้างเตียงบัดนี้กลับเดินมาทิ้งตัวลงนอนที่ข้างๆ
ผม แขนยาวรวบเอาตัวผมเข้าไปกอดไว้ในอ้อมแขน
ผมไม่คิดที่จะขัดขืนเพราะถึงยังไงผมก็ทำอะไรไม่ได้หรอกในเมื่อร่างกายมันขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ
เขาดึงให้ผมซบลงที่อกกว้างๆ นั้นแล้วเอาคางมาเกยไว้ที่ศีรษะของผมแผ่วเบา
มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่เราเป็นแฟนกัน
เขามักจะทำแบบนี้กับผมแล้วเราก็จะหลับใหลไปพร้อมกัน...ทุกคืน
แต่สำหรับตอนนี้และสถานการณ์แบบนี้ผมเดาอะไรไม่ได้เลย
“ฮยองใจร้าย ฮยองทิ้งผมไปหาไอ้จงอิน”
น้ำเสียงตัดพ้อนั้นมันฟังดูเจ็บปวดเหลือเกินสำหรับผม
แต่...ผมไม่ได้เป็นคนทิ้งเซฮุนไปซักหน่อย
“เซฮุนฮยองไม่ได้ทิ้งนะ อื้ม!!”
เสียงที่ควรจะถูกเปล่งออกมากลับหายไปทั้งที่ผมยังพูดไม่ทันจบประโยค
รับรู้ได้เพียงริมฝีปากของเซฮุนที่ประทับลงมาที่ริมฝีปากของผม
มันไม่ใช่การจูบแบบดูดดื่มอะไรเป็นเพียงแค่ปากแตะปากเท่านั้น
ผมหลับตาลงซึมซับเอาสัมผัสที่คุ้นเคยให้มากที่สุด
...ก่อนที่มันจะหายไปตลอดกาล
แต่เพียงไม่นานร่างสูงก็ผละออกไป
เราสองคนจ้องตากันอยู่อย่างนั้น ผมไม่รู้ว่าผมใช้สายตาแบบไหนจ้องเซฮุนและผมก็ไม่สามารถดูออกได้เลยว่าเซฮุนจ้องผมด้วยสายตาแบบไหน
บางครั้งก็ดูเหมือนห่วงหา บางครั้งก็ดูเฉยชา
เหมือนกับว่าแม้แต่เจ้าของสายตาก็ยังรู้สึกสับสน
“อยู่แบบนี้...สักพักนะฮยอง”
“...อื้ม”
ผมซุกใบหน้าลงกับอกกว้างของเซฮุนที่มันเคยให้ความอบอุ่นแก่ผมทุกครั้ง
แต่คราวนี้มันกลับทำให้ผมรู้สึกดีใจปนเสียใจไปหมดจนไม่รู้ว่าที่จริงแล้วผมดีใจที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้อีกครั้ง
หรือผมผมกำลังเสียใจที่อ้อมกอดนี้จะไม่มีวันเป็นของผมอีกแล้ว...
ซ่า!!!
“เฮือก! แค่กๆ!”
ผมไอจนตัวโยนเมื่อสำลักน้ำที่ถูกสาดเข้าใส่อย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
แทบจะทันทีที่ผมรู้สึกตัวสิ่งแรกที่รู้สึกเลยคืออาการปวดเมื่อยตามแขนทั้งสองข้าง
เมื่อลองสะบัดหน้าไปมาสองสามทีไล่อาการมึนออกไปก็พอจะช่วยให้ได้สติมาบ้าง
สิ่งอยู่ตรงหน้าผมคือสิ่งมีชีวิตรูปร่างสูง
ผิวขาวจัดแต่ไม่ได้ดูซีดเป็นผิวขาวดูมีชีวิตชีวา และถึงแม้ว่าผมจะไม่ต้องเงยหน้าไปดูก็รู้ว่าคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้านั้นคือใคร
ในมือข้างขวาของเขาถือถังน้ำขนาดกลางอยู่นั่นคงจะเป็นที่มาของน้ำที่มันชุ่มไปทั่วผมอยู่ตอนนี้
ผมลองสำรวจไปรอบๆ ก็พบเพียงความว่างเปล่า ที่นี่เป็นห้องขนาดเล็กไม่มีเฟอร์นิเจอร์
ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรใดๆ เป็นเพียงห้องว่างเปล่าสีขาวโล่ง
และสิ่งสุดท้ายที่ผมจะสำรวจคือ...ร่างกายของตัวเอง
แขนทั้งสองข้างที่ผมบอกว่ารู้สึกเมื่อมาจากสาเหตุที่ถูกมัดเชือกที่ห้อยลงมาจากด้านบนเพดานเสื้อผ้าที่ผมสวมอยู่เป็นเพียงเสื้อยืดสีดำตัวบางและกางเกงธรรมดา
ส่วนเท้าทั้งสองข้างนั้นเปล่าเปลือย ลองขยับกายดูเล็กน้อยก็ขยับได้ไม่ได้เป็นคนอัมพาทเหมือนตอนแรกที่ฟื้นขึ้นมา
นั่นเป็นข้อดีข้อเดียวที่ผมสามารถหาได้ในตอนนี้
“เป็นไงครับ ชอบบรรยากาศห้องนี้ไหม”
เสียงจากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าดึงเอาความสนใจทั้งหมดของผมออกไปจากสิ่งรอบกายให้มาหยุดอยู่ที่เขา
“...เซฮุน”
เสียงของผมที่ขานชื่อของเขามันช่างดูไร้เรี่ยวแรงและอิดโรยนัก
นี่มันเกิดอะไรขึ้นผมไม่เข้าใจ
ก็ในเมื่อเมื่อกี้เขายัง...อ่อนโยนกับผมอยู่เลย
“ไม่ต้องทำหน้าสงสัยไปครับ...
ตอนนี้ได้เวลาแห่งความเป็นจริงแล้วล่ะ”
“หมายความว่าไง”
เซฮุนไม่ตอบตำถามแต่เขาทำเพียงทิ้งถังในมือแล้วสาวเท้าเข้ามาใกล้ผม
แววตาของเขาในตอนนี้ถึงแม้ว่าผมจะดูมันไม่ค่อยแต่ก็พอจะรู้ได้ว่ามันเป็นแววตาที่ดุดันขนาดไหน
เหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นยังไงผมไม่สามารถรู้ได้เลย...
“คนทรยศจะต้องไม่มีความสุข”
“...”
“คนที่ผิดคำสัญญาไม่สมควรที่จะต้องมีความสุข!”
“พูดบ้าอะไร! คนที่ทิ้งกันไป
คนที่ผิดคำสัญญานั่นน่ะมันนายต่างหาก! เลิกเอาดีใส่ตัวแล้วเอาชั่วให้คนอื่นเสียทีเซฮุน
นายนั่นแหละที่ไม่สมควรมีความสุข!”
“หุบปาก!!”
“อึก”
มือใหญ่บีบแก้มผมแน่นด้วยความโกรธ ถึงแม้จะรู้สึกเจ็บมากแค่ไหนแต่ผมก็ไม่ได้ส่งเสียงหรือแสดงท่าทีว่ารู้สึกเจ็บออกไปให้เขาได้เห็นแม้แต่น้อย
คราวนี้น่ะ...คราวนี้ผมจะไม่ยอมให้เขาใส่ร้ายแล้วก็ทำร้ายผมได้แล้ว!
“ฮยองนั่นแหละที่ตอแหล อยากได้ไอ้จงอินจนตัวสั่นล่ะสิ
พอสบโอกาสที่ผมต้องไปอยู่กับแม่ที่อเมริกาหนึ่งปีเลยไปอ่อยมันมาจนได้ใช่ไหม!!”
เสียงตะวาดกร้าวมาพร้อมกับแรงบีบเข้าที่สองข้างแก้มของผมแรงกว่าเดิม
บอกถึงระดับอารมณ์ของคนกระทำได้เป็นอย่างดี ผมไม่รู้จะหาคำไหนมาพูดหรือด่าคนๆ
นี้ได้เลย เขาโยนความผิดมาให้ผมได้หน้าตาเฉยไม่ได้รู้สึกระอายใจอะไรบ้างเลยสินะ
ตลอดเวลาที่เขาหนีผมไปหมั้นกับผู้หญิงอื่นเขาคงจะไม่รู้สึกผิดอะไรเลย...อย่างนั้นสินะ
“...นายต่างหากที่ทิ้งฮยองไปหมั้นกับผู้หญิงคนนั้น
คนที่ตอแหลและเห็นแก่ตัวนั่นมันนายต่างหากล่ะ โอ เซฮุน!!!”
เพี้ย!!!
ใบหน้าของผมสะบัดไปตามแรงตบของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ร่างของผมเซถลาออกมาได้เพียงนิดเพราะมีเชือกมัดไว้
ผมเบิกตากว้างไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำกับผมได้ถึงขนาดนี้
แม้ไม่ต้องส่องกระจกดูก็รู้ว่าผมได้เลือดเสียแล้ว
“...”
“...”
เกิดความเงียบขึ้นมาเมื่อผมตวัดสายตากลับไปมองเจ้าของแรงตบ
ขอบตาของผมมันร้อนผ่าวเหมือนน้ำตามันจะไหล แต่ไม่หรอก...ผมจะไม่ยอมให้มันไหลออกมาหรอก
“...ฮยอง” เสียงเรียกเบาๆ
เหมือนกับพึมพำเสียมากกว่าของเซฮุนไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรได้เท่ากับแววตาและสีหน้าที่ดูเหมือนจะขอโทษผมอยู่ในทีของเขา
ผมไม่เข้าใจ...ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่โอ เซฮุนทำเลย ไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว
“...”
“หึ! คิดว่าแค่นี้จะทำให้ผมรู้สึกผิดกับฮยองหรอ” อยู่ดีๆ
คนที่ตีหน้าสำนึกผิดอยู่เมื่อกี้ก็กลับมายิ้มเหยียดและพูดด้วยน้ำเสียงหยันๆ
จนผมตามอารมณ์ของเขาไม่ทัน “คนอย่างฮยองไม่สมควรที่จะได้รับความสงสารหรือความเห็นใจจากใครทั้งนั้น”
“...”
“เจ็บตัวแค่นี้มันยังเทียบกับที่ฮยองทำให้ผมเสียใจแล้วก็เจ็บใจไม่ได้แม้เพียงเศษเสี้ยวด้วยซ้ำ...จำไว้!!!”
- B A D G U Y –
สองวันแล้ว สองวันที่คิม จงอินติดต่อคิม จงแดไม่ได้
โทรหาก็ไม่ยอมรับสาย ไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ
ตอนเช้าที่เข้าไปรับมาเรียนด้วยกันก็ไม่มา ถามเจ้าของหอที่จงแดพักเขาก็บอกว่าไม่เห็นเหมือนกัน
คิม จงอินแทบจะเป็นบ้าตายไปให้ได้เสียตรงนี้
เขาเป็นห่วงจงแดเสียจนต้องถ่อสังขารจากคณะวิศวฯ
มาที่คณะนิเทศฯ ซึ่งห่างกันมากพอสมควร
ที่จำได้คือจงแดมีเรียนถึงบ่ายสองแต่เขามีเรียนถึงเที่ยง
หลังจากที่เรียนเสร็จกินข้าวกินน้ำเรียบร้อยเขาก็ตรงดิ่งมาที่คณะนิเทศฯ ทันที
หวังว่าจะได้เจอกับรุ่นพี่ตัวเล็กที่เป็นเจ้าของหัวใจของจงอิน
แต่นี่ก็ปาไปเกือบจะสองชั่วโมงแล้วที่เขามานั่งรอก็ยังไม่เห็นวี่แววหรือแม้กระทั่งเงาของรุ่นพี่ตัวเล็กเลย
หรืออาจารย์จะยังไม่ปล่อย?
ก็ได้แต่คิดแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
กระทั่งเริ่มรู้สึกท้อ จนคิดที่จะกลับหอไปนอนพักให้หายเหนื่อยก็ปรากฏร่างสูงโปร่งของปาร์ค
ชานยอล เพื่อนสนิทของรุ่นพี่ตัวเล็กที่เขาเฝ้ารอเดินทอดน่องลงมาจากตึกเรียน เขาไม่รอช้าที่จะวิ่งโร่เข้าไปคว้าตัวไว้แล้วยิ่งคำถามใส่โดยไม่รีรอ
“รุ่นพี่! จงแดฮยองล่ะทำไมไม่มาด้วยกัน
ผมไปหาฮยองเขาตอนเช้าก็ไม่เจอ โทรไปก็ไม่ยอมรับสาย”
“ใจเย็นน่า
ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหมอนั่นหายหัวไปไหน
วันนี้ก็ขาดเรียนโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย นี่ก็ว่าจะเข้าไปหาที่ห้องเสียหน่อย”
ชานยอลตอบเสียงเนือยเพราะรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ก็วันนี้อาจารย์เล่นร่ายยาวแล้วยังลากตัวเขาให้ไปช่วยงานอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้จนเลยเวลาเลิกมาเป็นชั่วโมงๆ
“งั้นผมไปด้วยสิ
ผมเป็นห่วงจงแดฮยอง”
“ตามใจ”
ประโยคสนทนาเหมือนจะจบลงเพียงเท่านั้น แต่ชานยอลก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับร่างกายไปไหน
เป็นจงอินเองที่ต้องเอ่ยถาม
“รุ่นพี่ทำไมยังไม่ไปกันอีกล่ะครับ”
“ฉันแค่มีเรื่องสงสัย”
เพราะคำว่าสงสัยของชานยอลมาพร้อมกับสายตาที่ดูเหมือนจะจ้องจับผิดเขานั่นทำให้จงอินต้องขมวดคิ้วมุ่น
สงสัยอะไรกันอีกล่ะ?
“สงสัยอะไรงั้นเหรอครับ”
“นายน่ะ...เป็นเพื่อนของโอ
เซฮุนแฟนเก่าจงแดใช่ไหมล่ะ” เมื่อมาเจอคำถามแบบนี้จงอินก็พอจะเดาทางออกบ้างแล้วว่าสิ่งที่รุ่นพี่ร่างสูงคนนี้สงสัยมันคืออะไร
ชานยอลเองถึงแม้จะไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับการเลิกรากันระหว่างจงแดกับเซฮุนมากนัก
แต่เขาก็พอจะรู้ว่าเหตุผลที่ทั้งสองเลิกกันนั้นมาจากแฟนเด็กของจงแดนั้นหนีไปหมั้นกับสาวสวยที่อเมริกาเมื่อปีที่แล้ว
จริงๆ จะใช้คำว่าเลิกก็ไม่ได้เสียเต็มปากเท่าไหร่หรอก
เพราะทั้งสองคนก็เพียงแค่ขาดการติดต่อกันไปเสียเฉยๆ
ส่วนเด็กตัวสูงผิวเข้มคนนี้เขาก็เคยเห็นอยู่กับเซฮุนบ่อยๆ
เห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ที่เขาสงสัยก็คือ...เหมือนกับเด็กนี่จะเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนตัวเล็กของเขาเสียเหลือเกิน
พักหลังๆ
ที่จงแดห่างกับเซฮุนนั้นเจ้าเด็กคนนี้มักจะเข้ามาป้วนเปี้ยนคอยเกาะติดจงแดตลอด
และถ้าหากว่าชานยอลไม่ได้เข้าใจผิดอะไรไป...เขาคิดว่าเด็กคนนี้คงจะต้องชอบเพื่อนตัวเล็กของเขาเป็นแน่!
จงอินก้มหน้าเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อเริ่มจะรู้สึกว่ารุ่นพี่ตัวสูงคนนี้จับได้ถึงความผิดปกติระหว่างเขากับรุ่นพี่ตัวเล็กอีกคน
แต่ถ้าชานยอลกล้าที่จะถามกันตรงๆ จงอินเองก็พร้อมที่จะตอบตรงๆ เหมือนกัน!
“ครับ ...ผมกับเซฮุนเราเป็นเพื่อนกัน”
“แล้วถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็...นายคงจะรู้สึกดีกับจงแดสินะ”
“...”
คราวนี้จงอินเงยหน้าขึ้นมาสบตากับชานยอลตรงๆ ไม่มีหลบ
พร้อมกับตอบคำถามอย่างหนักแน่น “ผมชอบจงแดฮยองครับ!”
“หึ! แมนดีนี่...”
ชานยอลยกมือขึ้นมากอดอกใช้สายตามองสำรวจรุ่นน้องตรงหน้าแล้วยกยิ้มมุมปาก
“แต่นายรู้รึเปล่าว่าการแอบตีท้ายครัวเพื่อนมันไม่ดีนะเด็กน้อย”
ชานยอลว่าเสียงล้อๆ
จงอินมีท่าทีไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็พยายามที่จะเก็บอาการไม่แสดงออกไปให้ได้เกิดผลเสียตามมา
เขาเพียงแค่ยกยิ้มแล้วตอกกลับรุ่นพี่ตรงหน้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“แน่ใจแล้วหรอครับที่ใช้คำว่าตีท้ายครัว
ถึงยังไงเซฮุนมันก็ผิดสัญญาทิ้งจงแดฮยองหนีไปหมั้นกับผู้หญิงอื่น
แต่กลับโกหกจงแดฮยองว่าไปอยู่กับแม่...หรือบางทีหมอนั่นอาจจะไม่ได้โกหกก็ได้นะครับรุ่นพี่...”
“หมายความว่าไง”
“ก็ที่จริงแล้วหมอนั่นอาจจะไปอยู่กับแม่จริงๆ
ก็ได้นี่ครับ...ผมหมายถึงแม่ทูนหัวน่ะ”
ชานยอลเงิบไปเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำพูดของรุ่นน้อง
คำพูดคำจาที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนกับว่าเป็นเพื่อนสนิทกับคนที่ถูกพาดพิงเลย
หรือจริงๆ เด็กคนนี้อาจจะไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับเด็กโอ เซฮุนนั่นมาตั้งแต่แรก?
“นายนี่มันร้ายกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลยนะ...”
“หึ! สรุปว่ารุ่นพี่จะไปตามหาจงแดฮยองกับผมรึเปล่าครับ
ถ้าไม่ไปผมจะได้ไม่เสียเวลา...” ชานยอลหัวเราะในลำคอเบาๆ
ให้กับคนที่รู้สึกว่าจะปากคอเราะร้ายเสียเหลือเกินในตอนนี้
“จงแดมันก็เพื่อนฉัน...ทำไมฉันต้องให้
‘คนนอก’ อย่างนายมาทำตัวเกินหน้าเกินตาด้วยล่ะ”
ชานยอลเน้นหนักไปที่คำว่า คนนอก ให้รุ่นน้องผิวเข้มได้รู้สึกไม่พอใจเบาๆ
ขายาวเริ่มก้าวออกเดินนำหน้าเด็กปากดีที่ยืนหงุดหงิดอยู่คนเดียว
แต่ก้าวไปได้ไม่ถึงเท่าไหร่เสียงแปดหลอดของเพื่อนตัวเล็กอีกคนก็เรียกเขาไว้เสียก่อน
“ชานยอลโว้ยยยย”
ชานยอลถอนหายใจอย่างปลงตก
ร่างสูงค่อยๆ หันกลับไปมองตามที่มาของเสียงพร้อมกับเตรียมใจรับกับคำบ่นที่คงจะถูกพ่นออกมาจากปากที่เวลายิ้มกว้างๆ
จะกลายเป็นรูปสี่เหลี่ยมนั้น
เขาผิดเองที่ไม่รอแบคฮยอนตอนหมอนี่บอกจะไปห้องน้ำ
แต่ผิดคาดเมื่อแบคฮยอนที่กำลังจะแหกปากโวยวายกลับสงบเสงี่ยมเมื่อเห็นว่ามีรุ่นน้องผิวเข้มยืนอยู่ด้วยอีกคน
หมอนี่ไปหัดมีมารยาทกับคนไม่สนิทตั้งแต่เมื่อไหร่
ปกติก็เห็นทำตัวสนิทกับคนโน้นคนนี้ไปทั่ว-_-?
“จงอินก็อยู่ด้วยหรอ”
“...ครับ”
แบคฮยอนทักทายกับจงอินพอเป็นพิธีเพราะไม่ได้รู้จักมักจี้อะไรกันมากมายเลยไม่ได้ถามอะไรมาก
จากนั้นแบคฮยอนก็หันมามองเขาด้วยใบหน้าที่เหมือนจะมีคำถาม และถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นคำถามที่ว่าทำไมจงอินถึงได้มาอยู่ที่นี่
“จงอินมาตามหาจงแดน่ะ
เห็นว่าติดต่อไม่ได้เหมือนกัน” ไม่ต้องรอให้แบคฮยอนถามชานยอลก็ตอบให้เสร็จสรรพ
“อ่า
แล้วสรุปรู้กันรึยังเนี่ยว่าไอ้เป็ดมันหายไปไหน”
“...ยัง”
จบคำชานยอลทุกคนก็เงียบกริบ
ต่างคนต่างก็ตกอยู่ในภวังความคิดของตัวเองแต่เรื่องที่คิดก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของคนที่หายไปนั่นแหละ
“ฉันว่าเราลองไปหาไอ้เป็ดมันที่ห้องดูก่อนไหม
เผื่อมันอาจจะไปธุระแล้วก็อาจจะกลับมาแล้วก็ได้” แบคฮยอนลองเสนอขึ้นมา
และทุกคนก็เหมือนจะเห็นด้วยกับความคิดนั้นเมื่อทั้งชานยอลและจงอินก็ต่างพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมๆ
กัน
- B A D G UY –
จงแดตัวสั่นเทิ้มเมื่อแสงตกกระทบกับโลหะแวววับ
มีดใบขนาดกลางถูกมือใหญ่จับไว้มั่นแล้วพลิกไปมาให้เกิดแสงจนคนที่มองตามการขยับนั้นเริ่มก้าวถอยหลังออกมาห่างแต่ก็ถอยออกมาไม่ได้มากตามที่ต้องการเพราะเชือกที่พันธนาการอยู่
“นาย จะ...จะทำอะไรน่ะเซฮุน”
เสียงที่เปล่งออกไปช่างตะกุกตะกักขัดใจจงแดเหลือเกิน
เซฮุนเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากแล้วก้าวเข้ามาใกล้
มือข้างซ้ายที่ไม่ได้ถือมีดยกขึ้นมาลูบเบาๆ
ที่ข้างแก้มของคนที่ตัวเล็กกว่าอยู่มากโข ยิ่งได้เห็นแววตาสั่นไหวบวกกับอาการตัวสั่นเหมือนลูกนกตัวน้อยๆ
นั้นแล้วเซฮุนยิ่งรู้สึกชอบใจ
“กลัวหรอครับ...ฮยอง ^^”
“ยะ อย่าทำอะไรบ้าๆ นะเซฮุน”
“ ^^ ”
เซฮุนไม่ฟังที่จงแดพูดแม้เพียงนิด
ร่างสูงจับยึดใบหน้าของจงแดให้อยู่นิ่งๆ ด้วยมือข้างเดียว
มือข้างขวาที่ถือมีดอยู่ง้างขึ้นสูงใบหน้าหล่อเหลายังคงรอยยิ้มไว้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แสงวาววับของโลหะต้องกับแสงไฟยิ่งทำให้จงแดตัวสั่นมากกว่าเดิม
และยิ่งสั่นหนักกว่าเดิมเมื่อร่างสูงออกแรงเหวี่ยงแขนเข้ามาใกล้กับระยะใบหน้า
จงแดหลับตาปี๋ด้วยความกลัว ส่งเสียงร้องห้ามออกมาจนสุดเสียง
“อย่า!!!!!!!!!”
2BC
..............................................................
นั่นแหน่ะ!!! อ่านแล้วจะกดออกเลยหรอ
ไม่คอมเม้นติชมไรท์สักนิดเหรอคะ ToT
มารอลุ้นกันต่อนะคะว่าสรุปแล้ว....ใครทิ้งใครก่อน
หรือใครที่เป็นคนที่ทำให้สองคนแตกคอกัน
ใบ้ให้ก็ได้ว่าเป็นคนใกล้ตัว ใครตอบถูกตอนท้ายไรท์จะ...จะ
...จะเขียนคู่ที่คนตอบถูกอยากอ่านให้ ๑ เรื่อง!!!! (เยอะเนอะ -_-)
ผู้โชคดีมีเพียง...กี่ท่านไมารู้ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
เหมียวหง่าว
ความคิดเห็น