ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC EXO Mistake {SUHO x CHEN}

    ลำดับตอนที่ #21 : Mistake 16 100%

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 58



    Mistake 13

     

                “สายของเรารายงานมาว่าคืนนี้คุณอี้ฟานมีแผนที่จะเอาคืนนายท่านครับ โดยมีเป้าหมายเป็นนายหญิง”

                ผมยกกาแฟขึ้นมาจิบพลางฟังการรายงานของไคที่ได้รับมอบหมายจากผมให้ไปจับตามอง อู๋ อี้ฟาน และลูกน้องคนสนิทก็ไม่ทำให้ผมผมผิดหวัง ข้อมูลที่ได้มาจากสายที่ถูกส่งให้เข้าไปแฝงตัวอยู่กับอี้ฟานมีประโยชน์ต่อผมอยู่ไม่น้อย ก็ช่วยไม่ได้ที่หมอนั่นดันโง่ไม่รู้แม้กระทั่งว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่ด้วย

                เป็นที่รู้กันดีว่าผมกับอี้ฟานนั้นเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกัน มีหลายครั้งที่เล่นตุกติกกันบ้างหากใครไม่เคยทำธุรกิจก็คงจะไม่เข้าใจ เรื่องนี้เองก็เช่นกัน... หมอนั่นส่งคนให้เข้ามาล้วงข้อมูลของผมโดยให้คนของหมอนั่นปลอมตัวเป็นนูน่าช่างแต่งหน้าเข้ามา เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่จะทำให้คนของทางนั้นแฝงตัวเข้ามาได้

                และผมเองก็ดันเป็นคนใจกว้างเลยยอมเปิดโอกาสให้ทางนั้นได้เข้ามาเยี่ยมเยือนเสียหน่อย ก่อนที่จะพาไปปล่อยลงสู่...หลุมแห่งความตาย  มันก็แค่เรื่องสนุกที่นานๆ ทีจะเข้ามาในวงจรชีวิตผมเลยไม่ได้อะไรมาก ยอมเว้นช่องว่างให้มีเรื่องตื่นเต้นเข้ามาบ้างชีวิตจะได้มีสีสัน J

              “แผนการเป็นยังไง”

                ไคเล่ารายละเอียดของแผนการที่ทางฝั่งนั้นได้เตรียมมาให้ผมฟังพอประมาณ ซึ่งแผนการที่ได้ฟังนั้นก็ไม่ได้ต่างจากที่คิดไว้เสียเท่าไหร่ ผมพยักหน้าให้ไคหยุดเรื่องที่กำลังรายงาน เพราะมันยังมีอีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กัน

                “แล้วอีกเรื่องล่ะ”

                “โปรดลงโทษผมด้วยครับนายท่าน” ไคก้มหัวลงเตรียมรอรับฟังบทลงโทษ ซึ่งถ้าหากไคขอรับโทษก็แปลว่างานที่ได้รับมอบหมายนั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า “สายของเราที่ถูกส่งเข้าไปตายแล้วครับ”

                “ช่างเถอะ” ผมโบกมืออยู่กลางอากาศสองสามทีเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายกับการทำงานพลาดของลูกน้องคนสนิท “นายคอยจับตามองเจ้าหนอนน้อยนั่นเถอะ อย่าปล่อยให้คาดสายตาเด็ดขาด ...ฉันจะพานายจับหนูตัวใหญ่เสียหน่อย หึ”

                “รับทราบครับนายท่าน!

     

    *****

     

                “ยิงมันซะ”

                เสียงทุ้มต่ำที่กระซิบอยู่ข้างหูของผมดังวนซ้ำไปซ้ำมา ถ้าให้ผมยิงจุนมยอนผมคงจะทำไม่ได้ เพราะเขาเป็นคนที่เข้ามาช่วยเหลือผมแล้วผมก็ยังไม่รู้ว่าถ้าหากผมยิงจุนมยอนไปแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป คุณอี้ฟานจะปล่อยผมไปหรือฆ่าผมทิ้งเหมือนกัน

                แต่ตอนนี้ปืนของคุณอี้ฟานอยู่ในมือของผม...เขาหยิบยื่นเอาอาวุธของตัวเองให้ผม คิดว่าผมจะทำยังไงล่ะในเมื่อสิ่งที่สามารถทำให้ผมกับจุนมยอนรอดได้นั้นอยู่ในมือ

                ผมผละออกมาจากตัวของอี้ฟานเล็กน้อยทำเหมือนเล็งกระบอกปืนไปทางจุนมยอน ก่อนที่จะหมุนตัวหันกระบอกปืนมาทางอี้ฟานด้วยความเร็ว แต่เหมือนว่าเขาจะรู้ทันผมมือใหญ่ของเขาเลยคว้าเอากระบอกปืนมาถือไว้เสียเองแล้วล็อกคอผมไว้ให้แผ่นหลังของผมแนบชิดกับหน้าอกแกร่งของเขาเช่นเดิม

                “อย่าคิดว่าฉันจะโง่ขนาดนั้นสิคนดี”

                “ปล่อยผมนะ!!”  ผมพยายามที่จะดิ้นหนีพันธนาการอันแน่นหนานี้แต่ก็เป็นไปได้ยาก เป็นผมเองที่ยิ่งเจ็บตัวเมื่อแขนของอี้ฟานรัดเข้าที่คอของผมแน่นกว่าเดิม

                “อย่าทำอะไรเด็กนั่น” จุนมยอนกัดฟันกรอดแล้วค่อยๆ เดินช้าๆ เข้ามาใกล้

                “ถ้าไม่อยากให้เด็กคนนี้ตายก็ยืนอยู่ที่เดิมซะ...คุณจุนเหมียน” ปากกระบอกปืนจ่อมาที่ขมับผมอีกครั้งด้วยฝีมือของคนๆ เดิม

                “นายนี่ก็โง่จังเลยนะ คิม จงแด” ภาษาเกาหลีเริ่มถูกเอื้อนเอ่ยออกมา ผมตกใจนิดหน่อยที่ได้ฟังสำเนียงการพูดภาษาเกาหลีของอี้ฟาน มันชัดเจนจนถ้าหากว่าไม่รู้ว่าเป็นคนจีนมาก่อนผมเองก็คงจะคิดว่าเขาเป็นคนเกาหลีไปซะแล้ว

                “คุณพูดเกาหลีได้...”

                “ฉันพูดได้หลายภาษากว่าที่นายคิดเสียอีก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้”

                “อ๊ะ”  แขนที่รัดอยู่รอบคอของผมถูกลดช่องว่างให้เหลือน้อยกว่าเดิม มันเจ็บจนนึกว่าคอของผมมันกำลังจะหักอยู่แล้ว

                “เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ...คนที่ทำให้พ่อกับแม่นายต้องตายต่างหากล่ะ”

              ผมเหมือนกับสะอึกไปเมื่อเจอคำพูดที่มันช่างมีอิทธิพลต่อผมเหลือเกิน มือไม้ที่พยายามจะขัดขืนอี้ฟานนั้นตอนนี้เหมือนมันจะไม่มีแรงเอาเสียเลย สิ่งรอบข้างดูจะไม่มีความสำคัญอะไรเลยต่อผมในตอนนี้ คำพูดของคุณอี้ฟานมันทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมลืมอะไรบางอย่างไป

                ....ผมคงจะลืมนึกถึงข้อสำคัญข้อนี้ไปสินะ

                “คิม จงแด ลูกชายคนเล็กของตละกูลคิม เตยเป็นคุณหนูอยู่ดีๆ แต่ก็ต้องกลายมาเป็นเพียงแค่เด็กธรรมดา ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวตั้งแต่พ่อแม่จากไป”

                “ไม่! อย่าไปฟังมันนะจงแด” เสียงที่แทรกเข้ามาของจุนมยอนไม่ได้ทำให้ผมมีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับไป ผมยังคงนิ่งเหมือนเดิมใช้ช่วงเวลาเพียงน้อยนิดไปกับการคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ กับตัวเองในใจเงียบๆ

                “เด็กชายที่กำลังจะมีอนาคตที่สดใส การเรียนกำลังจะรุ่งโรจน์แต่ก็ต้องมีอันต้องทำให้อนาคตที่สดใสนั้นดับมืดบอดลง เพียงเพราะ...”

                “หยุดพล่ามเดี๋ยวนี้นะอี้ฟาน!!

                เสียงของจุนมยอนตอนนี้มันเหมือนเสียงคำรามที่กึกก้องเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ผมไม่รู้หรอกว่าอี้ฟานเขาไปเอาข้อมูลเหล่านี้มาจากไหน เท่าที่ดูๆ แล้วเขาไม่ใช่คนกระจอกอะไรเพราะถ้ากระจอกจริงคงไม่มาเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับจุนมยอนหรอก ถ้าถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าสองคนนี้เป็นคู่แข่งกัน ....มันไม่ยากหรอก

                ก็ทั้งสองออกจะแสดงออกกันเสียชัดเจนขนาดนั้นว่าไม่ชอบกัน แน่นอนเมื่อมีเสี้ยนหนามมาขัดหูขัดตาพวกเขาก็ต้องอยากจะกำจัดมันออกไปเป็นธรรมดาอยู่แล้ว พวกเขายอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อที่จะเอาชนะ

                “นายลองคิดดีๆ สิจงแดอ่า...ว่าใครที่เป็นต้นเหตุแห่งการตายของพ่อแม่นาย”  เสียงของคุณอี้ฟานก็ยังคงดังอยู่ที่ข้างหูของผมเหมือนเดิม แม้ว่าจะได้ยินอีกเสียงที่ดังแทรกขัดขึ้นมาผมก็ไม่ได้คิดจะสนใจ มีเพียงแค่เสียงของคุณอี้ฟานเท่านั้นที่ผมจะยอมรับมันเข้ามาในตอนนี้

                “คนที่ดับความสดใส ดับแสงสว่างไสวในชีวิตของนายคือใคร”

              “...”

                “จงแด...พี่ขอร้อง นายต้องฟังในสิ่งที่พี่กำลังจะบอก ความจริงทุกอย่างไงจงแด พี่จะบอกความจริงกับนายทุกอย่าง” 

                “คิดดูให้ดีสิจงแด ที่นายไม่ได้ทำตามฝันมันเป็นเพราะใคร คนที่ทำให้พ่อกับแม่นายตายน่ะมันคือใคร”

                “...หยุด” เพราะทนฟังกับสิ่งที่ทั้งสองคนพยายามใส่มันเข้ามาในหัวไม่ไหวผมจำต้องเอ่ยปากบอกให้หยุดกันได้แล้ว อาการปวดหัวมันเริ่มจะเข้ามาแทรกแซงผมเรื่อยๆ และผมรู้ว่าถ้าพวกเขาสองคนยังไม่หยุดผมคงจะทนรับไม่ไหว

                “คนที่ทำกับนายขนาดนี้...นายยังจะปล่อยให้มันมีชีวิตรอดรึยังไง”

                “...หยุด”

                “จงแดฟังพี่นะ ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นมันเป็นเพียงแค่เรื่องเข้าใจผิด คนที่ฆ่าพ่อกับแม่นายน่ะมันคือ...”

                “ผมบอกให้หยุดพูด!!!!!!

                ตุบ!

                ร่างของผมร่วงลงนั่งคุกเข่ากับพื้นทันทีที่สิ้นเสียงตะโกนของตนเอง เหมือนแรงที่เคยมีถูกสูบออกไปหมดพร้อมกับเสียงตะโกนเมื่อกี้ ผมปวดหัวจนต้องกุมมันไว้ ไม่ไหวหรอก ตอนนี้ผมไม่ไหวเอาเสียเลยปวดหัวเหมือนสมองมันจะแตกกระจายออกมา น้ำตาของผมมันไหลพรั่งพรูออกมาอย่างไม่อาจจะกักเก็บไว้ได้

                “จงแด...”

                “หยุดอยู่ตรงนั้น ห้ามเข้ามาใกล้ผม!!

                จุนมยอนที่กำลังจะเดินเข้ามาหาผมยอมหยุดลงตามที่ผมตะโกนห้าม ผมไม่พร้อมสำหรับอะไรทั้งนั้นตอนนี้ อยากจะหมดสติไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ปวดหัวเหลือเกิน...

                “อ่อนแอ ไร้ประโยชน์”

                เสียงคนที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอะไรเลยในตอนนี้ ถึงแม้ว่าน้ำเสียงที่พุดออกมานั้นมันจะเหยียดผมแค่ไหนก็ตาม ตอนนี้ผมรู้ว่าร่างกายของผมมันสู้ใครไม่ได้หรอก

                “อยากจะเห็นแก่ตายด้วยฝีมือคนที่แกรักก็ดันต้องมาผิดหวังเสียแล้วสิจุนเหมียน ถ้างั้นก็...ตายด้วยฝีมือฉันเองตามเดิมก็วันนะ”

              ปัง!!!

                ไม่มีคำว่ารีรออะไร เสียงปืนที่ดังขึ้นหนึ่งนัดทำให้ผมตกใจเบิกตากว้าง ถึงยังไงผมก็ไม่ได้อยากให้จุนมยอนตายหรอกนะ อย่างน้อยเขาก็ต้องสมควรที่จะได้รับในสิ่งที่ทำกับผมไว้ก่อน

                ผมเงยหน้าขึ้นไปมองจุนมยอนว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเข้าหากันเมื่อภาพที่ผมมองอยู่มันไม่ชัดเอาเสียเลยนั่นคงจะเป็นเพราะสติของผมที่มันยังเลื่อนลอย แต่เท่าที่ผมเพ่งมองนั้นก็ไม่เห็นว่าจุนมยอนจะมีท่าทีเหมือนคนโดนยิงเลยสักนิด ผมไม่เห็นแม้กระทั่งเลือดสักหยดบนตัวเขาด้วยซ้ำ

                “คนที่จะทำอะไรเขาได้มีเพียงแค่ฉันเท่านั้น!



                .................... ต่อ ...................

     

                เสียงที่ผมรู้สึกว่าคุ้นเคยกบมันอยู่ไม่น้อยดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของผม ผมหันขวับไปมองทันทีและก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างที่สูงกว่าผมแค่นิดเดียวกำลังยืนจ่อปืนไปทางอี้ฟาน หันไปมองตามกระบอกปืนก็เจออี้ฟานยืนนิ่ง ปืนที่เคยอยู่ในมือของเขาตกลงไปอยู่ที่พื้นและมือข้างที่เคยถือปืนนั้นก็มีเลือดสีแดงไหลออกมาไม่หยุด

                ...แบคฮยอนยิงอี้ฟาน!

              “นายมาที่นี่ได้ยังไงแบคฮยอน”

                “ฉันมาพานายกลับน่ะจงแด” แบคฮยอนตอบผมด้วยรอยยิ้มแต่ผมมองว่ารอยยิ้มนั้นมันดูไม่น่าไว้วางใจ ไม่เหมือนกับรอยยิ้มที่ผมเคยได้รับเลยสักนิด เหมือนคนๆ นี้ไม่ใช่แบคฮยอน “ผมเองต้องขอบคุณคุณอี้ฟานมากๆ เลยนะครับที่พาจงแดออกมาหาผม”

                “ฉันไม่ได้พาเขามาหาแก!” อี้ฟานคำรามเสียงต่ำ

              “ไม่เป็นไรครับเพราะอย่างน้อยตอนนี้จงแดก็อยู่กับผม และอีกอย่างนะครับ...” แบคฮยอนเข้ามาฉุดผมให้ไปยืนอยู่ข้างๆ ผมที่ยังงงอยู่เลยไม่ทันได้ขัดขืนหรือถามอะไร “ชีวิตของหมอนั่นมันเป็นของผม”

                แบคฮยอนเบนปากกระบอกปืนไปทางจุนมยอนซึ่งผมก็พึ่งจะเห็นว่าเขาถูกจับตัวไว้โดย... เทา!!

              นี่มันหมายความว่ายังไงกัน แบคฮยอนมาที่จีนได้ยังไงแล้วทำไมเทาถึงได้จับตัวจุนมยอนไว้ เทาเป็นคนของจุนมยอนไม่ใช่รึยังไงกัน แล้วตอนนี้ไคไปไหนเสียแล้วล่ะทำไมถึงไม่มาช่วยจุนมยอน

                “นายหมายความว่ายังไงแบคฮยอน นี่มันเรื่องอะไรกัน นายมาที่นี่ได้ยังไง”

                “แล้วนายจะได้รู้ทุกอย่างจงแด แต่ไม่ใช่ตอนนี้”

                “อ๊ะ! จะพาฉันไปไหนน่ะปล่อยนะ”

                หลังจากที่แบคฮยอนพยักหน้าให้คนที่ตามเขามาด้วยหนึ่งในนั้นก็เข้ามาจับตัวผมลากให้เดินไปไหนสักที่ ผมพยายามดิ้นเท่าไหร่ก็ดิ้นไม่หลุดจนกระทั่งห่างออกมาจากบริเวณนั้น และถูกจับยัดใส่เข้าไปในรถตู้ที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว

                “พวกคุณจับผมมาทำไมปล่อยผมไปเถอะนะ”

                “ไม่ได้หรอกครับ นี่เป็นคำสั่งของคุณแบคฮัน เอ่อ...ผมหมายถึงคุณแบคฮยอนถ้าคุณไม่อยากเจ็บตัวก็นั่งรออยู่ในความสงบด้วยครับ”

                ว่าเพียงแค่นั้นประตูรถก็ปิดลงแต่ก็ใช่ว่าผมจะได้นั่งอยู่คนเดียวในรถ คนที่พูดกับผมเมื่อกี้และเป็นคนเดียวกับที่พาตัวผมมาก็ยังคงนั่งอยู่ข้างๆ แต่เมื่อกี้ผมได้ยินนะที่เขาเผลอเรียกแบคฮยอนว่าแบคฮัน

                แบคฮัน...ทำไมผมถึงได้รู้สึกคุ้นกับชื่อนี้จัง

     

    *****

     

                “เฮ้ย! นี่จะมาจับตัวฉันไว้ทำไมปล่อยนะเว้ย!” ร่างสูงตะโกนโวยวายเมื่อมีคนเข้ามาล็อกตัวเขาไว้จากทางด้านหลัง พยายามดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดพ้นเสียที

                “ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกครับคุณอี้ฟาน เพียงแค่ผมกลัวว่าคุณจะทำให้ผมทำอะไรได้ไม่สะดวกเท่าที่ควรเลยต้องขออนุญาตจับตัวคุณไว้เสียหน่อย” ชายหนุ่มที่อยู่ในสถานการณ์เป็นผู้เหนือกว่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

                “เหอะ! ไอ้บ้าเอ้ย!

                คนที่เหนือกว่าไม่ได้สนใจคู่สนทนาชั่วคราวนั้นอีก ร่างโปร่งเดินเข้าไปหาอีกคนที่ยืนเงียบมานาน แววตาคู่นั้นไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาเลยเพียงนิด ไม่ได้มีท่าทีร้อนรนเลยเมื่อเห็นว่าคนในปกครองตนเองถูกจับตัวไป และไม่ได้แสดงอาการโกรธเกรี้ยวออกมาเมื่อเจอกับลูกน้องคนสนิทหักหลังตัวเองได้หน้าตาเฉย  ร่างโปร่งสืบเท้าเข้าไปหาจนกระทั่งห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว

                “จะไม่พูดอะไรหน่อยหรือครับคุณจุนมยอน” ร่างโปร่งยังคงถามด้วยรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า แต่คนที่ถูกถามก็ยังคงไม่แสดงออกถึงอาการใดๆ

                “หยิ่งซะด้วยสิ”

                ร่างโปร่งหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรให้น่าขำเลยในตอนนี้

                “....”

                “โดนลูกน้องที่ไว้ใจหักหลังไม่รู้สึกอะไรเลยอย่างนั้นเหรอครับ”

                “...เคยไว้ใจ”

                แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นเมื่ออยู่ดีๆ อีกคนก็พูดขึ้นมา ทั้งที่ก่อนหน้าก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะพูดอะไรเลยแม้แต่น้อย

                “....”

                “ต้องบอกว่าฉันเคยไว้ใจต่างหากล่ะ”

                “อย่างนั้นเหรอครับ”

                แบคฮยอนตอบรับเพียงเท่านั้น เขาก็ไม่ได้คิดว่าคนอย่างจุนมยอนจะดูไม่ออกหรอกว่าตอนเองนั้นมีไส้ศึก จุนมยอนไม่ใช่คนโง่เขาเองก็รู้ดี ส่วนจื่อเทาเองก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรออกจะนิ่งเฉยเสียด้วยซ้ำ เพราะคนพวกนี้ถูกฝึกให้กลายเป็นคนไร้ความรู้สึก แต่ใครเล่าจะสามารถทำได้ที่จริงก็แค่รู้จักเก็บอาการต่างๆ ไว้เท่านั้นเอง

                แม้ว่าข้างในจะช้ำจนตายแต่ก็ทำได้เพียงแค่แสดงออกมาให้คนอื่นได้เห็นว่าไม่เป็นอะไร

                “ถ้าไม่ได้อยากทำแบบนี้ก็แค่ไม่ต้องทำ...”

                “...?” อีกครั้งที่แบคฮยอนต้องเลิกคิ้วเมื่อจุนมยอนเอ่ยทำลายความเงียบลง

                “ทำในสิ่งที่นายอยากทำมันจะไม่ดีกว่ารึไง...แบคฮัน”

                ตาตี่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่ออีกคนเอ่ยชื่อที่ไม่ควรจะเอ่ย ชื่อที่มันถูกเก็บไว้ในที่ลับอย่างมิดชิด ชื่อที่มีไม่กี้คนที่จะรู้จัก... หึ! แต่แบคฮยอนคงจะลืมนึกไปว่าจุนมยอนนั้นฉลาดแค่ไหน เรื่องแค่นี้จะไม่รู้ได้ยังไงกัน

                “หึ! ทางที่ดีอย่าเรียกผมด้วยชื่อนั้นจะดีกว่านะครับ”

                “....”

                “ตอนนี้น่ะมีแค่แบคฮยอนเท่านั้นแหละครับ ส่วนแบคฮันนั้น...ได้ตายจากไปนานแล้ว” 



    เป็นแบคฮันหรือแบคฮยอนของเรานั่นเอง

    #ในที่สุดก็โผล่มาได้เสียทีหลังจากที่ไม่มีบทอยู่นาน ๕๕๕๕

    แบคฮยอนเราไม่ได้ใจร้ายหรอก พี่คริสเราก็แค่เข้ามาเป็นตัวประกอบ

    #ค่าตัวเขาแพงจ้างนานไม่ไหว ๕๕๕๕๕

    ใกล้จะจบแล้วนะ ใกล้แล้วๆ 

    แต่ก็แบบว่า....ตัวละครหายไปไหนอีกหนึ่งตัว คิดๆๆๆ

    จื่อเทาคนทรยศแท้จริงจะเป็นคนทรยศจริงๆ หรือไม่ (?) 

    โปรดติดตามตอนต่อไปปป

               

     

               

     

                

    เหมียว หง่าว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×