ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC EXO Mistake {SUHO x CHEN}

    ลำดับตอนที่ #10 : Mistake 9

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 57




    Mistake 9

     

     

    เป็นเวลาผ่านไปหลายสัปดาห์อาการของจงแดก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ เหลือแค่เพียงบริเวณศีรษะที่ยังมีผ้าก็อตขนาดพอดีกับแผลปิดไว้ แขนที่ถูกพันผ้าไว้ก็เริ่มจะหายวดบ้างแล้ว แต่จนแล้วจนรอดทุกวันนี้จงแดก็ยังไม่ได้เจอกับคนที่ทำให้เขาต้องมีสภาพแบบนี้เลยสักครั้ง

     

    ... รอจนหมดความหวังที่จะรอ ...

     

    แต่หลังจากที่ได้แผลมานี้จงแดรู้สึกว่าเขาเหมือนจะฝันบ่อยขึ้น ฝันแต่เรื่องเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาจนบางครั้งที่เผลอสะดุ้งตื่นขึ้นมาก็รู้สึกปวดจี๊ดๆที่ศีรษะ ภาพของเด็กผู้ชายสองคนที่ดูจะสนิทสนมกันนั้นมันลอยวนเวียนอยู่ในหัวเขาแทบจะตลอดเวลา ภาพของเขากับเด็กผู้ชายที่ชื่อซูโฮในวัยเด็ก ...นี่มันเรื่องอะไรกัน ?

     

    ก็อกๆๆ

     

    นายหญิงครับได้เวลาอาหารเช้าแล้วนะครับ

     

    อ่า ...จื่อเทาเหรอเขาถามอย่างไม่มั่นใจว่าคนที่มาเคาะประตูเรียกให้ตามลงไปทานข้าวนั้นใช่จื่อเทารึเปล่า

     

    ครับ ผมเองครับนายหญิง

     

    เอ่อ พอดีฉันรู้สึกปวดหัวนิดหน่อยอ่ะยังไงรบกวนให้ช่วยยกกับข้าเข้ามาให้ที่ห้องได้ไหม

     

    ได้ครับนายหญิง ว่าแต่นายหญิงเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ

     

    ไม่ ฉันไม่เป็นมากหรอก

     

    ครับๆ งั้นรอสักครู่นะครับ

     

    เสียงฝีเท้าที่เดินออกไปทำให้จงแดรู้ว่าเทากำลังลงไปข่างล่างแล้ว เขาเองก็เบื่อที่จะต้องลงไปทานข้าวที่โต๊ะอาหารกว้างใหญ่แต่มีคนนั่งกินแค่คนเดียว เอาจริงๆแล้วมันก็ไม่ต่างอะไรจากการนั่งทานข้าวคนเดียวเงียบๆในห้องหรอก อีกอย่างตอนนี้เรื่องของเด็กผู้ชายที่ชื่อซูโฮนั่นมันทำให้จงแดไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งนั้นแหละ

     

    บางทีมันอาจจะเป็นแค่เพียงฝันธรรมดาหรืออาจจะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในอดีตก็ได้ เขาไม่เข้าใจตัวเองนักหรอกว่าจะไปคิดถึงเรื่องนั้นอะไรมากมาย แต่จะให้ทำไงได้ในเมื่อตอนนี้ทั้งหัวของเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมายเกี่ยวกับเด็กผู้ชายคนนั้น

     

     

    นายหญิงครับอาหารมาแล้วครับ

     

    อือ เข้ามาได้

     

    เสียงเปิดประตูดังขึ้นและปิดลงเป็นเวลาเดียวกับที่จงแดยันตัวลุกขึ้นมานั่งพิงกับหัวเตียง ทั้งๆที่อาการอะไรต่างๆมากมายก็ดูจะดีขึ้นหมดแล้วแต่สภาพจิตใจของเขาตอนนี้มันไม่ได้ดีขึ้นตามไปด้วยเลย เฮ้อ ...หรือจะเป็นเพราะนายที่ทำให้ฉันต้องหว้าวุ่นใจได้ขนาดนี้ ...ซูโฮ

     

    นายหญิงไหวแน่นะครับจื่อเทาที่จัดอาหารเรียบร้อยแล้วจึงหันมาถามอย่างเป็นห่วง

     

    ฉันไม่ตายง่ายๆให้สมใจนายท่านของนายหรอกน่า

     

    หึ ครับ นายหญิงรีบทานข้าวแล้วทานยาเถอะครับ

     

    จงแดพยักหน้าสองสามทีแล้วตักข้าวต้มปลาหอมกรุ่นที่ถูกตั้งไว้ตรงหน้าเข้าปาก รสชาติของมันยังคงอร่อยอย่างเคยทุกครั้งที่จงแดได้กิน น่าเสียดายที่ต้องมานั่งกินอาหารที่อร่อยขนาดนี้คนเดียว...

     

     

     

    พักผ่อนเยอะๆนะครับนายหญิง

     

    คนตัวสูงที่ช่วยประคองให้นายหญิงของตนนอนได้สบายแล้วจึงเอ่ยบอก แม้แผลที่อยู่ตามตัวจงแดจะดีขึ้นแล้วแต่ร่างกายก็ยังคงอ่อนแออยู่ดีเพราะฉะนั้นถึงต้องนอนพักผ่อนให้เยอะๆ เทากำลังจะหันหลังเดินออกไปจากห้องแต่ก็ต้องชะงักแล้วหันกลับมาหาคนที่นอนเดี้ยงอยู่บนเตียงอีกครั้งเมื่อมือเล็กๆนั้นดึงแขนเขาไว้แน่น

     

    ครับ?

     

    นาย ...นายรู้จักคนชื่อซูโฮรึเปล่า

     

    มันคงจะเป็นอะไรที่ดูโง่มากจนจงแดอยากจะตบปากตัวเองสักทีสองทีที่ถามอะไรออกไปก็ไม่รู้ เทาจะรู้จักซูโฮได้ยังไงในเมื่อเขาที่ดูเหมือนจะสนิทสนมกับซูโฮขนาดนั้นยังไม่รู้เลยว่าเจ้าตัวเป็นใคร อยู่ที่ไหน แล้วมีชีวิตอยู่จริงรึเปล่าก็ไม่รู้

     

    ซูโฮ?น่าแปลกที่เทาเริ่มจะคลายปมที่หัวคิ้วออกแล้วจึงเผยยิ้มออกมา ...ตอนเขาเอ่ยชื่อหมอนั่นออกมายังขมวดคิ้วมุ่นอยู่เลย

     

    หรือบางทีเทาอาจจะรู้จักซูโฮ ?

     

    ใช่ ซูโฮ รู้จักไหม

     

    ผมไม่รู้หรอกครับ แต่...

     

    แต่อะไร

     

    แต่ถ้านายหญิงอยากรู้ก็ลองเข้าไปหาคำตอบเอาเองที่ห้องนอนของนายท่านดูสิครับ

     

    กลายเป็นจงแดที่ขมวดคิ้วมุ่นแทน ทำไมเขาต้องไปหาคำตอบที่ห้องของจุนมยอน? ทั้งๆที่ท่าทางของเทามันก็แสดงออกว่าเขานั้นก็รู้จักซูโฮแต่ทำไมถึงได้ทำเหมือนมีลับลมคมในอะไรมากมายก็แค่บอกเขามาว่ารู้จักคนชื่อซูโฮรึเปล่าแค่นี้มันก็น่าจะจบแล้วไม่ใช่เหรอ

     

    หรือบางทีเทาอาจจะเข้าใจผิด ซูโฮที่เขากับเทาหมายถึงอาจจะเป็นคนละคนก็ได้นี่ในโลกนี้ก็ไม่ได้มีคนชื่อซูโฮอยู่คนเดียวนี่จริงมั้ย?

     

    ... แล้วถ้ามันคือคนเดียวกันล่ะ ? ทำไมต้องไปหาคำตอบที่ห้องของจุนมยอน อิตาปีศาจนั่นเกี่ยวอะไรด้วย ?

     

     

     

     

    จงแดมานั่งคิดนอนคิดดูแล้วว่าถ้าหากเขาจะลองเข้าไปหาคำตอบเองที่ห้องของจุนมยอนอย่างที่เทาบอกมันก็คงจะไม่ได้เสียหายอะไร ...ใช่ไหม? แบบว่าตามยึดตามหลักทางวิทยาศาสตร์ไงที่เขาบอกอยากรู้อะไรก็ต้องพิสูจน์ แล้วถ้าเขาจะขอลองพิสูจน์ดูสักครั้งจะเป็นไรไป

     

    จะต้องรู้ให้ได้ว่าห้องนอนของจุนมยอนมีความเกี่ยวข้องอะไรกับซูโฮ!

     

     

    จงแดค่อยๆเดินออกมาจากห้องนอนของตนเองด้วยความระมัดระวังที่สุด แม้จะมีอาการปวดจี๊ดๆที่หัวเป็นระยะๆก็ไม่ได้ทำให้จงแดหยุดยั้งที่จะหาคำตอบนี้ให้ได้ บริเวณรอบๆเงียบเชียบเพราะไม่มีใครอยู่ จงแดเดินเลียบๆเคียงๆตามผนังมาเรื่อยๆสายตาก็กวาดมองดูบริเวณรอบๆเป็นพักๆ

     

    ประตูไม้สักบานใหญ่ให้ความรู้สึกที่น่าเกรงขามจนจงแดเองก็ยังแอบหวั่นใจ ถ้าเกิดว่าเขาไปแล้วโดนจุนมยอนจับได้มีหวังคงได้นอนพักฟื้นกันนานเป็นเดือนหรือบางทีอาจจะ...ไม่มีโอกาสได้หายใจอย่างสบายๆบนโลกได้

     

    เพราะความอยากรู้ทำให้จงแดค่อยๆหมุนลูกบิดประตูห้องนอนของจุนมยอน และก็เหมือนว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่ประตูไม่ได้ล็อก ร่างบางสูดหายใจเข้าออกสองสามทีแล้วค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปในห้องที่มันมืดแปลกๆ ทั้งห้องที่ตกแต่งด้วยสีดำทำให้มันมืดจนดูน่ากลัว จงแดปิดประตูไว้แล้วจึงหันมาเปิดไฟห้องที่เคยมืดมิดเลยดูสว่างจ้าขึ้นมาถนัดตา

     

    แล้วต้องทำยังไงต่อล่ะเนี่ยบ่นพึมพำกับตัวเองแล้วจึงเดินไปที่เตียงนอนหลังใหญ่

     

    กรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆข้างเตียงเรียกความสนใจของจงแดได้เกือบจะทันทีที่สายตากวาดไปเห็น รูปของผู้ชายในชุดสูทสุดเนี๊ยบยืนเก็กหน้าขรึมอยู่มันให้ความรู้สึกที่ช่างหน้าหมั่นไส้มากสำหรับจงแด ... รูปขอจุนมยอน

     

    เขาวางกรอบรูปนั้นไว้แล้วจึงกวาดสายตามองไปให้ทั่วบริเวณรอบๆห้องอีกครั้ง เดินวนไปมาในห้องนั้นอยู่หลายรอบจนรู้สึกเหนื่อยถึงได้ยอมนั่งพักเหนื่อยลงที่เตียงหลังกว้างที่มันนุ่มนิ่มเหมือนปุยเมฆ จื่อเทาโกหกเขารึเปล่านะทำไมหาทั่วทั้งห้องแล้วถึงไม่เห็นแม้แต่วี่แววของเด็กที่ชื่อซูโฮ

     

    แล้วทำไมจื่อเทาต้องโกหกเขาด้วยล่ะ?

     

    เฮ้ออ ... ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว

     

    บ่นไปบ่นมากับตัวเองอยู่อย่างนั้นหลายรอบจนกลัวว่าถ้าใครเข้ามาเห็นเขานั่งพูดคนเดียวแบบนี้คงจะนึกว่าเสียสติเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ แต่ให้ตายเถอะ! ทำไมเรื่องราวของซูโฮถึงได้ดูลึกลับซับซ้อนอย่างนี้นะ บางครั้งก็เหมือนจะจำได้อยู่แล้วแต่ก็ดันลืมไปเสียเฉยๆ

     

    ในฝันก็ดูเขากับซูโฮจะรักแล้วก็สนิทกันอยู่พอสมควรนะ แต่ทำไมกัน ...ทำไมเขาถึงจำอะไรเกี่ยวกับคนๆนี้ไม่ได้เลยสักอย่าง

     เฮ้อ ...แล้วนี่ฉันตามหานายทำไมกันล่ะเนี่ย

     

    นั่นสินะ... เขาจะเสียเวลามาตามหาซูโฮทำไมทั้งที่มันก็ไม่เห็นจะเกิดผลดีผลเสียอะไรเลยสักอย่างหากว่าเขาตามหาซูโฮเจอ ทำไมช่วงนี้เขาถึงได้รู้สึกหงุดหงิดเบื่อหน่ายตัวเองอย่างนี้นะ ชีวิตนี้มันจะยุ่งเหยิงไปถึงไหนกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวเข้าไปอีกให้ตายสิ!

     

    จงแดที่ตบตีกับความคิดที่ขัดแย้งกันอยู่เริ่มจะรู้สึกไม่ไหวเข้าไปทุกที จากที่ตอนแรกแค่ปวดหัวแต่ตอนนี้มันเริ่มจะมีอาการคลื่นเหี้ยนเข้ามาแทรกซะแล้ว ร่างบางหยัดกายลุกขึ้นยืนถึงแม้ว่าจะเซไปเล็กน้อยเพราะอาการหน้ามืดปะทะเข้ามาแต่ยังดีที่ตั้งตัวทันไม่ให้ล้ม สองขาค่อยๆพาเรือนร่างอันผอมบางที่โอนเอนโง่นเง่นจะล้มแหล่มิล้มแหล่ออกมาจากเตียงหลังใหญ่

     

    ขณะที่กำลังจะเดินผ่านออกมาจากห้องนอนของจุนมยอนจงแดก็สังเกตเห็นตู้หลังใหญ่ที่ดูเรียบหรูจนสามารถสะกดสายตาคนมองได้ จงแดมองสำรวจมันอยู่สักพักสายตาก็ดันกวาดไปเจอเข้ากับกล่องไม้เก่าๆกล่องหนึ่ง ร่างบางค่อยๆตั้งสติแล้วปีนขึ้นบันไดที่ติดกับตู้หลังใหญ่นี้เพื่อที่จะไปหยิบกล่องไม้นั้นมาดูให้ชัดๆ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากล่องไม้เก่าๆนี้มันจะพิเศษกว่าอะไรอย่างอื่นที่อยู่ในตู้นี้รึเปล่าแต่ความรู้สึกบางอย่างมันบอกให้เขาปีนขึ้นและเอากล่องนั้นมา

     

    และตอนนี้กล่องไม้เก่าๆนั้นก็อยู่ในมือของจงแดเสียแล้ว ....

     

    ร่างบางจัดท่าทางของตัวเองให้เข้าที่เข้าทางกว่าเดิมเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่พรากตกลงไปกองกับพื้น มือเรียวสวยค่อยๆเปิดกล่องไม้ในอย่างเบามือเหมือนกับว่ามันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆหากว่าเผลอพลั้งมือทำรุนแรงเกินไป กล่องไม้ที่ถูกเปิดออกทำให้จงแดอดจะแปลกใจไม่ได้ที่มันแทบจะไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลยนอกจากรูปถ่ายใบหนึ่งที่ถูกคว่ำด้านหน้าลงทำให้จงแดเห็นแค่ด้านหลังของแผ่นรูปถ่ายที่ถูกเขียนด้วยหมึกปากกาสีดำว่า Best memories

     

    ด้วยความสงสัยจงแดไม่รอช้าที่จะจับภาพถ่ายนั้นพลิกกลับมาดูทางด้านหน้าว่ามันเป็นภาพอะไรกันแน่ ภาพที่เห็นเป็นรูปของเด็กผู้ชายสองคนที่กำลังนั่งยิ้มจนตาหยีให้กล้องในมือของทั้งสองมีไอศกรีมถืออยู่กันคนล่ะอัน แม้ว่าภาพถ่ายนั้นจะดูเก่าไปมากตามกาลเวลาแต่จงแดก็มั่นใจว่ารูปที่เขาเห็นนี้เป็นรูปของเขากับคนๆนั้นไม่มีผิด

     

    รูปของเขากับซูโฮ

     

     

     

     

     

     

    -  ทางฝั่งจุนมยอน

     

    วันนี้งานที่บริษัทไม่ได้ยุ่งวุ่นวายเหมือนหลายๆวันที่ผ่านมา ผมเลยพอจะมีเวลาว่างมานั่งคิดทบทวนอะไรหลายๆอย่างกับตัวเองบ้าง ซึ่งหลักๆแล้วก็คงจะไม่พ้นเรื่องที่มีเด็กจงแดนั่นอยู่ด้วย เขารู้ว่าเขาทำรุนแรงกับเด็กคนนี้มากเกินไปอันที่จริงแล้วเขาก็อยากจะขอโทษเด็กคนนั้นอยู่เหมือนกัน แต่เพราะด้วยความปากหนักเลยทำให้ไม่กล้าเอ่ยออกไปสักที

     

    หลายครั้งที่ผมรู้สึกผิดกับเด็กคนนี้แต่พอผมเริ่มจะรู้สึกผิดจริงๆจังๆภาพของพ่อและแม่ของผมที่นอนจมกองเลือดอยู่ก็ลอยเข้ามาในหัว นั่นเลยทำให้ผมไม่ยอมใจอ่อนที่จะสงสารเด็กคนนั้น พ่อกับแม่ของจงแดทำพ่อกับแม่ผมเจ็บปวดทรมานมากเท่าไหร่เด็กนั่นจะต้องเจ็บปวดกว่าเป็นสิบเท่า!

     

    Rrrrrrrrrrr

     

    ผมชงักเล็กน้อยกับเสียงโทรศัพท์เครื่องบางที่นอนสงบนิ่งอยู่บนโต๊ะทำงาน ผมก้มลงไปมองดูว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา และเมื่อผมได้เห็นชื่อที่โทรเข้ามาโชว์หลาอยู่บนหน้าจอผมก็แทบอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้งไปเสียเดี๋ยวนั้น

     

    - Lay –

     

    จะโทรมาทำไม!?

     

    ผมไม่สนใจที่จะรับสายของอีกคนเพราะยังไม่หายฉุนกับเรื่องที่โดนเจ้าของเบอร์ที่โทรมานั้นทรยศหักหลังทั้งๆที่เป็นเพื่อนกัน ...

     

    ..............

    .........................

    .........................................

     

    สายแล้วสายเล่าที่หมอนั่นยังคงกระหน่ำโทรมาซึ่งผมก็ทำเป็นไม่รับรู้ ไม่เห็น และไม่สนใจ จนกระทั่งสายนี้ สายที่ 22 ผมกดรับสายด้วยเพราะทนรำคาญไม่ไหว

     

    มีอะไรผมถามเสียงห้วน

     

    มีเรื่องจะคุยด้วย

     

    แต่กูไม่มีอะไรจะคุยกับมึง!”

     

    แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องสำคัญมาก และมึงสมควรต้องรู้ไว้ เพราะ...

     

    ???????

     

    เพราะมันเกี่ยวกับความปลอดภัยของจงแด …………”

     

    ........ อืม แล้วเจอกัน

     

     

     

    ผมใช้เวลาคุยกับเลย์ไปเกือบร่วมชั่วโมงโชคดีหน่อยที่ผมไม่มีงานสำคัญอะไรในช่วงบ่าย จะมีก็เพียงแค่ต้องเซ็นเอกสารอะไรเพียงเล็กน้อยซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่รีบร้อนอะไร เรื่องที่ผมกับเลย์คุยกันส่วนใหญ่เป็นเรื่องของจงแดอย่างที่ได้คุยกันในโทรศัพท์ และผมก็ได้รู้อะไรบางอย่างที่ผมกำลังสงสัยมันอยู่ ซึ่งเรื่องที่เลย์บอกมามันก็ตรงกับที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด ...

     

    เด็กคนนั้น ...ไม่ได้เป็นคนดีจริงๆด้วยสิ : )

     

    พอเสร็จธุระจากเลยืผมก็ตรงดิ่งกลับมาที่บ้านทันทีโดยไม่ลืมฝากฝังให้ไคเอาเอกสารที่สำคัญๆมาให้ผมเซ็นที่บ้านด้วย ผมไม่ได้รีบร้อนอะไรกับการเดินทางกลับบ้านเพราะไม่ว่าจะรีบหรือไม่รีบยังไงก็มีค่าเท่าเดิมอยู่แล้ว ก็นะ...รถติดขนาดนี้ต่อให้รีบยังไงก็คงจะไม่ทำให้ถึงบ้านเร็วกว่าเดิมอยู่ดี

     

    ซึ่งกว่าผมจะถึงบ้านก็เป็นเวลาเกือบบ่ายสามเข้าไปแล้ว ผมเดินตรงเข้ามาในบ้านไม่ได้ทักทายใครซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่อะไรของคนบ้านนี้ ผมไม่ได้กล่าวทักทายใครมานานแล้วล่ะ ......

     

    อ้าว ทำไมวันนี้ถึงกลับเร็วนักล่ะค่ะคุณจุนมยอนเสียงแม่บ้านคนเก่าแก่ของบ้านเอ่ยทักทายผมตามปกติ

     

    งานไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่น่ะครับ

     

    ถ้าอย่างงั้นจะรับอะไรไหมค่ะเดี๋ยวป้าไปจัดให้

     

    ไม่ล่ะครับ ผมว่าจะไปนอนพักสักหน่อย

     

    อ้อ ค่ะ งั้นป้าไม่รบกวนแล้วนะค่ะถ้าอยากได้อะไรก็บอกป้าแล้วกันนะค่ะ

     

    ขอบคุณครับ

     

    ผมเดินขึ้นบันไดมาชั้นสองตรงไปยังห้องนอนของตนเองทันทีโดยไม่ได้สนใจอะไร ตั้งแต่ที่จงแดต้องเจ็บตัวเพราะผม ผมก็แอบไปเฝ้าเขาทุกวันและก็ต้องตื่นตอนเกือบฟ้าสางแล้วรีบออกมาจากห้องเพราะกลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเห็นผมเข้า ทำแบบนี้อยู่หลายวันจนเมื่อเห็นว่าอาการของเขาดีขึ้นมากแล้วผมเลยมีเวลามาเคลียร์งานที่มันช่างอัดแน่นเข้ามาจนผมแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน

     

    คงจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่มันช่างโหดร้ายกับผมที่สุดเวลาจะพักผ่อนก็แทบจะไม่มี กว่าจะมีเวลาว่างแบบวันนี้ได้ก็เล่นเอาเกือบต้องมีการห้ามกันไปโรงบาลเลยทีเดียว ผมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อคิดว่าหลังจากวันนี้ไปผมคงจะมีเวลาได้อยู่กับจงแดบ้าง ...แม้ว่าจะไม่ค่อยจะได้อยู่กันแบบสันติสุขก็ตามเถอะ

     

    ประตูไม้บานใหญ่ซึ่งมันเป็นห้องนอนของผมอยู่ตรงหน้าเพียงแค่เดินไม่กี่ก้าวก็ถึง ผมหยุดฝีเท้าไว้พักหนึ่งแล้วจึงหันไปมองประตูไม้บานใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของผมเอง เพียงแค่คิดว่าพรุ่งนี้จะได้อยู่ใกล้เด็กคนนี้แล้วเขาก็อดที่จะยกยิ้มขึ้นมาเสียไม่ได้ แม้ว่าทุกอย่างมันอาจจะเลวร้ายลงไปกว่าเดิมมากเขาก็จะไม่ว่าอะไรเพียงแค่ขอให้เขาได้อยู่ใกล้ชิดกับเด็กคนนี้ก็พอแล้ว

     

    ความจริงที่ได้รู้อีกอย่างในวันนี้มันทำให้เขาอยากจะปกป้องเด็กคนนี้ขึ้นมา ...

     

    แต่ว่า ...หึ! มันไม่ใช่อย่างนั้นซะหมดหรอกเขาแค่หมายความว่า จะไม่มีใครหน้าไหนมาทำร้ายจงแดได้ ...นอกจากจะเป็นเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น : )

     

    แล้วนายจะได้รู้ว่าเจ้ากรรมนายเวรของนายมันก็คือ ฉัน นี่แหละ คิม จงแด : )

     

    จุนมยอนแสยะยิ้มให้กับบานประตูไม้ซึ่งเป็นห้องของจงแดก่อนจะหันกลับมาเปิดประตูห้องของตัวเองเพื่อหวังว่าจะได้นอนพักผ่อนเสียทีเพราะว่าเหนื่อยมามากแล้ว

     

    ประตูไม้บานใหญ่ถูกผลักออกด้วยฝีมือของร่างโปร่ง ภาพที่ปรากฎต่อสายตาของเขาภาพแรกคือภาพของเด็กหนุ่มตัวผอมที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งยืนอยู่ตรงบันไดซึ่งมันติดกับตู้หลังใหญ่ ในมือผอมบางมีกระดาษแผ่นไม่เล็กไม่ใหญ่อยู่ในมือใบหน้าของคนตัวผอมเงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษแผ่นนั้นแล้วมองมาที่เขาอย่างตกใจ

     

    ร่างกายของคนตัวผอมสั่นจนคนที่ยืนดูอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลอย่างจุนมยอนสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยแต่ในแววตากลับมีแววโกรธเกรี้ยวจนดูน่ากลัว และจงแดก็มีอันต้องตกใจกว่าเดิมเมื่อโดนคนอายุมากกว่าตะคอกใส่เสียงดัง

     

    นายเข้ามาห้องฉันทำไม!!”

     

    ฉะ ฉันแค่ ...

     

    แค่อะไร!!!”

     

    ............

     

    ลงมา!”

     

    แต่...จะให้ลงยังไงเล่า จากที่มองลงไปนี่มันก็สูงพอสมควรนะ ไอ้อาการที่แบบขึ้นได้แต่ลงไม่ได้น่ะใครๆก็เคยเจอกันทั้งนั้นแหละ ...เนอะ

     

    ลง มา เดี๋ยว นี้!!”

     

    ยิ่งอีกคนกดเสียงต่ำแล้วพูดเน้นทีละคำจงแดก็ยิ่งมีอาการกลัวเข้าไปใหญ่ร่างเล็กจำใจต้องยอมก้าวขาลงมาแม้ว่าจะพยายามควบคุมไม่ให้ขามันสั่นขนาดไหนแต่มันก็เหมือนยิ่งจะทำให้ขามันสั่นมากกว่าเดิม หลายครั้งที่ขามันก้าวพลาดจนเกือบจะตกลงไปแต่ก็ยังต้องทำใจกล้าก้าวลงมาจากบันไดที่มันทั้งชันทั้งสูงเพราะว่าสายตาของคนอายุมากกว่านั้นมันยิ่งดูกราดเกรี้ยวเข้าไปทุกที

     

    ลงมาเร็วๆ!”

     

    อ๊ะ! เหวออออ

     

    และแล้วจงแดก็พลั้งพลาดตกลงมาจนได้เพราะตกใจกับเสียงตะคอกของจุนมยอน ร่างบางหลับตาปี๋แต่มือทั้งสองข้างก็กอดกล่องไม้เก่าๆในไว้แนบอกแน่น เตรียมพร้อมรับกับความเจ็บปวดทุกเมื่อ จนกระทั่ง ...

     

    ตุบ!!

     

    ร่างของเขาหล่นลงไปทับอยู่บนตัวของจุนมยอนที่วิ่งเข้ามาช่วยรับไว้ได้ทันท่วงที ความตกใจบวกกับอาการเวียนหัวทำให้จงแดรู้สึกเหมือนกับว่าสติของเขาพร้อมที่จะดับลงไปทุกที เขามองใบหน้าของคนที่ช่วยมารับร่างเขาไว้แทบจะไม่ชัดแล้วตอนนี้ จนกระทั่งอีกคนเริ่มขยับปากเอ่ยถามเสียงเป็นห่วงเป็นใยละคนกับอาการตกใจ

     

    เฉินเฉิน ...เฉิน

     

    เสียงนี้ เสียงเหมือนกับ .....

     

     

    พี่ซูโฮเฉินเฉินเจ็บ

     

    ไม่เป็นไรนะคนดีพี่อยู่ตรงนี้ เฉินเฉินไม่ต้องกลัวนะครับ

     

     

    ……..

    …………….

    ………………………..

     

     

    พี่ซูโฮเฉินเฉินเจ็บ

     

    “…………”

     

    เฉินเฉิน ...กลัว

     

     

     

     

     

    ไม่เป็นไรนะคนดีพี่อยู่ตรงนี้ เฉินเฉินไม่ต้องกลัวนะครับ



    หายไปนานเลยอ่ะ ขอโทษนะก่ะ TToTT




     
    เหมียว หง่าว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×