ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภารกิจวุ่น ลุ้นรักนายปากร้าย( Mission of Love).......(TVXQ)

    ลำดับตอนที่ #5 : ศึกกระทะเหล็ก....

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 50


    ตามสัญญาค่ะ 2 ตอน รวด.......

    เชิญอ่านกันตามสบายเลยน่ะค๊ะ........


    ******************************************************

    ทันทีที่ถึงซูเปอร์มาร์เก็ต อีตาแจจุงก็รีบปล่อยมือฉันทิ้งแทบจะทันทีเลย...แล้วรีบเดินดุ่ยๆ ไปคว้าตะกร้าใส่ของแทน แล้วยังจะหันมาเร่งฉันอีกน่ะ‘ว่าชักช้าเดี๋ยวก็กลับบ้านช้าหรอก...ปล่อยลิงทโมน อีก 4 ตัว ท้องหิวมันบาปน่ะ เชื่อเค้าเลย... แล้วใครกันน่ะที่สายน่ะ....-_-+

    แล้วอีตาหน้าวอกก็ควักกระดาษมาให้ฉันแผ่นหนึ่ง ในนั้นเป็นรายการข้าวของที่ต้องซื้อสำหรับมื้อค่ำคืนนี้ที่เค้าบรรจงเขียนด้วยตัวเอง

    1. เนื้อหมูติดมัน
    2. น้ำซอสบาบีคิว(เกาหลี)
    3. น้ำมันงา
    4. กระเทียม
    5. หอมหัวใหญ่
    6. ต้นหอม
    7. พริกป่น
    8. ซอสพอนซู (ซอสเปรี้ยวของญี่ปุ่น)
    9. เต้าหู้อ่อน
    10. อาหารซีฟู๊ด
    11. เห็ดหอม
    12. กิมจิ
    13. ผักสำหรับทำสลัด

    เริ่มด้วยรายการแรก เนื้อหมูติดมัน ฉันก็พาเค้าไปที่แผนกของสด อีตานี่เอานิ้วจิ้มๆหมูในถาดอยู่สักพักก็หยิบขึ้นมา 2 ถาดOoO"แล้วเค้าก็หันมามองฉันแล้วยิ้ม(ละลาย) พร้อมกับบอกว่า “ชางมินกินเก่ง ต้องทำเยอะๆหน่อย เดี๋ยวน้องไม่อิ่ม” เชื่อค่ะ ดูตัว(น้อง)ชางมินสิคะ ต้องเป็นคนอิ่มยาก...แล้วฉันก็พาเค้าไปเลือกเต้าหู้อ่อน เค้าดูอันโน้น อันนี้ไปเรื่อย แล้วก็พูดคำเดียวกันซ้ำๆ อยู่นั่นแหล่ะ ว่า “อ่อนกว่านี้มีอีกมั้ย” “ต้องอ่อนกว่านี้” จนฉันรำคาญ จึงหยิบเต้าหู้ไข่ตรานางพยาบาลมาให้ เค้าบีบๆอยู่สักพัก แล้วจึงบอกว่า “นี่แหล่ะอ่อนที่ต้องการ” แล้วเราก็จบปัญหาการเลือกเต้าหู้ได้สำเร็จ

    จากนั้นฉันก็พาไปเค้าไปเลือกซื้อของที่เหลือจนเรียบร้อยหมดทุกรายการ แต่แจจุงก็ยังจะตรวจทานทุกรายการอย่างละเอียดอีกครั้ง จนแน่ใจว่าครบถ้วนแล้วจริงถึงได้พากันไปที่แคชเชียร์

    เมื่อไปถึงพนักงานแคชเชียร์ก็ถึงกับจ้องหน้าอีตาหน้าวอกนี่ตาไม่กระพริบเลยล่ะ จนฉันต้องตะโกนเรียกเสียงดัง คุณเธอถึงมีสติมาคิดสตางค์ให้เราได้แต่ดูเหมือนตานี่จะชินกับปฏิกิริยาแบบนี้ของสาวๆแล้วล่ะ ถึงได้ยืนยิ้มตาหวาน เสียจนน่าหมั่นไส้

    ~~~~

    เป็นเวลานานมากๆกว่าพนักงานจะคิดเงินเสร็จ ก็มัวแต่ส่งตาหวานให้กันอยู่นั่นแหล่ะ ถ้าแม่แคชเชียร์คนนี้มีเชื้อสายปลากัดล่ะก็ คงได้วางไข่ไปหลายฟองแล้วล่ะ เล่นจ้องกันขนาดนั้น..เฮ้อ

    แล้วฉันก็ต้องมายืนถอดใจอีกครั้งที่สถานีรถไฟฟ้า....เพราะอีตาแจจุงจับมือฉันไว้แน่นอีกแล้วล่ะสิ เหตุผลเดิม...กลัวฉันจะไปสะดุดขาใครล้มอีก...เฮ้อ~~~ แต่ก็ยอมรับน่ะ ว่าเค้ามือนิ่มน่าดู...^^

    ********************

    แล้วเราก็มาถึงบ้านกันอย่างปลอดภัย พร้อมตรงไปยังห้องครัวทันที แต่ระหว่างที่ฉันกำลังชิ่งหนีไปนั่นเอง แจจุงก็ได้เรียกฉันไว้

    “คุณ..อยู่ช่วยผมก่อน”คำเดียวจริงๆ แล้วฉันก็ยอมในที่สุด ไม่ใช่ว่าพิสมัยอีตานี่สักเท่าไหร่ แต่ฉันกลัวว่าอีตาหน้าวอกจะเผาครัวบ้านฉันเสียวอดวายต่างหาก อย่างน้อยฉันก็จะได้สามารถช่วยดับไฟไว้ได้ทัน-_-!

    เค้าบอกว่าเมนูแรกที่จะทำก็คือ “บูลโกกิ” เค้าสั่งให้ฉันแร่หมูให้บางๆ แต่ฉันก็ยังยืนทำท่าเก๊ๆกังๆเค้าจึงเดินมาหยิบหมูแล้วหั่นให้ดู ว่าต้องแร่ให้บางขนาดนี้ เวลาหมักซอสมันจะเข้าเนื้อง่าย แล้วก็จะได้ไม่เลียนด้วย เมื่อหันเสร็จ เค้าก็เอาหมูใส่น้ำมันงา และซอสบาบีคิว คนให้หมูกับน้ำซอสเข้ากัน แล้วหมักที่ไว้ประมาณ 1 ชม. จากนั้นก็หันมาหั่นหอมใหญ่ ทุบกระเทียมเตรียมเอาไว้

    เมื่อเตรียมของอย่างแรกเสร็จ เค้าก็มาเตรียม อย่างที่สอง ก็คือ “สลัดแบบเกาลี” เค้าจัดการตั้งเตา ใส่น้ำมันงาลงไปในหม้อ ทั้งให้เดือดสักพัก เค้าก็เติม พอนซูซอสลงไปประมาณหนึ่งในสี่ส่วน จากนั้นก็คนให้เข้ากัน แล้วจึงเติมน้ำเปล่าลงไปอีก 2 ถ้วย แล้วก็คนต่อ สักพักเค้าก็เติมน้ำตาลลงไป 2 ช้อนโต๊ะ ค้นให้ละลาย แล้วเค้าก็ชิม เมื่อคิดว่าได้รสที่ต้องการแล้วเค้าก็หันมาตักให้ฉันชิมบ้าง ทีแรกฉันส่ายหัว แต่เค้าก็ดึงดันจะป้อนให้ได้ สุดท้ายฉันต้องอ้าปากในที่สุด และนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่มนุษย์ทั้ง 5 คน เดินเข้ามาในครัว...พอดี

    “ทำอะไรกันน่ะ...”เสียงยัยแทยุน ทำฉันสำลัก....”แหม..มัวสวีทกันอยู่ได้ แล้วเมื่อไหร่เราจะได้ชิมฝีมือคุณแจจุงล่ะคะ”

    “ก็ถ้าเธอเข้ามาช่วยล่ะก็มันก็จะเสร็จเร็วขึ้น” ฉันย้อนหลังจากที่หายจากอาการสำลักน้ำสลัด

    “งานนี้ขอบายล่ะ เรื่องในครัวนี่ไม่ถนัดจริงๆ ปล่อยเธอกับแจจุงยุ่งกันไปดีกว่า หนุ่มๆไปจัดโต๊ะรอกันดีกว่าค่ะ” จริงๆเลยยัยนี่ เผลอแผล่บเดียว กลายเป็นผู้นำหนุ่มๆไปแล้วรึนี่ “อ้อพี่เรนฝากบอกว่าขอตัวกลับไปก่อนน่ะเห็นว่าจะไปทำบัญชีที่บริษัท นี่เธอ 2 คนพี่น้อง ขี้งกพอกันเลยน่ะ ไปล่ะ ฉันไปจัดโต๊ะรอดีกว่าไปค่ะ ยุนโฮ ชางมิน จุนซู”ฮั่นแน่ มือไวเป็นปลาหมึกเชียว เกาะแขนยุนโฮเลยรึเนี่ย ฉันว่ายัยแทยุนนี่จะต้องคิดอะไรไม่ซื่อกับยุนโฮแน่ๆ 555... ฉันคงต้องเตือนยุนโฮหน่อยแล้วล่ะ

    “น้ำสลัดนี่ทิ้งไว้ให้เย็นก่อนน่ะ...เอาล่ะ คราวนี้ผมจะทำบูลโกกิ แล้วน่ะ ขอกระทะด้วยครับ”แจจุงบอกพร้อมกับยื่นมือมารอรับกระทะทันที เมื่อได้กระทะไปเค้าก็จัดการตั้งไฟ เทน้ำมันงาลงไป แล้วตามด้วยกระเทียม หอมใหญ่ ผัดให้เข้ากัน แล้วปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลือง เมื่อเสร็จแล้วก็ตักออกไปพักไว้ในจาน แล้วจึงนำหมูที่หมักเอาไว้ออกมาผัดในกระทะ เติมน้ำซุปลงไปเล็กน้อย

    “เดี๋ยวอันนี้คุณผัดไปจนแห้งน่ะ ผมจะไปทำซุปต่อ” เค้าพูดแล้วหันไปหยิบหม้อดินออกมาจากชั้น

    เมนูสุดท้ายคือ ซุปเต้าหู้ซีฟู๊ด เค้านำหม้อดินเผามาเทน้ำลงไป แล้วตั้งไฟจนน้ำเดือด จึงเติมซีฟู๊ดทั้งหลายลงไป พอซีฟู๊ดสุกแล้ว เค้าก็เอากิมจิที่ซื้อมาใส่ลงไปประมาณ 1 ช้อน แล้วก็ตามด้วยเต้าหู้ไข่ และเห็ดหอม แล้วจึงปิดฝาทิ้งไว้สักพัก แล้วก็หันมาดูบูลโกกิที่ฉันผัด

    “ของคุณใกล้แล้วล่ะ อีกสักพักก็ใช้ได้แล้วล่ะ” จากนั้นเค้าก็เปิดฝาหม้อซุปแล้วโรยพริกป่นเกาหลีลงไป แล้วเค้าก็ปิดฝา หันมาบอกกับฉันว่า

    “ซุปนี้ต้องต้มจนกว่าพริกป่นจะละลายเป็นเนื้อเดียวกับน้ำ มา เดี๋ยวคุณดูแลอันนี้ต่อ ขอผมผัดบูลโกกิเอง” แล้วก็แย่งตะหลิวในมือฉันไป ท่าทางของเค้ายามที่อยู่ในครัว ผิดกับที่สนามบิน แล้วก็บนรถไฟฟ้าลิบลับเลย เค้าดูจริงจัง ไม่ยียวนเลยสักนิด...สีหน้ายามที่เค้ากำลังมองอาหารแต่ละจานอย่างพิถีพิถัน นี่ก็ดูมีเสน่ห์อีกแบบเหมือนกันน่ะ เหมือนกับเค้ากำลังร่ายมนต์อย่างไงอย่างนั้เลยล่ะ หยิบโน่นใส่นี่อย่างคล่องแคล่ว ท่าทางจะเป็นจริงอย่างที่แทยุนบอกแล้วล่ะ เค้าทำอาหารเก่งกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก และในระหว่างที่ฉันกำลังหลงไปกับลีลาพ่อครัวมืออาชีพอยู่นั่น ก็พลันมีเสียงทำลายความคิดดีๆเหล่านั้นลง

    “หลงเสน่ห์ผมหรือไง..นี่แค่ทำยังจ้องผมอย่างนี้ท่าลองได้ชิม ไม่ขอผมแต่งงานเลยหรอ” ให้ตายเถอะ..อีตานี่หลงตัวเองเสียจริงๆ

    “ไอ้นี่น่ะ...พริกละลายหมดเลย ทำไงต่อค๊ะ?"ฉันถามหน้างองอด แต่เค้ากลับหันมายิ้มหวาน “ปิดแก๊ซแล้วตอกไข่ใส่ลงไป แล้วปิดฝาครับ แค่นี้ก็เรียบร้อย...” เค้าละมือมาจาก บูลโกกิ แล้วจัดการตามนั้นทันที “ทิ้งไว้ 3 นาที ก็ทานได้แล้วครับ

     

    แล้วแจจุงก็หันไปเติมพริกและน้ำซอสบาบีคิวลงไปในบูลโกกิ ผัดให้เข้าเนื้อสักพักจึงปิดแก๊ซ แล้วตักเนื้อหมูที่ผัดจนแห้งร้อนๆ โปะลงบนจานหอมใหญ่ผัดที่เตรียมไว้

    “อันนี้ก็เรียบร้อย เหลือสลัดก็เสร็จแล้ว” ว่าจบเค้าก็ไปหยิบจากในตู้เย็นมาจัดลงจาน ค่อยๆบรรจงวางผักทีละใบ ปากสีสดเกร็งจนยื่นเจ่อ ดูน่ารัก จนฉันหลุดหัวเราะอย่างเผลอตัว แจจุงหันมามองหน้างงๆ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาจัดผักต่อไป เมื่อได้ชั้นผักอย่างที่ตั้งใจ เค้าก็หยิบเอาน้ำสลัดที่ทิ้งไว้มาราดจนชุ่มไปทั้งจาน....

    "พร้อมยกเสิร์ฟแล้วครับ” เค้าหันมายิ้มแฉ่งให้ฉันดูท่าทางภูมิใจกับอาหารคืนนี้นักหนา “คุณแจริไปอาบน้ำให้สดชื่น แล้วมาชิมอาหารฝีมือผมน่ะครับ” 

    "ได้ค่ะ...ขอตัวสักครู่น่ะคะ” ฉันยิ้มหวานแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก เดินกลับห้องไปจัดการกับตัวเอง

    ***********************

    และแล้วอาหาร 3 อย่างก็วางอยู่บนโต๊ะ บูลโกกิ ซุปเต้าหู้ซีฟู๊ด และสลัดเกาหลี ต้องขอบคุณยัยแทยุนที่เนรมิตโต๊ะอาหารไม้เก่าๆธรรมดา ให้กลายเป็นโต๊ะอาหารสไตล์เกาหลี ตกแต่งโน้นนิดนี่หน่อย ก็ออกมาเริ่ดเชียว

    “อร่อยมากๆเลยคะ แจจุง ฝีมือของคุณนี่เปิดร้านอาหารได้สบายเลยน่ะคะ...” เสียงแหลมปี๊ด ของยัยแทยุน เอ่ยปากชมอีตาหน้าวอกไม่ได้หยุดปาก ออกหน้าออกตาเสียจนน่าหมั่นไส้ เชื่อมั้ยถ้าเค้าไม่ได้ลูกมือฝีมือดีแบบชั้น มันคงไม่ออกมาอร่อยเท่านี้หรอก...ฮึฮึ +o+
    "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ...ก็แค่อะไรที่ทำบ่อยๆมันก็เลยชินมือน่ะครับ...ว่าแต่คุณแจริไม่ชอบหรอครับ ไม่เห็นค่อยกินเลย” เป็นอีกในรอบวันที่ฉันสำลัก -_-!!

    "แค่กๆ....."

    “เอ้า...นี่น้ำ เธอนี่ซุ่มซ่ามจริงๆเลย” แทยุนส่งน้ำให้ฉันเป็นการใหญ่

    “ก็ดีน่ะค่ะ แต่ฉันไม่ค่อยจะได้ทานอาหารเกาหลีสักเท่าไหร่ เลยไม่รู้ว่าอร่อยหรือไม่อร่อยยังไงน่ะค่ะ” ฉันส่งยิ้มยียวนกวนประสาทแบบที่เค้าชอบทำกับฉันให้เค้าบ้าง แต่เค้ากลับยิ้มหวานตอบกลับมา

    “มันก็เหมือนกับตอนที่ผมทานแกงอะไรของคุณนั่นแหล่ะครับ ไม่เคยเลยไม่รู้ว่ามันดีไม่ดียังไงแต่ผมว่าอย่างน้อยน่าตาอาหารของผมมันก็ดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไรใช่มั้ยล่ะครับO_O จุก...ถึงกับจุก อีตานี่ปากร้ายใช่ย่อยน่ะ!!! ทำไมล่ะ น่าตาน่ากลัวแล้วไงล่ะ มันก็อร่อยจนนายกินจนหมดหม้อมิใช่เหรอ แต่ก่อนที่ฉันจะได้ขยับปากพ่นอะไรต่อมิอะไรออกมา ยุนโฮก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน

    “มันเอามาเทียบกันไม่ได้หรอกครับ มันอยู่ที่ความตั้งใจของคนทำ... เอาเป็นว่าก็อร่อยกันทั้งคู่นั่นแหล่ะ อร่อยกันไปคนละแบบน่ะ” ประโยคนี่ดับอารมณ์ร้อนของฉันลงไปในพริบตา ใครจะว่า ฉันเป็นคนบ้ายอก็ช่างเถอะ...อะไรที่ทำฉันอารมณ์ดี มันก็ดีทั้งนั้นแหล่ะ

    สิ้นประโยคเด็ดของยุนโฮ เราทั้ง 7 คนยิ้มแหง ให้กัน แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทานมื้อค่ำกันไปเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครพูดถึงความอร่อยอีกเลย....เฮ้อ

    เมื่อจัดการเก็บกวาดในครัวจนเสร็จเรียบร้อย ต่างคนต่างก็แยกกันไปหามุมของตัวเอง บ้างก็เข้าห้องไปจัดสำภาระ บ้างก็นั่งย่อยคุยเล่นหัวกันที่ห้องรับแขก เป็นที่น่าสังเกตอีกว่า ไม่ว่ายุนโฮจะนั่งอยู่ตรงไหน ยัยแทยุนก็มักจะอยู่ด้วยเสมอ... ชักยังไงๆ เสียแล้วสิคู่นี้...แต่ฉันก็เหนื่อยเกินว่าจะสงสัยไปมากกว่านี้ จึงระเห็ดตัวเองออกมายังที่ชานหน้าบ้าน ให้สายลมอ่อนๆยามค่ำคืน ช่วยพัดเอาความเหนื่อยล้าไปเสียให้หมด แล้วจึงนอนเอนลงไปที่ม้าหวาย ปิดดวงตาที่อ่อนล้าลงแน่นสนิท ใช้สมองคิดทบทวนถึงสิ่งที่ทำไว้ในวันนี้หาข้อผิดพลาด แล้วจึงคิดต่อไปถึงสิ่งจะทำในวันพรุ่งนี้...

    “วันนี้เราเริ่มต้นกันไม่ดีเลยน่ะ” เสียงคนหนึ่งปลุกฉันตื่นอย่างฉับพลัน ฉันหันไปตามเสียงอย่างรวดเร็ว จึงได้พบใบหน้าขาว ริมฝีปากสีสด ขยับพูดอยู่ที่ม้าหวายตัวข้างๆกัน “คิมแจจุง” เค้าเอนตัวลงนอน สองแขนช้อนไว้ใต้ศีรษะ เผยเห็นอกแกร่งภายใต้เสื้อกล้ามสีขาวตัวบางที่เค้าใส่อยู่

    “คะ!!??"ฉันทวนคำอย่างงๆ

    “ผมหมายถึง...วันนี้คุณคงไม่ประทับใจผมสักเท่าไร...แต่เชื่อเถอะครับผมไม่ได้ตั้งใจให้มันออกมาเป็นแบบนี้หรอก...เอาเป้ฯว่า เรื่องวันนี้ถ้าผมทำอะไรให้คุณไม่ชอบใจละก็ ผมขอโทษน่ะครับ...” เค้าพูดทั้งๆที่ไม่ได้หันมามองหน้าฉันเลยสักนิด แต่เอาเถอะ...ถือว่าเค้าเป็นลูกผู้ชายพอ ที่กล้าขอโทษกันตรงๆแบบนี้ เข้าคอนเซ็ป ฉันพอดี‘ดีมา ก็ดีตอบ ร้ายมา ก็ร้ายตอบ

    "ฉันก็ด้วยล่ะค่ะ...ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน อาจจะปากไวไปนิดแต่จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรนั่นแหล่ะค่ะแต่คุณนี่ก็แปลกน่ะคะ”

    “แปลกยังไง” เค้าถาม

    “ทำฉันหน้าหงิกมาเกือบทั้งวัน แต่พอจะนอนกลับเปลี่ยอารมณ์ทำฉันยิ้มแก้มแทบปริแน่ะค่ะ” ฉันพูดกลั้วหัวเราะ

    “อย่างน้อยคืนนี้คุณก็น่าจะฝันถึงผมในแง่ดีๆ บ้าง” เค้าพูดพลางหัวเราะในลำคอ

     "กลัวฉันแช่งคุณในฝันรึไงกัน ฮ่า..ฮ่า!!”

    "ก็ทำนองนั้น”

    แล้วคืนนั้นเราก็คุยอะไรต่อมิอะไรกันอีกมากมาย เค้าทั้งคุยเก่ง ช่างเมาส์ แถมยังติดตลกอีกด้วย ทำเอาฉันหัวเราะจนเกือบตกจากม้าหวายไปตั้งหลายทีแน่ะ ฉันคงต้องมองเค้าใหม่เสียแล้วล่ะ แต่อย่าเพิ่งได้ใจไปล่ะ เพราะนี่มันก็แค่คืนแรกที่เรารู้จักกัน ของบางอย่างมันไม่ออกมาให้เราเห็นในคืนแรกหรอกจริงมั้ย...

    กับภาระกิจแรกของวันนี้ก็ทำเอาฉันเกือบจะสติแตก เพราะฤทธิ์ปากของอีตาหน้าวอก คิมแจจุง แล้วมั้ยล่ะ...แล้วพรุ่งนี้ฉันต้องพาท่านเทพ ทั้ง 5 ไปเที่ยวซ่ะด้วย ไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์แปลกๆอะไรเกิดขึ้นอีกมั้ยหนอ..โอ๊ยแค่คิดก็ปวดหัวแล้ว แถมยัยแทยุนเพื่อนฉัน ก็ดันแปรพรรคไปอยู่ฝ่ายนู้นเสียเต็มตัวแล้วด้วยสิ....งานนี้มีแต่จุกกับเจ็บใช่มั้ยเนี่ย...2 เดือน..ฉันอยากผ่านมันไปเร็วๆจังค่ะ...!!

    ****************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×