คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ศึกกระทะเหล็ก....
ตามสัญญาค่ะ 2 ตอน รวด.......
เชิญอ่านกันตามสบายเลยน่ะค๊ะ........
******************************************************
ทันทีที่ถึงซูเปอร์มาร์เก็ต อีตาแจจุงก็รีบปล่อยมือฉันทิ้งแทบจะทันทีเลย...แล้วรีบเดินดุ่ยๆ ไปคว้าตะกร้าใส่ของแทน แล้วยังจะหันมาเร่งฉันอีกน่ะ‘ว่าชักช้าเดี๋ยวก็กลับบ้านช้าหรอก...ปล่อยลิงทโมน อีก 4 ตัว ท้องหิวมันบาปน่ะ’ เชื่อเค้าเลย... แล้วใครกันน่ะที่สายน่ะ....-_-+
แล้วอีตาหน้าวอกก็ควักกระดาษมาให้ฉันแผ่นหนึ่ง ในนั้นเป็นรายการข้าวของที่ต้องซื้อสำหรับมื้อค่ำคืนนี้ที่เค้าบรรจงเขียนด้วยตัวเอง
- เนื้อหมูติดมัน
- น้ำซอสบาบีคิว(เกาหลี)
- น้ำมันงา
- กระเทียม
- หอมหัวใหญ่
- ต้นหอม
- พริกป่น
- ซอสพอนซู (ซอสเปรี้ยวของญี่ปุ่น)
- เต้าหู้อ่อน
- อาหารซีฟู๊ด
- เห็ดหอม
- กิมจิ
- ผักสำหรับทำสลัด
เริ่มด้วยรายการแรก เนื้อหมูติดมัน ฉันก็พาเค้าไปที่แผนกของสด อีตานี่เอานิ้วจิ้มๆหมูในถาดอยู่สักพักก็หยิบขึ้นมา 2 ถาดOoO"แล้วเค้าก็หันมามองฉันแล้วยิ้ม(ละลาย) พร้อมกับบอกว่า “ชางมินกินเก่ง ต้องทำเยอะๆหน่อย เดี๋ยวน้องไม่อิ่ม” เชื่อค่ะ ดูตัว(น้อง)ชางมินสิคะ ต้องเป็นคนอิ่มยาก...แล้วฉันก็พาเค้าไปเลือกเต้าหู้อ่อน เค้าดูอันโน้น อันนี้ไปเรื่อย แล้วก็พูดคำเดียวกันซ้ำๆ อยู่นั่นแหล่ะ ว่า “อ่อนกว่านี้มีอีกมั้ย” “ต้องอ่อนกว่านี้” จนฉันรำคาญ จึงหยิบเต้าหู้ไข่ตรานางพยาบาลมาให้ เค้าบีบๆอยู่สักพัก แล้วจึงบอกว่า “นี่แหล่ะอ่อนที่ต้องการ” แล้วเราก็จบปัญหาการเลือกเต้าหู้ได้สำเร็จ
จากนั้นฉันก็พาไปเค้าไปเลือกซื้อของที่เหลือจนเรียบร้อยหมดทุกรายการ แต่แจจุงก็ยังจะตรวจทานทุกรายการอย่างละเอียดอีกครั้ง จนแน่ใจว่าครบถ้วนแล้วจริงถึงได้พากันไปที่แคชเชียร์
เมื่อไปถึงพนักงานแคชเชียร์ก็ถึงกับจ้องหน้าอีตาหน้าวอกนี่ตาไม่กระพริบเลยล่ะ จนฉันต้องตะโกนเรียกเสียงดัง คุณเธอถึงมีสติมาคิดสตางค์ให้เราได้แต่ดูเหมือนตานี่จะชินกับปฏิกิริยาแบบนี้ของสาวๆแล้วล่ะ ถึงได้ยืนยิ้มตาหวาน เสียจนน่าหมั่นไส้
~~~~
เป็นเวลานานมากๆกว่าพนักงานจะคิดเงินเสร็จ ก็มัวแต่ส่งตาหวานให้กันอยู่นั่นแหล่ะ ถ้าแม่แคชเชียร์คนนี้มีเชื้อสายปลากัดล่ะก็ คงได้วางไข่ไปหลายฟองแล้วล่ะ เล่นจ้องกันขนาดนั้น..เฮ้อ
แล้วฉันก็ต้องมายืนถอดใจอีกครั้งที่สถานีรถไฟฟ้า....เพราะอีตาแจจุงจับมือฉันไว้แน่นอีกแล้วล่ะสิ เหตุผลเดิม...กลัวฉันจะไปสะดุดขาใครล้มอีก...เฮ้อ~~~ แต่ก็ยอมรับน่ะ ว่าเค้ามือนิ่มน่าดู...^^
********************
แล้วเราก็มาถึงบ้านกันอย่างปลอดภัย พร้อมตรงไปยังห้องครัวทันที แต่ระหว่างที่ฉันกำลังชิ่งหนีไปนั่นเอง แจจุงก็ได้เรียกฉันไว้
“คุณ..อยู่ช่วยผมก่อน”คำเดียวจริงๆ แล้วฉันก็ยอมในที่สุด ไม่ใช่ว่าพิสมัยอีตานี่สักเท่าไหร่ แต่ฉันกลัวว่าอีตาหน้าวอกจะเผาครัวบ้านฉันเสียวอดวายต่างหาก อย่างน้อยฉันก็จะได้สามารถช่วยดับไฟไว้ได้ทัน-_-!
เค้าบอกว่าเมนูแรกที่จะทำก็คือ “บูลโกกิ” เค้าสั่งให้ฉันแร่หมูให้บางๆ แต่ฉันก็ยังยืนทำท่าเก๊ๆกังๆเค้าจึงเดินมาหยิบหมูแล้วหั่นให้ดู ว่าต้องแร่ให้บางขนาดนี้ เวลาหมักซอสมันจะเข้าเนื้อง่าย แล้วก็จะได้ไม่เลียนด้วย เมื่อหันเสร็จ เค้าก็เอาหมูใส่น้ำมันงา และซอสบาบีคิว คนให้หมูกับน้ำซอสเข้ากัน แล้วหมักที่ไว้ประมาณ 1 ชม. จากนั้นก็หันมาหั่นหอมใหญ่ ทุบกระเทียมเตรียมเอาไว้
เมื่อเตรียมของอย่างแรกเสร็จ เค้าก็มาเตรียม อย่างที่สอง ก็คือ “สลัดแบบเกาลี” เค้าจัดการตั้งเตา ใส่น้ำมันงาลงไปในหม้อ ทั้งให้เดือดสักพัก เค้าก็เติม พอนซูซอสลงไปประมาณหนึ่งในสี่ส่วน จากนั้นก็คนให้เข้ากัน แล้วจึงเติมน้ำเปล่าลงไปอีก 2 ถ้วย แล้วก็คนต่อ สักพักเค้าก็เติมน้ำตาลลงไป 2 ช้อนโต๊ะ ค้นให้ละลาย แล้วเค้าก็ชิม เมื่อคิดว่าได้รสที่ต้องการแล้วเค้าก็หันมาตักให้ฉันชิมบ้าง ทีแรกฉันส่ายหัว แต่เค้าก็ดึงดันจะป้อนให้ได้ สุดท้ายฉันต้องอ้าปากในที่สุด และนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่มนุษย์ทั้ง 5 คน เดินเข้ามาในครัว...พอดี
“ทำอะไรกันน่ะ...”เสียงยัยแทยุน ทำฉันสำลัก....”แหม..มัวสวีทกันอยู่ได้ แล้วเมื่อไหร่เราจะได้ชิมฝีมือคุณแจจุงล่ะคะ”
“ก็ถ้าเธอเข้ามาช่วยล่ะก็มันก็จะเสร็จเร็วขึ้น” ฉันย้อนหลังจากที่หายจากอาการสำลักน้ำสลัด
“งานนี้ขอบายล่ะ เรื่องในครัวนี่ไม่ถนัดจริงๆ ปล่อยเธอกับแจจุงยุ่งกันไปดีกว่า หนุ่มๆไปจัดโต๊ะรอกันดีกว่าค่ะ” จริงๆเลยยัยนี่ เผลอแผล่บเดียว กลายเป็นผู้นำหนุ่มๆไปแล้วรึนี่ “อ้อพี่เรนฝากบอกว่าขอตัวกลับไปก่อนน่ะเห็นว่าจะไปทำบัญชีที่บริษัท นี่เธอ 2 คนพี่น้อง ขี้งกพอกันเลยน่ะ ไปล่ะ ฉันไปจัดโต๊ะรอดีกว่าไปค่ะ ยุนโฮ ชางมิน จุนซู”ฮั่นแน่ มือไวเป็นปลาหมึกเชียว เกาะแขนยุนโฮเลยรึเนี่ย ฉันว่ายัยแทยุนนี่จะต้องคิดอะไรไม่ซื่อกับยุนโฮแน่ๆ 555... ฉันคงต้องเตือนยุนโฮหน่อยแล้วล่ะ
“น้ำสลัดนี่ทิ้งไว้ให้เย็นก่อนน่ะ...เอาล่ะ คราวนี้ผมจะทำบูลโกกิ แล้วน่ะ ขอกระทะด้วยครับ”แจจุงบอกพร้อมกับยื่นมือมารอรับกระทะทันที เมื่อได้กระทะไปเค้าก็จัดการตั้งไฟ เทน้ำมันงาลงไป แล้วตามด้วยกระเทียม หอมใหญ่ ผัดให้เข้ากัน แล้วปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลือง เมื่อเสร็จแล้วก็ตักออกไปพักไว้ในจาน แล้วจึงนำหมูที่หมักเอาไว้ออกมาผัดในกระทะ เติมน้ำซุปลงไปเล็กน้อย
“เดี๋ยวอันนี้คุณผัดไปจนแห้งน่ะ ผมจะไปทำซุปต่อ” เค้าพูดแล้วหันไปหยิบหม้อดินออกมาจากชั้น
เมนูสุดท้ายคือ ซุปเต้าหู้ซีฟู๊ด เค้านำหม้อดินเผามาเทน้ำลงไป แล้วตั้งไฟจนน้ำเดือด จึงเติมซีฟู๊ดทั้งหลายลงไป พอซีฟู๊ดสุกแล้ว เค้าก็เอากิมจิที่ซื้อมาใส่ลงไปประมาณ 1 ช้อน แล้วก็ตามด้วยเต้าหู้ไข่ และเห็ดหอม แล้วจึงปิดฝาทิ้งไว้สักพัก แล้วก็หันมาดูบูลโกกิที่ฉันผัด
“ของคุณใกล้แล้วล่ะ อีกสักพักก็ใช้ได้แล้วล่ะ” จากนั้นเค้าก็เปิดฝาหม้อซุปแล้วโรยพริกป่นเกาหลีลงไป แล้วเค้าก็ปิดฝา หันมาบอกกับฉันว่า
“ซุปนี้ต้องต้มจนกว่าพริกป่นจะละลายเป็นเนื้อเดียวกับน้ำ มา เดี๋ยวคุณดูแลอันนี้ต่อ ขอผมผัดบูลโกกิเอง” แล้วก็แย่งตะหลิวในมือฉันไป ท่าทางของเค้ายามที่อยู่ในครัว ผิดกับที่สนามบิน แล้วก็บนรถไฟฟ้าลิบลับเลย เค้าดูจริงจัง ไม่ยียวนเลยสักนิด...สีหน้ายามที่เค้ากำลังมองอาหารแต่ละจานอย่างพิถีพิถัน นี่ก็ดูมีเสน่ห์อีกแบบเหมือนกันน่ะ เหมือนกับเค้ากำลังร่ายมนต์อย่างไงอย่างนั้เลยล่ะ หยิบโน่นใส่นี่อย่างคล่องแคล่ว ท่าทางจะเป็นจริงอย่างที่แทยุนบอกแล้วล่ะ เค้าทำอาหารเก่งกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก และในระหว่างที่ฉันกำลังหลงไปกับลีลาพ่อครัวมืออาชีพอยู่นั่น ก็พลันมีเสียงทำลายความคิดดีๆเหล่านั้นลง
“หลงเสน่ห์ผมหรือไง..นี่แค่ทำยังจ้องผมอย่างนี้ท่าลองได้ชิม ไม่ขอผมแต่งงานเลยหรอ” ให้ตายเถอะ..อีตานี่หลงตัวเองเสียจริงๆ
“ไอ้นี่น่ะ...พริกละลายหมดเลย ทำไงต่อค๊ะ?"ฉันถามหน้างองอด แต่เค้ากลับหันมายิ้มหวาน “ปิดแก๊ซแล้วตอกไข่ใส่ลงไป แล้วปิดฝาครับ แค่นี้ก็เรียบร้อย...” เค้าละมือมาจาก บูลโกกิ แล้วจัดการตามนั้นทันที “ทิ้งไว้ 3 นาที ก็ทานได้แล้วครับ
แล้วแจจุงก็หันไปเติมพริกและน้ำซอสบาบีคิวลงไปในบูลโกกิ ผัดให้เข้าเนื้อสักพักจึงปิดแก๊ซ แล้วตักเนื้อหมูที่ผัดจนแห้งร้อนๆ โปะลงบนจานหอมใหญ่ผัดที่เตรียมไว้
“อันนี้ก็เรียบร้อย เหลือสลัดก็เสร็จแล้ว” ว่าจบเค้าก็ไปหยิบจากในตู้เย็นมาจัดลงจาน ค่อยๆบรรจงวางผักทีละใบ ปากสีสดเกร็งจนยื่นเจ่อ ดูน่ารัก จนฉันหลุดหัวเราะอย่างเผลอตัว แจจุงหันมามองหน้างงๆ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาจัดผักต่อไป เมื่อได้ชั้นผักอย่างที่ตั้งใจ เค้าก็หยิบเอาน้ำสลัดที่ทิ้งไว้มาราดจนชุ่มไปทั้งจาน....
"พร้อมยกเสิร์ฟแล้วครับ” เค้าหันมายิ้มแฉ่งให้ฉันดูท่าทางภูมิใจกับอาหารคืนนี้นักหนา “คุณแจริไปอาบน้ำให้สดชื่น แล้วมาชิมอาหารฝีมือผมน่ะครับ”
"ได้ค่ะ...ขอตัวสักครู่น่ะคะ” ฉันยิ้มหวานแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออก เดินกลับห้องไปจัดการกับตัวเอง
***********************
และแล้วอาหาร 3 อย่างก็วางอยู่บนโต๊ะ บูลโกกิ ซุปเต้าหู้ซีฟู๊ด และสลัดเกาหลี ต้องขอบคุณยัยแทยุนที่เนรมิตโต๊ะอาหารไม้เก่าๆธรรมดา ให้กลายเป็นโต๊ะอาหารสไตล์เกาหลี ตกแต่งโน้นนิดนี่หน่อย ก็ออกมาเริ่ดเชียว
“อร่อยมากๆเลยคะ แจจุง ฝีมือของคุณนี่เปิดร้านอาหารได้สบายเลยน่ะคะ...” เสียงแหลมปี๊ด ของยัยแทยุน เอ่ยปากชมอีตาหน้าวอกไม่ได้หยุดปาก ออกหน้าออกตาเสียจนน่าหมั่นไส้ เชื่อมั้ยถ้าเค้าไม่ได้ลูกมือฝีมือดีแบบชั้น มันคงไม่ออกมาอร่อยเท่านี้หรอก...ฮึฮึ +o+
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ...ก็แค่อะไรที่ทำบ่อยๆมันก็เลยชินมือน่ะครับ...ว่าแต่คุณแจริไม่ชอบหรอครับ ไม่เห็นค่อยกินเลย” เป็นอีกในรอบวันที่ฉันสำลัก -_-!!
"แค่กๆ....."
“เอ้า...นี่น้ำ เธอนี่ซุ่มซ่ามจริงๆเลย” แทยุนส่งน้ำให้ฉันเป็นการใหญ่
“ก็ดีน่ะค่ะ แต่ฉันไม่ค่อยจะได้ทานอาหารเกาหลีสักเท่าไหร่ เลยไม่รู้ว่าอร่อยหรือไม่อร่อยยังไงน่ะค่ะ” ฉันส่งยิ้มยียวนกวนประสาทแบบที่เค้าชอบทำกับฉันให้เค้าบ้าง แต่เค้ากลับยิ้มหวานตอบกลับมา
“มันก็เหมือนกับตอนที่ผมทานแกงอะไรของคุณนั่นแหล่ะครับ ไม่เคยเลยไม่รู้ว่ามันดีไม่ดียังไงแต่ผมว่าอย่างน้อยน่าตาอาหารของผมมันก็ดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไรใช่มั้ยล่ะครับ”O_O จุก...ถึงกับจุก อีตานี่ปากร้ายใช่ย่อยน่ะ!!! ทำไมล่ะ น่าตาน่ากลัวแล้วไงล่ะ มันก็อร่อยจนนายกินจนหมดหม้อมิใช่เหรอ แต่ก่อนที่ฉันจะได้ขยับปากพ่นอะไรต่อมิอะไรออกมา ยุนโฮก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน
“มันเอามาเทียบกันไม่ได้หรอกครับ มันอยู่ที่ความตั้งใจของคนทำ... เอาเป็นว่าก็อร่อยกันทั้งคู่นั่นแหล่ะ อร่อยกันไปคนละแบบน่ะ” ประโยคนี่ดับอารมณ์ร้อนของฉันลงไปในพริบตา ใครจะว่า ฉันเป็นคนบ้ายอก็ช่างเถอะ...อะไรที่ทำฉันอารมณ์ดี มันก็ดีทั้งนั้นแหล่ะ
สิ้นประโยคเด็ดของยุนโฮ เราทั้ง 7 คนยิ้มแหง ให้กัน แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทานมื้อค่ำกันไปเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครพูดถึงความอร่อยอีกเลย....เฮ้อ
เมื่อจัดการเก็บกวาดในครัวจนเสร็จเรียบร้อย ต่างคนต่างก็แยกกันไปหามุมของตัวเอง บ้างก็เข้าห้องไปจัดสำภาระ บ้างก็นั่งย่อยคุยเล่นหัวกันที่ห้องรับแขก เป็นที่น่าสังเกตอีกว่า ไม่ว่ายุนโฮจะนั่งอยู่ตรงไหน ยัยแทยุนก็มักจะอยู่ด้วยเสมอ... ชักยังไงๆ เสียแล้วสิคู่นี้...แต่ฉันก็เหนื่อยเกินว่าจะสงสัยไปมากกว่านี้ จึงระเห็ดตัวเองออกมายังที่ชานหน้าบ้าน ให้สายลมอ่อนๆยามค่ำคืน ช่วยพัดเอาความเหนื่อยล้าไปเสียให้หมด แล้วจึงนอนเอนลงไปที่ม้าหวาย ปิดดวงตาที่อ่อนล้าลงแน่นสนิท ใช้สมองคิดทบทวนถึงสิ่งที่ทำไว้ในวันนี้หาข้อผิดพลาด แล้วจึงคิดต่อไปถึงสิ่งจะทำในวันพรุ่งนี้...
“วันนี้เราเริ่มต้นกันไม่ดีเลยน่ะ” เสียงคนหนึ่งปลุกฉันตื่นอย่างฉับพลัน ฉันหันไปตามเสียงอย่างรวดเร็ว จึงได้พบใบหน้าขาว ริมฝีปากสีสด ขยับพูดอยู่ที่ม้าหวายตัวข้างๆกัน “คิมแจจุง” เค้าเอนตัวลงนอน สองแขนช้อนไว้ใต้ศีรษะ เผยเห็นอกแกร่งภายใต้เสื้อกล้ามสีขาวตัวบางที่เค้าใส่อยู่
“คะ!!??"ฉันทวนคำอย่างงๆ
“ผมหมายถึง...วันนี้คุณคงไม่ประทับใจผมสักเท่าไร...แต่เชื่อเถอะครับผมไม่ได้ตั้งใจให้มันออกมาเป็นแบบนี้หรอก...เอาเป้ฯว่า เรื่องวันนี้ถ้าผมทำอะไรให้คุณไม่ชอบใจละก็ ผมขอโทษน่ะครับ...” เค้าพูดทั้งๆที่ไม่ได้หันมามองหน้าฉันเลยสักนิด แต่เอาเถอะ...ถือว่าเค้าเป็นลูกผู้ชายพอ ที่กล้าขอโทษกันตรงๆแบบนี้ เข้าคอนเซ็ป ฉันพอดี‘ดีมา ก็ดีตอบ ร้ายมา ก็ร้ายตอบ’
"ฉันก็ด้วยล่ะค่ะ...ต้องขอโทษคุณเหมือนกัน อาจจะปากไวไปนิดแต่จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรนั่นแหล่ะค่ะ แต่คุณนี่ก็แปลกน่ะคะ”
“แปลกยังไง” เค้าถาม
“ทำฉันหน้าหงิกมาเกือบทั้งวัน แต่พอจะนอนกลับเปลี่ยอารมณ์ทำฉันยิ้มแก้มแทบปริแน่ะค่ะ” ฉันพูดกลั้วหัวเราะ
“อย่างน้อยคืนนี้คุณก็น่าจะฝันถึงผมในแง่ดีๆ บ้าง” เค้าพูดพลางหัวเราะในลำคอ
"กลัวฉันแช่งคุณในฝันรึไงกัน ฮ่า..ฮ่า!!”
"ก็ทำนองนั้น”
แล้วคืนนั้นเราก็คุยอะไรต่อมิอะไรกันอีกมากมาย เค้าทั้งคุยเก่ง ช่างเมาส์ แถมยังติดตลกอีกด้วย ทำเอาฉันหัวเราะจนเกือบตกจากม้าหวายไปตั้งหลายทีแน่ะ ฉันคงต้องมองเค้าใหม่เสียแล้วล่ะ แต่อย่าเพิ่งได้ใจไปล่ะ เพราะนี่มันก็แค่คืนแรกที่เรารู้จักกัน ของบางอย่างมันไม่ออกมาให้เราเห็นในคืนแรกหรอกจริงมั้ย...
กับภาระกิจแรกของวันนี้ก็ทำเอาฉันเกือบจะสติแตก เพราะฤทธิ์ปากของอีตาหน้าวอก คิมแจจุง แล้วมั้ยล่ะ...แล้วพรุ่งนี้ฉันต้องพาท่านเทพ ทั้ง 5 ไปเที่ยวซ่ะด้วย ไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์แปลกๆอะไรเกิดขึ้นอีกมั้ยหนอ..โอ๊ยแค่คิดก็ปวดหัวแล้ว แถมยัยแทยุนเพื่อนฉัน ก็ดันแปรพรรคไปอยู่ฝ่ายนู้นเสียเต็มตัวแล้วด้วยสิ....งานนี้มีแต่จุกกับเจ็บใช่มั้ยเนี่ย...2 เดือน..ฉันอยากผ่านมันไปเร็วๆจังค่ะ...!!
****************************************
ความคิดเห็น