คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เหตุเกิดบนรถไฟฟ้า...
14.30 น.
ฉันนั่งรออีตาหน้าวอกแจจุงอยู่ที่โซฟารับแขกมาครึ่งชั่วโมงแล้วน่ะเนี่ย
ที่สวนหน้าบ้าน หนุ่มๆกำลังชื่นชมกับบ่อปลาขนาดใหญ่ และต้นไม้ใหญ่นานาพันธุ์ ที่ยืนต้นเขียวชอุ่มด้วยฝีมือของพ่อฉันเองทั้งหมด
-_-! นัดกันว่าบ่ายสองจะออกไปกันซื้อของสดสำหรับมื้อเย็นที่เค้าเป็นคนอาสาจะโชว์ฝีมือเอง อุตส่าห์บอกแล้วน่ะว่า บ้านเรา (ฉันหมายถึง บ้านที่เราจำเป็นต้องอยู่ด้วยกันน่ะ...-_-! ) อยู่ชานเมือง ต้องนั่งรถไปไกลกว่าจะไปถึงที่นั่นน่ะ แล้วนี่ยังจะสายอีก ไม่ไหวเลยผู้ชายอะไร แต่งองค์ทรงเครื่องช้ากว่าผู้หญิงเสียอีก....โดยมียัยแทยุนอาสาพาทัวร์บ้านเสียเอง เอาเถอะอย่างน้อย ยัยนี่ก็เคยมาบ้านฉันแล้วตั้ง 2 ครั้ง !!??และในขณะที่เพื่อนๆคนอื่นกำลังสนใจบ่อปลาอยู่นั้เอง จุนซูเองก็แยกตัวออกมายืนจ้องต้นมะพร้าวตาไม่กระพริบ ใบหน้ายามพินิจพิเคราะห์แลดูต้นมะพร้าว ก็ดูน่ารักดีนะ จ้องไปก็ยิ้มไป มือก็พลางลูบคางมนเล่นไป เหมือนกับเคยมีความหลังแสนหวานกับต้นมะพร้าวมาก่อนอย่างนั่นแหล่ะ
ระหว่างที่กำลังนั่งแอบดูหนุ่มๆอยู่เพลินๆ ฉันก็รู้สึกถึงโซฟาที่ข้างๆ ยวบลง เมื่อหันไปก็สบตาเข้ากับสายตาอบอุ่นคู่หนึ่ง ที่หันมามองกันพอดี...
@_@”มิกกี้ ยูชอน!!
เค้าทำฉันตัวเล็กลงไปอีกโขเลย เมื่อนั่งใกล้ๆกันแบบนี้ ฉันเคยภูมิใจนักหนากับผิวขาวๆ ตามแบบฉบับลูกครึ่งไทย-เกาหลี แต่ตอนนี้ฉันชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิ แค่เพียงแขนขาวๆ แก้มเนียนใสกิ๊ก แถมยังอมชมพูอีกต่างหาก ก็ทำเอาฉันอายไปเลย .... ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ชายจะผิวดีได้ขนาดนี้...
คุณแจรินั่งรอ แจจุงเหรอฮะ?” รู้สึกโล่งใจจัง ที่เค้าไม่ได้เรียกฉันว่า “พี่” น่ะ...
“ค่ะ..เค้า เลท ฉันมา ครึ่งชั่วโมงแล้วล่ะ ปรกติเค้า แต่งตัวนานขนาดนี้เลยรึป่าวคะ"ปรกติก็ไม่ช้าเป็นครึ่งชั่วโมงขนาดนี้หรอก...อาจจะช้ากว่าคนอื่น สัก 10-15 นาทีเท่านั้น ผมว่าครั้งนี้มันต้องมีอะไรเป็นพิเศษแน่ๆ ให้ผมไปตามให้มั้ยครับ เดี๋ยวคุณจะรอนาน” เค้าทำท่าจะลุกไป
“อ้อ..ไม่ต้องไปตามหรอกค่ะ..อีกเดี๋ยวก็คงมามั้ง เค้าคงไม่ชอบใจถ้ามีคนไปเร่ง...” ฉันว่า พลางเอามือรั้งแขนยาวๆขาวๆ ของเค้าเอาไว้...ยูชอนหันมายิ้มให้ แล้วยอมนั่งลงที่เดิม ข้างๆฉันแต่โดยดี
“ผมก็ว่าอย่างนั้นแหล่ะ ไปเร่งแจจุง มีแต่จะโดนเล่นงานน่ะครับ...555” สำเนียงหัวเราะเสียงทุ้มๆ ในลำคอนี่ก็ฟังเพลินไปอีกแบบน่ะ อีกทั้งท่าทางคุยเล่นเป็นกันเองนั่นทำให้ฉันลืมไปเลยว่าเค้าคือนักร้องยอดนิยมของเอเชียน่ะ
“ถามหน่อยสิคะ คุณจุนซูเค้ามีอะไรเป็นพิเศษกับต้นมะพร้าวรึป่าว ฉันเห็นเค้ายืนดูมันนานแล้วล่ะค่ะ...คุณลองดูสิคะ” ฉันชี้ให้ยูชอนมองตามไปที่จุนซูยืนอยู่ด้วยท่าทางเคลิ้มเคลิมหนักหนา แต่แล้วยูชอนก็หัวเราะพรืดออกมาเสียนี่
“จุนซูเค้าก็เป็นแบบนี้แหล่ะครับ ชอบต้นมะพร้าว ถึงขนาดหลงใหลเลยน่ะครับ...มีอยู่ครั้งหนึ่ง เค้าเคยหายตัวไป แล้วก็พบว่าเค้าแอบไปดูต้นมะพร้าวที่เกาะเชจูน่ะครับ....”ยูชอนพูดทั้งที่ยังหัวเราะอยู่นั่นแหล่ะ อาการแบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายไปกับเค้าด้วย ดูท่าทางว่าเค้าคงจะป๊อบปูล่ามากๆน่ะในหมู่สาวๆ
“
"พวกคุณคงสนิทกันมากๆเลยใช่มั้ยคะ...ฉันเคยอ่านประวัติพวกคุณมาคร่าวๆน่ะ ต้องอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชม. ทำงานด้วยกัน กินนอนด้วยกันแบบนี้ ตลอดหลายปี คงรู้ความลับกันจนหมดไส้หมดพุงแล้วสิคะ” ฉันเท้าคางถามด้วยความสนใจ ดูท่า..นอกจากฉันจะเป็นไกด์แล้ว อีกอาชีพที่ฉันพอจะทำได้ก็คงเป็นพิธีกรแน่ๆเลย
"ครับ...รู้กันจนหมดไส้หมดพุงอย่างที่คุณว่าแหล่ะครับ”ยูชอนตอบฉันตาใสแจ๋ว รอยยิ้ม ‘บาดใจ’ เปล่งประกายจนฉันต้องหลบตาไปก่อน..(ฮึฮึ..ฉันเป็นโรคแพ้สายตาคนไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!!)"งั้นขอถามอีกสักหน่อยเถอะค่ะ...ปรกติคุนแจจุงเค้า...เอ่อ...ร้ายแบบนี้เสมอรึคะ?” ฉันยื่นหน้าเข้าไปหายูชอน พร้อมกับเอามือป้องปาก กระซิบที่ข้างหูของเค้า ก็แหม...การพูดถึงคนอื่นลับหลังมันไม่ใช่เรื่องที่ควรพูดเสียงดังใช่มั้ยล่ะ แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะหันหน้ากลับ ยูชอนก็หันหน้ากลับมาทางฉันอย่างรวดเร็ว จนหน้าเราทั้งสองใกล้กันแค่เพียงสันไม้บรรทัดกั้นแค่นั้นเอง -///- ฉันรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่รดปลายจมูกฉันอยู่ ฉันจ้องเข้าไปในนัยน์ตาสุกประกายคู่นั้นอย่างเผลอใจ ... แก้มสองข้างของฉันร้อนแผ่ว เลือดลมมันคงจะไหลเวียนผิดทิศทาง ฉันถึงได้รู้สึกเหมือนจะเป็นลมอย่างนี้น่ะ....-_-!"สองคนนั่นน่ะ...กลางวันแสกๆแท้ๆ ทำอะไรเกรงใจคนอื่นหน่อยเซ่!” เสียงใครสักคนที่คุ้นหูมากๆ เรียกสติฉันมาได้ทันที"ตายล่ะวา!!” ฉันอุทานเป็นภาษาไทยด้วยความลืมตัว แล้วชักหน้าแดงเดือดของฉันกลับมาด้วยความรวดเร็ว พอตั้งสติได้ฉันจึงเงยหน้าไปทางต้นเสียงทันที.... โอ้ โห้!!!!... นี่มันมนุษย์เดินดินธรรมดา หรือว่าเทพมาจุติกันแน่เนี่ย ... ฉันขยี้ตา สองสามครั้ง กลัวว่าไอ้ที่เห็นอยู่เนี่ย ภาพลวงตา....
แจจุงอยู่ในชุด เสื้อยืดสีดำพอดีตัว กับกางเกงยีนส์สีเข้มเซอร์ๆใส่เอวต่ำๆ พร้อมกับเข็มขัดรูปหัวกระโหลกใหญ่ยักษ์ที่ตรงเอว แล้วยังมีหมวกไหมพรมถักสีแดงเลือดหมู ด้านข้างเป็นรูปหัวกระโหลกไขว้ กับแว่นตาดำทรงเท่ห์ ที่แขวนตรงคอเสื้อ...อีกทั้งเครื่องหน้าขาวๆอมชมพู และปากแดงตามธรรมชาติ
“แจจุงนายทำให้คุณแจริเค้ารอนานรู้รึป่าว...” ต้องขอบคุณยูชอนที่ช่วยบอกแทนฉัน เพราะตอนนี้ฉันกำลังคอแห้ง ปากแห้ง จนพูดอะไรไม่ออกแล้วล่ะ...กำลังอึ้งกับภาพที่เห็นตรงหน้าน่ะ ฉันน่ะทำแต่งานๆ และงาน ไม่เคยมีโอกาสมานั่งดูหรอกว่าเดี๋ยวนี้ แฟชั่นเค้าไปถึงไหนต่อกันกันแล้ว เมื่อนึกได้ดังนี้ ก็ก้มลงดูสภาพตัวเอง เสื้อยืดเข้ารูป สีขาว กับกางเกงยีนส์พอดีตัว สีซีดๆ กับกระเป๋าสะพายใบใหญ่ ใบโปรดของฉันที่ออกจะเก่าไปสักหน่อย แต่รับประกันความจุ และความอึด...-_-!
เพิ่งจะรู้ตัวน่ะ ว่าฉันน่ะผู้หญิงแท้ๆ แต่แต่งตัวได้โหล่ยโท้ยมาก เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงได้อยู่เป็นโสดมาจนป่านนี้
“ขอโทษแล้วกัน... คือยังปรับตัวกับเวลาที่นี่ไม่ค่อยได้น่ะ...แล้วเราจะไปกันได้รึยัง คุณบอกเองไม่ใช่รึ..ว่าจากนี่ ไกลจากที่ที่ไปมากน่ะ เร็วเข้าสิ” เฮ้ย!! เดี๋ยวน่ะ... ฉันควรจะเป็นคนโกรธเค้าไม่ใช่รึเนี่ย...ไม่ใช่ให้เค้ามาขึ้นเสียงกับฉันแบบนี่น่ะ...แต่ก็เอาเถอะ...เถียงกันไปก็เท่านั้น
“งั้นก็ไปกันเถอะค่ะ... ยูชอนค่ะ ฉันฝากดูบ้านด้วยน่ะคะ” ฉันหันไปสั่งเสียกับยูชอนแล้วเดินออกไปทันที
*******************************
ที่หน้าบ้าน...
เราต้องไปรถไฟฟ้าน่ะคะ...” ฉันว่าเสียงเรียบ
“ครับ...สบายอยู่แล้ว...อยู่ที่เกาหลีผมแอบขึ้นอยู่บ่อยไป” เค้าตอบเสียงสนุกเชียว สำหรับนักร้องโด่งดังขนาดนี้ การได้ทำอะไรธรรมดาแบบนี้บ้างคงเป็นเรื่องน่าสนุก ซึ่งต่างกับคนธรรมดาอย่างฉันนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมาก ที่ต้องไปเบียดเสียด แย่งแกร่งกันอย่างยากลำบาก ทุกๆวัน...
พอดีกับมีรถแท็กซี่เข้ามา ฉันจึงโบกเรียกให้ไปส่งเราที่ สถานีรถไฟฟ้า......
*****************************
บนรถไฟฟ้า...
ผู้คนแน่นเอียดเบียดเสียดกันแทบจะหาอากาศหายใจไม่ได้ แล้วยิ่งตัวเตี้ยๆแบบฉันนี้น่ะ...ความสูงเพียง 160 cm.มันเป็นปัญหาอย่างยิ่งเวลาที่จะต้องเบียดแย่งที่ยืนกันอย่างนี้...ฉันได้แต่มองแจจุงที่ยืนเกาะราว อยู่อย่างเหนียวแน่และมั่นคง...ก็ใช่น่ะสิ เค้าไม่มีปัญหากับความสูงอย่างฉันนิ!...
สักพักฉันก็ยินเสียง ประกาศสถานี ฉันรู้สึกโล่งใจชะมัดที่ถึงสถานีนี้สักที เพราะคนจะลงที่นี้กันไปเกือบทั้งขบวน...แม้จะไม่เหลือที่นั่ง แต่ก็ยังพอมีที่ ให้ได้ยืนสบายๆ ไม่ต้องไปเบียดเสียดกับใครเค้าน่ะ....
เมื่อใกล้จะถึงสถานี รถไฟก็เลี้ยวแต่แล้ว... ฉันก็เสียหลัก มือหลุดออกจากห่วงที่เกาะอยู่ พร้อมกันกับมีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ ดันฉันอยู่ข้างหลัง ....เมื่อไร้ ที่จะยึดเหนี่ยวรั้งตัวเองไว้ได้ ก็เสียหลัก เกือบจะล้มลงไปนอนแอ๋งเม๊งอยู่ที่พื้น...ก็มีมือใครบางคน โอบรอบเอวของฉันเอาไว้ ดึงตัวฉันขึ้นมา ให้ได้ยืนบน สองขาของตัวเองได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง...
เมื่อฉันประคองตัวได้ ฉันจึงเงยหน้าขึ้น หวังจะขอบคุณผู้หวังดีคนนั้น...แต่ก็ตกใจอีกครั้ง เมื่อคนที่โอบเอวฉันไว้นั่นคือ คิมแจจุง ตาหน้าวอกนั่นเอง....ตกใจ ฉันจึงได้เสียหลัก เกือบจะล้มลงไปอีกรอบ แต่เค้ากลับกระชับรอบเอวแน่น หรือจะเรียกว่ากอดเอาไว้ก็ว่าได้ แก้มของฉันซุกอยู่กับอกว้างๆของเค้าจนได้ยินเสียงหัวใจเต้น กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆลอยขึ้นเตะจมูก... ฉันหลับตาปี๋ พร้อมกับสองมือโอบแผ่นหลังกว้างของเค้า โดยอัติโนมัติเมื่อรถไฟฟ้ากระตุก 2-3 ครั้งก่อนจะเข้าป้าย
แจจุงเอี้ยวตัวหลบ ให้คนอื่นๆได้ออกจากรถไฟไปโดยสะดวก ทั้งที่ยังโอบกอดฉันไว้แน่น...
อาราม
"นี่เหรอคนเก่ง...ที่ขึ้นรถไฟฟ้าแทบจะทุกวัน...ถ้าไม่มีผมคงต้องไปนอนที่พื้นแล้วมั้งเนี่ย” เสียงหวานนุ่มแบบผู้ชายกระซิบที่ข้างหูแล้วรู้สึกดีชะมัดเลย....>o< .นับวันฉันยิ่งประสาทกับผู้ชายพวกนี้ว่ามั้ย...คนโน้นก็ตาสวย คนนี้ก็เสียงเพราะ...เฮ้อ~~~"...ก็....ฉัน...ฉันยืนไม่อยู่นิค๊ะ” ไม่รู้จะตอบว่าไงแล้ว...ทั้งโล่งใจที่ไม่ลงไปนอนที่พื้นอย่างที่เค้าว่าจริงๆอีกทั้งยังรู้สึกเสียหน้า..ฉันน่ะคนนำทางเค้าแท้ๆ แต่กลับต้องให้เค้าช่วยเสียนี่...เสียหน้าจริงๆ-_-!
"คนก็ลงไปหมดแล้ว...คุณยืนเองจะไหวมั้ยเนี่ย ฮึฮึ” ตายแล้ว!!...ฉันลืมไปเสียสนิทเลยว่าฉันอยู่ในอ้อมกอดของอีตาหน้าสวยนั่นน่ะ ฉันรีบปล่อยมือทันที ... หวังจะยืนด้วยขาของตัวเอง ไม่ใช่เอาตัวไปพาดกับคนอื่นแบบนี้ +_+” แต่ฉันกลับพลาด เมื่อรถไฟฟ้าออกตัวเคลื่อนไปอีกครั้ง ฉันสะดุดหัวจะทิ่มพื้น อีกรอบ...แต่แล้วอ้อมกอดอบอุ่นๆ จากวงแขนคู่เดิมก็โอบรอบตัวของฉันอีกครั้ง ช่วยพยุงฉันให้ยืนขึ้น...
“
“ถ้าผมปล่อย..เดี๋ยวคุณก็ล้มหน้าคะมำไปอีก..ผมว่าคุณอยู่เฉยๆแบบนี้เถอะ...ผมจะประคองคุณเอาไว้เอง...” นี่ฉันหูฝาด หรือว่า ฉันฝันไปกันแน่...อีตาแจจุงนี่แปลก จนฉันตามไม่ทันแล้วน่ะ...
สุดท้าย..ฉันก็ต้องปล่อยให้ อีตาหน้าวอก โอบเอวฉันไว้ตลอดทาง จนถึง สถานีที่เราต้องลงกัน..แต่ก็ยังมิวาย จับมือฉันไว้แน่นเชียว ...เหตุผลน่ะเหรอ...เค้าบอกว่า กลัวฉันจะไปสะดุดขาใครล้มลงไปอีกน่ะสิ...ฉันน่ะอยากตะโกนใส่หน้าอีตานี่จัง ฉันน่ะ แก่กว่าเค้าอีกน่ะ แถมยังทำงานแล้วอีกด้วย ยังจะมาทำกับฉันอยากกับฉันเป็น เด็กอายุไม่ถึง 5 ขวบด้วยซ้ำ....
ซุ่มซ่าม จริงๆเลยคุณ...” แล้วเค้าก็หันไปเกาะที่ห่วงเหมือนเดิม..ส่วนมืออีกหนึ่งยังโอบรอบเอวของฉันเอาไว้...“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันว่า..คุณปล่อยมือได้แล้วล่ะค่ะ...คนมองกันใหญ่แล้วล่ะ” ฉันพยายามจะแกะมือนุ่มๆของเค้าออกจากเอวให้ได้ แต่กลับเปล่าประโยชน์ ยิ่งแกะกลับยิ่งแน่นขึ้น....
แต่..ทำไมฉันต้องใจเต้นตึกตัก เวลาที่อยู่ใกล้ๆ นายนี่ด้วยล่ะ...ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ
-_-“********************************
ความคิดเห็น