ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภารกิจวุ่น ลุ้นรักนายปากร้าย( Mission of Love).......(TVXQ)

    ลำดับตอนที่ #4 : เหตุเกิดบนรถไฟฟ้า...

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 50


    14.30 น.

    ฉันนั่งรออีตาหน้าวอกแจจุงอยู่ที่โซฟารับแขกมาครึ่งชั่วโมงแล้วน่ะเนี่ย

    ที่สวนหน้าบ้าน หนุ่มๆกำลังชื่นชมกับบ่อปลาขนาดใหญ่ และต้นไม้ใหญ่นานาพันธุ์ ที่ยืนต้นเขียวชอุ่มด้วยฝีมือของพ่อฉันเองทั้งหมด

    -_-! นัดกันว่าบ่ายสองจะออกไปกันซื้อของสดสำหรับมื้อเย็นที่เค้าเป็นคนอาสาจะโชว์ฝีมือเอง อุตส่าห์บอกแล้วน่ะว่า บ้านเรา (ฉันหมายถึง บ้านที่เราจำเป็นต้องอยู่ด้วยกันน่ะ...-_-! ) อยู่ชานเมือง ต้องนั่งรถไปไกลกว่าจะไปถึงที่นั่นน่ะ แล้วนี่ยังจะสายอีก ไม่ไหวเลยผู้ชายอะไร แต่งองค์ทรงเครื่องช้ากว่าผู้หญิงเสียอีก....โดยมียัยแทยุนอาสาพาทัวร์บ้านเสียเอง เอาเถอะอย่างน้อย ยัยนี่ก็เคยมาบ้านฉันแล้วตั้ง 2 ครั้ง !!??

    และในขณะที่เพื่อนๆคนอื่นกำลังสนใจบ่อปลาอยู่นั้เอง จุนซูเองก็แยกตัวออกมายืนจ้องต้นมะพร้าวตาไม่กระพริบ ใบหน้ายามพินิจพิเคราะห์แลดูต้นมะพร้าว ก็ดูน่ารักดีนะ จ้องไปก็ยิ้มไป มือก็พลางลูบคางมนเล่นไป เหมือนกับเคยมีความหลังแสนหวานกับต้นมะพร้าวมาก่อนอย่างนั่นแหล่ะ

    ระหว่างที่กำลังนั่งแอบดูหนุ่มๆอยู่เพลินๆ ฉันก็รู้สึกถึงโซฟาที่ข้างๆ ยวบลง เมื่อหันไปก็สบตาเข้ากับสายตาอบอุ่นคู่หนึ่ง ที่หันมามองกันพอดี...

    @_@”

    มิกกี้ ยูชอน!!

    เค้าทำฉันตัวเล็กลงไปอีกโขเลย เมื่อนั่งใกล้ๆกันแบบนี้ ฉันเคยภูมิใจนักหนากับผิวขาวๆ ตามแบบฉบับลูกครึ่งไทย-เกาหลี แต่ตอนนี้ฉันชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิ แค่เพียงแขนขาวๆ แก้มเนียนใสกิ๊ก แถมยังอมชมพูอีกต่างหาก ก็ทำเอาฉันอายไปเลย .... ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ชายจะผิวดีได้ขนาดนี้...

     คุณแจรินั่งรอ แจจุงเหรอฮะ?” รู้สึกโล่งใจจัง ที่เค้าไม่ได้เรียกฉันว่า “พี่” น่ะ...

    “ค่ะ..เค้า เลท ฉันมา ครึ่งชั่วโมงแล้วล่ะ ปรกติเค้า แต่งตัวนานขนาดนี้เลยรึป่าวคะ"ปรกติก็ไม่ช้าเป็นครึ่งชั่วโมงขนาดนี้หรอก...อาจจะช้ากว่าคนอื่น สัก 10-15 นาทีเท่านั้น ผมว่าครั้งนี้มันต้องมีอะไรเป็นพิเศษแน่ๆ ให้ผมไปตามให้มั้ยครับ เดี๋ยวคุณจะรอนาน” เค้าทำท่าจะลุกไป

    “อ้อ..ไม่ต้องไปตามหรอกค่ะ..อีกเดี๋ยวก็คงมามั้ง เค้าคงไม่ชอบใจถ้ามีคนไปเร่ง...” ฉันว่า พลางเอามือรั้งแขนยาวๆขาวๆ ของเค้าเอาไว้...ยูชอนหันมายิ้มให้ แล้วยอมนั่งลงที่เดิม ข้างๆฉันแต่โดยดี

    “ผมก็ว่าอย่างนั้นแหล่ะ ไปเร่งแจจุง มีแต่จะโดนเล่นงานน่ะครับ...555” สำเนียงหัวเราะเสียงทุ้มๆ ในลำคอนี่ก็ฟังเพลินไปอีกแบบน่ะ อีกทั้งท่าทางคุยเล่นเป็นกันเองนั่นทำให้ฉันลืมไปเลยว่าเค้าคือนักร้องยอดนิยมของเอเชียน่ะ

    “ถามหน่อยสิคะ คุณจุนซูเค้ามีอะไรเป็นพิเศษกับต้นมะพร้าวรึป่าว ฉันเห็นเค้ายืนดูมันนานแล้วล่ะค่ะ...คุณลองดูสิคะ” ฉันชี้ให้ยูชอนมองตามไปที่จุนซูยืนอยู่ด้วยท่าทางเคลิ้มเคลิมหนักหนา แต่แล้วยูชอนก็หัวเราะพรืดออกมาเสียนี่

    “จุนซูเค้าก็เป็นแบบนี้แหล่ะครับ ชอบต้นมะพร้าว ถึงขนาดหลงใหลเลยน่ะครับ...มีอยู่ครั้งหนึ่ง เค้าเคยหายตัวไป แล้วก็พบว่าเค้าแอบไปดูต้นมะพร้าวที่เกาะเชจูน่ะครับ....”ยูชอนพูดทั้งที่ยังหัวเราะอยู่นั่นแหล่ะ อาการแบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายไปกับเค้าด้วย ดูท่าทางว่าเค้าคงจะป๊อบปูล่ามากๆน่ะในหมู่สาวๆ

    "พวกคุณคงสนิทกันมากๆเลยใช่มั้ยคะ...ฉันเคยอ่านประวัติพวกคุณมาคร่าวๆน่ะ ต้องอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชม. ทำงานด้วยกัน กินนอนด้วยกันแบบนี้ ตลอดหลายปี คงรู้ความลับกันจนหมดไส้หมดพุงแล้วสิคะ” ฉันเท้าคางถามด้วยความสนใจ ดูท่า..นอกจากฉันจะเป็นไกด์แล้ว อีกอาชีพที่ฉันพอจะทำได้ก็คงเป็นพิธีกรแน่ๆเลย

    "ครับ...รู้กันจนหมดไส้หมดพุงอย่างที่คุณว่าแหล่ะครับ”ยูชอนตอบฉันตาใสแจ๋ว รอยยิ้ม บาดใจเปล่งประกายจนฉันต้องหลบตาไปก่อน..(ฮึฮึ..ฉันเป็นโรคแพ้สายตาคนไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!!)

    "งั้นขอถามอีกสักหน่อยเถอะค่ะ...ปรกติคุนแจจุงเค้า...เอ่อ...ร้ายแบบนี้เสมอรึคะ?” ฉันยื่นหน้าเข้าไปหายูชอน พร้อมกับเอามือป้องปาก กระซิบที่ข้างหูของเค้า ก็แหม...การพูดถึงคนอื่นลับหลังมันไม่ใช่เรื่องที่ควรพูดเสียงดังใช่มั้ยล่ะ แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะหันหน้ากลับ ยูชอนก็หันหน้ากลับมาทางฉันอย่างรวดเร็ว จนหน้าเราทั้งสองใกล้กันแค่เพียงสันไม้บรรทัดกั้นแค่นั้นเอง -///- ฉันรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่รดปลายจมูกฉันอยู่ ฉันจ้องเข้าไปในนัยน์ตาสุกประกายคู่นั้นอย่างเผลอใจ ... แก้มสองข้างของฉันร้อนแผ่ว เลือดลมมันคงจะไหลเวียนผิดทิศทาง ฉันถึงได้รู้สึกเหมือนจะเป็นลมอย่างนี้น่ะ....-_-!

    "สองคนนั่นน่ะ...กลางวันแสกๆแท้ๆ ทำอะไรเกรงใจคนอื่นหน่อยเซ่
    !” เสียงใครสักคนที่คุ้นหูมากๆ เรียกสติฉันมาได้ทันที

    "ตายล่ะวา!!” ฉันอุทานเป็นภาษาไทยด้วยความลืมตัว แล้วชักหน้าแดงเดือดของฉันกลับมาด้วยความรวดเร็ว พอตั้งสติได้ฉันจึงเงยหน้าไปทางต้นเสียงทันที.... โอ้ โห้!!!!... นี่มันมนุษย์เดินดินธรรมดา หรือว่าเทพมาจุติกันแน่เนี่ย ... ฉันขยี้ตา สองสามครั้ง กลัวว่าไอ้ที่เห็นอยู่เนี่ย ภาพลวงตา....

    แจจุงอยู่ในชุด เสื้อยืดสีดำพอดีตัว กับกางเกงยีนส์สีเข้มเซอร์ๆใส่เอวต่ำๆ พร้อมกับเข็มขัดรูปหัวกระโหลกใหญ่ยักษ์ที่ตรงเอว แล้วยังมีหมวกไหมพรมถักสีแดงเลือดหมู ด้านข้างเป็นรูปหัวกระโหลกไขว้ กับแว่นตาดำทรงเท่ห์ ที่แขวนตรงคอเสื้อ...อีกทั้งเครื่องหน้าขาวๆอมชมพู และปากแดงตามธรรมชาติ

    “แจจุงนายทำให้คุณแจริเค้ารอนานรู้รึป่าว...” ต้องขอบคุณยูชอนที่ช่วยบอกแทนฉัน เพราะตอนนี้ฉันกำลังคอแห้ง ปากแห้ง จนพูดอะไรไม่ออกแล้วล่ะ...กำลังอึ้งกับภาพที่เห็นตรงหน้าน่ะ ฉันน่ะทำแต่งานๆ และงาน ไม่เคยมีโอกาสมานั่งดูหรอกว่าเดี๋ยวนี้ แฟชั่นเค้าไปถึงไหนต่อกันกันแล้ว เมื่อนึกได้ดังนี้ ก็ก้มลงดูสภาพตัวเอง เสื้อยืดเข้ารูป สีขาว กับกางเกงยีนส์พอดีตัว สีซีดๆ กับกระเป๋าสะพายใบใหญ่ ใบโปรดของฉันที่ออกจะเก่าไปสักหน่อย แต่รับประกันความจุ และความอึด...-_-!

    เพิ่งจะรู้ตัวน่ะ ว่าฉันน่ะผู้หญิงแท้ๆ แต่แต่งตัวได้โหล่ยโท้ยมาก เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงได้อยู่เป็นโสดมาจนป่านนี้

    “ขอโทษแล้วกัน... คือยังปรับตัวกับเวลาที่นี่ไม่ค่อยได้น่ะ...แล้วเราจะไปกันได้รึยัง คุณบอกเองไม่ใช่รึ..ว่าจากนี่ ไกลจากที่ที่ไปมากน่ะ เร็วเข้าสิ” เฮ้ย!! เดี๋ยวน่ะ... ฉันควรจะเป็นคนโกรธเค้าไม่ใช่รึเนี่ย...ไม่ใช่ให้เค้ามาขึ้นเสียงกับฉันแบบนี่น่ะ...แต่ก็เอาเถอะ...เถียงกันไปก็เท่านั้น

    “งั้นก็ไปกันเถอะค่ะ... ยูชอนค่ะ ฉันฝากดูบ้านด้วยน่ะคะ” ฉันหันไปสั่งเสียกับยูชอนแล้วเดินออกไปทันที

    *******************************

    ที่หน้าบ้าน...

    เราต้องไปรถไฟฟ้าน่ะคะ...” ฉันว่าเสียงเรียบ

    “ครับ...สบายอยู่แล้ว...อยู่ที่เกาหลีผมแอบขึ้นอยู่บ่อยไป” เค้าตอบเสียงสนุกเชียว สำหรับนักร้องโด่งดังขนาดนี้ การได้ทำอะไรธรรมดาแบบนี้บ้างคงเป็นเรื่องน่าสนุก ซึ่งต่างกับคนธรรมดาอย่างฉันนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมาก ที่ต้องไปเบียดเสียด แย่งแกร่งกันอย่างยากลำบาก ทุกๆวัน...

    พอดีกับมีรถแท็กซี่เข้ามา ฉันจึงโบกเรียกให้ไปส่งเราที่ สถานีรถไฟฟ้า......

    *****************************

    บนรถไฟฟ้า...

    ผู้คนแน่นเอียดเบียดเสียดกันแทบจะหาอากาศหายใจไม่ได้ แล้วยิ่งตัวเตี้ยๆแบบฉันนี้น่ะ...ความสูงเพียง 160 cm.มันเป็นปัญหาอย่างยิ่งเวลาที่จะต้องเบียดแย่งที่ยืนกันอย่างนี้...ฉันได้แต่มองแจจุงที่ยืนเกาะราว อยู่อย่างเหนียวแน่และมั่นคง...ก็ใช่น่ะสิ เค้าไม่มีปัญหากับความสูงอย่างฉันนิ!...

    สักพักฉันก็ยินเสียง ประกาศสถานี ฉันรู้สึกโล่งใจชะมัดที่ถึงสถานีนี้สักที เพราะคนจะลงที่นี้กันไปเกือบทั้งขบวน...แม้จะไม่เหลือที่นั่ง แต่ก็ยังพอมีที่ ให้ได้ยืนสบายๆ ไม่ต้องไปเบียดเสียดกับใครเค้าน่ะ....

    เมื่อใกล้จะถึงสถานี รถไฟก็เลี้ยวแต่แล้ว... ฉันก็เสียหลัก มือหลุดออกจากห่วงที่เกาะอยู่ พร้อมกันกับมีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ ดันฉันอยู่ข้างหลัง ....เมื่อไร้ ที่จะยึดเหนี่ยวรั้งตัวเองไว้ได้ ก็เสียหลัก เกือบจะล้มลงไปนอนแอ๋งเม๊งอยู่ที่พื้น...ก็มีมือใครบางคน โอบรอบเอวของฉันเอาไว้ ดึงตัวฉันขึ้นมา ให้ได้ยืนบน สองขาของตัวเองได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง...

    เมื่อฉันประคองตัวได้ ฉันจึงเงยหน้าขึ้น หวังจะขอบคุณผู้หวังดีคนนั้น...แต่ก็ตกใจอีกครั้ง เมื่อคนที่โอบเอวฉันไว้นั่นคือ คิมแจจุง ตาหน้าวอกนั่นเอง....ตกใจ ฉันจึงได้เสียหลัก เกือบจะล้มลงไปอีกรอบ แต่เค้ากลับกระชับรอบเอวแน่น หรือจะเรียกว่ากอดเอาไว้ก็ว่าได้ แก้มของฉันซุกอยู่กับอกว้างๆของเค้าจนได้ยินเสียงหัวใจเต้น กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆลอยขึ้นเตะจมูก... ฉันหลับตาปี๋ พร้อมกับสองมือโอบแผ่นหลังกว้างของเค้า โดยอัติโนมัติเมื่อรถไฟฟ้ากระตุก 2-3 ครั้งก่อนจะเข้าป้าย

    แจจุงเอี้ยวตัวหลบ ให้คนอื่นๆได้ออกจากรถไฟไปโดยสะดวก ทั้งที่ยังโอบกอดฉันไว้แน่น...

    อาราม

    "นี่เหรอคนเก่ง...ที่ขึ้นรถไฟฟ้าแทบจะทุกวัน...ถ้าไม่มีผมคงต้องไปนอนที่พื้นแล้วมั้งเนี่ย” เสียงหวานนุ่มแบบผู้ชายกระซิบที่ข้างหูแล้วรู้สึกดีชะมัดเลย....>o<….นับวันฉันยิ่งประสาทกับผู้ชายพวกนี้ว่ามั้ย...คนโน้นก็ตาสวย คนนี้ก็เสียงเพราะ...เฮ้อ~~~

    "...ก็....ฉัน...ฉันยืนไม่อยู่นิ
    ค๊ะ” ไม่รู้จะตอบว่าไงแล้ว...ทั้งโล่งใจที่ไม่ลงไปนอนที่พื้นอย่างที่เค้าว่าจริงๆอีกทั้งยังรู้สึกเสียหน้า..ฉันน่ะคนนำทางเค้าแท้ๆ แต่กลับต้องให้เค้าช่วยเสียนี่...เสียหน้าจริงๆ-_-!

    "คนก็ลงไปหมดแล้ว...
    คุณยืนเองจะไหวมั้ยเนี่ย ฮึฮึ” ตายแล้ว!!...ฉันลืมไปเสียสนิทเลยว่าฉันอยู่ในอ้อมกอดของอีตาหน้าสวยนั่นน่ะ ฉันรีบปล่อยมือทันที ... หวังจะยืนด้วยขาของตัวเอง ไม่ใช่เอาตัวไปพาดกับคนอื่นแบบนี้ +_+” แต่ฉันกลับพลาด เมื่อรถไฟฟ้าออกตัวเคลื่อนไปอีกครั้ง ฉันสะดุดหัวจะทิ่มพื้น อีกรอบ...แต่แล้วอ้อมกอดอบอุ่นๆ จากวงแขนคู่เดิมก็โอบรอบตัวของฉันอีกครั้ง ช่วยพยุงฉันให้ยืนขึ้น...

    “ถ้าผมปล่อย..เดี๋ยวคุณก็ล้มหน้าคะมำไปอีก..ผมว่าคุณอยู่เฉยๆแบบนี้เถอะ...ผมจะประคองคุณเอาไว้เอง...” นี่ฉันหูฝาด หรือว่า ฉันฝันไปกันแน่...อีตาแจจุงนี่แปลก จนฉันตามไม่ทันแล้วน่ะ...

    สุดท้าย..ฉันก็ต้องปล่อยให้ อีตาหน้าวอก โอบเอวฉันไว้ตลอดทาง จนถึง สถานีที่เราต้องลงกัน..แต่ก็ยังมิวาย จับมือฉันไว้แน่นเชียว ...เหตุผลน่ะเหรอ...เค้าบอกว่า กลัวฉันจะไปสะดุดขาใครล้มลงไปอีกน่ะสิ...ฉันน่ะอยากตะโกนใส่หน้าอีตานี่จัง ฉันน่ะ แก่กว่าเค้าอีกน่ะ แถมยังทำงานแล้วอีกด้วย ยังจะมาทำกับฉันอยากกับฉันเป็น เด็กอายุไม่ถึง 5 ขวบด้วยซ้ำ....

    ซุ่มซ่าม จริงๆเลยคุณ...” แล้วเค้าก็หันไปเกาะที่ห่วงเหมือนเดิม..ส่วนมืออีกหนึ่งยังโอบรอบเอวของฉันเอาไว้...

    “ขอบคุณค่ะ แต่ฉันว่า..คุณปล่อยมือได้แล้วล่ะค่ะ...คนมองกันใหญ่แล้วล่ะ” ฉันพยายามจะแกะมือนุ่มๆของเค้าออกจากเอวให้ได้ แต่กลับเปล่าประโยชน์ ยิ่งแกะกลับยิ่งแน่นขึ้น....

    แต่..ทำไมฉันต้องใจเต้นตึกตัก เวลาที่อยู่ใกล้ๆ นายนี่ด้วยล่ะ...ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ

    -_-“

    ********************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×