คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : # My Destiny # = "เค้ามาแล้ว"
ร่างโปร่งในสุดสบายๆอย่างเสื้อยืดสีขาวและยีนสีซีดตัวโปรด
แม้การแต่งกายจะดูไร้ราคา แต่ใบหน้าเฉียวนั้นกลับเป็นที่ตราตรึงแกผู้พบเจอ
ดวงตาที่ไม่ว่าจะมองไปที่ใคร คนนั้นเป็นต้องสยบเมื่อได้สบดวงตานี้
เรียวปากสวยที่คงจะดูมีเสน่ห์ไม่น้อยยามยิ้ม บัดนี้กลับนิ่งสนิท คิ้วเรียวขมวดมุ้น
ไม่สบอารมณ์ ขาเรียวยาวก้าวไปตามทางออกจากสนามบิน รีมูซีนคันหรูจอดเทียบท่าที่หน้าประตู
มือเรียวส่งไปเปิดประตูก่อนจะก้าวขึ้นไปบนรถ แม้รถจะเคลื่อนไปแล้ว
หากแต่ผู้คนแถวนั้น ซึ่งเป็นสาวน้อยและชายหนุ่มสะส่วนใหญ่
ยังคงมองตามรถคันหรูนั้นอยู่
“ตอนรับกลับบ้านครับนายน้อย”
“ค่ะ
กรุณาไปส่งฉันที่คอนโดของฉันนะคะ” ไร้คำคัดค้านใดๆจากชายชราผู้มีหน้าที่สารถี
รถคันหรูแล่นไปตามท้องถนน ที่เต็มไปด้วยรถรามากมายแต่ก็ไม่ถึงขั้นติดขัดให้
นายน้อยของเขาได้อารมณ์เสีย
เมื่อไม่นานมานี้
เขาได้สอบเข้าเรียนต่อชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในประเทศจีน แต่จู่ๆ
วันหนึ่งเขาก็โดนเรียกตัวกลับมา เพราะคุณย่าต้องการจะพบตัวเขา
แต่การกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่ชั่วคราว แต่เป็นการถาวร......
ร่างโปร่งก้าวเข้าไปในลิฟต์
เขาตัดสินใจไม่กลับบ้าน เพราะคอนโดนี้ใกล้โรงเรียนของเขามากที่สุดแล้ว และวันที่เขาจะไปเจอคุณย่านั้นไม่ใช่ในเร็วๆนี้แน่ๆ
กระเป๋าและสัมภาระต่างถูกขนขึ้นมาไว้ที่ห้องของเขาแล้วเรียบร้อย
ห้องที่มีขนาดไม่กว้างมาก แต่ความสะดวกสบายครบถ้วน
ห้องถูกตกแต่งด้วยสีขาวสบายตาสีโปรดของเจ้าของห้อง
ร่างโปร่งเดินสำรวจห้องอย่างพึงพอใจ ก่อนจะลากกระเป๋า เข้าไปไวในห้อง
เสียงออดหน้าห้องเริ่มดังเมื่อครู่ ขายาวเดินอย่างไม่รีบร้อนไปที่หน้าประตู
หญิงชราที่ค่อนข้างคุ้นหน้า
ซึ่งเดาไม่ยากว่าถูกส่งมาจากบ้านใหญ่ เพื่อมาจัดของต่างให้เขา
หญิงชราโค้งหัวอย่างนอบน้อม ร่างโปร่งโค้งกลับอย่างควรจะเป็นก่อนจะเดินไปหยิบหนังสือที่ถูกจัดเอาไว้ก่อนหน้านี้
และหามุมที่เหมาะสม ก่อนจะเข้าไปในโลกส่วนตัว
ของต่างๆถูกเก็บอย่างเรียบร้อยภายในเวลาไม่ถึง
หนึ่งชั้วโมง แม่บ้านทุกคนกลับไปกันหมดแล้ว
ร่างโปร่งวางหนังสือลงที่โต๊ะหน้าทีวีก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายและเข้านอนเป็นอย่างุดท้าย
เพราะพรุ่งนี้เขาไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรที่น่าปวดหัวบ้าง
ขอพักผ่อนเอาแรงก่อนแล้วกัน
END PART
เสียงออดโรงเรียนดังขึ้นเมื่อได้เวลาเข้าชั้นเรียน ฤดูการสอบย่อยได้ผ่านพ้นไป แต่การมิดเทอมกำลังจะมาถึง
จิเอเคร่งเครียดกับการที่จะต้องอ่านหนังสือมากมายเพื่อทำคะแนนให้อยู่ในระดับท็อปให้ได้
ไม่ใช่เพียงเพราะอยากจะเป็นที่หนึ่ง แต่เพราะยังอยากอยู่กับสามคนนั้นไปนานๆต่างหาก
เพราะถ้าเมื่อใดที่คะแนนลดลงหรือตกระดับ ตำแหน่งก็จะถูกปลดและหาผู้ที่เหมาะสมต่อไป
และสามัญทั่วไปส่วนมากจะไม่มีสิทธิสนิทกับพวกแนวหน้าเด็จขาด
ไม่ใช่เพราะกดแต่เป็นธรรมเนียมหมู่
เมื่อไหร่ที่ฉันถูกปลดนั่นหมายความว่าไม่มีสิทธิติดต่อกับอีกสามคน และถ้าถามว่าถ้าฉันยังติดต่อกับพวกเขาอยู่จะเป็นไง
ก็คง......ดูไม่จืดเลยทีเดียว
ถึงการคัดจะประกาศก็ต่อเมื่อการสอบไฟนอลเสร็จสิ้น
แต่การสอบมิดเทอมก็คือคะแนนเก็บอยู่ดี นั่นทำให้ฉันอยู่เฉยไม่ได้ ฉันไม่ใช่คนที่เรียนเก่งอะไร
ถึงต้องพยายามมากไปอีก และอีกหนึ่งการแข่งขันที่สำคัญกับฉันมากก็คือการชิงทุนเพื่อไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศไงล่ะ
เพราะนอกจากฉันแล้ว ก็ยังมีคิงอีกสองสาย และฉันเพิ่งรู้เมื่อไม่นานนี้ว่าโรงเรียนของฉันมีสามสาย
โซรีที่ฉันอยู่ อยู่คือ ฮวาอี และอีกสองสายอยู่อีกโรงเรียน จะอธิบายง่ายๆก็คือ โรงเรียนโซรีมีสามแห่งไงล่ะ
สายที่หนึ่งมีชื่อว่า พัลกัน มีสัญลักษณ์คือสีแดง สายที่สองคือ พูรึน สัญลักษณ์คือสีน้ำเงิน และสายที่สามคือ ฮวาอี
สัญลักษณ์คือสีขาว
เมื่อคุณครูประจำชั้นเดินเข้ามาในห้อง เสียงเอะอะโววายต่างๆก็สงบลง
ถึงแม้จะอยู่แนวหน้าแต่เราก็ต้องเรียนรวมกับสามัญในตอนแรกฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่เราจะได้เพื่อนใหม่เพิ่ม
แต่กลับกลายเป็นว่านั่นทำให้ฉันดูแปลกแยก
“สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่แสนจะหน้าเบื่อ นะทุกคน
ฉันรู้ว่าพวกเธอไม่อยากเรียนแต่ช่วยทำหน้าตาดีๆกันหน่อย”
“ค่า”
เสียงยานคางของเล่านักเรียนไม่ได้ทำให้คุณครูโกรธหรือเอือมระอาแต่อย่างใด
เพราะคงจะชินไปเสียแล้วละมั้ง เพราะครูแค่ยิ้มน้อยๆที่มุมปากเท่านั้น
แต่รอยยิ้มนั้นฉันอ่านไม่ออกเลยจริงๆ
“แต่วันนี้อาจจะไม่น่าเบื่ออย่างทุกวันก็ได้นะ” คุณครูพูดแค่นั้นก่อนจะเดินไปที่นอกห้องเรียนและกลับเข้ามาพร้อมใครคนหนึ่ง
ใครคนหนึ่งที่สามารถทำให้ฉันหายใจกระตุกได้โดยไม่รู้สาเหตุ
หัวใจที่เต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆทำให้ฉันสงสัย ทั้งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งๆ
ที่ไม่เคยรู้จัก แต่กลับดุคุ้นเคยอย่างประหลาด คนตรงหน้าในชุดนักเรียนหญิง
ชั่งดูดีเหลือเกิน ดูดีจนน่าอิจฉาเลยแฮะ ไม่รู้ว่าฉันจ้องมองเขานานแค่ไหน
แต่พอรู้สึกตัวอีกทีสายตาของเราสองคนก็สบกัน
เหมือนเป็นกิริยาที่เป็นไปเองเมื่อถูกจ้องกลับสายตาของฉันก็รีบหลบสายตาของเขาทันที
เฮ้ออออ
แค่สบตาทำไมเหนื่อยแบบนี้นะ
ครืดดด
เสียงลากโต๊ะที่ดังอยู่ใกล้ๆเรียกความสนใจของฉันให้ต้องเงยหน้าขึ้นมา
แต่เหมือนมันจะเป็นการที่ตัดสินใจที่ผิดมหันต์เลยทีเดียว ใบหน้าคมที่ก้มลงมาจนปลายจมูกของเราแทบจะชิดกัน
แต่นั่นไม่ทำให้เขาตกใจเหมือนกับฉันเลยสักนิด แม้ฉันจะกระเทิบใบหน้าห่างออกมาแต่ใบหน้าของเขาก็ตามเข้ามาใกล้อีก
ใบหน้าหวานที่ตอนนี้เริ่มขมวดคิ้วอย่างสงสัยปนไม่พอใจฉายชัดออกมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ร่างสูงกลัวหรือเกรงใจแต่อย่างใด
ใบหน้าเรียบเฉยนั้นกลับก้มหน้าเข้ามาใกล้อีก ก่อนจะกระซิบว่า
“ขอฉันนั่งใกล้เธอนะ” พร้อมกลับกระตุกยิ้มมุมปาก
“อ่อออ งั้นเชิญ” ร่างบางคลายหน้าที่ไม่พอใจออกไป จริงๆก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไรนะ
แต่หน้าตาเขาดูดุมากเลยต้องทำหน้าให้ดูน่าเกรงใจนิดนึง
ร่างบางตอบกลับไปพร้อมยิ้มสวยไปให้ร่างสูง
ที่ดูท่าว่าตอนนี้ความขรึมเกือบจะหลุดเพราะคนตรงหน้าไปบ้าง
แต่ก็ยังคงรักษาสีหน้าได้อย่างดี
“เอ่อ....สวัสดีจีซู เธอชื่อซอจีซูใช่ไหมล่ะ? ฉันเห็นที่ป้ายน่ะ”
Jisoo
part
ฉันหันมาตามเสียงเรียกถาม
มองคนตรงหน้าอย่างวิเคราะห์ พร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเคยชิน ก่อนจะตอบเธอไป
"ใช่" ตอบแค่นั้น ก่อนจะหันมาจัดของเข้าโต๊ะต่อ ฉันคิดว่าเธอคนนี้จะหน้าเจื่อนเพราะฉันถามคำตอบคำ
แต่เปล่าเลย เธอแค่ยิ้ม และบอกชื่อของเธอ
"ฉันชื่อ จิเอนะ ยูจิเอ ยินดีที่ได้รู้จัก" :)
หึ ชื่อเพราะดีนิ
น่ารักดี
.................เหมือนน่าตาเลย
"ยินดีที่ได้รู้จัก แต่.........เธอชอบทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรอ?"
"???"
ร่างบางขมวดคิ้วอย่างฉงน
ก่นจะทำท่าเข้าใจ
"เอ่อ ฉันขอโทษ จะไม่ยุ่งกับเธอแล้ว"
เธอพูดพร้อมกับหน้าที่รู้สึกผิด เป็นคนที่คิดยังไงรู้สึกยังไงก็แสดงออกมาชัดเจนขนาดนั้นเลยหรอ
เหอะ
"ไม่เป็นไรหรอก"
"จริงหรอ?"
"อะไร?"
"ก็เป็นเพื่อนกัน ไม่เป็นไรจริงหรอ?"
อึนได้โล่จริงๆยัยคนนี้
"ฉันหมายถึงเมื่อกี้ไม่เป็นไรต่างหาก ว่าแต่
เธอ.....อยากเป็นเพื่อนกับฉันงั้นเหรอ?"
“อืม
แต่.....”
“ทำไม? ถ้าอยากเป็นเพื่อนกันจริงๆ ก็อย่าแคร์คนอื่นดิ
กล้าไหม”
“เอ่อ....
ฉันหมายถึงเธอจะเดือดร้อน”
“หึ
ฮา ฮ่าๆๆๆๆ” ฉันไม่ได้หัวเราะอย่างนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ ฮ่าๆๆ ยัยนี้มันอะไรกัน
ถ้าไม่เห็น เข็มที่สูทฉันคงไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีคิงแบบนี้ จะบ้าตาย
ตั้งแต่เจอยัยนี่ ฉันรู้สึก มีอารมณ์ขึ้นเยอะเลย
หมายถึงมีอารมณ์อื่นๆนอกจากนิ่งๆอะเข้าใจกันใช่ไหมค่ะ
ยัยนี่ยังคงทำหน้างงต่อไปว่าฉันหัวเราะอะไร
แต่ฉันก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรหรอก ปล่อยให้งงนั่นแหละ หึ
“ว่าแต่
คนข้างๆเธอคือใครหรอ” ตัดสินใจถามออกไป
ไม่ใช่ว่าอยากได้เพื่อนใหม่ แต่แค่อยากรู้................จะจ้องหน้าอะไรกันขนาดนั้น
“อ่อ
นี่จิน ควีนไง เพื่อนสนิทฉันเอง จินนน
นี่ลุกขึ้นมาก่อนนะ” แต่พอร่างบางตรงหน้าหันไปเพื่อที่จะแนะนำเพื่อนใหม่ให้รู้จัก
ร่างโปร่งนั้นก็เตรียมจะฟุบลงกับโต๊ะทันที
“หึ้ม
อะไร?” เล่นละครเก่งใช้ได้นี่
“จีซูเพื่อนใหม่
J”
“สวัสดี
ฉันจินนะ ยินดีที่ได้รู้จัก จีซู”
“อืม
เช่นกัน” หึ
ฉันตอบไปแค่นั้นก่อนจะหันมาจัดของต่อ หน้าตาเป็นมิตรซะเหลือเกินน้า
ท่าทางจะหวงของแฮะ หึหึ
End Part
ตอนนี้ฉันได้เพื่อนใหม่เพิ่มมาอีก
หนึ่งคน แต่ไม่รู้ว่าฉันจะทำให้เขาเดือดร้อนไหม หรือมากน้อยแค่ไหน
แต่ฉันก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของคนอื่น เขาอาจจะไม่ได้สนใจว่าฉันจะสนิทกับใคร
แต่ถ้ากลับกันคนที่เกลียดฉันเขาจะพลอยเกลียดจีซูไปด้วยไหม ฉันจะทำให้เขาลำบากไหมนะ
ตอนนี้เวลาได้ล่วงเลยมาถึงตอนพักเที่ยงแล้ว
มันเคยเป็นเวลาที่ฉันชอบที่สุดแต่นั่นมันก่อนหน้าที่ฉันจะเข้ามาในโรงเรียนนี้ แต่หลังจากนั้นฉันว่ามันคือช่วงเวลาที่ฉันลำบากใจที่สุดแล้วล่ะ
เพื่อนๆในกลุ่มฉันต่างถูกมองด้วยความชื่นชม ต่างกับฉันที่เขามองว่าไม่เหมาะสม
ฉันอยากรู้ว่าเขาเอาอะไรมาเป็นมาตรฐานหรอ แต่ฉันก็ไม่อาจจะถามออกไปแบบนั้น
เพราะมันอาจจะแย่ลงกว่าเดิม ฉันเลยได้แต่เงียบ วันนี้จีซูตามเรามาด้วย ฉันได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกลางโรงอาหารนะ
“โอ๊ย!”
แต่เหมือนความหวังของฉันจะไม่ได้เป็นไปตามหวังเมื่อเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินมาทางพวกเรา
และหนึ่งในนั้นก็ถือถ้วยซุปร้อนๆอยู่ เด็กผู้หญิงที่ถักผมเปีย หน้าตาน่ารัก
คุ้นๆกันใช่ไหมล่ะ คนเดียวกับเมื่อคราวที่แล้วไง คนที่เข้ามากระซิบฉันในตอนนั้น
เธอคนนั้นเดินตรงมาทางฉันเหมือนกับท่าทีที่จะเข้ามาเดินชนพร้อมกระตุกยิ้มร้าย
ซึ่งนั่นมันทำให้ฉันแน่ใจว่าต้องเป็นฉันแน่ๆ
แต่กลับมีร่างโปร่งที่เดินเงียบมาตลอดทางจนเกือบลืมไปแล้วว่ามาด้วยกัน เดินเข้าไปจับข้อมือของหญิงสาวคนนั้นพร้อมกับบิดข้อมือของเธออย่างแรง
ส่งผลให้ถ้วยน้ำซุปร้อนๆนั้นหกราดตัวเธอไปเต็มๆ
“กรี๊ดดดดด”
เสียงกรีดร้องเรียกความสนใจไปทั่วโรงอาหาร จนร่างบางนึกหวาดกลัว
ผู้คนมากมายจ้องมองมาทางพวกเราสามคน เยอินและซูจองที่นั่งจองโต๊ะไว้รีบวิ่งมาทางพวกเราแต่ก็เข้ามาไม่ได้เพราะฝูงชนที่ห้อมล้อมอยู่ สายตามากมายพวกนั้นจ้องมาราวกับพวกเขาเป็นคนผิด
นั่นทำให้ฉันรู้ว่าการตัดสินใจมาโรงอาหารครั้งนี้ของฉันมันผิดมหัน
ฉันแค่อยากจะพาจีซูมาทานข้าว เพราะฉันไม่รู้ว่าบัตเตอร์ฟายล์จะอนุญาตให้คนนอกเข้าได้หรือเปล่า
เลยตัดสินใจนัดทุกคนที่โรงอาหาร
“ขอโทษนะคะ
แต่ทีหลังเดินระวังๆหน่อยนะ จะไปไม่เดินชนคนอื่นเขาอีก”
ก็เป็นจีซูอีกเช่นเคยที่ช่วยแก้สถานการณ์ตรงหน้า
แต่ตอนนี้ชุดนักเรียนของสาวผมเปียนั้นเปียกไปหมด และฉันเดาว่าเธอคงแสบร้อนไม่น้อย
“เป็นอะไรมากรึเปล่า
ฉันพาไปห้องพยาบาลนะ”
หญิงผมเปียซึ่งดูท่าทางจะช็อคไม่หาย
จึงยอมเดินตามการชักจูงของฉัน จินและจีซูเดินตามมาเงียบๆอีกเช่นเคย
พวกเขาไม่ห้ามที่ฉันช่วยเธอคนนี้ เพราะกลุ่มเพื่อนของหญิงสาวนั้นหายไปแล้ว
และเธอคงต้องการความช่วยเหลืออยู่
เมื่อมาถึงห้องพยาบาลพวกเราก็ส่งต่อเธอไปให้พยาบาลที่ประจำที่ห้องพยาบาล
และเดินกลับไปที่บัตเตอร์ฟายล์ สุดท้ายก็ได้แค่ที่นี่ละนะ
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เจอซูจองที่นั่งดูทีวีอยู่คนเดียวภายในห้อง
และเมื่อกวาดสายตาไปรอบก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเยอิน
“เยอินหายไปไหน?”
“อยู่กับปริ้นเซดแห่งเซเลสเทลอะ”
รุ่นพี่เคย์น่ะหรอ?
“งั้นฉันก็คงต้องขอตัวเหมือนกันนะ”
หลังจากที่ได้คำตอบจากซูจอง
เสียงของจินก็ดังขึ้นเพื่อบอกประโยคข้างต้นอย่างรวดเร็ว
มันไม่ใช่ประโยคขออนุญาตและเป็นประโยคบอกเล่ามากกว่าก่อนจะเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
ฉันหันไปมองหน้าซูจองอย่างขอความหวังว่าเขาจะไม่ทิ้งฉันไปอีกคน
เพราะถึงจะมีจีซูอยู่แต่ทั้งฉันและเขาต่างก็ไม่ใช่คนพูดเก่ง
มันอาจจะเกิดบรรยากาสแสนอึดอัดก็ได้ และที่สำคัญ
ฉันทำกับข้าวไม่เป็นและตอนนี้มันก้เลยเที่ยงมามากแล้วด้วย ดีที่พักกลางวันมันมี 3 ชั่วโมงในเฉพาะฤดูร้อน
และนี่คือฤดูร้อน
ซูจองมองหน้าฉันพร้อมกับยิ้มและจับโทรศัพท์เครื่องใหม่ขึ้นมา
แต่สภาพมันก็ไม่ได้ดุใหม่นะเหมือนโทรศัพท์ที่ใช่มานานแล้วด้วย
เธอกดรับสายก่อนจะหันมามองหน้าฉันอย่าขออนุญาตอีกคน แล้วออกไปจากห้องนี้ไป
ฉันหันไปมองหน้าจีซูอย่างไม่รู้จะทำอะไร
แม้กระทั้งตอนนี้ใจของฉันมันก็ยังไม่หยุดเต้นแรง และเมื่อยิ่งมาอยู่กันสองคนแบบนี้
มันก้ทำให้ฉันไม่ค่อยจะเป็นตัวของตัวเอง นั่นเพราะฉันอาจจะเกร็งอยู่ก็ได้ละมั้ง
เลยประหม่า
“นี่
หิวรึยังหรอ”
“อืม
หิวแล้ว จะทำให้กินหรอ” เมื่อเจอคำถามนั้น
ฉันก็ไปไม่ถูกเลยทีเดียว ฉันทำอาหารเป็นซะที่ไหนล่ะ
“ทำไม่เป็นล่ะสิ”
เห้ย รู้ได้ไง?
ความคิดเห็น