คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ฉากสุดท้าย 2784Feat.6918 (ต่อจาก"เพียงแค่รัก 2784")
“ที่นี่ที่ไหน”เมื่อลืมตาขี้นกลับพบสถานที่แปลกๆที่ตัวเองไม่เคยเจอ...ได้แต่หันมองไปรอบๆ
“มาแล้วเหรอครับพิรุณตัวน้อย”เสียงนี้มัน...เสียงของผู้พิทักษ์แห่งสายหมอก โรคุโด มุคุโร่
นี่มันคือความฝันหรือความจริงกันแน่...ตอนนี้เขาอยู่กับสายหมอกคนนี้จริงๆเหรอ...คนคนนี้คือสายหมอกที่ผู้เป็นนภาเฝ้าห่วงใยและรักใคร่อยู่จริงเหรอ
“ต้องขอโทษด้วยถ้าเข้ามาด้วยภาระการนะครับ”แม้จะไม่ได้เจอหันต่อหน้าแต่ความสุภาพอ่อนโยนของสายหมอกก็มิได้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย
เพราะเหตุใดกัน...สายหมอกที่เกลียดมาเฟียยิ่งกว่าสิ่งใด...ถึงใดยอมมาเป็นผู้พิทักษ์ให้แก่นภา...ถึงจะมาทีหลัง แต่ก็พอรู้สิ่งที่เกิดก่อหน้านี้
สายหมอกผู้นี้ต้องการที่จะยึดร่างของนภา...แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวและถูกจับไป..แต่ในตอนนั้นสายหมอกก็กลับมา..ในฐานะของผู้พิทักษ์
“ท่านมุคุโร่ กระผมมีเรื่องจะขอร้อง”แม้จะไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง...แต่เขาก็ไม่แคร์ ถ้าความคิดของเขาถูกต้อง...ความจริงแล้วสายหมอกมิได้รักใคร่ในตัวนภา แต่คนที่สายหมอกรัก...ก็คือเมฆาที่แสนเย็นชา
“ถ้าคุณต้องการให้เป็นแบบนั้น ผมก็ยอมช่วยคุณเต็มที่”ทั้งแต่เมื่อไรที่ถูกอ่านความคิดแบบนี้...หรือเพราะสายตามันบ่งบอกถึงความต้องการ
“ทำไมถึงยอมช่วยกันล่ะครับ ท่านซาวาดะคือคนรักของท่านมุคุโร่ไม่ใช่เหรอ”ไม่เคยเข้าใจในการกระทำของสายหมอกคนนี้เลยสักครั้ง...ไม่เคยรู้ว่าในใจนั้น เขาคิดอะไรอยู่...อัญมณีสองสีนั้นช่างดูลึกลับจนน่าค้นหา
“เพราะผมเองก็ไม่เคยรักใคร่ในตัวนภาเลยน่ะสิครับ”
.................................................................
“อือ...”ความฝันนั้น...ทำไมกัน ทำไมถึงยังไม่ลืมทั้งที่มันก็นานมาแล้ว...เพราะอะไรที่ทำให้คำพูดประโยคนั้น ยังคงดังก้องอยู่ในใจ
“ตื่นแล้วเหรอ”สึนะส่งยิ้มที่สดใสให้กับคนตัวเล็กกว่า...ทั้งที่โดนไล่ให้กลับอิตาลีไปแล้วแท้ๆ แต่เราก็ยังดื้อดึงที่จะอยู่ที่นี่ต่อให้ได้
“ตื่นเช้าจังเลยนะขอรับ”นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เราไม่ได้พูดแบบนี้...นานแค่ไหนแล้วที่ตื่นมา แล้วไม่ได้เจอหน้าของนภาผู้นี้
“ไม่ใช่ฉันตื่นเช้าหรอก นายตื่นสายเองนี่”ทั้งที่อยู่ใกล้กันเพียงแค่นี้แต่ทำไมรู้สึกเหมือนอยู่ห่างกันออกไป
“ท่านซาวาดะ”พิรุณน้อยฉุดอีกคนลงมาอยู่ในระดับเดียวกันก่อนจะโผล่เข้ากอดอย่างหวยหา...ถึงแม้จะไม่แสดงออกแต่ก็ดีใจที่นภายังอยู่ด้วยกัน
“ฉันอยู่นี่แล้วนะบาจิล ฉันจะอยู่กับนาย”ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ..ก็สามารถรับรู้ได้พิรุณตัวน้อยคิดอะไรอยู่...แม้พิรุณจะไม่เคยพูดแต่นภาก็รับรู้ได้จากสายตา
“ขอบคุณนะขอรับ”ทำไมถึงร้องไห้กันล่ะ...ทำไมถึงได้ขอบคุณเขากันล่ะ...เราไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้เลย...ทำไมถึงได้รักในตัวนภามากมายขนาดนี้ล่ะ
“วันนี้ไม่ได้ทำงานสินะ พาฉันไปเที่ยวนามิโมริหน่อยสิ”เหมือนกับจงใจจะแกล้ง...แม้เราจะอยู่ที่นี่มาสองปี แต่ก็ใช่ว่าจะรู้สถานที่ท่องเที่ยวซะเมื่อไร
“ท่านซาวาดะเกิดและโตที่นี่ กระผมคงไม่สามารถจะนำพาท่านไปได้”
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วัน..กี่เดือน..กี่ปี ก็ได้พิรุณก็ยังคงเป็นพิรุณ ยังเป็นพิรุณที่ใสซื่อ ไร้เดียงสาและซื่อตรงกับเขาไม่เปลี่ยนแปลง
“ฮ่าฮ่า ไม่เปลี่ยนไปเลยนะบาจิล”
“หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะขอรับท่านซาวาดะ”บาจิลเอ่ยบอกห้ามแกมขอร้องให้คนตรงหน้าหยุดหัวเราะเสียที
“เพราะความไร้เดียงสานี้ไงที่ทำให้ฉันหลงในตัวนาย”มือเล็กเอื้อมไปสัมผัสเส้นผมสีกาแฟอย่างเบามือ...แม้จะรู้ตัวเมื่อสายไป แต่ขอให้ได้ให้เวลานี้ทดแทน
“อย่านะครับท่านซาวาดะ”
เพราะสิ่งที่พร่ำบอกกับตัวเองในทุกวันมันฝังลึกลงไปในจิตใจ...จึงไม่อยากเข้าใกล้ไปมากกว่านี้ เพราะกลัวจะไม่สามารถถอนตัวขึ้นมาจากวังวนความรักได้อีก
“อืม”แม้จะรู้ว่าคนตรงหน้าไม่ได้รังเกียจแต่ก็รู้สึกน้อยใจที่เขาไม่สามารถจะแตะต้องตัวของอีกคนได้เลยแม้แต่น้อย...แต่ปลายเส้นผมเขายังเป็นขนาดนี้ แล้วถ้ามากกว่านี้
“ขอโทษนะขอรับ”อัญมณีสีฟ้าสดสลดลงนิดๆเมื่อได้สติ...จะเป็นแบบนี้ไม่ถึงเมื่อไรนะ ไม่อยากเสียน้ำตาอีกแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจ”ล้มเลิกความคิดแล้วกลับอิตาลีมันคงยังไม่สายสินะ...เรื่องราวระหว่างเขาสองคนมันคงสายไปแล้วจริงๆ
เพราะเขายังคงไม่แน่ใจว่าหัวใจของตนเองนั้นรักใคร คนหนึ่งก็คือ...สายหมอก คนที่เขาคอยห่วงหาและเฝ้ามองมาตลอดหลายปี ส่วนอีกคนก็คือ...พิรุณที่เฝ้ามองและดูแลเขามาตลอด ไม่ว่าจะเมื่อไรพิรุณก็มักจะอยู่เคียงข้างกายเขาเสมอ
ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าตอนนี้เขากับสายหมอก..มิใช่คนรักกันเหมือนอย่างเคย แต่เขาใช่ว่าจะหมดรักสายหมอก...ถึงจะรู้ว่าคนรักใหม่ก็คือเมฆา แต่เขาก็ตัดใจจากสายหมอกมิได้สักคราว
“ไม่กลัวผู้พิทักษ์คนอื่นจะเป็นห่วงเหรอครับ”เสียงหวานของอีกคนดึงให้สึนะหลุดจากภวังค์ความคิด...เป็นห่วงเราสินะ ยังรักฉันอยู่ใช่ไหมบาจิล
“ฉันบอกพวกเขาแล้ว ไม่ต้องห่วง”
“กระผมว่าท่านกลับอิตาลีไปเถอะครับ”ยิ่งนภาอยู่ด้วยกันนานเท่าไร มันยิ่งทำให้บาดแผลในใจของพิรุณลึกลงไปมากเท่านั้น
ถ้าใจของท่านยังคงเลือกไม่ได้..ขอร้อง อย่ากลับมาหาผมเพราะต่อจากนี้ผมจะไม่ยอมเป็นตัวสำรองของใครอีกแล้ว
“ฉันกลับแน่ แต่ก่อนกลับขอให้ฉันได้อยู่กับนายก่อนได้ไหมบาจิล”
“ขอรับ”ทำไมถึงไม่ปฏิเสธไปล่ะ...เพราะทำตามที่หัวใจเราเรียกร้องรึไง เรียกร้องที่จะอยู่ข้างนภาอย่างท่าน
“คุฟุฟุ ปฏิเสธคนอื่นไม่เป็นเหมือนเดิมเลยนะครับ”เสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ของสายหมอกดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัว
“มุคุโร่”สึนะก้มหน้านิ่งก่อนจะเอ่ยชื่อของสายหมอกออกมาเบาๆ...เพราะการกระทำของสายหมอก นภาอย่างเขาจึงไม่สามารถเลือกได้มาจะอยู่เคียงข้างใครระหว่างสายหมอกกับพิรุณ
“วองโกเล่อยู่ที่นี้เองเหรอครับ”ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งทำให้พิรุณอย่างเขารู้ว่าไม่ควรจะแทรกระหว่างนภากับสายหมอกเพราะยังไงมันก็ไม่มีที่สำหรับมาตั้งแต่แรก
“กระผมขอตัวนะขอรับ”อย่าจะเดินออกไปให้ไกลจากตรงนี้..ไม่อยากจะรับรู้อะไรที่แล้ว เริ่มจะถลำลงไปลึกอีกแล้วนะบาจิล..อย่าลืมสินายมันก็แค่ผู้ดูแลไม่มีสิทธ์อะไรทั้งนั้น
มันไม่มีที่สำหรับพิรุณอย่างนายมาตั้งแต่แรก...นายมันไม่มีค่าพอที่จะให้นภาอย่างเขาอย่าสนใจหรอก...นายไม่มีสิทธ์ก็รู้อยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอ
“เดี๋ยวสิบาจิล”มือหนาของสึนะคว้าข้อมือของอีกคนทันใด...ไม่อยากทิ้งให้พิรุณต้องเสียน้ำตาเพียงเดียวดายอีกแล้ว ไม่อยากปล่อยให้พิรุณหนีไปอีก
“เขาไม่อยากอยู่ก็ปล่อยเขาไปสิครับ วองโกเล่”คำพูดที่เรียบง่ายของสายหมอกเหมือนกับเข็มที่ทิ่มแทงหัวใจของพิรุณให้เจ็บปวด
“ปล่อยนะขอรับ ปล่อยกระผมเถอะ”เพียงแค่กำลังอันน้อยนิดจะไปสู้อะไรกับกำลังของผู้เป็นนภาอย่างท่านได้
“ฉันสั่งว่าไม่ไป นายก็ต้องไม่ไป”สึนะยื่นคำขาด มือหนากระชากอีกคนให้เข้ามาสู่อ้อมกอดของตน...ขอโทษจริงๆที่ต้องทำแบบนี้กับนาย แต่มันจำเป็น
“ขออภัยถ้ากระผมจะขอขัดคำสั่ง กระผมเป็นคนมิใช่เครื่องจักร”หยดน้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาคู่งาม...กลั้นมันต่อไปไม่ไหวแล้ว ทำไมถึงต้องทำแบบนี้จะให้เขาขาดใจตายตรงหน้าเลยรึไงกัน
พิรุณอย่างเขาเป็นคนไม่ใช่เครื่องจักรถึงจะไม่สบสะท้านอะไรเลย...นี้เหรอที่นภาบอกว่ารักกัน มันคงจะเป็นแค่คำพูดที่หลอกหลวงกันเสียมากกว่า
“ถ้าอยากไปนักก็ไปเลย ไปสิ”สึนะผลักคนตัวเล็กกว่าสุดแรงก่อนจะเดินหนีไปอย่างรวดเร็วปล่อยให้พิรุณนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น
“ผมขอตัวไปดูวองโกเล่ก่อนนะครับ”สายหมอกปกคลุมบริเวณห้องนี้อีกครั้งก่อนจะจางหายไป
เข้าใจแล้วสินะ ว่าเราน่ะมันไร้ค่าสำหรับเขาแค่ไหน คิดจะรักก็รัก..คิดจะทิ้งก็ทิ้ง...ท่านเห็นกระผมเป็นอะไรกันแน่
“ฉันไม่ได้หลอกนายนะบาจิล เชื่อฉันจะได้ไหม”
นี้เหรอขอรับ...ที่ท่านบอกว่าท่านไม่ได้หลอกกระผม ท่านทำเพียงว่ากระผมเป็นแค่ของเล่น...พอเหงาท่านก็มา..เมื่อเบื่อท่านก็ทิ้ง สะใจแล้วสินะขอรับ
“เพราะความไร้เดียงสานี้ไงที่ทำให้ฉันหลงในตัวนาย”
เพราะกระผมมันโง่ต่างหาก เพราะกระผมนั้นรักท่านซาวาดะมากจนท่านเห็นว่าหัวใจของกระผมนั้นเป็นของเล่นสำหรับท่าน...ท่านจึงไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ใจอะไรมากมาย
“กระผมมันโง่เองที่ยอมให้ท่านหลอก”
“คุฟุฟุ น่าสงสารจริงๆเลยนะครับพิรุณน้อย”กายของสายหมอกและนภาปรากฏขึ้นตรงหน้าของพิรุณอีกครั้ง...เกมส์นี้ ขอผมชนะก็แล้วกันนะครับ
“น่าสมเพศที่สุด”นัยน์ตาสีเปลือกไม้ของนภาทอดมองมายังพิรุณอย่างเย็นชา
“นั้นสินะขอรับ กระผมมันน่าสมเพศ”แขนเรียวพยุงตัวขึ้นจากพื้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องอย่างเชื่องช้า
การกลับมาของสายหมอก คือความเจ็บปวดของพิรุณ...แม้จะรู้อยู่แล้วว่านภาไม่มีทางแลมองแต่ก็ยังพยายามทำทุกอย่างเพื่อเขา
.................................................................
แสงอรุณที่จางหาย...ถูกแทนด้วยสายลมที่เย็นเฉียบ...เมฆาเริ่มก่อตัว...ก่อนจะโปรดหยดพิรุณลงมาจากนภาสีมืด
“ฮึก กระผมมันโง่มากเลยสินะขอรับ”แค่คำพูดคำเดียวก็ทำให้เขารู้ได้ว่าคนต่ำต้อยอย่างเขา...ไม่มีทางเข้าไปแทนสายหมอกในใจของนภาได้
ถ้าไม่ต้องการก็แค่บอก...ไม่จำเป็นเลยที่ต้องมาทำร้ายจิตใจเขา...หรือว่าในสายตาของนภา พิรุณนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องมีจิตใจ...นั้นสินะ พิรุณอย่างเขาก็แค่ของเล่น...ไม่จำเป็นต้องมาดูแลเอาใจใส่อะไรมากมาย
“บาจิลคุง”นัยน์ตาสีเปลือกไม้ฉายแววกังวลเล็กน้อยก่อนจะคลายลง...ในที่สุดก็เจอ นึกว่าหลงทางซะอีก
“ท่านซาวาดะต้องการอะไรจากกระผมอีกเหรอขอรับ”อัญมณีสีสวยทอดมองอีกคนอย่างตัดเพ้อ...ยังไม่พอใจอีกเหรอ ยังต้องการอะไรจากเขาอีก
“กลับไปอยู่ที่อิตาลีกับฉันเถอะนะบาจิล”
ทำไมล่ะ...นัยน์ตาคู่นั้นเปลี่ยนไป เมื่อกี้ช่างดูเย็นชาแต่ตอนนี้กลับอบอุ่น...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“กระผมไม่ใช่ของเล่นนะขอรับ ที่จะทิ้งหรือจะเล่นก็ได้น่ะ”ในเมื่อพิรุณคนนี้มันไร้ค่า..แล้วทำไมถึงได้ให้ความหวังอีก...เลิกรักเขาสักที ใจเราเองก็รู้ว่าเขาไม่มีที่สำหรับเรา...เลิกโง่ได้แล้ว
“ฉันรักนายจริงๆนะ เชื่อใจฉันสิ”
จะให้กระผมเชื่ออะไรในตัวท่าซาวาดะอีก...ในเมื่อความเชื่อใจที่กระผมมีให้ท่าน มันพังลงไปต่อหน้าต่อตาของผม...เหมือนกับหัวใจที่มันแตกสลายด้วยน้ำมือของท่าน
“ปล่อยกระผมไปเถอะ ฮึก อย่าให้ความหวัง ฮึก อะไรอีกเลย”น้ำตาที่เพิ่งแห้งไปไม่นานกลับหลั่งไหลลงมาอีกครั้ง...ยิ่งรักก็ยิ่งเจ็บ แม้จะเจ็บแต่ก็ยังรัก
“ถ้าเกลียดกันแล้วก็บอกสิ ฉันจะไม่ต้อง..รักนาย”เป็นถึงนภาแต่ทำตัวอ่อนแอ ไม่สมกับตำแหน่งเลยสักนิด
“ก่อนไปช่วยคืนอะไรบางอย่างให้กระผมด้วยได้ไหมขอรับ”แค่สิ่งเดียวที่อยากได้คืนเท่านั้น...แค่สิ่งนั้นสิ่งเดียวที่ต้องการ...หัวใจของกระผม ขอคืนได้ไหมขอรับ
“อะไร”
“หัวใจของกระผม หัวใจที่มันแตกสลายไป คืนให้กระผมได้ไหมขอรับ”จบกันจริงๆแล้วสินะ...ความรักของเราน่ะมันไม่เหลือ...หรือไม่เคยมีมาตั้งแต่แรก
หัวใจของพิรุณที่มอบให้นภาไปนั้น มันไม่สามารถแทรกเข้าไปในหัวใจของนภาได้เลยสักครั้ง...ที่ไม่ได้เพราะนภาไม่เปิดใจรับมัน..หรือมันไม่มีมาตั้งแต่ต้น
“น่าสมเพศจังเลยนะ”เสียงหวานของนภาเปล่งออกมาอย่างสั้นคลอ...ไม่เหลือน้ำตาจะให้ร้องไห้อีกแล้ว
“ไม่ต้องย้ำหรอกขอรับ กระผมรู้ตัวดี”แม้จะยอกย้ำตัวตัวเองขนาดไหน..แต่ใจก็ไม่เคยที่จะจำ ไม่เคยเข็ด...ทั้งที่รู้ว่านภานั้นสูงศักดิ์เท่าใด แต่เราก็ยังจะรัก
“ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ฉันก็รักนายนะบาจิล”สึนะดึงบาจิลเข้ามากอดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปล่อยให้คนตัวเล็กเป็นอิสระ...คงทำได้แค่นี้สินะ
“ท่านซาวาดะ”ไม่อาจจะห้ามหัวใจตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว...กระผมขาดท่านซาวาดะไม่ได้
หยดน้ำตาของพิรุณนั้นทำให้นภาเจ็บปวด...และการกระทำของนภาก็ทำให้พิรุณเจ็บปวดเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างก็เจ็บปวดเหมือนกัน
“กระผมรักท่านซาวาดะนะขอรับ”บาจิลดึงตัวสึนะเข้าไปกอดอย่างแนบแน่น ใบหน้าหวานซบลงที่อกแกร่งของอีกคน
“กลับอิตาลีกับฉันน่ะ”นึกว่าจะจบลงแบบไม่สวยแล้วซะอีก...ฉันคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกนายมาอยู่เคียงข้างบาจิล
ใบหน้ายามมีความสุขของนภา..ก็พลอยทำให้พิรุณมีรอยยิ้มที่สดใสด้วยเช่นกัน....และต่อจากนี้คงไม่มีครั้งใดที่นภาจะปล่อยให้พิรุณต้องโดดเดียว
“คุฟุฟุ ยินดีกับความรักอันหอมหวานนะครับวองโกเล่”สายหมอกหนุ่มปรากฏกายขึ้นพร้อมกับกลุ่มหมอก
“รุ่นที่10ครับ ผมมารับแล้ว”เสียงของวายุดังมาแต่ไกลก่อนจะปรากฏร่างของผู้พูด
เหล่าผู้พิทักษ์ทั้งหลายค่อยๆปรากฏตัวขึ้นทีละคนจนครบ...การมาของผู้พิทักษ์นี้เหมือนกับการแสดงความยินดีให้แก่ความรักของนภาและพิรุณ
“มาแล้วเหรอครับคุณฮิบาริ”สายหมอกหนุ่มอาศัยความเนียนโอบเอวบางของเมฆาไว้ก่อนจะดึงเข้ามาสู่อ้อมกอดอย่างคิดถึง
“ปล่อย ถ้าแกยังไม่อยากตาย”ทอนฟาสีเงินเชิดหน้าของอีกคนขึ้นนิดๆก่อนจะขู่ด้วยน้ำเสียงอันเรียบเฉยที่แฝงไปด้วยความเย็นชา
“ครับๆ ปล่อยแล้วครับ”ท้ายสุดสายหมอกก็ต้องยอมยกธงขาวแต่ด้วยดี...ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะฮิบาริ เคียวยะ
.................................................................
ยามที่แสงจากดวงอาทิตย์ส่อง...เมฆาผู้เย็นชาลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าก่อนจะมองหาใครบางคนที่เคยอยู่ในห้องนี้ยามรัตติกาล
“ชิ น่าเบื่อชะมัด”
นัยน์ตาขี้สีขี้เถาฉายแววอารมณ์เสียของเห็นได้ชัดเมื่อไม่เห็นสายหมอก...กายบางของเมฆาก้าวไปยังไม่พ้นเตียงก็ถูกดึงด้วยมือของใครบางคน
“จะไปไหนล่ะครับ”
แขนแกร่งของสายหมอกโอบรัดผู้พิทักษ์แห่งเมฆาไว้แน่น...ใบหน้าคมของอีกฝ่ายเริ่มซุกไซร้ซอกคอเนียนของคนในอ้อมกอดอย่างสนุก
“จะไปไหนก็ไปซะ ก่อนที่ฉันจะขย้ำแก”
คำขู่ของเมฆาไม่ส่งผลอะไรต่อสายหมอกเลยแม้แต่น้อย...และดูเหมือนว่าคำขู่นั้นจะร้างความสนุกให้แก่สายหมอกยิ่งขึ้น
“ไม่เห็นต้องเขินเลยนี้ครับฮิบาริ”
มือหนาค่อยๆล้วงไปใต้เนื้อผ้าชั้นดี...ดวงหน้าหวานของอีกฝ่ายเริ่มแดงระเรื่อเพราะการกระทำของสายหมอก นัยน์ตาสีขี้เถาทอดมองคนรักอย่างเย้ายั่ว
“อะ..อย่านะมุคุโร่”
เสียงหวานได้แต่เอ่ยห้ามอย่างแผ่วเบา...ก่อนจะรวบรวมสติงัดทอนฟาคู่ใจขึ้นมาเชยหน้าสายหมอกจอมหื่น
“เจ็บนะครับ”
ของเหลวสีแดงสดไหลออกมาจากมุมปากได้รูปของสายหมอก...มือหนาเช็ดโลหิตสีสดอย่างลวกๆก่อนจะหันมายิ้มเย็นให้กับคนรัก
“ฉันไม่ขอโทษแกหรอกนะ”
“เย็นชาสมกับที่เป็นเมฆาจริงๆเลยนะครับ”
เพราะความเย็นชาที่คุณมี..มันทำให้ผมหลงรักจนไม่อาจจะถอนหัวได้ นัยน์ตาสีขี้เถาคู่นั้นเวลาที่ผมจ้องมองมัน..มันช่างมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก
“ช่างฉันสิ”
เมฆาที่ว่าเย็นชา..บ้าการต่อสู้..และไร้ความรู้สึกกลับแสดงอาการเขินอายเมื่ออยู่ต่อหน้าสายหมอกอย่างเขา...สิ่งที่เรียกว่า“ความรัก”มันเป็นอย่างนี้สินะ
“ยังโกรษเรื่องที่ผมไปหาวองโกเล่อยู่อีกเหรอครับ”
แม้จะรู้คำตอบของคำถามนี้ดีกว่าใคร..แต่ลึกๆในใจก็หวังให้เมฆาคนนี้ตอบว่าใช่...ไม่จำเป็นต้องแสดงความรักต่อกันมากมาย...เพียงแค่คำคำเดียวก็สื่อใจถึงกันได้
“ถ้าฉันบอกว่า...ใช่”
รอยยิ้มถูกประดับไว้บนใบหน้าหวานของเมฆา...พวงแก้มขาวแดงระเรื่อด้วยความอายก่อนจะค่อยๆประทับริมฝีปากไว้ที่ข้างแก้มของสายหมอก
“ระวังจะลุกไม่ได้นะครับ เมฆาที่รัก”
...The End...
ความคิดเห็น