ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic: Naruto] เหนือกาลเวลา

    ลำดับตอนที่ #5 : เหนือกาลเวลา : ชั่วคราวหรือตลอดไป?

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 65



     

     

    Tears stream down your face
    When you lose something you cannot replace
    Tears stream down your face
    And I... 

    Tears stream down your face
    I promise you I will learn from my mistakes
    Tears stream down your face
    And I...

        

     

          - Kakashi’s  talking.


     

                กลุ่มหมอกและควันหนาทึบปกคลุมทั่วรอบตัว ดวงตาสองข้างไม่สามารถมองเห็นหนทางเบื้องหน้า

    ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น  ตอนนี้ เวลานี้ ที่นี้ รู้เพียงแค่ว่ามีนินจาจากคิริงาคุเระมากฝีมือแห่กันตามมา 

    ยิ่งกว่ากองทัพแมลงสาบออกหากินยามค่ำคืนตามติดในระยะกระชั้นชิด  เสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาท

    ทุกห้าถึงสิบนาที จนหูทั้งสองข้างอื้ออึงแทบไม่ได้ยินเสียง กลิ่นคาวเลือด กลิ่นซากศพไหม้ลอยฟุ้งทุกอณูอากาศ 

    ผมเกลียดสมรภูมิรบ เลือด การฆ่าฟัน การสูญเสีย

              “ คาคาชิ เสียงเรียก สัมผัสเบาๆจากมือน้อยๆของริน  สมาชิกทีมมินาโตะเอ่ย ท่ามกลางหมอกหนาเตอะ

    แตะลงบนข้อมือของคาคาชิแน่น 

              “ ริน ไม่ ริน... ผมตะโกนสุดเสียง พยายามดึงมือขวาออกจากช่วงอก ช่วงบริเวณส่วนของหัวใจริน

    ด้วยความลำบาก ทุลักทุเล ก็ไม่สามารถ ร่างไร้วิญญาณของรินหงายหลังล้มลงช้าๆ ผมช็อกกับเหตการณ์ตรงหน้า 

    ขาทั้งสองข้างแทบจะรับน้ำหนักตัวผมไม่ไหว จนต้องทรุดเข่าลงพื้นทั้งสองข้าง

              “ ริน ผมเรียกชื่อเธออีกครั้งด้วยเสียงแผ่ว ก่อนสติจะดับวูบกลายเป็นภาพสีดำ

     

     

    เฮือก!

    ผมสะดุ้งตื่นขึ้นจากภวังค์ ใช่ผมฝันในเรื่องเดิมๆ ซ้ำซาก วกไปวนมา คล้ายกับว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในลูป ช่วงเวลาอย่างนั้น

    เหงื่อข้างขมับพากันไหลย้อยลงมาถึงปลายคาง ผมสลัดผ้าห่มบนตัว ออกลุกจากเตียงนอน สืบเท้า

    เดินตรงไปยังชั้นล่างของตัวบ้านเหลือบมองนาฬิกาเวลาตอนนี้ก็ตีห้าเกือบหกโมงเช้า

     ไฟบ้านปิดมืดสนิทในบางส่วนคาดว่าชุนอาจจะยังไม่ตื่นก็เป็นได้

    แย่ละสิ...ผมอยากได้กาแฟดำสักแก้วจัง ผมเปิดก๊อกน้ำจากอ่างล้างจาน ปล่อยให้สายน้ำเย็นๆไหลผ่านฝ่ามือทั้งสองข้าง

    ความเย็นของสายน้ำช่วงฟ้าสางพอจะทำให้ผมใจเย็นมาได้บ้างเล็กน้อย ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่ผมเปิดน้ำทิ้งไว้แบบนี้

    และเป็นอย่างนี้ทุกวัน(ในวันที่ฝันร้าย)

                ผมรู้สึกว่าฝ่ามือทั้งสองข้างมันสกปกเกินกว่าจะล้างออกด้วยน้ำเปล่า...

     

    ปลายจมูกสูดรับกลิ่นหอมเมล็ดกาแฟคั่วบดลอยมาจากทางด้านหลัง ทำให้ผมหันมองผู้มาใหม่

    ชุนกำลังกรองกาแฟให้ผมทานเหมือนทุกเช้า กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟคั่วบดทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง ไม่ได้มีแค่กาแฟดำ

    อย่างเดียวมักจะมีแซนด์วิชไส้ต่างๆ ทานคู่กับกาแฟเช่น ทูน่า แฮมชีสอยู่เสมอ บางครั้งก็มีข้าวต้ม ไม่ก็โจ๊ก

    สลับกันตามใจคนปรุง

                กึก

    ก๊อกน้ำถูกปิดสนิทด้วยฝ่ามือซ้ายของชุน เขาโผล่มาอยู่ข้างกายผมด้วยความว่องไว 

    ผมชินกับความไวยิ่งกว่าติดใบวาร์ป ของชุนแล้วละ

                “ อยากเล่าไหม?” ชุนถามเหมือนนกรู้ รู้ถึงความในใจที่ผมเป็นอยู่...  ผมเผลอมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น

    ดวงตาสีฟ้าเหลือบน้ำเงินเข้มทรงพลังอำนาจประหลาด คาดเดาได้ยากว่ากำลังคิดอะไรอยู่

                “ ขอบใจนะ ” ผมเลือกที่จะปฏิเสธความหวังดีนั่น

    ขอโทษนะชุน ผมไม่กล้าพอที่จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดและคาดว่าบางเรื่องมันก็ไม่สมควรจะเล่า ผมจิบกาแฟดำ

    โดยไม่ได้พูดอะไรกับชุนอีกเลย หยิบแซนด์วิชแฮมชีสขึ้นมาทานสองชิ้น ค่อยแยกย้ายกับชุน อาบน้ำแต่งตัว

    ในชุดเครื่องแบบเพื่อเข้าตึกสำนักงานรับภารกิจนินจากับลูกลิงทีมเจ็ด 

    แม้ว่าสมาชิกทีมเจ็ดดูไม่ค่อยสามัคคีกันมากนัก  สืบเนื่องจากเรื่องภารกิจแย่งกระดิ่งเมื่อวานที่ผ่านมา

    ขอไม่อธิบายเป็นรายบุคคลเพราะมันเปลืองหน้ากระดาษและชิว(จอมอู้ก็ขี้เกียจสาธารยามัน) 

                ขอบอกไว้เลยว่าผมก็มองหาภารกิจ กิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ของลูกทีมให้แน่นแฟ้นกันมากกว่านี้ 

    ผมคาดว่าต้องรับภารกิจอย่างต่อเนื่องราวๆสามถึงห้าครั้งขึ้นไปทุกอย่างจะดีขึ้นมาเอง

     

     

    “ ระยะทางถึงเป้าหมายละ? ” ผมถามทุกคนผ่านวิทยุสื่อสารทางไกล

    แต่ไม่ไกลจากทั้งสามคน หรือเรียกง่ายๆว่าทั้งสามอยู่ในสามตาของผมเกือบตลอดเวลา

    “ ห้าเมตรจะจู่โจมเมื่อไหร่ก็ได้อ่ะ ” นารูโตะตอบ ขณะแอบหลังพุ่มไม้เตี้ยๆ

                   มองเห็นเป้าหมายนานพอสมควร  

    “ ผมก็โอเค ” ซาสึเกะก็เช่นกัน ซ่อนตัวหลังต้นไม้ใหญ่ คอยสอดส่องสายตาตรงมายังเป้าหมาย

    “ หนูก็เหมือนกัน ” ซากุระพร้อมทำการกระชับพื้นที่ได้ตลอดเวลา เธออยู่บนกิ่งไม้ด้านบนของเป้าหมาย 

    “ โอเค ลงมือได้! ” สิ้นหางเสียงของผม นารูโตะ ซาสึเกะ ซากุระ ทั้งสามกระโจนตัวออกจากที่ซ่อนโดย

    มีเป้าหมายเดียวกันคือจับเจ้าแมวโทระ! ส่งคืนเจ้าของ

    “ มีโบว์ผูกอยู่ที่หูข้างซ้าย...เจ้าโทระเป้าหมายของเราไม่ผิดแน่ใช่ไหม? ” ผมถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

    “ เป้าหมายของเราไม่ผิดแน่ครับ ” ซาสึเกะยืนยัน

    “ โอเค ภารกิจล่าตัวโทระแมวหลงทางจบสิ้น ” ผมกรอกเสียงลงไปอย่างใจเย็นเช่นทุกครั้ง

    สุดท้ายของทุกภารกิจเราทั้งสี่คนเดินทางกลับตึกสำนักงานโฮคาเงะ (ห้องรับภารกิจ) เพื่อรายงานการปิดภารกิจ

    ในแต่ละครั้งและรับเงินจากผู้ว่าจ้างนั้นๆ ยิ่งภารกิจยากระดับเอสมักจะได้รับล่วงหน้าก่อนครึ่งหนึ่งเสมอ 

    ส่วนที่เหลือได้รับตอนเสร็จงาน

    “ แยกย้ายๆ ” ผมบอกทุกคน เพื่อให้กลับไปพักผ่อน และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับรับภารกิจในวันรุ่งขึ้น

    “ ผมอยากได้ภารกิจแจ่มๆกว่านี้ ! ” นารูโตะมาโวยวายเรื่องดังลั่น แสดงเจตนาอันแรงกล้าของตนออกมา

    ภารกิจจับแมวหลงทางในป่าท้ายหมู่บ้านนี่นะ จิ๊บๆ ใช้เวลาชั่วโมงเดียวก็พากันหาเจอแล้ว!

    “ หุบปากได้แล้วน่า ฉันจะกลับ! ” ซาสึเกะไม่สนใจอะไรทั้งนั้นในเมื่อคาคาชิบอกแยกย้าย ก็ควรแยกย้ายตามคำสั่ง

    ซาสึเกะวางแผนต่อไปแล้วว่า...ครึ่งวันที่เหลือคงได้ใช้เวลาพักนั้นสำหรับฝึกร่างกาย ไม่ก็ชูริเคน 

    “ ซาสึเกะเราไปเดทกันไหม? ” ซากุระเอ่ยปากชวนซาสึเกะ เธออยากใช้เวลาส่วนที่เหลือกับเขาเพียงแค่สองคน

    “ ไปๆ ซากุระจัง ไปกันนะ ” นารูโตะวิ่งตัดหน้าเข้ามาขวางซาสึเกะไว้ ราวกับว่าหญิงสาวนั้นเอ่ยปากชวน

    “ ฉันชวนซาสึเกะคุงย่ะ! ถอยไป๊! ” ซากุระโมโหเท้าสะเอว ก่อนจะเขกเหม่งนารูโตะเต็มๆ 

    “ เอาเวลาไปฝึกวิชาเถอะ จะได้ไม่เป็นภาระของทีม! ” ซาสึเกะพูดด้วยโทนเสียงนิ่งๆ

    “ หมายถึงใคร? ” นารูโตะหันหน้าไปหาซาสึเกะด้วยสายตาก้าวร้าว ชูหมัดข้างขวาขึ้น

    พร้อมหาเรื่องคู่อริได้ตลอดเวลา

    “ ทั้งคู่นั่นแหละ อย่าถ่วงแข้งถ่วงขาฉันก็พอ! ” ซาสึเกะส่ายหน้าระอา แววตาเย็นชาเฉกเช่นทุกครั้งที่พบเห็น

    แล้วหันหลังเดินหนีไปอย่างไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น หลังจากทิ้งระเบิดลูกใหญ่ รอนับเวลาถอยหลังประมาณสามวินาที

    ระเบิดถึงจะทำงาน

                 เท่านั้นแหละฮะท่านผู้ชม!

    เสียงโหวกเหวกของนารูโตะดังสลั่นลั่นซอย และแล้วสมาชิกทีมเจ็ด มีโจนินที่ปรึกษาชื่อ ฮาตาเกะ คาคาชิ

    ก็ตีกันตรงนั้น โดยมีซากุระต้องคอยห้ามทัพกันทั้งสองคนให้ออกจากกัน 


     

                ผมไม่สนใจแล้วว่าใครจะบ่นอะไรตอนนี้ผมต้องไปหาชิซึเนะ เฮ้ เฮ้ เดี๋ยวก่อนนะอย่าเพิ่งคิดอะไรแบบนั้น! 

    ไม่ได้หมายถึงในเชิงชู้สาวแต่อย่างใด ผมมีเรื่องต้องไปสืบเสาะหาข้อมูล(เรื่องคดีของชุน) เดินเท้าต่อไปอีกไม่เกิยสิบนาที

    จนถึงห้องทำงานของชิซึเนะ(แผนกชันสูตรศพและนิติเวชวิทยา) บอกกับเจ้าหน้าที่ธุรการแถวนั้นว่ามาพบเธอ 

    ไม่กี่นาทีชิซึเนะก็ออกมารับหน้าแผนกด้วยตนเอง

                “ ไง ” ผมทักทายเรียบง่าย

                “ ลมอะไรหอบมา ? ” ชิซึเนะทำท่าแปลกใจกับการที่ผมมาปรากฏตัว

    ผมไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลามากนักพูดคุยกับชิซึเนะไม่กี่ประโยค เธอก็พาเข้ามาพบศพของโอโรจิมารุนอนบนเตียง

    สแตนเลสสีเงิน โดยมีผ้าดิบทรงสี่เหลี่ยมสีขาวคลุมร่างไร้วิญญาณไว้ ชิซึเนะเอื้อมมือเปิดผ้าให้เห็นแค่ใบหน้าและลำตัว

    ถึงช่วงเอว ผมสังเกตบริเวณหน้าผากปรากฏรอยบาดแผลแห่งเดียว บนร่างกายโอโรจิมารุเหมือนถูกบางอย่างขนาดเล็ก

    มีแหลมคมแทงจะลุผ่านหน้าผาก ออกด้านหลังกะโหลกศีรษะ

                “ จากอาวุธของ..เอ่อเขาชื่อชุนใช่ไหม ? ” ชิซึเนะหันถามเพื่อความมั่นใจ

                “ ใช่ ”

                “ ให้เทียบอาวุธในมือของชุนแล้วละก็มันเป็นคนละอย่างกันเลย ” ชิซึเนะส่งแฟ้มสีน้ำเงินให้ผม

    ผมรับมันจากมือชิซึเนะและเปิดออกดู มันคือรายงานทั้งหมดเกี่ยวกับคดีของโอโรจิมารุ  “ แล้วก็นี่ด้วย คดีของอิบิกิ ”

    ชิซึเนะส่งมาให้อีกแฟ้มและอธิบายคร่าวๆว่า “ มันเป็นอาวุธที่ไม่เคยเห็นมาก่อนและยังไม่ได้ทดลองใช้ ”

                “ อืม ขอบใจมากชิซึเนะ ” ผมส่งคืนแฟ้มทั้งสองให้ชิซึเนะ ส่วนชิซึเนะกำลังยืนหันหลังให้ 

    เธอจ้องหน้าจอโทรทัศน์อย่างใจจดใจจ่อ ไม่ได้ยินเสียงเรียกของเขา ผมไล่มมองตามสายตาของเธอ...

     ภาพในจอแก้วตอนนี้คือพระเอกหน้าหยกขวัญใจวัยรุ่น คาดว่าคงเป็นซีรี่ส์ที่กำลังดังอยู่ ณ ขณะนี้

                “ ชู่ว เบาๆสิคาคาชิ! ” ชิซึเนะเอ็ดขณะสายตายังคงจ้องหน้าจอโทรทัศน์อย่างนั้น

    ผมมองตามตัวพระเอก นางเอกของเรื่องกำลังจะจูบกันอย่างสุดซึ้ง ใบหน้าของพระเอกทำให้ผมคิดถึงใครบางคนจนได้

    พระเอกรูปหล่อโน้มใบหน้าใกล้ตัวนางมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องมือเท้าเกร็ง เลียริมฝีปาก เหงื่อออก

               “ อร๊างค์ ” ชิซึเนะอุทานเสียงดัง ชนิดที่ว่าคนใกล้ตัวอย่างผมต้องตกอกตกใจไปด้วย

    ก็อีตาพระเอกนั้นแนบริมฝีบางกับนางเอกเข้าแล้วนะสิ!

                “ ไปละ ”  ผมถึงกับต้องรีบหลับตาปี๋ อยู่ดีๆโรคปอดแหกดันเกิดกำเริบขึ้นมาซะอย่างนั้น

    ทั้งๆที่ชอบอ่านนิยายแนวอีโรติกเรทอาร์ชนิดที่เรียกว่าแฟนพันธ์แท้หรือเอฟซีแฟนคลับตัวจริง 

    ยังเกิดอาการเขินอายหน้าแดงแทบจะมุดดิน รีบบอกลาชิซึเนะรีบชิ่งดีกว่า

     

    End Kakashi’s talking.

     

     

         -69’s talking.

     

                คาคาชิออกทำภารกิจเหมือนเช่นเคย เขาปล่อยฉันเฝ้าบ้านตามสเต็ป ฉันเก็บกวาดบ้าน

    ทำความสะอาดชุดใหญ่ให้คาคาชิ แน่นอนว่ามันมีกรอบรูปครอบครัวตั้งวางไว้ตามมุมบ้าน ฉันหยิบกรอบรูปขึ้นมาดู

    ระดับอก มีเพียงแค่ชายผมสีเทาควันบุหรี่กับเด็กชายตัวน้อยมีผ้าโพกปิดเฉพาะบังใบหน้าเท่านั่น

                “ นี่นายใส่มันตั้งแต่จำความได้เลยหรือไง? “ ฉันแค่แขวะเบาๆ มองกรอบรูปใบนั้นอีกที ฮาตาเกะ ซาคุโมะ 

    บิดาของคาคาชิเก่งกาจเรื่องสงครามได้รับฉายาว่า‘เขี้ยวสีขาวแห่งโคโนะฮะ’ รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆไม่ทราบมากนัก

    รู้แค่ว่าเขาเสียชีวิตจากการตรอมใจเรื่องช่วยเหลือสมาชิกในภารกิจ ส่วนฮาตาเกะ คาคาชิ โจนินผู้เลื่องชื่อ

    ไม่ว่าจะก็อปปี้นินจาหรือเนตรวงแหวนคาคาชิ ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบหนึ่งเซนติเมตร น้ำหนักราวๆหกสิบเจ็ดกิโลกรัม

    อืม...พอกับน้องๆ นายแบบฮิวโกบอส ไม่กินของทอด แหวะของหวาน ส่วนของโปรดนั่นก็.... มีอีกเยอะที่อิทาจิเล่ามา 

    รวมไปถึงการเสียชีวิตของสมาชิก ทีมมินาโตะด้วย 

    พูดไปฉันคงไม่เข้าใจความรู้สึกของคาคาชิดีนัก ....เอาเป็นว่าฉันรอจังหวะให้เขาเปิดใจพูดเท่านั้น

    ขีดเส้นใต้หนาๆอีกทีว่ารอให้เขาพูดเองโดยไม่ได้บีบคั้นต้องการทราบเรื่องให้จงได้!

                ตากผ้าเสร็จแล้วรวมถึงงานบ้านทุกอย่าง ทว่ายังมีอีกงานที่ต้องทำนั่นคือสวนหลังบ้าน 

    ต้นไม้ใหญ่พอจะให้ความร่มรื่น เต็มไปด้วยเถาวัลย์หรือต้นไม้จากชนิดอื่นๆ กิ่งก้านยาวและทิ้งตัวลงมาบนพื้น

    ตามแรงโน้มถ่วงของโลก มองไปทางซ้ายที ขวาที ต้นไม้รกรุงรังเต็มไปหมด.... แทบไม่เห็นเค้าเดิม

    ว่าเคยเป็นสวนต้นไม้สวยงามมาก่อน ทว่าตอนนี้ขอเรียกมันว่าป่าดงดิบย่อมๆดีกว่า

    (เพราะวัชพืช ต้นหญ้าสีเขียวสูงระดับเข่า) เดาได้ว่าเจ้าของบ้านไม่ค่อยมีเวลานัก!

               ถ้าคาคาชิถูกงูฉก...ฉันจะไม่แปลกใจเลย!

     ฉันถอนหายใจแรง จากนั้นเดินตรงไปยังโรงเก็บของพอจะหยิบเคียว กรรไกรตัดหญ้าออกมาใช้

                “ แดดแรงนะ ” สุ้มเสียงแสนคุ้นหู อันเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้นพร้อมกับวางบางอย่างลงบนศีรษะของฉัน

                “ อิทาจิ ” ฉันเรียกชื่อเขา

    สายลมเบาๆพัดผ่านร่างฉันและเขาไปอย่างช้าๆ หมวกฟางบนศีรษะกำลังจะลอยกลางอากาศ  

    ฉันรีบส่งมือกดหมวกฟางไว้ ตามด้วยฝ่ามือหนาของอิทาจิวางทาบทับซ้อนบนหลังมือ เราสบตากับเพียงชั่วครู่ 

                “ แหะๆ ” อิทาจิหัวเราะแห้งๆ ยอมปล่อยมือออกก่อนแถมยกมือทั้งสอง 

    ขึ้นกลางอากาศเป็นเชิงว่าเขายอมถอยตัว ไม่กี่วินาทีเขาหายตัวด้วยคาถานินจา ฉันรู้ว่าเขาคงแอบมองดูฉัน

    จากมุมใดสักแห่ง ฉันไม่ได้สนใจกับอิทาจิมากนักเพราะมีหน้าที่ต้องทำอีกเยอะ ตัดหญ้าใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า

    ก็เสร็จดี หยิบพวกวัชพืชเหล่านั้น วางกองไว้ตรงรากต้นไม้ใหญ่ ล้างมือและใบหน้า หลังทำงานเสร็จมองเวลาข้างฝาบ้าน

    อีกที ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้วสิ ยังไม่ทันได้จดรายการของใช้จำเป็นต้องซื้อเก็บไว้เลยดังนั้นหยิบแผ่นกระดาษโพสอิท

    จดรายการเหล่านั้นไว้เริ่มจากห้องครัว ห้องน้ำ และห้องนอนตามลำดับ

                “ กลับมาแล้ว ” เสียงของคาคาชิดังมาจากชั้นล่างต้ นเสียงคงอยู่ในห้องรับแขก

    ฉันเดินออกจากห้องนอนของคาคาชิพร้อมกระดาษโพสอิทในมือตรงไปหาเขา

                “ ฉันยังไม่ทันได้ทำข้าวเย็นเลย หิวมากไหม? รู้สึกว่าข้าวสารจะหมด” ฉันมองกระดาษโพสอิทอีกครั้ง

                “ ก็กินข้าวเหนียวสิ ฮ่าฮ่า เราต้องแวะทานข้าวกันก่อนค่อยไปซุปเปอร์ฯ ” คาคาชิตอบปนหัวเราะ อารมณ์ดี

    แล้วเขาก็พาฉันไปห้างสรรพสินค้าตามที่บอก ช่วงเวลาในตอนนี้คือห้าโมงกำลังจะหกโมงเย็นผู้คนกำลังเลิกงาน

    เดินทางกลับบ้านหรือไม่ก็ช็อปปิ้ง คาคาชิพากันเดินผ่านกลุ่มชนนับร้อยชีวิตเบียดเสียดบ้าง กระทบไหล่บ้าง

    เดินไหลตามคนข้างหน้า ทันใดนั้นฉันหันหลังเพื่อมองหา...พบอิทาจิเช่นเคย โผล่ตัวออกมาให้เห็นบ้าง หายตัวตามนิสัย

                “ อะไรหรอชุน? ” คาคาชิหันมากระซิบถามข้างหู 

                “ เปล่า ”

                “ อืม ” เขาเปล่งเสียงในลำคอแล้วจับมือฉันไว้แน่น แถมยังเดินนำหน้าฝ่ากลุ่มชน 

    ฉันลอบมองแผ่นหลังของคาคาชิ มันกว้างสมส่วนกับผู้ชายอกสามศอกอย่างเขา เสียใจฉันไม่ใช่แฟนคลับ

    อยากจะถลาเข้าไปอิงพิงซบอย่างนั้น ฉันยังมีเรื่องเคืองใจกับเขาอยู่นะ 

    ทั้งๆที่ฉันไว้ใจเขามากแต่เขากลับไม่เคยไว้ใจฉันเลยสักครั้ง 

    คาคาชิจะรู้ไหมว่าอิทาจิสะกดรอยตามพวกเราอยู่ในทิศเก้านาฬิกาห่างออกไปแค่สิบเมตร? 

    กลุ่มคนเริ่มซาลงจนไปถึงร้านอาหารเล็กๆข้างทาง คาคาชิเดินนำเข้าไปในตัวร้าน ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยไม้ไผ่

    จับมัดเรียงแถวหน้ากระดานเรียงเดี่ยว ลงเล็คเกอร์เคลือบผิวให้เกิดความเงา ทำเป็นกำแพงร้านอย่างเก๋ๆ 

    ติดกรอบรูปรายการอาหารตรงข้างฝา ทับแผ่นไม้ไผ่ไม่ว่าจะเป็นเมนูทั่วไป เมนูแนะนำประจำสัปดาห์ ของหวาน ฯลฯ 

    เสียงเพลงบรรเลงคลอๆพอจะสร้างบรรยากาศไม่ให้เงียบเหงา คาคาชิเอ่ยคำทักทายเจ้าของร้านอย่างเป็นกันเอง

    ฉันเห็นว่าทั้งสองคนคงรู้จักกันมาก่อนแน่ เพราะสังเกตจากการคุย คนในร้านมีไม่หนาตามากนัก 

    มีลูกค้าเพียงโต๊ะสองโต๊ะเท่านั้น 

    “ ร้านอาจจะดูซ่อมซ่อไปนิดแต่รสเด็ดไม่แพ้ร้านลุงเทะอุจิ ” หัวหน้าไกด์ทัวร์จำเป็นหันมายักคิ้วใส่ 

    ร้านอาหารที่พามา เป็นร้านลับ(คล้ายๆกับบาร์ลับนั่นแหละ)น้อยคนที่จะรู้จัก อาจจะเป็นเพราะทำเลไม่ค่อยดี

    เพราะหลบในมุมของตึก อาคารบ้านเรือนบังทับกันเกือบหมด เรื่องความสะอาด ความสด รสชาติของอาหาร

    ก็ไม่แพ้ลุงเทะอุจิอย่างแน่นอน!

    “ พาผู้หญิงมามอมเบียร์บ่อยหรือไง? หรือจะเป็นผู้หญิงพามามอมเบียร์ ” แทนก็ได้ เพราะอะไรนะหรือ?

    ก็เพราะคอของคาคาชินั้นอ่อนเหลือเกิน! (หลังจากเล่นเกมกันวันนั้นแค่สามขวดเขาก็เมาแล้ว) 

    ฉันเล็งเห็นว่าคาคาชิรู้จักกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี คิดว่าต้องใช่แน่ๆ

    “ บ้าหรอแก พาผู้ชายมาตังหากละ! ” คาคาชิเล่นบทสาวแตก ใช้เสียงสอง ทำตัวตุ้งติ้ง สะดีดสะดิ้งตุ้งติ้งเกินชาย 

    “ ร อะหรือว่า... ” ใช่ ใช่ไหม? 

    จนฉันต้องเบิกตากว้าง ฉันพอจะเข้าใจอยู่นะคาคาชิตอนนี้เราอยู่ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดแล้ว เพศไม่ได้มีแค่ชาย หญิง

    สังคมอิสระเสรีและยอมรับกันอย่างเป็นวงกว้างแล้ว หากคาคาชิจะเป็น...ฉันก็ไม่ว่าอะไรนะ บอกตรงเลยๆ

    “ นายเป็นผู้ชายคนเดียวที่ฉันพามา ถ้าหากว่าเป็นนาย...ฉันก็ไม่ติดนะ ” ไม่ติดขัดอะไรทั้งนั้น!

    คาคาชิจงใจพูดกำกวมหยอกล้อชุนให้เสียขวัญ บริกรสาวน้อยหน้าใสเสิร์ฟน้ำดื่มระหว่างรออาหาร 

    เธอวางแก้วชาเขียวเย็นลงบนโต๊ะไม้ แอบลอบมองสลับระหว่างคาคาชิและฉัน คาคาชิตีเนียนแกล้ง

    ทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าตนพูดอะไรออกไป จิบน้ำแก้เขินเพื่อหาทางจบประโยค ปิดบทสนทนา 

    “ เป็นเกียร์ติอย่างมาก ” ฉันโครงศีรษะเล็กน้อย ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะมีบุคคลที่สามเข้ามา 

    แม้จะเป็นเวลาสั้นๆก็ตาม บริกรสาวคงนึกถึงบทสนทนาเมื่อครู่ แล้วแก้มเนียนๆทั้งของข้างเกิดแดงซ่าน 

    เผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กๆของสาววาย เธอรู้สึกตัวว่าฉันหันมอง  จึงรีบโค้งตัว ก้าวขาเล็กๆหนีกลับเข้าหลังร้านไป 

    ฉันได้แต่ภาวนาในใจขอให้บริกรสาวคนนั้นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ทว่ากลับได้ยินเสียงกรี้ดกร้าดดังมาจากหลังครัวแทน

                “ เพลงเขาเพราะดีเนอะ ” คาคาชิแกล้งเฉไฉทำเนียนไม่ได้ยินเสียงกรี้ด พูดขึ้นมาลอยๆซะอย่างนั้น

        

                  เนื่องจากลูกค้าไม่มากนัก อาหารที่เราสั่งอาหารไปคงใช้เวลาในการปรุงไม่ถึงสิบห้านาที 

    รายการอาหารทุกเมนูตามความต้องการมาวางเรียงตรงหน้าเรียบร้อย

                 “ ทานแล้วนะครับ” คาคาชิพนมมือเป็นรูปดอกบัวตูม แกะซองตะเกียบ ดึงไม้ไผ่แท่งเล็กๆให้แยกออกจากกัน 

    ใช้ตะเกียบในมือคีบเกี๊ยวซ่าใส่ปากอย่างสบายอารมณ์

                “ ระวังร้อนละ ” ฉันเอ่ยเตือน แม้นจะไม่มองหน้าเขาตามเคย

                “ อุ๊บ ร้อน! ” คาคาชิร้อง

     พูดไม่ทันขาดคำ!  ฉันส่ายหน้าแรงอยากจะหลุดขำเสียจริงๆกับท่าทางของคาคาชิในตอนนี้

                “ อ้าปากเร็ว ” ฉันเร่ง 

                “ (- -  )(  - -)(- -  )(  - -)  ” คาคาชิส่ายหน้าซ้ายขวา ทำท่าจะคว้าชาเขียวเย็นมาดื่ม

    คิดว่าคงจะช่วยดับร้อนบนลิ้นได้ เสียใจชาเขียวเย็นบนโต๊ะนายจิบมันพร่องหมดแก้วตั้งแต่รออาหารมาเสิร์ฟแล้ว! 

    ฉันเหลียวมองพนักงานบริการใกล้เคียง พวกเขาติดรับรายการลูกค้าโต๊ะอื่น ฉันจึงเลื่อนส่งแก้วน้ำของฉันให้

    เขาส่ายหน้าอีกที คราวนี้ยอมปลดผ้าบนหน้าลงมาเล็กน้อย แถมหามุมอับสายตา ไร้สายตาคนมองเห็น

    “ โอเค ฉันยอมหลับตา ”  ฉันเสยผมไปด้านหลัง ขยับตัวเข้าใกล้ โน้มตัวเพียงเล็กน้อย ปิดเปลือกตาลง 

    ไม่ได้รู้หรอกว่าใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงหนึ่งคืบ พร้อมเป่าลมเบาๆใส่ปากคาคาชิเพื่อดับความร้อนของเกี๊ยวซ่าบนลิ้น

                “ ฟู่วๆ ” 

                “ อ่าห์ ” คาคาชิลากเสียงยาว ฟังจากน้ำเสียงอาการของคาคาชิดูทุเลาลง ฉันขยับหน้าถอยห่างกลับตามเดิม

    ค่อยๆเปิดเปลือกตาช้าๆ ให้เวลาคาคาชิสวมผ้าปิดหน้าให้เรียบร้อย ส่วนคาคาชิรีบดื่มน้ำ(แก้วของฉัน)แล้วดึงผ้าบลัฟขึ้น

    เราทานอาหารกันอย่างเงียบๆไร้คำพูดเหมือนอีกเช่นเคย ทานเสร็จจ่ายเงิน ออกเดินจับจ่ายซื้อของเข้าบ้าน

    ฉันส่งกระดาษโพสอิทให้คาคาชิ บนกระดาษมีรายการทั้งหมดอยู่ในนั้น เขารับมันไปอ่านแล้วพยักหน้ารับเพียงเท่านั้น

    เขาเดินนำหน้าฉันอีกครั้งเพื่อฝ่ากลุ่มคน ไม่ทันไรฉันก็คลาดสายตากับเขาจนได้  ฉันได้แต่มองซ้ายแลขวาเพื่อตามหา

    ทันใดนั้นคาคาชิก็กลับมายืนขนาบข้างกายอีกครั้ง! 

                “ ผมคุณยาวนะ ” คาคาชิบอกพลางมัดเส้นผมสีดำของฉันอย่างถือวิสาสะ

                “ ฮืม ” ฉันแค่ทำเสียงในคอเลียนแบบเขา เขาคงรำคาญท่าเสยผมของฉันละสินะ....

    และการซื้อของเข้าบ้านกำลังเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า ระหว่างทางเดินไปห้างสรรพสินค้ามีตลาดนัดเล็กๆ

    ขายของริมทางเดิน ได้บรรยากาศคล้ายถนนคนเดิน(ตามแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยไม่มีผิด) 

    จำพวกสินค้าหัตถกรรมจากฝีมือของพ่อค้าแม่ขายเช่น เครื่องประดับ เสื้อผ้า ของเล่น ยาสระผม สบู่ แยม และอื่นๆ

    อีกมากมาย มีทุกสิ่งอย่างครบครันเหมาะสมกับทุกวัยในครอบครัว

     

    END 69’s talking.

     

     

         - Kakashi’s talking.

     

                เรากลับถึงบ้านพร้อมกับสองมือเต็มไปด้วยถุงกระดาษ ใช่แค่ผมชุนก็ด้วย 

    เราแทบจะเหมารถกระบะไม่สิต้องสิบล้อ เพื่อซื้อของเข้าบ้านเลยทีเดียว ชุนเป็นฝ่ายลำเรียงของทุกอย่างเข้าที่ 

    อะไรหมดก็เติม ส่วนผมขอแยกตัวไปอาบน้ำ เพราะสุดจะทนกับกลิ่นเหม็นแบคทีเรียบนตัว

                ผมค่อยไม่อยากจะพูดถึงตอนอยู่ร้านอาหารนักในตอนที่ชุนขยับตัวเข้ามาใกล้ โน้มใบหน้าเข้ามาช้า

    สมองของผมนึกถึงซีรี่ส์ที่ยืนดูชิซึเนะดูซะอย่างนั้น พระเอกหล่อหน้าหยกกับนางเอกกำลังจะจูบกันด้วยความหวานชื่น

    มือ เท้าทั้งสองข้างเกิดเกร็งจน เส้นเอ็นแทบโผล่ทะลุผิวหนัง หัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าจังหวะ Single Stroke Roll 

    เหงื่อก็ดันไหลออกมา ทุกรูขุมขนบอกตามตรงว่าผมโคตรประหม่า!

                “ ฮึ่ย !” ผมร้องเรียกให้ตัวเองกลับมามีสติอีกครั้ง หลังจากคิดอะไรไร้สาระอย่างนั้น  ถึงชุนจะหล่อก็เถอะ... 

    พอดีกว่าขอเปลี่ยนเรื่องเลยละกัน ผมลงมาชั้นล่างของตัวบ้านอีกครั้ง เห็นชุนนั่งเอนหลังกอดอกพิงโซฟาเช่นเคย

    คิดว่าเขาคงนั่งหลับแน่

                “ ขึ้นไปนอนข้างบนกัน ” ผมเดินมาสะกิดไหล่ชวนชุนขึ้นห้อง

                “ ไม่ละ ” ชุนปฏิเสธอีกครั้ง

                “ ฉันไม่ปล้ำคุณหรอกน่า ” แต่ก็ไม่แน่นะ....ไม่รับประกันความปลอดภัยด้วย ผมคิดต่อในใจ

                “ สายตานายหื่นมาก ฉันขอบายดีกว่า ” ชุนบอกเสียงเรียบแล้วทำท่าจะนอนต่อ

                “ ฉันนอนเป็นเพื่อน ” ว่าแล้วผมก็นั่งลงข้างๆชุน ชุนปิดเปลือกตาลงส่วนผมนะหรอ หึหึ

    เอนตัวลงนอนหนุนตักซะเลย!

                “ คาคาชิ ออกไปจากตักฉัน! ”

                “ แต่คุณต้องไปนอนข้างบน ” ผมยื่นข้อเสนอ

                “ ... ” ชุนเงียบ

                “ นอนแบบนี้ก็สบายนะ ” ผมนอนยืดตัวเป็นเส้นตรงตามความยาวของส่วนสูง ด้วยท่วงท่าสบายๆ 

                “ ไม่เลยสักนิด ” ชุนเขย่าขาเบาๆหวังจะไล่ผมให้ลุกออก

                “ ฉันสบายนะ ” ผมแกล้งแหย่

                “ ก็ได้ ” เยส! ชุนยอมขึ้นไปนอนข้างบน(ย้ำว่าบนเตียงเป็นเพื่อนผมด้วย!)

    บอกตามตรงว่าผมประหม่าเกิดมา อายุยี่สิบหกปีเพิ่งเคยมีผู้ชายนอนบนเตียงขนาดอาซึม่า เก็นม่ะ อาโอบะ

    พวกเขาเหล่านั้น ยังไม่เคยได้เข้ามาเฉียดเตียงนอนของผมเลยสักคน เราไม่มีต้องพูดอะไรมาก 

    ผมกระซิบบอกชุนว่าฝันดีและปิดเปลือกตาลง วันนี้ทั้งวันเหนื่อยมามากแล้ว ชุนเองก็ด้วย ผมเห็นว่าสวนหลังบ้านสะอาด

    มากต้นไม้ใบหญ้าหายเรียบ สะอาดตาเหมือนได้สวนใหม่ ไม่กี่นาทีต่อมาผมเข้าสู่นิทรา

     

    ร่างกายของผมหนักอึ้งกำลังจมดิ่งลงสู่ผืนน้ำไม่ทราบว่าลึกขนาดไหน  พยายามใช้มือสองข้าง

    พยุงตัวให้ลอยเหนือน้ำ ไม่ทราบอีกเหมือนกันว่าต้องออกแรงเท่าไรถึงจะลอยตัวสู่ผิวน้ำ กลุ่มหมอกและควันหนาตา

    จนมองไม่เห็นว่าเบื้องหน้ากำลังเกิดอะไรขึ้น  ตอนนี้ เวลานี้ ที่นี้ รู้เพียงแค่ว่ามีนินจาจากคิริงาคุเระมากฝีมือ 

    แห่แหนกันตามมายิ่งกว่ากองทัพแมลงสาบออกหากินยามค่ำคืน แห่ตามมาในระยะประชิด 

    มองไม่เห็นเส้นทางด้านหน้า ว่ามีมิตรหรือศัตรูคอยอยู่ 

    กลุ่มเงาตะคุ่มกระโจนตัวเข้ามาทางผมพร้อมกับใช้ดาบในมือฟาดฟันลงมา  เนตรวงแหวนบอกล่วงหน้าว่าจะมีการโจมตี

    มาในทิศทางไหน ผมโยกตัวหลบเรียกจักระไปรวมที่ฝ่ามือใช้ตัดสายฟ้า ตัดเข้าสู่ขั้วหัวใจอีกฝ่าย

    กลุ่มหมอกควันจางตาลงพอให้เห็นศัตรูตรงหน้า

                  “ แค่ก คา ค คาคาชิ แค่ก” ชุนพยายามเรียกชื่อผม และกระอักเลือดสีแดงฉานออกมา 

                 “ ไม่ ชุน ไม่ ไม่ ผมแผดเสียงดัง ตกตะลึงกับคนตรงหน้า 

                “ แค่ก คาคาชิ ชุนพยายามเรียกชื่อของผมอีกครั้ง พยายามส่งมือสองข้างแตะลงบนข้อมือของผม

     

               เฮือก!

    ผมสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกเหมือนทุกครั้ง หายใจด้วยทางปากหอบแฮ่บเสียงจนเกิดเสียงดัง พยายามสูดออกซิเจนเข้าปอด

    ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้! 

    รู้อยู่แก่ใจดีมันแค่ความฝันงี่เง่า

    ผ่านมานับได้เกือบสิบปี มันกลับทำให้ผมแทบเป็นบ้าถึงขั้นเสียสติ!  

                “ นายแค่ฝันร้าย  ” ชุนได้ยินเสียงหายใจติดขัดของคาคาชิ หล่อนสะดุ้งเด้งตื่นขึ้นมาจากที่นอน 

    หล่อนวางมือลงบนบ่าผมออกแรงนวดคลึงเบาๆ เป็นการปลอบประโลม

                “ ชุน...อย่าตายได้ไหม?  ” ผมวางฝ่ามือซ้อนทับกับมือของชุน กำมือแน่น

                “ ? ” คนฟังถึงกับงง

                “ ฉันสัญญา....จะปกป้องนายด้วยชีวิต ” ผมพูดมันออกไป ไม่เอาแล้ว ผมไม่อยากสูญเสียใครไปอีก

    สงคราม...ได้พรากคนรักจากผมหมดทุกคน ไม่รู้ว่าได้รับใบประกาศเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าโจนินใส่กรอบ 

    ตั้งวางไว้ตู้โชว์ ทำไมในเมื่อไม่มีใครรอชื่นชม ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทุกแว่นแคว้น ไม่มีคนที่บ้านรอคอยความสำเร็จ 

    จะรีบตั้งหน้าตั้งตากลับบ้าน ก่อนเวลาทำไมในเมื่อไม่มีใครอยู่นอกจากตัวเอง ทว่าคราวนี้ผมมีชุน มีเพื่อนรออยู่ที่บ้าน 

    ชุนมักมีเมนูอาหารอาหารไทย เขาบอกมาอย่างนั้น 

    ผมไม่รู้หรอกไทยคืออะไร ไม่ว่าจะต้มยำกุ้งน้ำข้นรสชาติเผ็ดร้อน ต้มข่าไก่ ผัดไท แกงเขียวหวานอะไรนั่น

    อาหารฝีมือชุนอร่อยมากสูสีกับลุงเทะอุจิอยู่หรอก ผมไม่กล้าทานอาหารนอกบ้าน ก่อนกลับเข้าบ้านสักครั้ง 

               ตั้งหน้าตั้งตารอคอย เวลาทานอาหารพร้อมกัน


     

             ไม่.... ผมไม่อยากอยู่คนเดียว

     

                “ ได้ไหมชุน? ” ขอร้องละ....สาบานได้เลยว่าเกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยขอร้องใครได้เท่านี้มาก่อน

                “ จะลองดู  ” ชุนไม่ได้ตกปากรับคำตอบ ทว่าคำตอบของเขานั้นก็ทำให้ผมดีใจขึ้นมาเล็กน้อย

     

     

     End Kakashi’s talking.


     

    *Fix you - Coldplay

    * Single Stroke Roll คือจังหวะพื้นฐานของการตีกลองชุด RLRLRL...สลับไปเรื่อยๆด้วยจังหวะสม่ำเสมอ


     

    โปรดติดตามตอนต่อไป...

    3เม.ย.59


     

               เงียบกริบเเลยแหะ.... สงสัยมาแนวทะลุมิติไม่น่าจะรอด...

    เอาละ...ฝากผลงานเรื่องอื่นๆ ให้ติดตามกันด้วยนะครับ
     

                                


     

          และน้องใหม่ของเรา เผื่อนักอ่านคงจะเบื่อนารูโตะแล้ว....ชิวขอนำเสนออีกเรื่องครับ

                       

                              


     

       ฝากแซนซัสไว้ในอ้อมใจด้วยนะครับทุกท่าน ^^

     ขอให้มีความสุขกับการอ่านครับ                                                                                                                    นายชิว

                                                                                          

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×