คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Animals : Madness.
- Madness.-
กร่อก แกร่ก กร่อก แกร่ก เสียงพัดลมตั้งโต๊ะขนาดสิบแปดนิ้ว ส่งเสียงครวญครางอย่างไม่มีความสุข
ตลอดเวลาที่สายหน้าไปทางขวาที ซ้ายที ลมร้อนนั้นไม่ต่างอะไรกับนั่งอยู่หลังคอมเพรสเซอร์แอร์สักนิด!
ไอความร้อนภายในห้องสีดำมืดสนิทประทะเข้ากับใบหน้าของแซนซัส ทันทีที่ย่างเท้าเข้าไป คงเพราะถูกฝึกมาให้ทำงาน
รับภารกิจส่วนมากในเวลากลางคืน จึงทำให้แซนซัสพอเห็นรางๆ ในห้องแคบหกเสื่อ มีเตียงนอนเหล็กเก่าๆ
ตู้เสื้อผ้าพลาสติก โต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆตั้งตรงหัวนอนแค่นั้น ไม่ได้มีห้องน้ำในตัวเหมือนของเขาเลยสักนิด
กระชับปืนพกในมือมั่นจนแทบจะเผลอปืนแตกเป็นเสี่ยงเดินเต็มฝ่าเท้าช้าๆ ชักปืนขึ้นมาปลดเซฟตี้
หากคนตรงหน้าขยับยุกยิกละก็...เป่าสมองไหลเป็นโจ๊กแน่!
ร่างสูงโปร่งไซส์ฝรั่งราวๆเกือบสองเมตรเข้าประชิด เอื้อมมือหยิบสิ่งที่น่าจะเรียกว่าหมอนแข็งๆ
วางกดลงบริเวณใบหน้าคนบนเตียง แน่นอนละว่าระยะถุยน้ำลายยังถึงขนาดนี้ไม่มีทางพลาดแน่!
“ งือออ ร้อน ” ร่างคนบนเตียงปัดหมอนที่กดบริเวณใบหน้าทิ้งไปอีกทิศ
ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้กำลังมีภัยเข้ามาเยือน ภัยในนี้ที่เรียกว่าอันตรายต่อชีวิต
“ เวร! ” แซนซัสตกใจ ไม่ได้มีเพียงแค่หมอนที่กระเด็น ปืนในมือก็กระเด็นตามไปด้วย
ซึ่งอันตธานหายไปในความมืด ไม่รอช้า แซนซัสใช้ฝ่ามือบีบเข้ากลางลำคอ
หมับ! เข้าให้ หมายจะใช้เพลิงพิโรธทำลายหลอดลมให้แหลกคามือ
“ งือออ ” คนบนเตียงยังเปล่งเสียงในลำคอ ใช้ท่อนแขนเรียวเล็กปัดเข้าวงใน ให้ข้อมือของแซนซันเกิดงอตัว
คล้ายว่าตอนนี้ร่างของแซนซัสถูกดึงเข้ามาใกล้ ในระยะที่ริมฝีปากของทั้งคู่ห่างไม่ถึงมิลลิเมตรดี
ตึง
น้ำหนักตัวของแซนซัสถูกทิ้งลงบนเตียงนอนเหล็กเก่าๆผุขึ้นสนิม จนกระทั่งฟูกรองรับน้ำหนักต้องยุบตัว
สปิงสนิมเขรอะด้านใดฟูกส่งเสียงร้องเอี๊ยดอ๊าดประท้วง เมื่อมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาเกือบอีกเท่า
“ แสบนัก! ” แม้นจะหลับแต่ยังสามารถต่อกรกับแซนซัสได้ ไม่สิ เขาอาจจะประมาทเกินไป
ท่าทางแบบนี้ คงเดาว่าเดนเซลต้องมีพื้นฐานของศิลปะการต่อสู้แน่ๆ(แม้จะเป็นแค่พื้นฐานเถอะ) ต่อไป..คงไม่พลาด!
แปลก ปลายจมูกโด่งๆกลับสูดได้รับกลิ่นหอมของแป้งเด็กจางๆ
คล้ายเพิ่งอาบน้ำหมาดๆแล้วทาแป้งเด็กให้หอมชื่นใจ หอมมาจากไหนกันนะ? ว่าแล้วต้องขยับตัว
ชะโงกใบหน้าหล่อๆเข้าใกล้ ตามซอกคอทั้งสองข้างสูดดมรับกลิ่นเบาๆ
อ่า หอมจัง
รู้สึกชอบใจกลิ่นนี้มากกว่าน้ำหอมราคาแพงๆบนตัวแม่สาวทอร์นาโด คล้ายกดสวิตช์เปิดปุ่มปลุกประสาทบางส่วน
ให้ทำงาน นอกจากปลายจมูกสูดรับกลิ่นหอม ริมฝีปากร้อนๆ ทาบทับลงลอยเป็นหลักฐาน
มาร์คให้ทราบว่าสำรวจตามพื้นที่นั้นๆแล้ว
ฝ่ามือหนา หยาบกร้านจากการจับด้ามปืนสมัยยังเยาว์วัย ลูบไล้บนชุดนอนแขนยาว
จนกระทั่งถึงผิวเนียนนุ่ม ต่างจากผิวหนังหยาบกร้านของชายชาตรีอย่างเขา
โลชั่นนะหรอ? ไม่มีวันได้ทาลงบนผิวหรอก(นอกจากครีมกันแดดที่โดนลุซซูเรียจับทา) ไม่ว่าจะผิวหน้าหรือผิวกาย
มีผู้ชายที่ไหนจะขยันทาผิวได้ทุกวัน คงไม่มีเวลามานั่งสำอาง ส่องกระจกทั้งวันหรอกนะ อ่อ ยกเว้นลุซซูเรียคนนึง
“ งือ ” เหมือนรำคาญบางอย่างที่กำลังรุ่มร่าม
ใช้ฝ่ามือน้อยปัดมือของแซนซัสให้พ้นทาง
“ ก็ได้ ” แซนซัสยอมเล่นด้วย รวบข้อมือเล็กๆทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ ได้ด้วยเพียงมือเดียว
ส่วนอีกมือนะหรอ? หึหึ คงไม่อยู่เฉยๆ ไล้ปลายนิ้วลงบนกลางหน้าอก สัมผัสถึงชีพจรเต้นตรงตามจังหวะ
หน้าอกยกตัวเคลื่อนไหวตามกลไกหายใจ แซนซัสกดใบหน้าลงช้างับเข้าที่กระดุมเม็ดแรก ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลย
หากจะปลดกระดุมเสื้อด้วยลิ้นล้วนๆอย่างใจเย็น เม็ดที่สอง เม็ดที่สาม สาบเสื้อเผยออกทำให้เห็นเสื้อในลูกไม้สีดำด้านใน
แซนซัสถึงกับต้องถลึงตามองอีกที บอกทีสิว่าไม่เมา ไม่ ไม่ บรั่นดีไม่เคยเล่นงานให้เขาเซได้สักครั้ง!
ใช้มืออีกข้างหนึ่งเปิดสาบเสื้อให้แยกออกจากกัน ให้เห็นชัดๆ จะๆกันไปข้าง!
ผ ผู้หญิง... อ๋อ ที่ไอ้ฉลามเวร! เข้ามาที่ห้องนี้บ่อยๆคงเพราะแบบนี้เองสินะ
ไอ้ลิงเอเชียคงใช้ความหล่อ เข้าไปล่อซื้อสาวๆจากที่ไหนมาสักแห่ง เพื่อให้สควอโล่ได้หลับนอนด้วย
คงต้องแลกกับเม็ดเงินจำนวนมาก แซนซัสรู้นิสัยสควอโล่ดี รายนั้นนะหรอ สายเปย์
สควอโล่ยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินหนักๆ ให้กับทุกสิ่งอย่างที่เขาพอใจจะได้มันมา
ให้คิดคำนวณคร่าวๆมากกว่าค่าทำภารกิจระดับเอสสองสามเท่าก็สามารถจ่ายไหว
ถ้าของสิ่งนั้นถูกตาต้องใจจริงๆ สควอโล่จ่ายได้ทันทีโดยไม่ต้องคิดเยอะ
ร้ายนัก! ไอ้ลิงเวร! ใช้คฤหาสน์ของเขาเป็นแหล่งมั่วสุม พาสาวๆเข้ามาบำเรอกามอย่างนั้นหรอ?
คิดแล้วโมโห ถ้าเจอกันจังๆอยากจะฆ่ามันให้ตาย!
ฐานทัพ(ลับ)อิตาลี
กลางหุบเขาสงวนแห่งหนึ่งที่โอบล้อมด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มหลากหลายชนิด สัตว์ป่าตัวน้อย ใหญ่ อาศัยอยู่กันตามธรรมชาติ
กลับมีสถานที่รกร้างและมีระบบป้องกันการบุกรุกอย่างดีซ่อนอยู่ แม้จะถูกปิดตายนานนับกว่าสิบปี
ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ยากจนเกินไปสำหรับยอดฝีมือของCEDEF ลักลอบเข้ามารวมตัวกันอยู่ที่นี่
ด้านในอากาศร้อนอบอ้าว ไม่มีอากาศถ่ายเท ซ้ำคราบฝุ่นเขรอะ เกาะทั่วเกือบทุกที่ ทว่าต้องระวังตัวตลอดเวลา
เผลอไม่ได้เพราะอาจจะมีหน่วยระบบรักษา ความปลอดภัยเข้ามาเล่นงานได้ทุกช่วงเวลา
“ อ่านจากรอยที่กาเอาไว้นี่เป็นรายงานเกี่ยวกับอาวุธของกองทัพอิตาลีเก่าสินะ ” ทาเมริคพับแผนที่ในมือ
เก็บเข้ากระเป๋าเสื้อสูทสากลอย่างลวกๆ หยิบไฟฉายขนาดพอดีมือส่องไฟรอบๆ
“ กองทัพ? ” ฟาบริโอสับสนกับคำพูดกำกวม
“ ทำไมมีของแบบนี้ คิดว่าจะเป็นแค่ข่าวลือ ที่ว่ามีมาเฟียที่แอบซื้อ ผลการค้นคว้าที่กองทัพอิตาลี-
พยายามจะปกปิดหลังสมัยสงครามโลก” คาร์ลโลชักสงสัย เขาก็พอมีข้อมูลไม่มากก็น้อย
ต้องทำความเข้าใจพร้อมทำความเข้าใจกับคนอื่นๆเช่นกัน
“ อะไรกัน อาวุธพวกนี้ ดูเหมือนจะใช้งานมาจนถึงเมื่อสักพักนี่เอง ” ฟาบริโอเดินนำเข้ามาสำรวจ
ภายในห้องโถงกว้างใหญ่ส่องไฟฉายไปรอบๆห้องอย่างระวังตัวแม้ฝุ่นจะหนาเตอะ หายใจไม่คล่องคอ
ก็ไม่สามารถหลอกสายตาว่องไวของเขาได้ สังเกตจากเครื่องไม้ เครื่องมือบางอย่างปราศจากคราบฝุ่นบางสิ่ง
บางอย่างไร้ฝุ่นจับ... จึงต้องเป็นอันต้องสงสัยไว้ก่อน
“ ท่าทางไอ้เจ้าอาวุธที่ว่านั่น จะถูกส่งไปให้พวกวอริเออร์แล้วสินะ” รัลกระชับปืนพกในมือให้มั่น
กวาดตามองไปรอบๆอย่างไม่ไว้ใจ
“ รุ่นที่เก้าคิดอะไรอยู่ จะเอาของแบบนี้ไปใช้อะไรกัน? ” ทาเมริค ขยับตัวไม่อยู่นิ่งมองเห็นแฟ้มเอกสาร
ต้องสงสัยใกล้ตัวจึงสืบเท้าเข้าไปใกล้ ใช้ปลายนิ้วสัมผัสหน้ากระดาษขนาดเอสี่ ลายมือบุคคลเขียนภาษาอิตาลีอ่านยากนัก
แม้จะมีภาษา ใช้คำศัพท์วิชาการยากแก่การเข้าถึง บางส่วนอ่านแล้วไม่เข้าใจอยู่บ้าง ทาเมริคจึงส่งเอกสารให้ทุกคนดู
หุ่นยนต์รบไร้เทียมทาน หุ้มหนังด้วยเหล็กกล้าหลายสิบเซนฯ ชนิดว่าปืนผาหน้าไม้ยิงไม่เข้าแน่ๆ
หรือเรียกอีกทีว่าไม่สะเทือน คงต้องใช้ซีโฟร์หรือไม่ก็ระเบิดลูกโตปาใส่เล่นงานทีเดียวจบ
แบบไม่ให้ได้ลุกขึ้นมาสวนได้อีกเลย
ถ้าหากเรียกกายภาพคล้ายมนุษย์ถูกฝังระบบต่อสู้อัตโนมัติในส่วนของสิ่งที่เรียกว่าสมอง
ระบบการมองเห็นชัดระดับหนึ่งพันแปดสิบพี ได้ในเวลากลางวัน ตาสว่างเวลากลางคืน แม้นศัตรูจะเล็กกระจิ๋ว มด
ปลวก แมลงสาบก็สามารถจัดการทำลายให้สิ้นซาก ด้วยการยิงกระสุนทำลายล้างออกปลายนิ้วมือทั้งสองข้าง!
“ ระบบตรวจสอบตำแหน่งไม่ทำงาน มันอะไรกันนักหนา ไหนจะห้องทดลองอาวุธสงครามอีก
ที่นี่ยังกับปราสารทจอมมารเลยแฮะ ” ฟาบริโอส่ายหน้าเอือม อุปกรณ์สุดไฮเทคบนข้อมือซ้ายขนาดประมาณฝ่ามือ
ค่อยๆแพลนกล้องจากทางซ้ายของห้อง ไปทางขวาสุดอย่างช้าๆ จ้องมองลงบนหน้าจอ ทว่าเจ้าเครื่องตรวจจับความร้อน
ไม่ทำงานในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน บอกตามตรงว่าสถานที่แห่งนี้ ชวนสะอิดสะเอีอนไม่อยากอยู่ต่อแล้ว
“ อาวุธรูปร่างมนุษย์ที่ส่งไปให้วอริเออร์นั่นมัน..จะเป็นสำหรับอาวุธสำหรับสู้กับคนรึป่าวนะ” ออริกาโน่เริ่มสงสัย
“ ไม่ละมั้ง คนที่ไหนจะไปสู้กับของแบบนั้นไหว อย่างแรกเลยอาวุธที่ติดตั้งมันดุเดือดเกินไป ”
ทาเมริคคำนวณจากเอกสารที่เพิ่งอ่านจบอ่านคราวๆ คงต้องใช้รถถังหรือไม่ก็ขีปนาวุธยิงมากกว่า
เอ่ยยังไม่ทันจบประโยคดี อาคันตุกะ ไม่สิ แขกผู้ไม่ได้รับเชิญก็โผล่เข้ามาอย่างไม่ให้ซุ่มเสียง
อาวุธรูปร่างมนุษย์ตัวใหญ่เบิ้มกว่าห้าเมตร รูปร่างออกทางคล้ายหมีกริซรี่กระโจนทะลุเข้ากำแพงเข้ามาจากอีกฝั่ง
เศษชิ้นปูน คอนกรีตเล็กใหญ่กระเด็นไปขวางประตูทางเข้า ปิดโอกาศให้หลบหนี
ไม่ได้เปิดตัวเท่ๆเหมือนตัวร้ายในหนังเเอคชั่น เจ้าหุ่นรบพร้อมใช้ปืนที่ปลายนิ้ว สาดห่ากระสุนใส่อย่างไม่ยั้งมือ
หมายสังหารให้สิ้นซากภายในคราเดียว!
ทุกคนวงแตกฮือคล้ายผึ้งแตกรัง กระโจนตัวหามุมอับหลบสายตาของหุ่นยนต์รบ บ้างได้จังหวะ
ใช้ปืนพกในมือยิงเข้าใส่อย่างไม่ปราณี
กึง กึง กึง
เจ้าหุ่นรบเดนตายมันเดินมุ่งหน้าเป้าหมายตรงมายังออริกาโน่ แม้จะมองเห็นจากกล้องไนท์สโคป
ตรวจจับวัตถุความร้อนใกล้สุด แม้จะเป็นกล้องเล็กๆฝังบริเวณในส่วนของใบหน้า ก็มองหาศัตรูได้โดยรอบ
เป็นวงกว้าง ระบบสมองของมันกำลังคำนวณว่าเหยื่อตรงหน้าอ่อนแอที่สุด ใช้เวลาประมวลผลไม่เกินสิบนาทีด้วยซ้ำ
“ มันมาแล้ว “ ออริกาโน่วิ่งเข้ามุมตึกหลบภัย
ปัง ปัง ปัง
ทุกต่างต่างพากันระดมยิงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
“ บ้าจริง ไม่เข้าสักนัด ” ไม่รู้ว่านั่นเหล็กกล้าหรือแร่ไวเบรเนี่ยม เสียดาย. … ที่ยังไม่คืนร่างเดิม....
รัล มิลจิ บ่นกระปอดกระแปดในใจขณะกลิ้งตัวหลบไปอีกทิศ เพื่อให้เจ้าหุ่นยนต์หันมาสนใจตน มากกว่าคนอื่น
มันย่างเท้าเข้าไปใกล้ออริกาโน่ทุกที แต่คราวนี้มือยกมือซ้ายขึ้นมา คาดว่าคงใช้ปืนใหญ่พลาสม่า
ยิงจากอุ้งมือหมายจะทำลายมุมตึกแหลกไปพร้อมออริกาโน่ด้วย
“ แย่แล้ว” ทาเมริคเห็นท่าไม่ดีต้องรีบทำอะไรสักอย่าง ต้องใช้แผนสอง เขารีบล้วงระเบิดมือ หมายจะปาเข้าใส่
แต่ต้องคิดใหม่อีกที ออริกาโน่อยู่ในรัศมีวงทำลายล้างของระเบิดเรียกว่าเสี่ยงต่อชีวิตของออริกาโน่ด้วยเช่นกัน
กึง กึง กึง
ไม่มีอะไรสามารถมาหยุดยั้งหุ่นรบพร้อมเผด็จศึกตัวนี้ได้ พร้อมฆ่าพร้อมทำลายล้างทุกสิ่งมีชีวิต
ลับลอบเข้ามาล่วงรู้ความลับในสถานที่แห่งนี้ ทันใดนั้นเอง ร่างของมันต้องหยุดการเคลื่อนไหวลง
ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจอีกครั้ง
“ ถ้าจะเล่นกับเจ้านี่ต้องแกล้งตายไม่ให้มันจับได้ แล้วอ้อมไปปิดสวิตช์ด้านหลังเอาครับ ”
ปรากฏร่างของบุคคลผู้คุ้นเคยที่ทุกคนต้องเอ่ยชื่อ
“ มอเรตตี้ นักถูกฆ่า งั้นหรอ ที่ว่าคุณเป็นสปายของคุณท่านอยู่ในศูนย์บัญชาการของวองโกเล่ ”
คาร์ลโล ผู้ไม่เคยพบกับมอเรตตี้มาก่อนเอ่ยขึ้น ชื่อเสียงชายหนุ่มตรงหน้าได้รับการยกย่องว่าสุดจริงในรุ่น
“ ใช่ครับ ผมเอง นึกไม่ถึงว่าจะต้องมาเจอกับอาวุธที่ส่งไปให้วอริเออร์ เจ้านี่แค่รุ่นทดลองครับ
ตัวที่ส่งไปให้วอริเออร์มันคนละเรื่องกับเจ้านี่เลย สวิตซ์หยุดฉุกเฉินก็ไม่มีติดไว้ ถ้าคลั่งขึ้นมาเมื่อไร
ใครก็หยุดมันไม่ได้หรอก ” มอเร็ตตี้อธิบายเพิ่มเติมให้ทุกคนเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
“ ว่าจะไป...เดนเซลไม่มาด้วยหรอครับ? ” มอเรตตี้ถามเสียงเบา กรอกตาไปทาซ้าย ไม่กล้าสบตาคนรอบตัว
ยกมือขึ้นมาเกาศีรษะด้วยความเขินอาย
“ ไม่มาหรอกย่ะ! ” ออริกาโน่เท้าสะเอวตอบทันที
“ นึกว่าจะไม่ถามซะแล้วเชียว ” รัลอดไม่ได้ จนต้องเอ่ยปากร่วมวงแซวบ้าง
เสียงผิวปาก ฮี้ววว เชียร์กันยกใหญ่ เพราะรู้กันหมดว่ามอเรตตี้สนใจในตัวเดนเซลเป็นอย่างมาก ถึงมากที่สุด
แต่เจ้าตัวก็ไม่กล้าบอกความในใจแก่สาวที่หมายปองได้สักนิด แค่เดนเซลเดินผ่านในระยะประชิด
มอเรตตี้ต้องก้มหน้าหลบเสหน้ามองอีกทาง ทำไก๋ ไม่สนใจ ทั้งที่ในใจแทบจะเต้นเจน นุ่น โบว์ ก็เพราะอะไรนะหรอ?
เพราะเดนเซลไม่เคยชายตามองเขานะสิ งานนี้มอเรตตี้ต้องซดน้ำใบบัวบกแก้ช้ำใจรัวๆ แล้วละสิ!
“ วันนี้ฉันไปที่ฐานทัพลับมา ฉันเจอหุ่นรบท่าทางน่ากลัวมากๆเลยละ ” ออริกาโน่เล่าให้เดนเซลฟัง
พร้อมกลับหยิบแฟ้มเอกสาร(ฉบับคัดลอก)ออกมาให้เดนเซลได้รับข้อมูลด้วย แน่นอนละว่าไม่ลืมเล่าเรื่อง-
ที่ได้รบกับเจ้าหุ่นยนต์สังหารนั่นด้วย อีกอย่างมอเรตตี้ก็ถามหาเดนเซลด้วยเหมือนกัน
“ ฮ่า ฮ่า ฝุ่นตลบเลยรึเปล่า ? ” คนปลายสายถึงกับหัวเราะ
ออริกาโน่มักเล่าเรื่องราวออกมาได้สมจริง เสมือนว่าคนฟังได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆด้วยเสมอ
“ ฉันก็ไม่แน่ใจนักหรอกนะ ว่าทางวอริเออร์จะมีหุ่นน่ากลัวๆแบบนี้ไปทำไมกัน? ” ออริกาโน่ไม่เข้าใจ
ทั้งๆที่หน่วยวอริเออร์แต่ละคนก็พกความน่ากลัวกันมาอยู่แล้ว ยิ่งมีเจ้าหุ่นยนต์พร้อยลุยศึกเสริมความแข็งแกร่ง
ขึ้นไปอีกชั้นอย่างน้อยๆ ออริกาโน่เริ่มเอะใจขึ้นมาบ้าง
“ สงครามงั้นสิ ” เดนเซลล้มตัวลงนอนบนเตียง
“ กับใครล่ะ? ” ออริกาโน่สงสัย
“ จะใครล่ะ? บอสเป็นไงบ้าง ? ” เดนเซลขอไม่เอ่ยชื่อเพราะพูดไปทุกคนก็รู้ๆกันอยู่
แม้นจะไม่ได้ออกนอกอาณาเขตคฤหาสน์วาเรีย อย่างน้อยให้เดนเซลได้อัพเดทข้อมูลของหัวหน้าก็ยังดี
“ อาการตอนนี้ก็ใกล้ออกจากโรง’บาลแล้วล่ะ แต่คุณท่านก็หนีออกมาตามสเต็ป ” ออริกาโน่สรุปสั้นๆ
อิเอมิสึ บอสของเดนเซล คุณท่านของทุกคนได้หลบหนีออกมา โดยให้เหตุผลว่าจะกลับญี่ปุ่น
อยากกลับไปเจอภรรยาและลูกชาย
“ ทั้งปี! ” เดนเซลถอนหายใจเบาๆ อย่างน้อยอิเอมิสึก็ปลอดภัย การกลับบ้านที่ญี่ปุ่นก็ถือซะว่า-
เป็นการพักฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจที่ดี แต่ก็อย่างว่า...บุคคลที่อิเอมิสึเสนอให้เป็นหัวหน้าวองโกเล่คนถัดก็คือ-
ซาวาดะ ซึนะโยชิ บุตรชายเพียงคนเดียวของเขา หลายคนคงสงสัยว่าทำไมบอสถึงได้เสนอชื่อลูกชายตน
จะว่าไปแล้วอิเอมิสึเอง ก็มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับทิมอเทโอกับเขาเหมือนกัน เหมือนว่าจะเป็นทวดของทวด
ละมั้งถ้าจำไม่ผิด ทั้งที่จริงคนที่เหมาะสมในตอนนี้มากที่สุด คือลูกชายทั้งสามคนของทิมอเทโอ
ทว่าบุตรชายทั้งสามกลับถูกปลิดชีพอย่างปริศนา ส่วนมากมักจะเกิดอุบัติเหตุ เช่น ทางรถยนต์ เรือ เครื่องบิน
ซึ่งถือว่าหมดสิทธิ์จะสืบทอดตำแหน่ง
ดังนั้นหากจะเป็นบอส(อิเอมิสึ)ที่จะมารับช่วงต่อ ทุกคนก็ไม่ขัด เพียงแต่ว่า...อิเอมิสึไม่ใช่คนมักใหญ่ใฝ่สูง
เขาเป็นคนสมถะ ติดดิน (ยิ่งกว่ากินกลางดิน นอนกลางทรายก็ทำมาแล้ว) รักพวกพ้องและรักเหล่าแฟมมิลี่ยิ่งกว่าอะไรดี!
ดังนั้นตำแหน่งนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ลูกชายวัยละอ่อนชั้นมัธยมตอนต้น
“ เด็กคนนั้นจะไหวหรอ? ” เดนเซลปิดเปลือกตาลง ไม่ใช่ว่าดูถูก...จำได้คลับคล้ายคลับคราว่าอิเอมิสึ-
ห่วงเรื่องการเรียนของซึนะเป็นอย่างมาก เกรดเฉลี่ยนั้นได้ดีรั้งท้ายเกือบทุกวิชา ไหนจะเรื่องกิจกรรมอีก(ชุมนุมด้วย)
คงเป็นเพราะภรรยารับหน้าที่หัวหน้าครอบครัวแทนตน จึงอาจจะดูแลลูกชายไม่ได้มากนัก ซ้ำอีกอย่าง
ลูกชายก็เริ่มจะเป็นหนุ่มเข้าแล้ว คงต้องมีระยะห่างกับผู้ปกครองเป็นธรรมดา
“ แซนซัสคงไม่ยอมรามือแน่ๆ ” เดนเซลให้เหตุผล หรือจะพูดทั้งหมดได้เลยว่า
เบื้องหลังการเสียชีวิตทั้งหมดของบุตรชายทั้งสามของทิมอเทโอ ต้องมีแซนซัสเป็นส่วนรู้ส่วนเห็นด้วยแน่นอน
อย่าลืมว่าก็มีอีกหนึ่งผู้สืบทอดกระหายบัลลังก์ เช่นกัน แม้ว่าจะแลกด้วยเลือดก็ตาม
“ มีคุณรีบอร์นอยู่ด้วย” ออริกาโน่รีบบอก
“ คุณรีบอร์นอย่างนั้นหรอ? แบบนี้ก็สบายใจได้ ” เดนเซลลุกขึ้นมานั่ง เมื่อได้ยินชื่อของรีบอร์น
แม้จะอยู่ในร่างของเด็กทารกเหมือนรัล มิลจิ แต่ฝีมือไม่ได้ถูกลดทอนลงเหมือนขนาดตัว ซ้ำยังร้ายกาจกว่าเดิมอีกแน่
หากเป็นไปได้ เดนเซลก็อยากไปเจอ(ประมือ)กับรีบอร์นเหมือนกัน
“ เดี๋ยวนะ มีบางอย่างกำลังมุ่งตรงเข้ามาทางนี้ มัน..ไวมากๆ ” ออริกาโน่กดสลับกล้อง
ให้เดนเซลมองบางอย่างกำลังเข้าใกล้ในระบะเวลาสั้นๆ
“ บ้าเอ๊ย ออริกาโน่หนีไป! ” พูดยังไม่ทันจบประโยค เงาสะท้อนจากแว่นตาของออริกาโน่ ฉายให้เห็นว่า
กำลังมีจรวดมิสไซล์อันบะเริ่มพุ่งตรงเข้ามาทางด้านหน้าออริกาโน่ ด้วยความเร็วเหนือเสียง
ตู้ม!
เสียงระเบิดโครมใหญ่ และภาพจากหน้าจอของอีกฝั่งก็หายวับกลายเป็นหน้าจอสีดำสนิท
“ ออริกาโน่! ” เดนเซลเผลอตะโกนลั่น จนต้องยกมือขึ้นมาปิดปากตนเอง
ไม่ได้การแล้ว ว่าแล้วเดนเซลจิ้มหน้าจอทัชสกีนกดโทรศัพท์โทรออกทันที
รัล มิลจิ...
ทาเมริค...
ฟาบริโอ
คาร์ลโล
มอเรตตี้
“ โธ่โว้ย! ” ให้มันได้แบบนี้สิวะ ไม่มีใครรับสายของเดนเซลเลยสักคน
ไม่ว่าจะโทรตามเป็นรายบุคคลหรือจะโทรเข้าสำนักงานCEDEF โดยตรง
กระทั่งคนสุดท้าย...
“ ฮัลโล ว่าไงรูปหล่อ ” อิเอมิสึโบกมือทักทายเดนเซลด้วยสีหน้าสดใส ซ่อนอาการบาดเจ็บ
แม้ว่าร่างกายจะยังมีอาการบาดเจ็บจากการถูกยิงหลงเหลืออยู่ เดนเซลหูไวจมูกไวไม่เปลี่ยน
คงต้องได้ข่าวจากออริกาโน่ชัวร์ๆ งานนี้อิเอมิสึคงโดนบ่นยับแน่ อย่างแรกเดนเซลต้องพูดว่า
เดินยังไม่คล่องยังซ่าหนีเที่ยวอีก หรือไม่ก็ให้หายดีก่อนแล้วค่อยซ่าไม่ได้รึไง?
เชื่อเถอะว่าคำพูดเหล่านี้... เป็นการแสดงออกถึงความใส่ใจของเดนเซลเขาล่ะ
“ ขอบคุณพระเจ้า...แย่แล้วบอส ฉันติดต่อหาใครไม่ได้เลย...ออริกาโน่....
ออริกาโน่โดนมิตไซน์ยิง ” บ้านบึ้มตามๆไปกันหมดแล้ว
“ ใจเย็นๆนะเดนเซล ค่อยๆพูด ” บอกตามตรงอิเอมิสึไม่เข้าใจที่เดนเซลพูดสักนิด
เขาเข้าใจว่าสัญญาณของแอปพลิเคชั่นไลน์ การวีดีโอคอลจากต่างแดนมันอาจจะล่าช้าเป็นเรื่องปกติ
“ ทุกคนตายหมดแล้วบอส ฮึก ” เดนเซลแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
“ จะมาอำอะไรกันอีกละ? ” อิเอมิสึมีงง
“ คนนะไม่ใช่ผีจะมาอำอะไรกันเล่า! ” เดนเซลตวาดให้
“ อ้าว ” ก็นึกว่าใช่...อิเอมิสึ ดีใจลึกๆที่เดนเซลยังหายใจอยู่ คิดว่าเข้าไปคฤหาสน์วาเรีย..จะเข้าเมืองผีไปซะแล้ว
“ บอส...หนีไป ข้างหลังบอสนั่นมัน.... ” เดนเซลรีบบอก บางอย่างที่กำลังมุ่งตรงเข้ามา
เหมือนที่โจมตีใส่ออริกาโน่แบบเดียวกันเป๊ะ และตอนนี้มันกำลังจะสังหารอิเอมิสึด้วย
“ ฮ เฮ้ จะว่าไป...ฉันภูมิใจตัวเธอนะเดนเซล ถ้าพ่อเธออยู่...คงพูดแบบฉันแน่ ” อิเอมิสึหันไปมองทางด้านหลัง
จรวดมิสไซล์กำลังลอยมาทางเขา คล้ายกับว่าล็อคเป้าหมายโจมตีไว้อย่างชัดเจน
เปอร์เซ็นต์ในการรอดนั้นถึงจะมีน้อยก็เถอะ...อย่างน้อย... เขาได้บอกความในใจกับเดนเซลเรียบร้อยละ
แม้ว่ามันจะสั้นไปหน่อยก็ตาม
ตู้ม!
มีเพียงดังระเบิดดังสนั่นและภาพหน้าจอถูกตัดไปกลายเป็นสีดำสนิท
“ บอส!” เดนเซลตะโกนลั่นสุดเสียง ยิ่งดังมากเท่าไรก็เท่ากับความเจ็บปวดที่ได้รับมากเท่านั้น
ทุกคนในชีวิตต่างพากันถูกสังหารทั้งหมดทั้งสิ้น โดยไม่มีการร่ำลาใดๆสักคำ! เดนเซลเกลียด ไม่สิต้องพูดว่า โคตรเกลียด
แม้จะเข้าใจดีเมื่อมีพบก็ต้องมีจาก จะจากเป็นก็ดี จากตายก็ดี เพียงแต่...คำพูดสุดท้าย(สั่งเสีย) ควรจะบอกอะไรบางอย่าง
ให้นึกวาระก่อนสุดท้าย เก็บบันทึกไว้เป็นความทรงจำให้ระลึกถึงก็ยังดี... แต่นี่...ไม่มีเลย ไม่มีสักคำ...
หากใครบางคนเคาะประตูห้องปึงปัง บุกเข้ามาเจอเดนเซลในสภาพเดือดดาลในตอนนี้แล้วละก็....
บางครั้งเงาหัว... อาจจะไม่มีอีกต่อไป
“ ฉันจะล้างแค้นให้เอง! ” เดนเซลสาบานกับตัวเอง ด้วยสัจจะวาจา กับชีวิตที่เหลือต่อจากนี้...
หล่อนจะลากทุกชีวิตที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของทุกคน ให้มันได้ตายตกมอดไหม้ ไปตามๆกันแน่!
โปรดติดตามตอนต่อไป...
13-4-2563
โดนแบนรึยังนะ? คิดว่าคงไม่? หรือว่าโดนแบนจริงๆแล้ว?
โปรดส่งข้อความทักทาย หรือให้กำลังใจกันด้วยนะครับ สองสามคอมเมนต์ก็ยังดี ชิวจะได้มีแรงอัพตอนต่อไปไวขึ้น
อีกอย่างชิวจะได้รู้ว่าไม่ได้อัพสำหรับอ่านอยู่คนเดียว
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตั้งแต่ตอนแรก
ขอบคุณมากครับ
ความคิดเห็น