ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic: One piece] Dr. Feel Good.

    ลำดับตอนที่ #38 : DR. : Minutes to Midnight. II

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 145
      6
      24 พ.ค. 65

     

     

     

     

    สาวแดนอาทิตย์อุทัยเคลื่อนตัวลงมาถึงชั้นล่างของตัวบ้าน คว้าหยิบถุงพลาสติกลายสายรุ้งพะรุงพะรังเต็มสองมือ

    แม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาเช้ามืดก็ตาม สองเท้าของเธอนั้นซอยถี่หมายถึงไปยังใต้ต้นไม้ข้างโรงรถ หมายจะขับรถกระบะ

    ไปที่ร้านกาแฟของเธอ

    “ หายไปไหนแล้วอ่า? ” มากิโนะยืนงง

    เมื่อคืนเธอยังเห็นรถกระบะบุโรทั่งจอดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเธอได้หมายตาไว้แล้วว่าวันรุ่งขึ้นก็หมายถึงว่าวันนี้

    เธอจะใช้งานรถคันนี้!

    “ ต้องเป็นฝีมือของคุณแชงค์แน่ๆเลย ” ว่าแล้วมากิโนะเดินย้อนกลับไปที่โชว์รูมรถของหมอแชงค์

    ไม่ผิดหรอกถ้าหากว่าจะเรียกว่าอย่างนั้น ระบบไฟทำงานอย่างอัตโนมัติให้ความสว่างไสว ราวกับรับรู้ถึงการมาถึง

    ของมากิโนะ  รถยนต์หรูหราตั้งไล่เรียงคล้ายว่าตอนนี้เธออยู่ในหลังเรื่องไอรอนแมน โทนี่ สตาร์ก และรถยนต์ซุปเปอร์คาร์

    โฮเปอร์คาร์

    “ หวังว่าจะเป็นรถที่ราคาถูกที่สุดแล้วละกัน ” เมื่อเลือกไม่ได้ดังนั้นเธอจึงต้องเสี่ยงทาย ยิ่งกว่าพระโค

    ปิดเปลือกตาลงแล้วหมุนมือไปตรงที่เก็บกุญแจรถ ซ้ายสามหน ขวาสี่หน หมุนไปสลับมาจนกระทั่งปลายนิ้วสัมผัสอะไรได้

    หรือมีกุญแจรถอะไรเข้ามาอยู่ในมือ พอจับกุญแจรถได้จึงเปิดเปลือกตาขึ้น กดปุ่มบนตัวกุญแจเพื่อหารถ

    เสียงปลดล็อกประตูรถดังขึ้น ทำให้มากิโนะขยับปลายเท้าตามทิศของเสียง

     

    “ ว้าว ” มากิโนะส่งเสียงร้องออกจากริมฝีปากได้รูป โลโก้รถคล้ายสามง่ามของโพไซดอน 

    โลโก้รถด้านหน้าสวยงาม ดูแล้วมีเรียบร้อย แฝงไปด้วยหรูหรา ราวกับว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ตรงหน้าหนุ่มอิตาเลี่ยนรูปหล่อ

    สไตล์มินิมอล แถมพาเธอออกเดท 

    บางทีคุณแชงค์เปลี่ยนจากหนุ่มอังกฤษ แนวสายลับ มาเป็นหนุ่ม(มาเฟีย)อิตาลี

    ใบหน้าหวานของเธอนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แทบม้วนเขินอายคล้ายเลขแปดเมื่อจินตนาการถึงหมอแชงค์

    ในชุดสูทสีดำพอดีตัวเน้นในช่วงกล้ามตรงบ่าไหล่กว้างเต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นๆ มีหนวดเคราเข้มไม่ได้รกรุงรัง 

    ทว่าถูกจัดตกแต่งออกมาอย่างดี เหมาะแถมรับกับใบหน้า สวมแว่นตาสีดำเกือบครึ่งใบหน้าก็ไม่ได้บั่นทอนความหล่อ

    ของเขาลงได้แม้แต่น้อยเลยสักนิด

     

     มาเฟียอิตาลีที่จะลักพาตัวหญิงสาวไปอยู่ในรังรัก… แล้วทำให้เธอหลงรักภายในสามร้อยห้าสิบหกวัน!

     

    ถ้าเป็นคุณแชงค์… ไม่ต้องลักพาตัวฉันให้เหนื่อยเปล่าหรอกค่ะ ฉันจะยอมเดินตามคุณต้อยๆเลย!

     

    มากิโนะได้แต่พูดเพียงแค่ในใจแล้วหัวเราะกับตัวเอง ส่งมือออกไปเพื่อเปิดบานประตูรถ ซึ่งเปิดหลายหน

    บานประตูก็ไม่ยอมแม้แต่จะขยับ มากิโนะถอนหายใจแล้วลองออกแรงใหม่เพื่อเปิดบานประตู

    “ หว๋า ” ร่างของมากิโนะเซไปทางด้านหลัง ด้วยอารามตกใจกับการเปิดบานประตูรถ 

    เธอเปิดบานประตูรถแบบปกติ ไม่ทันได้สังเกตุเลยว่าซุปเปอร์สีขาวของคุณแชงค์คันนี้เป็นมีกลไกการเปิดบานประตูแบบ

    Butterfly doors. บานประตูรถจะถูกเปิดแล้วดันไปทางด้านหน้าทั้งหมด แตกต่างจากรถเจมส์บอนด์ที่เธอเคยขึ้น

    แถมอีกอย่างบานประตูไม่ได้อย่างที่ต้องออกแรงอะไรเลยจับเบาๆก็ลอยวืดขึ้นแล้ว! เพราะทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์

    แถมมีลวดลายให้เห็นเด่นชัด ไม่มีโรบาร์ บันไดความสูง หรือความชันในสามารถเข้าไปในห้องเครื่องได้อย่างสบาย

    เมื่อเข้าไปอยู่ด้านในบนเบาะคนขับ วางถุงสายรุ้งลงบนเบาะด้านข้างอย่างเบามือเพราะกลัวเกิดอันตราย

    เธอขยับตัวเพื่อเอื้อมส่งปลายนิ้วจับที่ดึงปิดบานประตูได้อย่างสบาย เพราะถูกออกแบบมาอย่างเหมาะสม

    ปิดบานประตูลงเรียบร้อยดี คอนโซลรถด้านหนังเป็นหนังหุ้มอย่างหรูหราสีดำตัดกับสีขาวมินิมอลของรถ

    ทุกอย่างดูเป็นสปอร์ตและทันสมัยใหม่ ไม่ว่าจะหน้าจอหลังพวงมาลัยเป็นแบบดิจิทัล หน้าจอทัชสกีนอีกกันคอยควบคุม

    ความบันเทิงตั่งต่างภายในรถ ไร้ปุ่มกดใดๆ หากมองลงที่ด้านข้างเบาะส่วนกลางของรถก็จะพบ 

    ปุ่มปรับโหมดการขับขี่ขนาดใหญ่พอๆกับกำปั้นของเธอ ซึ่งก็มีอยู่สี่โหมด 

    มากิโนะส่งสายตาจ้องมอง ทุกโหมดของรถนั้นน่าสนใจหมดเลย Wet , GT , Spot , Corsa

    (ส่วนตรงกลางของปุ่มใหญ่นั้นปรับความแน่นกระชับของช่วงล่างได้ตามใจชอบ )

    Corsa. โหมดสนามแข่ง? 

    ฉันขอแค่ขับแบบธรรมดาก็พอแล้ว ปรับเลือกเข้าโหมดสปอร์ต

    จิ้มนิ้วชี้กดปุ่มสตาร์ทเครื่องใต้พวงมาลัยด้านซ้าย เครื่องยนต์สตาร์ททำงานเองอย่างอัตโนมัติ

    บานประตูของโรงรถเปิดออกเองราวกับว่าทำงานด้วยระบบรับเซนเซอร์ของเสียง บานประตูจะเปิด-ปิด

    เองตามได้ยินเสียงของรถและระบบเซนเซนต์ตรวจจับการเข้าออก

    เสียงของรถยนต์สปอร์ตทำให้หัวใจของมากิโนะเต้นเร็ว และเกิดความประหม่าเพียงเล็กน้อย

    มากิโนะพยายามควบคุมการหายใจ ยกมือข้างขวาแตะลงบนหน้าอก 

    เธอเองก็เคยขับรถเกียร์ออโต้มาแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถเลยด้วยซ้ำ!

    เว้นเสียแต่ตอนนั้นมีคุณแชงค์อยู่ด้วย…

     

    ใช้นิ้วชี้จิ้มลงบนปุ่มด้านข้างคนขับเพื่อเป็นการเข้าเกียร์ D 

    Maserati MC20 สีขาวแล่นออกจากโรงจอดรถย่อมๆและ ได้ผ่านออกจากประตูรั้วบ้านภายในเวลาต่อมา

     

     

     

    มาเซราติ MC20 แล่นมาจอดเทียบหน้าร้านกาแฟบริเวรใกล้เคียงกับโรงพยาบาลแดรคูล

    บานประตูรถถูกเลื่อนเปิดขึ้นพร้อมกับร่างของหญิงสาว กลายเป็นว่าการมาร้านของสาวแดนอาทิตย์อุทัย

    จะกลายเป็นเรื่องที่ต้องสงสัยของใครหลายคน… แม้ว่าเธอจะมาก่อนเวลาที่ร้านจะเปิดทำการเกือบหนึ่งชั่วโมง!

    ก็พบว่ามีเด็กๆ พนักงานในร้านมาทำงาน ทำความสะอาดเพื่อต้อนรับลูกค้ายามเช้าตรู่!

     

    “ โหเจ๊! ” ลูฟี่ตาวาวเมื่อเห็นว่ามีซุปเปอร์คาร์เเล่นมาจอดถึงหน้าร้าน 

    อดตกใจไม่ได้ต้องรีบออกจากหลังบาร์ทำเครื่องดื่ม เพื่อมองได้อย่างชัดและถนัดตาว่าใครเป็นเจ้าของรถยนต์สุดหรู

    คันนี้กันแน่! 

    ใครจะไปรู้ละว่าฝั่งประตูคนขับถูกดันเปิดขึ้นจะเป็นเจ๊มากิโนะ!

    “ ชู่ว เบาๆ เอานี่ ไปเรียงใส่ในตู้เค้กหน่อย ” มากิโนะส่งถุงสายรุ้งให้กับลูฟี่

    ทุกคนทราบกันดีว่าเป็นถุงสำหรับใส่ขนมอบและเค้กที่เจ้าของร้านทำมา และน่อนนอนว่าหากเห็นแล้วต้องเป็น

    คนนำไปลำเลียงจัดใส่ตู้ให้เรียบร้อย ซึ่งแต่ละวันขนมที่เจ๊มากิโนะเจ้าของร้านเป็นคนรังสรรค์มานั้นจะไม่เหมือนกัน

    แทบไม่ซ้ำกันเลยภายในสัปดาห์ นอกเสียจากว่ามีคนสั่งออเดอร์ขนมด้วย ก็จะเห็นรายการขนมนั้นบ่อยๆ

    “ ลูฟี่ฉันได้บัตรแฟนมีทของลีอามาแล้วนะ ” มากิโนะส่งบัตรเชิญเข้างานให้

    “ ขอบคุณครับเจ้ ผมรักเจ้ที่สุดเลย ” ลูฟี่พลิกหน้า พลิกหลังของการ์ดเชิญร่วมงาน กดใบหน้าลงจูจุ๊บทันที

    ซึ่งก็คิดว่าไม่สามารถหาได้จากที่ไหนแล้ว ถ้าไม่ได้เส้นสายของมากิโนะ เจ๊เจ้าของร้านเป็นเพื่อนสนิทกับลีอา 

    ไอดอลของเขา แววตาของลูฟี่เปล่งประกาย ท่าทางดีใจกระโดดลอยตัวกลางอากาศเรียกว่าคล้ายลิงโลด 

    เสียงของบานประตูถูกเปิดออกกว้าง เรียกสายตาของทุกคู่กันไปจ้องมองแล้วกล่าวต้อนรับอย่างเป็นมิตร 

    เขาเป็นผู้ชายร่างโต สวมเสื้อแขนยาวถึงข้อมือสีเขียวเข้ม กางเกงยีนส์ รองเท้าหนังเข้าชุด เส้นผมสีดำยาวกระเซิง

    พันกันรุงรังคล้ายเพิ่งขี่รถมอเตอร์ไซค์มาอย่างนั้น!

    “ นั่นรถของแชงค์สินะครับ ” ชายร่างโต หนาล่ำสันพอๆกับแชงค์เดินเข้ามาถึงหน้าบาร์เครื่องดื่ม

    เขาล้วงมือทั้งสองข้างลงในกระเป๋ากางเกง กวาดสายตามองเมนูกาแฟด้านบนเพื่อรอคำตอบจากหญิงสาว

    “ ใครบอกละ? ” หญิงสาวยืนอยู่หลังบาร์ท้าวสะเอวหนึ่งข้างแล้วจ้องมองอย่างไม่วางตา

    แม้ว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาถึงในร้าน ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวที่อยู่ด้านใน ยังมีสมาชิกในร้านอีกหลายคน

    และยังพอมีผู้ชายด้วย

    “ เจ้าของร้านกาแฟเล็กๆแห่งนี้จะมีเงินซื้อมาเซราติเชียวหรือครับ? ” 

    “ ทำไมย่ะ? ฉันก็เล่นหุ้น พอได้เงินปันผลนิดหน่อยเท่านั้นเอง! ” ส่งเสียงไม่พอใจออกไป

    แน่นอนว่าคำพูดของคู่สนทนานั้นเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน คนอย่างมากิโนะ ฆ่าได้ แต่หยามนะหรอ? คงไม่ได้จริงๆ!

    “ ต้องได้เงินปันผลขนาดไหนกัน? สงสัยเค้กในตู้คงสอดไส้อย่างอื่นด้วยสินะ แต่ผมได้กลิ่นของแชงค์

    มาจากตัวของคุณด้วยนะสิ ” ยังมิวายที่จะพูดจาถากถาง จิกกัดเธอให้เกิดรอยแผลเพียงเล็กน้อยหรือเรียกว่าขบเบาๆ

    แถมยังยืนยันอีกว่าสิ่งที่เขากำลังพูดอยู่นั้นเป็นเรื่องจริง  ชายคนดังกล่าวพลางทำจมูกฟุตฟิต เป็นเครื่องการันตีว่าได้กลิ่น

    นั้นติดตัวตามเสื้อผ้าของมากิโนะ

    “ ปันผลได้ไม่มากของฉันกับคุณคงไม่เท่ากันสินะคะ ก็อย่างว่าละคะ คุณคงจะไม่เคยมาดื่มกาแฟที่ร้าน

    หรือทานเค้กที่นี่สินะคะ หากไม่รู้ว่ารสชาตเป็นอย่างไร ไม่เป็นไรคะ คงดื่มแต่น้ำที่คนอื่นกรวดแล้วของใส่บาตรให้ 

    ไม่เป็นไรคะ ฉันอนุโมทนาให้นะคะ  โยซากุจ๊ะ หยิบเค้กฟัดจ์เสิร์ฟให้ลูกค้าหน่อย อ่อ ฉันก็ไม่ได้เจอหมอแชงค์

    มาหลายวันแล้วคะ ลูกค้าประจำด้วยสิ… ถ้าเจอเขาก็ฝากความคิดถึงด้วยนะคะ ” ส่งรอยยิ้มหวานออกไป

    เพื่อเป็นการปิดประโยคสนทนา หญิงสาวส่งยิ้มหวานไม่ต่างจากใบมีดโกนอาบน้ำผึ้งให้ แล้วหายวับเข้าหลังร้าน 

    ทำทีว่าต้องการไปเช็คสต็อคสินค้าในสโตร์ 

    “ ดื่มอะไรดีครับลูกค้า ” ลูฟี่ส่งยิ้มแล้วเข้ามายืนประจำที่ หน้าเครื่องรับออเดอร์ลูกค้า

    รับช่วงต่อจากเจ้าของร้าน และดูเหมือนว่าการมาของแขกคนแรกของวันจะทำให้พวกเขา พนักงานในร้าน

    พลอยหงุดหงิดไปด้วย! 

     

    “ ไม่อยากจะอารมณ์เสียแต่เช้าหรอกนะ! ” มากิโนะเท้าสะเอวทั้งสองข้าง แล้วพ่นล่มหายใจยาวๆ

    พยายามควบคุมตัวเองให้มีสติมากกว่านี้ 

    ถ้ามีคุณแชงค์อยู่ด้วย… เธอคงจะใจเย็นลงแล้วนิ่งได้มากกว่านี้

    ใบหน้าของหญิงสาวชาวเอเชียเซ็งแซ่ แม้ว่าคุณแชงค์จะไม่ได้อยู่ด้วยเกือบตลอดเวลา กลับกลายเป็นว่าตอนนี้

    เธอติดเขาแจเชียวละ!

    ว่าแล้วก็หยิบยกโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากระเป๋า ปลดล็อกหน้าจอ กดปุ่มเบอร์โทรออกล่าสุด

    เวลาตอนนี้อาจจะเป็นเวลาปกติของมนุษย์ ทว่าปลายสาย…คงเป็นเวลาพักผ่อน 

    มากิโนะพ่นลมหายใจออกทางจมูกอีกหนแล้วกำลังจะกดตัดสาย เพราะรู้สึกว่าเธอกำลังรบกวนเวลาของเขา

    กลับกลายเป็นว่าปลายสายกดรับแล้วพูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงสดใส ซึ่งก็ทำให้มากิโนะยิ้มออก 

    ไม่พลาดที่จะเล่าเรื่องของวันนี้ ถ่ายทอดให้คุณแชงค์ฟังด้วยน่าเสียงร่าเริงทั้งๆที่ตอนนั้นอารมณ์ของเธอนั้นขุ่นมัว

    (จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังอารมณ์ไม่ดีขึ้นมากนัก) ซึ่งปลายสายพอได้ยินก็พลอยตกอกตกใจแถมรีบถามกลับ

    ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย 

    “ ไม่เป็นไรหรอกคะ ฉันอยู่ที่ร้านพอดี มีเด็กๆผู้ชายอยู่กันเยอะ ” มากิโนะใช้น้ำเสียงโทนปกติ

    บอกให้แชงค์ใจเย็น เพราะเริ่มรู้สึกว่าน้ำเสียงจากปลายสายเริ่มกังวล 

    [ พยายามอย่าอยู่ตัวคนเดียวหรือจะเป็นไปได้… พยายามอย่าออกไปไหน อยู่ที่บ้านของผมแล้วคุณปลอดภัย] 

    แชงค์ก็ไม่อยากจะให้มากิโนะอยู่เพียงแต่ในบ้านของเขา คล้ายนกน้อยในกรงทอง ไร้อิสรภาพ แต่ก็ใช่ว่าบ้านของ

    เขาจะไม่มีของอุปโภคหรือบริโภคเตรียมพร้อมที่หญิงสาวต้องการ   

    “ โอเคค่ะ ฉันว่าจะมาส่งขนมที่ร้านแล้วก็กลับค่ะ ” มากิโนะพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง และรายงานตัวว่าเธอจะกลับ

    พูดคุยกับเขาอีกแค่ไม่กี่คำแล้วมากิโนะก็วางสายลง ด้วยรอยยิ้มแล้วค่อยกดเบอร์โทรศัพท์โทรออกอีกเบอร์

    ซึ่งถัดจากเบอร์ของคุณแชงค์

     

    แม้จะมาอยู่อาศัยกับส่วนหนึ่งของอู่แยกชิ้นส่วน ทีมสเปซก็สามารถกลมกลืนราวกับเป็นส่วนหนึ่งของแฟรงกี้เฮ้าส์

    การเข้าออกของหน่วยสเปซนั้นจะเสมือนเป็นพนักงานในบริษัทของแฟรงกี้เฮ้าส์ ซึ่งหน่วยสเปซก็ใช้เป็นทางเข้า-ออก

    สำหรับพนักงานซึ่งจะได้ไม่เป็นจุดสังเกตุ อ้อมเข้าทางด้านหลังล้อมด้วยกำแพงคอนกรีตขนาดใหญ่ มีประตูเลื่อน

    ทำจากเหล็กกล้าบานยักษ์ ส่วนมากขับขี่กับด้วยยานพาหนะส่วนตัว(มอเตอร์ไซค์ส่วนตัว)  

    หน่วยสเปซก็ไม่ค่อยได้เดินทางออกไปไหนมากนัก แรกๆก็ทำการสั่งอาหารจากเดลิเวอร์รี่ด้วยความสะดวก

    แต่เหมือนว่าผู้บริหารอู่ต่อเรือนั้นดั๊นไปเห็นเข้า จึงอำนวยความสะดวกเพิ่มให้อีก ตู้เย็น ตู้เเช่ขนาดใหญ่ 

    เพียงซื้ออาหารจากซุปเปอร์ด้านนอก ผลไม้ ผักสดหรือเนื้อสัตว์ เก็บได้นานหน่อยราวๆหนึ่งสัปดาห์ หาใช่แค่เครื่องครัว

    กักเก็บอาหารเพียงอย่างเดียว แฟรงกี้ได้ส่งมอบเครื่องครัว เตาไฟฟ้า ไมโครเวฟ เพื่อให้สมาชิกสเปซ

    ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน! ( อีกนิดนึงจะเชิญเชฟมาทำอาหารให้ถึงที่! )

    หากถามเรื่องการทำอาหารทาน ก็คงสลับกันทำ(หากใครว่างก็จะสลับผลัดกันทำ) 

    ส่วนคนที่คอยรับอาสาในหน้าที่การทำอาหารนั้นก็จะเป็นเอส มีโคบี้เป็นลูกมือ เกือบจะทุกครั้งไป 

     

     

     

    ร่างของศัลยแพทย์หนุ่มเริ่มขยับ ข้อมือทั้งสองข้างและข้อเท้า ของเขาถูกพันธนาการไว้แน่นหนา 

    รวมกระทั่งถึงถุงที่ครอบบนศีรษะนั่นด้วย ไม่สามารถสลัดได้หลุดอย่างใจนึก

    ครั้งสุดท้ายที่จำความได้คือ… เขากลับไปที่ห้อง เตรียมตัวพร้อมพักผ่อนนอนหลับสักงีบแล้วค่อยตื่นขึ้นมา

    หาข้อมูลสำหรับเรียนต่อสาขาย่อยของแขนงวิชาที่ร่ำเรียนมา เพื่อต่อยอดออกไปอีก โดยเลือกสาขาที่เขาให้ความสนใจ

    ซึ่งนั่นก็มีอยู่อีกสองสาขาให้ตัดสินใจ และแน่นอนว่าต้องหาเวลาไปเรียนและสอบไม่ให้ชนกับเวลางาน

     วินาทีตอนนั้นที่ปลายเท้าสัมผัสได้ถึงความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ลอว์ถึงกับเปิดประตูห้องเข้าไปอย่างโผงผาง

    ก็พบลีอานอนหลับอยู่บนเตียงนอนของเขา ผลีผลามเข้าไปหาหล่อนอย่างไม่ทันคิดระวังตัวว่าอาจจะเป็นกับดัก

    แล้วก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ว่าเป็นกับดักด้วย

    ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงคล้ายเปิดบานประตูตามด้วยเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้ หยุดปลายเท้าใกล้กับร่างของเขา

    ซึ่งนอนหมอบบนพื้น ต้นแขนของเขาถูกกระชากให้ทรงตัวลุกขึ้นมายืนไม่ทันไรก็ถูกจับให้อยู่ในท่านั่ง นั่งบนเก้าอี้

    ถุงครอบบนศีรษะถูกดึงออก 

    ดวงตาของเขาพล่ามัวคล้ายกับว่าถูกสำแลงแสงสว่างจ้าส่องเข้าตรงกระบอกตาพอดิบพอดี จนต้องหลับตาลง

    ได้ชั่วครู่ค่อยกระพริบตาถี่แล้วพยายามมองอีกครั้ง

     

    กรึก กิ๊ก กรึก กิ๊ก ฟู่ กรึก

    เสียงของวัตถุทำมาจากโลหะกระทบกันเป็นจังหวะ เรียกสายตาของลอว์ให้จับจ้องบางอย่างที่อยู่ในมือของหล่อน

    หญิงสาวใบหน้างดงามหาสิ่งใดเปรียบ นั่งไขว้ขาอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม โดยมีโต๊ะสแตนเลสสีเงินตั้งขวางทั้งสองไว้

    ในมือของหล่อนนั้นจับ สะบัดเปิด ปิดซิปโป้เป็นจังหวะแล้วค่อยกดเล่นท่วงท่าลีลาใช้ปลายนิ้วเปิด 

    ดวงไฟสีฟ้าลอยขึ้นพรึ่บ หล่อนกดใบหน้าที่ริมฝีปากกำลังคาบแท่งมวลมะเร็งสีดำ ยกมือขึ้นมาป้องกันลมเล็กน้อย

    ไม่กี่วินาทีดวงไฟสีฟ้าเจือส้มเริ่มลุกลามส่วนปลายเเท่งมะเร็ง เผาไหม้พอประมาณลีอาจึงสะบัดปลายนิ้ว

    เพื่อปิดฝาซิปโป้ลงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดช้าๆ

    “ ลีอา ”  สิ่งสุดท้ายที่เขาได้มองเห็น และสิ่งแรกที่ลืมตา พบหญิงสาวอันเป็นที่รัก

    “ แย่จัง… ไม่อยากให้มาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้เลย ” ลีอาพูดพร้อมกับบ่นควันบุหรี่สีเทา

    ใส่ใบหน้าของหมอหนุ่ม คล้ายกับว่ากำลังถอนหายใจ ไม่สิ ผิดหวังที่ต้องมาเจอกันในสถานที่แห่งนี้!

    “ ตามจริงผู้กองฮินะ ต้องการตัวนายนะ แต่ตอนนี้ผู้กองไม่อยู่แล้ว… ฉันก็ไม่รู้ว่าจะรั้งตัวนายไว้ทำไม ”

    ลีอาไม่ได้ล่วงรู้หรือคาดเดาแผนการของผู้บัญชาการคนนี้ได้เลย มีเพียงแค่รอให้ทาชิงิกู้ข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์

    ของผู้กองฮินะได้โดยไวเท่านั้น

    “ รู้สึกเหมือนไม่มีค่าอะไรเลย… ” ไม่ได้มีประโยชน์หรือช่วยเหลืออะไรลีอาได้เลย

    แถมอีกอย่างสถานการณ์ตอนนี้… ดูเหมือนว่าลอว์ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก แถมการพูดจาของลีอา การเรียกตำแหน่ง

    ด้วยยศของผู้บังคับบัญชา ยิ่งทำให้คนหัวไวอย่างลอว์ได้มั่นใจมากขึ้น

    ลีอา… ไม่ได้เป็นแค่นักแข่งมอเตอร์ไซค์เพียงอย่างเดียว อาจจะเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบด้วย!  

     

    “ ก็คงไม่ต่างจากความรู้สึกของฉันหรอกนะ ” ไร้ค่า… ไม่มีความหมายอะไรเลย

    ดูเหมือนว่าลีอาจะเข้าใจความรู้สึกของลอว์ในตอนนี้เป็นอย่างดี

    “ เอาละ มาเจรจากันต่อดีกว่า ฉันแค่อยากให้นายอยู่ในที่เงียบๆ จนกว่าจะจบเรื่องโดยไม่ก่อความวุ่นวาย ” 

    “ ทำไม? ” แล้วทำไมเขาถึงต้องถูกริดรอนอิสระภาพเช่นนี้!

    “ ถ้าทำตัวดี ฉันอาจจะใจอ่อนปล่อยให้นายออกไปอยู่ด้านนอกห้องแคบๆนี้ แต่ก็ไม่ได้อนุญาติให้กลับออก

    ไปใช้ชีวิตได้ปกติหรอกนะ อาจจะต้องควบคุมตัวโดยมีกำไลEM ติดข้อเท้าไว้ ” 

    “ ฉันต้องมีสิทธิ์ที่ต้องรู้ใช่ไหม? ” ลอว์ทวงถามสิทธิของตนเอง 

    “ ตอนนี้นายตกอยู่ในผู้สมรู้ร่วมคิดกับดอนโดฟลามิงโก้ ในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง ” ลีอาแจ้งให้ทราบ

    โดยกระจ่าง แถมตัวยาที่กำลังจะกล่าวต่อไปนี้เป็นภัยต่อประเทศชาติ บ่อนทำลายบ้านเมืองเป็นอย่างมาก

    “ จะมายัดยาหรือกล่าวหาแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ! ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งนั้น! ” ลอว์เริ่มส่งเสียงดัง

    เขาออกมาจากตระกูลดอนกิโฆเต้แล้ว เป็นอิสระไร้ข้อผูกมัดหรือมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกกับตระกูลนี้อีก!

    “ ลอว์ ” ลีอาเพียงแค่เรียกชื่อสั้นๆแถมห้วน แล้วปิดปากเงียบ เพื่อให้ลอว์สงบสติอารมณ์ลง

    และเหมือนว่าจะได้ผล ลอว์เงียบและตั้งใจฟังลีอามากขึ้น หล่อนวางซิปโป้ลงบนโต๊ะใกล้มืออย่างอ่อนล้า

    ก้มใบหน้าลงแล้วค่อยเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง 

    “ สิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่ตรงนี้คือการช่วยชีวิตของนาย และกำลังจะทำให้นายได้พ้นมลทิน 

    ข้อร้องละ ช่วยอยู่เฉยๆเถอะนะ เรื่องลางานฉันจะคุยกับมิฮอว์คให้ ” หรือถ้าพูดอย่างหยาบคายคือ 

    ถ้าไม่ช่วยให้สถานการณ์มันดีขึ้น อย่างน้อยก็อย่าเป็นภาระแก่คนอื่นๆเลย!

    “ ตอนนี้ฉันกำลังตรวจสอบและรอขยายผล และพยายามช่วยเหลือให้นายได้พ้นผิดจากข้อกล่าวหา ” 

    เมื่อลอว์สงบลงกว่าที่คาด ลีอาอธิบายเพิ่มให้ลอว์กระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่

    “ อืม เข้าใจแล้ว ” ลอว์พยักหน้าหงึกหงัก ทำไมเขาจะไม่รู้ละ ดอนกิโฆเต้ โดฟลามิงโก้ นักลงทุนรายใหญ่

    ที่กำลังโด่งดังในตอนนี้ ตัวสูงโปร่ง ล่ำบึ้ก เส้นผมสีบรอนด์ทองซอยสั้นมีแว่นตารูปทรงแปลกประดับบนใบหน้า

    โครงหน้าหล่อเหลาบวกกับร่างกายสูงโปร่งราวกับเทพเจ้ากรีก ยิ่งสวมแว่นปิดบังตาก็ไม่ได้ทั่นทอนความหล่อลงได้

    แต่กลับสร้างความลึกลับน่าค้นหา ไม่ทันไรโดฟลามิงโก้กลายเป็นหนุ่มฮอต เป็นที่รู้จักของผู้คนในเมือง 

    จากการเป็นนักลงทุน  เบื้องหลังนั้นสุดแสนจะสกปรกและดำมืดเกินกว่าจะอธิบายได้       

    “ ถ้าเข้าใจอย่างนั้นก็ดี ” ลีอา ยกมือซ้ายขึ้นมาแล้ววางก้นกรองสีดำบนริมฝีปาก หายใจเข้าเต็มลัก

    พ่นควันสีเทาไปอีกทางให้พ้นหน้าอีกคนฝั่งตรงข้าม คว้าหยิบซิปโป้บนโต๊ะตรงหน้าตรงหน้า เก็บกลับเข้ามาอยู่ในอุ้งมือ

    แล้วหย่อนลงกระเป๋าเสื้อตามเดิม หยิบโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมา และก็กดปุ่มทัชกรีนพิมพ์แชทกับใครบางคน 

    แล้วก็กดปุ่มล็อคหน้าจอหย่อนโทรศัพท์ เก็บเข้าใส่ช่องตามเดิม

     

    “ ไปได้… ซิปโป้อันนั้นมาจากไหน?  ” ลอว์ลุกขึ้นพรวดเมื่อได้เห็นซิปโป้จากมือของลีอา

    ดวงตาของเขาเบิกกว้าง และไม่อาจจะรอคำตอบจากหล่อนได้ ไม่ทันไรร่างของลอว์กลับถูกรั้งไว้จนต้องหันมองต้นตอ

    หันมองด้านข้างกายด้วยความไม่พอใจ ก็พบว่ามีผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งหุ่นล่ำสัน เส้นผมสีดำซอยสั้น ใบหน้าตกกระ

    สีหน้าแววตานิ่งเฉย ใช้แค่ปลายนิ้วมือกดจุดลงบนต้นแขนของเขาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าเพียงแค่กดด้วยปลายนิ้ว

    ก็ทำให้ร่างของเขาโดยตรงต้นแขนเจ็บแปร๊บๆ  

    “ อย่างน้อย… พอให้ฉันช่วยอะไรได้ไหม? ” ลอว์ต้องเปลี่ยนคำถามใหม่

    เพราะรู้สึกได้เลยว่าคำพูดของลีอา น้ำเสียงของหล่อนนั้นสะกดสายตาให้เขาจ้องมองได้ตลอดเวลา ไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่า

    น้ำเสียงของหล่อนนั้นนุ่มละมุนแถมไพเราะน่าฟังมาก ไม่แน่ใจว่าตั้งแต่ตอนไหน ร่างของลีอาชะงักและหันกลับมามอง

    โดยเฉพาะผู้ชายข้างกายของลอว์ ราวกับต้องการความเห็น

    “ ก็ได้ทำตัวให้มีประโยชน์หน่อย… ถ้ายังเห็นว่าตอแยลีอาไม่หยุดละก็… หึ! อย่าหาไม่เตือนนะ ” ชายข้างกาย

    ของลีอาตอบแทน แล้วหันมาจ้องหน้าของลอว์แทน โดยเฉพาะการพูดเน้นชัดประโยคสุดท้าย 

    เอสไม่ได้ขู่ให้ลอว์เกิดความกลัว ทว่าเขาจะลงมืออย่างไม่ลังเล หากว่าไอ้หน้าหนวดแฟนเก่าของหล่อนจะเซ้าซี้

    จนลีอาเสียการเสียงาน!

    เอสย่อตัวลงเพื่อทำการปลดล็อก โซ่ตรวนขนาดสองนิ้วกักขังความอิสระ ลอว์จึงต้องกดใบหน้าลง

    ขาทั้งสองข้างไม่ใช่แค่ถูกมัดติดกัน ซ้ำยังมีโซ่คอบกำกับกระชับไม่ให้เคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ มองตามความยาวของโซ่

    ไม่ถึงหนึ่งร้อยห้าสิบเซนติเมตรแล้วนิ่งเงียบ

    เสียงครูดของโซ่ถูกวางในอีกมุมของห้อง เสียงกระทบของโซ่เส้นบางอีกเส้นดังขึ้น คราวนี้เอสจัดการ

    ใช้ส่วนปลายของโซ่คล้องเพื่อทำการล็อคระหว่างข้อมือกับข้อเท้าไว้ ชันตัวลุกชึ้นยืนเต็มส่วนสูง และขยับใบหน้าเบาๆ

    เป็นการบอกให้ลอว์เดินตามลีอาไปได้แล้ว!  

    “ ขอบคุณเอส ” ลีอาหันไปกล่าวขอบคุณ 

    ลีอาหมุนตัวแล้ว แล้วพาเดินนำเอส ลอว์มายังกลางห้อง ส่วนของโต๊ะประชุมสแตนเลสอเนกประสงค์

     

    “ ทุกคนฉันกู้ข้อมูลในเครื่องของผู้กองฮินะได้แล้ว! ” ทาชิงิวางแล็ปท็อปประจำตัวลงบนโต๊ะอเนกประสงค์

    “ เอ่อ พอดีลอง แงะ ฮาร์สดิสของผู้กอง มาใส่เครื่องของฉันเอง แถมเปิดได้ด้วยฟลุ๊คมากๆ ” ไม่ต้องซื้อกล่องใส่ยูเอสบี

    ที่สามารถจ่ายไฟ ซึ่งกล่องที่ว่ามาราคาก็สูงลิบลิ่วด้วยเช่นกัน 

    สมาชิกทีมสเปซรีบเดินเข้ามาตรงกลางของห้อง ราวกับว่าตอนนี้ได้เริ่มเปิดห้องประชุมกันอีกครั้ง

    “ ว้าว โชคดีชะมัด! ” เอสพยักหน้า กระตุกมือดึงร่างของลอว์ให้นั่งลงบนเก้าอี้ ข้างโต๊ะสแตนเลส

    เห็นซากแล็ปท็อปขาดครึ่งของผู้กองแล้วน่าจะเป็นพวกเศษเหล็กหรือขายอะไหล่ ชิ้นส่วนน่าจะดีกว่า 

    ไม่คิดเลยว่าทาชิงิจะสามารถดึงและนำข้อมูลออกมาได้ ทว่าก็สามารถ! 

    “ นี่ก็เป็นเอกสาร ที่ฉันได้มาทั้งหมดจากฮาร์ดดิสของผู้กองฮินะ ” ทาชิงิเลื่อนเอกสารที่ได้ทำการปริ้นออกมา

    และทำการซีร็อกซ์สำเนาไว้ให้สมาชิกทีมได้อ่าน ศึกษาข้อมูลเชิงลึก

    เอสยกมือขึ้นมาดู สมาร์ทวอชบนข้อมือ ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงเวลาของอาหารเย็นพอดิบพอดี

    และอาหารที่เขาได้สั่งแบบเดลิเวอร์รี่นั้นก็มาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เคลื่อนที่อีกครั้งเพื่อหยิบถุงพลาสติก

    วางลงบนโต๊ะสแตนเลส โดยใช้เพียงพื้นที่วงเล็กๆ จัดแจงเรื่องอาหาร

     

    ทาชิงิกำลังพูดเรื่องเนื้อหาประเด็นสำคัญกับลีอา และมีโคบี้คอยร่วมผสมโรงอีกด้วย 

    คนนอกอย่างลอว์มองทั้งสามคนสลับกันไปมา พยายามจับใจความการบทสนทนาของทั้งสามด้วยความตั้งใจ

    แต่แล้วสายตาของเขาก็กลับมาจดจ้องมองใบหน้าของลีอา หล่อนพูดคุยกับผู้หญิงสวมแว่นข้างตัวพร้อมกับถือเอกสาร

    ขนาดเท่าแผ่นเอสี่ แผ่นแล้ว แผ่นเล่าที่พวกเขาได้ร่วมพูดคุยกันสนทนากันอย่างจริงจัง

    เอสหยิบถุงกระดาษบรรจุอาหาร ออกจากถุงพลาสติก แล้วจัดแจงอาหารที่สั่งมาให้กับสมาชิกทุกคน

    และอีกคนที่ถูกพ่วงมาด้วย

      เอสส่งแซนด์วิชแถวสามชิ้นจากร้านสะดวกซื้อให้กับลอว์ ด้วยสีหน้านิ่ง ส่วนคนได้รับได้แต่มองตาปริบๆ

    ที่พาเขาอดน้ำ อดอาหารยังไม่ว่า แต่การนำแซนด์วิชหรือขนมปังสอดไส้มาวางตรงหน้าแล้วแถมน้ำเปล่าอีกหนึ่งขวด

    ให้กับคนที่เกลียดเข้าไส้…นี่มันไม่เลือดเย็นไปหน่อยหรือไง?

    ยิ่งท่าทางกวนประสาทโดยการผายมือให้ เป็นการอนุญาตทำให้ลอว์ต้องขมวดคิ้ว

    ลอว์ฝืนใจกล้ำกลืนกับการแกะซองพลาสติกออกแล้ว ซ้ำยังต้องจำทนกลืนงับแซนด์วิชเข้าปากไปหนึ่งคำ!

    “ ฉันพอจะช่วยเหลืออะไรได้หรือเปล่า? ” ลอว์จ้องมองลีอามานาน แทบไม่ได้สนใจฟังด้วยซ้ำว่าพวกเขาคุยอะไร

    เนื้อหาสาระมีอะไรบ้าง  

    ใบหน้างดงามราวกับเทพธิดานั้นเหมือนมีบางอย่าง ให้ลอว์นั้นต้องมองแทบไม่ละสายตา 

    ราวกับอยู่ในช่วงเวลาต้องมนต์ ประหนึ่งดวงตาของเขามีไว้เพื่อจ้องมองหล่อนเพียงคนเดียว อย่างไม่ให้คลาดสายตา

    ไม่แน่ใจเลยว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับหล่อน ยิ่งตอนที่ไม่ได้เจอกัน… 

    ดวงตาสีฟ้าแกมเขียวสดใส ยามสบตาทีไรหัวใจเขาสั่นเสมอ ขนคิ้วโค่งแทบเรียงทีละเส้น

    แพขนตางอนล้อมรอบดวงตาชวนฝัน จมูกโด่งปลายเชิ่ด ริมฝีปากบางๆธรรมชาติแทบไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเลย 

    ยิ่งได้ฟังน้ำเสียงสุดเสนาะรื่นหู คล้ายเพลงกล่อมเด็กของลีอานั้นช่างไพเราะชวนให้เคลิบเคลิ้ม 

    ประกอบกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ เสื้อกล้ามสีขาวพอดีกับตัว เปลือยช่วงต้นแขนหัวไหล่ได้รูป เรียวแขนเล็กๆ

    หน้าอกหน้าใจคล้ายมะพร้ามห้าวสองลูกเบียดเสียดใต้ร่มผ้า เอวบางคอดกิ่ว สะโพกกลมกลึงรับกับช่วงขาเพรียวยาว 

    ยิ่งสวมกางเกงยีนตัวเก่งขาดเข่าพอดีตัว แต่เหมือนว่าสัดส่วนบนร่างกายของหล่อนนั้นจะเพิ่มมากขึ้น

    ใบหน้ารูปไข่ของลีอายังเรียวไม่ได้มีคางสองชั้น เอวบางๆนั้นก็ยังคงบางเหมือนเดิม ไม่ได้เหมือนคนน้ำหนักตัวขึ้น 

    สำหรับคนไม่ที่ได้เจอกันมานาน หล่อนแค่… ดูมีน้ำมีนวล มีสเน่ห์น่าดึงดูดมากขึ้นกว่าที่เขาจะคาดได้

     

    ลีอาที่กำลังคุยงานเรื่องเอกสารกับทาชิงิอย่างออกรส หยุดพักหายใจกันไม่ทั่วท้อง ในจังหวะนั้นเอง

    ลอว์เกิดโพล่งถามขึ้นมา ด้วยความสงสัยหรือตามไม่ทันที่พวกเธอ ได้พูดคุย 

    “ ? ” ไม่ทันไรลีอาก็ส่งฝ่ามือขวา ยื่นไปใกล้ใบหน้าของลอว์โดยแบมือ ตรงช่วงปลายคาง

    “ ไม่กินบ๊วยดองไม่ใช่หรอ? ” ลีอาเอียงใบหน้าน้อยๆ 

    ลอว์ไม่กินทั้งบ๊วยดองและแซนด์วิช! เรียกได้ว่าถึงขั้นเกลียดเลยจะดีกว่า! 

    จังหวะที่เห็นลอว์กัดแซนด์วิชแล้วงับตรงกลางในส่วนของไส้ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นบ๊วยเข้าไปในช่องปาก

    สีหน้าของลอว์พะอืดพะอม เมื่อได้ยินคำว่า ‘บ๊วยดอง’ จากปากของลีอา

    ทั้งคู่ต่างสบสายตากับไม่กี่วินาที มีแค่ฝ่ายลีอาที่ต้องเบือนหน้าหลบหนี ลดสายตามองฝ่ามือของตนเองอีกครั้ง

    แล้วเปลี่ยนจากการแบมือ เป็นกำมือของตัวเองแล้วเขย่าข้อมือเบาๆสองสามหน  คงไม่ต้องแล้วละ…

    “ แด-กฟรีแล้วยังเรื่องมากอีก! ” คนรับผิดชอบส่วนของมื้ออาหารเย็นคลอนลำคอแล้วมูฟร่างกาย

    พูดด้วยน้ำเสียงรอดไรฟัน ซึ่งลดเสียงลงเพื่อให้เขากับลอว์ได้ยินบทสนทนาเพียงแค่สองคนเท่านั้น! 

    เส้นผมสีดำซอยสั้นไหวตามแรงขยับเพียงเล็กน้อย เอสส่งฝ่ามือขวาปิดส่วนปากของลอว์ไว้แนบแน่น

    มืออีกข้างไม่ได้ว่างเปล่า ใช้กดท้ายท้อยอีกชั้นเพื่อกันลอว์จะบ้วนหรือคายอาหารในปากทิ้ง

    ไม่กินบ๊วยหรอ? ดี! ต่อแต่นี้ไปจะมีอาหารที่ใส่บ๊วย ล้วนแล้วแต่บ๊วยเป็นส่วนประกอบหลัก!

     

    “ อุ้ฟส์! ” ลอว์พยายามแงะมือของเอสออกจากใบหน้าส่วนล่าง ลิ้นของเขานั้นเกิดชา

    จากการรับรสของบ๊วย อาการชวนคลื่นไส้กำลังทำงานรอมล่อและอีกไม่กี่วินาทีต่อจากนี้…. 

    เขารู้ดีว่าควรบ้วนปากไปทางไหน

    ลอว์พยายามหาทิศทางของเอส ซึ่งเอสนั้นยืนซ้อนหลังของเขา สามารถโยกตัวหลบได้เสมอ และจังหวะที่เริ่มจะขย้อน

    อาเจียนรุนแรงนั้น…  เอสก็โยกตัวหลบไปอีกทิศ ปล่อยมือให้ปากของลอว์เป็นอิสระ 

    พรวด!

    ช่วงใบหน้าส่วนล่างได้อิสระคืนมา ลอว์จงใจบ้วนเม็ดบ๊วยของเกลียดใส่เอสทันที! แล้วค่อยตามด้วยเศษแซนด์วิช

    ที่อยู่ในปากทั้งชิ้นแบบแผ่น ไม่ได้ใช้ฟันเคี้ยว

    “ เล่นกันเป็นเด็กๆเลย! ” ทาชิงิหันมาว่าทั้งสองคนแล้วส่ายหน้า 

    ส่วนโคบี้ที่เห็นเหตุการพยายามกลั้นอารมณ์ขันไว้ด้วยการตีหน้าเหม่อ! จนสุดท้ายต้องแกล้งเบือนหน้าหนี

    แล้วเเอบหัวเราะในที่สุด หาทิชชู่ใกล้ตัวแล้วพับมุมเป็นทรงสามเหลี่ยมส่งให้กับลอว์เพื่อใช้เช็ดทำความสะอาด

     

    “ คุยอะไรกันอยู่หรอครับ ท่าทางสนุกเชียว ? ” น้ำเสียงทุ้มหนาก้องกังวาลชวนสดับดังขึ้น 

    ทำให้ทุกคนต้องหันไปหาต้นทางของเสียงอย่างพร้อมกัน อย่างมิได้นัดหมาย

    ร่างสูงโปร่งเกือบสองเมตรขยับกายด้วยความว่องไว เสียงฝีเท้าจากรองเท้าหนังสั่งตัด กระทบพื้นไม่ทันได้เกิดเสียง

    ปรากฏร่างของผู้ชาย สูงใหญ่และล่ำสัน ขนาดเป็นผู้ชายด้วยกัน สายสืบหนุ่มยังต้องหยุดมองสำรวจ

    อาจจะไม่ได้เห็นภายใต้ร่มผ้า เสื้อเชี้ตสีขาวบนตัวคงแน่นด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรงและซิกซ์แพ็ค ที่เห็นแล้วเรียกเลือด 

    บนแขนเสื้อขึ้นเหนือข้อศอกเพื่อความคล่องตัว กางเกงยีนส์สีดำพอดีตัว 

    “ มิฮอว์ค มาตั้งแต่เมื่อไรคะ?  ” ลีอาเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าตอนนี้คนที่แชทผ่านโปรแกรมสีเขียวมาถึง

    หล่อนประชุมทีมกันอย่างไม่มีพัก แล้วไม่ได้ตอบแชทของมิฮอว์คด้วย ไม่ได้ทำหน้าที่เจ้าบ้านหรือต้อนรับอาคันตุกะ

    ที่ดีอีกตังหาก

    “ คงเป็นตอนที่พวกคุณทำงานกันอยู่ ” มิฮอว์คยิ้มมุมปากเบาๆ วางฝ่ามือหนาลงบนแผ่นหลัง

    ตรงช่วงเหนือสะโพกของลีอาอย่างทะนุถนอม

    “ ช่วงนี้วุ่นๆเรื่องเอกสารค่ะ นี่ก็ทาชิงิ เอส โคบี้ ส่วนลอว์คุณคงรู้จักกันอยู่แล้ว ”  ลีอาผายมือไล่เรียงตามชื่อ

    ทีละคนเพื่อเป็นแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน

    “ แดรคูล มิฮอว์ค ครับ ” เจ้าของชื่อกล่าวอย่างสุภาพ

    พร้อมกับทำการส่งมือเพื่อทำความเคารพกันตามธรรมเนียม จนกระทั่งถึงเอสเขย่ามือกันเบาๆ แล้วส่งรอยยิ้มเท่านั้น

    แม้จะไม่ได้อยู่พูดสนทนา เอสก็ยังลอบมองมิฮอว์คอีกสักพัก ที่ลีอาพูดในห้องสี่เหลี่ยมกับลอว์ ‘มิฮอว์ค’ คงเป็นคนนี้สินะ!

    มิฮอว์คจับข้อมือขวาของลีอาขึ้นมาแล้วกดริมฝีปากลงหลังข้อมือเบาๆ ก่อนปล่อยให้คืนเป็นอิสระ

    ลีอาตัวกระจ้อยไปทันทีเมื่ออยู่ใกล้ โดยเฉพาะวงแขนของกับมิฮอว์ค

     

    ‘ไอ้หน้าเครา’ คือ มิฮอว์ค ที่ลีอาพูดด้วยน้ำเสียงโทนอ่อนโยนสินะ! 

    มิฮอว์คเป็นผู้ชายที่ตัวสูงมาก ขนาดเอสที่ว่าตัวสูงแล้วยังต้องแหงนหน้าขึ้น เรื่องของการแต่งตัวอาจจะดูคลาสสิก 

    เสื้อเชี้ตสีขาว กางเกงสีดำ แต่ไม่ธรรมดา เอสเคยเห็นผู้ชายคนนี้ผ่านหน้าจอโทรทัศน์และลงตามหน้าฉบับหนังสือพิมพ์

    เขาไม่ได้เป็นแค่หมอผ่าตัดในโรงพยาบาลซึ่งมีตนเองเป็นเจ้าของ รวมถึงเจ้าของธุรกิจ CEO พวกสายการบิน 

    ตั่งต่าง มากมายที่พูดวันเดียวก็ไม่จบ! 

     

    รู้เพียงแค่ หน้าอย่างหล่อ แถมรวย ถึง โคตร ของโคตร รวย! 

     

    ผิวกายขาวซีดราวกับไม่เคยต้องแสงแดดจัดๆ หรือจะได้รับวิตามินดี จากดวงอาทิตย์

     เสมือนท่านเคาน์ที่มาจากคฤหาสน์หลังโตไร้แสดงแดด แสงสว่างส่องจากดวงอาทิตย์เข้าถึง 

           ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติที่ไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดๆมาเปรียบ ยิ่งกว่าดารา นักร้องจากจอแก้วทุกคนที่ผ่านตา

    ขนาดเป็นผู้ชายด้วยกัน เอสสามารถมองมิฮอว์คได้อย่างไม่วางตา เป็นผู้ชายที่มีสเน่ห์มากแรงดึงดูดมหาศาล

    ไม่ว่าจะเพศเดียวกันหรือจะเพศตรงข้าม 

    เส้นผมทรงสลิคแบล็ค เสยเส้นผมไปทางด้านหลังทั้งหมด (น้อยคนที่จะทำทรงผมนี้แล้วรอด) 

    แถมยังเป็นทรงผมที่ปัจจุบันไม่ค่อยฮิตกันนัก เพราะแฟชั่น เสื้อ ผ้า หน้าผม ได้เปลี่ยนแปลงไปในตลอดเวลา 

    เซ็ทเส้นผมเสยตั้งขึ้นไปทางหลังด้วยโพเมดอย่างดี ขนคิ้วเข้มเรียงตัวสวย หนวดเคราล้วนแล้วเป็นสีรัตติกาล 

    ถูกจัดออกแบบตกแต่งมาอย่างปราณีต นัยน์ตาสีอำพันกลมโตประดุจเหยี่ยวราวกับมองเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง 

    จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักหนาได้รูป โดยเฉพาะสันกรามที่เด่นชัดเหมาะรับกับโครงหน้า ลำคอหนา

    ปลดกระดุมข้อเสื้อให้เปิดกว้างอีกสักนิด พอได้เห็นส่วนกล้ามอกพองาม ได้เห็นไม้กางเขนเครื่องประดับบนตัว

    ทำจากเงินวาววับ

    เหมือนว่าจะสวมกางเกงยีนสีดำ รองเท้าหนังหุ้มข้อยาวถึงใต้เข่า มีเข็มขัดเล็กสองเส้นรัดเพื่อให้กระชับกับช่วงน่อง

    ส่วนมากนักธุรกิจมักจะเลือกสวมกางเกงสแล็ค เพื่อความสุภาพ ซึ่งนอกจากเห็นกล้ามเนื้อบนบ่าไหล่ผ่านเสื้อผ้าแล้ว 

    ก็คงเห็นกล้ามเนื้อช่วงขาของเขาได้ชัดเจน 

    มองจากภายนอกแล้วแดรคูล มิฮอว์คดูเป็นคนที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย จากลักษณะ ทรงผม 

    เสื้อผ้า การแต่งกาย ทว่าบางคล้ายมีอย่างห่อหุ้มร่างกายของเขาทั่วทั้งตัว คล้ายปล่อยฮาคิเกราะเคลือบร่างกาย

    ไว้อย่างนั้น แต่ก็แผ่พลังของฮาคิราชันย์ออกมาให้พวกที่คิดหมายจะปองร้ายต้องล่าถออยออกไปอย่างอัตโนมัติ

    ไม่สามารถคาดเดาอายุได้เลยว่า ผู้ชายคนนี้มีอายุเท่าไรกัน? ห่างจากลีอามากน้อยแค่ไหน?

    ตอนนี้เอสรู้เพียงแค่ว่า  แดรคูล มิฮอว์ค ทำให้ผู้ชายทุกคนที่เคยยืนขนาบข้างกายของหล่อนได้เปลี่ยนกลายเป็นเด็กชาย

    ไร้เดียงสา มีพฤติกรรมที่ชอบดูดหรืออมนิ้วมือของตัวเองเล่น หรือพูดให้ชัดอีกทีพวกเขาก็คงไม่ต่างจากเด็กอมมือ! 

    ทั้งหม่นหมอง แถมยังหมดความหมาย! 

        เอสเกิดและโตขึ้นมาจวบจนกระทั่งถึงวินาทีนี้.. เพิ่งเข้าใจกับคำว่า ‘เหมาะสมกันดั่งกิ่งทองใบหยก’ ก็ตอนนี้แหละ!

     

     

    “ เอกสารหรอ? ” มิฮอว์ค ปล่อยมือออกจากเอวของหญิงสาว เพื่อหยิบแว่นซึ่งคาดว่าจะเป็นแว่นสายตา

    ออกจากกระเป๋าเสื้อ สวมทับลงบนใบหน้าหล่อเหลาของลูกรักคนโปรดของพระเจ้า 

    นอกจากหุ่นล่ำบึ้ก ดวงตาสีอำพันเจิดจ้า แม้จะอยู่ในมุมมืด แสงสว่างไม่สามารถส่องถึง พลังทำลายล้างขั้นสุด

    ลีอาที่ยืนด้านข้างหันไปมองแล้วหันกลับ หล่อนอมยิ้มเบาๆมุมปากแล้วยกมือขวาขึ้นมาใช้ปลายนิ้วเรียว

    เขี่ยม้วนเส้นผม ซึ่งเป็นท่าทางภาษากายของผู้หญิงที่เวลาเขินอาย มักจะทำเนียน ทำอะไรๆเกี่ยวกับเส้นผมคงจะจริง!

     

    แว่นตาเสริมบัฟสินะ! 

    เอสยกมือขึ้นมาลูบปลายคางอย่างสนอกสนใจ ลอบมองหนุ่มใหญ่ กับนักสืบสาวอย่างเงียบๆในมุมของเขา

    ฝ่ามือของมิฮอว์คที่เคยได้โอบเอว ตอนนี้ได้โอบหัวไหล่ได้รูป มิฮอว์คกดใบหน้าลงจรดริมฝีปากหยักลงข้างขมับ

    ของลีอาอย่างแผ่วเบาด้วยความรัก 

     

     

    “ ก็หวานไปดิ! หวานเต็มร้อย! หวานตัดขาไปเลย! ” เอสพูดได้แค่นั้น

    แล้วคอยสังเกตุทั้งสองคนอย่างห่างๆ โดนไร้ความห่วงหรือกังวล 

    ประชุมทีมสเปซได้จบลง ทุกคนนั่งรับประทาน ทานอาหารกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันเหมือนทุกครั้ง

    “ ขอโทษครับ ในส่วนของคุณมิฮอว์ค… ผมไม่ทราบก่อนล่วงหน้าจริงๆ ” เอสสั่งไก่ทอดเจ้าอร่อยชุดใหญ่มาทาน

    โดยเน้นว่าเป็นชุดที่ใหญ่ที่สุดของทางร้านแล้ว ก็เหมือนว่าจะไม่เพียงพอต่อสมาชิกทุกคนในทีม

    “ ไม่เป็นไรครับ ” มิฮอว์คมีเพียงแค่รอยยิ้มเล็กๆ เคลือบบนใบหน้า “ อาจจะยืมตัวลีอาไปข้างนอกสักครู่

    คงไม่ว่ากันนะครับ ” เขาเกริ่นเป็นการขออนุญาตอย่างสุภาพ

    “ โอ้ ยินดีเลยครับ ” เอสตอบตกลง 

    เพราะตอนนี้ภายในห้องทำงานเต็มไปด้วยความรัก หัวใจสีชมพูลอยล่องเต็มทุกอณูอากาศไปหมด!

    คนโสดอย่างเขาได้แต่มองตาปริบๆ 

     

    “ เอ้านี่ ส่วนของลีอา ” เอสส่งชุดไก่ทอดให้ลอว์ เผื่อต้องการทานเพิ่ม โดยที่แทบไม่มองหน้าอีกคน

    ลอว์ส่งสายตามองเอสเพียงนิ่งๆ แล้วเก็บความไม่พอใจนั้นลงด้วยการถอนหายใจออกยาวๆ

    จ้องมองแผ่นหลังของทั้งคู่กำลังเดินออกจากประตูอีกฟาก ลุกขึ้นยืนแล้วแอบลุกวิ่งเงียบๆตาม ทิ้งระยะห่างพอสมควร

    ไม่ให้คนถูกสะกดรอยจับได้

     

     

    ลอว์จ้องมองออกไปทางกระจกทรงสี่เหยี่ยมผืนผ้าเงียบ โดยไม่ส่งเสียงรบกวนคนด้านนอก

     

    “ ว้าว harley davidson softail ” ลีอาตาโตวาววับ เอ่ยชื่อรถและรุ่นออกมาทันทีเมื่อได้เห็น

    สองขาพาร่างสูงโปร่งเดินมาถึงตัวรถที่ว่า ถ้าจำไม่ผิดรถของเขา Harley-Davidson Sport Glide.

    สีสำสลับเงินวาววับ คล้ายเพิ่งออกจากคาร์แคร์ ไม่ได้ติดของแต่ง เช่น หน้ากากตรงไฟหน้า(ตัวบังลม)

    กระเป๋าหนังสองข้างตรงล้อหลังและของแต่งรถเล็กน้อยพองาม เช่น กันล้ม ซึ่งปกติก็สวยมากอยู่แล้ว 

    แทบไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ!

    “ คุณเป็นสายทัวร์ริ่งอย่างนั้นหรอ? ” รถคันใหญ่เหมาะกันสรีระร่างสูงเกือบสองเมตรของเขา

    แต่รูปทรงของรถยังเป็นครุยเซอร์ไว้ขี่เท่ๆรับลมได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็ให้ความหล่อแบบดิบๆ ก็เท่ไปอีกแบบ

    “ ก็ไม่เชิง… ลองไหม? ” มิฮอว์คเอ่ยชวน ผายมือเชื้อเชิญให้ลีอาสามารถกดปุ่มสตาร์รถได้เลย

    (เพราะกุญแจเป็นคีย์เลส ตัวกุญแจนั้นอยู่ที่ตัวของมิฮอว์ค) เขาส่งกุญแจให้หล่อนใส่เก็บไว้ให้กระเป๋าเสื้อ หรือกางเกงก็ได้

    แค่เสียงสตาร์ทรถก็ทำให้หัวใจของลีอาเต้นแรง ตุ้บๆ ตั๊บๆ เสียงจากตัวเครื่องเมื่อร้อนได้ที่

    เริ่มนุ่มกว่าตอนสตาร์ทครั้งแรก ให้อารมณ์คล้ายว่ารถกำลังติดๆดับๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่หัวใจของหล่อนเต้น ตุ้บๆ

    ตัวเครื่องยนต์สั่นสะเทือนคล้ายจะหลุดออกจากเฟรมทว่าไม่ถึงถังน้ำมัน ถึงส่งแรงสั่นก็ไม่มากนัก 

    ซึ่งก็เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของฮาลีย์  เสียงเครื่องเบาลงเมื่อรอบรถตกลีอาจำต้องบิดคันเร่งเพื่อเร่งรอบใหม่

    เสียงคำรามของตัวเครื่องนั้นดุดันชวนสดับใช่ย่อย 

    ไม่ลองไม่ได้แล้วละ! 

    ถึงแม้ว่าจะเป็นรถรุ่นเก่า แต่ก็ยังมีความคลาสสิคเฉพาะตัว  

     

    ใช่แค่แชมป์มอเตอร์ไซค์โมโตจีพีจะทำการประคองรถ เช็คสภาพรถโดยการลองขี่ วนสลับเป็นเลขแปด

    ซ้ายที ขวาที ตามสนามเทสรถ 

    ลีอาเคลื่อนรถมาอยู่ตรงหน้าของเจ้าของ  กำก้านเบรถเพื่อจอดรถให้นิ่งสนิท 

    ฝ่าเท้าเหยียบลงบนพื้นแล้วลุกขึ้นยืนเต็มสัดส่วน บิดคันเร่งค้านไว้พร้อมกำก้านเบรคไว้แน่น ล้อหลังเริ่มส่งเสียง

    บดกับพื้นคอนกรีตจนเกิดเสียงดังและกลุ่มควันลอยโขมงขึ้น 

    เจ้าของรถได้แต่มองหล่อนนิ่ง ดูสิจะเล่นซนอะไรอีก?

    จะเบิร์นล้อรถของเขาทำไมอีก? 

    คราวนี้ลีอาปรับเปลี่ยนท่า นั่งลงบนเบาะยกขาวางฝ่าเท้าลงบนที่พักเท้าทำการประคองแฮนด์ไว้แล้ว เข้าเกียร์ เริ่งเครื่อง 

    เพื่อทำการดริฟเป็นวงกลม โดยที่ฝ่าเท้าของหล่อนนั้นไม่ได้แตะพื้น ลีอาวางเท้าลงบนที่พักเท้าบนรถ นั่งอย่างสบายๆ

    ด้วยซ้ำ! 

    ก็เป็นเสียงฮือฮา ของผู้คนแถวนั้น

    พนักงานของแฟรงกี้เฮ้าส์ต่างพากันยกโทรศัพท์มือถือกดบันทึกภาพเคลื่อนไหวทันที! 

    โอกาสที่คนสองคน ระว่างคนปกติทั่วไปกับนักบิดมอเตอร์ไซค์ซึ่งเป็นที่โปรดปราน จะมาเจอกันไม่ใช่เรื่องง่าย

    ดังนั้นแล้วการบันทึกภาพเก็บไว้ อาจจะเป็นเครื่องช่วยบันทึกความทรงจำอย่างหนึ่ง

    “ ถ่ายได้ แต่อย่าไปโพสลงโซเชี่ยลนะ! ” เดี๋ยวเป็นเรื่อง! ลีอาหันไปมองเอส แฟรงกี้ บอกกับทุกคน 

    พร้อมส่งสายตาดุๆไปให้พวกเขารีบเก็บโทรศัพท์ทันที เพราะหล่อนเป็นทั้งนักขี่สังกัดทีมของค่ายดูคาติ 

    แถมยังเป็นแบรนแอสบาสเดอร์อีกตังหาก หากว่ามีใครเห็นว่าหล่อนให้ความสนใจหรือขับขี่ยวดยานพานะสองล้อ

    ที่ไม่ใช่ค่ายของตัวเอง อาจจะเกิดเรื่องใหญ่ก็เป็นได้!

    “ แฮนด์เข้าโค้งได้ดีกว่าที่คิด เครื่องก็แน่นดีด้วย ” ลีอาเอ่ยปากชมหนังเทสรถมอเตอร์ไซค์ของมิฮอว์ค

    “ เครื่องแน่น เรื่องนั้นคุณทราบดีอยู่แล้ว กลับกันเถอะ ” มิฮอว์คพยักหน้าแล้วอมยิ้ม

    เครื่องแน่นแหละอย่างที่หล่อนได้ทั้งพูดและพิสูจน์โดยเฉพาะช่วงล่าง!  ใช่การเลี้ยวรถนั้นง่ายดายมาก 

    หากว่าผู้นควบคุมมีความเชี่ยวชาญ หยิบหมวกกันน็อคสวม ลงบนเส้นผมยาวสลวยดุจแพรไหม 

    โดยไม่รอคำตอบปรับสายรัดคางให้กระชับและพอดีกับรูปหน้า ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเคลือบด้วยรอยยิ้ม

    “ อ อืม ค่ะ ” คำพูดกำกวมของเขาก็ทำให้หล่อนอดคิดดี แถมเถียงไม่ออกเลยด้วยซ้ำ!

     

    ไม่ได้มีแค่อดีตคนรักของลีอาที่แอบมอง ทั้งสองคนจากด้านนอก หมวดเอสถึงกับหลุดยิ้ม

    เมื่อเห็นภาพของหนุ่มใหญ่และสาวน้อย เหมือนว่าทั้งสองคนกำลังเพิ่งเริ่มจีบกันใหม่ๆ

    และยิ่งได้เห็นใบหน้าเขินอาย ชนิดที่เรียกได้ว้าม้วนเขินของลีอายิ่งมั่นใจได้เต็มหนึ่งร้อยเปอร์เซ็น

    ลีอาเป็นนักแข่งรถ… ที่ไม่เคยซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ใครมาก่อน หรือจะเป็นเอส ซาโบ้

    หล่อนมีวิธีพูดปฏิเสธน้ำใจอย่างดีเยี่ยม เรียกได้ว่าบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่นเลยทีเดียว

    ได้เห็นเป็นบุญตา ผู้ชายที่ทำให้นักแข่งระดับโลกมีรางวัลแชมป์โลกหกสมัยยอม… นั่งรถซ้อนท้าย

    ลีอากำลังก้าวขาเพรียมยาวตวัดคร่อมบนนั่งลงบนเบาะซ้อนท้าย! สองเเขนเล็กโอบกอดรอบเอวสอบ

    กดใบหน้าลงบนด้านหลังบ่ากว้างเพื่อทำการจูจุ้บด้วยความรักอีกหนึ่งหน แล้วตามด้วยรอยยิ้มกว้าง

     

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป…

         23/05/2565

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×