ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic: One piece] Dr. Feel Good.

    ลำดับตอนที่ #37 : DR. : Minutes to Midnight.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 142
      7
      26 ส.ค. 65

     

     

     

     

    เนื้อหาในตอนนี้เต็มไปด้วยความรุนแรง ไม่ว่าจะทางเพศ หรือ ภาษา การใช้ความรุนแรง

     หากนักอ่านท่านใด ไม่สะดวกที่จะอ่านต่อสามารถกดกากบาทมุมขวาปิดได้ครับ

     

     -PR30+ 

       ไป! ไปตามมาอีกสามสิบคน! 

                    เอ๊ย! หากอายุยังไม่ถึงก็กดปิดออกไปก่อนนะ อายุถึงค่อยกลับมาใหม่!  

           

     

    “ โชคดีที่ซาโบ้สั่งพักงานหนึ่งสัปดาห์ ” ราวกับว่าหัวหน้าทีมสเปซนั้นมีความสามารถพิเศษไม่ว่ารับรู้

    หรือมีญาณทิพย์ รู้ชัด เห็นแจ้ง ทายทักเรื่องก่อนกาลเวลานั้นจะมาถึงได้อย่างชัดเจน!

     การพักงานที่ว่านั้นก็เป็นเรื่องของนายพลการ์ปเสียชีวิตนั่นแหละ ทว่าการพักงานนั้นก็เหมือนไม่ได้พักงาน

    เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์นัก!

    อดีตห้องทำงานที่แบ่งสัดส่วน ใช้สอยพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าทุกตารางนิ้วของห้อง ตอนนี้ได้กลายเป็นเศษซากปรัก

    หักพัง แทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมด้วยซ้ำ ดูจากการทำลายล้างสูงเช่นนี้ให้ทายคือไม่ระเบิดมือ ไม่ก็อาร์พีจีมีแค่สองอย่าง!

    อานุภาพทำลายล้างขั้นสูงสุด โชคยังดีต้องมอบความดีความชอบตรงนี้กับกับทีมวิศวกร สถาปนิกก็ด้วยหรือซินแสก็ดี

    ทั้งสามทีมนี้ออกแบบดูแลเรื่องความปลอดภัย แถมตัวโครงสร้างตึก เสาขนาดใหญ่สามารถรับน้ำหนักได้เหมือนเดิม! 

    “ แล็ปท็อปของผู้กองฮินะ… ฉันจะลองเช็คฮาร์ดดิสดูก่อน ” ทาชิงิขยับ ก้าวเรียวขายกสูงตลอด

    เพื่อจะได้เคลื่อนไหวได้คล่องตัวไม่ว่าจะเดินข้าม ปีนขึ้น ปีนลงบนซากคอนกรีตพังทลายครืนลงมา

    ส่งมือคว้าหยิบแล็ปท็อปส่วนตัวของผู้บัญชาการมาอยู่ในมือ แม้ว่าส่วนหน้าจอจะลาโลกไปแล้วก็ตาม

    ทว่าส่วนของภายใน อันนี้เธอไม่แน่ใจนัก จะเก็บซากกลับไปเช็คข้อมูลมันก็ไม่เสียหายอะไร! 

    สายตาว่องไวของสายสืบหนุ่มจับจ้องมองทาชิงิทุกทย่างก้าว ไม่สิ ตั้งแต่ทาชิงิตามมาสมทบ

    แม้จะมองจากทางด้านหลัง…

    ทาชิงิเดินแปลกๆ… ขาทั้งสองข้างเหมือนจะไม่สามารถรับน้ำหนักได้ไหว ซ้าย ขวา ซ้าย ขวาสลับกัน เขยก เขยก

    ยิ่งตอนที่เธอค่อยๆชันกาย ลุกขึ้นยืนเต็มสัดส่วนแล้วขยับขาหันมายิ่งชัดเจน!

    “ เอส ” โคบี้เดินเข้ามาแล้วกระทุ้งศอกใส่เบาๆ แล้วเรียกชื่อให้ได้ยินเสียงสองคน

    สองหนุ่มทีมสเปซก็เห็นพ้องต้องกัน แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกไป แถมเรื่องที่สงสัย…ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของทาชิงิ

    “ นี่ ทาชิงิ จะไม่พาแฟนมาแนะนำให้รู้จักหน่อยหรอ? ” เอสรับรู้จากแรงกระแทกด้วยศอกจากโคบี้

    จึงรู้ว่าต้องทำอะไรต่อจากนี้

    “ ยังไม่ใช่แฟนซะหน่อย! ” ทาชิงิตอบเสียงแผ่ว ก้มใบหน้าลงมองซากแล็ปท็อปในมือ 

    สถานะของเธอกับโรโรโนอายังไม่ถึงขั้นนั้นด้วยซ้ำ! เผลอๆยังไม่ได้เป็นคนคุยเลย! 

    “ ห้ะ? ยังไม่ใช่แฟนหรอ? ” ไม่ใช่แค่เอส แต่เป็นโคบี้ที่เผลออุทานเสียงดัง

    คิดว่าใบหูทั้งสองข้างทำงานอย่างเต็มที่ และได้ยินเสียงเล็กๆ แผ่วๆจากปากของทาชิงิ

    ถ้ายังไม่ใช่แฟน… แต่ทำไม… ไม่เอา ไม่พูดดีกว่าและจะไม่ถามอะไรให้เธอไม่สบายใจอีกด้วย!

     

    “ ว่างๆก็พามาแนะนำหน่อย หรือถ้าหากว่ามีเรื่องอะไรอยากให้ฉันช่วยบอกได้เลย ฉันพร้อมตลอดเวลานะ ”

    เอสเริ่มจับพิรุธโดยเฉพาะจากสีหน้าอันซีดเซียวของทาชิงิ น้ำเสียงอ่อยๆจ๋อยๆเป็นหมาหง๋อยแบบนั้น…

    อาจจะมองว่าเอสเป็นพวกชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน นั่นก็ใช่ เรื่องของชาวบ้านเป็นงานหลัก! 

    เอ๊ย!  เรื่องของสมาชิกในทีมสเปซ หากว่าเขาสามารถช่วยได้ เอสเองก็ยินดี 

     

    “ อืม ขอบคุณนะเอส ” ทาชิงิตอบเสียงแผ่วซ้ำอีกครั้ง ราวกับว่าตอนนี้เธอเป็นเด็กเล็กที่กำลังนั่งเรียน

    แล้วแอบหยิบขนมขึ้นมาทานในห้องเรียน ถูกครูจับได้แล้วลงโทษอย่างหนัก!  

     

     

    นักสืบสาวหมุนตัวบนกองซากคอนกรีตขนาดเล็ก ใหญ่ถาถมตัวเทินกันเป็นชั้นๆ ดวงตาสีฟ้าอมเขียว

    มองไปที่ส่วนกำแพงห้องที่ยังพอเห็น ร่องรอยของชนิดหัวกระสุนฝังตัวอยู่ในนั้นคล้ายกับรังผึ้งขนาดใหญ่

    ตอนนี้หน่วยสเปซกำลังไร้ทิศทาง ไม่แน่ใจว่าควรจะไปในทิศทางไหนดี ซ้ายดีไหม หรือขวาจะดีกว่า?

    ยิ่งการสูญเสียของผู้บัญชาการทีม ผู้กองฮินะ และ ซาโบ้ หัวหน้าทีมสเปซ ไม่ต่างอะไรกับถูกทำลายเส้นเลือดใหญ่

    สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงขาดเข่าบนตัว ก็พบบัตรสี่เหลี่ยมยาวเหมาะมือ มีความแข็งพอประมาณ 

    ล้วงหยิบออกมาดูในระดับสายตาอย่างชั่งใจ

    ปิดเปลือกตาลงชั่วครู่แล้วเปิดเปลือกตาขึ้น แล้วตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงอีกข้าง

    กดเบอร์โทรศัพท์บนนามบัตร เมื่อครบแล้วจึงกดโทร.ออก

    “ ไฮ ฉันลีอา พอดีมีเรื่องให้รบกวนหน่อยสิ” ลีอาพยายามปั้นน้ำเสียงให้ปกติที่สุด 

    แล้วพูดคุยกับปลายสายไม่อีกกี่ประโยคจึงลดมือลง จนกระทั่งตัดสายไปในที่สุด

     

     

    ร่างระหงของลีอามาอยู่ที่บริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่สังเกตและสามารถมองเห็นได้ง่าย โดยเฉพาะอาคาร

    การตกแต่งตัวตึกเด่นเป็นสง่า ไม่ว่าจะส่วนของพระจันทร์เสี้ยว หรือจะเป็นดาวห้าแฉกมองเห็นมาแต่ไกล

    ยังไม่ทันได้ส่งมือผลัก บานประตูกระจกใสขนาดใหญ่ก็เลื่อนออกจากกัน เครื่องปรับอากาศจากด้านบนให้ความเย็นฟู่ฟ่า

    จนรู้สึกว่าเสื้อเนื้อผ้าไนล่อนแขนยาวสีดำบนตัวนั้นยังหนาไม่พอ เฟอร์นิเจอร์ประดับตกแต่งไม่ต่างจากโรงแรมแพงๆ

    ความหรูหราอลังการจนลีอาเร่ิมรู้สึกว่าการมาในที่แห่งนี้ หล่อนควรจะกลับบ้านเพื่อไปเปลี่ยนชุดที่สุภาพ 

    เรียบร้อยและเป็นทางการมากกว่านี้

    ลีอาเข้ามาได้ก้าวขาเดินยังไม่ทันครบสามช่วงขา พนักงานดีเด่นลุกขึ้นพรวดรีบวิ่งมาต้อนรับ

    ผู้มาใหม่อย่างกระตือรือร้น

    “ สวัสดีคะ มาพบใครหรือเปล่าคะ? ” พนักงานดีเด่นถาม เมื่อเห็นว่าหญิงสาวอาคันตุกะมอง ซ้าย ขวา

    คล้ายกับว่ากำลังสำรวจ หรือมองหาใครบางคน 

    “ ฉันมาพบคุณแฟรงกี้ ” ลีอาตอบแล้วจับจ้องใบหน้า

    “ เอ่อ ได้นัดเขาไว้หรือเปล่าคะ? ” พนักงานสาวยังถามต่อเพื่อให้ความช่วยเหลือ

    สิ่งที่หญิงสาวหน้าตาสละสลวยคนนี้พูด เสื้อผ้าการแต่งตัวนั้นไม่ค่อยเรียบร้อยมากนัก ก็เสื้อแขนยาวสีดำ

    ผ้าไนล่อนเนื้อดี คล้ายชุดหนังน่าจะราคาแพงเอาเรื่อง ด้านในสวมเสื้อกล้ามสีขาวสบายๆ กางเกงยีนส์ขาดเข่าสีซีด

    รองเท้าหนังหุ้มข้อสีดำ คล้ายพวกเล่นรถมอเตอร์ไซค์ อารมณ์สิงห์นักบิดมากกว่า!

     ยิ่งหล่อนพูดว่าต้องการมาพบ ‘แฟรงกี้’ ก็เป็นแค่ชื่อเล่นเพียงเท่านั้น ซึ่งยังคลุมเครือ

    หากหล่อนบอกว่าแผนกไหน หรือเป็นชื่อจริง นามสกุลที่ชัดเจน  เธอก็จะสามารถให้ความช่วยเหลือ

    โดยการโทรศัพท์ไปบอกที่แผนก 

     

    ลีอาเริ่มรู้สึกว่าหญิงสาวซึ่งเป็นพนักงานดีเด่นของบริษัท ยังคงยืนจังก้าตรงหน้า จนแล้วจนรอด

    หล่อนต้องหยิบนามบัตรขึ้นมาอีกครั้ง 

     

    FRANKY HOUSE.

    และเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวที่ชัดเจน

     

    “ แฟรงกี้ที่ว่า มาโน่นแล้ว ” ลีอาคลี่ยิ้ม เงยหน้ามองเห็นทางด้านหลังของพนักงานดีเด่น 

    จนเธอต้องหันแล้วมองตามอย่างสงสัย ใครคือแฟรงกี้ ที่หญิงสาวต้องการพบ!

    “ อุ้ย! ท่านประธาน ” พนักงานดีเด่นตาเบิกกว้าง เผลออุทานออกมาได้อย่างเต็มปาก!

    เมื่อได้เห็น คาติ ฟูแล่ม ในชุดเสื้อเชี้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงสเล็คสีดำ รองเท้าหนังสีดำมันเงาวาววับ อยู่ในท่าเดินเร็วกึ่งวิ่ง

    ตรงมาทางนี้ หาใช่แค่ประธานที่กำลังเดินมา ยังมีสองสาว กีวี่และมอส เลขาฝาแฝดสาวสุดเฮ้ว แซ่บจี้ดจ้าดของที่นี่

    ตามมาประกบขนาบข้างกาย!

    “ ฉันขอตัวก่อนนะคะ ” พนักงานดีเด่นของที่นี่ต้องรีบจรลีหนีหาย โดยหันไปมองท่านประธาน

    แล้วโค้งตัวเพื่อทำความเคารพหนึ่งทีก่อนจะหายไปจากสายตา

     

    “ จำแทบไม่ได้แหน่ะ ” ท่าทางวันแรกที่ทั้งสองคนได้เจอกัน กันวันนี้ที่ได้เจอกันอีกครั้ง

    สิ่งมที่แฟรงกี้บอกกับลีอา คือ ‘หากว่ามาถึงแล้วก็รอที่ห้องรับรองแขกไปก่อน ฉันยังติดงานอยู่แล้วจะรีบลงไปนะ

    อ่อ แล้วบอกพนักงานต้อนรับไปว่ามาพบฉันนะ’ ซึ่งลีอาก็บอกไปอย่างนั้น… แต่ไม่คิดว่าตำแหน่งของแฟรงกี้

    หรือ ‘คาติ ฟูแล่ม’ จะเป็นถึงประธานบริษัทแฟรงกี้ เฮ้าส์ คอมปานี!

    “ หล่อขึ้นละสิ? ” แฟรงกี้เสยเส้นผมสีฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวไปทางด้านหลังทั้งหมด

    ยักคิ้วหลิ่วตาให้ลีอาอีกหนึ่งที

    “ ฮ่า ฮ่า อืม ดูดีขึ้นนะ  ” ลีอาถึงกับต้องเอ่ยปากชม แฟรงกี้ตอนแรกที่เจอกับตอนนี้ซึ่งต่างกันลิบลับ!

    ส่วนคนฟังถึงกับม้วนบิดเขินอายเกือบแปดตลบ 

      

    “ คุณอุ๋งจริงๆแล้ว  กรี้ดดดด ” สองสาวฝาแฝดกรี้ดกร้าดกระตู้วู้ว สีหน้าและแววตาฉายแววระยิบ

    คล้ายกำลังเจอเหล่าดาราเซเลปที่ชอบ มายืนอยู่ตรงหน้า

    “ อุ๋ง? ” ท่านประธานแฟรงกี้เฮ้าส์ยังไม่เข้าใจสองสาวเรียกชื่อ อุ๋งอุ๋ง? แมวน้ำอย่างนั้นหรอ?

    เลขาฝาแฝดจำต้องเขยิบออกมาแล้วกระซิบข้างใบหูให้ฟัง 

    “ นี่ ลีอา…  แลงคาสเตอร์ ลีอา แชมป์โมโตจีพีระดับโลก หกสมัยซ้อน!  ” กี่วี่กระซิบข้างใบหูข้างซ้ายของหัวหน้า

    “ ท่าซิกเนเจอร์ คือ ยกล้อเข้าเส้นชัย! ” มอส กระซิบข้างกกหูข้างขวาประกับข้อมูลสำคัญ

    ได้ยินดังนั้นแฟรงกี้ขมวดคิ้วเป็นปมใหญ่

    “ คุณอุ๋ง ขอถ่ายรูปหน่อยค้าาา ” กีวี่ มอส พร้อมขยับตัว จัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่

    เพื่อที่จะเข้าไปขอถ่ายรูปเซลฟี่เกร๋ๆอัพลงโซเชี่ยลมีเดีย 

     

    “ ย ยกล้อเข้าเส้นชัยหรอ? ” แฟรงกี้ทวนคำพูดอันคล้ายเกมปริศนาไขว้

    ข้อมูลใหม่ที่ได้มาจากเลขาฝาแฝดสาวสวย ทำให้แฟรงกี้จำต้องรีบล้วงหยิบสมาทโฟนขึ้นมาปลดล็อคทัชสกีน เปิดหาข้อมูล

    ของแชมป์โมโตจีพีระดับโลกหกสมัยซ้อนอันเลื่องชื่อ 

    ยกล้อ…  แสดงว่าตั้งแต่ตอนนั้น!

    ตอนที่เขากำลังขี่มอเตอร์ไซค์ไล่กวดตามแผ่นหลังของหล่อนไปติดๆ ไม่ว่าจะตอนทิ้งเข่าลงเกือบติดพื้นทำมุมเอียง

    สี่สิบห้าองศาอีกนิดเดียวเข่าของหล่อนจะแตะถึงพื้นรอมล่อ! แถมการปาดเข้าวงใน บังไลน์ไม่ให้อีกฝ่ายได้ขึ้นแซง

    หรือจะตีเสมอ นั้นทำให้เขาอดนึกไม่ได้เลย! 

       ไม่สิ ตั้งแต่ตอนแรกแล้วด้วยซ้ำ ที่หล่อนออกตัวช้า… ไม่ใช่อ่อนข้อให้ แต่เป็นเพราะต้องการวิเคราะห์คู่ต่อสู้ตังหาก!

    แล้วช่วงวินาทีสั้นๆ หล่อนก็สามารถตีตื้น แก้เกมอีกฝั่งได้อย่างง่ายดาย ยิ่งเห็นการยกล้อก็เป็นเครื่องการันตีได้อย่างดี

    แถมสามารถยังเอาชนะได้อย่างสวยงาม! เป็นที่ตราตรึงได้ถึงทุกวันนี้!

    ทั้งเฉียบและคม! 

    บอกว่าเป็น มาร์ค มาร์เกซ (เวอร์ชั่นผู้หญิง)ก็ยังเชื่อ!

     

    แฟรงกี้ถึงกับบางอ้อภายในทันที!

    แชมป์โลกโมโตจีพีหกสมัยซ้อน!

     

    “ ดีล อืม ตอนนี้นายมีเงินเท่าไรแฟรงกี้? …เล่นข้างฉันให้หมดเลย! ” หวนให้นึกถึงประโยคแรกที่หล่อนเคยพูดไว้

    คำพูดของลีอายังติดอยู่ในหัวก้องอยู่ในหู 

    มิน่าทำไมถึงได้เก่งนัก แถมความมั่นอกมั่นใจในครั้งแรกที่เขาได้เห็น… ไม่ใช่แค่พวกดีแต่ปาก 

    นี่เขาชวนแชมป์โลก…หกสมัยซ้อน มาแข่งกับพวกนักซิ่งข้างทางที่ไม่มีแม้แต่ใบอนุญาต…. อห.ที่ไม่ใช่โอโห! 

    แฟรงกี้! นายนี่บ้าไปแล้ว!

    ยิ่งคิดแล้วก็หน้าชา เผลอๆอาจจะชาไปทุกส่วนทั่วอวัยวะในร่างกายด้วยซ้ำ!

     

     

    แฟรงกี้ได้แต่พร่ำเพ้อถึงความอัปยศของตัวในเพียงแค่ในใจ รอสองสาวขอถ่ายรูปเซลฟี่กับลีอาให้หนำใจ

    ว่าแล้วมือข้างที่ว่าง เขาก็ล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ปลดล็อคหน้าจอแล้วเข้าช่องยูทูป พิมพ์ชื่อของหล่อนลงไป

    เพื่อกดดูคลิปตอนล่าสุด ก็เป็นหนึ่งวันกับลีอา ลองเข้าไปดูต้นคลิปก็เป็นลีอาพาตามติดชีวิตของหล่อนเป็นเวลาหนึ่งวัน

    ซึ่งก็ตั้งแต่ลืมตาตื่น ด้วยท่าทางงัวเงียแต่ก็ยังพยายามยิ้มใส่กล้อง สองมือเล็กพยายาม ผลักให้ตากล้องไปถ่ายอย่างอื่น

    แต่ความใจกล้าของช่างภาพก็ยังสู้กลับ จนลีอาต้องยอมลุกออกจากเตียงนอน ให้ฟีลแฟน ประหนึ่งว่าลีอาเป็นแฟนสาว

    ล้างหน้า ล้างตา แปรงฟัน ด้วยความเล่นหูเล่นตา ทานอาหารรองท้องแล้วก็พาขี่รถไปเพื่อยิม ออกกำลังกาย

    ก็ทำให้แฟรงกี้เผลอหลุดยิ้มออกมาอย่างเห็นได้ชัด

    อันนี้ดีเก็บไว้ก่อน!

    แฟรงกี้เลื่อนไปดูคลิปอื่น ก็เป็นคลิปแชมป์ครั้งล่าสุด ภาพเคลื่อนไหวซึ่งเป็นหน้าปกคลิปก็เป็นตอนเข้าโค้งสุดท้าย

    แล้วทำการยกล้อหน้าวิ่งด้วยความเร็วยิงยาวเพื่อเข้าเส้นชัยไปในที่สุด! และซิวแชมป์ไปครองหกสมัยซ้อน!

    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า… อย่าตัดสินคนจากภายนอก หรือแค่ที่เปลือกนอกเท่านั้น!

     

    “ เอาละๆ สาวๆขอเวลาส่วนตัวให้เราหน่อย ” แฟรงกี้ต้องเข้าไปห้ามเลขาสาวทั้งสอง เพื่อกันลีอาออกมา

    เพราะเริ่มรู้สึกว่าลีอากำลังรีบและมาเรื่องลำบาก ต้องการความช่วยเหลือจากเขา

     

     

    “ เรื่องที่เธอบอก ฉันก็พอจะช่วยได้อยู่หรอกนะ ” แฟรงกี้ขยับตัว ฟังจากปลายสายที่โทร.มา

    ก็พอเข้าใจ แล้วระหว่างที่กำลังพาลีอาเดินมาด้วยกันเพียงสองคนไร้ผู้จัดการ(เลขากี่วี่ มอส) ตามประกบติด

    ให้เวลาส่วนตัวกับสองคนบ้าง เพราะรู้ว่านานๆทีแฟรงกี้ก็ไม่ได้มีแขกมาบ่อยๆนัก

    “ ขอโทษนะที่ทำให้ลำบาก ” ลีอาเริ่มรู้สึกว่าตอนนี้ สิ่งที่หล่อนได้ร้องขอ… โดยเฉพาะจากคนที่เพิ่งเคยเจอ

    แม้จะเพียงแค่ครั้งเดียวก็ตาม… มันอาจจะมากเกินไปก็เป็นได้ 

    “ ฉันรู้สึกดีนะลีอา เวลาคนเดือดร้อนหรือไม่สบายใจแล้วต้องการฉัน… ยิ่งได้ให้ความช่วยเหลือด้วยแล้ว

    เหมือนได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมฮีโร่เลย ฮ่าฮ่า ” แฟรงกี้พูดติดตลกส่งท้ายและหัวเราะออกมาอย่างสบายใจ

    เอียงใบหน้าแล้วแอบลอบมองหญิงสาวข้างกาย เพียงแค่ชั่วครู่เขาหยุดเดินแล้วย่อตัวลงแล้วส่งเพียงแค่มือข้างซ้าย

    ส่งปลายนิ้วมือหนาจับลงขอบบานประตูเหล็กเขรอะสนิมเลื่อนขึ้นด้านบน หากลองมองจากด้านอกคล้ายโรงจอดรถ

    ขนาดใหญ่ เสียงของบานประตูเหล็กดังขึ้นเมื่อเกิดการเคลื่อนที่ ลีอาจับตามองโดย เฉพาะด้านหลังบานประตูม้วน

    พับขึ้นไป

    “ ก็พอจะเป็นฐานทัพลับๆอยู่ได้ใช่ไหมละ? ” แฟรงกี้ภูมิใจนำเสนอ

    ข้างในเป็นห้องโถงกว้างขวาง พอจะมีโต๊ะสแตนเลสขนาดใหญ่ซึ่งพอจะให้ใช้เป็นที่ตั้งวางสิ่งของ

    หรือจัดประชุมทีมกันได้อย่างเป็นทางการ นอกจากห้องโถงกว้างขวางมองสำรวจด้านบนเหมือนจะเป็นชั้นลอย

    มีบันไดวนเดินขึ้น ลง ทำจากโครงเหล็กซึ่งดูแล้วมีความแข็งแรงและได้มาตรฐาน ถัดไปก็จะเป็นโต๊ะนั่งเล่น

    หรือจะเป็นมุมสำหรับนั่งเล่นนั่งชิล นั่งสูบบุหรี่ก็ได้ ถัดไปอีกก็พวกห้อง คล้ายห้องพักซึ่งน่าจะทำเป็นห้องนอนพักได้

    “ เอาละ ฉันจะให้เด็กมาทำความสะอาดเช็คพวกคราบฝุ่น แล้วก็เช็คพวกระบบไฟฟ้า ประปาด้วยทันใช้เย็นนี้ ”

    แฟรงกี้บอกอีกทีแล้วส่งมือ ใช้ปลายนิ้วมือผายให้ลีอาได้เห็น และอธิบายเพิ่มเติมในส่วนของโกดังเก็บของซึ่งเหมือนว่า

    ตอนนี้เขาจะได้เปิดใช้อีกครั้ง

    “ ขอบคุณมากแฟรงกี้ มัน… ให้ตายสิ ” สิ่งที่แฟรงกี้หยิบยื่นมาให้หล่อนนั้นมันมากกว่าที่ลีอาเคยมอบให้เขา

    โรงงานของเขา โกดังเก็บของที่ไม่ได้ใช้ กว้างขวาง เหมาะสมกับการทำฐานทัพลับๆ ซึ่งไม่มีใครได้รู้หรอกว่า

    ตอนนี้ทีมสเปซได้เขามาอยู่ในส่วนของแฟร้งกี้เฮ้าส์คอมปานี บริษัทแยกชิ้นส่วนเรือรายใหญ่ที่สุดของเมือง

    “ ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันจะพึ่งใครได้แล้ว… ฉัน… ”  บางทีลีอาอาจจะนำความเดือดร้อนมาให้แฟรงกี้ด้วย…

    ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ลีอาเกิดคิดวิตกไม่น้อยเลยทีเดียว 

    “ ขอบคงขอบคุณอะไรอีกละ? บอกกี่ครั้งแล้ว ถ้ามีเรื่องอยากให้ช่วย… ฉันพร้อมเสมอ ” โดยเฉพาะตอนที่

    มีคนเดือดร้อนแล้วต้องการที่พึ่งในยามยาก เขาภูมิใจ อย่างน้อยก็ยังมีคนคิดหรือนึกถึงแฟรงกี้อยู่บ้าง!

     

     

    ทีมสเปซกำลังจัดเรียงเครื่องไม้เครื่องมือที่พอจะใช้งานได้จากห้องทำงาน ตึกสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาได้

    แต่บางส่วนก็มีใช้การไม่ได้ด้วยเช่นกัน ทยอยลงจากรถตู้รับจัดตกแต่งสวน จัดวางในห้องโถงส่วนกลาง

    ซึ่งตรงกลางนั้นเป็นโต๊ะสแตนเลสขนาดใหญ่เหมือนต้องการใช้เป็นโต๊ะประชุมทีม ส่วนด้านข้าง รอบๆออกไปนั้น

    ก็จะเป็นโต๊ะทำงานของสมาชิกแต่ละคน เช่น ทาชิงิ โต๊ะพับสี่เหลี่ยมผืนผ้าสองตัว ตัวหนึ่งจัดวางคอมพิมเตอร์

    ส่วนอีกตัวก็เป็นเรื่องของอุปกรณ์สำหรับรังสรรค์ออกแบบ เทคโนโลยีทันสมัยเพื่อทำให้ภารกิจสะดวก ง่าย

    และรวดเร็วยิ่งขึ้น 

    และดูเหมือนว่าตอนนี้ทาชิงิกำลังขมักเขม้นอยู่กับซากแล็ปท็อปของผู้กองฮินะ เธอค่อยๆใช้อุปกรณ์งัดแงะ

    ถอดชิ้นส่วนออกมาทีละเล็ก ทีละน้อยอย่างใจเย็น กลัวว่าจะกระทบต่อส่วนด้านประกอบด้านในที่สำคัญๆ

    เอสกำลังตั้งใจทำความสะอาดอุปกรณ์โดยเฉพาะปืนคู่ใจ นั่งบนเก้าอี้เกมเมอร์ ล้างลำกล้องปืนอย่างใจเย็น

    โต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาวตรงหน้าเต็มไปด้วยอายุปืนหมากหลายชนิด แน่นอนว่าเอสจะต้องตรวจสอบ ก่อนการใช้งาน

    ทุกอย่าง

     

     

     

    “ ทุกอย่างโอเค เรียบร้อยดีไหม? ” แฟรงกี้เดินเข้ามาส่งเสียงถามสมาชิกทีมสเปซ ค่อยๆไล่เรียงทีละคน

    โดยมองจากผู้หญิงผมสีดำ ผู้ชายร่างเล็กเส้นผมสีชมพูกำลังเดินลงมาจากชั้นลอย ผู้ชายผมสีดำนั่งล้างลำกล้องปืน

    “ เรียบร้อยดีค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ ” ทาชิงิตอบ พลางโคลงศีรษะ เป็นการขอบคุณ

    “ เป็นโกดังที่เจ๋งมากๆเลย ” เอสเดาะลิ้น เห็นโกดังครั้งแรกก็ถูกใจ ยิ่งได้เห็นภายในยิ่งถูกใจขึ้นไปใหญ่

    “ ดีจังที่ทุกคนชอบ ” แฟรงกี้ก้าวขามายังโต๊ะประชุมตรงกลางของโกดัง นักแข่งฝีมือดีของเขากำลัง

    ตั้งใจทำอะไรบางอย่างอยู่ 

    “ อ่าจริงสิ ฉันยังไม่ได้แนะนำ ทุกคนให้รู้จักเลย เอส ซาโบ้ ทาชิงิ ” ลีอาให้ไปให้ความสนใจกับแฟรงกี้

    พร้อมกับผายมือซ้ายไล่เรียงไปหาทุกคน ซึ่งนั่งกันตามมุมตั่งต่างแยกย้ายกันไปทำงานในแต่ละส่วน

    “ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ” เอสขยับตัว ลุกออกจากเก้าอี้ วางปืนในมือลงบนโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้า 

    แม้ว่าจะใช้เวลาเพียงเล็กน้อย สายสืบหนุ่มก็ประกอบปืนพกได้อย่างว่องไว เช็ดทำความสะอาดมือให้เรียบร้อย 

    ก่อนจะลุกออกมา เพื่อกล่าวทำความรู้จักกับเจ้าของโกดัง ซึ่งการเคลื่อนไหวของเอสก็ทำให้คนอื่นๆ ค่อยๆทยอย

    กันมาที่โต๊ะกลางโกดัง 

    “ เช่นกันครับ ” แฟรงกี้ตอบแล้วมองสบสายตาอย่างเป็นมิตร “ แผนขั้นต่อไปละ? ” แล้วหันไปถามลีอา

    ถามเรื่องของแผนการลำดับขั้นต่อไป 

    “ ฉันจะแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มของพีก้า คือตอนนี้พีก้าเป็นผู้ต้องหาในคดีที่พวกฉันตามกันอยู่ 

    ซึ่งเขามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แต่ยังไม่มีหลักฐานที่แน่นหนาพอ ” ดังนั้นอย่าได้ถามถึงเรื่องของการออกหมายจับ

    ลีอาอธิบายให้แฟรงกี้เข้าใจ  แม้ว่าหล่อนจะไม่สามารถอธิบายเรื่องราวของทั้งหมด… ซึ่งบางส่วนหล่อนก็คิดว่า

    บางเรื่องแฟรงกี้ก็ไม่ควรได้รู้ โดยเฉพาะเรื่องตัวยารักษาโรคมะเร็งของดอนโดฟลามิงโก้ การเปลี่ยนโครโมโซม

    ภายในร่างกายเพื่อการกลายพันธ์จากมนุษย์เป็นอย่างอื่น

    “ น่าเสียดาย ช่วงนี้พีก้ามันงดอีเว้นท์นะสิ ” แฟรงกี้ส่ายหน้า เขาต้องบอกเรื่องนี้แก่ตำรวจหน่วยสเปซ

    การแข่งข้างถนนก็ตั้งแต่ที่นักสืบสาวลงแข่ง พวกของพีก้าก็ยังไม่ยอมติดต่อกลับมาเพื่อขอลงแข่งเป็นนัดล้างตาสักที

    หรือบางทีพีก้าอาจจะกลัวจนหัวหดก็เป็นได้!

    “ ? ” แผนการณ์ต้องล่าช้าออกไปอย่างนั้นหรอ? 

    สมาชิกหน่วยสเปซ ทุกคนเงี่ยหูตั้งใจฟังที่แฟรงกี้พูดต่อ

    “ เฮ้อ ใกล้จะวันเกิดมันแล้วนะสิ คงกลัวอยู่ไม่ถึงวันเกิดละมั้ง ”  แฟรงกี้เท้าสะเอวทั้งสองข้างแล้วอธิบาย

    วันเกิดของพีก้าใกล้เข้ามาแล้ว “ อีกสามวันข้างหน้าจะมีงานวันเกิดของพีก้า ฉันพอได้รับบัตรเชิญเข้างานอยู่นะ ”

    “ อืม บางส่วนจะถือบัตรเข้างาน อีกส่วนก็จะแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มของเด็กเสิร์ฟติดกล้องและเครื่องดักฟัง 

    เข้าไปสืบข้อมูล อาจจะต้องอยู่ใกล้พีก้าและพวก เพื่อรายงานกลุ่มคนถือบัตรเข้างานคอยสร้างแผนตบตาเรียกความสนใจ

    แบบว่าหากเกิดเรื่องหรือความแตกก็จะให้กลุ่มถือบัตร… เบี่ยงเบนความสนใจ  ” ลีอาวางแผนภายในเสี้ยววินาที

    ทั้งหาหนทางหนีทีไล่ เหลือเพียงแค่จะแบ่งกลุ่ม ใครจะถือบัตรเข้างาน แล้วใครจะแทรกซึมเข้าไปเป็นเด็กเสิร์ฟ

    “ งั้นฉันกับโคบี้จะแฝงตัวปะปนไปกับเด็กเสิร์ฟ ” ทาชิงิเสนอกับที่ประชุม แล้วหันไปมองโคบี้

    ราวกับว่าต้องการความเห็น

    “ แบบนั้นก็ได้ ” โคบี้เองก็ไม่ได้ติดขัดกับการที่ทาชิงิจะนำเสนอชื่อของเขา อีกอย่างตอนนี้สมาชิกน้อยลง

    จากคนที่คอยอยู่เบื้องหลัง ระวังหลังมาตลอดได้มาอยู่เบื้องหน้า เปลี่ยนฟีล เปลี่ยนบรรยากาศก็ไม่ใช่เรื่องแย่นัก

    หากว่าเขานำส่งข่าวเกี่ยวกับพีก้าได้ เกิดทั้งสองคนเอสและลีอาถูกจับได้เสียก่อน อย่างน้อยเขาก็พอจะเบี่ยงเบน

    เรียกร้องความสนใจให้งานให้แทน(ซึ่งก็แอบภาวนาในใจต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ ขอให้ทุกอย่างออกมาเรียบร้อย

    ราบรื่นด้วยเถิด)

     

    “ แล้วคนนั้น? ” ทาชิงิ เลี่ยงในการเรียกชื่อ เธอหมายถึงผู้ชายอีกคนที่ถูกจับมัดปิดปาก ปิดตา

    คลุมหัวด้วยถุงสีดำบดบังวิสัยการมองเห็นหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์ สองแขนถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา

    รวมถึงข้อเท้าทั้งสองข้าง ซึ่งหมวดเอสขมวดปมเชือกไว้อย่างหนาแน่นยากต่อการหลบหนี 

    “ ไม่มีประโยนช์อะไรทั้งนั้น ปล่อยไว้ที่นี่เถอะ ” ลีอาถอนหายใจ เหมือนว่าการพาตัวของอดีตคนรัก

    ตามแผนของผู้กองฮินะจะเสียแรงเปล่า ยิ่งหากว่าต้องการให้เขามาร่วมงานด้วยมีแต่จะคอยถ่วงให้งานเสีย

    แล้วทุกคนจะตกอยู่ในสภาวะยากลำบาก หรือบางทีอาจจะตกอยู่ในกำมือของศัตรูทั้งทีมก็เป็นได้

    ดังนั้นปล่อยให้ลอว์อยู่ในห้องเงียบๆแบบนั้นจนกว่าหน่วยสเปซจะกลับกันมาดีกว่า 

     

     

    ร่างอวบอั๋นของอดีตพยาบาลสาวจากโรงพยาบาลชื่อดังกลางใจเมือง เริ่มรู้สึกตัว ขยับปลายนิ้วมือ

    ก่อนที่จะค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ รู้สึกว่าลำคอของเธอนั้นแห้งผากกระหายน้ำดื่มขั้นสุด 

    นอกจากนั้นแล้วยังเกิดอาการบาดเจ็บ 

    สมองของนามิพยายามทบทวนความทรงจำครั้งสุดท้าย ก่อนที่สติของเธอนั้นจะดับวูบเป็นภาพสีดำ

    เธอเข้าไปยังห้องทำงานของโดฟลามิงโก้อย่างไม่ทันได้ให้สุ้มเสียง หรือจะเคาะประตูก่อนเข้าก่อนเข้าห้อง 

    ตามหลักมารยาทสากล ประสาทการได้ยินเสียงทุกโสตประสาทของเธอนั้นได้ยินเสียงที่เขาพูดทุกอย่าง!

    เธอดันเข้าไปได้ยินเสียงการสนทนาพูดคุยของดอฟฟี่ คุยโทรศัพท์กับใครบางคน

    แม้เรื่องที่เธอได้ยินมานั้นก็เป็นเรื่องไม่ค่อยดีนัก อารมณ์เดือดดาลของโดฟลามิงโก้ก็เช่นกัน! 

    หากเป็นไปได้… นามิเองก็ไม่ควรจะเข้าไปให้องของดอนโดฟลามิงโก้ โดยที่ไม่ทันได้รอให้เจ้าของอนุญาต

     

    “ ฉันรู้ว่าเธอตื่นแล้วนามิ จะแกล้งหลับอีกไปทำไมกัน? ” รูปร่างสูงโปร่งของเทพเจ้ากรีกปรากฏตัว 

    เงาดำจากร่างกายสูงโปร่งทาบทับลงมาบนร่างกายของหญิงสาว    

    “ อึก! ” นามิพยายามกลืนน้ำลายลงลำคออย่างยากลำบาก พยายามทรงตัวผุดลุกขึ้นมาจากโซฟาตัวยาว

    ขาสองข้างพยายามพาร่างของตนหนีกระถดตัวช้าๆ มือสองข้างนั้นถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา ดวงตากลมโตสีสด

    เคยฉายแววสดใสกลับกลายเป็นหม่นหมอง ริมฝีปากเคลือบด้วยลิปสติกนั้นเริ่มซีดเซียว 

    ราวกลับว่าตรงหน้าของเธอนั้นคือ ‘ผี’ ไม่ใช่คน… อีกต่อไป

    เธอยังจำได้ดี… โดฟลามิงโก้ใช้มือเปล่าเพียงแค่ข้างเดียวก็สามารถยกร่างของเธอลอยขึ้นกลางอากาศ

    ขาทั้งสองข้างนั้นไม่สามารถแตะหรือเหยียบพื้น ไม่สิ ขาทั้งสองข้างดิ้นแด่วๆก็ยังไม่สามารถเหยียบแตะพื้นได้

    ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็สลบไป จากการขาดอากาสหายใจ 

    “ ฉันไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น แล้วฉันก็… ” นามิพยายามพูด หาทางแก้ต่างให้กับตนเอง 

    สภาพตอนนี้ไม่ต่างกับการข้อรอง วิงวอนต่อชีวิตของตนเองกับเทพเจ้าแห่งความตาย 

    “ ผิดเองที่เธอเข้ามาในห้องทำงานของฉัน ” ถ้าตอนนั้นเธอไม่ได้เข้ามา

    หรือมีมารยาทในการเคาะประตูห้องก่อนสักนิด เรื่องราวเช่นนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน!

     ร่างอวบอัดของนามิเซไปทางด้านหลัง จนต้องหันกลับไปมองข้ามบ่าข้างขวาข้างถนัด 

    ก็พบว่าตอนนี้เธอถอยหลังจนมาสุดทาง ไร้ซึ่งหนทางในการหลบหนี เรื่องวการเจรจาต่อรองนั้นคงไม่ต้องหวัง

    ค่อยๆหันใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอกลับไปมอง พยายามสบดวงตาหลังแว่นกันแดดรูปทรงแปลกๆ 

    “ ได้โปรดดอฟฟี่ ” เธออ้อนวอน ทั้งน้ำตาราวกับว่าตอนนี้ชีวิตของนามิได้เดินทางมาถึงจุดจบ

    “ อ่าห์ เสียใจนะ… ฉันคงไม่ได้ให้ความสุขเธอเหมือนครั้งก่อน ” อันที่จริงฉันก็ยอมรับว่าเรื่องเซ็กซ์.. เธอนั้นถึงใจ

    ถึงเครื่องขิง ข่า ร้อนแรงกว่าขั้นสุดแทบจะยกให้เป็นนัมเบอร์วันกันเลยทีเดียว แต่การกระทำลับๆ ล่อๆ ของนามิ

    ก็ทำให้โดฟลามิงโก้ได้อาจจะไว้ใจได้ตลอด 

    “ หน้าตาก็ดีนะ สมชายชาตรี แต่เปล่าเลย ปากมอมกว่าที่คิดด้วยซ้ำ! ” 

    รูปทรัพย์ของดอนโดฟลามิงโก้นั้นไร้ที่ติ

    ร่างกายสูงโปร่งช่วงแขนล่ำสัน ขาสาวสูงชะลูดยิ่งได้เห็นกล้ามเนื้อบนตัวเป็นมัดๆไร้ไขมันแทรกบนตัว

    แต่ติดตรงที่ปากนั้นก็ปีจอ ที่คอยพูดจาดูถูกดูแคลน ยิ่งบวกกับท่าทีการแสดงออกกับเธอยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น!

    “ แล้วตอนนี้เธอยังมีเกียร์ติอะไรที่น่าภาคภูมิใจ หลงเหลืออยู่บ้างไหมละ? ” 

    เป็นคำถามซึ่งโดฟลามิงโก้ก็ไม่ได้อยากได้รับคำตอบ โดฟลามิงโก้ไม่ใช่คนโง่ ที่จะทำอะไรๆหรือจะยอมถูกใครควบคุม

    โดยเฉพาะผู้หญิงหิวเงินอย่างนามิ ดูก็รู้ว่าที่เธอยอมอ้าขาให้เขากระแทกเพราะอะไร? 

        หากไม่ใช่เรื่องความต้องการทางร่างกายหรือที่พูดง่ายๆนั่นก็คือเซ็กซ์สุดเร่าร้อน 

    แต่พอเซ็กซ์จบเหมือนทุกอย่างควรจะจบตาม แต่เปล่าเลย!

    นามิติดเขาแจ ราวกับว่าเป็นกับเป็นเงาคอยติดตามเขาไปในทุกๆที่ ซึ่งนั่นก็เข้าแกวตามฉบับผู้หญิงหิวเงิน ใช้ร่างกาย

    ให้เขาได้เชยชมแลกกับเม็ดเงิน เพื่อนำไปซื้อข้าวของ เครื่องสำอาง กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ

    ล้วนแล้วแต่เป็นของสิ้นเปลือง แค่นั้นยังไม่พอยังต้องการให้เขามาคอยเอาอก เอาใจ ขับรถไปยนต์หรูเพื่อคอบไปรับ 

    ไปส่งเพื่อจะพาไปอวดกับสังคมกลุ่มเพื่อนของเธอ!

    เธอคบหากับคนดังของเมือง!  

    แต่เบื้องหลังคาวๆของนามิ โซ ที่ได้ยินมาจากบอดี้การ์ดคุมคาสิโน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เขาไม่อยากทราบ

    แต่กลุ่มคนโยเฉพาะลุกน้องพูดคุยกันให้เขาได้ทราบ อดีตพยาบาลสาวจากโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของเมือง

    โดนพักงานเพราะเรื่องคลิปฉาวส่วนตัวปลิวว่อนจากเว็บดาร์กเน็ตนั้นได้กระจายไปทั่ว กับกลุ่มคนที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย

    แค่มีเพียงสมาร์ทโฟนในมือ 

    ทนเสียงเพียงคุยกันไม่ไหวจนต้องลงมาดูด้วยสายตาของตนเอง ยิ่งได้เห็นเธอจิบเครื่องดื่มนั่งบนเก้าอี้ครั้งแรก

    จากหน้าบาร์ ในคาสิโนของเขา พวกบอดี้การ์ดก็ลือกันให้แซ่ด (พูดคุยหยอกล้อกันตามประสาผู้จากปากไม่ค่อยดี 

    ก็หวังจะเครมเธอกันหลายคน ผ่านวอกี้ทอร์กกี้)  

    และบทสนทนา รับหน้าที่เทคแคร์ลูกค้าของเขาก็เริ่มขึ้น!

     

    “ เอาละ พูดไปก็เสียเวลาเปล่า คนที่เค้น อ่า เคล้นเธอเขาคงจะมารายงานฉันอีกที ” โดฟลามิงโก้ชะงัก

    เมื่อการออกเสียงของเขานั้นผิดเพี้ยนไป และพยายามแก้คำพูดใหม่ให้ถูกต้อง 

    โดฟลามิงโก้เพียงแค่พยักตัว ในท่วงท่าที่สง่า ไม่ทันไรด้านหลังของเขานั้นก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์ 

    ยืนเรียงแถวหน้ากระดานสามถึงสี่แถว ในส่วนของหนึ่งหน้ากระดานแถวละไม่เกิดนหกถึงเจ็ดคน

    “ ท่าทางคงจะคันน่าดู ฉันคนเดียวคงจะไม่ว่างเล่นด้วยหรอกนะ แต่ถ้าหากเป็นคนงานพวกนี้

    น่าจะพอให้เธอหายคันได้บ้าง ฝากด้วยละ ” โดฟลามิงโก้ไม้ได้ลงมือเอง เขาเพียงแค่อยากให้ลูกน้องหรือคนงานของเขา

    ได้ร่วมสนุก แม้จะเป็นของเล่นที่เขาไม่ใช้งานแล้วก็ตาม โดยวางฝ่ามือหนาลงบนบ่ากว้างคนตรงกลางของแถว ตบเบาๆ 

    เขาขยับขาก้าวนำหน้าคล้ายกับเป็นหัวหน้าของกลุ่ม ท่าทางของโดฟรามิงโก้เป็นการกำชับฝากฝังเรื่องของงาน

    ที่ได้มอบหมายไว้ให้

    ร่างของเทพเจ้ากรีกได้หายวับไป เหล่าคนงานเริ่มขยับตัว แต่ดูเหมือนว่าคนที่ได้รับงานนั้นจะยกมือขึ้นมาห้าม

    กลางอากาศปรามทุกคนไว้ 

    “ ไง นามิ จำผัวคนแรกไม่ได้หรอ? ” ร่างกายสูงโย่ง ขยับตัวเข้ามาใกล้

    ย่อตัวนั่งลงช้าๆ ส่งมือแสนสกปกหยาบกร้านแตะลงบนผิวหน้าเนียน ยิ่งบีบปลายนิ้วออกแรงจากอุ้งมือ

    บีบใบหน้าเนียนของนามิยู่ยับ

    “ อารอน! ” เธอตวาดเสียงดังด้วยการเรียกชื่อของอีกฝ่าย แถมสะบัดใบหน้าจิ้มลิ้มหลบการสัมผัส

    ราวกับว่าอารอนได้เข้าห้องน้ำทำธุระเสร็จแล้วกลับ ไม่ยอมล้างมือทำความสะอาด 

    เจอใครไม่เจอ ดันมาเจอกับโจทย์เก่า!

     

    อยากจะร้องไห้ คงไม่มีน้ำตาให้ไหล…

    ผ่ามือดำสกปรกแถมหยาบกร้านหลายๆคู่พากันลูบไล้บนร่างกายของเธออย่างหื่นกระหาย สาวสวยรูปร่างหน้าตาดี

    ได้แค่เห็นผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนกำลังนั่งอยู่ตรงหน้า 

      พวกเขาไม่เคยได้ลิ้มลอง คงมีแต่นายน้อยที่พอจะเข้าใจคนใช้แรงงาน เช่นพวกเขา ได้กินอะไรดีๆเหมือนคนอื่นบ้าง!

     

    พวกมันรุมทึ้งเสื้อผ้าบนตัวของนามิออกหมดทุกชิ้น เหลือเพียงแค่ร่างกายเปลือยเปล่า

    ฝ่ามือดำๆสกปรกเหล่านั้นบีบเคล้นตามแรงกระสัน ทรวงอกอวบอิ่มนิ่มเหลวเพราะถูกบีบแรงๆ เธอเปล่งเสียงร้องออกมา

    ด้วยความเจ็บปวด พวกมันกลับยิ่งฮึกเหิม ขบกัดยอดทับทิมเม็ดงามบนยอดอกราวกับต้องการครอบครอง กระชากออก

    ด้านการใช้ฟันหน้าคมๆกัดให้ขาดในคราเดียว

    ช่วงล่างที่พยายามรั้งหุบเรียวขาแน่นถูกทุบตีเป็นบ้าเป็นหลัง ราวกับว่าร่างกายของเธอนั้นเป็นกระท้อน 

    ยิ่งทุบยิ่งอร่อย! จนนามิสิ้นไร้หนทางปกป้องตัวเองได้ พวกมันทั้งแหย่นิ้วเข้าไปทั้งสองช่องทาง บ้างก็ถ่มน้ำลาย

    ใส่เพื่อช่วยในการหล่อลื่น

    จากหนึ่งคน สองคน จนกระทั่งถึงคนสุดท้าย… วันนี้ทั้งวันเธอมีผัวไม่ต่ำกว่ายี่สิบสามคน

    ร่างกายของเธอนั้นไม่ได้หยุดว่างเว้นหรือได้พัก คนนี้เสร็จ คนนั้นต่อ ไม่ต่างอะไรจากการเล่นเก้าอี้ดนตรีเลยด้วยซ้ำ

    บางทีพวกมันก็จับร่างของเธอยกขึ้นกลางอากาศ สอดใส่เข้าทั้งสองช่องทางคราเดียว 

    พอเสร็จสม คนใหม่ก็เข้ามาแทนที่ร่างนามิอ่อนปวกเปียกถูกจับนั่งบันตักแข็งของคนข้างหน้า แล้วนอนราบลง

    บนร่างกายเต็มไปด้วยหงาดเหงื่อ สะโพกงอนถูกยกให้กระดกสูงแล้วสอดกระแทก จนต้องสะดุ้ง 

    มือสองข้างก็ไม่ได้ว่างให้พอจับ พยุงทรงตัวไว้ พวกมันรอบๆจับให้มาช่วยชักขึ้นและรูดลงโดยจับมือของเธอนั้นซ้อนทับ

    ราวกับเป็นฝ่ายกำหนดเร่งจังหวะ ใบหน้าจิ้มลิ้มถูกบีบปลายคางให้เปิดริมฝีปากอ้าเพื่อทำการออรัลอีกทาง

    เสียงร้องของพวกมันดังสลับกัน ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ป่าผสมพันธุ์กันอย่างดุเดือด 

    ร่างอ้อนแอ้นของนามิหัวสั่นหัวคลอน พวกมันขยุมเส้นผมสีส้มของเธอไว้แน่นเพื่อให้รองรับแรงกระแทกเข้าช่องปาก

    สอดใส่ให้ลึกเข้าไปถึงลำคอ น้ำกามสีขาวขุ่นอาบเชื่อมจนเกิดเสียงในลำคอ อ่อก อ่อก อ่อก 

    ร่างของนามิสั่นสะท้านตามแรงกระแทกไม่ว่าจะจากด้านล่าง ด้านหลัง ยิ่งพวกมันเร่งกระแทกกระทั้น

    ขย่มร่างของเธอนั้นอย่างไร้ความปราณี ถ้อยทีถ้อยอาศัยไม่ต่างจากโสเภณีราคาถูก     

     

    ร่างกายที่เธอเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจของหญิงสาว เลอะเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว

    และน้ำกามของพวกหื่นกระหาย 

    แม้จะส่งเสียงร้องขอชีวิต ไม่ว่าจะดังแค่ไหนไม่มีใครได้ยินหรือจะตั้งใจฟังเลยสักนิด

    สภาพของเธอตอนนี้ไม่ต่างจากการตกหลุมนรกขุมโลกันตร์ขุมที่ลึกที่สุด

    สมองของเธอเริ่มขาวโพลน ร่างกายถูกพวกมันจับจัดแจงท่วงท่าในสิ่งที่ต้องการ เพื่อสนองตัณหาความใคร่

    ชนิดที่นามิถึงขั้นสลบเหมือดหมดสติไปแล้ว ไม่ทันไรก็ถูกน้ำสาดใส่ใบหน้าปลุกให้ฟื้น พอลืมตาตื่นขึ้นมา

    พวกมันก็ยังเสพสมร่างการของเธอราวกับเป็นอาหารชนิดบุฟเฟต์แสนหรูหราอันโอชะ แถมไม่กำหนดเวลาในการกิน!

     

     

    “ ฉันไม่เอาตัวเข้าแลกเพื่อความสะดวกสบายหรอกนะ ” ใบหน้างดงามราวกับเทธิดาส่ายเบาๆ ด้วยความระอา

     

    ไม่สิ กรอกลับไปอีก!

     

    “ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะหากินกันง่ายขนาดนี้ ” 

    “ สวยซะเปล่า แต่ทำตัวเหมือนกับ… ” 

    “ เหมือนอะไร? ” 

    “ พวกรักกินขโมยกิน รู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้วก็ยังหน้าหนามายุ่งแบบนี้ต้องให้เรียกว่าอะไรดีละ? ” 

     

    “ ฉันไม่ได้ง่ายแบบเธอหรอกนะ เห็นผู้ชายหล่อหน่อย รวยดีก็อ้าขาให้เขาไปทั่ว! ”

    “ ไม่ได้รู้จักผิดชอบชั่วดี! ”

     

    “ ต่อให้เธอเหยียบหัวคนอื่นก็ไม่มีวันสู้เพื่อนของฉันได้หรอก เพี๊ยะ! ได้ข่าวว่าโดนพักงานไม่ใช่หรอ

    สมน้ำหน้า! เพี๊ยะ! อยากมี อยากได้ของคนอื่น แต่ไม่รู้จักพึ่งพาตนเอง เพี๊ยะ! ”

     

    “ แพ้แล้วพาลนี่หว่า แต่อย่างว่าคนอย่างเธอเเพ้ตั้งแต่เพื่อนฉันยังไม่เริ่มเลย! ” 

     

    นามิกำลังนึกถึงบทสนทนาอย่างเผ็ดร้อนระหว่างตนกับโจทย์เก่านามว่าลีอา กับเพื่อนสาวชาวเอเชีย

    ผ่ามือเล็กๆนั่น หวดฟาดเต็มแรงราวกับโมโห เต็มไปด้วยแรงแค้นตั้งแต่ชาติที่แล้ว ความรุนแรงส่งผลให้ใบหน้าจิ้มลิ้ม

    ของนามิเกิดระบมไปสามวันเจ็ดวันเชียวละ!

    ลูกตบนั้นคงไม่ใช่ความสาแก่ใจ… คงน่าจะเป็นการเตือนสติให้คงอย่างเธอนั้นสามารถคิดได้

    แต่เปล่าเลย…

     

    หากว่าเธอสามารถคิดได้ตั้งแต่ตอนนั้น… เรื่องคงไม่เลยเถิด ถึงขั้นบานปลายมาขนาดนี้! 

            ทุกอย่างที่ยัยผมชาเขียว หน้าหมวยคนนั้นด่าทอมา… เข้าตัวของเธอหมดทุกเรื่อง!

     

    ร่างของหญิงสาวสะดุ้งรู้สึกตัวตื่นขึ้น เมื่อถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยการสาดน้ำใส่บริเวณใบหน้า

    ดวงตากลมโตเปิดกว้างเมื่อรู้สึกว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่น้ำขันเดียวสาดใส่ พวกมันยันได้พาร่างของเธอไปอยู่ในห้องน้ำ

    ต่างพาตักน้ำแล้วราดใส่บนตัว ล้างคราบเหงื่อและสิ่งหมักหมกบนตัวให้สะอาด

    รอยฟกช้ำดำเขียวขึ้นเป็นจ้ำตามลำตัวก็ได้ผุดขึ้นให้เห็นอย่างเด่นชัด  

    ยังไม่ทันได้เช็ดหยดน้ำเกาะบนตัว เส้นผมให้พอหมาด ลำตัวให้แห้งดีหรือจะใส่เสื้อผ้า ไม่สิแค่มีผ้าขนหนูเน่าๆให้เช็ดตัว

    เท่านั้น พวกมันได้ขู่บังคับไม่สิต้องเรียกว่ากระชากลากถูถึงจะถูก มายังอีกห้อง สถานที่แห่งหนึ่ง

    จะว่าไป ลูกพี่ของพวกมัน… อารอนก็ไม่ได้เคยร่วมวงเข้ามากับพวกลูกน้องเลยสักครั้ง

    นามิได้แต่พร่ำ… อารอนอาจจะมีความเป็นคนมากขึ้น แถมเธอก็หวังว่าคงอย่างอารอนคงไม่ชอบกินของเก่า

     

    “ ลืมผัวเก่าคนนี้ไปแล้วหรือ? สงสัยต้องทบทวนกันหน่อยแล้วละมั้ง ” พูดจบอารอนก็ส่งเสียงหัวเราะในลำคอ

    ชวนให้นามิรู้สึกสยอง ไรขนอ่อนทั่วร่างกายพากันลุกพรึ่บ

    ไม่ว่าเปล่า อารอนขยับขาก้าวเข้ามาใกล้ ใช้ฝ่ามือใหญ่คว้าข้อเท้าของนามิไว้แน่นทั้งสองข้าง

    ออกแรงเพียงแค่นิดเดียวก็แยกขาของเธอออกกว้าง เนิบสาวอวบอูมที่เคยประกบปิดสนิทมิดชิดถูกทะลวง

    จนเกิดช่องกลวงโบ๋ขนาดใหญ่ ไม่สามารถปิดตัวได้ตามกลไกทางธรรมชาติของร่างกาย ซึ่งเกิดจากการใช้งานมาอย่างหนัก

    “ ก็คงจะพอรับของฉันเข้าไปได้บ้าง ”

    “ ได้โปรดอารอน… ” ดวงตาของนามิเบิกกว้างเมื่อได้เห็นความใหญ่โต ตรงหว่างขาของอารอน

    ซึ่งขนาดก็ไม่ใช่ของคนปกติ เผลอๆอาจจะน้องๆม้าเลยด้วยซ้ำ! ไม่แน่ใจว่าร่างกายของเธอจะรับได้อยู่หรือไม่

    “ วิงวอนหรอ? ขอให้ฉันกระแทกแรงๆสินะ ร่านดี ฉันชอบ! ” แม้ว่าเรียกร้องของนามิจะวิงวอน

    แต่สำหรับเขาแล้วคนอย่างนามิคงเป็นการเรียกด้วยความกระสัน ไม่รีรอที่จะทำได้เพียงแค่มองเฉยๆ

    กระชากร่างของนามิลอยวืด เหวี่ยงเธออัดลงบนโซฟาตัวยาว แล้วกระโดดขึ้นคร่อม

    “ ม ไม่ นะ กรี้ดดดดด ” เรียวขาถูกเปิดอ้ากว้างเพื่อให้รับส่วนเกินจากลำตัวของอารอนเข้าไป

    ที่อารอนไม่ได้มาผสมโรงร่วมด้วยกับพวกหื่นกระหายพวกนั้น คงเพราะต้องการใช้ให้พวกมันเปิดช่องขยายทาง

    ให้ลูกพี่ใหญ่เข้ามาในกายของเธอสินะ! 

            “ ไม่ตบไม่ตี ไม่ดีขึ้นเลยนะนามิ! ” อารอนขบกรามแน่น จัดการหวดฝ่ามือตบลงบนหน้าของหญิงสาว

    ส่งเสียงร้องแหกปากจนหูของเขานั้นอื้ออึง

    ร่างกายของเธอยังไม่ทันได้พร้อม ช่องทางรักแห้งขอดกลับถูกเสียดสีจนเลือดออก 

    ใบหน้างามนั้นเหยเกแสดงออกทางสีหน้าด้วยความเจ็บปวด อารอนก็ยังไม่ได้ให้ความสนใจกับเธอ

    มีเพียงแค่ต้องการใช้ร่างกายของเธอนั้นปลดปล่อยระบายความใคร่

     

    แบบนี้เองสินะ… นามิเพิ่งจะได้เข้าใจ

    ไม่มีอะไรเจ็บปวดหรือทรมานไปกว่าการถูกคนรักที่สุด เชื่อใจที่สุด หักหลังหรือทรยศความไว้ใจ

     ซึ่งไม่สามารถเป็นการกระทำเเสนเลือดเย็น ปล่อยให้เธอได้จมกับความทุกข์ กว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้

    ร้องไห้ยิ่งกว่าคนเสียสติ นั่งๆอยู่ก็น้ำตาซึม ร้องไห้ได้ทุกเวลาที่นึกถึง หวาดระแวงทุกความสัมพันธ์ 

    กว่าจะผ่านมาได้ก็ใช้เวลามากโข กลายเป็นบาดแผลทางร่างกายที่ยังคงติดอยู่ภายในใจ ทั้งความทรงจำดีๆ

    ที่เคยมีได้ถูกลบล้างแทนที่ด้วยความหลอกลวง

    ยิ่งกว่าหนามคอยทิ่มแทงใจ

     

    เธอเคยถูกทรยศและหักหลังอย่างเจ็บแสบ แสนสาหัส… แทนที่จะหาทางชำระแค้นกับคนที่ทำให้เจ็บ

    เปล่าเลย นามิกลับเลือกที่จะไปกระทำกับคนอื่น คล้ายต้องการระบายสิ่งที่ถูกกดขี่ อัดอั้นภายในใจกับคนอื่นที่ไม่รู้เรื่อง

    แทนที่นามิเป็นผู้หญิงน่าจะเข้าใจความรู้สึกของลีอาที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน…

     

    “ คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสกว่าคนอื่นหรือไง ยังไงซะก็คนเหมือนกัน! ” 

    “ ชีวิตเธอตกต่ำกว่าฉันอยู่ดี คนแบบเธอไม่ว่ามีวันคิดได้หรอกนะ! ”

     

     

    กว่าจะรู้ตัว… ทุกอย่างก็สาย ตอนนี้นามิอยู่ในจุดที่คิดได้… 

    ตอนนี้ชีวิตของเธอนั้นอยู่ในจุดต่ำสุดเลยก็ว่าได้ ไม่มีการงานให้ทำ ไม่มีเพื่อนหรือมิตรแท้ที่คอยห้ามหรือปราม

    หากว่าเธอทำในสิ่งไม่ดีคอยปรับปรุงตัวในเป็นคนที่ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือครอบครัว การหล่อหลอมให้นามิมีนิสัยเสียๆ

    คอยแข่งแย่งชิงดีชิงเด่นมาโดยตลอด รวมถึงการเหยียบหัวคนอื่นขึ้นไปเพื่อให้เธอได้ในสิ่งที่ดีกว่า!

    กับความเชื่อว่าสิ่งที่เธอขาด สิ่งเหล่านั้นเมื่อได้มาแล้วจะบรรดาลความสุขให้เธอได้ทั้งหมด

    ห้องเช่นห้องเล็กๆที่เคยอาศัยกับครอบครัวห้าชีวิต ได้เปลี่ยนเป็นบ้านหลังโตโอ่อ่า มีรถยนต์หรูหราแนวสปอร์ตก็ดี

    แฟนหนุ่มรูปหล่อคอยเอาอกเอาใจ ปรนนิบัติพัดวีราวกับเธอเป็นเจ้าหญิงน้อยๆของเขา ขับรถไปรับมาส่ง

    อำนวยความสะดวกตั่งต่างให้ ให้พวกเพื่อนของเธอนั้นอิจฉาตาร้อนผ่าว ควงแขนเจ้าของหรือเป็นทายาทตระกูลดัง

    เเถมพลอยให้เธอยังมีหน้ามีตา เป็นที่ยอมรับทางสังคมวงกว้าง

     

    นามิได้ทำบางสิ่งบางอย่างเลวร้ายไปก็เยอะจริง 

    โดยถือคติว่าไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร… แต่เหมือนว่า เธอเองก็สร้างศัตรูไว้รอบด้านเช่นกัน!

     

    หากย้อนเวลากลับไปได้.. นามิคงจะย้อนกลับไปถึงตอนที่ลอว์โอนเงินก้อนมาให้

    อย่างน้อยเงินก้อนนั้นก็น่าจะลงทุนทำอะไรให้พอได้กำไร หรือเงินได้งอกเงยขึ้นมา ไม่สิ… คงต้องย้อนกลับไปอีก

    เธอจะกลับไปในจุดที่เธอยืนมองเขาอยู่ตรงป้ายรถเมล์ตรงหน้าโรงพยาบาล แล้วปล่อยให้ลอว์..

    ได้ขับรถสปอร์ตสุดหรูแล่นผ่านหน้าของเธอไป…. 

     

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป…

    17 พฤษภาคม 2565.

     

    ครบ 15 ปีพอดีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมากับ Minutes To Midnight ของ linkin park 

    ตอนนั้นชิวยังไปเดินสยามเพื่อซื้อบั้มอยู่เลย แหะ แหะ เวลาผ่านไปไวดีเหมือนกัน

        เอาละ กลับเข้าเรื่องของเรากันต่อ

    Minutes To Midnight ซึ่งแปลความหมายตรงๆ ว่า การนับถอยหลังสู่วันสิ้นโลก หรือวันโลกาวินาศ

     วันพิพากษาของมนุษย์โง่เขลาทุกคนบนโลก 

    เป็นตอนที่มีความหมายเดียวกับข้างบนและกำลังเข้าเรื่องที่เข้มข้นเรื่อยๆ ครับ

     

                                 /งานเขียนแบบดั้งเดิม ที่เหมือนว่าตอนนี้ไม่นิยมกันแล้ว

    นอนคิดมาหลายวัน เปลี่ยนท่ามาหลายตลบ ลำบากใจที่ต้องเขียนจุดจบ ของนามิที่จะต้องลงเอยแบบนั้น… 

            พยายามที่จะมูฟ หรือฉีกตอนจบให้แตกต่างออกไปแล้วจริงๆ  TT TT 

            

                  ขออภัยแฟนคลับนามิทุกท่านด้วยครับ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×