ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic: One piece] Dr. Feel Good.

    ลำดับตอนที่ #36 : DR. : Bad Habits. III

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 120
      6
      13 พ.ค. 65

     

     

     

     

    Every pure intention ends when the good times start
    Fallin' over everything to reach the first-time spark
         It started under neon lights and then it all got dark
    I only know how to go too far


              ทุกความตั้งใจที่ไม่มีอะไรแอบแฝงจบลง เมื่อช่วงเวลาดีๆ เริ่มขึ้น
    ตกหลุมพรางทุกสิ่งตั้งแต่ครั้งแรกที่สิ่งนั้นเปล่งประกาย
       มันเกิดขึ้นใต้แสงนีออนและทุกอย่างก็มืดมิดลง
    ผมรู้แค่ว่าผมจะต้องไปให้ไกลกว่านี้เท่านั้น

     

     

    เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ส่งเสียงร้องลั่นดังสนั่นและเกิดการสั่นครืด ร่างสูงโปร่งเทพเจ้ากรีกนั่งยกเท้าพาดกับขอบโต๊ะ

    ด้วยท่าทางสบายๆ ลดเอกสารในมือลงแล้วหันไปสนใจกับต้นเสียง ดวงตาหลังแว่นกันแดดกรองแสงรูปทรงแปลกตา

    เปรยมองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะส่งมือหยิบขึ้นมา

    เวอร์โก้.

    “ หวังว่าจะเป็นข่าวดีนะ ” โดฟลามิงโก้กดรับสาย พูดด้วยความมั่นใจและคาดหวังว่าจะได้ยินเรื่องราว

    ข่าวน่ายินดีในยามเช้านี้! 

    “ ใช่ ซินญอร์ยิงถล่มห้องทำงานหน่วยสเปซราบเป็นหน้ากองเลย ” โจ๊กกองปราบยังต้องยอม!

    เวอร์โก้พูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่จงใจเน้นโดยเฉพาะคำเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจในความหมายและไม่ต้องถามเยอะ

    “ ก็ดี ” ร่างของเทพเจ้ากรีกยิ้มมุมปากเบาๆ อย่างน้อยก็มีคนทำงานได้เรื่องแล้วหนึ่ง

    “ ก็ดี? ส่วนนี้เป็นภาพบางส่วนที่ได้มาแล้วก็ส่งไปให้ในกูเกิ้ลไดรฟ์แล้ว เช็คดูได้เลย นี่เป็นภาพจากกล้อง-

    มุมด้านนอกนะ ส่วนฉันจะไปคุยกับส่วนกลางจัดการเรื่องกล้องวงจรปิดด้านในที่อาจจะบันทึกภาพของซินญอร์ไว้ได้ 

    ถ้ากล้องอยากเสีย มันก็เสีย! ” 

    ไอ้หัวเหลืองเอาแต่ใจนั่นพูดคำว่า ‘ก็ดี’  อย่างนั้นหรอ? คำว่า ‘ก็ดี’ เป็นคำพูดที่ไม่แน่ใจด้วยซ้ำ

    หรือมีการคาดเดาได้เลยว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ เวอร์โก้ตัดสายลงเมื่อพูดรายงานข่าวสารจบคล้ายกับรายงานหน้าห้องเรียน

    “ เก่งมาก กล้ามาก ขอบใจ  ” ไหนดูสิ! โดฟลามิงโก้คว้ารีโมทกดเปิดโทรศัพท์ขนาดใหญ่ เพื่อรับข่าวสาร

    พลางเปิดภาพที่ได้รับจากดูตามที่เวอร์โก้รายงาน

     

    “ เกิดเหตุไม่คาดคิดในช่วงเวลาเช้าตรู่ คนร้ายบุกใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

    เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ อยู่ๆก็ได้ยินเสียงของกระสุนปืนดังสนั่นหวั่นไหว

    จนกระทั่งสงบลง เจ้าหน้าที่ต่างพากันออกมายังที่เกิดเหตุ ตรวจสอบในที่เกิดเหตุแล้วว่าพบเจ้าหน้าที่พนักงาน

    ได้รับบาดเจ็บบาหัสหลายราย โดยสังเกตุจากร่องรอยของการใช้อาวุธปืนแล้ว ทราบว่าผู้ร้ายมีความเชี่ยวชาญ

    ด้านของอาวุธเป็นอย่างมาก สาเหตุซึ่งยังเป็นการคาดการณ์ว่าเป็นการตอบโต้การทำงานของเจ้าหน้าที่ทำการสังหาร

    แกนนำของผู้ก่อความไม่สงบถูกวิสามัญเสียชีวิตขณะเข้าประทะกับเจ้าหน้าที่ เชื่อว่าคนร้ายหลบหนีไปอย่างชำนาญ

    เส้นทาง ” 

     

    “ อย่าน้อยก็มีคนพูดรู้เรื่องแล้วหนึ่ง ” ดอนโดฟลามิงโก้รู้สึกประทับใจ เวอร์โก้ยังทำงานดีเหมือนทุกครั้ง

    เสียงเคาะหลังบานประตูดังขึ้นสามหน เจ้าของห้องทำงานส่งเสียงเรียกเพื่อเชื้อเชิญ ให้เข้าพบได้

    บานประตูห้องทำงานของประมุขเดรสโรซ่าถูกเปิดออกกว้าง ร่างของสาวละตินเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม

    ช่วงขายาวสลักเสลาพาร่างสะโอดสะองนวดนาด คล้ายภาพสโลโมชั่น 

    “ กาแฟคะ ” รอยยิ้มเป็นส่วนเว้าโค้งที่ดีที่สุด แต่เหมือนว่าจะรองลงมาจากส่วนเว้าส่วนโค้งทางร่างกาย

     ไม่ทันไรไวโอเล็ตก็มาถึงโต๊ะทำงานผู้บริหาร วางแก้วกาแฟส่งควันฉุยหอมกรุ่นลงบนโต๊ะทำงาน 

    ใบหน้าของหญิงสาวสวยคมนั้นจับจ้องมองหน้าจอสี่เหลี่ยมมุมห้องทำงาน เพื่อตั้งใจรับฟังข่าวสารยามเช้า

    ในระหว่างที่เธอมาก็พอจะได้ยินการรายงานของผู้ประกาศข่าวอยู่บ้าง

    “ งานของเวอร์โก้เขา ทำได้ดี ” โดฟลามิงโก้ยินชอบใจ ขยับเปลี่ยนท่านั่งใหม่โดยเฉพาะขา 

    ยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงได้แล้วจับเอวคอดกิ่วแน่น ฉุดดึงร่างของไวโอเล็ตให้มานั่งลงบนตักทั้งของข้าง

    ซุกไซร้ใบหน้าลงบนต้นคอเพื่อสูดกลิ่นกายหอมหวาน ส่งมือข้างขวากดแล็ปท็อปบนโต๊ะทำงานเพื่อเช็คกูเกิ้ลไดร์ฟ

           ภาพวงจรปิดจากภายนอกของตัวตึกสามารถบันทึกภาพไว้ได้ทั้งหมด ตั้งแต่ต้นเฮลิคอปเตอร์สีดำไร้สัญลักษณ์

    ลอยล่องมาจนถึงที่หมาย ตัวเครื่องค่อยๆเบี่ยงช้าๆ เผยให้เห็นร่างของซินญอร์ พิงค์ในชุดสูทสั่งตัดเนื้อดี

    พร้อมกับอาวุธสงครามในมือ

    มันคิดว่าเป็นแรมโบ้หรือไงวะ?

    กราดเอ็มหกสิบใส่ไม่ยั้งและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ปลอกกระสุนร่วงหล่นลงตามแรงโน้มถ่วงโลก 

    เสียงหวีดกรีดร้องระงมจากในตึกก็ดี หรือจะด้านล่างของตึกสำนักงานตำรวจก็ดี ท่าทางของซินญอร์ก็ไม่ได้สนใจ

    เมื่อสมดังใจหมายแล้วจึงโยนในมือไปทางด้านหลัง หยิบด้ามปืนขนาดใหญ่ขึ้นมาพาดบนบ่าแล้วกดลั่นไกทันที!

    “ สะใจชิบ! ” โดฟลามิงโก้กระตุกยิ้มเหี้ยม 

    กระสุนของอาร์พีจีถูกยิงเข้าไปตัวตึกเพื่อปิดท้าย สมาชิกเดรสโรซ่าสามารถหลบหนีไปได้อีกเช่นเคย

    แล้วกดเข้าไปดูอีกไฟล์ คราวนี้เป็นภาพจากกล้องโกโปรซึ่งได้คาดว่าคงเป็นภาพบนเฮลิคอปเตอร์ ทุกอย่างเหมือนกัน

    กับที่เห็นจากคลิปกล้องวงจรปิดของเวอร์โก้ ทว่าความสะใจนั้นเป็นระบบหนึ่งพันแปดสิบพี

    ดวงตาของสาวละตินจับจ้องมองภาพจากแล็ปท็อปอย่างไม่กระพริบตา เพื่อพยายามเก้บข้อมูลให้ได้มากที่สุด

    ซินญอร์ พิงค์ กระปั่นปืนกลให้มั่นแล้วกราดยิงใส่ไม่ยั้ง ผู้หญิงผมสีชมพูพาสเทลนั้นคงไม่น่ารอดหรือโอกาสรอดนั้นยาก

    ความรุนแรงของความเร็ว แรงตัวกระสุนแทบจะทะลุคอนกรีตได้อย่างสบายๆ สามารถมองเห็นภายในได้แต่ไม่ชัดเจน

    มากนัก ไหนจะเศษอิฐ เศษปูน เอกสารแผ่นกระดาษปลิวกันว่อนกระจายทั่วทุกพื้นที่ 

    แต่บางอย่างก็ไม่อาจจะรอดพ้นสายตาของเธอไปได้ ร่างของหญิงสาวสวมชุดเมดฝรั่งเศสอันคุ้นตา

    และเสียงเล็กๆเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ต้องอาศัยทักษะประสาทการฟังที่ดีเยี่ยมเหนือมนุษย์

     

    “ น่าเบื่อชะมัด ” สุภาพบุรุษฮาร์ดบอยมีเซ็ง เมื่อกราดยิงไปอย่างคนคลุ้มคลั่งคล้ายต้องการระบายอารมณ์

    ที่ต้องทนรับคำสั่งจากนายเหนือ ทั้งเรื่องงานก็ดีเรื่องส่วนตัวของหัวหน้าซึ่งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้องาน

    เปลี่ยนเป็นอาวุธอีกอย่าง เพื่อเป็นการส่งท้าย 

    “ ซินญอร์ อย่ายิงนะ ” เสียงของเบบี้ไฟฟ์คล้ายเสียงกระซิบ

    ร่างของเธอนั้นถูกจับมัดมือไว้เหนือศีรษะทั้งสองขาง โดยมัดแยกทีละข้าง ส่วนช่วงขา พันธนาการข้อเท้าอย่างแน่นหนา

    เพื่อป้องกันการหลบหนีไว้เช่นกัน ร่างของเบบี้ไฟฟ์ถูกกระสุนทะลุผ่านร่างเลือดสีแดงสดไหลอาบกาย

     

    ใบหน้างดงามของสาวละตินจำต้องเอียงหนีจากภาพหน้าจอ ผืนกลืนน้ำลายหนืดๆลงคออย่างยากลำบาก

    ชุบเลี้ยงเบบี้ไฟฟ์ตั้งแต่อ้อนแต่อ่อนนำพามาจากสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้า  จนกระทั่งถึงตอนนี้… 

             ขนาดเบบี้ไฟฟ์ที่ตั้งใจปฏิงาน หน้าที่ดูและคิดค้นดัดแปลงสรรพอาวุธของคลังยุโทธปกรณ์

     พอหมดประโยชน์… ก็เขี่ยทิ้งไม่ต่างจากพวกเบี้ยหมากไร้ค่า 

     

     

     

    ความเย็นของน้ำจากผ้าขนหนูเนื้อดีกำลังสัมผัสลงบนผิวเนียนของทาชิงิเบามือ ตั้งแต่กรอบหน้า ลำคอ

    บ่าไหล่เล็กๆที่เห็นไหปลาร้าผุดขึ้นจากใต้ผิวหนังอย่างเด่นชัด ต้นแขนเรียว ท่อนแขน ยาวไปถึงปลายนิ้วมือ

    ทุกซอกทุกมุมของร่างกาย วกกลับมาช่วงหน้าอกแต่งตึง

     “ อ อือ ” ทาชิงิเริ่มรู้สึกตัวมากขึ้นกว่าเดิม ความเย็นของผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดแตะลงบนตัวอีกครั้ง

    กอบกุมบนหน้าอก สลับไปอีกข้างเพื่อๆไม่ให้อีกฝ่ายน้อยข้างยิ่งทำให้สติของเธอกลับเข้าที่มากขึ้น โดยเฉพาะตรงยอดอก

    สีหวานจุดไวต่อความรู้สึก

    “ อย่า เอาออกไปนะ! ” สมองของเธอประมวลผล พอจะจำเรื่องจากเมื่อคืนได้อย่างคลับคล้ายคลับคลา

    เรื่องราวอันไม่น่าจดจำระหว่างเธอกับโรโรโนอา! 

    แผ่นหลังเล็กๆของเธอพิงกับช่วงร่างกายเปลือยด้านหน้า เน้นตรงแผงอกกว้างๆเต็มไปด้วยมัดกล้ามของโรโรโนอา

    แม้ว่าจะไม่ได้สวมแว่นสายตาก็พอเห็นเป็นภาพลางๆ กล้ามเนื้อบนตัวของเขาก็ได้สันส่วน ปูดนูนขึ้นคล้ายขนมปังก่อน

    แถมผิวกายขาวซีดของเขาอีก หากเป็นสาวๆคนอื่นคงส่งมือออกไปสัมผัสตรวจสอบว่าไม่ใช่การรีทัชภาพกล้ามแต่อย่างใด

    ทาชิงิพยายามขยับย้ายร่างของเธอหนีจากคนใจร้าย แม้จะยิ่งขยับ ช่วงตรงกลางร่างของเธอนั้นจะเจ็บ

    ปวดแปร๊บขึ้นมาอย่างฉับพลัน ส่วนโรโรโนอานั้น ขยับตัวหลบไปนั่งตรงปลายเตียง ทาชิงิเม้มริมฝีปากแน่น

    กัดฟันพาร่างของตัวเองหนี อย่างน้อยก็ขอแค่ให้พ้นจากคนใจร้ายอย่างเขา

    ร่างน้อยๆพอจะผุดลุกขึ้นเต็มสองขาดึงผ้านวมห่อคลุมร่างกาย พาตัวเองหนีออกจากห้องนอนกว้างขวาง

    ด้วยความทุลักทุเล แวมไพร์หนุ่มค่อยๆขยับตัว ชันเข่าขึ้นทั้งสองข้างและค่อยๆเดินตามหญิงสาวอย่างเงียบๆ

    โดยเว้นระยะห่างกับเธอไว้ไม่ใกล้หรือไกลจนเกินไป 

    “ เพราะเห็นว่าฉันคนนี้มันโง่มากสินะ แถมยังตามคนไม่ทันอีก ” จ่าตำรวจไม่อยากจะโทษใคร คงไม่พ้นตัวเองอยู่ดี

    คงไม่ใช่เพราะความใสซื่อ หรือเป็นห่วงคนอื่นมากกว่าที่จะห่วงความปลอดภัยของตัวเอง ทาชิงิพาตัวเองกลับมา

    ยังสถานที่ที่ไม่น่าจะปลอดภัย และก็ไม่ปลอดภัยอย่างที่คิดไว้ตั้งแต่หนแรก

    โรโรโนอา… ป่วยเพราะเธอ

    เขาเป็นผู้ชายร่างกายหนา กำยำ กล้ามโตดูท่าทางแข็งแรง แต่เพราะวันนั้นพากัน.. ไม่สิ ก็เล่นน้ำฝนจนไม่สบาย

    ทีแรกก็เป็นเธอที่ป่วย พอเธอหายโรโรโนอาก็ป่วยตาม อย่างน้อยคนอย่างทาชิงิพอหยิบจับช่วยดูแลให้เขาหายป่วย

    เพียงเท่านี้ความรู้สึกผิดที่ก่อภายในใจของเธอนั้นก็คล้ายถูกชำระล้าง

    แต่ไม่ใช่เลย… เขากลับเอาเปรียบ!  

     

    “ ไม่ใช่อย่างนั้น ฟังฉันพูดก่อนนะ ” โซโลพยายามอธิบาย แก้ไขข้อข้องใจของหญิงสาว

    “ คุณโรโรโนอาเป็นคนของดอนกิโฆเต้สินะ ” ทาชิงิคาดคั้นต้องการคำตอบจากคนตัวโตตรงหน้า

    เขาคงเป็นสายของดอนกิโฆเต้ที่ฝีมือดาบยอดเยี่ยม มีหลักจิตวิทยาในการเข้าหาคนอย่างเชี่ยวชาญโดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง

    เข้ามาตีสนิทแถมยังทำให้เธอตายใจ แถมยังใช้กำลัง! 

    “ ฉันยอมทำงานภายในเงามืดเพื่อรับใช้แสงสว่าง ไม่ได้เเปลว่าต้องเป็นคนของดอนกิโฆเต้ ” ใครบอกเธอละ?

    ว่าเขาทำงานให้ดอนกิโฆเต้? “ ฉันอยู่ตรงข้ามกับพวกนั้น! ” บอกบุญอีกทีเผื่อคนเข้าใจยากอย่างทาชิงิจะไม่ต้องคิดเยอะ

    เขาเข้าร่วมอุดมการณ์กับ ‘คุณท่าน’ หรือในนามที่ทุกคนรู้จัก ‘แดรคูล มิฮอว์ค’ เพียงคนเดียวเท่านั้น!

    “ ศัตรูของศัตรู ถือว่าเป็นมิตร ” ทาชิงิพยักหน้า อย่างน้อยก็ไม่ใช่หน่วยสเปซกลุ่มเดียวที่รับรู้ถึงความเน่าเฟะ

    สกปรกของนักลงทุนรายใหญ่ของเมือง! “ แต่ฉันก็ยังไม่ให้อภัยอยู่ดี! ” อย่าคิดว่าพอเธอได้ยิน แล้วทาชิงิจะให้อภัย

    โอเค ถ้าไม่ได้เป็นพวกของดอนกิโฆเต้ เธอจะให้อภัยเขา ห้าสิบเปอร์เซนต์ 

        แต่หากว่าเขาเป็น… คนของดอนกิโฆเต้ขึ้นมาจริงๆ คงอภัยให้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้จริงๆ

     

    “ แล้วจะขว้างปาสิ่งของทำไมกัน? ” ไม่ทันไร ที่เขี่ยบุหรี่ก็ลอยละลิ่วเฉียดหัว เส้นผมสีเขียวคล้ายสนามหญ้า

    ไม่ถึงเซนติเมตร ความไวระดับนั้น โซโลสามารถหลบได้อย่างสบายๆ 

    “ นี่แหน่ะ! ” แค่ที่เขี่ยบุหรี่ทรงกลมสีใสคงไม่พอ มือเล็กๆของทาชิงิคว้าหยิบอะไรใกล้ตัวได้

    ทำการขว้างปาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะขวดเหล้าสีใสรูปทรงขวดหรูหราตรงหน้าบาร์ แก้วเหล้าสองถึงสามใบ

    แต่เหมือนว่าสิ่งที่เธอเขวี้ยงใส่คล้ายต้องการระบายอารมณ์  

    “ จะว่าไปเชิงเทียนฉันก็สวยเหมือนกันนะเนี่ย ” พักชื่นชมกันสิ่งที่ถูกขว้างปาลงมาสักครู่

    โซโลคว้ารับเชิงเทียนลอยคว้างกลางอากาศได้อย่างง่ายดาย

    รสนิยมของเขาก็ดีเหมือนกันนี่หว่า!

    การสรรเลือกสิ่งของตกแต่งเพนต์เฮ้าส์แต่ละชิ้น ไม่ว่าจะชิ้นเล็ก แจกันดอกไม้ ต้นไม้ฟอกอากาศมอบความร่มรื่น

    พอมีสีเขียวให้มองแล้วสบายตา จนกระทั่งชิ้นใหญ่ โซฟาบุหนัง โต๊ะรับแขกเล็กๆ เครื่องเรือน อย่างพินิจพิจารณา

    พิศสมัยอยู่ได้แค่ชั่วครู่!

    รู้สึกว่ามีบางอย่างลอยเข้ามาประทะเต็มแผงอกเต็มไปด้วยมัดกล้าม ตามด้วยความรู้สึกเจ็บแปร๊บ ของเหลวสีข้น

    ค่อยๆไหลซึมออกจากปากแผล

    “ คุณ ” ทาชิงิชะงักเมื่อเห็นว่าเขาเลือดออก 

    ปราดเข้าไปหาอย่างลืมโกรธ ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

    “ ฉันไม่ได้เกลียดคุณ… แต่ฉันเกลียดสิ่งที่คุณทำกับฉันมากกว่า ”

    เธอออกปากร้องห้ามขอร้องเขาในตอนนั้น แทนที่เขาควรจะหยุด แต่เปล่าเลย ทุกอย่างตรงกันข้าม!

    “ ที่เธอเสียใจ ปาข้าวของเพราะอะไร เสียใจที่ฉันเป็นคนแรก หรือ? ” อย่างอื่น??

    โซโลต้องการบทสรุป ดังนั้นสบโอกาสแล้ว ส่งมือจับดึงจ่าตำรวจหญิงเข้ามาสู่อ้อมกอดในวงแขนล่ำ

    สรุปอย่างเป็นทางการ คำพูดของตำรวจหญิง ฉันไม่เคยมีแฟน = บริสุทธิ์ สินะ เรื่องนี้โซโลต้องทำความเข้าใจใหม่อีกหน

    “ ฉันแค่อยากเก็บไว้ ให้สามีในอนาคต แต่คงไม่ได้แล้วละ…  ” พูดจบปุ๊บก็ทุบด้วยสันมือ

    ลงบนอกที! ต้นแขนที! แต่เหมือนว่าร่างกายของโซโลจะไม่สะเทือนสักนิดหรือเกิดระคายเคืองแต่อย่างใด! 

    “ ฟังนะทาชิงิ ไม่มีผู้ชายคนไหน เขาสนใจแค่เยื่อบางๆตรงนั้นถูกทำลายหรอก อาจจะรู้สึกดีใจ

    ที่ได้เป็นคนแรกก็แค่นั้น ที่เธอเก็บไว้เพื่อความสบายใจก็เป็นเรื่องดี มันไม่ใช่สิ่งของที่ถูกหรือผ่านการใช้งาน

    แล้วจะลดทอนคุณค่าลงเลย ” ถ้าหากว่าผู้ชายที่เธอว่ามาสนใจแค่ความบริสุทธิ์ นั่นคงไม่ใช่ผู้ชายแล้วละ!

     

    ก็ถูกของเขา!

    ตำรวจหญิงก็เห็นกับชุดความคิดของเขาด้วย บางครั้งเธออาจจะยึดติดกับกรอบหรือที่เรียกว่ากะลา ค่านิยมสมัยก่อน

    มากจนเกินไป จนลืมว่าตอนนี้ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดแล้ว… โลก ได้หมุนไปมากกว่าที่เธอคิด!

    คุณค่าในตัวของเธอ..  ก็ไม่ได้ถูกลดลงหรือเสียหายด้วยซ้ำ!

     

    ไม่! เราจะไม่คล้อยตามกับคำพูดของอีกเด็ดขาด!

    ทาชิงิสลัดใบหน้าแรง เธอจะไปเห็นด้วย เห็นผิดเป็นชอบได้อย่างไร?  เผลอคล้อยตามกับคำพูดของคนที่ใช้กำลัง

    รังแกหญิงสาว ไร้ทางสู้เช่นเธออย่างนั้นหรอ?

    อ้อมแขนแกร่งของเขานั้นทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น และเหมือนมีบางอย่างที่คุ้มครองปกป้องเธอได้

    สองมือหนาและใหญ่โอบกอดรอบเอวคอดของเธอ ยามที่เขาอ่อนโยน ก็สุดแสนจะอ่อนโยนยิ่งจับต้องร่างกายของเธอ

    แต่ละครั้ง แต่ละหนราวกับว่าเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบตัวน้อยๆ แถมเปราะบาง

    แต่ในบางครั้งที่เขาโอบกอดจับตรงเอวคอดกิ่วเพื่อยึดร่างกายยามเร่งถาโถม กระแทกกระทั้นทั้งเร็วและแรง

    กอบกุมหน้าอกสองข้างด้วยฝ่ามือหยาบกร้านออกแรงขยำจนเหลวปลิ้นตามร่องนิ้วทั้งสิบ ตามแรงกระสันจนเริ่มรู้สึกเจ็บ 

    ยิ่งถูกครอบครองยอดอกด้วยลิ้นหนา คล้ายทารกหิวกระหายดูดดื่มครั้งแล้วครั้งเล่าไม่เคยพอ จนทาชิงิเริ่มรู้สึก

    ถึงความสยิวแปลกๆคล้ายภาพตัดสมองของเธอนั้นขาวเบลอ ทำได้แค่หลับตาลงแล้วเผลอส่งเสียงร้องแปลกๆ 

    ปล่อยให้ร่างกายตอบรับการเล้าโลมจากเขา

    ความรู้สึกเจ็บแปร๊บตรงกลางกายสาว เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เมื่อเขาสอดใส่แทรกกายเข้ามา

    พอร่างกายของเธอเริ่มปรับ รับการตัวตนของเขาได้ ความเจ็บปวดเหล่านั้นได้มลายหายไปหมด เกิดความรู้สึกแปลกใหม่

    เข้ามาแทนที่…

     

     

    “ แต่คุณเลือดออก! ” จากการคว้าอะไรได้จึงประเคนใส่เขาอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง

    ทำไปเพื่อความโมโหล้วนๆ และเพื่อระบายความโกรธ แต่ไม่คิดว่าจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บเลือดออกเช่นนี้!

    ขยับปลายเท้าเข้าไปเพื่อจะขอดูแผล 

    “ หายโกรธแล้วหรอ?  ” โซโลก็ยอมให้เธอเข้ามาใกล้ ในระยะประชิด แสดงสีหน้าทั้งเป็นห่วงและสำนึกผิด

    กับสิ่งที่กระทำลงไป

    “ ไม่ได้โกรธหรอก แต่ฉันเกลียด… และโกรธในสิ่งที่คุณทำกับฉัน! ” แค่นั้นเอง! ทาชิงิถึงกับน้ำตารื้น

    กระบอกตาของเธอนั้นร้อนผ่าว ไม่กี่วินาทีต่อมาน้ำตาของเธอไหลแหมะอาบใบหน้า ชโลมลงบนแก้มเนียนทั้งสองข้าง

    “ จ่า… อยากให้ฉันรับผิดชอบแบบไหนดีละ?  ” พอมีบางอย่าง.. 

    ที่คนอย่างเขาจะรับผิดชอบ ผ่อนหนักให้กลายเป็นเบาจากสิ่งที่กระทำลงไปได้หรือเปล่า?

    “ ไม่ ช่างเถอะ ปล่อยฉันก็พอ… ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น! นี่ร่างกายหรือคอนกรีตเสริมใยเหล็กกันแน่? ” 

     ทุบตีอย่างไรก็สะเทือน! เธอกัดฟันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วทั้งๆที่ต้องการหนีไปให้พ้นจากคนอันตราย 

    “ อะไรนะ? ฉันฟังไม่ค่อยถนัดเลย  ” แวมไพร์หนุ่มยียวนกวนประสาท แสร้งเอียงใบหน้าทำมุม

    ทั้งๆที่ระบบประสาทโดยเฉพาะการรับฟังของเขา จัดอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมเหนือมนุษย์หลายเท่า!

    “ ฉันบอกว่า… ฉันจะสาปคุณให้กลายเป็นหิน หากยังจับตัวฉันไว้แบบนี้อยู่! ” ทาชิงิเรียกร้องอิสระคืน

    เพราะการถูกจับรวบตัวไว้แบบนี้ ไม่เป็นเรื่องดีแน่ โดยเฉพาะความปลอดภัยของเธอ!

    “ สาปเลยหรอ? นี่ขนาดยังไม่ทันสาปก็เหมือนว่าฉันจะแข็งเป็นหินแล้วนะ ให้ทายสิว่าส่วนไหน ”

    ความยียวนของแวมไพร์หนุ่มส่งลูกยั่วไปให้หญิงสาวในวงแขน ว่าแล้วก็จงใจ ไม่สิกำลังบอกใบ้ว่าส่วนไหนในร่างกาย

    กำยำที่เหมือนว่าจะแข็งเหมือนก้อนหินจริงๆ

    “ ฉันไม่ตลกนะ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ! ” ร่างหนาซ้อนจากทางด้านหลังของหญิงสาวเขยิบตัว

    จงใจเบียดส่วนที่คิดว่าทาชิงิเดาไว้ในใจให้แนบชิดมากขึ้น ท่อนแขนแน่นๆนั้นก็คอยรัดร่างของหญิงสาวไว้ไม่ให้ได้หลบหนี 

    “ ทายไม่ถูก… ไม่ปล่อยน้าาา แล้วก็มีบทลงโทษด้วย คราวหน้าคราวหลังจะได้ไม่ตอบผิดอีก ” เสียงหัวเราะ

    ชั่วร้ายในลำคอทำให้ไรขนอ่านในร่างกายของทาชิงิต่างพากันลุกเกลียว ยิ่งตอนเขากดใบหน้ากระซิบข้างใบหูข้างซ้าย

    น้ำเสียงของเขาราวกับท่วงทำนอง คล้ายบาทหลวงในโบสถ์กำลังร้องเพลง ทุกสิ่งทุกอย่างที่หลุดออกมาจากริมฝีปากหนา

    ของเขา ชวนให้เธอสดับตั้งใจฟังมากกว่าเดิม ราวกับกำลังกล่อมสะกดจิตของเธอให้กลายเป็นของเขาโดยไร้การขัดขืน

     

     

    “ เกิดเหตุไม่คาดคิดในช่วงเวลาเช้าตรู่ คนร้ายบุกใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

    เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ อยู่ๆก็ได้ยินเสียงของกระสุนปืนดังสนั่นหวั่นไหว

    จนกระทั่งสงบลง เจ้าหน้าที่ต่างพากันออกมายังที่เกิดเหตุ ตรวจสอบในที่เกิดเหตุแล้วว่าพบเจ้าหน้าที่พนักงาน

    ได้รับบาดเจ็บบาหัสหลายราย โดยสังเกตุจากร่องรอยของการใช้อาวุธปืนแล้ว ทราบว่าผู้ร้ายมีความเชี่ยวชาญ

    ด้านของอาวุธเป็นอย่างมาก สาเหตุซึ่งยังเป็นการคาดการณ์ว่าเป็นการตอบโต้การทำงานของเจ้าหน้าที่ทำการสังหาร

    แกนนำของผู้ก่อความไม่สงบถูกวิสามัญเสียชีวิตขณะเข้าประทะกับเจ้าหน้าที่ เชื่อว่าคนร้ายหลบหนีไปอย่างชำนาญ

    เส้นทาง ” 

     

    เสียงของผู้ประกาศข่าวดังจากกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ถูกจัดวางบนชั้นวางเฟอร์นิเจอร์หรู 

    เรียกสายตาให้หนุ่มแวมไพร์และหญิงสาวชาวมนุษย์ต่างพากันยอมเงียบกริบ ไม่มีใครส่งเสียงดังขึ้น

    เพื่อขัดการรายงานข่าวของผู้ประกาศข่าวของวัน และภาพจากกล้องวงจรปิดจากบางส่วนที่พอจะสามารถบันทึกไว้

    ได้ฉายขึ้นบนหน้าจอโทรทัศน์

     

    เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของตำรวจหญิงดังขึ้น แวมไพร์หนุ่มถึงกับต้องปล่อยมือที่พันธนาการร่างของเธอไว้

    ให้เป็นอิสระ ทำให้ร่างของเธอนั้นต้องปราดวิ่ง(อย่างลืมอาการบาดเจ็บตรงส่วนบอบบาง)ไปคว้าโทรศัพท์

    มาอยู่ในมือเพื่อกดรับสาย

    “ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้! ” ปลายสายของเธอนั้นคือ โคบี้ สมาชิกทีมสเปซ ‘เห็นข่าวแล้วใช่ไหม รีบมาที่ทีมเร็วเข้า!’

    โคบี้ไม่ถามไถ่ หรือพูดอะไรเยอะ เพียงแค่บอกว่าต้องการพบเธอด่วนที่ตึกสำนักงาน ให้รีบตรงมายังห้องทำงานทันที 

    และเหมือนว่าตำรวจหญิงจะไม่อาจจรอช้าหรือเสียเวลามากกว่านี้

    หากว่าเหาะเพื่อให้ไปถึงที่หมายได้ไวขึ้น… เธอก็จะทำ!

     

     

    ร่างบอบบางของตำรวจหญิงคว้าเสื้อซึ่งก็เป็นชุดสปอร์ตบรามาสวมทับลงบนตัว ตามด้วยเสื้อแจ็คเก๊ตสีเขียวเข้ม

    รูดซิบขึ้นมาจนสุดปิดถึงลำคอ สวมกางเกงขาสั้นรัดรูปที่สั้นกุดเผยเนื้อขาเนียน บอกได้เลยว่าชายเสื้อของโคบี้ ยังยาวกว่า!

    สวมรองเท้าผ้าใบได้แล้วรีบแผ่นจากเพนต์เฮ้าส์ของคนใจร้ายทันที

    แต่วินาทีที่ทาชิงิชะงักหยุดในท่ายืนตรง ดวงตาหลังแว่นกรอบสีแดงถึงกับต้องเบิกกว้าง ม่านตาของเธอขยาย

    ตรงหน้าของเธอนั้น… โรโรโนอานั่งคร่อมบนเบาะนั่งมอเตอร์ไซค์คลาสสิกคู่ใจ แถมกวักมือ ทำท่าใช้ปลายนิ้วโป้ง

    ชี้ที่เบาะหลัง เรียกให้หญิงสาวซ้อนท้าย 

    “ ขึ้นมาเดี๋ยวไปส่ง ” 

    “ ฉ ฉัน ม ไม่ ” แทบไม่เชื่อกับสายตา ภาพตรงหน้าของตนเองมากนัก จนต้องใช้หลังมือขึ้นมาขยีดวงตา

    เผื่อคิดว่าเป็นภาพหลอกตามมาหลอน เปล่าเลย พอเปิดเปลือกตาขึ้นมาได้ก็ยังเห็นโรโรโนอาอยู่ที่เดิม

    “ รีบไม่ใช่หรอ? ขึ้นมาสิ! ” โซโลเร่ง เพราะรู้ดีว่าใจของหญิงสาวนั้นเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว

    ตั้งแต่ได้ฟังเรื่องคอขาดบาดตายยามเช้า แถมมีโทรศัพท์ดังขึ้น ซึ่งคนประสาทดีก็พอจะสอดรู้สอดเห็นได้บ้าง!

    เอ๊ย! เผอิญได้ยินที่ทั้งสองคนสื่อสารกันเท่านั้นเอง! 

    “ ก ก็ได้ค่ะ ” รีบ… นั่นก็ใช่! 

    แต่จะให้ทำอย่างไรได้ โรโรโนอาเล่นมาดักรอทางเข้าของหน้าเพนต์เฮ้าส์โดยใช้เวลาทั้งหมดไม่ถึงสิบนาที 

    แถมขี่มอเตอร์ไซค์มาด้วย! ทำให้ทาชิงิเกิดอาการตกอกตกใจเป็นเรื่องธรรมดา เขาจะเล่นมุกเดิมอีกหรือเปล่า?

    วินาทีนี้ ตอนนี้ เธอไม่มีเวลาเล่นกับเขาแล้วนะ! หน่วยสเปซกำลังรอเธออยู่ที่ตึกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ!

    “ แค่ก็นั้น! ” โซโลกระตุกยิ้มแล้วส่งหมวกกันน็อคให้หญิงสาวสวมใส่ ครอบลงบนศีรษะ

    ทาชิงิก้าวขานั่งซ้อนด้วยสีหน้าบึ้งตึง ดวงตาของเธอนั้นแทบไม่ได้มองหน้าของโซโลด้วยซ้ำ ร่างหนาตรงหน้า

    บิดลำตัวเพียงเล็กน้อย ส่งมือซ้าย ขวาช่วยเธอปรับสายรัดคางให้แน่น กระชับพอดีกับรูปหน้า 

    ปลายนิ้วเย็นยะเยือกสัมผัสลงบนผิวหน้าเนียน แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ปลายคางมนเล็กน้อย 

    ร่างของตำรวจหญิงถึงกับนั่งแข็งทื่อ วางฝ่ามือทั้งสองข้างลงบนตัก รอให้คนหลังแฮนด์เคลื่อนรถสักที

    แน่นอนละว่า รอยยิ้มร้ายๆผุดขึ้นบนใบหน้าของโซโล แม้จะเป็นแค่มุมปากเท่านั้น

    ผ่ามือหนากำครัชแน่น กดปลายเท้าเพื่อเข้าเกียร์หนึ่ง แน่นอนละว่าเกิดการกระชาก ตัวรถพุ่งไปทางด้านหน้า

    กำก้านเบรคด้วยมืออีกข้างไว้อย่างทันท่วงที แม้จะเพียงเล็กน้อย ร่างของตำรวจหญิงถึงเสียการควบคุม 

    ลำตัวของเธอนั้นไหลไปเบียดกับแผ่นหลังของโซโล แค่นั้นไม่พอสองมือนั้นโอบกอดรอบเอวสอบแน่นด้วยอารามตกใจ 

    เงยใบหน้าขึ้นเพื่อจะส่งสายตาค้อนขวับให้

    แต่กลับเจอรอยยิ้มของเขา แม้จะไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนนัก เพราะหมวกกันน็อคบดบังด้วย

    อีกอย่างเขาสวมแว่นกันแดดเรย์แบนสีดำประดับบนใบหน้าหล่อเหลา   

     

    “ กอดเลยก็ได้ ” โซโลอนุญาต ถ้าหากว่าครั้งก่อนเธอยังไม่มั่นใจในตัวของเขา… ครั้งนี้เธอมั่นใจแล้วกอดได้เลย

     บิดคันเร่งเพื่อให้ตัวรถเคลื่อนที่ไปด้านหน้า เมื่อได้รอบรถแล้วเข้าค่อยเปลี่ยนเกียร์

    สำหรับเขาแล้ว… หลังจากเฝ้าติดตามทาชิงิมาโดยสักพักโดยที่เธอไม่รู้สึกตัว เธอเป็นผู้หญิงที่เรียบง่าย 

    ไม่ค่อยมีอะไรหวือหวา ไร้พิษสง แถมไร้เดียงสาด้วยเช่นกัน จิตใจดีเห็นอกเห็นใจผู้อื่น บางครั้งห่วงคนอื่น

    จนกระทั่งลืมเรื่องของความรู้สึกของตัวเองก็มี! 

    ยิ่งได้เห็นตอนร่วมงานกับทีมสเปซยิ่งทำให้โซโลได้มั่นใจ ทาชิงิเป็นอีกคนที่ไม่ค่อยมั่นใจ…

     ไม่สิต้องเรียกว่าไม่มีความมั่นใจในตัวเองถึงจะถูก หน่วยสเปซเป็นหน่วยพิเศษที่ผู้กองสโมคเกอร์เล็งเห็นถึงความสามารถ

    คัดเลือกหนุ่ม สาว เหล่านั้นจากโรงเรียนตำรวจ ซึ่งแต่ละคนจะมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไปอย่างเห็นได้ชัด

    ทาชิงิยังติดอยู่กับการนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น โดยเฉพาะกับลีอา สวยตรงตาม Beauty standard.

    ทุกอย่าง เผลอๆต้องใช้คำว่าไร้ที่ติ รูปร่างสูงโปร่งเเขนขาเพรียวยาวหุ่นทรงนาฬิกาทราย อกเป็นอก เอวเล็กคอดกิ่ว

    สะโพกกลมกลึง เส้นผมยาวสลวยคล้ายเกลียวคลื่นยามทิวา หน้าตาสวย คิ้วโค่ง ดวงตาโตสีฟ้าแกมเขียว จมูกโด่ง 

    ปากกระจับ ผิวพรรณขาวนวลเนียนคล้ายเนยชั้นดี ชาติตระกูลมาจากวงศ์สังคมชั้นสูง ความรู้ความสามารถเต็มเปี่ยม!

    แถมยังเป็นที่ยอมรับของทุกคนที่พบเห็นได้ทั่วไป!

    ส่วนทาชิงิยังคิดอยู่ว่า เธอนั้นไม่ได้มีเครื่องหน้าตางดงามแถมยังสายตาสั้น ต้องใส่แว่นแทบตลอดเวลา

    (ยกเว้นตอนอาบน้ำและนอน) ผลการเรียนจากโรงเรียนตำรวจอยู่ในระดับปานกลาง เหมือนจะพอมีวิชาดาบ

    เป็นหน้าเป็นตา ซึ่งเป็นคะแนนเอบวกนอกจากวิชาพื้นฐานทั่วไป

    ทางผู้บัญชาการเหมือนเห็นศักยภาพบางอย่าง จึงดึงทาชิงิมาเป็นทีมแบ็คอัพทำงานเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์

    และพวกเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งเธอก็แทบไม่ได้เจอใครก็ไม่มีเหตุผลจำเป็นใดๆที่จะต้องแต่งหน้า ทาปากเพื่อความสวยงาม

    เสื้อผ้าการแต่งตัวนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากครูฝ่ายปกครองมากนัก เฉิ่มเชยในบางครั้ง 

    ( ทาชิงิ : ลายสัปปะรดมันไม่ดีตรงไหน?)

    ( นายชิว : ไม่ใช่ว่าไม่ดี ก็… มันไม่ค่อยนิยมกันแล้วนี่นา )

    ส่วนสูงในระดับหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรต้นๆ อาจจะสูงกว่าผู้ชายบางคน ซึ่งพวกเขาเหล่านั้น มักพูดว่า

    ‘ผู้หญิงต้องตัวเล็กๆถึงจะดูน่ารัก น่าทะนุถนอมมากกว่า’ เหมือนทำให้ทาชิงิเองก็เกิดความไม่มั่นใจกับส่วนสูงโดยปริยาย

    ยิ่งค่านิยมของผู้ชายบางประเภท… กำหนดว่า ใบหน้าต้องสวยดูเป็นธรรมชาติ ทั้งๆที่ผ่านการแต่งหน้ามาแล้ว 

    ทว่าต้องดูเหมือนไม่แต่ง ใบหน้าต้องยิ้มแย้มเป็นมิตรตลอดเวลา หุ่นต้องผอมบอบบางถึงจะดี ยิ่งส่งมืออ้อมไปทางด้านหลัง

    ร่างกายแล้วสามารถแตะสะดือได้ถือว่าหุ่นดีใช้ได้!

    หากตรงตามที่กล่าวมาก็จะได้รับว่าอยู่ในค่ามาตรฐานปกติ ถ้าหากไม่… ก็อาจจะมีผลตามมาด้วยเช่นกัน

    ยกตัวอย่างเช่น การถูกตัดสินจากภายในโดยประเด็นที่แตกต่างออกไป การเลือกปฏิบัติโดยที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ 

    การพูดนำไปพูดหยอกล้อด้วยความสนุกปากแต่ไม่ถูกใจคนฟัง! ส่งผลเสียให้กับสุขภาพ หนักเข้าถึงขั้นอยู่ในภาวะซึมเศร้า

    บางที… เขาก็แค่อยากให้ทาชิงิมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และเลิกโทษทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความผิดของตัวเอง

    เพราะบางอย่างก็ไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นจึงปล่อยๆไปบ้าง คิดเสียว่าเป็นการท้าทายความสามารถอย่างหนึ่งก็ได้

    ทว่าเปล่าเลย ทาชิงิจะไม่คิดเช่นนั้น!

    ทาชิงิจะนำเรื่องความสามารถของคนอื่นๆมากดทับลงบนตัว แล้วจะทำให้ตัวเองรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่ากว่าคนอื่น

    แม้จะพยายามแล้วแค่ไหนก็ตาม เธอก็จะคิดว่าตัวเองทำไม่ได้(แม้จะยังไม่เคยทดลอง) หนำซ้ำยังไม่อยากรอ

    หรือได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น!

    ย้อนแย้งเกินไปไหมเนี่ย?

    หากทาชิงิเปลี่ยนจากแรงกดดันจากที่ทำงาน มาเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองได้ก้าวไปข้างหน้า คงจะดีกว่านี้.. 

    บางครั้งเขาอยากจับหญิงสาวมานั่งอธิบายให้ฟังช้าๆชัดๆ… เหมือนว่าอตนนี้เธอจะไม่ยอมอีกต่อไป!!

    เราไม่สามารถมาบังคับใครให้มายอมรับในความแตกต่างของเราได้ นั่นก็จริง  แต่อย่าลืมว่าเราต้องรักและเคารพ

    ตัวของเราเองก่อน แล้วค่อยยอมรับในเรื่องของความต่างของมนุษย์ เพื่อจะได้ไม่มีใครได้เจ็บปวดกับค่ามาตรฐาน ค่านิยม

    หรือสิ่งหลอกลวงตาอีกต่อไป 

     

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป…

    10 พฤษภาคม 2565

     

     

     

         อ่านของคนอื่นแล้วทำไมรู้สึกดีมีความโฟลว แต่พอลองกลับมาอ่านของตัวเองถึงกับกุมขมับเลยครัช

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×