ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic: KHR Reborn] Animals. อสูรร้าย นายวาเรีย

    ลำดับตอนที่ #3 : Animals : Darker. III

    • อัปเดตล่าสุด 29 ส.ค. 64


     


     


     

     
                “ หายไปตั้งนานเกือบสิบสองชั่วโมง ฉันเป็นห่วงแทบแย่! ” ออริกาโน่ดีใจเมื่อเพื่อนรักปลายสายติดต่อกลับ

    และกล้องแอบถ่ายขนาดจิ๋ว ซ่อนไว้บริเวณหน้าอกกลับมาทำงานอีกครั้ง

                “ ฮื่อ ขอโทษทีนะ ฉันเหนื่อยมากเลยเผลอหลับไป วันแรกของการทำงานในคฤหาสน์วาเรีย หนักเอาการเหมือนกัน

                “ อืม ฉันเห็นภาพจากกล้องหมดแล้วนะ มันก็สมควรที่จะเหนื่อยจริงๆ ออริกาโน่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน

    เปิดคอมพิวเตอร์หลายหน้าจอเพื่ออัพเดทข้อมูลใหม่ และหาข้อมูลอื่นๆในเวลาเดียวกัน

                “ วันนี้ฉันต้องทำอะไรบ้าง? เดนเซลทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแข็งๆอีกครั้งด้วยความอ่อนล้า

    “ วันนี้ไม่ต้องไปทำงานก่อสร้างแล้วนะ พวกวาเรียเขาไปภารกิจตั้งแต่เช้ามืด เธอเข้าครัวช่วงเย็นอย่างเดียวก็พอ

    ออริโน่อ่านรายงานของวันนี้ให้เดนเซลฟังคร่าวๆ

                “ เข้าครัวแค่ช่วงเย็นหรอ? อย่างน้อยเดนเซลก็ได้นอนต่อสักงีบ

                “ แบบนี้ฉันก็อดทานอาหารฝีมือเดนเซลเลยละสิ ออริกาโน่เปล่งน้ำเสียงเสียดาย

         “ จบภารกิจก็ได้ทานอยู่แล้ว หรือหาเวลาว่างๆออกไปเจอกันก็น่าจะได้ ถ้าวางแผนเรื่องเวลาดีๆแล้วละก็ไม่ยาก

    ก็เพราะว่าตอนนี้เดนเซลไม่ได้ควบรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจมาด้วยนี่สิ (เพราะกลัวว่าคนงานที่นี่จะรู้ฐานะที่แท้จริง) 

    เลยจำต้องแกล้งจนไว้ก่อน แต่อย่างว่า คฤหาสน์วาเรีย ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาส่วนตัว ใช่ อ่านไม่ผิดหรอก

    ย้ำเน้นๆว่าหุบเขาส่วนตัว พื้นที่ห้าร้อยกว่าเอเคอร์ มีคฤหาสน์หลังโตตั้งตระหง่าน ส่วนด้านหลังของคฤหาสน์มีผืนน้ำทะเล

    ล้อมอยู่ หรือเรียกว่ามีป้อมปราการชั้นดีคือน้ำล้อมไว้  คงเป็นการยากหากผู้ใดคิดจะเข้ามาล้อมโจมตีจากทางด้านหลัง

    ดังนั้นเรื่องการเดินทางเข้า ออก จึงต้องมีหลายมาตรการ หลายขั้นตอนเลยทีเดียว 

    เรียกง่ายๆในภาษาชาวบ้านว่า อนุญาตเข้าได้เฉพาะคนในและผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่มีสิทธิ์!

                “ ฉันก็อยากให้จบลงไวๆเหมือนกัน ใช่แค่ออริกาโน่คนเดียว เดนเซลก็เหมือนกันที่อยากให้ภารกิจครั้งนี้จบลง

                “ ฉันก็อยากนะ... นี่แค่วันแรกเอง ฉันยังหาข้อมูลแทบไม่ได้เลย

                “ นั่นสินะ ฉันเป็นกำลังใจให้เสมอนะเดนเซล จะว่าไปตอนนี้สถิติยังเป็นของเธออยู่นะ

                “ ขอบคุณนะ ได้เรื่องอย่างไรแล้วจะรีบติดต่อกลับนะ เดนเซลถอดวิทยุสื่อสารรับกับช่องหูออก

    (เพราะกลัวคนมาเห็น)ตามนิสัย จนลืมไปว่าตอนนี้อยู่ในห้องพักคนงาน ลงกลอนแน่นหนาอย่างดี 

    คุยกันเสียงเบาจนแทบกระซิบ สังเกตจากผนังและฝาห้องไม่มีแม้แต่เครื่องดักฟัง กล้องแอบถ่ายซ่อนอยู่

    ทำให้สบายใจไปได้อีกเปราะ หลังจากวางสายเดนเซล ออริกาโน่ถึงกับถอดถอนหายใจ 

    เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างอ่อนแรงมิใช่ว่าตนไม่เชื่อในฝีมือของเดนเซลเพื่อนรัก ทั้งเรื่องความแข็งแกร่ง

    ของสภาพร่างกายและจิตใจ ความรวดเร็ว ฉับไว ในการต่อสู้ไม่ตกเป็นสองรองใคร สถิติคือห้าสิบคะแนน 

    เดนเซลได้คะแนนเต็มโดยไม่มีหักหรือติดลบ แม้แต่ออริกาโน่เป็นตัวเต็งของรุ่นเองก็เถอะ...ยังคงต้องตกเป็นรอง  

    ว่าแล้วก็เปิดคลิปการต่อสู้(เป็นตำนาน)ของเดนเซลขึ้นมาฉายอีกครั้ง

     ในแมนชั่นสกปรกแห่งหนึ่ง เดนเซลกำลังนั่งทานอาหารค่ำ บรรยากาศภายนอกฝนตกหนักยิ่งกว่าฟ้ารั่ว

    ห่าฝนเทลงมาสามชั่วโมงติดโดยไม่มีแววว่าจะหยุด เสียงฟ้าผ่าโครมครามก้องไปทั่วทั้งเมือง ภายในห้องครัวขนาดเล็ก 

    แสงไฟสลัวๆ เดนเซลกำลังนั่งหั่นสเต็กพอดีคำ รับประทานอาหารอย่างสบายใจ แต่คนอีกฝั่งกลับร้อนใจ 

    ตอนนั้นออริกาโน่ย้ำบอกอีกทีว่าตอนนี้กำลังมีนักฆ่าฝีมือดี กำลังย่องเข้ามาจากทางประตูด้านหน้า พร้อมอาวุธครบมือ

                “ อือ ขอบคุณนะ “ เดนเซลตอบแค่นั้นและทานอาหารต่อ บางทีออริกาโน่อาจจะคิดว่ามื้อนั้น..

    อาจจะเป็นมื้อสุดท้ายของเดนเซลก็ได้  เธอไม่รอช้าติดต่อนักฆ่ามือดีของวองโกเลอยู่ใกล้เดนเซลมากที่สุด 

    พร้อมเข้าไปสมทบเจ้าหล่อน ออกมาอย่างครบสามสิบสอง

          เสียงกระแทกประตูโครมใหญ่ของนักฆ่าไร้สังกัด เตือนให้รู้ว่าตอนนี้เดนเซลกำลังมีภัย เขาสวมชุดของบุรุษไปรษณีย์

    สะพายกล่องไว้ด้านหลังมาด้วย คาดว่าในนั้นคงเป็นอาวุธถนัดมือ ไม่ว่าเปล่า เขาชักปืนพกออกมา 

    ปลายกระบอกหันชี้ใส่หน้าเดนเซล

                “ ทานด้วยกันสิ ” เดนเซลเอ่ยชวน

                “ ทาน..สเต็กนี่นะ? ” เขาแปลกใจ ไม่เคยมีใครรู้ว่าตัวเองกำลังมีภัย

    ยังมีหน้ามากินสเต็กหน้าตาเฉย...เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                “ ช่วยหยิบซอสตรงนั้นให้ทีสิ” เดนเซลวาน

                “ เอาสิ “ เขาทำตามคำขออย่างว่าง่าย อาจจะเป็นคำขอสุดท้ายของคนใกล้ตาย 

    คงไม่แปลกหากจะทานอาหารดีๆ สักมื้อก่อนหมดลมหายใจ ส่งขวดซอสให้อย่างงงๆ ไม่ทันระวังว่าส่วนตรงฝา

    นั้นเลอะซอสอยู่ก่อนหน้านั้น เขาส่งขวดซอสให้ และใช้ปลายลิ้นเลียทำความสะอาดส่วนปลายนิ้วส่วนเลอะออก

                “ ขอบคุณนะ ”เดนเซลทานต่อ เปิดฝาซอสเหยาะใส่มันฝรั่งทอดเล็กน้อย 

    ออริกาโน่แทบไม่ยินเสียงของทั้งสองคน ว่าสื่อสารอะไรกันบ้าง มองคลิปอย่างตั้งใจอีกครั้ง ก็พบว่าเดนเซลเช็ดปากด้วยผ้า

    ผืนจ้อยเสร็จ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หันหลังไปทิ้งจานลงซิ้งค์ เปิดก็อกน้ำ ผิวปากฮัมเพลงล้างจาน

                “ ทานให้อร่อยนะ... ”  ออริกาโน่ได้ยินเดนเซลพูดแค่นั้น โดยหารู้ไม่ว่าประโยคเต็มๆนั้นคืออะไร

    กลับมาจ้องมองที่บุรุษไปรษณีย์อีกที ไม่ถึงสิบนาทีเขาเริ่มแทะเนื้อมือตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย คล้ายกำลังแทะน่องเนื้อวัว

    ถนัดข้างขวาอย่างเมามัน(เป็นส่วนที่มีเนื้อแน่นๆ) เขาเริ่มกลืนกินส่วนนิ้วมือ ลามไปยังข้อมือ ข้อศอก

                ออริกาโน่ปิดคลิปทันทีเมื่อเห็นความสยดสยองบางอย่าง เดนเซลไม่ได้ใช้อาวุธมีด ดาบ ปืนผา 

    หน้าไม้ใดๆในการต่อสู้สักนิดเดียว หรือจะเรียกใช้พลังดับเครื่องชนเหมือนกับคนอื่นๆ หล่อนแค่ทานอาหารเฉยๆ

    แต่อีกฝ่าย...กำลังฆ่าตัวตายอย่างช้าๆ ที่แน่ๆความสามารถบางอย่างของเดนเซล ยังคงเป็นปริศนาอยู่จวบจนถึงทุกวันนี้

    มีเพียงแค่คุณท่าน(อิเอมิสึ)รู้เพียงคนเดียวเท่านั้น!


     

    เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวร่อนลงจอดลงบนอาคารสูงนับสามสิบชั้น บานประตูเปิดออก

    ปรากฏกายของเหล่าหน่วยลอบสังหารสูงสุดของวองโกเล่แฟมมิลี่  สภาพร่างกายของพวกเขานั้น

    ถูกฝึกมาให้พร้อมลุยศึกทุกครา แม้ว่าสภาพอากาศในครั้งจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม ได้จอมทัพดีอย่างสควอลโล่ 

    เขาวางแผนทุกขั้นตอนตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินเจ็ท ทุกคนรู้หน้าที่ของตนเองดี ทว่ายกเว้นบางคน...

                 “ ไอ้บอสเวรนั่นบ่นแต่เนื้อ เนื้อ เนื้อแล้วก็เหล้า! สควอลโล่แทบไม่มีอันทำภารกิจ

    เมื่อนายเหนือวาเรียสุดที่รักนั่งนิ่งๆ ยกเท้าพาดโต๊ะตามนิสัย ไม่คิดจะขยับตัวสักนิดไปช่วยคนอื่นทำภารกิจ 

                “ ไอ้สวะ! ฉันจะต้องได้กินเนื้อทันทีที่กลับไป แซนซัสกำชับกับสควอลโล่ แม้นในมือยังจิบบรั่นดี

                “ ได้กินอยู่แล้วเฟ้ย มาช่วยกันทำมาหากินก่อนเถอะ!  สควอลโล่กดฝ่ามือใบหูเพื่อให้วิทยุสื่อสาร

    ไร้สายได้ยินชัดขึ้น พูดเสียงฟังชัดให้อีกคนเข้าใจ เหวี่ยงท่อนแขนออกไปใช้ดาบทรงอัศวินยุโรป 

    ทำลายโดรนสอดแนมพ่นห่าลูกกระสุนใส่นับสิบตัว เมื่อทำลายหุ่นโดรนได้สำเร็จแล้ว สควอลโล่จึงรีบติดต่อกับบัตเลอร์

    ทันที คำสั่งยิงตรงมาถึงเดนเซลว่าต้องมีเนื้อชิ้นใหญ่ๆ มาต้อนรับกลับสำหรับแซนซัสและเมนูอาหารอื่นๆสำหรับทุกๆคน 


     

                 “ ใหญ่ๆจุกๆอย่างนั้นหรอ? เดนเซลยืนอยู่กลางห้องครัว ทวนคำพูด บัตเลอร์หนุ่มน้อยตรงหน้าอีกที

    เขาเป็นคนไปตามเดนเซลจากห้องนอนตั้งแต่ช่วงเที่ยงวัน เพื่อมาเตรียมอาหารสำหรับอาหารมื้อค่ำ

                “ ใช่ครับ บัตเลอร์ยืนยัน

                “ ผมเข้าใจแล้ว เดนเซลพยักหน้ารับ และคาดผ้ากันเปื้อนรอบเอวให้เรียบร้อย 

    เดินตรงเข้าไปเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่ หยิบวัตถุดิบออกมาวางเรียงตรงแล้วเริ่มลงมือ เหลือบมองนาฬิกาข้อมือเล็กน้อย

                “ เหลือเฟือ เดนเซลบอกกับตัวเองและเริ่มลงมือ 


     

    เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวร่อนลงจอดบนลานคอนกรีต หลังคฤหาสน์วาเรียอย่างเรียบปกติของทุกวัน 

    ในช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ท้องนภากำลังจะเริ่มเปลี่ยนสี 

    ดวงจันทร์กำลังแทรกเข้ามาอีกในไม่ช้า แสงสว่างของดวงอาทิตย์ตกกระทบกับเส้นขอบผืนท้องทะเลระยิบระยับ 

    เป็นภาพชวนให้ทุกคนผ่อนคลายได้ดี หน่วยสังหารพากันเดินกลับเข้าตัวคฤหาสน์ 

    แน่นอนว่ามุ่งตรงเข้าสู่ห้องอาหารเป็นอย่างแรก เหล่าบัตเลอร์ต่างพากันเร่งรีบ เสิร์ฟอาหารทันที

    ที่พวกเขานั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัว

    “ ผมยังหอมอยู่เลยนะครับ เดนเซลสัมผัสปลายเส้นผมสีเทาอย่างอ่อนโยน

    เขายกเส้นผมขึ้นมาสูดดมกลิ่นแชมพูอ่อนๆจางๆ

                “ ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า? สควอลโล่หันตัวกลับมา

    เส้นผมสีเทาควันบุหรี่พลิ้วปลิวสลวยกลางอากาศตามแรงหมุน

                “ ครับ เดนเซลโครงศีรษะ

                “ แย่ชะมัด ฉันต้องขอเบอร์ส่วนตัวติดต่อนายแล้ว สควอลโล่คิดว่าคงเป็นเรื่องง่าย 

    หากเขามีเบอร์ไทรศัพท์หรือไลน์สามารถติดต่อกับเดนเซลได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านบัตเลอร์ 

    ส่วนมากคงเป็นเรื่องของตารางเวลาในการกลับมาจากภารกิจเสียส่วนใหญ่ (ซึ่งเดนเซลต้องทำอาหารให้ทันเวลา)

    บอกตามตรงเลยว่าตอนนี้สควอลโล่ต้องฝากผีฝากไข้ ไว้ใจเรื่องอาหารกับเดนเซล 

    และตอนนี้เดนเซลก็กลายเป็นหัวหน้าพ่อครัวไปโดยปริยาย

     

    ทั้งสองคนไม่ทันได้รู้ตัวหรอกว่ามีสายตาของลูซซูเรียแอบมองตลอดเวลา  เขาขยับแว่นตากันแดดด้วยปลายนิ้ว

     เม้มปากเป็นเส้นตรงด้วยความเขินอาย

                “ ไม่ผิดใช่ไหมถ้าเจ๊จะชิปคู่นี้>< ลุซซูเรียถามตัวเองเบาๆ เรือของทั้งคู่นี้พร้อมแล่นได้เสมอทุกเวลาฮ้า

     ทั้งเดนจัง สควอจัง ทั้งคู่....ก็ดูน่ารักดี


     

     

                “ Beef  Wellington ครับ ”  บัตเลอร์หนุ่มเสิร์ฟอาหารตรงหน้าแซนซัส

    นัยน์ตาสีโกเมนกวาดมองไปรอบๆโต๊ะ ไม่พบเจ้าลิงเอเชียมาให้เห็นเกะกะลูกตา ถือว่าเป็นการเจริญอาหารขึ้นมาบ้าง

                   ไม่สิ! เขาเห็นไอ้ลิงเวรนั่น เสิร์ฟสลัดอกไก่ให้ลูซซูเรียแล้วรีบแจ้นออกไป!

     

    ทุกคนเพิ่งกลับจากภารกิจสุดหินเริ่มลงมือทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ตั้งแต่เลวี่ มาม่อน เบลเฟกอล

    ลูซซูเรีย สควอลโล่ จนมาหยุดสายตายจานอาหารตรงหน้า Beef  Wellington  เมนูอันโด่งดังจากกอร์ดอน แรมซี่ 

    ต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษเป็นสเต็กเนื้อ(สันใน) ชนิดหนึ่งที่อยู่ในรูปแบบของพาย มีไส้ด้านในเป็นดุ๊กเซลล์เห็ดผัด 

    เนื้อสันในหรือแคนเดอร์ลอยด์จะมีความสุกระดับมีเดียมแรร์ ด้านนอกเป็นส่วนของพาย ดุ๊กเซลล์ต้องแห้งละเอียด 

    เห็นเป็นชั้นอย่างชัดเจน ตัวแป้งบางกรอบและซอสเครื่องเคียงต้องรับกับส่วนเนื้อได้อย่างลงตัว

                “ ไอ้สวะนั่น! “ แค่เห็นจานก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร   แซนซัสลงมือใช้มีดหั่นสเต็กอย่างไม่เกรงใจ

    สายตาคมกริบจับต้องตรวจหาความผิดปกติของจานทว่า ไม่มี... ไม่มีที่ติ ความยากของการทำสเต็กจานนี้คือเราไม่

    สามารถรู้ได้เลยว่าเนื้อด้านในจะสุกในระดับไหน มีทางเดียวที่จะรู้ก็คือหั่นออกมาเท่านั้น 

    มีเดียมแรร์ ใช่ อย่างที่เขาชอบทาน เนื้อด้านสีชมพูอ่อน ราวๆห้าสิบเปอร์เซ็นของชิ้น 


      สควอโล่เหลือบมองแซนซัสเล็กน้อย ทันทีที่กัดเนื้อสเต็กคำแรกเข้าไป ทำให้เขาเผลอแอบกลืนน้ำลายตามลงคอด้วย 

    ลุ้นใจจดใจจ่อว่าว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาหรือไม่ เปล่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แซนซัสทานสเต็กชิ้นเท่าแขนนั่นอย่างสงบสุข

              เมื่อหมดหน้าที่ของเชฟแล้วเดนเซลกลับมาห้องพักของตน ปลดกระดุมเสื้อเชฟออกทุกเม็ด

    (ด้านในยังใส่เสื้อยืดอยู่)เพื่อระบายความร้อนจากร่างกาย หล่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างอ่อนแรง ใครจะไปคิดละว่า 

    แค่เข้าครัวราวๆห้าถึงหกชั่วโมงจะเหนื่อยจนแทบหมดแรงขนาดนี้!


     

              ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา แซนซัสลอบสังเกตสควอโล่มาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้

    เขามักจะหมกมุ่นกับโทรศัพท์อยู่บ่อยครั้งที่มีเวลา เช่น ตอนกำลังนั่งเครื่องบินเจ็ทเดินทาง (สควอโล่มักจะคุยเสียงเบา

    หรือบางทีจะเดินไปหามุมเงียบๆคุย)  ก่อนจะลุยภารกิจโทรหนึ่งครั้ง หลังจบภารกิจ เดินทางกลับ  

    หากให้เดาว่าผู้ต้องสงสัยคงเป็นไอ้ลิงเอเชียแน่! จะว่าไปแซนซัสก็ไม่เห็นหน้าเดนเซลอีกเลย

    (เจอหน้าจังๆเพียงแค่ตอนเข้ามาในห้องนอน) ก็ดี...ไม่โผล่เข้ามา แซนซัสไม่อยากใจร้ายนัก 

    ถ้าจะบอกว่าเดนเซลยังสามารถเปลี่ยนออกซิเจนเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ อยู่ได้ในทุกวันนี้

    มีดีแค่เพียงฝีมือในการทำอาหารเพียงเท่านั้น!

     

     


     

                 “ เอ้า เอกสาร! แซนซัสสะบัดหน้าไปทางคอนโดเอกสารบนมุมโต๊ะ

    เพื่อให้สควอโล่ช่วยรีบๆย้ายแฟ้มเอกสารพวกนั้นออกไปสักที เอกสารมาใหม่ถูกวางลงกลางโต๊ะแทนที่ของเดิมอีกครั้ง

                “ บอสก็ทำงานเป็นเหมือนกันหนิหว่า ปากว่าแต่มือหยิบแฟ้มเอกสารเหล่านั้น

    ขึ้นมาพิจารณาเพื่อตรวจทานอีกที

                “ ไสหัวไป๊! แซนซัสเริ่มชักรำคาญ หลังมาๆ เขาเริ่มสังเกตว่าสควอโล่เริ่มไม่สนใจเขาอย่างเคย

    (อารมณ์ดีกว่าเดิมด้วย)หลังมื้ออาหารทุกครั้ง ทุกคนมักจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน แต่ส่วนสควอโล่นั้นมักจะไปหาเดนเซล

    ถึงห้องพักคนงานซึ่งไม่รู้ว่า ไอ้ฉลามบ้านั่น จะไปหาเขาทำไมดึกดื่นปานนั้น 

    บอกตามตรงว่าแซนซัสไม่สามารถคิดเรื่องดีได้เลยด้วยซ้ำ

    สควอโล่กลับเข้าห้องพักของตัวเองกลางดึกด้วยท่าทางอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้  

            “ ตัวเบาเลยสิ”  แซนซัสแขวะในใจ ขณะยืนกอดอกมองมอนิเตอร์ในห้องควบคุมกล้องวงจรปิด

    ยกบรั่นดีขึ้นมาจิบพลางๆ เห็นทุกอย่างตั้งแต่เวลาที่สควอโล่เดินออกจากคฤหาสน์ เข้าตึกแถวห้องพักคนงาน

    เดินกลับเข้าคฤหาสน์ เข้าห้องพักส่วนตัวไปในที่สุด


     

    แซนซัสยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาหรูเรือน ทบทวนได้ว่าพรุ่งนี้ไม่มีภารกิจสามารถพักผ่อนได้สบายๆ 

    โดยปราศจากเสียงปลุกสิบแปดหลอดของสควอโล่ ว่าแล้วก็หยิบรีโมทกุญแจ Maserati GranTurismo 

    หรือเจ้าคูเป้สายพันธุ์สปอร์ตขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง  ออกไปซิ่งซะหน่อย อย่างน้อยก็ได้วอร์มเครื่องยนต์

    หลังจากจอด อยู่แต่ในโรงรถมานานร่วมเกือบสัปดาห์

                จุดมุ่งหมายของแซนซัสในครั้งนี้คือบาร์เล็กๆไม่ไกลจากจากคฤหาสน์ ผู้คนไม่เยอะ 

    ขีดเส้นใต้เน้นๆเลยว่าผู้คนไม่เยอะแค่ก็ไม่ชอบความวุ่นวาย สะดุดตาใครมากนัก แซนซัสอยากเปลี่ยนบรรยากาศ

    มานั่งจิบอะไรเย็นๆ ฟังเพลงรื่นหู  ดูวิวทิวทัศน์ก็แค่นั้น... 

    ทว่าการไปบาร์ของเขากลับเป็นที่ได้รับความนิยมจากสาวๆเป็นพิเศษ หรือที่เรียกว่าไม่มีความเป็นส่วนตัว

                “ เวรเอ๊ย! แซนซัสสบถเบาๆ แม้นจะนั่งแอบในมุมมืดก็ดั๊น! มีสาวสวยโผล่เข้ามานั่งประกบด้านข้าง

     เธอสวมชุดเกาะอกรัดรูด เน้นรูปร่างเอสไลน์อย่างจงใจ หันมาส่งยิ้มโปรยเสน่ห์เย้ายวนใส่

                “ มาคนเดียวหรือคะ? เธอถามด้วยเสียงหวาน ขัดกับบุคลิกภายนอก

                “ แล้วเห็นว่าตรงนี้มีใครนั่งรึเปล่าละ? แซนซัสตอบอย่างไม่สบอารมณ์

                “ งั้นก็แสดงว่า..ตรงนี้ไม่มีเจ้าของ เธอจงใจถามอย่างกำกวม เมื่อหนุ่มหล่อตรงหน้าไม่ได้ตอบ

    (ไม่สนใจกับคำถาม)ก็ทิ้งสะโพกงอนๆนั่งลงทันที แซนซัสไม่แสดงอาการออกทางสีหน้า

                “ ทำไมถึงมานั่งหลบผู้คนตรงนี้ละคะ? หนุ่มหล่อในมุมมืดตรงนี้น่าสงสัยมากที่สุด

                “ ฉันไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย ทั้งๆที่ปากอยากแผดเสียงดังว่า ยัยสวะเอ๊ย ไสหัวไป!

    กลับต้องตอบคำถามอย่างสุภาพ

                “ แล้วไปหาที่เงียบๆนั่งดีกว่าไหมคะ ฉันพอจะรู้จักอยู่บ้าง เธอเสนอพร้อมส่งรอยยิ้มเชิญชวนให้ 

    บอกได้เลยว่าคืนนี้เธอต้องได้! ได้ผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอน! แล้วก็เหมือนจะเป็นไปตามความคาดหวังเสียด้วย

                “ ก็เอาสิ แซนซัสสนอง ลุกขึ้นยืนเต็มสัดส่วน พร้อมจะไปกับเธอได้ทันที บอกได้เลยว่า 

    มันต้องดีกว่ามุมมืดตรงนี้แน่ๆ ลุกเดินตามหลังเธอออกไปได้ไม่ไกลมาก เป็นส่วนของด้านนอกบาร์

    และเหมือนว่าเธอกำลังจะพาไปอีกฝั่งหนึ่งที่เรียกว่าบาร์ลับ หากไม่ใช่คนงานที่นี่ แขกผู้มาประจำก็คงไม่ทราบแน่ๆ

                แซนซัสมองเธอจากทางด้านหลังเส้นผมสีบรอนด์ทองดัดเป็นลอน เกลียวคลื่น หุ่นอวบอั๋นทรงนาฬิกาทราย

    สะโพกกลมเด้งดึ๋ง ทุกย่างก้าวที่เดินลงบนรองเท้าส้นเข็มสูงหกนิ้ว คล้ายเป็นการเชิญชวนสายตาคนด้านหลังได้ดีทีเดียว

                “ ว้าย! มือหนาของคนด้านหลังผลักให้ร่างบางกระเด็นเข้าไปตรงผ้าม่านสีทึบ

                “ ฉันจะเอาเธอตรงนี้! แซนซัสประกบจากทางด้านหลัง จนใจเบียดร่างงามแนบติดกำแพง

    ส่งฝ่ามือหนาๆพุ่งออกไปบีบคอบังคับให้หันใบหน้าสวยๆมาก็พอ จำใจประกบจูบลงบนริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงสด

     แทรกลิ้นเข้าไปค้นควานหาความหวาน

      27+++

          


     

     

    ขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซิลวีแปด พุ่งทะยานบนถนนใหญ่ ส่งเสียงคำรามด้วยเอกลักษณ์ประจำตัว

    ฝ่าเท้าโตกดลงเหยียบบนคันเร่งค้างไว้โดยไม่มีผ่อน รีดเร้นพลังแรงม้าทั้งหมดสี่ร้อยหกสิบกว่าตัว ในเครื่องออกมาทั้งหมด

    ไม่กี่อึดใจ แซนซัสกลับถึงคฤหาสน์วาเรียอย่างสวัสดิภาพ (หลังจากหาที่ล้างมือ ล้างหน้า ทำความสะอาด)

                “ ยัยสวะเอ๊ย! “ แม่สาวทอร์นาโดตัวดีนั่นเล่นเอาความเป็นชายคับเป้ากางเกง 

    จนตะเข็บแทบจะปริออกเป็นสองส่วน ต้องหาอะไรทำเพื่อให้ความแข็งขันใต้เข็มขัดสงบลง!


     

                   คงต้องได้เหงื่อออกบ้าง...

    ใช่แค่คิด แซนซัสเดินออกไปทางห้องพักคนงานทางด้านหลังของคฤหาสน์ ซึ่งถูกแบ่งเป็นสัดส่วน 

    ทำให้ตามหาห้องพักหัวหน้าได้ไม่ยาก หัวหน้าคนงานรู้สึกประหลาด เมื่อถูกเคาะห้องกลางดึก ปรากฏร่างของแซนซัส 

    รูปร่างสูงใหญ่เงาของแซนซัสบดบังร่างของหัวหน้าคนงานจนมิด แม้นจะเป็นฝรั่งต่างชาติเหมือนกัน 

    ก้มมองต่ำลงมาเห็นว่าเขาไม่ได้มามือเปล่า

                   แหม๋ มาแค่นี้ก็พกปืนมาด้วย!

                “ ไอ้ระยำนั่นมันขโมยของสำคัญไป ” แซนซัสให้เหตุผลสั้นๆ

                 “ ข ขโมยหรือครับ ? หัวหน้าคนงานเบิกตามกว้างด้วยอาการตกใจ อยู่มาหลายปีไม่เคยมีใครกล้าขโมยของในคฤหาสน์สักชิ้น

    ได้ยินดังนั้นหัวหน้าคนงานรีบหากุญแจสำรอง พาไปถึงหน้าห้องพัก ไขห้องของเดนเซลอย่างเงียบเชียบ

                “ ผมจะไม่บอกใคร

                “ ดี!

    หัวหน้าคนงานเผ่นลิ่วไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่แซนซัสที่ยืนอยู่หน้าห้องประตูไม้อัดธรรมดาๆ 

    แค่ใช้เท้าถีบสักทีสองทีก็เปิดออกหรือฮาร์ดคอร์กว่านั้นใช้ปืนในมือ ยิงลูกบิดให้พังไปข้างนึง 

    พียงเท่านี้ก็เปิดประตูห้องได้แล้ว แต่แซนซัสเลือกวิธีการอย่างเงียบเชียบแยบยลกว่านั้น 

    แซนซัสหมุนลูกบิดห้องอย่างถนุถนอมกลัวว่าความเก่า สนิทเขรอะจะแตกหักคามือ ให้คนในห้องตื่นตูมขึ้นมาก่อน

    หันซ้ายเเลขวา ห้องพักนี้เป็นห้องด้านในสุด คงเพราะเข้า-ออกไม่สะดวกนัก เดินไกล จึงไม่ค่อยมีใครอยากอยู่นัก

    คนงานจึงแห่กันไปอยู่ริมๆทางเดินเสียมากกว่า ไม่เป็นไร เรื่องนี้มีเพียงแค่หัวหน้าคนงานกับแซนซัสเท่านั้นที่รู้

                แอ๊ดดด

    แซนซัสปล่อยลูกบิด ผลักประตูเข้าไปทางด้านในอย่างช้าๆ ให้เกิดเสียงเบาบางมากที่สุด ความมืดสีดำสนิทภายในห้อง

    ชวนให้เขาต้องสืบเท้าเข้าไปอย่างไม่เร่งรีบ แต่ต้องระวังตัวทุกฝีเท้า ประมาทไม่ได้เป็นอันขาด

     

       


     

                      ฮั่นแน่ป๋า(แซนซัส)จะเข้าไปทำอะไรหน่ะ???  ต้องมาลุ้นกันในตอนต่อไปนะครับ 


     

     

     โปรดติดตามตอนต่อไป....

      3-04-2563. 

             

                    ไม่แน่ใจว่าจะโดนแบนรึป่าวว้า ... แล้วก็ยังไม่แน่ใจอีกว่าจะมีใครรออ่านอยู่รึป่าวนะ 

         ยอดวิวเพิ่มขึ้นฮวบฮาบอย่างน่าตกใจจริงๆ จากหลักสิบขึ้นหลักร้อยภายในเวลาไม่กี่วัน

     วอนรีดเดอร์ วิวเวอร์ ชิวขอกำลังใจสักสอง สาม คอมเมนต์ให้ชื่นใจ หายเหนื่อยหน่อยนะครับ 

                           ขอบคุณมากครับ  
     

                                                                                           รักนะเด็กๆ

                                                                                             ChewWii

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×