คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Animals : Darker. III
“ หายไปตั้งนานเกือบสิบสองชั่วโมง ฉันเป็นห่วงแทบแย่! ” ออริกาโน่ดีใจเมื่อเพื่อนรักปลายสายติดต่อกลับ
และกล้องแอบถ่ายขนาดจิ๋ว ซ่อนไว้บริเวณหน้าอกกลับมาทำงานอีกครั้ง
“ ฮื่อ ขอโทษทีนะ ฉันเหนื่อยมากเลยเผลอหลับไป ” วันแรกของการทำงานในคฤหาสน์วาเรีย หนักเอาการเหมือนกัน
“ อืม ฉันเห็นภาพจากกล้องหมดแล้วนะ ” มันก็สมควรที่จะเหนื่อยจริงๆ ออริกาโน่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน
เปิดคอมพิวเตอร์หลายหน้าจอเพื่ออัพเดทข้อมูลใหม่ และหาข้อมูลอื่นๆในเวลาเดียวกัน
“ วันนี้ฉันต้องทำอะไรบ้าง? ” เดนเซลทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแข็งๆอีกครั้งด้วยความอ่อนล้า
“ วันนี้ไม่ต้องไปทำงานก่อสร้างแล้วนะ พวกวาเรียเขาไปภารกิจตั้งแต่เช้ามืด เธอเข้าครัวช่วงเย็นอย่างเดียวก็พอ”
ออริโน่อ่านรายงานของวันนี้ให้เดนเซลฟังคร่าวๆ
“ เข้าครัวแค่ช่วงเย็นหรอ?” อย่างน้อยเดนเซลก็ได้นอนต่อสักงีบ
“ แบบนี้ฉันก็อดทานอาหารฝีมือเดนเซลเลยละสิ ” ออริกาโน่เปล่งน้ำเสียงเสียดาย
“ จบภารกิจก็ได้ทานอยู่แล้ว” หรือหาเวลาว่างๆออกไปเจอกันก็น่าจะได้ ถ้าวางแผนเรื่องเวลาดีๆแล้วละก็ไม่ยาก
ก็เพราะว่าตอนนี้เดนเซลไม่ได้ควบรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจมาด้วยนี่สิ (เพราะกลัวว่าคนงานที่นี่จะรู้ฐานะที่แท้จริง)
เลยจำต้องแกล้งจนไว้ก่อน แต่อย่างว่า คฤหาสน์วาเรีย ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาส่วนตัว ใช่ อ่านไม่ผิดหรอก
ย้ำเน้นๆว่าหุบเขาส่วนตัว พื้นที่ห้าร้อยกว่าเอเคอร์ มีคฤหาสน์หลังโตตั้งตระหง่าน ส่วนด้านหลังของคฤหาสน์มีผืนน้ำทะเล
ล้อมอยู่ หรือเรียกว่ามีป้อมปราการชั้นดีคือน้ำล้อมไว้ คงเป็นการยากหากผู้ใดคิดจะเข้ามาล้อมโจมตีจากทางด้านหลัง
ดังนั้นเรื่องการเดินทางเข้า ออก จึงต้องมีหลายมาตรการ หลายขั้นตอนเลยทีเดียว
เรียกง่ายๆในภาษาชาวบ้านว่า อนุญาตเข้าได้เฉพาะคนในและผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่มีสิทธิ์!
“ ฉันก็อยากให้จบลงไวๆเหมือนกัน” ใช่แค่ออริกาโน่คนเดียว เดนเซลก็เหมือนกันที่อยากให้ภารกิจครั้งนี้จบลง
“ ฉันก็อยากนะ... นี่แค่วันแรกเอง ฉันยังหาข้อมูลแทบไม่ได้เลย”
“ นั่นสินะ ฉันเป็นกำลังใจให้เสมอนะเดนเซล จะว่าไปตอนนี้สถิติยังเป็นของเธออยู่นะ”
“ ขอบคุณนะ ได้เรื่องอย่างไรแล้วจะรีบติดต่อกลับนะ ” เดนเซลถอดวิทยุสื่อสารรับกับช่องหูออก
(เพราะกลัวคนมาเห็น)ตามนิสัย จนลืมไปว่าตอนนี้อยู่ในห้องพักคนงาน ลงกลอนแน่นหนาอย่างดี
คุยกันเสียงเบาจนแทบกระซิบ สังเกตจากผนังและฝาห้องไม่มีแม้แต่เครื่องดักฟัง กล้องแอบถ่ายซ่อนอยู่
ทำให้สบายใจไปได้อีกเปราะ หลังจากวางสายเดนเซล ออริกาโน่ถึงกับถอดถอนหายใจ
เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างอ่อนแรงมิใช่ว่าตนไม่เชื่อในฝีมือของเดนเซลเพื่อนรัก ทั้งเรื่องความแข็งแกร่ง
ของสภาพร่างกายและจิตใจ ความรวดเร็ว ฉับไว ในการต่อสู้ไม่ตกเป็นสองรองใคร สถิติคือห้าสิบคะแนน
เดนเซลได้คะแนนเต็มโดยไม่มีหักหรือติดลบ แม้แต่ออริกาโน่เป็นตัวเต็งของรุ่นเองก็เถอะ...ยังคงต้องตกเป็นรอง
ว่าแล้วก็เปิดคลิปการต่อสู้(เป็นตำนาน)ของเดนเซลขึ้นมาฉายอีกครั้ง
ในแมนชั่นสกปรกแห่งหนึ่ง เดนเซลกำลังนั่งทานอาหารค่ำ บรรยากาศภายนอกฝนตกหนักยิ่งกว่าฟ้ารั่ว
ห่าฝนเทลงมาสามชั่วโมงติดโดยไม่มีแววว่าจะหยุด เสียงฟ้าผ่าโครมครามก้องไปทั่วทั้งเมือง ภายในห้องครัวขนาดเล็ก
แสงไฟสลัวๆ เดนเซลกำลังนั่งหั่นสเต็กพอดีคำ รับประทานอาหารอย่างสบายใจ แต่คนอีกฝั่งกลับร้อนใจ
ตอนนั้นออริกาโน่ย้ำบอกอีกทีว่าตอนนี้กำลังมีนักฆ่าฝีมือดี กำลังย่องเข้ามาจากทางประตูด้านหน้า พร้อมอาวุธครบมือ
“ อือ ขอบคุณนะ “ เดนเซลตอบแค่นั้นและทานอาหารต่อ บางทีออริกาโน่อาจจะคิดว่ามื้อนั้น..
อาจจะเป็นมื้อสุดท้ายของเดนเซลก็ได้ เธอไม่รอช้าติดต่อนักฆ่ามือดีของวองโกเลอยู่ใกล้เดนเซลมากที่สุด
พร้อมเข้าไปสมทบเจ้าหล่อน ออกมาอย่างครบสามสิบสอง
เสียงกระแทกประตูโครมใหญ่ของนักฆ่าไร้สังกัด เตือนให้รู้ว่าตอนนี้เดนเซลกำลังมีภัย เขาสวมชุดของบุรุษไปรษณีย์
สะพายกล่องไว้ด้านหลังมาด้วย คาดว่าในนั้นคงเป็นอาวุธถนัดมือ ไม่ว่าเปล่า เขาชักปืนพกออกมา
ปลายกระบอกหันชี้ใส่หน้าเดนเซล
“ ทานด้วยกันสิ ” เดนเซลเอ่ยชวน
“ ทาน..สเต็กนี่นะ? ” เขาแปลกใจ ไม่เคยมีใครรู้ว่าตัวเองกำลังมีภัย
ยังมีหน้ามากินสเต็กหน้าตาเฉย...เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ ช่วยหยิบซอสตรงนั้นให้ทีสิ” เดนเซลวาน
“ เอาสิ “ เขาทำตามคำขออย่างว่าง่าย อาจจะเป็นคำขอสุดท้ายของคนใกล้ตาย
คงไม่แปลกหากจะทานอาหารดีๆ สักมื้อก่อนหมดลมหายใจ ส่งขวดซอสให้อย่างงงๆ ไม่ทันระวังว่าส่วนตรงฝา
นั้นเลอะซอสอยู่ก่อนหน้านั้น เขาส่งขวดซอสให้ และใช้ปลายลิ้นเลียทำความสะอาดส่วนปลายนิ้วส่วนเลอะออก
“ ขอบคุณนะ ”เดนเซลทานต่อ เปิดฝาซอสเหยาะใส่มันฝรั่งทอดเล็กน้อย
ออริกาโน่แทบไม่ยินเสียงของทั้งสองคน ว่าสื่อสารอะไรกันบ้าง มองคลิปอย่างตั้งใจอีกครั้ง ก็พบว่าเดนเซลเช็ดปากด้วยผ้า
ผืนจ้อยเสร็จ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หันหลังไปทิ้งจานลงซิ้งค์ เปิดก็อกน้ำ ผิวปากฮัมเพลงล้างจาน
“ ทานให้อร่อยนะ... ” ออริกาโน่ได้ยินเดนเซลพูดแค่นั้น โดยหารู้ไม่ว่าประโยคเต็มๆนั้นคืออะไร
กลับมาจ้องมองที่บุรุษไปรษณีย์อีกที ไม่ถึงสิบนาทีเขาเริ่มแทะเนื้อมือตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย คล้ายกำลังแทะน่องเนื้อวัว
ถนัดข้างขวาอย่างเมามัน(เป็นส่วนที่มีเนื้อแน่นๆ) เขาเริ่มกลืนกินส่วนนิ้วมือ ลามไปยังข้อมือ ข้อศอก
ออริกาโน่ปิดคลิปทันทีเมื่อเห็นความสยดสยองบางอย่าง เดนเซลไม่ได้ใช้อาวุธมีด ดาบ ปืนผา
หน้าไม้ใดๆในการต่อสู้สักนิดเดียว หรือจะเรียกใช้พลังดับเครื่องชนเหมือนกับคนอื่นๆ หล่อนแค่ทานอาหารเฉยๆ
แต่อีกฝ่าย...กำลังฆ่าตัวตายอย่างช้าๆ ที่แน่ๆความสามารถบางอย่างของเดนเซล ยังคงเป็นปริศนาอยู่จวบจนถึงทุกวันนี้
มีเพียงแค่คุณท่าน(อิเอมิสึ)รู้เพียงคนเดียวเท่านั้น!
เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวร่อนลงจอดลงบนอาคารสูงนับสามสิบชั้น บานประตูเปิดออก
ปรากฏกายของเหล่าหน่วยลอบสังหารสูงสุดของวองโกเล่แฟมมิลี่ สภาพร่างกายของพวกเขานั้น
ถูกฝึกมาให้พร้อมลุยศึกทุกครา แม้ว่าสภาพอากาศในครั้งจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม ได้จอมทัพดีอย่างสควอลโล่
เขาวางแผนทุกขั้นตอนตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินเจ็ท ทุกคนรู้หน้าที่ของตนเองดี ทว่ายกเว้นบางคน...
“ ไอ้บอสเวรนั่นบ่นแต่เนื้อ เนื้อ เนื้อแล้วก็เหล้า! ” สควอลโล่แทบไม่มีอันทำภารกิจ
เมื่อนายเหนือวาเรียสุดที่รักนั่งนิ่งๆ ยกเท้าพาดโต๊ะตามนิสัย ไม่คิดจะขยับตัวสักนิดไปช่วยคนอื่นทำภารกิจ
“ ไอ้สวะ! ฉันจะต้องได้กินเนื้อทันทีที่กลับไป ” แซนซัสกำชับกับสควอลโล่ แม้นในมือยังจิบบรั่นดี
“ ได้กินอยู่แล้วเฟ้ย มาช่วยกันทำมาหากินก่อนเถอะ! ” สควอลโล่กดฝ่ามือใบหูเพื่อให้วิทยุสื่อสาร
ไร้สายได้ยินชัดขึ้น พูดเสียงฟังชัดให้อีกคนเข้าใจ เหวี่ยงท่อนแขนออกไปใช้ดาบทรงอัศวินยุโรป
ทำลายโดรนสอดแนมพ่นห่าลูกกระสุนใส่นับสิบตัว เมื่อทำลายหุ่นโดรนได้สำเร็จแล้ว สควอลโล่จึงรีบติดต่อกับบัตเลอร์
ทันที คำสั่งยิงตรงมาถึงเดนเซลว่าต้องมีเนื้อชิ้นใหญ่ๆ มาต้อนรับกลับสำหรับแซนซัสและเมนูอาหารอื่นๆสำหรับทุกๆคน
“ ใหญ่ๆจุกๆอย่างนั้นหรอ?” เดนเซลยืนอยู่กลางห้องครัว ทวนคำพูด บัตเลอร์หนุ่มน้อยตรงหน้าอีกที
เขาเป็นคนไปตามเดนเซลจากห้องนอนตั้งแต่ช่วงเที่ยงวัน เพื่อมาเตรียมอาหารสำหรับอาหารมื้อค่ำ
“ ใช่ครับ ” บัตเลอร์ยืนยัน
“ ผมเข้าใจแล้ว ” เดนเซลพยักหน้ารับ และคาดผ้ากันเปื้อนรอบเอวให้เรียบร้อย
เดินตรงเข้าไปเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่ หยิบวัตถุดิบออกมาวางเรียงตรงแล้วเริ่มลงมือ เหลือบมองนาฬิกาข้อมือเล็กน้อย
“ เหลือเฟือ ” เดนเซลบอกกับตัวเองและเริ่มลงมือ
เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวร่อนลงจอดบนลานคอนกรีต หลังคฤหาสน์วาเรียอย่างเรียบปกติของทุกวัน
ในช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ท้องนภากำลังจะเริ่มเปลี่ยนสี
ดวงจันทร์กำลังแทรกเข้ามาอีกในไม่ช้า แสงสว่างของดวงอาทิตย์ตกกระทบกับเส้นขอบผืนท้องทะเลระยิบระยับ
เป็นภาพชวนให้ทุกคนผ่อนคลายได้ดี หน่วยสังหารพากันเดินกลับเข้าตัวคฤหาสน์
แน่นอนว่ามุ่งตรงเข้าสู่ห้องอาหารเป็นอย่างแรก เหล่าบัตเลอร์ต่างพากันเร่งรีบ เสิร์ฟอาหารทันที
ที่พวกเขานั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัว
“ ผมยังหอมอยู่เลยนะครับ ” เดนเซลสัมผัสปลายเส้นผมสีเทาอย่างอ่อนโยน
เขายกเส้นผมขึ้นมาสูดดมกลิ่นแชมพูอ่อนๆจางๆ
“ ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า? ” สควอลโล่หันตัวกลับมา
เส้นผมสีเทาควันบุหรี่พลิ้วปลิวสลวยกลางอากาศตามแรงหมุน
“ ครับ ” เดนเซลโครงศีรษะ
“ แย่ชะมัด ฉันต้องขอเบอร์ส่วนตัวติดต่อนายแล้ว ” สควอลโล่คิดว่าคงเป็นเรื่องง่าย
หากเขามีเบอร์ไทรศัพท์หรือไลน์สามารถติดต่อกับเดนเซลได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านบัตเลอร์
ส่วนมากคงเป็นเรื่องของตารางเวลาในการกลับมาจากภารกิจเสียส่วนใหญ่ (ซึ่งเดนเซลต้องทำอาหารให้ทันเวลา)
บอกตามตรงเลยว่าตอนนี้สควอลโล่ต้องฝากผีฝากไข้ ไว้ใจเรื่องอาหารกับเดนเซล
และตอนนี้เดนเซลก็กลายเป็นหัวหน้าพ่อครัวไปโดยปริยาย
ทั้งสองคนไม่ทันได้รู้ตัวหรอกว่ามีสายตาของลูซซูเรียแอบมองตลอดเวลา เขาขยับแว่นตากันแดดด้วยปลายนิ้ว
เม้มปากเป็นเส้นตรงด้วยความเขินอาย
“ ไม่ผิดใช่ไหมถ้าเจ๊จะชิปคู่นี้>< ” ลุซซูเรียถามตัวเองเบาๆ เรือของทั้งคู่นี้พร้อมแล่นได้เสมอทุกเวลาฮ้า
ทั้งเดนจัง สควอจัง ทั้งคู่....ก็ดูน่ารักดี
“ Beef Wellington ครับ ” บัตเลอร์หนุ่มเสิร์ฟอาหารตรงหน้าแซนซัส
นัยน์ตาสีโกเมนกวาดมองไปรอบๆโต๊ะ ไม่พบเจ้าลิงเอเชียมาให้เห็นเกะกะลูกตา ถือว่าเป็นการเจริญอาหารขึ้นมาบ้าง
ไม่สิ! เขาเห็นไอ้ลิงเวรนั่น เสิร์ฟสลัดอกไก่ให้ลูซซูเรียแล้วรีบแจ้นออกไป!
ทุกคนเพิ่งกลับจากภารกิจสุดหินเริ่มลงมือทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ตั้งแต่เลวี่ มาม่อน เบลเฟกอล
ลูซซูเรีย สควอลโล่ จนมาหยุดสายตายจานอาหารตรงหน้า Beef Wellington เมนูอันโด่งดังจากกอร์ดอน แรมซี่
ต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษเป็นสเต็กเนื้อ(สันใน) ชนิดหนึ่งที่อยู่ในรูปแบบของพาย มีไส้ด้านในเป็นดุ๊กเซลล์เห็ดผัด
เนื้อสันในหรือแคนเดอร์ลอยด์จะมีความสุกระดับมีเดียมแรร์ ด้านนอกเป็นส่วนของพาย ดุ๊กเซลล์ต้องแห้งละเอียด
เห็นเป็นชั้นอย่างชัดเจน ตัวแป้งบางกรอบและซอสเครื่องเคียงต้องรับกับส่วนเนื้อได้อย่างลงตัว
“ ไอ้สวะนั่น! “ แค่เห็นจานก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร แซนซัสลงมือใช้มีดหั่นสเต็กอย่างไม่เกรงใจ
สายตาคมกริบจับต้องตรวจหาความผิดปกติของจานทว่า ไม่มี... ไม่มีที่ติ ความยากของการทำสเต็กจานนี้คือเราไม่
สามารถรู้ได้เลยว่าเนื้อด้านในจะสุกในระดับไหน มีทางเดียวที่จะรู้ก็คือหั่นออกมาเท่านั้น
มีเดียมแรร์ ใช่ อย่างที่เขาชอบทาน เนื้อด้านสีชมพูอ่อน ราวๆห้าสิบเปอร์เซ็นของชิ้น
สควอโล่เหลือบมองแซนซัสเล็กน้อย ทันทีที่กัดเนื้อสเต็กคำแรกเข้าไป ทำให้เขาเผลอแอบกลืนน้ำลายตามลงคอด้วย
ลุ้นใจจดใจจ่อว่าว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาหรือไม่ เปล่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แซนซัสทานสเต็กชิ้นเท่าแขนนั่นอย่างสงบสุข
เมื่อหมดหน้าที่ของเชฟแล้วเดนเซลกลับมาห้องพักของตน ปลดกระดุมเสื้อเชฟออกทุกเม็ด
(ด้านในยังใส่เสื้อยืดอยู่)เพื่อระบายความร้อนจากร่างกาย หล่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างอ่อนแรง ใครจะไปคิดละว่า
แค่เข้าครัวราวๆห้าถึงหกชั่วโมงจะเหนื่อยจนแทบหมดแรงขนาดนี้!
ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา แซนซัสลอบสังเกตสควอโล่มาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้
เขามักจะหมกมุ่นกับโทรศัพท์อยู่บ่อยครั้งที่มีเวลา เช่น ตอนกำลังนั่งเครื่องบินเจ็ทเดินทาง (สควอโล่มักจะคุยเสียงเบา
หรือบางทีจะเดินไปหามุมเงียบๆคุย) ก่อนจะลุยภารกิจโทรหนึ่งครั้ง หลังจบภารกิจ เดินทางกลับ
หากให้เดาว่าผู้ต้องสงสัยคงเป็นไอ้ลิงเอเชียแน่! จะว่าไปแซนซัสก็ไม่เห็นหน้าเดนเซลอีกเลย
(เจอหน้าจังๆเพียงแค่ตอนเข้ามาในห้องนอน) ก็ดี...ไม่โผล่เข้ามา แซนซัสไม่อยากใจร้ายนัก
ถ้าจะบอกว่าเดนเซลยังสามารถเปลี่ยนออกซิเจนเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ อยู่ได้ในทุกวันนี้
มีดีแค่เพียงฝีมือในการทำอาหารเพียงเท่านั้น!
“ เอ้า เอกสาร! ” แซนซัสสะบัดหน้าไปทางคอนโดเอกสารบนมุมโต๊ะ
เพื่อให้สควอโล่ช่วยรีบๆย้ายแฟ้มเอกสารพวกนั้นออกไปสักที เอกสารมาใหม่ถูกวางลงกลางโต๊ะแทนที่ของเดิมอีกครั้ง
“ บอสก็ทำงานเป็นเหมือนกันหนิหว่า” ปากว่าแต่มือหยิบแฟ้มเอกสารเหล่านั้น
ขึ้นมาพิจารณาเพื่อตรวจทานอีกที
“ ไสหัวไป๊!” แซนซัสเริ่มชักรำคาญ หลังมาๆ เขาเริ่มสังเกตว่าสควอโล่เริ่มไม่สนใจเขาอย่างเคย
(อารมณ์ดีกว่าเดิมด้วย)หลังมื้ออาหารทุกครั้ง ทุกคนมักจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน แต่ส่วนสควอโล่นั้นมักจะไปหาเดนเซล
ถึงห้องพักคนงานซึ่งไม่รู้ว่า ไอ้ฉลามบ้านั่น จะไปหาเขาทำไมดึกดื่นปานนั้น
บอกตามตรงว่าแซนซัสไม่สามารถคิดเรื่องดีได้เลยด้วยซ้ำ
สควอโล่กลับเข้าห้องพักของตัวเองกลางดึกด้วยท่าทางอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้
“ ตัวเบาเลยสิ” แซนซัสแขวะในใจ ขณะยืนกอดอกมองมอนิเตอร์ในห้องควบคุมกล้องวงจรปิด
ยกบรั่นดีขึ้นมาจิบพลางๆ เห็นทุกอย่างตั้งแต่เวลาที่สควอโล่เดินออกจากคฤหาสน์ เข้าตึกแถวห้องพักคนงาน
เดินกลับเข้าคฤหาสน์ เข้าห้องพักส่วนตัวไปในที่สุด
แซนซัสยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาหรูเรือน ทบทวนได้ว่าพรุ่งนี้ไม่มีภารกิจสามารถพักผ่อนได้สบายๆ
โดยปราศจากเสียงปลุกสิบแปดหลอดของสควอโล่ ว่าแล้วก็หยิบรีโมทกุญแจ Maserati GranTurismo
หรือเจ้าคูเป้สายพันธุ์สปอร์ตขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง ออกไปซิ่งซะหน่อย อย่างน้อยก็ได้วอร์มเครื่องยนต์
หลังจากจอด อยู่แต่ในโรงรถมานานร่วมเกือบสัปดาห์
จุดมุ่งหมายของแซนซัสในครั้งนี้คือบาร์เล็กๆไม่ไกลจากจากคฤหาสน์ ผู้คนไม่เยอะ
ขีดเส้นใต้เน้นๆเลยว่าผู้คนไม่เยอะแค่ก็ไม่ชอบความวุ่นวาย สะดุดตาใครมากนัก แซนซัสอยากเปลี่ยนบรรยากาศ
มานั่งจิบอะไรเย็นๆ ฟังเพลงรื่นหู ดูวิวทิวทัศน์ก็แค่นั้น...
ทว่าการไปบาร์ของเขากลับเป็นที่ได้รับความนิยมจากสาวๆเป็นพิเศษ หรือที่เรียกว่าไม่มีความเป็นส่วนตัว
“ เวรเอ๊ย!” แซนซัสสบถเบาๆ แม้นจะนั่งแอบในมุมมืดก็ดั๊น! มีสาวสวยโผล่เข้ามานั่งประกบด้านข้าง
เธอสวมชุดเกาะอกรัดรูด เน้นรูปร่างเอสไลน์อย่างจงใจ หันมาส่งยิ้มโปรยเสน่ห์เย้ายวนใส่
“ มาคนเดียวหรือคะ? ” เธอถามด้วยเสียงหวาน ขัดกับบุคลิกภายนอก
“ แล้วเห็นว่าตรงนี้มีใครนั่งรึเปล่าละ? ” แซนซัสตอบอย่างไม่สบอารมณ์
“ งั้นก็แสดงว่า..ตรงนี้ไม่มีเจ้าของ ” เธอจงใจถามอย่างกำกวม เมื่อหนุ่มหล่อตรงหน้าไม่ได้ตอบ
(ไม่สนใจกับคำถาม)ก็ทิ้งสะโพกงอนๆนั่งลงทันที แซนซัสไม่แสดงอาการออกทางสีหน้า
“ ทำไมถึงมานั่งหลบผู้คนตรงนี้ละคะ? ” หนุ่มหล่อในมุมมืดตรงนี้น่าสงสัยมากที่สุด
“ ฉันไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย ” ทั้งๆที่ปากอยากแผดเสียงดังว่า ยัยสวะเอ๊ย ไสหัวไป!
กลับต้องตอบคำถามอย่างสุภาพ
“ แล้วไปหาที่เงียบๆนั่งดีกว่าไหมคะ ฉันพอจะรู้จักอยู่บ้าง” เธอเสนอพร้อมส่งรอยยิ้มเชิญชวนให้
บอกได้เลยว่าคืนนี้เธอต้องได้! ได้ผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอน! แล้วก็เหมือนจะเป็นไปตามความคาดหวังเสียด้วย
“ ก็เอาสิ ” แซนซัสสนอง ลุกขึ้นยืนเต็มสัดส่วน พร้อมจะไปกับเธอได้ทันที บอกได้เลยว่า
มันต้องดีกว่ามุมมืดตรงนี้แน่ๆ ลุกเดินตามหลังเธอออกไปได้ไม่ไกลมาก เป็นส่วนของด้านนอกบาร์
และเหมือนว่าเธอกำลังจะพาไปอีกฝั่งหนึ่งที่เรียกว่าบาร์ลับ หากไม่ใช่คนงานที่นี่ แขกผู้มาประจำก็คงไม่ทราบแน่ๆ
แซนซัสมองเธอจากทางด้านหลังเส้นผมสีบรอนด์ทองดัดเป็นลอน เกลียวคลื่น หุ่นอวบอั๋นทรงนาฬิกาทราย
สะโพกกลมเด้งดึ๋ง ทุกย่างก้าวที่เดินลงบนรองเท้าส้นเข็มสูงหกนิ้ว คล้ายเป็นการเชิญชวนสายตาคนด้านหลังได้ดีทีเดียว
“ ว้าย! ” มือหนาของคนด้านหลังผลักให้ร่างบางกระเด็นเข้าไปตรงผ้าม่านสีทึบ
“ ฉันจะเอาเธอตรงนี้! ” แซนซัสประกบจากทางด้านหลัง จนใจเบียดร่างงามแนบติดกำแพง
ส่งฝ่ามือหนาๆพุ่งออกไปบีบคอบังคับให้หันใบหน้าสวยๆมาก็พอ จำใจประกบจูบลงบนริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงสด
แทรกลิ้นเข้าไปค้นควานหาความหวาน
27+++
ขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซิลวีแปด พุ่งทะยานบนถนนใหญ่ ส่งเสียงคำรามด้วยเอกลักษณ์ประจำตัว
ฝ่าเท้าโตกดลงเหยียบบนคันเร่งค้างไว้โดยไม่มีผ่อน รีดเร้นพลังแรงม้าทั้งหมดสี่ร้อยหกสิบกว่าตัว ในเครื่องออกมาทั้งหมด
ไม่กี่อึดใจ แซนซัสกลับถึงคฤหาสน์วาเรียอย่างสวัสดิภาพ (หลังจากหาที่ล้างมือ ล้างหน้า ทำความสะอาด)
“ ยัยสวะเอ๊ย! “ แม่สาวทอร์นาโดตัวดีนั่นเล่นเอาความเป็นชายคับเป้ากางเกง
จนตะเข็บแทบจะปริออกเป็นสองส่วน ต้องหาอะไรทำเพื่อให้ความแข็งขันใต้เข็มขัดสงบลง!
คงต้องได้เหงื่อออกบ้าง...
ใช่แค่คิด แซนซัสเดินออกไปทางห้องพักคนงานทางด้านหลังของคฤหาสน์ ซึ่งถูกแบ่งเป็นสัดส่วน
ทำให้ตามหาห้องพักหัวหน้าได้ไม่ยาก หัวหน้าคนงานรู้สึกประหลาด เมื่อถูกเคาะห้องกลางดึก ปรากฏร่างของแซนซัส
รูปร่างสูงใหญ่เงาของแซนซัสบดบังร่างของหัวหน้าคนงานจนมิด แม้นจะเป็นฝรั่งต่างชาติเหมือนกัน
ก้มมองต่ำลงมาเห็นว่าเขาไม่ได้มามือเปล่า
แหม๋ มาแค่นี้ก็พกปืนมาด้วย!
“ ไอ้ระยำนั่นมันขโมยของสำคัญไป ” แซนซัสให้เหตุผลสั้นๆ
“ ข ขโมยหรือครับ ? ” หัวหน้าคนงานเบิกตามกว้างด้วยอาการตกใจ อยู่มาหลายปีไม่เคยมีใครกล้าขโมยของในคฤหาสน์สักชิ้น
ได้ยินดังนั้นหัวหน้าคนงานรีบหากุญแจสำรอง พาไปถึงหน้าห้องพัก ไขห้องของเดนเซลอย่างเงียบเชียบ
“ ผมจะไม่บอกใคร ”
“ ดี!”
หัวหน้าคนงานเผ่นลิ่วไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่แซนซัสที่ยืนอยู่หน้าห้องประตูไม้อัดธรรมดาๆ
แค่ใช้เท้าถีบสักทีสองทีก็เปิดออกหรือฮาร์ดคอร์กว่านั้นใช้ปืนในมือ ยิงลูกบิดให้พังไปข้างนึง
เพียงเท่านี้ก็เปิดประตูห้องได้แล้ว แต่แซนซัสเลือกวิธีการอย่างเงียบเชียบแยบยลกว่านั้น
แซนซัสหมุนลูกบิดห้องอย่างถนุถนอมกลัวว่าความเก่า สนิทเขรอะจะแตกหักคามือ ให้คนในห้องตื่นตูมขึ้นมาก่อน
หันซ้ายเเลขวา ห้องพักนี้เป็นห้องด้านในสุด คงเพราะเข้า-ออกไม่สะดวกนัก เดินไกล จึงไม่ค่อยมีใครอยากอยู่นัก
คนงานจึงแห่กันไปอยู่ริมๆทางเดินเสียมากกว่า ไม่เป็นไร เรื่องนี้มีเพียงแค่หัวหน้าคนงานกับแซนซัสเท่านั้นที่รู้
แอ๊ดดด
แซนซัสปล่อยลูกบิด ผลักประตูเข้าไปทางด้านในอย่างช้าๆ ให้เกิดเสียงเบาบางมากที่สุด ความมืดสีดำสนิทภายในห้อง
ชวนให้เขาต้องสืบเท้าเข้าไปอย่างไม่เร่งรีบ แต่ต้องระวังตัวทุกฝีเท้า ประมาทไม่ได้เป็นอันขาด
ฮั่นแน่ป๋า(แซนซัส)จะเข้าไปทำอะไรหน่ะ??? ต้องมาลุ้นกันในตอนต่อไปนะครับ
โปรดติดตามตอนต่อไป....
3-04-2563.
ไม่แน่ใจว่าจะโดนแบนรึป่าวว้า ... แล้วก็ยังไม่แน่ใจอีกว่าจะมีใครรออ่านอยู่รึป่าวนะ
ยอดวิวเพิ่มขึ้นฮวบฮาบอย่างน่าตกใจจริงๆ จากหลักสิบขึ้นหลักร้อยภายในเวลาไม่กี่วัน
วอนรีดเดอร์ วิวเวอร์ ชิวขอกำลังใจสักสอง สาม คอมเมนต์ให้ชื่นใจ หายเหนื่อยหน่อยนะครับ
ขอบคุณมากครับ
รักนะเด็กๆ
ChewWii
ความคิดเห็น