คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Animals : Darker. II
“ เฮ้ๆ เจ้าคนสวนหน้ามาใหม่ฟังทางนี้! ”
“ ครับๆ ” เดนเซลตะโกนตอบ และเดินเข้าไปหาหัวหน้าคนสวน หยุดยืนรวมตัวกลับกลุ่มคนงานขนาดใหญ่
“ เอาล่ะ ฉันจะแบ่งพวกนายออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกไปซ่อมกำแพงรั้วหน้าคฤหาสน์ ส่วนที่สองห้องอาหาร
และส่วนที่สามห้องรับแขก พวกนายต้องรีบซ่อมแซมให้เสร็จให้ไวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้! ” เสียงของหัวหน้าคนงาน
ตะโกนก้อง ทำให้เสียงของเหล่าชายฉกรรจ์คนงานร่วมเกือบสามร้อยคนต่างพากันส่งเสียงโห่ร้อง(ไม่เอา)
เซ็งแซ่กันยกใหญ่!
“ แล้วทำไมเราต้องซ่อม? ” หนึ่งในคนงานต้องสงสัย
“ ใช่ๆ ”
“ ไม่เอาๆ ไม่ซ่อมๆ ” เหล่าคนงานเริ่มประท้วง เพราะเนื่องจากซ่อมไปเท่าไร เหล่าคุณชายวาเรีย(ทั้งหลาย)
ต่างพากันอาละวาด ทำลายคฤหาสน์โครมครามกันได้ทุกวี่ทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่วันหยุดราชการหรือนักขตฤกษ์
เท่ากับว่าที่ซ่อมไป ก็โดนพังไป ไม่รู้ว่าจะซ่อมไปทำไมกันมากกว่า!
“ ถ้าซ่อมตอนนี้จะได้ค่าแรงเพิ่มอีกสามเท่าจากเงินเดือน ” หัวหน้าคนงานหยิบเอกสารจากแฟ้มในมือขึ้นมา
แล้วอ่านร่างสัญญากันอย่างง่ายๆ เพื่อให้คนงานต่างพากันเข้าใจแบบไม่ต้องอธิบายเยอะ
“ อ๋อ แบบนี้นี่เอง” เดนเซลถึงบางอ้อ เมื่อได้ฟังจากหัวหน้าคนสวน
ทำให้เดนเซลได้รู้ว่าคฤหาสน์วาเรียพังพินาศได้ทุกวัน(ย้ำว่าทุกวัน) เนื่องจากจะเป็นสมาชิกในวาเรียด้วยกันเอง
( จากผลสำรวจสถิติที่ทำกันมาส่วนมาก มักจะทะเลาะกันมากสุดในวันที่ไม่มีภารกิจ) พวกเขาผลาญเงินกันเก่ง
มักหมดเงินไปกับค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยซึ่งไม่ค่อยเป็นเรื่องมากนัก ทว่าห้าสิบเปอร์เซ็นของรายได้เข้าวองโกเล่
ก็เป็นรายได้หลักจากการทำภารกิจ (เรียกง่ายๆว่าใช้เก่งขนาดไหน ก็ย่อมหาเก่งได้มากกว่านั้น)
ดังนั้นทางส่วนกลางของวองโกเล่จึงต้องทำประกันวินาศภัย จนกระทั่งทำให้บริษัทอยากคืนเงินประกัน
แล้วพากันปิดออฟฟิศหนี!
‘วันแรกก็โดนรับน้องแล้วเรา’
อยากจะตะโกนคำว่า ‘ ฉิบหาย’ ออกมาให้สุดเสียง ทว่าต้องกลืนคำๆนั้นไว้ในลำคอ กว่าจะหมดวัน
กับสภาพของจับกังน้องใหม่ เสื้อลายสก๊อตที่ออริกาโนเลือกให้เองกับมือ สำหรับใส่ไปใช้แรงงานเลอะด้วยคราบฝุ่น
ปูน ดินโคลน หยิบหมวกฟางสำหรับบังแดดบนศีรษะ อิเอมิสึให้ยืมออกมาตบฝุ่นออก(หัวหน้าอิเอมิสึเคยเล่าให้เดนเซล
ออริกาโนฟังว่า ภรรยาและลูกชายที่บ้าน เข้าใจว่าเขาทำงานขุดเจาะน้ำมันอยู่เลย แน่นอนเขาไม่สบายใจที่จะโกหก
แบบนั้น) เดนเซลนึกถอนหายใจ ทั้งวันแทบไม่มีข่าวหรือมีความคืบหน้าอะไรเลย
นอกจากเวลาเข้าออกเคหะสถานของคุณชายวาเรียทั้งหลาย!
เอาวะ กำขี้ดีกว่ากำตด!
เดนเซลรายงานกับออริกาโน่เมื่อทราบตารางเวลาคร่าวๆ อาบน้ำแต่งตัวให้สะอาด เพื่อลักลอบเข้าไปในคฤหาสน์วาเรีย
ช่วงหัวค่ำ ทว่าผิดคาด ช่วงหัวค่ำเหล่าวาเรียยังไม่กลับมาจากภารกิจ จึงทำให้เดนเซลได้นั่งพักผ่อนอยู่บนเตียงนอน
แข็งยิ่งกว่าคอนกรีตเสริมใยเหล็ก เอนหลังล้มตัวนอนหนุนหมอนพอๆกับเหล็กกล้า หล่อนปิดเปลือกตาลงยกท่อนแขนขึ้น
มาบังแสงจากหลอดนีออน อากาศในห้องถ่ายเทไม่ค่อยสะดวกมากนัก ซ้ำร้ายมีแค่พัดลมเก่าๆหนึ่งตัว
ส่งเสียงก๊อกแกร่กทุกครั้งที่หมุ่นส่ายไป มา คอยให้ลมเย็นคลายความร้อน(ซึ่งเดนเซลไม่เรียกว่าลมเย็น)
“ คิดถึงเตียงนอนที่ห้องฉิบเป๋ง” เดนเซลบ่นกับตัวเอง เริ่มคิดว่าภารกิจในครั้งเหมือนกับพาตัวเองมาลำบาก
ต้องจากเตียงขนาดคิงไซส์ หมอนหนุนยัดไส้ขนเป็ดแท้อย่างดี ผ้านวมผืนหนานุ่มนิ่มจากผ้าซาติน เครื่องปรับอากาศ
คอยคุมอุณภูมิห้องไม่ให้ร้อนหรือหนาวจนเกินไป ใช่ เดนเซลเป็นกลุ่มคนใช้แรงงาน ทำงานหนักมาทั้งวัน
ไม่ว่าจะนอก ในCEDEF ดังนั้นจึงต้องพิถีพิถันเกี่ยวกับเรื่องของเครื่องนอนเป็นธรรมดา
เพราะหล่อนใช้เวลาอยู่ในห้องนอนไม่ต่ำกว่าหกถึงแปดชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว!
เสียงเคาะประตูห้องคนงานดังทำให้เดนเซลต้องเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง แง้มบานเปิดประตูพลาสติดผุออกไป
ก็พบกับพ่อบ้านหุ่นบอบบางอ้อนแอ้นเขาสวมชุดเครื่องแบบบัตเลอร์สีกรมเข้ม พร้อมกับนำชุดเชฟสีขาวสะอาดตา
มาให้ใส่ บอกด้วยน้ำเสียงเจื้อแจ้วว่าเหล่าวายร้าย เอ๊ย! วาเรียกำลังกลับมาที่พัก และแน่นอนละว่า ต้องจัดสำรับอาหาร
คาวหวานต้อนรับ ให้พร้อมเมื่อพวกเขามาถึง! พอถามเหตุผลว่าทำไมต้องคนสวนอย่างเดนเซลจำต้องเข้าครัว
กลับได้คำตอบว่าเหล่าเชฟต่างพากันลาออกยกครัว แห๋งละตอนนี้เชฟที่หามาได้นั้น คงทำอาหารกันไม่ทันแน่ๆ
อย่างน้อยได้คนช่วยเตรียมของ(ล้างผัก จัดจาน) เพิ่มอีกสักคนก็ยังดี
เออ เอาเข้าไป ตอนนี้เดนเซลได้กลายเป็นเจเนเรชั่นเบ๊เรียบร้อย!
ฟู่วๆ
เดนเซลพยายามฝึกหายใจให้ปกติ หยิบยกจานสลัดอโวคาโดออกไปเสิร์ฟอย่างใจเย็น แม้นตรงหน้าจะมีนักฆ่ามือฉกาจ
สุดของวองโกเล่นั่งเรียงรายหลายชีวิตกันอยู่ก็ตาม ขึ้นชื่อว่าวาเรียคลอริตี้ ไปไหนมีแต่คนยำเกรง
ต่างพากันร่ำลือในเรื่องของฝีมือของบรรดาสมาชิก(ซึ่งความสามารถของแต่ละคนก็มีความแตกต่างกันออกไป
อย่างเห็นได้ชัด) แน่นอนหากพวกวาเรียควอริตี้เดินทางไปแห่งหนใดที่นั้นล้วนเเล้วแต่จะมีสงคราม หายนะ
การนองเลือด แนะนำว่าควรห่างๆจากกลุ่มคนเหล่านี้จะดีกว่า
“ สลัดอโวคาโดครับ ” เดนเซลเสิร์ฟอาหารลงตรงหน้าให้กับลูซซูเรีย
“ อุ๊ยๆ มาใหม่รึจ๊ะ พ่อรูปหล่อ ไม่เคยเห็นหน้าเลยนะเนี่ย ชื่ออะไรหน่ะเรา? ” ลูซซูเรียหันมองเดนเซล
ราวกับว่ามีเทพพระบุตรมายืนอยู่ตรงหน้า
“ เดนเซล หว่อง ครับ ” ตอบพร้อมรอยยิ้มจริงใจอย่างเป็นมิตร ลูซซูเรีย เจ๊ใหญ่แห่งวาเรีย
จัดจ้านในเรื่องแฟชั่นการแต่งตัว(ขนเฟอร์แน่นๆ)ถือคติ เพราะทุกวันคือรันเวย์ ตั้งแต่ทรงผมแมนบัน
ผมส่วนบนไว้ยาวย้อมด้วยสีเขียวสว่าง ส่วนด้านล่างไถเกรียนด้วยปัตตาเลี่ยนเบอร์ศูนย์ สวมแว่นตากันแดดแฟชั่นชิคๆ
เกือบตลอดเวลา ชุดเครื่องแบบวาเรียควอริตี้ ถุงมือหนัง(ตอนนี้ถอดออกเพราะทานอาหาร)
จรดด้วยรองเท้าคัชชูสั่งตัดสุดพิเศษปลายแหลม
“ อู้ยย น่าหม่ำๆจังเลย ถูกใจเจ๊ที่สุด!>< ” ลูซซูเรียมองเพื่อนใหม่ลูกครึ่งจีนอังกฤษ ด้วยแววตาเป็นประกาย
พลางตักผักสลัดขึ้นมาทานให้หายหิว
“ ชิชิชิ สงสัยจะถูกใจองค์แม่แล้วละสิ ชิชิชิ ” เบลเฟกอลนั่งขนาบเอ่ยขึ้น บอกตามตรงได้เลยว่าเขาไม่สนใจ
สิ่งมีชิวิตอย่างอื่นนอกจากพรรคพวกของตนเอง และภารกิจเลือดสาดเลยสักนิดเดียว เบลเฟกอล เจ้าชายนักเชือด
ผู้มีเส้นผมสีบรอนด์ทองปรกใบหน้า คาดว่าคงไม่มีใครได้ล่วงเห็นแววตาที่แท้จริง
สวมมงกุฏเอียงๆคล้ายเป็นเครื่องประดับ บ่งบอกถึงฐานันดรศักดิ์ที่แท้จริง!
เคร้ง!
เสียงของมีด ส้อมสำหรับทานสเต็ก กระแทกกับขอบจาน
“ ไปตามคนทำสเต็กจานนี้มา! “ เสียงทุ้มทรงอำนาจเอ่ยขึ้น คายอาหารบางส่วนลงกระดาษทิชชู่ในมือ
แล้วโยนลงบนโต๊ะ แม้นใบหน้าจะเรียบเฉย ทว่านัยน์ตาสีโกเมนกำลังแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง
คล้ายกับภูเขาไฟ กำลังรอเวลาประทุระเบิดขึ้นมา บัตเลอร์ที่ยืนอยู่ใกล้ตัวโคลงศีรษะ
จึงต้องรีบซอยฝ่าเท้าตรงเข้าครัวให้รวดเร็วที่สุด
“ ไอ้เวรนั่นมันใช้ตีนทำรึไง? ” เสียงทุ้มทรงอำนาจ เอ่ยด้วยความกราดเกรี้ยว
“ มาแล้วครับ ” บัตเลอร์โค้งศีรษะรายงานแล้วถอนตัวออก แค่สเต็กง่ายๆ กลับทำออกมาแล้วทานไม่ได้!
ในเมื่อทานไม่ได้ก็ไม่ต้องมีคนได้ทาน! และแน่นอนต้องมีคนรับผิดชอบกับเมนูนี้ โดยเฉพาะเชฟผู้รังสรรค์
“ ไหน ลองกินเข้าไปให้ดูสิ ” แซนซัสใช้มีดสเต็กปักส่วนเนื้อชิ้นใหญ่ขึ้นมายื่นให้
“ ค ค คุณแซนซัส ” พ่อครัวสูงวัยถึงกับเข่าอ่อน เมื่อเห็นคนตรงหน้า
แซนซัส บุตรชายหัวแก้วหัวแหวน ผู้เป็นลูกรักของวองโกเล่รุ่นที่เก้า หัวหน้านักฆ่ามือฉมัง!
พ่วงอีกตำแหน่งคือหัวหน้าใหญ่สุดของวาเรียกำลังเดือดดาล ยิ่งสังเกตรอยแผลเป็นบนใบหน้าตามลำตัว
กลายเป็นสีเข้มตัดกับสีผิว ทำให้ผู้คนต้องสั่นเทา เพียงแค่ขยับตัวเพียงเล็กน้อย อำนาจ ความน่าเกรงขาม
เป็นแรงกดดันชั้นดีที่จะทำให้เข่าแทบทรุด!
“ เมื่อคนทำยังกินไม่ได้...แล้วทำออกมาให้ใครกิน? ”
เพล้ง!
แซนซัสคว้าจานบนโต๊ะอาหารออกแรงปาจนเกือบสุดแรงเฉียดใบหน้าของเชฟสูงวัย เศษแก้วกระเด็นกระจาย
ไปทั่วบริเวณ แน่นอนว่าเศษจานกระเบื้องนั้นกระเด็นเข้าใส่ใบหน้าที่มีแต่ริ้วรอยของวัย เกิดรอยแผลบาดเป็นทางยาว
เลือดสีแดงข้นไหลซึมออกมาช้าๆ
“ ไอ้บอสเวร คุณเอ็งทำอะไรลงไป เราหาเชฟมาทำกับข้าวให้กินไม่ได้แล้วนะโว้ย!” สควอโล่ตะเบ็งสุดเสียง
สบถคำหยาบคายทิ้งท้ายอีกหน ซึ่งไม่สามารถสาธารยาออกมาได้ ด้วยความไม่ปลื้มกับความเอาแต่ใจของบอสวาเรีย
อาหารไม่ถูกปาก รสชาติไม่ถูกใจ มีอันต้องเขวี้ยงปาจานลงพื้น หนักสุดก็คว้าปืนขึ้นมาควงแล้วยิงแสกหน้า
(คนทำอาหาร)ทันที ส่งไปเฝ้าเมืองผีกันหลากหลายท่าน
ลำบากคนแบกหน้าไปติดต่อขอให้ฝ่ายส่วนกลางของวองโกเล่ ช่วยจัดหาคนงานครัวเข้ามาใหม่
“ อีกแล้วหรือคะ?” ทางหน่วยส่วนกลางถามด้วยความสงสัย
เล่นงานซะสควอโล่ต้องจำใจตอบกลับไปว่า “ ครับ ขอด่วนๆเลย” ต้องขอขอบคุณเทคโนโลยีการสื่อสารที่เรียกว่า
โทรศัพท์ จึงไม่ต้องบากหน้าไปถึงฝ่ายบุคคลด้วยตนเอง!
“ Belle Hélène พร้อมเสิร์ฟขึ้นโต๊ะรับประทานครับ” เดนเซลถือถาดออกมา และวางเสิร์ฟตรงหน้าของแซนซัส
หากว่าแซนซัสเป็นสายเนื้อ ชอบทานสเต็กเนื้อ(เป็นชีวิตจิตใจ)แล้วละก็ คงต้องรู้จัก แบล เอเลน
สเต็กสไตล์ฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม ประกอบไปด้วยมันฝรั่งก้านไม้ขีดฝอยขนาดเท่าๆกัน ทอดด้วยสีเหลืองกรอบ ขนาดเล็ก
สำคัญคือเท่ากันทุกชิ้น โซ่เลเยอร์ซอสส่วนของซอสไวน์ขาว จะไม่เปรี้ยวเกินไป เข้มข้นและไม่แตกตัว
ส่วนสำคัญสุดเนื้อสันในของสเต็กอยู่ในระดับซียองค์(หรือมีเดียมแรร์)
“ ก็ได้ ถ้าไม่ดีขึ้นมาละน่าดู! “ แซนซัสยอมละจากอาหารจานเก่า หันมาสนใจอาหารจานใหม่แทน
เขาใช้มีด ส้อม ช่วยในการหั่นสเต็กพอดีคำ ปลายจมูกสัมผัสกลิ่นหอมของเนย ทำให้เขาใจเย็นลง
หั่นออกมาดูแล้วเนื้อด้านในเป็นมีเดียมแรร์สวยงาม แซนซัสยังไม่วางใจจากรูปลักษณ์ภายนอกนัก จนกว่าจะได้ชิม
สมาชิกวาเรียกำลังร่วมโต๊ะอาหารพร้อมลุกขึ้นและวิ่งหนีกลับขึ้นห้องพักของตัวเองได้ทันที
หากว่าแซนซัสเกิดอาละวาดขึ้นมา (คงไม่มีใครอยากเป็นศพคากองอาหารเป็นการตายที่น่าอนาถเสียจริง)
ดังนั้นอาหารจานตรงหน้า สามารถชี้ความเป็น ชี้ความตายกำหนดชีวิตให้ใครจะอยู่ รอด ปลอดภัย!
“ ก็ไม่แย่เลยนะเจ้าสวะ! ” โชคเข้าข้างนะ ไม่อย่างนั้นทั้งสองคนคงได้ไปเฝ้าเมืองผีแน่!
ปลายจมูกได้กลิ่นหอมของเนยค่อนข้างชัด คาดว่าตอนลงกระทะคงใช้เนยแทนน้ำมัน ส่วนของเนื้อนั้นไม่สุก
ดิบจนเกินไปนุ่ม ไม่กระด้าง ลองทานคำเล็กๆรสชาติเข้มข้น จัดว่าไม่ได้เลวร้ายนัก
“ ถือว่าเป็นคำชมครับ” เดนเซลเข้าไปประคองชายสูงวัยให้รีบลุกขึ้น พาเขากลับเข้าหลังครัว
คิดถูกที่ตนทำอาหารเมนคอร์สสำรองไว้อีกสามถึงสี่จาน อย่างน้อยตอนนี้ก็สามารถช่วยได้อีกหนึ่งชีวิต
ต้องยกความดีความชอบนี้ให้แก่คุณแม่ของเดนเซล ซึ่งคุณแม่เปิดร้านอาหารชื่อดังติดอันดับต้นๆของประเทศไทย
ท่านกำชับตลอดว่า สเหน่ปลายจวักนั้นสำคัญเสมอ! (ดังนั้นเดนเซลมีความสามารถในการรังสรรค์อาหาร
ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก)
“ โธ่เอ๊ย! ” ทุกคนพร้อมอุทานออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“ หัวใจเจ๊แทบวาย! ” ลูซซูเรียยกมือทาบอก หายใจโล่งคอ
วินาทีต่อจากนี้ พวกเขาสามารถทานอาหารได้ราบรื่นอย่างปลอดภัยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
มื้อเย็นจบลงด้วยการลาออกของเชฟสูงวัย เดนเซลกอดอก พยักหน้ากับคำพูดของเขา
เชฟท่านนี้อยู่มาก่อนเดนเซล(ซึ่งลองถามอายุงานประจำการที่นี่คือสามเดือน) คงจะเห็นอะไรๆมามาก
จะบอกว่าเขาขลาดเกินกว่าจะทำงานนี้ได้ ก็เป็นคำพูดที่ทิ่มแทงหัวใจคนทำงานบริการจริงๆ
บางทีเขาอาจจะเข้ามาผิดบ้าน ผิดที่ ผิดทางมากกว่า ดังนั้นหากมีโอกาสที่ดีกว่าตอนนี้
ก็ควรรับโอกาสใหม่และออกไปทำตามความฝัน
“ ขอโทษด้วยครับ ” เชฟสูงวัยเอ่ย พลางโค้งตัวขอโทษ ขอบคุณในเวลาเดียวกัน
เดนเซลเข้าไปช่วยชีวิตออกมาได้อย่างทันเวลา สาบานได้เลยว่าถ้าเจอกันข้างนอก เขาจะตอบแทนบุญคุณนี้…
อย่างสาสมเชียวละ!
“ ผมเข้าใจดี ขอให้โชคดีนะครับ” เดนเซลโค้งตัวตอบ ไม่มีการตำหนิใดๆทั้งสิ้น
ถ้าให้เลือกระหว่างชีวิตกับงาน ส่วนมากจะตอบเป็นอย่างแรก
“ เช่นกันครับ ” เชฟสูงวัยใช้กระดาษซับมัน ปาดเหงื่อบนหน้าผาก ค่อยๆซับใบหน้าใกล้บริเวณแผลติดผ้าก็อต
ยิ้มกว้างจนเห็นรอยย่นบนผิวหนังตามวัย ทุกคนในครัวโอบกอดไหล่ ให้กำลังใจ อย่างถ้วนหน้า
“ รับออเดอร์ด้วยครับ นมสดอุ่นๆพร้อมดื่ม ส่งห้องคุณเบลเฟกอลครับ” บัตเลอร์หนุ่มเข้ามาสั่งรายการ
และเดินจากไป
“ ได้ เดี๋ยวผมไปเสิร์ฟเอง” เดนเซลเสนอตัว พนักงานบาร์น้ำรับหน้าที่ตรงนี้แทน
เดนเซลเดินขึ้นส่วนชั้นบนของคฤหาสน์กลางดึก เสิร์ฟนมสดให้เจ้าชายแล้วจึงเดินออกมาอย่างเงียบๆ
ผ่านทางเดินทอดยาว เห็นแฟ้มเอกสารบางอย่างหล่นอยู่จึงก้มตัวหยิบขึ้นมา เมื่อตอนขาขึ้นมายังไม่เห็น
คาดว่ามีคนทำตกหล่นไว้แน่ๆ
“ ไอ้บอสเวรตะไล! เอกสารเซ็นอนุมัติแล้วหรือยัง?” สควอโล่ร้องเสียงดังลั่น
จนเดนเซลรู้พิกัดและกำลังมุ่งหน้าตรงไปหา เพื่อคืนแฟ้มเอกสาร
“ หุบปากหน่ะไอ้สวะ! ” แซนซัสพูดด้วยน้ำเสียงเจือหงุดหงิด
บอกตามตรงว่าตอนนี้เขาพร้อมอาละวาดกับทุกสิ่งอย่างที่ขวางหูขวางตาในตอนนี้!
“ พูดดีๆเคยฟังไหมว่ะ? ” สควอโล่ยังพูดใส่อารมณ์ เพราะต้องการเอกสารอย่างเร่งด่วน
เขาต้องตามงานทุกแฟ้มทุกคดี รับผิดชอบทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว
“ แกไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงใส่ฉัน ไอ้สวะ!” แซนซัสปาแก้วบรั่นดีพอมือ เป้าหมายคือกลางกบาลของคนปากดีใกล้ตัว
เพล้ง!
“ มันไม่ใช่เวลาปาข้าวของนะเฟ้ย!” สควอโล่ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดคราบบรั่นดีออกจากใบหน้า
“ บอกให้หยุดเห่าไง! ” แซนซัสเข้าประชิดสควอโล่ พุ่งมือขวาหมายบีบคอให้ตาย
กระดูกต้นคอแหลกคามือกันไปเลย!
“ ไอ้บอส... ” สควอโล่พยายามแงะมือแซนซัสออกด้วยมือเดียว แน่นอนละว่าเขากำลังตกเป็นต่อ
ฝ่ามือหยาบกร้านหาความนุ่มนิ่มได้ไม่ของบอสนั้นแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า
“ คุณไม่ควรทำอย่างนั้น ” เดนเซลเข้ามาอย่างเงียบๆ ใช้มือซ้ายจับข้อมือขวาของแซนซัส
ออกแรงบีบแน่นคืนกลับ ส่งผลให้แซนซัสยอมปล่อยสควอโล่เป็นอิสระ
“ ไอ้ลิงเอเชีย! ” แซนซัสเริ่มอารมณ์เสียหนักกว่าเดิม ทุกครั้งที่มีเรื่อง มีปัญญามักมีตัวชอบสอด(เดนเซล)
เข้ามาเป็นมะริงกิงกองเกือบทุกครั้ง
“ ผมแค่มาเสิร์ฟนมให้คุณเบลเฟกอล พอดีเก็บเอกสารตรงทานเดินได้น่าจะเป็นของคุณสควอโล่
ทำหล่นจึงนำมาคืน ” แค่นั้นเอง
“ เออ ไอ้สวะ กองไว้ตรงนั้น! ” แซนซัสพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้ฆ่าคนตายคาห้องนอน
“ ไปกันเถอะครับ คุณสควอโล่ ” ว่าเปล่าเดนเซลปล่อยแฟ้มเอกสารในมือลงบนพื้นพรมสุดหรู
หมุนปลายเท้า ไปทางสควอโล่ จูงมือเขาออกจากห้องทันที และไม่หันกลับมามองแซนซัส ผู้เป็นเจ้าของห้องอีกเลย
ทั้งสองเดินยังไม่ถึงสามช่วงเท้าดี แซนซัสแทบจะพุ่งตัวเข้าไปกระชากเส้นขน(เส้นผม)ของเดนเซล
แล้วหวดฝ่ามือหนาอัดลงใบหน้างามๆ นั่นสักสามสี่ทีด้วยความโกรธา แปลกกว่านั้น… ไอ้ลิงเวรนั่นมันเข้ามาตอนไหน
ทำไมถึงไม่ได้ยินเสียง ว่าจะตั้งแต่หมุนลูกบิด เปิดประตู จนมายืนระยะประชิด
บอกตรงๆเลยว่าชักจะไม่ถูกชะตาด้วยแล้วนี่สิ!
“ มานี่เดะไอ้หน้าใหม่! ” สควอโล่กลายเป็นฝ่ายดึงเดนเซลเข้าไปในห้องของตน
“ เดี๋ยวสระผมให้ ” เดนเซลบอกแค่นั้น
สควอโล่กลายเป็นฝ่ายถูกดึงเข้าไปที่ห้องน้ำ ถูกจัดแจงให้เข้าไปนั่งในอ่าง วางศีรษะลงบนส่วนของขอบอ่าง
เดนเซลเลือกใช้น้ำอุ่นล้างลงบนเส้นผมสีเทายาวสลวยอย่างนุ่มนวล เมื่อชุ่มน้ำดีแล้วลงแชมพูสระ เขาทำแบบนี้สองรอบ
ล้างน้ำเปล่า ชโลมด้วยครีมนวดผม ล้างน้ำเปล่า น้ำสุดท้ายออก
“ นายเป็นใครว่ะ?” ได้จังหวะฉลามหนุ่มเริ่มตั้งคำถาม ความรู้สึกเมื่อถูกสัมผัสบนข้อมือ
ไอ้ลิงเอเชียที่บอสเวรเรียก ทำให้รู้สึกประหลาดใจชอบกล น้อยคนนักจะกล้าเข้าใกล้ในระยะถุยน้ำลายยังถึงขนาดนี้
ส่วนความรู้สึกของตัวสควอโล่ก็...ไอ้ลิงนี่ ไม่ได้ดูร้าย มีพิษสง หรือแผ่รังสีออร่าพร้อมจะเข้ามาเด็ดคอเขาสักนิด
กลับกลายถูกมองว่าสควอโล่เป็นคนใจง่าย ถูกจับจูงไปไหนมาไหนโดยที่ไม่ได้เอ่ยปากห้ามและขัดขืน
“ เดนเซล หว่อง เป็นเอ่อ...กรรมกร พ่อครัว บ๋อย แล้วก็... ” เดนเซลพยายามระลึกว่า
ทั้งวันตนได้ทำงานอะไรบ้าง
“ เออ อยากเป็นอะไรก็เป็นไปเถอะว่ะ ” สควอโล่ตอบอย่างไม่สบอารมณ์
“ คุณดูไม่จืดเลยนะครับ ”
“ ฉันยอมไอ้บอสเวรนั่นแค่คนเดียว! ”
“ คุณดู...ไม่มีค่าเลยนะ อะไรที่ทำให้คุณยอมละครับ? ” เดนเซลถามด้วยความฉงน
ไม่ว่าจะโขลกจะสับ อาการผีเข้า ผีออก ของนายเหนือวาเรีย สควอโล่ต้องรับ ปรับได้ทุกอารมณ์
“ คงเป็นเพราะ...ตั้งแต่เห็นไอ้บอสครั้งแรกละมั้ง แววตาที่เต็มไปด้วยความโทสะ
มันบอกให้ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง ” ทั้งอุดมการณ์ ความคิด ความทะเยอทะยาน จวบจนไปถึงการขึ้นตำแหน่ง
เป็นวองโกเล่รุ่นที่สิบ สควอโล่มักอยู่ในทุกการสนับสนุนในทุกๆเรื่อง หรือถ้าเรียกเป็นภาษาเชิงพาณิชย์คงเป็นสปอนเซอร์
รายใหญ่ ฉลามหนุ่มเริ่มใจเย็นลงมาบ้าง เริ่มยอมกลายเป็นคนเปิดปากเล่าเรื่องให้ฟังหลากหลายอย่าง
จนต้องชะงักตัว กว่าจะรู้สึกว่าตัวเองพูดเยอะซึ่งมันไม่ใช่นิสัย สควอโล่คิดว่าบางทีเดนเซลอาจจะรู้เรื่องของเขามากเกินไป
แล้ว ดังนั้น ควรหยุดพูดเรื่องระหว่างเขากับแซนซัสดีกว่า!
“ อาจจะเรียกว่า...ความรักรึเปล่า?”
“ รักบ้ารักบออะไรวะ ใครจะไปรักไอ้บอสผีบ้านั่นลง!” สควอโล่ขึ้นเสียงไฮโน๊ตใส่
เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่าง และการโมโหกลบเกลื่อนของเขา มักจะแก้สถานการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม
“ ไปเป่าผมกัน ” เดนเซลไม่ได้(สนใจ)ฟัง เขาใช้ผ้าขนหนูซับเส้นผมสีเทาชุ่มน้ำ จูงมือสควอโล่ไปเป่าผม
สควอโล่ถูกจับให้นั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้ามีกระจกใบใหญ่อย่างเงียบๆ มีเพียงแค่เสียงไดร์ส่งเสียงกลบความเงียบ
ไม่นานนักเดนเซลปิด วางไดร์เป่าผมลง
“ เรียบร้อยแล้วครับ พักผ่อนให้หายเหนื่อยครับ “ เขาอวยพรให้สั้นๆและเดินจากไป
โดยไม่สนคำพูดสบถตามหลังตน สควอโล่ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้ากระจก ปิด เปิดเปลือกตาลงช้าๆ
ใช่ ทุกวันนี้เขามีแต่เหนื่อยมาก เหนื่อยฉิบหาย เหนื่อยเฮียๆ
การดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าที่เปรียบเสมือนกับเป็นหัวหน้าเอง ไม่ใช่เรื่องง่าย... ไม่เคยมีอะไรง่ายเลย!
แม้จะเจอเดนเซลไม่นาน ไม่สามารถนับได้ถึงวัน เดนเซลเป็นคนมีสเน่ห์มากล้น ไม่ว่าจะเส้นผม หน้าตา เรียวปากเล็ก
จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้ารูปไข่ นัยน์ตาสีเทอควอยซ์ ชวนฝัน คล้ายกับการรวมศิลปะชั้นสูงระหว่างเอเชียและยุโรป
ได้อย่างลงตัว รูปร่างผอมสูงพอๆกันเขา ยืนข้างกันต่างกันไม่มากนัก สเน่ห์หาเย้ายวนเกินต้านทาน
หากเป็นสาวน้อยวัยขบเผอะบอกเลยว่าคงหลงเจ้าเดนเซลแน่ๆ
ความน่าประทับใจในตัวของเดนเซลก็คือ เขาสามารถทำให้คนอย่างสควอโล่ กลับมาเห็นคุณค่าของตัวเองอีกครั้ง
จากคนไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง...ไม่ว่าจะทะเลาะกับแซนซัส ชอบปาข้าวของเมื่อไม่ได้ดั่งใจ พิกัดลงกระหม่อม
กลางกบาล หรือทำร้ายร่างกายเล็กๆน้อยๆ(แค่หัวแตก ปากฉีกเท่านั้น) โดยแทบไม่สวนกลับ
เช่น ทะเลาะกันเรื่องฝาชักโครก แซนซัสไม่ยอมยกลงหลังใช้เสร็จ เสื้อผ้าใส่เสร็จแล้ว ไม่เคยถูกจัดลงตะกร้าดีๆหรอก
นู้นน กองอยู่รอบๆตะกร้าผ้า หนักสุดก็เกลื่อนไปทั่วห้อง (ตั้งแต่เรื่องเล็กๆน้อยๆยันเรื่องราวใหญ่โต)
ทั้งที่จริงแล้ว เบื้องหลังของวาเรียควอริตี้ที่ทุกคนชื่นชมล้วนแล้วมาจากรองหัวหน้าเสมอ
สควอโล่สามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด เฉียบคม เช่นเรื่องภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
หากไม่มีเปอร์เซ็นในการชนะ(คำนวณคร่าวๆมักเกินเก้าสิบเปอร์เซ็นขึ้นไป) ก็จะไม่รับโดยเด็ดขาด!
คำนวณถึงความสามารถของลูกน้อง วางกลยุทธในทีม ให้เสร็จสรรพและพร้อมลงมือ
อย่างน้อยต้องขอบใจเดนเซล... วันนี้ก็ยังมีเรื่องราวดีๆอยู่บ้าง
โปรดติดตามตอนต่อไป...
14-07-2563
ชิวกลับมาแล้วครับทุกท่าน (เฮ) ขอเกริ่นๆเบาๆก่อนว่าฟิคชั่นเรื่องนี้ไม่ได้เป็นไปตามเนื้อเรื่อง
เพราะจำเนื้อเรื่องไม่ได้(แฮ่) และเนื้องาน+สไตล์ที่ชิวเขียน(เรื่องราวจริงจังมาก)...
คิดว่าก็ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านทั่วไปเช่นกัน (เพราะคนปกติเขาไม่ทำกัน)
และเนื้อหาในบางตอนก็ไม่ค่อยเชื่อมต่อกันมากนักเพราะมีเนื้อหาไม่เหมาะสมสำหรับเว็บเด็กดี
ดังนั้นชิวจึงทำการย้ายเว็บลงครับ แต่เด็กดียังอัพให้ตามได้อยู่แต่จะเป็นเวอร์ชั่นสะอาดๆ คลีนๆ
ตัดฉากออกไปเยอะเช่นกัน หากนักอ่านท่านใดสนใจติดตามเวอร์ชั่นเต็มๆ...แต่สามารถอ่านกันได้ที่นี่ครับ
อย่างไรก็ตาม ชิวขอบคุณทุกท่านมากๆที่ยังสนับสนุน และขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านครับ
รักนะเด็กๆ
นายชิว
ความคิดเห็น