ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic: Naruto] เหนือกาลเวลา

    ลำดับตอนที่ #9 : เหนือกาลเวลา : แผนลับภารกิจร้าย

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 64



     


     


     

    - แผนลับภารกิจร้าย -


     

    ปิดจ็อบดูแลฟาร์มม้าลงอย่างสวยงามที่สุดภายในสามวันตามระยะเวลากำหนด  

    ขณะนี้คาคาชิ ชุนและลูกทีมหมู่เจ็ดเข้ารายงานตัวหลังจบภารกิจ(รับค่าจ้าง)  พบปะสนทนากับโฮคาเงะรุ่นที่สาม

    เพียงเล็กน้อย ก่อนจะแยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย รอเรียกตัวภารกิจต่อไป

              “ ชุนเท่าที่จำได้เรายังไม่ได้ซื้อเตียงนอนเลยนี่เนอะ ” คาคาชิดึงมือชุนไว้ กลับมาจากภารกิจดูแลฟาร์มม้าแล้ว 

    เหมือนจะมีเวลาว่าง แม้อาจจะไม่มากอย่างน้อยก็พอจะให้ทั้งสองคนได้ใช้เวลาร่วมกัน

    “ อืม ” ชุนแค่พยักหน้าเท่านั้น

    “ เอางี้กลับบ้านเปลี่ยนเสื้อแล้วก็ไปเดินซุปเปอร์ฯกันเถอะ ”  คาคาชิเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวน

    “ ก็เอาสิ ”

    คาคาชิ ชุน เดินทางกลับบ้านฮาตาเกะวางกระเป๋าเสื้อผ้าสองใบไว้บนโซฟา  อาบน้ำผลัดเสื้อไปเดินเที่ยวต่อ

    และออกไปเดินซุปเปอร์ฯ

    ในช่วงเช้าไม่ค่อยมีผู้คนมากหน้าหลายตานัก อาจจะเพราะอยู่ในช่วงต้นเดือนก็เป็นได้

    ตอนนี้คาคาชิและชุนอยู่ในโซนของแต่งบ้าน ในส่วนของห้องนอน คาคาชิรู้สึกว่าระหว่างทางนั้นมีแต่ผู้คน

    จ้องมองคนข้างกายเขาแทบตลอดเวลา จะให้ทำอย่างไรได้ละก็เพราะชุนหล่อ...

    ชุนอยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวกับชุดเอี๊ยมยีนส์สีฟ้าซีดขายาวพอดีช่วงขา  โดยปลดสายเอี๊ยมบนบ่าลง

    เพื่อความคล่องตัว

    คาคาชิพินิจแล้วว่าเรื่องแฟชั่นเสื้อผ้าของชุนก็ไม่เบาอยู่เหมือนกัน ท่าทางจะชอบแต่งตัวเสียด้วย

    “ เตียงไหนดีละ ? ” คาคาชิหันไปขอความเห็นจากชุนเพื่อประกอบในการตัดสินใจ

    ชุนเงียบแต่ยังเดินไปรอบๆ สำรวจพวกเตียงนอนเหล่านั้นโดยมีพนักงานขายเดินตามเป็นพรวน 

    “ สนใจสินค้าตัวไหนถามได้ค่ะ ” พนักงานสาวตัวน้อยหน้าหวานคนหนึ่ง

    เข้ามาให้ความช่วยเหลืออย่างดีพร้อมรอยยิ้ม

    “ อยากได้ที่นอนนุ่มแต่ไม่ยุบตอนนอนลง ถึงนอนราบหรือตะแคงก็ไม่ปวดหลัง ” คาคาชิตอบไปอย่างนั้น

    “ ขอแนะนำเป็นสินค้าตัวนี้ค่ะ ” พนักงานสาวตัวน้อยเดินนำพร้อมกับผายมือ

    เธอให้คำแนะนำ พรีเซนท์ แจกแผ่นพับ ใบปลิวได้อย่างราบรื่นพร้อมกับบอกว่าสามารถทดสอบสินค้าได้

     “ เอ่อ ว่าแต่รุ่นนี้... ” คาคาชิเหมือนมีคำถามอยู่ในใจ

    “ รับประกันความพึงพอใจถึงสามปีเต็มค่ะ” เธอตอบแบบฉะฉาน สบตากับคาคาชิเพียงเล็กน้อย

    ก่อนจะหันไปสบตากับชุนด้วยอีกคน

    “ อ่อ ครับ แล้วมีอะไรที่พิเศษแตกต่างจากรุ่นอื่นไหมครับ? ” คาคาชิตั้งคำถาม 

    เมื่อลองเทียบราคากับรุ่นอื่นๆเหมือนว่ารุ่นนี้ จะมีราคาที่แพงอยู่พอสมควร

     “  ความพิเศษของรุ่นนี้คือไม่ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดรบกวนใจแน่นอนคะ เพราะฐานด้านล่างทำมาจากเหล็กอย่างดี

    จึงเป็นรุ่นที่ขายดีอันดับหนึ่งมาสองปีซ้อนแล้วละค่ะ “ เธอเน้นประโยคเหมือนจงใจบอกใบ้บางอย่าง

    ส่งสายตาหวานเหมือนใบหน้าส่งให้ชุน ส่วนชุนเหมือนจะรู้สึกตัวจึงเดินจากตรงนั้นไปทันที คาคาชิสืบเท้าเข้าใกล้

    ยกฝ่ามือหนาออกแรงกดช่วงบ่าซ้ายของชุนเกือบเต็มแรง ด้วยความที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวดีนักส่งผลให้ชุนถึงกับเสียหลัก

    ล้มลงไปนอนบนเตียงนอนทางด้านขวามือ

    “ ง่วงก็ไม่บอก ฮ่า ฮ่า ” คาคาชิถึงกับหัวเราะร่าแล้ววิ่งหนี ส่วนชุนรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตามคาคาชิทันที

    ทั้งที่ในใจอยากจะหันไปจัดการกับพ่อคนตัวการจริงๆ ส่วนสาวๆพนักงานแถวนั้นต่างพากันกรี้ดกร้าดกันยกใหญ่

    บ้างก็พากันตั้งวงซุบซิบพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของโจนินระดับพระกาฬอย่างฮาตาเกะ คาคาชิกับเด็กหนุ่มหน้าหล่อใส

    คล้ายพระเอกในซีรี่ส์ชื่อกระฉ่อนทั่วแคว้นฮิโนะคุนิในขณะนี้

    “ มันไม่ตลกเลยนะคาคาชิเล่นอะไรเป็นเด็กไปได้! ” ชุนปรามให้คนตัวโตหยุดส่งเสียงหัวเราะปนแซว

    “ แหม ก็ชุนทำหน้าขรึมซะขนาดนั้นดูสิพนักงานไม่กล้าเข้ามาคุยด้วยเลยนะ ” คาคาชิปดคำโตเพื่อเอาตัวรอด

    รู้อะไรไหมชุน...คุณเป็นคนที่น่าแกล้งมากที่สุดเลยนะ... 

    “ ... ” ชุนไม่พูดอะไรมีแต่ส่งสายตาดุดันให้คาคาชิหยุดเล่นและจริงจังกับการเลือกซื้อที่นอนเสียที!

     “ โอเค ฉันยอมเลย ” คาคาชิมิอาจจะทนสายตาทรงอำนาจของชุนไหว 

    ชุนเสยผมขึ้นหันไปคุยกับพนักงานขายสินค้าเล็กน้อย พนักงานผู้โชคดีคนนั้นได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  “ เก็บเงินกับคนนั้น

    ชุนชี้นิ้วไปทางคาคาชิขณะกำลังเซ็นชื่อลงสลิป(จ่ายด้วยบัตรเครดิต) 

                เมื่อตกลงซื้อเตียงใหม่แล้ว จ่ายเงินเรียบร้อย เหลือเพียงแค่ทางบริษัทจัดส่งตามบ้านเท่านั้น

    ซึ่งนัดแนะวลากันเรียบร้อย คาคาชิก็นึกเกมสนุกๆขึ้นมาได้อีกอย่าง...เพราะมองจากเสื้อผ้าของชุนแล้ว 

    ก็เป็นเสื้อผ้าตัวเก่าๆของเขา เกือบจะเป็นชุดเสื้อผ้าสมัยเด็กๆทั้งหมด ซึ่งตอนนี้หากนำมาใส่คงไม่เหมาะแน่ 

    เช่น เสื้อเอี๊ยมเนื้อดียิ่งซีดยิ่งสวยขายาวบนตัวชุน...ด้วยรูปร่างสูงโปร่งขาแขน ยาว และหน้าตาหล่อเหลา...

    บอกได้เลยว่าสวมใส่ชุดนี้แล้วรอด! นั่นสินะ...ไม้แขวนดีถึงดีมาก เสื้อผ้าดี ทำให้มองเห็นภาพโดยรวมทั้งหมด(อะไรๆ)ก็ดูดี

     คาคาชิแวะเข้าร้านขายของเล่น ส่วนชุนก็ยืนรอภายในร้าน ร้านของเล่นญี่ปุ่นเล็กๆขนาดสี่เหลื่อม

    มีอะไรให้เลือกสรรคเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นพวกฟิกเกอร์เอย  โปสเตอร์ หนังสือการ์ตูนตั่งต่าง

    เรียงรายกันเต็มหน้าแผงไปหมด

    คาคาชิได้ของเล่นชิ้นเล็กๆติดมือกลับออกมา

    “ มาเล่นเกมกันดีกว่า อยากได้อะไรหยิบเลยไม่ต้องสนใจเรื่องราคา แต่ว่าชุนต้องอ่านราคาให้ถูกต้อง

    ภายในเวลาห้าวินาทีตกลงไหม? “ คาคาชิอธิบายเรื่องกติกาให้ฟังอย่างเรียบง่าย

     “ เกรงใจจัง “ ชุนไม่กล้าเล่น

     “ เอาน่าๆ ไม่ต้องเกรงใจหรอก เวลาซื้อของจะได้รู้ราคา “ คาคาชิอยากให้ชุนฝึกพูด

    เพราะก่อนหน้านี้ชุนฝึกพูดคำศัพท์ เรียบเรียงประโยคได้แล้ว สื่อสารกันได้อีกด้วย เหลือเพียงแค่เรื่องตัวเลข

    ที่ยังคงน่าเป็นห่วง  

     

    คาคาชิเดินพาชุนตรงมายังร้านเสื้อผ้า แน่นอนละว่าเป็นเสื้อผ้าขึ้นชื่อว่าเนื้อผ้าดี ดีไซน์สวยงาม ตามยุคตามสมัย

    เสื้อผ้าให้เลือกหลากหลายสไตล์เหมาะสำหรับลุยได้ทุกสถานการณ์ตั้งแต่ เดินจ่ายตลาด งานบวช งานแต่ง  เข้าป่า-

    หรือออกงานสังคมตอนกลางคืน 

                 “ ตัวนี้คาคาชิ ” ชุนหยิบเสื้อสเวตเตอร์คอวีสีดำชูให้คาคาชิดู 

                “ เอาละพร้อมนะ ” คาคาชิพร้อมนับ และถือของเล่นขึ้นมา ของเล่นที่ว่าเป็นแท่งไฟสีขาวมีสองด้าน 

    ด้านหนึ่งเป็นสัญลักษณ์วงกลมสีฟ้า อีกด้านเป็นเครื่องหมายกากบาทสีแดง

                “ หนึ่ง สอง ” คาคาชินับเลขทันที แล้วชูของเล่นขึ้นมาในระดับอก

                “ ราคาเอ่อ ห้าร้อย ..สี่สิบ..เอ่อ ....” ชุนกำลังตั้งใจเพ่งดูราคาจากป้ายเสื้อ

                “ สาม สี่ ” คาคาชินับต่อทันที

                “ ห้า หมดเวลาๆ ” ตื้ดดดด คาคาชินับถึงห้าแล้วกดปุ่มด้านสัญลักษณ์กากบาท

    เพื่อเป็นการเตือนชุนว่าไม่ผ่าน และอดได้ชุดที่กำลังอยู่ในมือ

     

                “ ทำไมนับไวจัง? “ ให้ตายละ แค่ภาษาว่ายากแล้ว ยังมีเรื่องของตัวเลขเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีก

                 “ ฮ่า ฮ่า “ คาคาชิหัวเราะด้วยความสุข แม้ชุนจะประท้วงก็ตาม เขาปล่อยให้ชุนเลือกเสื้อผ้าเงียบๆอย่างนั้น 

    และคอยยืนดูอย่างห่างๆ แต่ไม่พ้นสายตา เมื่อชุนพร้อมหรือพยักหน้าให้เข้าไป คาคาชิก็จะเข้าไปทันที 

    ชุนเริ่มเข้าใจและสามารถตอบได้คล่องแคล่วขึ้น หรือเรียกง่ายๆว่าจับหลักถูกจะดีกว่า อ่านถูกบ้าง ไม่ถูกบ้าง

    ก็ผสมปนกันไป ในส่วนที่ตอบไม่ได้ส่วนมากจะเป็นตัวเลขหลักพันขึ้น ถือว่าคาคาชิประสบความสำเร็จเลยละ 

    คิดว่าถ้ามีกิจกรรมนี้อีก ครั้งหน้าชุนจะไม่มีทางพลาดแน่ๆ  คาคาชิหัวเราะร่ามีความสุข เงยหน้ามองเพดาน 

    รู้สึกได้ว่าเห็นนกกระจิบตัวเล็กบิน เข้ามาในซุปเปอร์ผ่านหน้าไปอย่างช้าๆ 

    คาคาชิสบถภายในใจเล็กน้อย ทั้งที่เพิ่งกลับมาจากภารกิจทั้งที

    แทนที่จะได้หยุดอยู่บ้านได้พักเสียบ้าง กลับโดนท่านโฮคาเงะเรียกพบตัวในตอนนี้พอดี

    “ ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ ” คาคาชิกระซิบบอกชุน  ไม่นานนักคาคาชิเดินกลับมาพร้อมกับลูบท้องป้อยๆ

    บอกกับชุนว่าถ่าย ท้องนานไปหน่อยและขอโทษขอโพยตามนิสัย ชุนได้แต่เสยผมพยักหน้าและเดินนำคาคาชิกลับบ้าน

    ชุนหยุดฝีเท้าเพื่อมองหน่วยลับในเครื่องแบบสามคนผ่านหน้าไปอย่างช้าๆ  แล้วก้มหน้าลงมองพื้นเล็กน้อย

    ค่อยเงยหน้าขึ้นมาและออกเดินเหมือนปกติ

             “ อะไรหรอชุน? ” คาคาชิถามเมื่อเห็นชุนหยุดยืนนิ่ง ดูเหมือนจะพูดอะไรกับตัวเองเล็กน้อย

    “ เปล่าไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่คิดถึงบาเร็ตต้าเอ็มเก้าเอหนึ่งสีดำเท่านั้น ” ชุนส่ายหน้าเพื่อกลบพิรุธ

    ทั้งที่ภายในใจของหล่อนนั้นกำลังคิดถึงใครบางคนอยู่....ถึงกับต้องอ้างเรื่องปืนบังหน้าซะอย่างนั้น

    “ อ่า ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ” คาคาชิเกาคางทำท่าเหมือนใช้ความคิดอย่างมากโดยเฉพาะบาเร็ตต้าเอ็มเก้าเอหนึ่ง

    ชุนลอบสังเกตขณะที่คาคาชิเป็นฝ่ายเดินนำหน้า

     “ สงสัยฉันคงคิดไปเอง ” ชุนเริ่มเล็งเห็นพฤติกรรมของคนร่วมชายคาที่เปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย

     

     

         Kakashi’s talking.

     

    ผมขอตัวละจากชุนมาเข้าห้องน้ำทันทีเมื่อเห็นว่ามีเรื่องด่วนจากท่านโฮคาเงะ เราจะมีรหัสลับในการเรียกตัวคือ

    ส่งนกกระจิบตัวเล็กโผล่มาบินให้เห็นและโผบินจากไป ผมอยากมีความไวเท่าชุนเสียจริง แว่บเดียว

    ก็คงไปโผล่ที่ตึกสำนักงาน อีกแว่บหนึ่งก็กลับมาหาชุนที่ซุปเปอร์ฯ

    “ รุ่นพี่คาคาชิ “ ยามาโตะรุ่นน้องจากหน่วยลับโบกมือทักทาย

    ไอเดีย ความคิดบรรเจิดของคาคาชิเเล่นคล้ายมีเสียง ต่อก ต่อก ปิ้ง! เหมือนอิกคิวซังเวลาใช้สมองนั่งสมาธิชอบกล

     “ มีเรื่องอยากวานให้ช่วยหน่อย “ พูดจบผมกระซิบข้างหูยามาโตะทันที

    “ จะดีเหรอครับ? “ ยามาโตะเกาท้ายทอยดูเหมือนว่าจะไม่ยอมให้ความร่วมมือด้วย

    “ ดีสิ อีกอย่างนะในฐานะรุ่นพี่ รุ่นน้องที่ฉันยอมรับมีแต่นายคนเดียวเท่านั้นแหละ! “

     “ เป็นแผนที่ยอดเยี่ยมมากเลยครับรุ่นพี่คาคาชิ “

    ได้ยินยามาโตะพูดแบบนี้แล้วแสดงว่าคารมของผมยังใช้งานได้อยู่  แผนการของผมมีไม่เยอะ 

    ก็แค่ให้ยามาโตะใช้คาถาแปลงกายเป็นตัวผมไปอยู่กับชุนเสียก่อนนะสิ ที่สำคัญพยายามอย่าให้ชุนจับได้เด็ดขาด! 

    ผมกระซิบบอกยามาโตะเรื่องเกี่ยวกับชุนและตัวผมพอสังเขป เพื่อเพิ่มความเนียนมากยิ่งขึ้นอีก อย่างชุนจะได้ไม่ต้องสงสัย

    เมื่อยามาโตะตอบตกลงผมก็ไม่รอช้ารีบมุ่งหน้าตรงไปยังตึกสำนักงานโฮคาเงะทันที มุ่งหน้าเข้าห้องทำงานของโฮคาเงะ

    พบกับสมาชิกหมู่เจ็ดมากันพร้อมหน้า

    “ ภารกิจต่อไปของทีมเจ็ดคือช่วยเลี้ยงลูกให้ท่านผู้เฒ่า ไปทำธุระที่เมืองใกล้ๆแทน แล้วก็ขุดมัน ”

    โฮคาเงะเอ่ยขณะคาบไปป์บนริมฝีปาก ในมือถือแผ่นใบภารกิจ เขาอ่านภารกิจต่อไปอย่างใจเย็นด้วยน้ำเสียงโทนปกติ

    “ ผมไม่ใช่เด็กอมมือเอาแต่ซนไปวันๆ อย่างที่คุณตาคิดตลอดไปหรอกนะ! ” นารูโตะยกมือขึ้นมาไขว้

    เป็นสัญลักษณ์กากบาทคล้ายกับไม่ยอมรับภารกิจในครั้งนี้

    “ เข้าใจแล้ว ถ้าเธอพูดถึงขนาดนั้น จะลองภารกิจระดับCดู ภารกิจองครักษ์ให้กับคนๆหนึ่ง ”

    โฮคาเงะรุ่นสามจำใจวางใบภารกิจสีเทาในมือลงบนขอบโต๊ะ เอื้อมมือหยิบแผ่นกระดาษขนาดเอสี่ ภารกิจอีกหนึ่งใบ

    ขึ้นมาอ่านรายละเอียดคร่าวๆ

    “ ใครหรอ ใครเหรอ ไดเมียวหรือว่าเจ้าหญิง ? นารูโตะหูผึ่งตาโตยิ่งกว่าไข่ไทรเซอราท็อปส์

    เมื่อรู้ว่าท่านโฮคาเงะรุ่นที่สามยอมเปลี่ยนภารกิจให้แทนจะกล่าวขอบคุณเสียบ้าง  ให้มันดูน่ารักขึ้นมาหน่อยก็ยังดี

    “ อย่าใจร้อนน่ากำลังจะแนะนำตัวอยู่นี่ไง เข้ามาข้างในหน่อยครับ ” ฮิรุเซ็นปรามให้นารูโตะเลิกถามเซ้าซี้

    “ มีแต่พวกเด็กเมื่อวานซืนทั้งนั้นเลยนี่ โดยเฉพาะไอ้เปี๊ยกที่หน้าตาบื้อกว่าเพื่อนน่ะ แกเป็นนินจาจริงๆเหรอ?  

    บานประตูห้องถูกเปิดกว้างออกพบกับอาคันตุกะชายสูงวัย ผู้จ้างวานมองเหล่านินจาตรงหน้า ปราดตามอง

    เหล่าสมาชิกทีมเจ็ด พร้อมกับความคิดภายในใจ ท่าทางดูไม่ค่อยจะพึ่งได้สักเท่าไร

    โดยเฉพาะเจ้าเด็กโวยวายเสียงดัง!

    “ ใครฟะตัวเปี๊ยกกว่าเพื่อนน่ะ! ” นารูโตะร้องโวยวายเสียงดัง หัวฟัดหัวหวี่ยงกับคู่กรณี 

    สมาชิกทีมเจ็ดอีกสองคน ซาสึเกะ ซากุระได้แต่ส่งสายตามองไปยังนารูโตะ  แม้จะไร้คำพูดใดๆของเพื่อนทั้งสอง

    การกระทำก็ฟ้องว่าสิ่งที่ชายสูงวัยตรงหน้าพูดนั้นหมายถึงใครโดยไม่เอ่ยชื่อออกมาตรงๆ

    “ ฉันจะฆ่าแก! ” นารูโตะทำท่าจะพุ่งกระโจนเข้าหาชายสูงวัยปากจัด เหน็บแนมไม่เลิก

    เพราะรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมันดูถูกเหยียดหยามนินจามากเกินไปแล้ว! ส่วนสูงมันเกี่ยวอะไรด้วยฟ่ะ!

    “ เราจะเป็นองครักษ์ให้เขาแล้วจะไปฆ่าเขาได้ไงเจ้าเซ่อ! ”  คาคาชิห้ามโดยดึงคอเสื้อนารูโตะจากทางด้านหลังไว้

    “ ฉันเป็นนักสร้างสะพานนามกระเดื่องชื่อดาซึนะ ระหว่างที่ฉันเดินทางกลับบ้านเพื่อสร้างสะพานให้เสร็จ

    พวกนายต้องอุทิศชีวิตปกป้องฉันให้เต็มที่ ” ดาซึนะกล่าวถึงจุดมุ่งหมายกำชับกับทุกคนคาดมั่นว่ากับสมาชิกทีมคาคาชิ

    ว่าต้องได้รับการดูเป็นอย่างดี ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเขานั้น ขึ้นอยู่กับนินจาสี่นายตรงหน้าอยู่ดีๆ

    งานก็เข้ามาชนกระแทกอกเต็มแรงซะอย่างนั้น ภารกิจต้องเดินทางภายในวันนี้ด้วยสิ 

    ผมและลูกทีมต่างพากันแยกย้ายไปเก็บเสื้อผ้าเพื่อไปทำภารกิจ

     ผมหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของตัวเองแอบมองเข้าไปในบ้าน

    ดูสิ! อะไรมันจะรันทดขนาดนั้นบ้านตัวเองยังเข้าไม่ได้เลย โธ่ ชีวิต!

    พนักงานขนย้ายเฟอร์นิเจอร์พากันทยอยกลับไปเรียบร้อย เหลือแค่ยามาโตะเดินเล่นบริเวณสวนหลังบ้าน 

    ท่าทางจะสนอกสนใจกับการจัดแต่งสวนของชุน ชุนกำลังดูทีวีเกี่ยวกับรายการอาหาร นอกจากดูอย่างตั้งใจแล้ว

    ชุนยังพยายามพูดและออกเสียงตาม แถมมือยังจด เขียนพวกสูตรอาหารลงบนแผ่นกระดาษอีกด้วย

    โอเค พอเห็นว่ามีช่องทางสะดวกสำหรับการย่องเบาขึ้นไปจัดกระเป๋าเสื้อผ้า

     เมื่อเก็บเสร็จเรียบร้อยดีแล้วผมจึงรีบออกเดินทางทันที

     

    End Kakashi's talking.

     

     

    - 69's talking.

     

     ช่วงสองถึงสามวันมานี้ฉันรู้สึกว่าสำนวนการพูดแจแปนนีสไม่ค่อยเข้าท่านัก การเดินทางมักพบปะผู้คนใหม่ๆอยู่เสมอ

    รวมไปถึงเรื่องการพูดซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน ฉันกำลังรู้สึกว่าตัวเองพูดด้วยสำเนียงภาษาไทย

    จึงทำให้หลายๆคนทำหน้าสงสัย ทุกครั้งที่ฉันพูดหรือธิบายบางอย่าง ข้อดีของการเดินทางในครั้งนี้ คาคาชิพาให้ฉัน

    ได้รู้จักกับโลกของนินจา ภารกิจของเขาและมิตรภาพของพวกพ้อง บอกได้เลยว่าอย่างหลังฉันไม่เคยได้รับสิ่งนั้นเลย

    กลุ่มของนักลอบสังหารหัสดินก็มีสังคมเหมือนเช่นกัน...เพียงแต่ว่าฉันไม่เคยเข้าร่วมหรือสุงสิงกับพวกคนเหล่านั้นนัก 

    อาจจะเป็นเพราะอินดี้เกินไปก็ได้

    " นิสัยของฉันคงเหมือนนายแน่ๆ..หัสดิน " ฉันเผลอคิดถึงเขาเข้ามาอีกแล้ว ฉันถอนหายใจเบากับตัวเอง

    นี่มันก็จะปาย่างเข้าสู่เดือนที่สองแล้วนะ ยังติดอยู่ในโลกของนินจาไร้ซึ่งหนทางกลับบ้าน คาคาชิไม่ได้ส่งข่าว

    อะไรเหมือนเช่นเคย บอกตรงนี้เลยว่าฉันอดใจรอคาคาชิตามเรื่องไม่ไหวแล้วนะสิ 

    สงสัยงานนี้ฉันคงพึงตัวเองแอบสืบเรื่องลับๆ

     

    " คุณจัดสวนสวยดีนะ น่าจะลงปลาสวยงามในบ่อด้วย " คาคาชิเดินเข้ามาทิ้งตัวลงข้างโซฟาหาเรื่องชวนคุย

    " ขอบคุณ " ฉันกล่าวสั้นๆขณะดูโทรทัศน์ พิธีกรร่างท้วมในจอแก้วกำลังพูดถึงส่วนผสมในการปรุงอาหาร

    ฉันมองข้างตัวเพื่อหาแผ่นกระดาษสำหรับจดรายการวัตถุดิบเหล่านั่น คาคาชินั่งมองตาปริบๆ ไม่กล้าพูดอะไรเยอะ 

    รอจนกว่าฉันจะจดทุกอย่างเสร็จ

    " ฉันชักจะคิดถึงขนมไทยแล้วสิ " ปกติส่วนตัวแล้วฉันไม่แตะต้องของหวานเลยสักนิด 

    บอกได้ว่าเรื่องนี้จะไม่ยุ่งเลยดีกว่า  อาจจะเป็นเพราะใช้สมองหรือร่างกายใช้แรงเยอะ 

    จนกระทั่งร่างกายต้องการความหวานมาทดแทน

    " ขนมไทยหรอ? " คาคาชิหันมาถาม

    " ใช่ ขนมไทย ไม่หวานหรอกนะนายทานได้แน่ๆ"

    " อืม " 

    รายการอาหารจบลง พิธีกรบอกลาคุณผู้ชมทางบ้าน ฉันลุกออกจากห้องรับแขกเปลี่ยนเส้นทางเดินเข้าห้องครัว

    สมองของฉันคิดออกแล้วว่าขนมไทยของหวนที่คิดถึงมันคืออะไร ว่าแล้วก็เปิดตู้เก็บอาหารแห้งออกหาผงแป้งมัน

    สำปะหลัง  แป้งข้าวเหนียว พระเอกของงานยังพอมีเหลืออยู่ ไม่ต้องถามหาถึงใบเตยเพราะคงไม่มี 

    เช่นเดียวกับเครื่องต้มยำ แต่อย่างน้อยฉันก็นำมาพลิกผันเป็นอย่างอื่นเเทนเสียเลย 

     ฉันรู้สึกว่าอยากให้คาคาชิได้ทานต้มยำกุ้งแบบจริงๆ ถ้าพาคาคาชิกลับไปด้วยได้

    ละก็ฉันก็คงยัดเขาใส่กระเป๋าเดินทางกลับ 

    " เมนูวันนี้คืออะไรหรือพ่อครัวตัวน้อย? " คาคาชิโผล่มายืนหน้าเคาน์เตอร์ไม่เข้าไปรบกวนด้านใน

    ฉันสะดุดกับคำว่า'-ตัวน้อย'อีกครั้งรู้สึกไม่ชอบใจกับคำๆนี้เท่าไหร่ บอกก่อนเลยว่าส่วนสูงของฉัน ประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบ

    ห้าเซนติเมตรกับอีกจุดห้า มันก็มากพอเกินกว่าจะพูดคำว่าตัวน้อยจริงๆ และในเวลายืนใกล้เคียงบ่าไหล่คาคาชิเองนั้น

    ฉันต้องเงยหน้า เพื่อคุยกับเขาด้วยนี่สิแต่เดี๋ยวก่อนนะ...รู้สึกว่ามีอะไรแปลกไป

    ทำไมวันนี้คาคาชิตัวหดลดลงส่วนสูงเท่าฉันเลยละหรือว่าฉันรู้สึกไปเอง? 

    รู้สึกว่าตั้งแต่หลังกลับจากซุปเปอร์ฯคาคาชิทำตัวเรียบร้อยแบบแปลกๆ ไม่มาหาเรื่องกวนใจตอแยฉันเลยสักนิด

    สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างเคยได้ยินเรื่องนินจาใช้คาถาปลอมตัวแปลงกายอะไรนั่นมาก่อน 

    แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าต้องทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าเป็นการใช้คาถานินจา

     ถ้ามีเนตรวงแหวนมันก็คงจะเป็นประโยชน์อย่างมากพูดแล้วคิดถึงอิทาจิเลยด้วยสิ 

    ไม่รู้ว่าเขาจะสิงสถิตอยู่ที่ไหนถึงได้ไม่ออกมาให้ได้เห็นเลย

    " ฉันรู้สึกว่าพระเอกนิยายเล่มส้มนั่นนะ..." ฉันเกริ่นแล้วรอจับพิรุธของคาคาชิ

    " อืม ทำไมหรอ? " เขาทำหน้านิ่งแล้วมองรอว่าฉันจะถามอะไรต่อจากนี้

    " จริงๆแล้วตัวเอกของเรื่องนะ " ฉันให้โอกาสคาคาชิอีกครั้งเผื่อว่าจะเป็นเขาจริงๆ

    " อืม " คาคาชิมองฉันถามให้จบประโยค เปล่าเลยฉันเสยผม คว้าช้อนกลางใกล้มือได้

    ขว้างปาใส่คาคาชิด้วยความเร็ว คาคาชิโยกตัวหลบทันฉันใช้ความไวสูงสุดของร่างกาย 

    เข้าหวดอัปเปอร์คัตคางคาคาชิเต็มแรง ร่างของคาคาชิล้มลงดังตึง ฉันกระโจนเข้าไปใกล้ใช้ความเร็วอีกครั้ง

    บีบลำคอหนาของเขาไว้แล้วดึงขึ้นกลางอากาศ

                " แกไม่ใช่คาคาชิ " ฉันจ้องหน้าอีกฝ่ายที่ตอนนี้กำลังจะเข้าสู่นิทราเต็มที บอกได้เลยว่าลางสังหรณ์

    หรือที่เรียกว่าเซนส์ของฉันมันแรงและถูกต้องเสมอ เพราะอะไรทำไมฉันถึงทราบได้นะหรือ 

    หึหึ ไม่ใช่เรื่องยากก็เพราะเวลาพูดถึงนิยายปกส้ม

    เล่มโปรดของคาคาชินะสิ(เจ้าตัวมักถือไม่ยอมวางลงเลยทีเดียว) คาคาชิมักมีอาการให้เห็น...ไม่ว่าจะแก้มแดงเบาๆ

    ปิดปากหัวเราะด้วยท่าทางเหนียมอาย 

    " แค่ก แค่ก  " 

    " คลายคาถาแล้วไสหัวออกจากบ้านไปซะ! " ฉันสั่ง

    เขาคลายคาถาแปลงกายตามคำสั่งและสลบไปในที่สุด  ฉันค่อยๆปล่อยร่างของเขาลงนอนราบบนพื้น

    มองหาสิ่งที่เรียกว่าเชือกนำมาพันธนาการไว้ เกรงว่าถ้าฟื้นขึ้นมาแล้วคงมีมวยกันอีกแน่ จับร่างเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้

    แยกมัดมือ ขา ขาทั้งสองข้างไว้เพื่อไม่ให้ประสานอินหรือหยิบจับอาวุธซ่อนบนร่างกาย

    เผื่อเขาจะใช้คาถานินจาแก้เชือกอะไรนั่นอีก เล่นตุกติกขึ้นมาละก็จะยุ่งแน่ๆ

    สามชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนโกหก เขาตื่นขึ้นแม้จะมีอาการเจ็บปลายคางก็ตาม ฉันหยิบผ้าขนหนูและน้ำแข็งออกมา

    ใช้ผ้าขนหนูห่อด้วยน้ำแข็งประคบส่วนที่ยังคงเจ็บเพื่อบรรเทาอาการปวด 

    " นายชื่ออะไร แล้วมาทำอะไรที่นี่ คาคาชิไปไหน? " ฉันถามเว้นวรรคเพื่อให้เขาตอบ

    " ฉันชื่อ ยามาโตะ รุ่นน้องของรุ่นพี่คาคาชิ เป็นหน่วยลับขึ้นตรงกับท่านโฮคาเงะ รุ่นพี่คาคาชิติดภารกิจด่วน 

    วานให้ฉันมาช่วยดูแลคุณ " ยามาโตะได้บทพูด เขารีบสาธารยาทุกอย่างออกมา คล้ายกับว่ากำลังสารภาพบาป

    กับบาทหลวงโทษทัณฑ์ควรได้รับการอภัยครึ่งหนึ่ง ฉันหยุดคิดไปชั่วครู่ การที่คาคาชิวานให้คนอื่นมารับช่วง

    สานต่อเรื่องงานของฉันนั้น ไม่ใช่ในเรื่องดีแน่ แสดงว่าเขายังมีเรื่องบางอย่างปกปิดฉันไว้อยู่ เช่น เรื่องภารกิจ

    ที่ได้รับมอบหมาย ถ้าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนคงเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย  ทว่าคาคาชิควรจะบอกไว้ไม่ใช่หรอ

    ว่าออกทำภารกิจใหม่ถึงจะงานหลวงมาก่อนก็ตามแต่ หรือว่าคาคาชิยังคงไม่ไว้เนื้อเชื่อใจตัวฉันมากนัก 

    จึงให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทนเพื่อคอยจับผิด แผนลับภารกิจร้ายเสียจริงนะพ่อคุณ!

    " รุ่นพี่คาคาชิคงจะเป็นห่วงคุณนั่นแหละ ถึงได้ให้คนอื่นมาดูแล ตามจริงแล้วคนที่อยู่ใต้การดูแลควรสวม

    กุญแจมือควบคุมพฤติกรรมด้วยซ้ำ รุ่นพี่คาคาชิใจดีไม่เปลี่ยนเลย! " ยามาโตะพูดในแง่ดี 

    เขาไม่เคยเห็นรุ่นพี่ที่เคารพรัก จะกำชับหรือจำรายละเอียดเรื่องของชุนไว้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ของที่ชอบ 

    อาหารที่ใช่ ลักษณะนิสัย และอื่นๆ

    " นั่นสินะ " ฉันถอนหายใจ ก่อนปลดเชือกปล่อยให้ยามาโตะเป็นอิสระ

     ฉันให้เขาออกจากบ้านไปแล้วไม่ต้องกลับมา แปลงกายเป็นคาคาชิคราแรกยามาโตะไม่ยอม ทำให้รับรู้ได้ว่าเขามีนิสัย

    รับผิดชอบต่อหน้าที่จริงๆ ไม่รู้วาคาคาชิเอาอะไรมาป้อนให้ยามาโตะทานถึงได้เชื่องนัก 

    พอบอกยามาโตะไปว่ามีหน่วยลับหนึ่งนาย คอยจับตามองตลอดเวลาอยู่ห่างถัดออกไป ห้าเมตร 

    ทิศสิบสองนาฬิกาเท่านั้นแหละ  ยามาโตะใช้ร่างแยกออกวิ่งไปหาหน่วยลับคนนั้น ไม่นานร่างแยกของยามาโตะก็กลับมา

     ยามาโตะกล่าวขอโทษสั้นๆและยอมถอนตัวจากภารกิจของคาคาชิออกไปอย่างง่ายดาย 

    ความห่างไกลมันทำให้ฉันคิดถึงวิทยาการสมัยใหม่ เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถทำให้เราติดต่อสื่อสาร

    รับข่าวความเคลื่อนไหวของอีกคนได้ในเวลาอันรวดเร็ว คล้ายกับว่าอยู่ห่างกันแค่เอื้อมมือหรือหนึ่งช่วงแขน  

    ทว่าในโลกของนินจาคงมีแต่นกเหยี่ยวไม่ก็นกพิราบ ผูกจดหมายไว้ที่ช่วงขาโยนขึ้นฟ้าคอยส่งข่าวกัน 

    จะให้ฉันทำอย่างไรได้ละ ก็คงตั้งหน้าตั้งตารอเขากลับบ้าน

    อย่างใจจดใจจ่อนี่สิ

    " กลับมาเมื่อไหร่ละก็น่าดู! "

    ไม่ก้านมะยมก็คงเป็นไม้แขวนเสื้อที่ชุนเตรียมไว้ต้อนรับคาคาชิยามกลับถึงบ้าน!

     


     

     End 69's talking. 


     


     

     โปรดติดตามตอนต่อไป...

    10มีค2559

     

    ชิวไม่อยากบอกข่าวร้ายให้ทุกคนทราบเลย  มันคงถึงจุดอิ่มตัวกับการเป็นนักอยากเขียน

    อยากให้เด็กๆทุกท่านทำใจกับเหนือกาลเวลา เพราะด้วยเนื้อเรื่องสืบสวน หักมุมแบบไม่คาดฝัน

    เคยเกริ่นๆไปกับครั้งก่อนว่าจะลบเรื่องแต่ตอนนี้ยังไม่ลบ เพราะกำลังอยู่ในช่วงแก้ไข Between us

    ซึ่งดำเนินมาใกล้ถึงจุดจบของเรื่องเต็มที หลายคนคงพูดว่าทำไมชิวไม่เข้มแข็งให้มากกว่านี้หรือมีไฟในการเขียนต่อไป

    ถ้าโดนน้องก๊อปขโมยนิยายสี่เรื่องแค่นี้เลิกเขียนก็สมควรแล้วไม่มีความอดทนบ้างเลย

         ถ้าเจออะไรๆที่มันร้ายแรงกว่านี้คงไม่ผูกคอใต้ต้นผักชีเลยหรอ?

                    ครับ ขอบคุณทุกความเห็น ทุกกำลังใจ ขอบคุณมากๆครับ

    ชิวเรียนจบมีหน้าที่การงานต้องรับผิดชอบ ไม่มีเวลานั่งปั่นนิยายหามรุ่ง ค่ำเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

    และผลงานที่ผ่านมานั้นชิวรับรู้ได้เลยว่าไม่ค่อยโอเคมากนัก แต่ก็พอเขียนกระท่อนกระแท่นจนจบ

    รู้สึกว่าตั้งแต่ลงตอนใหม่มามีแต่ยอดวิวถล่มถลายอีกตามเคย ไม่ค่อยจะมีคอมเมนต์อะไรหวือหวามากนัก  

    (คงไม่เท่ากับตอนประกาศว่าจะลบเรื่องแต่ยังมีความคิดลบเรื่องเหมือนเดิม)  ชิวเขียนเรื่องไม่สนุก

    หรือว่าอย่างไรเกิดอะไรขึ้น ที่คนไม่เมนต์กัน สำนวนยังดีไม่พอ เนื้อหาตัวเอกไม่ใช่ฝาแฝด มาจากตระกูลเมพๆ 

    หรือว่าอะไร?  วิจารณ์ได้เต็มที่ด่าได้แต่อย่าแรง! เท่านั้นเป็นพอ ถ้าอ่านแล้วไม่สนุก ไม่อยากอ่าน

              โปรดคลิกกากบาทมุมขวาแล้วก็ปิดไปเถิด ไม่ต้องกลับเข้ามาเพื่อปั่นยอดวิว 

                

                                                                                                     รักนะเด็กๆ

                                                                                                       ChewWii

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×