คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Say : Who I am?
I got the eye of the tiger, a fighter,
dancing through the fire
Cause I am a champion
and you’re gonna hear me ROAR
Louder, louder than a lion
Cause I am a champion
and you’re gonna hear me ROAR
Katy Perry - Roar
- I'm Kaoru. -
Kaoru's talking.
ข้ามีนามว่า
ฟูจิวาระ คาโอรุ ชื่อของข้าไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของผู้คนมากนัก แต่ถ้าบอกว่า ’เทวีแห่งสงคราม’
แล้วละก็ทุกคนต้องร้อง’อ๋อ’ หรือไม่ก็ไปถึงบางอ้อกันทุกคน ข้ามีส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร น้ำหนักห้าสิบสามกิโลกรัม
สัดส่วน D36 25 35 เกิดในราชวงศ์ฟูจิวาระ ข้อร้องละว่าอย่าคิดถึงภาพของบรรดาเจ้าหญิงซินเดอเรลล่า เบลล์ สโนไวท์
สวมชุดกระโปรงลูกไม้ฟูฟ่องยาวคลุมถึงข้อเท้า วิ่งเล่น ร้องเพลง เต้นรำอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้พร้อมกับเหล่าสาวใช้
และข้าก็ไม่มีวันจะสวมเสื้อผ้าเชยๆแบบนั้นเด็ดขาด ขอร้องละอย่าจินตนาการภาพแบบนั้นอีกเลยนะ
ข้าเกิดในยุคสงครามกลางเมืองผู้คนล้มตายกันเป็นเบือยิ่งกว่าใบไม้ร่วง รวมไปถึงมารดา
ร่างกายท่านแม่ไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่กำเนิด ท่านคลอดพี่ชายและอีกสิบสองวินาทีต่อมาก็เป็นตัวข้าสร้างความแปลกใจ
ให้ทุกคนเป็นอย่างมากโดยเฉพาะท่านพ่อ ท่านแม่อยู่เลี้ยงดูข้าได้เพียงแค่หกปีท่านก็จากข้าไปอย่างไม่มีวันกลับ
หลังจากท่านแม่เสียชีวิตไปตัวข้าไร้ที่พึ่งพิงเกาะยึดเหนี่ยว คล้ายกับลอยคอเคว้งอยู่กลางทะเล ท่านพ่อปฏิบัติกับข้า-
ราวกับไม่ใช่ลูกของท่าน ท่านผลักหลังข้าลงกลางหุบเหวปล่อยให้ข้าใช้ชีวิตอยู่กลางป่านานเป็นเดือน
ที่พีคสุดคงเป็นถีบสะโพกข้าตกลงไปในบ่อจระเข้ ข้าสามารถเอาตัวรอดได้อย่างหวุดหวิดแม้จะเฉียดตายไปหลายครั้งเหมือนกัน
ผิดกับโอยามาดะได้รับการเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี ไม่ว่าจะได้รับการจะเรียนหนังสือ การเมือง การปกครอง รวมไปถึงวิชาต่อสู้
กระบี่ กระบอง นั่นสินะบางทีข้าอาจจะวาสนาไม่ถึงก็ได้ ไม่มีใครรู้สาเหตุแน่ชัดถึงจุดประสงค์ของท่านพ่อ
ข้าก็อดไม่ได้เลยว่าตัวข้าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ท่านแม่เสียชีวิต ช่างเถิดข้าไม่เคยโกรธหรือเกลียดท่านพ่อสักคราเดียว
ท่านสอนให้ข้าเข้มแข็ง แกร่งขึ้น สามารถเอาตัวรอดได้ในชีวิตจริงมีแต่ข้าต้องขอบคุณท่าน เพราะสิ่งที่ท่านพ่อสอนข้ามา
นั้นไม่สามารถหาอ่านได้จากตำราเรียนเล่มไหน
ความสำเร็จทั้งหมดเป็นเพราะตัวข้ามีพรรคพวกอีกห้าคนทหารคนสนิทคอยสนับสนุน ต่อสู้ ออกรบเคียงบ่า เคียงไหล่
มาตลอดโดยไม่มีใครหันหลังใส่วิ่งหนีเอาตัวรอด พวกเขาเป็นทั้งแนวรบป้องกันทางด้านหน้าในยามข้าออกต่อสู้
เป็นเกราะกำบังพวกลอบโจมตีข้างหลัง แม้จะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนเจ็ดดาบแห่งแคว้นคิริงาคุเระ
ทว่าพวกเขากลับทำให้ข้าอุ่นใจคล้ายกับอยู่กับครอบครัว
ข้าอดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าข้อความจากโทบิรามะจะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน อีกสี่แคว้นใหญ่กำลังจะยกทัพมาสมทบ
กับแคว้นคิริฯ มันก็เป็นศึกใหญ่ที่สุดเท่าที่ข้าเคยทำมา
อย่างแรกข้าต้องจัดการกับแม่ทัพหัวเรือใหญ่จากแคว้นคิริฯ
ที่เป็นไม้เบื่อไม่เมากันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ในเมื่อพวกมันกำลังจะบุกมาทางด้านหน้าเกาะจันทร์เสี้ยว
พวกข้าจะไปสั่งสอนพวกมันให้เลิกตอแยเสีย
“
พวกมันไม่มีเวรยามกันเลยหรือไงนะ? “ นัตสึกวาดตามองรอบกำแพงเมือง
เขาระวังตัวตลอดเวลา
“
กระหม่อมคิดว่าพวกเวรยามคงจะแอบอู้ฮะ “ ฮินาตะกระซิบ
อีกสามสิบเมตรข้างหน้าจะถึงชายฝั่งแคว้นคิริงาคุเระแล้ว
สภาพอากาศไม่เลวร้ายนักอากาศเย็นมีหมอกลงบดบังวิสัยทัศ
ทำให้พวกนินจาเวรยามไม่มีใครได้มองเห็นว่ามีเรือเล็กสองลำแล่นเข้ามาเทียบเรือเงียบๆ
นัตสึมองบนฝั่งกำแพง
เห็นนินจาสองนายกำลังจะเคาะระฆังสัญญาณเตือน นัตสึเพียงแค่หยิบคันธนูขึ้นมา
ตามด้วยลูกธนูสองดอกแผลงศรออกไป
ในคราเดียวจัดทำการปิดปากเรื่องการแจ้งเตือนภัย
“
พลธนูคอยจับตาพวกนินจาเวรยามบนกำแพงไว้ให้ดี “
นัตสึหันไปสั่งการกับนินจาใต้สังกัดตน
“ ครับ “
พวกเขาขานรับ
“ นัตสึ ฮินาตะ ข้าจะลอบเข้าไปสังหารแม่ทัพของมันให้สิ้นซาก “ ข้าสั่ง
ถ้าสามารถเตะตูดคิงออกจากกระดานได้หมากตัวอื่นก็ไม่น่ากลัวแล้วละจริงไหม?
เมื่อขึ้นฝั่งมาได้ข้า นัตสึ
ฮินาตะและทหารฝีมือดีอีกยี่สิบนายตามมาสมทบ
พวกเขาว่องไวและเงียบเชียบ
เข้าโจมตีศัตรูยิ่งกว่าหน่วยคอมมานโดแบบไม่ทันตั้งตัว
แม้ว่าจะการบุกเข้าไปลอบสังหารมิซึคาเงะรุ่นแรกมีนินจามากฝีมือ
คอยอารักษ์ขาอยู่ก็ตาม การลงมือก่อนมักจะได้เปรียบกว่าเสมอ นินจาอารักษ์ขาหน้าห้องนอนมิซึคาเงะคนสุดท้ายล้มตัวลง
นอนบนพื้นด้วยฝีมือของนัตสึ นัตสึเป็นแนวหน้าป้องกันรับการโจมตี ส่วนฮินาตะตั้งรับป้องกันภัยจากทางด้านหลัง
“ ข้าจะรอหน้าห้อง “ นัตสึหันมาบอกข้าพลางเปิดประตูห้องให้ เขาจะรออยู่หน้านอนพร้อมกับฮินาตะ
ข้าพยักหน้าเข้าใจและเดินเข้าห้องนอนของมิซึคาเงะและรู้ว่าต้องทำอะไรต่อไป ข้าทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวเล็กเช็ดตัวดาบยามาโตะ
เปื้อนคราบเลือดด้วยผ้าขนหนูสีขาวอย่างใจเย็น รอแค่มิซึคาเงะตื่นขึ้นมาก็พอ
มิซึคาเงะสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกฝันร้ายเล่นงานเขาแทบเสียสติ
ใบดาบคาตานะมันบั่นคอเขาขาดกระเด็น
มือหนาคล้ำแดดยกขึ้นมาจับมันก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ได้หลุดหายไปไหนเสียหน่อย
เหงื่อกาฬไหลท่วมตัวคล้ายเพิ่งวิ่งมาราธอน
นานห้าสิบนาทีติดต่อกัน อากาศภายในห้องเย็นเฉียบ กว่าจะรู้สึกตัวว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญนั่งอยู่ตรงปลายเตียงก็ห้านาทีเข้าไปแล้ว
ข้านั่งพาดขาซ้ายไว้บนแขนของเก้าอี้ ขาขวายืดไปตามความยาวส่วนมือทั้งสองกำลังทำความสะอาดดาบยามาโตะ
ด้วยผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็ก
“
กะ กะ แกเป็นใคร? “ มิซึคาเงะเสียงสั่น
“ ข้าชื่อคาโอรุ
ถ้าพูดชื่อนี้ท่านคงจะไม่รู้จักสินะ เฮ้อแย่จัง “ ข้าตอบคำถามนั่นด้วยน้ำเสียงโทนปกติ
“
หน้าตาแบบนี้ ระ หรือว่าเทวีแห่งสงคราม? “ มิซึคาเงะทำท่าเหมือนนึกบางอย่างออก ใบหน้านั้นซีดเผือก
เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดมาจากใต้ผิวหนัง ชี้นิ้วชี้มาทางข้า
“ อาฮ่ะ
จุ๊ๆเป็นข้าจะไม่ทำแบบนั้น “
ข้าพยักหน้ารับและร้องเตือน มิซึคาเงะทำท่าจะลุกออกจากเตียงนอนขนาดใหญ่
ที่มีสาวสวยนอนขนาบข้างทั้งสองฝั่งเพื่อไปหยิบอาวุธมาสู้กับข้า ข้าเช็ดดาบเสร็จพอดีข้าโยนผ้าขนหนูในมือทิ้ง
และลุกขึ้นยืนเต็มสัดส่วนเดินเข้าไปหยุดตรงหน้ามิซึคาเงะ
“ อย่าเข้ามานะ นังบ้าตื่นสิ! “ มิซึคาเงะร้องเสียงดังสั่นสุดเสียง เขาไม่สามารถรับรู้ได้ถึงจักระภายในตัว
และพยายามเขย่าปลุกร่างของสองสาวข้างกายแค่ไหนก็ไม่มีใครตื่นขึ้นมา ข้าส่ายหน้าระอากับความสมเพชตรงหน้า
แต่จะให้ทำอย่างไรได้ละ...
“
กะ กะ แกต้องการอะไร? “ สิ้นหนทางมิซคาเงะต้องยอมร้องขอชีวิต
ข้าฉีกยิ้มหวานให้อย่างใจเย็น
สำหรับมิซึคาเงะแล้วมันเป็นรอยยิ้มของมัจจุราชพร้อมกระชากวิญญาณตรงหน้า
“ ว่าง่ายแบบนี้ค่อยน่ารักขึ้นมาหน่อย ข้าอยากให้ท่านเลิกยุ่งกับพวกคนบนเกาะจันทร์เสี้ยวและไม่มีเรื่องบางหมาง
ไม่มีศึกสงครามอีกเลย สัญญากับข้าสิ “ พูดจบข้าโยนเอกสารสัญญาสงบศึกลงบนหน้าขาของมิซึคาเงะ
“ ดะ ดะ ได้
สัญญาเลย “ มิซึคาเงะลนลาน เขาคว้าเอกสารขึ้นมาทำหน้าเหมือนจะถามหาปากกา
เพื่อตวัดลายเซนลงไปแต่ไม่ทันได้ระวัง ขอบกระดาษมันคมกว่าจะรู้สึก ว่าเลือดออกจากนิ้วหัวแม่มือได้ไหลลง
บนแผ่นกระดาษเรียบร้อย
“
นังบ้านี่มันโกงชัดๆ “
มิซึคาเงะแหกปากร้องลั่นเมื่อรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม
ข้าเดินเข้าไปหยิบเอกสารจากมือของมิซึคาเงะ แผ่นกระดาษทับซ้อนอยู่สองใบ ข้าเก็บแผ่นแรกไว้ส่วนอีกแผ่นโยนคืนไว้บนหน้าขา
ของมิซึคาเงะตามเดิม
“ พูดจารู้เรื่องแบบนี้สิข้าชอบ
ถือว่าเอกสารสงบศึกฉบับนี้ประกาศใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปอย่างไม่มีกำหนด
ถ้าหากคนของท่านยังขืนมายุ่งรุ่มร่ามกับพวกคนบนเกาะจันทร์เสี้ยว
หรือท่านยังไม่เลิกทำศึกอีกละก็ ข้าก็จะกลับมาที่นี่อีกครั้ง
.. ท่านคงรู้นะว่าข้ามาทำอะไร ? “ ข้าสบตากับมิซึคาเงะพอดี ข้าจ้องมองเข้าไปในดวงของเขาเห็นความแต่ความหวาดกลัว
ศัตรูตรงหน้า ไม่ว่าเหงื่อไหลออกจากขมับ หัวใจเต้นแรงถี่ เสียงหอบหายใจกระฟืดกระฟาด นั่นสินะมนุษย์ทุกคน
ล้วนแล้วมีแต่ความหวาดกลัวกันหมด...โดยเฉพาะความตาย
“ ก
กะแกกล้าหลอกฉันหรอ ฉันเป็นถึงมิซึคาเงะนะ ก แก “ มิซึคาเงะหัวเสียโวยวายเสียงดังสั่นห้อง
ต่อให้โวยวายดังขนาดไหนก็ไม่มีใครตื่นขึ้นมาช่วยเขาได้หรอก
มิซึคาเงะคว้าที่เขี่ยบุหรี่ใกล้มือได้เขาขว้างมันออกมาด้วย
ความเร็วและแรงกะว่าให้โดนหรือปะทะกับร่างกายข้าสักส่วนก็ยังดี
“ จำไว้โลกใบนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับคนอ่อนแอ “ ข้าโยกตัวหลบไปทางขวาชักดาบคู่ใจออกจากฝัก
กระโจนตัวเข้าหามิซึคาเงะด้วยความไวไม่ถึงเสี้ยววินาที
คมดาบนั้นกดลงบนลำคอแน่นจนเลือดไหลออกเป็นทาง
ข้าสามารถสังหารให้เขาเสียชีวิตได้ทันทีแต่ข้าไม่อยากจะทำอย่างนั้น ข้าถอยออกมาเก็บดาบเข้าฝักและเดินออกจาก
ห้องนอนเงียบๆ พยัคฆ์ขาวคู่ใจข้ากระโดดออกจากอีกมิติกระโจนเข้ามาขย้ำกัดกินร่างมิซึคาเงะอย่างเอร็ดอร่อย
“ นังบ้า! “ มึซึคาเงะตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความโกรธ เมื่อครู่ยังโดนคาถาลวงตาเล่นงานเข้าเต็มๆ
ความสมจริงของคาถานั่นทำให้เขาตกใจกลัวสุดขีด ระดับมิซึคาเงะโดนเด็กรุ่นลูกลูบคมเสียหน้าหรือเสียชื่อผู้นำนินจาของหมู่บ้าน
สร้างความอับอายจนต้องแทรกแผ่นดินหนีแน่
“
ท่านมิซึคาเงะเป็นอะไรไปคะฝันหรือหรอ เหงื่อท่วมเชียว ? “ สาวข้างกายผุดลงขึ้นมานั่งถามเขา
โดยไม่รู้สึกตัวเลยว่ามิซึคาเงะเพิ่งจะผ่านเรื่องเฉียดมาตาเองด้วยซ้ำ
อยากจะตบหน้าพวกนางทั้งสองคนสักสองสามฉาด
“
ต้องรีบแต่งหนังสือแจ้งท่านคาเงะทั้งสี่แล้ว “ มิซึคาเงะลุกออกจากที่นอนได้
เขารีบเร่งให้คนของเขาแต่งหนังสือขึ้นมาสี่ฉบับเพื่อแจ้งเตือนเกี่ยวกับผู้คนบนเกาะจันทร์เสี้ยว
END Kaoru's talking.
END Kaoru's part .
ทัพเรือของข้าศึกต่างพากันแล่นเข้ามาตามเวลาที่กำหนด เรือรบกว่าเจ็ดสิบลำกับนินจาอีกนับพันชีวิต
ต่างพากันมุ่งหน้าตรงมายังเกาะจันทร์เสี้ยว สายน้ำเชี่ยวกราด
กลุ่มเมฆหมอกลงไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใดสำหรับพวกเขา
โอยามาดะกำลังยืนถือกล้องส่องทางไกลมองพวกนั้นค้างไว้แล้วลดมือลง
“
นั่นมันพวกซึนะนี่หว่า “ โอยามาดะเห็นสัญลักษณ์คล้ายนาฬิกาทรายบนใบเรือทุกลำ
“ ท่านโอยามาดะขอรับ
ยืนอยู่ตรงนั้นเกรงว่าจะได้รับอันตราย “ เรียวตะเอ่ยเตือน
“
ไม่มีอะไรทำอันตรายกับข้าได้หรอกนะเรียวตะ “ โอยามาดะหันมายิ้มอย่างใจเย็น
เขาสวมชุดเกราะพร้อมออกศึกเหมือนกับนินจา ทหารใต้สังกัด
เพียงแค่ว่าตอนนี้เขากำลังรอเวลาที่พวกนินจาจากซึนะฯ
เข้ามาติดหลุมพรางที่เขาวางไว้เท่านั้น
“
ท่านโอยามาดะพวกมันเข้ามาแล้วครับ “ องครักษ์ข้างกายโอยามาดะรายงาน
“ ดี โยนกองหญ้าชุบน้ำมันลงไปซะ “ โอยามาดะสั่งการพร้อมกับรอยยิ้ม
ปลากินเบ็ดแล้วสินะ
พวกเขาหลอกล่อให้พวกนินจาซึนะฯล่องเรือเข้ามาในแหลม ถูกปิดตายปลายทางด้วยเรือไม้
ในเมือเรือลำแรกเข้ามาได้ลำต่อไปก็เข้ามาเรื่อยๆ
“ รับทราบครับฝ่าบาท “
กองหญ้าแห้งชุบน้ำมันถูกโยนลงไปบนเรือของเหล่านินจาจากซึนะฯ
“
ถอยเรือเร็วเข้านี่เป็นกับดัก “ หัวหน้านินจาผู้คุมเรือของฝ่ายซึนะฯตะโกนเสียงดัง
กว่าจะรู้ตัวว่าโดนปิดประตูตีแมวพวกมันก็ไม่สามารถหนีเอาตัวรอด
หญ้าแห้งก้อนกลมกลิ้งลงมาจากพื้นที่สูงกว่านับร้อย
แค่กองหญ้าอย่างเดียวไม่น่ากลัวเท่ากับได้กลิ่นน้ำมันมาด้วย
“ รุกฆาต “ โอยามาดะพูดเสียงแผ่วขณะกระชับคันธนูให้มั่น ลูกธนูถูกแผลงศรออกไปพร้อมกับเปลวไฟบนหัวลูกดอก
เมื่อธนูดอกแรกพุ่งด้วยความเร็วเป็นสัญญาณ ลูกธนูแบบเดียวกันอีกนับร้อยคล้ายกับเกลียวคลื่นวิ่งออกไปปักลงบนเรือของศัตรู
บางก้อนมีดินปืนบางก้อนชุบน้ำมัน เสียงระเบิดดังก้องกัมปนาทไปทั่วทั้งเกาะ นินจาจากฝ่ายเกาะจันทร์เสี้ยวไม่รอช้า
ให้พลาดจังหวะการจู่โจม พวกเขากระโดดลงจากพื้นดินบนแหลมลงไปบนเรือรบของศัตรูสังหารทุกคนให้สิ้นไม่ให้ได้รอดกลับไป
“ ถอยทัพซะ “ คาเซะคาเงะสั่งให้ถอนกำลังในทันที
เขายืนมองลำเรือกองหน้าถูกจมลงภายในพริบตาจากพวกคนป่าบนเกาะ คาดว่าพวกมันคงต้องมีของเล่นอะไรออกมาอีกแน่
ท้องทะเลกำลังปั่นป่วน คลื่นทะเลเริ่มเเปรปรวนรุนแรงมากขึ้น การต่อสู้ครั้งนี้ยืดเยื้อแถมมีแต่ฝ่ายทัพของคาเซะคาเงะเองที่เสียหาย
แม้ว่าจะส่งกลุ่มคนบุกเข้าไปลอบโจมตีจากทางท้ายเกาะก็ตาม
เสียงของเหล่านินจาจากแคว้นซึนะฯ พากันร้องวิ่งหนีแตกทัพลงจากชายท้ายเกาะจันทร์เสี้ยวทั้งหมดทุกนาย
พวกเขาแอบย่องเงียบขึ้นชายฝั่งอย่างระมัดระวังไม่ให้จับได้
หมอกหนาพรางตาได้จางลงเพราะสายลมพัดผ่าน
พวกเขาได้เห็นการทรมานมนุษย์ขณะยังมีชีวิตโดยการเสียบด้วยไม้แหลมขนาดใหญ่
จากทางด้านหลังทะลุอก
เสียงร้องโหยหวนร้องขอชีวิตทำให้ผู้พบเห็นต่างพากันประสาทเสียยกใหญ่ ไม่มีใครทนยืนดูไอ้นานเกินสิบนาที
ถ้าพวกนินจาข้าศึกแพ้คนบนเกาะก็คงถูกจับเสียบแขวนประจานแบบนั้นแน่
โชเฮย์ และ
มายุได้แต่พากันยืนมองอย่างเงียบๆ ในมุมมืดพร้อมกับกองกำลังนินจาใต้คำสั่งของตน
แม้ว่าศัตรูจะวิ่งหนีกระเจิงพวกเขาก็ยังไม่วางใจ ไม่รู้ว่าจะกลับไปตั้งหลักรอกำลังเสริมเข้ามาในเวลาหมอกจางลง
พวกเขาทั้งสองอยู่จับตามองตลอดเวลาจนกระทั่งให้แน่ใจว่าไม่มีใครกล้าบุกเข้ามา ลอบโจมตีบนชายหาด
(จัดตั้งเวรยามเฝ้าพื้นที่ตลอดเวลา)
เรื่องราวความป่าเถื่อนของผู้นำบนเกาะจันทร์เสี้ยวถูกกระจายกันออกไปด้วยปากต่อปากไปทั่วทุกแคว้น
ผู้นำบนเกาะจันทร์เสี้ยวทราบนามภายหลังว่าโอยามาดะ
เป็นผู้ปกครองเกาะจันทร์เสี้ยวนำทหารของศัตรูแพ้สงครามเสียบ
ประจานแขวนบนเสาไม้ ปล่อยให้น้ำหนักตัวของเหยื่อกดทับกับเสาไม้เมื่อทนพิษบาดแผลไม่ไหวทรมานจนกว่าจะเสียชีวิต
การประจานเป็นการข่มขวัญศัตรูเข้ามาล่าอาณานิคมและขยายอาณาจักรเป็นแผนอันยอดเยี่ยม
ไม่มีผู้นำคนไหนอยากจะข้องเกี่ยวกับเกาะจันทร์เสี้ยวอีกเลย
โปรดติดตามตอนต่อไป..
ความคิดเห็น