คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เหนือกาลเวลา : ชั่วคราวหรือตลอดไป?
Tears stream down your face
When you lose something you cannot replace
Tears stream down your face
And I...
Tears stream down your face
I promise you I will learn from my mistakes
Tears stream down your face
And I...
- Kakashi’s talking.
กลุ่มหมอกและควันหนาทึบปกคลุมทั่วรอบตัว ดวงตาสองข้างไม่สามารถมองเห็นหนทางเบื้องหน้า
ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ เวลานี้ ที่นี้ รู้เพียงแค่ว่ามีนินจาจากคิริงาคุเระมากฝีมือแห่กันตามมา
ยิ่งกว่ากองทัพแมลงสาบออกหากินยามค่ำคืนตามติดในระยะกระชั้นชิด เสียงระเบิดดังกึกก้องกัมปนาท
ทุกห้าถึงสิบนาที จนหูทั้งสองข้างอื้ออึงแทบไม่ได้ยินเสียง กลิ่นคาวเลือด กลิ่นซากศพไหม้ลอยฟุ้งทุกอณูอากาศ
ผมเกลียดสมรภูมิรบ เลือด การฆ่าฟัน การสูญเสีย
“ คาคาชิ ” เสียงเรียก สัมผัสเบาๆจากมือน้อยๆของริน สมาชิกทีมมินาโตะเอ่ย ท่ามกลางหมอกหนาเตอะ
แตะลงบนข้อมือของคาคาชิแน่น
“ ริน ไม่ ริน... ” ผมตะโกนสุดเสียง พยายามดึงมือขวาออกจากช่วงอก ช่วงบริเวณส่วนของหัวใจริน
ด้วยความลำบาก ทุลักทุเล ก็ไม่สามารถ ร่างไร้วิญญาณของรินหงายหลังล้มลงช้าๆ ผมช็อกกับเหตการณ์ตรงหน้า
ขาทั้งสองข้างแทบจะรับน้ำหนักตัวผมไม่ไหว จนต้องทรุดเข่าลงพื้นทั้งสองข้าง
“ ริน ” ผมเรียกชื่อเธออีกครั้งด้วยเสียงแผ่ว ก่อนสติจะดับวูบกลายเป็นภาพสีดำ
เฮือก!
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นจากภวังค์ ใช่ผมฝันในเรื่องเดิมๆ ซ้ำซาก วกไปวนมา คล้ายกับว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในลูป ช่วงเวลาอย่างนั้น
เหงื่อข้างขมับพากันไหลย้อยลงมาถึงปลายคาง ผมสลัดผ้าห่มบนตัว ออกลุกจากเตียงนอน สืบเท้า
เดินตรงไปยังชั้นล่างของตัวบ้านเหลือบมองนาฬิกาเวลาตอนนี้ก็ตีห้าเกือบหกโมงเช้า
ไฟบ้านปิดมืดสนิทในบางส่วนคาดว่าชุนอาจจะยังไม่ตื่นก็เป็นได้
แย่ละสิ...ผมอยากได้กาแฟดำสักแก้วจัง ผมเปิดก๊อกน้ำจากอ่างล้างจาน ปล่อยให้สายน้ำเย็นๆไหลผ่านฝ่ามือทั้งสองข้าง
ความเย็นของสายน้ำช่วงฟ้าสางพอจะทำให้ผมใจเย็นมาได้บ้างเล็กน้อย ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่ผมเปิดน้ำทิ้งไว้แบบนี้
และเป็นอย่างนี้ทุกวัน(ในวันที่ฝันร้าย)
ผมรู้สึกว่าฝ่ามือทั้งสองข้างมันสกปกเกินกว่าจะล้างออกด้วยน้ำเปล่า...
ปลายจมูกสูดรับกลิ่นหอมเมล็ดกาแฟคั่วบดลอยมาจากทางด้านหลัง ทำให้ผมหันมองผู้มาใหม่
ชุนกำลังกรองกาแฟให้ผมทานเหมือนทุกเช้า กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟคั่วบดทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง ไม่ได้มีแค่กาแฟดำ
อย่างเดียวมักจะมีแซนด์วิชไส้ต่างๆ ทานคู่กับกาแฟเช่น ทูน่า แฮมชีสอยู่เสมอ บางครั้งก็มีข้าวต้ม ไม่ก็โจ๊ก
สลับกันตามใจคนปรุง
กึก
ก๊อกน้ำถูกปิดสนิทด้วยฝ่ามือซ้ายของชุน เขาโผล่มาอยู่ข้างกายผมด้วยความว่องไว
ผมชินกับความไวยิ่งกว่าติดใบวาร์ป ของชุนแล้วละ
“ อยากเล่าไหม?” ชุนถามเหมือนนกรู้ รู้ถึงความในใจที่ผมเป็นอยู่... ผมเผลอมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น
ดวงตาสีฟ้าเหลือบน้ำเงินเข้มทรงพลังอำนาจประหลาด คาดเดาได้ยากว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ ขอบใจนะ ” ผมเลือกที่จะปฏิเสธความหวังดีนั่น
ขอโทษนะชุน ผมไม่กล้าพอที่จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดและคาดว่าบางเรื่องมันก็ไม่สมควรจะเล่า ผมจิบกาแฟดำ
โดยไม่ได้พูดอะไรกับชุนอีกเลย หยิบแซนด์วิชแฮมชีสขึ้นมาทานสองชิ้น ค่อยแยกย้ายกับชุน อาบน้ำแต่งตัว
ในชุดเครื่องแบบเพื่อเข้าตึกสำนักงานรับภารกิจนินจากับลูกลิงทีมเจ็ด
แม้ว่าสมาชิกทีมเจ็ดดูไม่ค่อยสามัคคีกันมากนัก สืบเนื่องจากเรื่องภารกิจแย่งกระดิ่งเมื่อวานที่ผ่านมา
ขอไม่อธิบายเป็นรายบุคคลเพราะมันเปลืองหน้ากระดาษและชิว(จอมอู้ก็ขี้เกียจสาธารยามัน)
ขอบอกไว้เลยว่าผมก็มองหาภารกิจ กิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ของลูกทีมให้แน่นแฟ้นกันมากกว่านี้
ผมคาดว่าต้องรับภารกิจอย่างต่อเนื่องราวๆสามถึงห้าครั้งขึ้นไปทุกอย่างจะดีขึ้นมาเอง
“ ระยะทางถึงเป้าหมายละ? ” ผมถามทุกคนผ่านวิทยุสื่อสารทางไกล
แต่ไม่ไกลจากทั้งสามคน หรือเรียกง่ายๆว่าทั้งสามอยู่ในสามตาของผมเกือบตลอดเวลา
“ ห้าเมตรจะจู่โจมเมื่อไหร่ก็ได้อ่ะ ” นารูโตะตอบ ขณะแอบหลังพุ่มไม้เตี้ยๆ
มองเห็นเป้าหมายนานพอสมควร
“ ผมก็โอเค ” ซาสึเกะก็เช่นกัน ซ่อนตัวหลังต้นไม้ใหญ่ คอยสอดส่องสายตาตรงมายังเป้าหมาย
“ หนูก็เหมือนกัน ” ซากุระพร้อมทำการกระชับพื้นที่ได้ตลอดเวลา เธออยู่บนกิ่งไม้ด้านบนของเป้าหมาย
“ โอเค ลงมือได้! ” สิ้นหางเสียงของผม นารูโตะ ซาสึเกะ ซากุระ ทั้งสามกระโจนตัวออกจากที่ซ่อนโดย
มีเป้าหมายเดียวกันคือจับเจ้าแมวโทระ! ส่งคืนเจ้าของ
“ มีโบว์ผูกอยู่ที่หูข้างซ้าย...เจ้าโทระเป้าหมายของเราไม่ผิดแน่ใช่ไหม? ” ผมถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“ เป้าหมายของเราไม่ผิดแน่ครับ ” ซาสึเกะยืนยัน
“ โอเค ภารกิจล่าตัวโทระแมวหลงทางจบสิ้น ” ผมกรอกเสียงลงไปอย่างใจเย็นเช่นทุกครั้ง
สุดท้ายของทุกภารกิจเราทั้งสี่คนเดินทางกลับตึกสำนักงานโฮคาเงะ (ห้องรับภารกิจ) เพื่อรายงานการปิดภารกิจ
ในแต่ละครั้งและรับเงินจากผู้ว่าจ้างนั้นๆ ยิ่งภารกิจยากระดับเอสมักจะได้รับล่วงหน้าก่อนครึ่งหนึ่งเสมอ
ส่วนที่เหลือได้รับตอนเสร็จงาน
“ แยกย้ายๆ ” ผมบอกทุกคน เพื่อให้กลับไปพักผ่อน และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับรับภารกิจในวันรุ่งขึ้น
“ ผมอยากได้ภารกิจแจ่มๆกว่านี้ ! ” นารูโตะมาโวยวายเรื่องดังลั่น แสดงเจตนาอันแรงกล้าของตนออกมา
ภารกิจจับแมวหลงทางในป่าท้ายหมู่บ้านนี่นะ จิ๊บๆ ใช้เวลาชั่วโมงเดียวก็พากันหาเจอแล้ว!
“ หุบปากได้แล้วน่า ฉันจะกลับ! ” ซาสึเกะไม่สนใจอะไรทั้งนั้นในเมื่อคาคาชิบอกแยกย้าย ก็ควรแยกย้ายตามคำสั่ง
ซาสึเกะวางแผนต่อไปแล้วว่า...ครึ่งวันที่เหลือคงได้ใช้เวลาพักนั้นสำหรับฝึกร่างกาย ไม่ก็ชูริเคน
“ ซาสึเกะเราไปเดทกันไหม? ” ซากุระเอ่ยปากชวนซาสึเกะ เธออยากใช้เวลาส่วนที่เหลือกับเขาเพียงแค่สองคน
“ ไปๆ ซากุระจัง ไปกันนะ ” นารูโตะวิ่งตัดหน้าเข้ามาขวางซาสึเกะไว้ ราวกับว่าหญิงสาวนั้นเอ่ยปากชวน
“ ฉันชวนซาสึเกะคุงย่ะ! ถอยไป๊! ” ซากุระโมโหเท้าสะเอว ก่อนจะเขกเหม่งนารูโตะเต็มๆ
“ เอาเวลาไปฝึกวิชาเถอะ จะได้ไม่เป็นภาระของทีม! ” ซาสึเกะพูดด้วยโทนเสียงนิ่งๆ
“ หมายถึงใคร? ” นารูโตะหันหน้าไปหาซาสึเกะด้วยสายตาก้าวร้าว ชูหมัดข้างขวาขึ้น
พร้อมหาเรื่องคู่อริได้ตลอดเวลา
“ ทั้งคู่นั่นแหละ อย่าถ่วงแข้งถ่วงขาฉันก็พอ! ” ซาสึเกะส่ายหน้าระอา แววตาเย็นชาเฉกเช่นทุกครั้งที่พบเห็น
แล้วหันหลังเดินหนีไปอย่างไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น หลังจากทิ้งระเบิดลูกใหญ่ รอนับเวลาถอยหลังประมาณสามวินาที
ระเบิดถึงจะทำงาน
เท่านั้นแหละฮะท่านผู้ชม!
เสียงโหวกเหวกของนารูโตะดังสลั่นลั่นซอย และแล้วสมาชิกทีมเจ็ด มีโจนินที่ปรึกษาชื่อ ฮาตาเกะ คาคาชิ
ก็ตีกันตรงนั้น โดยมีซากุระต้องคอยห้ามทัพกันทั้งสองคนให้ออกจากกัน
ผมไม่สนใจแล้วว่าใครจะบ่นอะไรตอนนี้ผมต้องไปหาชิซึเนะ เฮ้ เฮ้ เดี๋ยวก่อนนะอย่าเพิ่งคิดอะไรแบบนั้น!
ไม่ได้หมายถึงในเชิงชู้สาวแต่อย่างใด ผมมีเรื่องต้องไปสืบเสาะหาข้อมูล(เรื่องคดีของชุน) เดินเท้าต่อไปอีกไม่เกิยสิบนาที
จนถึงห้องทำงานของชิซึเนะ(แผนกชันสูตรศพและนิติเวชวิทยา) บอกกับเจ้าหน้าที่ธุรการแถวนั้นว่ามาพบเธอ
ไม่กี่นาทีชิซึเนะก็ออกมารับหน้าแผนกด้วยตนเอง
“ ไง ” ผมทักทายเรียบง่าย
“ ลมอะไรหอบมา ? ” ชิซึเนะทำท่าแปลกใจกับการที่ผมมาปรากฏตัว
ผมไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลามากนักพูดคุยกับชิซึเนะไม่กี่ประโยค เธอก็พาเข้ามาพบศพของโอโรจิมารุนอนบนเตียง
สแตนเลสสีเงิน โดยมีผ้าดิบทรงสี่เหลี่ยมสีขาวคลุมร่างไร้วิญญาณไว้ ชิซึเนะเอื้อมมือเปิดผ้าให้เห็นแค่ใบหน้าและลำตัว
ถึงช่วงเอว ผมสังเกตบริเวณหน้าผากปรากฏรอยบาดแผลแห่งเดียว บนร่างกายโอโรจิมารุเหมือนถูกบางอย่างขนาดเล็ก
มีแหลมคมแทงจะลุผ่านหน้าผาก ออกด้านหลังกะโหลกศีรษะ
“ จากอาวุธของ..เอ่อเขาชื่อชุนใช่ไหม ? ” ชิซึเนะหันถามเพื่อความมั่นใจ
“ ใช่ ”
“ ให้เทียบอาวุธในมือของชุนแล้วละก็มันเป็นคนละอย่างกันเลย ” ชิซึเนะส่งแฟ้มสีน้ำเงินให้ผม
ผมรับมันจากมือชิซึเนะและเปิดออกดู มันคือรายงานทั้งหมดเกี่ยวกับคดีของโอโรจิมารุ “ แล้วก็นี่ด้วย คดีของอิบิกิ ”
ชิซึเนะส่งมาให้อีกแฟ้มและอธิบายคร่าวๆว่า “ มันเป็นอาวุธที่ไม่เคยเห็นมาก่อนและยังไม่ได้ทดลองใช้ ”
“ อืม ขอบใจมากชิซึเนะ ” ผมส่งคืนแฟ้มทั้งสองให้ชิซึเนะ ส่วนชิซึเนะกำลังยืนหันหลังให้
เธอจ้องหน้าจอโทรทัศน์อย่างใจจดใจจ่อ ไม่ได้ยินเสียงเรียกของเขา ผมไล่มมองตามสายตาของเธอ...
ภาพในจอแก้วตอนนี้คือพระเอกหน้าหยกขวัญใจวัยรุ่น คาดว่าคงเป็นซีรี่ส์ที่กำลังดังอยู่ ณ ขณะนี้
“ ชู่ว เบาๆสิคาคาชิ! ” ชิซึเนะเอ็ดขณะสายตายังคงจ้องหน้าจอโทรทัศน์อย่างนั้น
ผมมองตามตัวพระเอก นางเอกของเรื่องกำลังจะจูบกันอย่างสุดซึ้ง ใบหน้าของพระเอกทำให้ผมคิดถึงใครบางคนจนได้
พระเอกรูปหล่อโน้มใบหน้าใกล้ตัวนางมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องมือเท้าเกร็ง เลียริมฝีปาก เหงื่อออก
“ อร๊างค์ ” ชิซึเนะอุทานเสียงดัง ชนิดที่ว่าคนใกล้ตัวอย่างผมต้องตกอกตกใจไปด้วย
ก็อีตาพระเอกนั้นแนบริมฝีบางกับนางเอกเข้าแล้วนะสิ!
“ ไปละ ” ผมถึงกับต้องรีบหลับตาปี๋ อยู่ดีๆโรคปอดแหกดันเกิดกำเริบขึ้นมาซะอย่างนั้น
ทั้งๆที่ชอบอ่านนิยายแนวอีโรติกเรทอาร์ชนิดที่เรียกว่าแฟนพันธ์แท้หรือเอฟซีแฟนคลับตัวจริง
ยังเกิดอาการเขินอายหน้าแดงแทบจะมุดดิน รีบบอกลาชิซึเนะรีบชิ่งดีกว่า
End Kakashi’s talking.
-69’s talking.
คาคาชิออกทำภารกิจเหมือนเช่นเคย เขาปล่อยฉันเฝ้าบ้านตามสเต็ป ฉันเก็บกวาดบ้าน
ทำความสะอาดชุดใหญ่ให้คาคาชิ แน่นอนว่ามันมีกรอบรูปครอบครัวตั้งวางไว้ตามมุมบ้าน ฉันหยิบกรอบรูปขึ้นมาดู
ระดับอก มีเพียงแค่ชายผมสีเทาควันบุหรี่กับเด็กชายตัวน้อยมีผ้าโพกปิดเฉพาะบังใบหน้าเท่านั่น
“ นี่นายใส่มันตั้งแต่จำความได้เลยหรือไง? “ ฉันแค่แขวะเบาๆ มองกรอบรูปใบนั้นอีกที ฮาตาเกะ ซาคุโมะ
บิดาของคาคาชิเก่งกาจเรื่องสงครามได้รับฉายาว่า‘เขี้ยวสีขาวแห่งโคโนะฮะ’ รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆไม่ทราบมากนัก
รู้แค่ว่าเขาเสียชีวิตจากการตรอมใจเรื่องช่วยเหลือสมาชิกในภารกิจ ส่วนฮาตาเกะ คาคาชิ โจนินผู้เลื่องชื่อ
ไม่ว่าจะก็อปปี้นินจาหรือเนตรวงแหวนคาคาชิ ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบหนึ่งเซนติเมตร น้ำหนักราวๆหกสิบเจ็ดกิโลกรัม
อืม...พอกับน้องๆ นายแบบฮิวโกบอส ไม่กินของทอด แหวะของหวาน ส่วนของโปรดนั่นก็.... มีอีกเยอะที่อิทาจิเล่ามา
รวมไปถึงการเสียชีวิตของสมาชิก ทีมมินาโตะด้วย
พูดไปฉันคงไม่เข้าใจความรู้สึกของคาคาชิดีนัก ....เอาเป็นว่าฉันรอจังหวะให้เขาเปิดใจพูดเท่านั้น
ขีดเส้นใต้หนาๆอีกทีว่ารอให้เขาพูดเองโดยไม่ได้บีบคั้นต้องการทราบเรื่องให้จงได้!
ตากผ้าเสร็จแล้วรวมถึงงานบ้านทุกอย่าง ทว่ายังมีอีกงานที่ต้องทำนั่นคือสวนหลังบ้าน
ต้นไม้ใหญ่พอจะให้ความร่มรื่น เต็มไปด้วยเถาวัลย์หรือต้นไม้จากชนิดอื่นๆ กิ่งก้านยาวและทิ้งตัวลงมาบนพื้น
ตามแรงโน้มถ่วงของโลก มองไปทางซ้ายที ขวาที ต้นไม้รกรุงรังเต็มไปหมด.... แทบไม่เห็นเค้าเดิม
ว่าเคยเป็นสวนต้นไม้สวยงามมาก่อน ทว่าตอนนี้ขอเรียกมันว่าป่าดงดิบย่อมๆดีกว่า
(เพราะวัชพืช ต้นหญ้าสีเขียวสูงระดับเข่า) เดาได้ว่าเจ้าของบ้านไม่ค่อยมีเวลานัก!
ถ้าคาคาชิถูกงูฉก...ฉันจะไม่แปลกใจเลย!
ฉันถอนหายใจแรง จากนั้นเดินตรงไปยังโรงเก็บของพอจะหยิบเคียว กรรไกรตัดหญ้าออกมาใช้
“ แดดแรงนะ ” สุ้มเสียงแสนคุ้นหู อันเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้นพร้อมกับวางบางอย่างลงบนศีรษะของฉัน
“ อิทาจิ ” ฉันเรียกชื่อเขา
สายลมเบาๆพัดผ่านร่างฉันและเขาไปอย่างช้าๆ หมวกฟางบนศีรษะกำลังจะลอยกลางอากาศ
ฉันรีบส่งมือกดหมวกฟางไว้ ตามด้วยฝ่ามือหนาของอิทาจิวางทาบทับซ้อนบนหลังมือ เราสบตากับเพียงชั่วครู่
“ แหะๆ ” อิทาจิหัวเราะแห้งๆ ยอมปล่อยมือออกก่อนแถมยกมือทั้งสอง
ขึ้นกลางอากาศเป็นเชิงว่าเขายอมถอยตัว ไม่กี่วินาทีเขาหายตัวด้วยคาถานินจา ฉันรู้ว่าเขาคงแอบมองดูฉัน
จากมุมใดสักแห่ง ฉันไม่ได้สนใจกับอิทาจิมากนักเพราะมีหน้าที่ต้องทำอีกเยอะ ตัดหญ้าใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า
ก็เสร็จดี หยิบพวกวัชพืชเหล่านั้น วางกองไว้ตรงรากต้นไม้ใหญ่ ล้างมือและใบหน้า หลังทำงานเสร็จมองเวลาข้างฝาบ้าน
อีกที ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้วสิ ยังไม่ทันได้จดรายการของใช้จำเป็นต้องซื้อเก็บไว้เลยดังนั้นหยิบแผ่นกระดาษโพสอิท
จดรายการเหล่านั้นไว้เริ่มจากห้องครัว ห้องน้ำ และห้องนอนตามลำดับ
“ กลับมาแล้ว ” เสียงของคาคาชิดังมาจากชั้นล่างต้ นเสียงคงอยู่ในห้องรับแขก
ฉันเดินออกจากห้องนอนของคาคาชิพร้อมกระดาษโพสอิทในมือตรงไปหาเขา
“ ฉันยังไม่ทันได้ทำข้าวเย็นเลย หิวมากไหม? รู้สึกว่าข้าวสารจะหมด” ฉันมองกระดาษโพสอิทอีกครั้ง
“ ก็กินข้าวเหนียวสิ ฮ่าฮ่า เราต้องแวะทานข้าวกันก่อนค่อยไปซุปเปอร์ฯ ” คาคาชิตอบปนหัวเราะ อารมณ์ดี
แล้วเขาก็พาฉันไปห้างสรรพสินค้าตามที่บอก ช่วงเวลาในตอนนี้คือห้าโมงกำลังจะหกโมงเย็นผู้คนกำลังเลิกงาน
เดินทางกลับบ้านหรือไม่ก็ช็อปปิ้ง คาคาชิพากันเดินผ่านกลุ่มชนนับร้อยชีวิตเบียดเสียดบ้าง กระทบไหล่บ้าง
เดินไหลตามคนข้างหน้า ทันใดนั้นฉันหันหลังเพื่อมองหา...พบอิทาจิเช่นเคย โผล่ตัวออกมาให้เห็นบ้าง หายตัวตามนิสัย
“ อะไรหรอชุน? ” คาคาชิหันมากระซิบถามข้างหู
“ เปล่า ”
“ อืม ” เขาเปล่งเสียงในลำคอแล้วจับมือฉันไว้แน่น แถมยังเดินนำหน้าฝ่ากลุ่มชน
ฉันลอบมองแผ่นหลังของคาคาชิ มันกว้างสมส่วนกับผู้ชายอกสามศอกอย่างเขา เสียใจฉันไม่ใช่แฟนคลับ
อยากจะถลาเข้าไปอิงพิงซบอย่างนั้น ฉันยังมีเรื่องเคืองใจกับเขาอยู่นะ
ทั้งๆที่ฉันไว้ใจเขามากแต่เขากลับไม่เคยไว้ใจฉันเลยสักครั้ง
คาคาชิจะรู้ไหมว่าอิทาจิสะกดรอยตามพวกเราอยู่ในทิศเก้านาฬิกาห่างออกไปแค่สิบเมตร?
กลุ่มคนเริ่มซาลงจนไปถึงร้านอาหารเล็กๆข้างทาง คาคาชิเดินนำเข้าไปในตัวร้าน ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยไม้ไผ่
จับมัดเรียงแถวหน้ากระดานเรียงเดี่ยว ลงเล็คเกอร์เคลือบผิวให้เกิดความเงา ทำเป็นกำแพงร้านอย่างเก๋ๆ
ติดกรอบรูปรายการอาหารตรงข้างฝา ทับแผ่นไม้ไผ่ไม่ว่าจะเป็นเมนูทั่วไป เมนูแนะนำประจำสัปดาห์ ของหวาน ฯลฯ
เสียงเพลงบรรเลงคลอๆพอจะสร้างบรรยากาศไม่ให้เงียบเหงา คาคาชิเอ่ยคำทักทายเจ้าของร้านอย่างเป็นกันเอง
ฉันเห็นว่าทั้งสองคนคงรู้จักกันมาก่อนแน่ เพราะสังเกตจากการคุย คนในร้านมีไม่หนาตามากนัก
มีลูกค้าเพียงโต๊ะสองโต๊ะเท่านั้น
“ ร้านอาจจะดูซ่อมซ่อไปนิดแต่รสเด็ดไม่แพ้ร้านลุงเทะอุจิ ” หัวหน้าไกด์ทัวร์จำเป็นหันมายักคิ้วใส่
ร้านอาหารที่พามา เป็นร้านลับ(คล้ายๆกับบาร์ลับนั่นแหละ)น้อยคนที่จะรู้จัก อาจจะเป็นเพราะทำเลไม่ค่อยดี
เพราะหลบในมุมของตึก อาคารบ้านเรือนบังทับกันเกือบหมด เรื่องความสะอาด ความสด รสชาติของอาหาร
ก็ไม่แพ้ลุงเทะอุจิอย่างแน่นอน!
“ พาผู้หญิงมามอมเบียร์บ่อยหรือไง? หรือจะเป็นผู้หญิงพามามอมเบียร์ ” แทนก็ได้ เพราะอะไรนะหรือ?
ก็เพราะคอของคาคาชินั้นอ่อนเหลือเกิน! (หลังจากเล่นเกมกันวันนั้นแค่สามขวดเขาก็เมาแล้ว)
ฉันเล็งเห็นว่าคาคาชิรู้จักกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี คิดว่าต้องใช่แน่ๆ
“ บ้าหรอแก พาผู้ชายมาตังหากละ! ” คาคาชิเล่นบทสาวแตก ใช้เสียงสอง ทำตัวตุ้งติ้ง สะดีดสะดิ้งตุ้งติ้งเกินชาย
“ ร อะหรือว่า... ” ใช่ ใช่ไหม?
จนฉันต้องเบิกตากว้าง ฉันพอจะเข้าใจอยู่นะคาคาชิตอนนี้เราอยู่ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดแล้ว เพศไม่ได้มีแค่ชาย หญิง
สังคมอิสระเสรีและยอมรับกันอย่างเป็นวงกว้างแล้ว หากคาคาชิจะเป็น...ฉันก็ไม่ว่าอะไรนะ บอกตรงเลยๆ
“ นายเป็นผู้ชายคนเดียวที่ฉันพามา ถ้าหากว่าเป็นนาย...ฉันก็ไม่ติดนะ ” ไม่ติดขัดอะไรทั้งนั้น!
คาคาชิจงใจพูดกำกวมหยอกล้อชุนให้เสียขวัญ บริกรสาวน้อยหน้าใสเสิร์ฟน้ำดื่มระหว่างรออาหาร
เธอวางแก้วชาเขียวเย็นลงบนโต๊ะไม้ แอบลอบมองสลับระหว่างคาคาชิและฉัน คาคาชิตีเนียนแกล้ง
ทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าตนพูดอะไรออกไป จิบน้ำแก้เขินเพื่อหาทางจบประโยค ปิดบทสนทนา
“ เป็นเกียร์ติอย่างมาก ” ฉันโครงศีรษะเล็กน้อย ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะมีบุคคลที่สามเข้ามา
แม้จะเป็นเวลาสั้นๆก็ตาม บริกรสาวคงนึกถึงบทสนทนาเมื่อครู่ แล้วแก้มเนียนๆทั้งของข้างเกิดแดงซ่าน
เผยให้เห็นรอยยิ้มเล็กๆของสาววาย เธอรู้สึกตัวว่าฉันหันมอง จึงรีบโค้งตัว ก้าวขาเล็กๆหนีกลับเข้าหลังร้านไป
ฉันได้แต่ภาวนาในใจขอให้บริกรสาวคนนั้นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ทว่ากลับได้ยินเสียงกรี้ดกร้าดดังมาจากหลังครัวแทน
“ เพลงเขาเพราะดีเนอะ ” คาคาชิแกล้งเฉไฉทำเนียนไม่ได้ยินเสียงกรี้ด พูดขึ้นมาลอยๆซะอย่างนั้น
เนื่องจากลูกค้าไม่มากนัก อาหารที่เราสั่งอาหารไปคงใช้เวลาในการปรุงไม่ถึงสิบห้านาที
รายการอาหารทุกเมนูตามความต้องการมาวางเรียงตรงหน้าเรียบร้อย
“ ทานแล้วนะครับ” คาคาชิพนมมือเป็นรูปดอกบัวตูม แกะซองตะเกียบ ดึงไม้ไผ่แท่งเล็กๆให้แยกออกจากกัน
ใช้ตะเกียบในมือคีบเกี๊ยวซ่าใส่ปากอย่างสบายอารมณ์
“ ระวังร้อนละ ” ฉันเอ่ยเตือน แม้นจะไม่มองหน้าเขาตามเคย
“ อุ๊บ ร้อน! ” คาคาชิร้อง
พูดไม่ทันขาดคำ! ฉันส่ายหน้าแรงอยากจะหลุดขำเสียจริงๆกับท่าทางของคาคาชิในตอนนี้
“ อ้าปากเร็ว ” ฉันเร่ง
“ (- - )( - -)(- - )( - -) ” คาคาชิส่ายหน้าซ้ายขวา ทำท่าจะคว้าชาเขียวเย็นมาดื่ม
คิดว่าคงจะช่วยดับร้อนบนลิ้นได้ เสียใจชาเขียวเย็นบนโต๊ะนายจิบมันพร่องหมดแก้วตั้งแต่รออาหารมาเสิร์ฟแล้ว!
ฉันเหลียวมองพนักงานบริการใกล้เคียง พวกเขาติดรับรายการลูกค้าโต๊ะอื่น ฉันจึงเลื่อนส่งแก้วน้ำของฉันให้
เขาส่ายหน้าอีกที คราวนี้ยอมปลดผ้าบนหน้าลงมาเล็กน้อย แถมหามุมอับสายตา ไร้สายตาคนมองเห็น
“ โอเค ฉันยอมหลับตา ” ฉันเสยผมไปด้านหลัง ขยับตัวเข้าใกล้ โน้มตัวเพียงเล็กน้อย ปิดเปลือกตาลง
ไม่ได้รู้หรอกว่าใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงหนึ่งคืบ พร้อมเป่าลมเบาๆใส่ปากคาคาชิเพื่อดับความร้อนของเกี๊ยวซ่าบนลิ้น
“ ฟู่วๆ ”
“ อ่าห์ ” คาคาชิลากเสียงยาว ฟังจากน้ำเสียงอาการของคาคาชิดูทุเลาลง ฉันขยับหน้าถอยห่างกลับตามเดิม
ค่อยๆเปิดเปลือกตาช้าๆ ให้เวลาคาคาชิสวมผ้าปิดหน้าให้เรียบร้อย ส่วนคาคาชิรีบดื่มน้ำ(แก้วของฉัน)แล้วดึงผ้าบลัฟขึ้น
เราทานอาหารกันอย่างเงียบๆไร้คำพูดเหมือนอีกเช่นเคย ทานเสร็จจ่ายเงิน ออกเดินจับจ่ายซื้อของเข้าบ้าน
ฉันส่งกระดาษโพสอิทให้คาคาชิ บนกระดาษมีรายการทั้งหมดอยู่ในนั้น เขารับมันไปอ่านแล้วพยักหน้ารับเพียงเท่านั้น
เขาเดินนำหน้าฉันอีกครั้งเพื่อฝ่ากลุ่มคน ไม่ทันไรฉันก็คลาดสายตากับเขาจนได้ ฉันได้แต่มองซ้ายแลขวาเพื่อตามหา
ทันใดนั้นคาคาชิก็กลับมายืนขนาบข้างกายอีกครั้ง!
“ ผมคุณยาวนะ ” คาคาชิบอกพลางมัดเส้นผมสีดำของฉันอย่างถือวิสาสะ
“ ฮืม ” ฉันแค่ทำเสียงในคอเลียนแบบเขา เขาคงรำคาญท่าเสยผมของฉันละสินะ....
และการซื้อของเข้าบ้านกำลังเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า ระหว่างทางเดินไปห้างสรรพสินค้ามีตลาดนัดเล็กๆ
ขายของริมทางเดิน ได้บรรยากาศคล้ายถนนคนเดิน(ตามแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยไม่มีผิด)
จำพวกสินค้าหัตถกรรมจากฝีมือของพ่อค้าแม่ขายเช่น เครื่องประดับ เสื้อผ้า ของเล่น ยาสระผม สบู่ แยม และอื่นๆ
อีกมากมาย มีทุกสิ่งอย่างครบครันเหมาะสมกับทุกวัยในครอบครัว
END 69’s talking.
- Kakashi’s talking.
เรากลับถึงบ้านพร้อมกับสองมือเต็มไปด้วยถุงกระดาษ ใช่แค่ผมชุนก็ด้วย
เราแทบจะเหมารถกระบะไม่สิต้องสิบล้อ เพื่อซื้อของเข้าบ้านเลยทีเดียว ชุนเป็นฝ่ายลำเรียงของทุกอย่างเข้าที่
อะไรหมดก็เติม ส่วนผมขอแยกตัวไปอาบน้ำ เพราะสุดจะทนกับกลิ่นเหม็นแบคทีเรียบนตัว
ผมค่อยไม่อยากจะพูดถึงตอนอยู่ร้านอาหารนักในตอนที่ชุนขยับตัวเข้ามาใกล้ โน้มใบหน้าเข้ามาช้า
สมองของผมนึกถึงซีรี่ส์ที่ยืนดูชิซึเนะดูซะอย่างนั้น พระเอกหล่อหน้าหยกกับนางเอกกำลังจะจูบกันด้วยความหวานชื่น
มือ เท้าทั้งสองข้างเกิดเกร็งจน เส้นเอ็นแทบโผล่ทะลุผิวหนัง หัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าจังหวะ Single Stroke Roll
เหงื่อก็ดันไหลออกมา ทุกรูขุมขนบอกตามตรงว่าผมโคตรประหม่า!
“ ฮึ่ย !” ผมร้องเรียกให้ตัวเองกลับมามีสติอีกครั้ง หลังจากคิดอะไรไร้สาระอย่างนั้น ถึงชุนจะหล่อก็เถอะ...
พอดีกว่าขอเปลี่ยนเรื่องเลยละกัน ผมลงมาชั้นล่างของตัวบ้านอีกครั้ง เห็นชุนนั่งเอนหลังกอดอกพิงโซฟาเช่นเคย
คิดว่าเขาคงนั่งหลับแน่
“ ขึ้นไปนอนข้างบนกัน ” ผมเดินมาสะกิดไหล่ชวนชุนขึ้นห้อง
“ ไม่ละ ” ชุนปฏิเสธอีกครั้ง
“ ฉันไม่ปล้ำคุณหรอกน่า ” แต่ก็ไม่แน่นะ....ไม่รับประกันความปลอดภัยด้วย ผมคิดต่อในใจ
“ สายตานายหื่นมาก ฉันขอบายดีกว่า ” ชุนบอกเสียงเรียบแล้วทำท่าจะนอนต่อ
“ ฉันนอนเป็นเพื่อน ” ว่าแล้วผมก็นั่งลงข้างๆชุน ชุนปิดเปลือกตาลงส่วนผมนะหรอ หึหึ
เอนตัวลงนอนหนุนตักซะเลย!
“ คาคาชิ ออกไปจากตักฉัน! ”
“ แต่คุณต้องไปนอนข้างบน ” ผมยื่นข้อเสนอ
“ ... ” ชุนเงียบ
“ นอนแบบนี้ก็สบายนะ ” ผมนอนยืดตัวเป็นเส้นตรงตามความยาวของส่วนสูง ด้วยท่วงท่าสบายๆ
“ ไม่เลยสักนิด ” ชุนเขย่าขาเบาๆหวังจะไล่ผมให้ลุกออก
“ ฉันสบายนะ ” ผมแกล้งแหย่
“ ก็ได้ ” เยส! ชุนยอมขึ้นไปนอนข้างบน(ย้ำว่าบนเตียงเป็นเพื่อนผมด้วย!)
บอกตามตรงว่าผมประหม่าเกิดมา อายุยี่สิบหกปีเพิ่งเคยมีผู้ชายนอนบนเตียงขนาดอาซึม่า เก็นม่ะ อาโอบะ
พวกเขาเหล่านั้น ยังไม่เคยได้เข้ามาเฉียดเตียงนอนของผมเลยสักคน เราไม่มีต้องพูดอะไรมาก
ผมกระซิบบอกชุนว่าฝันดีและปิดเปลือกตาลง วันนี้ทั้งวันเหนื่อยมามากแล้ว ชุนเองก็ด้วย ผมเห็นว่าสวนหลังบ้านสะอาด
มากต้นไม้ใบหญ้าหายเรียบ สะอาดตาเหมือนได้สวนใหม่ ไม่กี่นาทีต่อมาผมเข้าสู่นิทรา
ร่างกายของผมหนักอึ้งกำลังจมดิ่งลงสู่ผืนน้ำไม่ทราบว่าลึกขนาดไหน พยายามใช้มือสองข้าง
พยุงตัวให้ลอยเหนือน้ำ ไม่ทราบอีกเหมือนกันว่าต้องออกแรงเท่าไรถึงจะลอยตัวสู่ผิวน้ำ กลุ่มหมอกและควันหนาตา
จนมองไม่เห็นว่าเบื้องหน้ากำลังเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ เวลานี้ ที่นี้ รู้เพียงแค่ว่ามีนินจาจากคิริงาคุเระมากฝีมือ
แห่แหนกันตามมายิ่งกว่ากองทัพแมลงสาบออกหากินยามค่ำคืน แห่ตามมาในระยะประชิด
มองไม่เห็นเส้นทางด้านหน้า ว่ามีมิตรหรือศัตรูคอยอยู่
กลุ่มเงาตะคุ่มกระโจนตัวเข้ามาทางผมพร้อมกับใช้ดาบในมือฟาดฟันลงมา เนตรวงแหวนบอกล่วงหน้าว่าจะมีการโจมตี
มาในทิศทางไหน ผมโยกตัวหลบเรียกจักระไปรวมที่ฝ่ามือใช้ตัดสายฟ้า ตัดเข้าสู่ขั้วหัวใจอีกฝ่าย
กลุ่มหมอกควันจางตาลงพอให้เห็นศัตรูตรงหน้า
“ แค่ก คา ค คาคาชิ แค่ก” ชุนพยายามเรียกชื่อผม และกระอักเลือดสีแดงฉานออกมา
“ ไม่ ชุน ไม่ ไม่ ” ผมแผดเสียงดัง ตกตะลึงกับคนตรงหน้า
“ แค่ก คาคาชิ ” ชุนพยายามเรียกชื่อของผมอีกครั้ง พยายามส่งมือสองข้างแตะลงบนข้อมือของผม
เฮือก!
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกเหมือนทุกครั้ง หายใจด้วยทางปากหอบแฮ่บเสียงจนเกิดเสียงดัง พยายามสูดออกซิเจนเข้าปอด
ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้!
รู้อยู่แก่ใจดีมันแค่ความฝันงี่เง่า
ผ่านมานับได้เกือบสิบปี มันกลับทำให้ผมแทบเป็นบ้าถึงขั้นเสียสติ!
“ นายแค่ฝันร้าย ” ชุนได้ยินเสียงหายใจติดขัดของคาคาชิ หล่อนสะดุ้งเด้งตื่นขึ้นมาจากที่นอน
หล่อนวางมือลงบนบ่าผมออกแรงนวดคลึงเบาๆ เป็นการปลอบประโลม
“ ชุน...อย่าตายได้ไหม? ” ผมวางฝ่ามือซ้อนทับกับมือของชุน กำมือแน่น
“ ? ” คนฟังถึงกับงง
“ ฉันสัญญา....จะปกป้องนายด้วยชีวิต ” ผมพูดมันออกไป ไม่เอาแล้ว ผมไม่อยากสูญเสียใครไปอีก
สงคราม...ได้พรากคนรักจากผมหมดทุกคน ไม่รู้ว่าได้รับใบประกาศเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าโจนินใส่กรอบ
ตั้งวางไว้ตู้โชว์ ทำไมในเมื่อไม่มีใครรอชื่นชม ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทุกแว่นแคว้น ไม่มีคนที่บ้านรอคอยความสำเร็จ
จะรีบตั้งหน้าตั้งตากลับบ้าน ก่อนเวลาทำไมในเมื่อไม่มีใครอยู่นอกจากตัวเอง ทว่าคราวนี้ผมมีชุน มีเพื่อนรออยู่ที่บ้าน
ชุนมักมีเมนูอาหารอาหารไทย เขาบอกมาอย่างนั้น
ผมไม่รู้หรอกไทยคืออะไร ไม่ว่าจะต้มยำกุ้งน้ำข้นรสชาติเผ็ดร้อน ต้มข่าไก่ ผัดไท แกงเขียวหวานอะไรนั่น
อาหารฝีมือชุนอร่อยมากสูสีกับลุงเทะอุจิอยู่หรอก ผมไม่กล้าทานอาหารนอกบ้าน ก่อนกลับเข้าบ้านสักครั้ง
ตั้งหน้าตั้งตารอคอย เวลาทานอาหารพร้อมกัน
ไม่.... ผมไม่อยากอยู่คนเดียว
“ ได้ไหมชุน? ” ขอร้องละ....สาบานได้เลยว่าเกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยขอร้องใครได้เท่านี้มาก่อน
“ จะลองดู ” ชุนไม่ได้ตกปากรับคำตอบ ทว่าคำตอบของเขานั้นก็ทำให้ผมดีใจขึ้นมาเล็กน้อย
End Kakashi’s talking.
*Fix you - Coldplay
* Single Stroke Roll คือจังหวะพื้นฐานของการตีกลองชุด RLRLRL...สลับไปเรื่อยๆด้วยจังหวะสม่ำเสมอ
โปรดติดตามตอนต่อไป...
3เม.ย.59
เงียบกริบเเลยแหะ.... สงสัยมาแนวทะลุมิติไม่น่าจะรอด...
เอาละ...ฝากผลงานเรื่องอื่นๆ ให้ติดตามกันด้วยนะครับ
และน้องใหม่ของเรา เผื่อนักอ่านคงจะเบื่อนารูโตะแล้ว....ชิวขอนำเสนออีกเรื่องครับ
ฝากแซนซัสไว้ในอ้อมใจด้วยนะครับทุกท่าน ^^
ขอให้มีความสุขกับการอ่านครับ นายชิว
ความคิดเห็น