ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic: One Piece] Drop D. จูนเสียงหัวใจ อย่างไรก็ใช่ 'เธอ'

    ลำดับตอนที่ #4 : Drop D. : Maybe you, change your mind.

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 65


     

     

     

     

    “ นี่สินะ นารีขี่ม้าขาวที่แท้ทรู! ” คิลเลอร์รู้สึกโชคดีที่เขาชวนแจ็คสันมาวันนี้

    “ รู้สึกว่าเป็นคนมีหน้ามีตาก็ตอนนี้แหละ ” รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ! ไวร์เอ่ยยินดีกับหน้าตาโฉมใหม่ของตัวเอง

    ถึงตอนนี้เขายังยกโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชั่นกล้องถ่ายรูปด้านหน้า เพื่อส่องแทนการใช้กระจก เอียงหน้าซ้ายขวา

    เพื่อความมั่นใจ “ หล่อจริงๆ ” ไวร์พยักหน้ากับความหล่อเหลาของเขา

    “ เขามีแต่ให้คนอื่นชมไม่ใช่หรอ? ” ฮีทพูดเสียงนิ่งหน้าตาย ถามเพื่อนข้างกาย ยังถือโทรศัพท์มือถือบรฝ่ามือ

    ส่องซ้าย ส่องขวาไม่่ต่างจากนกแก้ว นกหงส์หยก “ อย่างว่า… กว่าจะรอคนอื่นมาชม… คงไม่น่ามี ” 

    “  โว๊ะ! ไอ้นี่! ” ไวร์ถึงกับลดมือลงมา “ ถ้าหล่อกว่านี้กัปตันคิดก็ไม่เกิดแล้วครับ ” เสียดายความหล่อ

    หากเขามีมากกว่านี้ มีหวังนักร้องนำของวงคงไม่ได้เกิดแน่! ดังนั้นเรื่องความหน้าตาดีของเขาก็คงไม่ต้องเยอะมาก 

    ขอแค่ไปไหนมา หมาไม่หอน หรือเห่าไล่ก็พอ! 

    “ จ้าๆ พ่อรูปหล่อ! เตรียมขึ้นเวทีกันได้แล้ว ” ฮีทยังต้องยอม

     

     

    แจ็คสันหยิบแมสสีแดงประดับด้วยหนามสีเงินขึ้นมาสวมปิดบังใบหน้าท่อนล่าง ตั้งแต่ปลายจมูกถึงปลายคาง

    เพื่อทำการแปลงเพศ เอ๊ย! แปลงโฉม! 

    “ เกิดมาเป็นคนดังก็ต้องทำใจหน่อยละ ” ไปไหนมาไหน ก็มีแต่คนรู้จัก! ดังนั้นต้องระวังตัวเสียหน่อย

    “ คุณแจ็คสันเชิญทางนี้ครับ ” ทีมงานชุดดำในห้องแบ็คสเตจ คนเดียวกับที่เชิญหนุ่มพั๊งค์ขึ้นเวที

    เรียกให้หล่อนเดินตามเขาไป เขาปลดป้ายคล้องคอของตนเองแล้วส่งให้หญิงสาวเพื่อทำการสวมป้ายทีมงานนั้น 

    เป็นอีกอย่างที่คิลเลอร์ได้ฝากฝังให้เขาคอยดูแลหล่อน ขณะขึ้นเวที อย่างน้อยสวมป้ายทีมงานจะได้ไม่เกิดข้อครหา 

     

    วิคตอเรีย พั๊งค์ เล่นปิดงาน แถมยังเหลือเวลาไม่มาก ราวๆสามสิบนาที 

    ซึ่งลองคำนวณตามเวลาพวกเขาก็เล่นได้ไม่เกิดเจ็ดเพลง มากสุดก็ห้า ถึงหกเพลงเท่านั้น

    คนในงานยังอยู่กันเพียบ หรือแทบไม่มีช่องโหว่ว่างเว้นสีดำให้เห็น ฟังจากเสียงตะโกนของเหล่าแฟนเพลง

    ในสถานที่จัด ทั้งเสียงของชาย หญิง ต่างดังพอๆกัน มีอารมณ์ร่วมไปกับเสียงเพลง ยิ่งการเอนเตอร์เทนของนักร้องนำ

    ส่วนสูงสองเมตรต้นๆของเขานั้นเด่นเป็นสง่า ส่วนสมาชิกในวงคนอื่นๆก็ตัวพอๆกันไล่เลี่ยกันหมดคำนวณจากสายตา

    สตาร์ทอัพที่หนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร ไม่แน่ใจว่าเขายังเป็นเผ่ามนุษย์หรือคนยักษ์

     ไม่แน่นะ… พวกเขาอาจจะเป็นครึ่งเผ่าคนยักษ์ก็ได้ 

     

    “ พร้อมกันรึยัง? พร้อมกันรึยังครับ 1 2 3 4 ” เอนเตอร์เทนเนอร์แห่งวง นับถอยหลังระเบิดความมันส์!

    งานเฟสติวัลได้กลายเป็นมินิคอนเสิร์ตของพวกเขาไปในบัดดล ยอมรับว่าผู้จัดงานเก่งมากๆ ดึงศิลปินดัง ต่างค่าย

    มาอยู่ในงานเดียวกันได้ แม้ว่าพวกเขาจะขึ้นเล่นเป็นวงสุดท้ายเพื่อดึงให้คนในงานยังไม่ยอมกลับ

    เสียงกลองชุดและเบสประสานกันอย่างลงตัว โดยที่ทั้งสองเล่นสาดความสนุกโดยไม่ต้องมองหน้ากัน

    แม้จบเพลงเก่าแล้วก็ขึ้นเพลงใหม่ ดูก็รู้แล้วว่าพวกเขานั้นใช้เวลาด้วยกันมานาน สนิทสนมกันจนรู้จักจังหวะ

    ของกันและกัน 

    แสงไฟหลากสีสาดส่องไปมา เอฟเฟกต์ทั้งเปลวไฟ ทั้งไดร์ไอซ์ มากันครบ แถมมาตรงจังหวะกระชากใจแบบสุดๆ

    เสียงร้องเพลงจากเหล่าแฟนๆดังกระหึ่ม จนคิดต้องส่งไมโครโฟนให้แฟนๆส่งเสียงช่วยเขาร้อง เขาร้องไกด์ขึ้นท่อนใหม่

    เพื่อให้ด้านล่างเวทีได้ร้องตามถูกต้องตรงตามจังหวะ เดินไปทางซ้ายทีขวาที เพื่อต้องการได้ใกล้ชิดกับแฟนเพลง

    ให้ได้มากที่สุด 

     

    นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ไม่ได้ยืนมองพวกเขาจากตรงนี้ ตรงด้านล่างของเวที…

     

    ตั้งแต่เป็นศิลปินเดี่ยวอย่างเต็มตัว หล่อนเองก็แทบไม่ได้ไปงานคอนเสิร์ตไหนเลย… มุ่งมั่นแต่ทำเพลงของตัวเอง

     

    ตามจริงต้องยกเครดิตให้พวกเขาเลย… ถ้าไม่มีพวกเขา ‘วิคตอเรีย พั๊งค์’ คงไม่มี ‘แจ็คสัน’ ในวันนี้!

     

    แจ็คสันยืนนิ่งแล้วมองภาพรวมของวง ตั้งแต่นักร้องนำ มือกีต้าร์ เบส กลอง สังเกตุได้จากผู้คนรอบกายของหล่อน

    ซ้าย ขวา ด้านหน้า พวกเขาร่วมร้องเพลงกระโดดโลกเต้น เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข หากมาเป็นคู่ไม่ว่าจะผู้ชาย

    ผู้หญิง หรือจะชายหญิง กอดคอโอบไหล่เพื่อร้องเพลง ไปกับเสียงเพลง หากเป็นสายปาร์ตี้สังเกตได้ไม่ยาก 

    ในมือของพวกจะมีขวดเบียร์ ขวกเล็ก ขวดใหญ่แล้วแต่ถนัดถือ ส่วนมากมักเห็นเป็นแก้วพลาสติกพอเป็นตัวช่วย

    ให้ชุ่มคอและไหลรื่นไปกับงาน 

    “ ขอฉันกอดคอหน่อยนะคะ วู้ววว มันส์เป็นบ้าเลย! ” เสียงของผู้หญิงข้างๆแจ็คสันเอ่ยขอ 

    เจ้าตัวยังไม่ทันได้ตอบตกลง เธอก็ส่งท่อนแขนยาวๆ โอบกอดรอบคอผู้หญิงอีกคนอย่างถือวิสาสะ เห็นหล่อนยืนนิ่ง

    ดูแล้วคงเดาได้ไม่ยากว่าคงมาคนเดียวเป็นแน่ เธอเองก็มาคนเดียวเหมือนกัน ดังนั้นมางานนี้ก็สามารถหาเพื่อนไปในตัว 

    เพื่อนในงาน สามารถคบหากันได้ในชีวิตปกติ และหากมีงานคอนเสิร์ตสนุกสุดเหวี่ยงเช่นนี้อีก คงชวนผู้หญิงข้างๆนี้มา

    คอนเสิร์ตด้วยกันอีก

    แม้จะเป็นเพลงช้า เธอกับยังขยับตัวพาให้แจ็คสันโยกตัวตาม พอมีแสงให้เห็นรำไร หญิงสาวข้างตัวของแจ็คสัน

    ส่วนสูงของเธอนั้นหนึ่งร้องเจ็ดสิบสามเซนติมเตร ซึ่งก็สูงทีเดียว ก็ไล่เลี่ยพอกับแจ็คสันนี่ละ

    เส้นผมสีชมพูพาสเทลไหวตามแรงขยับ ดวงตาสีม่วงอ่อนเป็นประกายวิ้งวับ จมูกโด่งเชิ่ด ริมฝีปากสีชมพูอ่อน

    ใต้ดวงตาข้างขวามีจันทร์เสี้ยวอีกดวง สวมหมวกทรงสูงสีเขียว เสื้อกล้ามสีขาว กางเกงยีนส์พอดีตัวให้เน้นสัดส่วนสุดเซ็กซี่

    ทรมานใจผู้พบเห็นไม่ว่าจะหญิงหรือชาย

    “ กัปตันคิดหล่อเป็นบ้าเลย เธอว่าไหม? ” เธอกระซิบข้างใบหูของแจ็คสัน หลังจากจ้องมองนักร้องนำ

    มาอยางยาวนาน หากเป็นแฟนคลับช่างสังเกตุก็จะรู้ว่า… การแต่งหน้าเขาวันนี้แตกต่างจากวันอื่น ส่วนเรื่องการแต่งตัว

    เขาเป็นผู้ชายที่เซ็กซี่แม้จะสวมเสื้อผ้าบนตัวครบทุกชิ้น! 

    “ คนอะไรยิ่งมอง ยิ่งหล่อ ” เธอพูดต่อ หล่อแบบวัวตายควายล้มกันไปข้าง! 

    “ คงเป็นเพราะเมคอัพ ” แจ็คสันพูดเบาๆแล้วหัวเราะกับตัวเอง

    “ ไม่ว่าจะเมคอัพใหม่หรือเก่า ฉันว่าเขาก็หล่ออยู่ดี ล้างหน้าฉันก็ว่าหล่อด้วย หล่ออย่างเดียวไม่พอหรอก

    ร้องเพลงเพราะมากเลย ฮื่อ เอาใจฉันไปเล้ยยยย ” เธอยกแก้วพลาสติกขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ แล้วส่งเสียง แอร่ ราวกับชุ่มคอ

     แสงไฟบนเวทีดับลงถูกย้อมด้วยสีดำ เมื่อคิดร้องจบประโยคพอดี ดวงไฟตรงส่วนของแฟนเพลงดับพรึ่บเช่นกัน

    จนกระทั่งทั้งหมดกลายเป็นสีดำ เสียงของแฟนเพลงเฮลั่นขึ้นมาหนึ่งระลอกใหญ่แล้วค่อยๆแผ่วเบาลง ราวๆสิบห้าวินาที

    ดวงไฟสปอร์ตไลท์บนเวทีส่องแสงมาตรงกลางของเวที ฉายให้เห็นร่างของกัปตันคิด ที่กำลังพูดถึงกันอยู่

     กัปตันรูปหล่อที่หญิงสาวผมชมพูว่า สวมเสื้อหนังขนสัตว์สีแดงเลือดนก ทับบนบ่า ด้านในก็เป็นเสื้อเชี้ตแขนยาว

    สีดำขยับตัว ปลดกระดุมเสื้อลงโชว์แผงอกเต็มไปด้วยกล้ามลีนๆ กางเกงยีนส์สีดำ รองเท้าเข้าชุด แม้จะแต่งตัวแพทเทิร์น

    เรียบง่าย สามารถแต่งตัวตามได้ง่ายๆ บางทีอาจจะเป็นชุดที่มีทุกบ้านติดตู้อยู่แล้วก็ได้ 

    คิดล้วงมือขวาเพื่อหยิบบางอย่างจากกระเป๋าอกเสื้อ รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า โชคดีทีมงานแพลนกล้อง

    ซูมไปที่ใบหน้าของคิด ฉายขึ้นจอแอลซีดีขนาดใหญ่เพื่อให้บัตรโซนด้านหลังได้เห็นการเคลื่อนไหวของบนเวที

    ไม่กี่วินาทีต่อมา คิดยกเครื่องดนตรีขนาดพอดีมือขึ้นมานาบริมฝีปากแล้วเป่าลมลงไปช้าๆ 

    คิดยังคงสะพายกีต้าร์บนบ่ากว้าง ปรับตรงสายสะพายเพื่อให้กีต้าร์ย้ายไปทางด้านหลัง สองมือประคองฮาโมนิก้า

    เป่าเครื่องดนตรีสุดแสนจะไพเราะ จ่อใส่ไมโครโฟนตรงหน้าอย่างไม่เร่งรีบในท่อนก่อนสุดท้ายเพื่อจบเพลง 

    “ คนบ้าอะไรโคตรเท่เลย! ” หญิงสาวข้างแจ็คสันตะโกนเสียงดัง อินไปกับอารมณ์ของเพลง

    นักร้องวงนี้มีอะไรมาให้แฟนคลับได้ลุ้นตลอดเวลา! พวกแฟนๆไม่อาจจะลอยคอ เอ๊ย! รอคอยคอนเสิร์ตใหญ่ได้อีกต่อไป

    ไม่ใช่แค่เธอที่ส่งเสียง แฟนคลับคนอื่นๆต่างพากันส่งเสียงกระหึ่ม สนั่นไปทั้งลานกว้าง เสียงของฮาโมนิก้าแผ่วลง

    จนกระทั่งหายไป คิดกลับมาร้องจบท่อนสุดท้ายพอดี เป็นการจบเพลงได้อย่างสวยงาม แฟนๆส่งเสียงกรี้ดกันอีกรอบ

    เสียงเพลงไม่ได้แค่บันดาลแค่ความสุข แต่เหมือนจะคลายความเศร้า เหงารวมถึงความเครียดได้อย่างดี

    เสียงเพลงกลับมาเป็นเพลงเร็วให้ทุกคนได้โดดตัวลอยกันอีกครั้ง จังหวะนั้นใครไม่โดดก็บ้าแล้ว!

     

    ช่วงเวลาความสุขมันผ่านไปไวเสมอ…

    เวลาสามสิบนาทีผ่านไปอย่างไวยิ่งกว่าติดไนรตัส บางทีก็สงสัยนี่สามสิบนาทีหรือสามนาทีกันแน่ รู้สึกยังไม่อิ่มจุใจเลย!

    จนแจ็คสันต้องยกข้อมือขึ้นมาดูสมาร์ทวอช นักร้องนำกล่าวแสดงคำขอบคุณและขอให้พวกแฟนๆ กลับบ้านโดยอย่าง

    สวัสดิภาพ พวกเขาลงเวที แสงไฟกลับมาส่องสว่างจ้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้คนในงาน เดินออกไปทางประตู

    โดยไม่สะดุดหรือหกล้ม เดินชน เบียดไหล่เพื่อแย่งกันออกจากงาน

    “ นี่ ฉันขอไอจีหน่อยสิ เธอเป็นเพื่อนที่ดีมากเลย ” หญิงสาวชมพูส่งโทรศัพท์มาให้แจ็คสัน

    ปลดล็อคเครื่องเรียบร้อย เข้าไปทีไอจีส่วนตัวของเธอ เพื่อให้แจ็คสันพิมพ์ชื่อแอคเคาท์ของหลอนลงไปในช่องค้นหา

    “ ได้สิ ” แจ็คสันตอบตกลง รับโทรศัพท์มาดูแล้วก็กดแอคเคาท์ของตนเองให้ไป 

    “ เผื่อมีงานคอนเสิร์ต ฉันจะชวนเธอไปด้วยกันอีกไง ขอบคุณมากนะที่อยู่เป็นเพื่อนให้ อ่อ ฉัน บอนนี่ ”

    เธอเอ่ยขอบคุณทั้งแนะนำตัว อยู่ในงานมาด้วยกันจนเกือบจะจบยังไม่ทันได้บอกชื่อเลย หรือรู้จักกันเลย 

    “ นี่ไอจีฉันนะ ยินดีที่ได้รู้จักนะบอนนี่ จริงๆเธอก็ฟอลไอจีฉันอยู่แล้วนี่ ” แจ็คสันส่งโทรศัพท์คืนให้ 

    แต่ไม่ได้แนะนำตัวเองว่าชื่ออะไรเหมือนที่อีกฝ่ายแนะนำตัวเอง

    “ ไม่จริง กรี- ” บอนนี่เห็นชื่อแอคเคาท์ถึงกับอ้าปากค้าง ตอนแรกที่ได้ยินว่าเธอกดติดตามคงเป็นพวกดารา

    นางแบบ ไม่ก็อินฟลูเอนเซอร์ บอนนี่ส่งสายตามองโทรศัพท์ในมือของหล่อนและเมื่อรับโทรศัพท์มาถืออยู่ในมือ

    เธอกดฟอล ติดตามผู้หญิงคนนี้อยู่แล้ว!  แทบจะป้องปากตะโกน 

    “ ชู่! ” แจ็คสันต้องยกมือขึ้นมาห้าม นิ้วชี้มือซ้ายแตะริมฝีปากบนหน้ากากหนามสีเงิน 

    เตือนไม่ให้เธอส่งเสียงดังเกินไป

    “ ขอกอดหน่อยค่ะ ฉันชอบคุณมากเลยยยย ชอบมั่กๆๆๆเลยด้วย สะสมทุกอัลบัมเลย แจ็คสั- เอ้ย แจ็คกี้ ”

    บอนนี่ซอยขาถี่ยิบทั้งสองข้างรัวๆ เมื่อเห็นว่านอกจากมางานได้เจอศิลปินคนโปรดบนเวทีแล้ว ยังได้เจอกับศิลปิน

    ในดวงใจอีกคน ทั้งกอดคอ ตะโกนร้องเพลงด้วยกันในงานคอนเสิร์ตโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นคนดังอีก ไม่รู้ว่าจะอับอาย

    เอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วด้วย 

    “ โอ๋ๆ บอนนี่ มันจะเป็นความลับระหว่างเราสองคนใช่ไหม? ” แจ็คสันดึงบอนนี่เข้ามากอด แล้วซิบถาม

    “ ช ชะ ใช่แล้ว ฉันจะปิดปาก ไม่พูดเลย ” บอนนี่รับปาก แถมทำท่ารูดซิปปากล่องหน จากซ้ายไปขวา

    ตามด้วยการล็อคกุญแจอย่างแน่นหนา แล้วมือใช้ดึงคอเสื้อกล้ามให้เปิดอ้าขึ้นเพื่อโยนลูกกุญแจดอกนั้น ลงไปซ่อน

    กับทรวงอกมหึมา

    “ ขอบคุณมากนะ ฉันต้องไปก่อนแล้วละ ” แจ็คสันบอกลา เห็นทีมงานชุดสีดำกำลังโบกมือเรียกหล่อน

    เพื่อต้องกลับเข้าห้องแบ็คสเตจหลังเวที 

    “ ฮื่อ ขอบคุณนะ วันนี้ฉันมีึความสุขที่สุดในโลกเลย ” บอนนี่น้ำตาซึม

    เสียงเพลงจากหนุ่มพั๊งค์คอยบรรเทาความทุกข์ หญิงสาวศิลปินเดี่ยวข้างกายคอยช่วยบำรุงความสุข ทั้งกอดคอ

    โอบไหล่แหกปากร้องเพลงด้วยกันได้อย่างสุดเหวี่ยง แถมไม่รังเกียจคนที่เมากึ่มๆหน้าแดงๆ เช่นเธออีก 

    เหมือนได้เจอเพื่อนสาวที่พลัดพราดจากกันตั้งแต่สมัยอนุบาล จากกินนมนอน ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเบียร์แทน

    ว่าแล้วก็ยกแก้วเบียร์ในมือขึ้นมาดื่มกระดกหมดรวดเดียว! แล้วชูแขนขึ้นจนสุดด้วยความดีใจ

     

    แจ็คสันเดินตามแผ่นหลังของทีมงานคนเดิม เขาพาหล่อนมาส่งถึงหน้าห้องพักของศิลปินแล้วผายมือ

    ส่งหล่อนกลับเข้าไปด้านใน แจ็คสันแค่ชะโงกหน้ามองผ่านบานประตูห้อง เห็นว่าทั้งทีมงานกับพวกหนุ่มๆกำลังถ่ายรูป

    เป็นภาพที่ระลึกกันอยู่ ส่วนเกินอย่างหล่อนจึงรออยู่ด้านนอก ถอดสายคล้องจากตรงคอส่งคืนให้กับทีมงานกล่าวขอบคุณ 

    แจ็คสันยังคงสวมผ้าปิดปาก เห็นว่าทุกคนเริ่มทอยอยกันออกมาแล้ว หล่อนจึงเข้าไปเพื่อหยิบกระเป๋าสี่เหลี่ยม

    ด้านในบรรจุอุปกรณ์แต่งหน้า 

    “ ไปกินข้าวกันต่อนะแจ็คสัน ” คิลเลอร์รีบขยับเท้าเข้ามา คว้าถือกล่องอุปกณ์ให้

    “ ไปด้วยกันสิคนเยอะๆ สนุกดี ” ฮีทเข้าร่วมสมทบ แบบนี้แจ็คสันก็ไม่อาจจะสามารถเลี่ยงหรือปฏิเสธได้

    นอกจากคิลเลอร์ตามมาส่งแจ็คสันถึงรถแล้ว ส่งโลเคชั่นร้านอาหารให้ผ่านโปรแกรมแชทเพื่อให้หล่อนมาทานอาหารเย็น

    ค่อนไปทางมื้อดึก ร่วมกับพวกเขาให้ได้ 

    ร้านอาหารที่นัดแนะนั่นก็เป็นร้านรูฟท็อป ดาดฟ้าแห่งหนึ่ง ย่านใจกลางเมือง ทางร้านได้จัดปิดโซนวีไอพี

    เพื่อต้อนรับพวกเขาทั้งหมด แน่นอนว่าการมาของพวกเขานั้นก็ทำให้ร้านอาหารแตกตื่นกันได้อีกเช่นเคย ทางพนักงาน

    จึงต้องคอยช่วยกั้นผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องห่างจากตัวศิลปิน เพื่อเข้าไปในโซนสุดพิเศษ ไม่มีใครสามารถได้เห็นหรือถ่ายภาพ

    ได้จากทางด้านนอก 

    อาหารเริ่มมาทยอยเสิร์ฟลงบนโต๊ะ เรียงรายให้เลือกสรรทานได้อย่างเต็มที่ หนุ่มพั๊งค์ทั้งสี่ พ่วงอีกหนึ่งสาว

    กับอาวุธในมือ นั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครได้พูดอะไร แจ็คสันเองก็เช่นกัน

    พวกเขาคงหิว ก็อย่างว่าเล่นคอนเสิร์ตทีใช้พลังงานไปเยอะเหมือนกันนี่นะ หล่อนเองก็เป็น กินทั้งก่อนขึ้น

    หลังลงเวทีอาจจะกินมากกว่าพวกเขาก็ได้

     

    หนึ่งสาวนั่งเงียบทานอาหารในจานของตนเงียบๆ โดยไม่รู้ตัวกันหรอกว่าถูกคิดสังเกตุแทบทุกนาที

    ‘แจ็คสัน’ ตลอดทุกครั้งที่ทานอาหาร การหยิบการจับ องศาการวางมือ มารยาทบนโต๊ะอาหารชั้นสูง หล่อนไม่วางศอก

    ท่อนแขนพาดลงบนโต๊ะสักนิด คอยใช้ผ้าบนตักใช้ส่วนด้านใน เช็ดมุมปากแล้วพับลงบนตักเรียบร้อย ไม่มีเสียงช้อน

    กระทบกับฟัน ไม่มีเสียงช้อนขูดกับจานแบ่ง ถ้วยน้ำซุปให้เกิดเสียงน่ารำคาญใจ   

     

    “ ขอบคุณค่ะ ”

    “ จานแบ่งใบนี้ไม่ได้ใช้นะคะ เก็บได้เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ ”

    “ ขอพริกกับมะนาวเพิ่มหน่อยคะ ขอบคุณนะคะ ”

    ตามจริงแล้วหญิงสาวไม่ต้องกล่าวขอบคุณกับพนักงานบริกรก็ได้ แต่หล่อนเลือกที่จะทำ ทุกอากัปกิริยาของหล่อน

    ชวนให้เขามองได้ตลอดเวลา ทั้งให้ความเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย สบายตา

    ถ้าไม่ได้มาจากสังคมชั้นสูง มารยาทบนโต๊ะอาหารของหล่อนนั้นถือว่าดีเยี่ยม!

     

     

    ช่วงเวลาอาหารได้จบลง ทั้งหนุ่มพั๊งค์ และสาวสวยอีกหนึ่ง ต่างพากันแยกย้ายกลับ บ้านใครบ้านมัน  

    ห้องสี่เหลี่ยมได้แคบลงถนัดตาเมื่อพวกหนุ่มพั๊งค์เข้ามายืนด้านในครบทุกคน พ่วงด้วยแจ็คสันอีกคนอยู่รวมในนั้น 

    แจ็คสันที่ว่าตัวสูงแล้ว พอเจอหนุ่มพั๊งค์ทั้งสี่เข้าไป เริ่มรู้สึกราวว่าหล่อนได้กลายเป็นคนแคระจากฮอบบิท

    หลังจากจบมื้ออาหารพวกเขาก็กลับลงลิฟท์ตัวเดียวกัน แล้วค่อยๆทยอยกันออกจากลิฟท์ไปทีละคน

    พวกเขาขับรถส่วนตัวกันมา ดังนั้นการหาที่จอดรถนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วแต่ดวงสมพงษ์เจอกับช่องว่างสี่เหลี่ยม

    พอจอดรถได้ 

    ฮีท  คิลเลอร์ ต่างล่วงหน้ากลับบ้านกันก่อนเรียบร้อย

    “ ไปก่อนนะ ” ไวร์หันมาโบกมือ ก้าวขาออกจากลิฟท์

    “ เออ  ” คิดแค่เพยิดใบหน้า ส่งเสียงรับทราบ

     

    เหลือเพียงแค่คิดและแจ็คสันที่ยังอยู่ในห้องแคบสี่เหลี่ยม กำลังเคลื่อนตัวลงสู่ชั้นสำหรับจอดรถ 

    สามคนออกไปแล้ว ห้องแคบสี่เหลี่ยมก็ยังให้ความรู้สึกว่ายังมีความแคบอยู่ดี คิดเอนหลังพิงกระจกใส 

    วางฝ่ามือสองข้างลงบนขอบอลูมีเนียม สำหรับพิงแผ่นหลังด้วยท่าทางสบายๆ ส่วนแจ็คสันยืนขนาบด้านข้าง

    แอบส่งสายตาลอบมองคนตัวสูงอย่างเงียบๆ พอเขาจับได้ว่าหล่อนแอบมอง แจ็คสันจำต้องเนียนแกล้งมองทางอื่น

    อมยิ้มมุมปากเล็กน้อย จากนั้นจึงแอบลอบมองเขาใหม่อีกที ปรากฏว่าเขายังคงมองหน้าค้างอยู่ ไม่ได้หลบสายตา

    “ คุณดูดีมากเลยค่ะ ยิ่งตอนเป่าฮาโมนีก้า ” หล่อนพูดทำลายความเงียบ “ ไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณเป่า

    ฮาโมนีก้าด้วย ” หล่อนพูดต่อ

    “ เฮอะ พูดจบยัง? ” คิดพยายามตั้งใจฟังหญิงสาวพูด พอได้ฟังแล้วเขาต้องเบือนหน้าหนี 

    หากว่าสังเกตใบหน้าของตนเอง ผ่านกระจกเงาก็พอจะเห็นว่าใบหน้าหล่อของเขานั้นมีสีเลือดฝาดขึ้นมาอีกถึงสามเฉด 

     

    ติ๊ง!

    เสียงเตือนจากลิฟต์อัตโนมัติเตือนว่าถึงชั้นที่หมาย บานประตูเลื่อนเปิดแยกออกจากกันกว้าง แจ็คสันจำต้องก้าวขา

    ออกไปด้านนอก โดยไม่ลืมหันมาส่งรอยยิ้มให้

     

    ประตูลิฟท์กำลังเลื่อนปิดตัวลง พร้อมส่งเสียงเตือนผ่านลำโพง

    ร่างสูงตระหง่านตาถึงกับถอนหายใจ ขยับโน้มลำตัวไปทางด้านหน้า ขยับปลายเท้า ส่งฝ่ามือแตะลงบนขอบบานประตู

    กำลังจะเลือนปิดจนสุด ระบบเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวได้ทำงานชะงักเล็กน้อย บานประตูได้เปิดออกกว้างอีกครั้ง

    ร่างสูงโปร่งเกินสองเมตรถึงกับเดินไล่ตามหลังของหญิงสาวก่อนหน้า

     

    “ ให้มันได้อย่างนี้สินะ กินอิ่มทีไร ได้ย่อยทุกที! ” 

     

    การตัดสินใจของเขาไม่เคยผิดพลาด 

    หากคำนวณเป็นจะนวนเปอร์เซนต์ คงบอกได้เลยว่าไม่เกินเก้าสิบเปอร์เซนต์แน่! 

     

    คิดจงใจเดินตามหญิงสาวเมื่อครู่ แม้จะเว้นระยะห่าง เขาคลอนลำคอหนาสองถึงสามหน เพื่อคลายกล้ามเนื้อ

    ไม่สิ ต้องเรียกว่ายืดกล้ามเนื้อ เพราะต่อไปนี้เขาจะได้ออกแรงหลังจากทานอาหารเข้าไป แม้จะยังไม่ถึงสามสิบนาทีดี!

     

     

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป

    27 ก.ย. 2565

     

     

                                                              บอนนี่ สาวสายปาร์ตี้สุดแซ่บ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×