ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic: Naruto] Say. รักหรือหลอก บอกกันซะยัยตัวดี!

    ลำดับตอนที่ #3 : Say : What you want?

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 65


     

     


     

    - What you want? -

     

    โทบิรามะตัดสินใจพาร่างไร้สติของสาวน้อยหน้าใสเข้าบ้าน วางหล่อนลงบนโซฟาตัวยาว

    พร้อมหยิบยื่นให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่  ไม่ว่าจะถอดรองเท้าหนังหุ้มข้อของหล่อนออกและเปิดบานหน้าต่างห้อง

    เพื่อให้อากาศได้ถ่ายเทสะดวก

    โทบิรามะเพิ่งสังเกตเห็นว่าหน้าผากหล่อนปูดบวมเท่าผลมะนาว คงเป็นต้องร่วงลงมาแล้วหัวฟาดพื้นแน่

    ต้องรีบประคบเย็นและตามด้วยประคบร้อนเพื่อไม่ให้หน้าผาก หล่อนบวมเป่งมากกว่านั้น

    เขาเดินหาผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวหยิบออกจากกล่องกระดาษสีเทา ใกล้ตัว

    เขาได้มันมาแล้วทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น  แต่ก่อนจะปฐมพยาบาล โทบิรามะรีบแต่งตัวให้เสร็จทันที

    ตามหลักละครไทย ถ้าหากนางเอกตื่นขึ้นมาเจอพระเอกแต่งตัวชวนวาบหวิว ต้องส่งเสียงร้องกรี้ดสิบแปดหลอด ไม่สิ

    คล้ายกินนกหวีดเข้าไปยี่สิบตัวมากกว่าเห็นจะได้   โทบิรามะหยิบน้ำแข็งออกมาจากตู้เย็นแล้วใช้ผ้าขนหนูห่อไว้

    เพื่อสำหรับประคบเขาเดินตรงไปหาคาโอรุย่อตัวลงตรงหน้าหล่อนประคบเย็นให้อย่างเบามือ

    โทบิรามะมองแสงแดดยามเย็นกำลังจุมพิตเรือนผมยาวสลวยของคาโอรุ เปลี่ยนเส้นไหม

    ให้กลายเป็นความเย้ายวนใจ เลื่อนสายตามองหญิงสาวรูปหน้าด้านข้างของคาโอรุงดงามมาก ส่งปลายนิ้วเกลี่ยม่านผม

    ออกจากใบหน้า เกี่ยวทัดหนังใบหู เมื่อให้ได้มองใบหน้าเนียนของหล่อนชัดราวกับซึมซับความงดงามทุกตารางนิ้วบน

    ใบหน้า เส้นผมรวมบนบ่าข้างขวาเผยให้เห็นลำคองามระหง ทรวงอกกลมกลึงคล้ายมะพร้าวห้าวสองลูกกำลังเบียด

    ดันเสื้อกล้ามด้านใน แม้จะทับด้วยเสื้อยีนส์แขนยาว  

             มันแสนเย้ายวนจนเขาอยากก้มลงไปซุกไซร้เนื้อนวลใต้ผ้าขาวสะอาด

     

     

     “ อือ ”  คาโอรุเปล่งเสียงครางเบาในลำคอ เริ่มรู้สึกตัว สติของหล่อนดับวูบไปนานแค่ไหนกัน?

    ขยับกายช้าๆ เริ่มจากปลายนิ้วมือ แล้วเปิดเปลือกตามองคนตรงหน้ากว่าสายตาจะโฟกัสภาพตรงหน้าได้ 

    ใช้เวลาร่วมเกือบสองถึงสามนาที หล่อนมองรอบตัวจนมาสะดุดหยุดตรงใบหน้าของโทบิรามะ พอดีกับปลายจมูก

    ของหล่อนเกี่ยวกับปลายจมูกโด่งของเขาชนกัน ริมฝีปากบางของหล่อนห่างจากริมฝีปากหยักของเขา ไม่ถึงหนึ่งมิลลิเมตร 

    โทบิรามะรีบชิงถอยตัวออกหลบเพื่อรักษาระยะห่าง

    “ จะทำอะไร ? ” คาโอรุขึ้นเสียงสูงแล้วกระโดดลงมาจากโซฟาตัวยาว ท่าทางซวนเซเล็กน้อย

    โทบิรามะกำลังจะอ้าปากตอบ  ส่วนหล่อนไม่อยากจะรับฟัง คาโอรุรีบคว้ารองเท้าหนัง ดาบคาตานะสีดำของตน

    แล้วเดินดุ่มๆ ออกจากบ้านเขาทันทีโดยหารู้ไม่ว่า....

    “ นั่นห้องน้ำ ” โทบิรามะพูดขึ้น หล่อนชะงักแล้วหันไปมองโทบิรามะเล็กน้อย

    โทบิรามะชี้นิ้วไปอีกทางบ้านคล้ายเป็นป้ายบอกทางให้หล่อนออกไปจากบ้านเขาได้เสียที

    “ ขอบคุณ ”  หล่อนบอกเขาแล้วเปิดประตูบ้านเดินออกไป

    เสียงประตูบ้านปิดลงโทบิรามะถึงกับต้องถอนหายใจ  มันก็น่าเป็นห่วงหล่อนอยู่หรอกท่าทางเหมือนคนไม่ค่อยจะเต็มเต็ง

    มิน่าละ พี่ชายเขาถึงได้ดูเป็นห่วงเสียเหลือเกิน 

    แม้มีโอกาสที่จะเอ่ยปากชวนให้หล่อนได้อยู่พักค้างแรมสักคืนสองคืน หรือจะสามวันสองคืนก็ย่อมได้

    เพื่อเก็บแรงไว้สำหรับเดินทางกลับเกาะจันทร์เสี้ยว แต่ลองดูจากทรงแล้ว…หล่อนคงไม่ต้องการ

    โทบิรามะจึงปิดล็อคประตูบ้านลงกลอนอย่างดีทั้งประตูด้านใน หรือจะรั่วบ้าน เพื่อไปบ้านใหญ่ในทันที

    นอกจากการจะจัดเตรียมการพักผ่อนให้ความสะดากสยายแก่คาโอรุ โทบิรามะเองก็ต้องก่ารเช่นเดียวกัน

    เอกสารยังกองเป็นตั้งคอนโด ไม่มีวี่แววว่าจะหมด หายไปภายในวันสองวัน 

    แถมในวันไม่กี่วันข้างหน้าฮาชิรามะ โทบิรามะต้องเข้าประชุมพันธมิตรนินจาเสียแล้ว 

     

     

    สุดยอดการประชุมลับระดับชาติ รวบรวมเหล่าผู้นำแต่ละแห่งจะมานั่งรวมตัวกัน ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาว

    ถูกจัดตกแต่งออกมาในแนวโมเดิร์น ทั้งความทันสมัยและเป็นระเบียบ  ที่สำคํญที่สุดต้องเป็นสถานที่ๆน้อยคนจะรู้จักกัน

    ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความปลอดภัยของผู้นำทุกท่าน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะถูกเก็บเป็นความลับ 

    การประชุมครั้งนี้เหมือนกับครั้งก่อนๆ มีทั้งผู้นำนินจาจากทั้งห้าแคว้นใหญ่และตามด้วยองครักษ์ ผู้ติดตาม

    เลขาของบรรดาคาเงะทั้งห้ารออยู่ในห้องประชุมนั้นด้วย ยกเว้นแต่ผู้นำและเลขา สามารถเข้าประชุมหมู่บ้านละ

    ไม่เกินสองคน โทบิรามะก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน

    “ รู้สึกว่าท่านมิซึคาเงะกำลังจะทำสงครามนะ ” ไรคาเงะพูดขึ้น

    “ ใช่ กับพวกคนป่าบนเกาะจันทร์เสี้ยว ดินแดนที่ไม่มีใครเคยเข้าไปสำรวจมาก่อน ไม่สิฉันส่งคนไปแล้วไม่มีใครรอด

    กลับมาสักราย ” มิซึคาเงะตอบพร้อมทั้งยกตัวอย่าง

    “ พวกคนป่าไม่เคยได้เข้าร่วมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อืม ว่ากันว่าแม่ทัพที่นั่นมีฉายาเหมือนกันนะ

     ถ้าจำไม่ผิดก็คงเป็นเทวีแห่งสงคราม” สึจิคาเงะพูดต่อพลางเกาคางใช้ความคิด

    “ เทวี... ผู้หญิงอย่างนั้นรึ ? ” ไรคาเงะใคร่รู้

    “ ยังสาวแถมสวยอีกด้วย ” มิซึคาเงะมีหัวเราะเบาๆ เขาไม่อยากจะหัวเราะลั่น

    มิซึคาเงะทำสงครามกับผู้คนบนเกาะจันทร์เสี้ยวมาหลายสมัย ตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษส่งต่อมายังรุ่นของเขา 

    ส่วนมากแม่ทัพมักจะเป็นเพศชายเสียมากกว่า เพราะผู้หญิงไม่น่าจะมีความสามารถทางด้านนี้มากนัก 

    และในเมื่อมีแม่ทัพเป็นผู้หญิง มิซึคาเงะคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องยาก ในการทำสงครามเพื่อขยายอาณานิคมของแคว้นคิริงาคุเระ

    “ พวกท่านกำลังจะ...” ฮาชิรามะไม่อยากพูดเยอะ เข้าใจเป็นอย่างดีเลยว่าทุกแคว้นต่างพากันจะยกทัพ

    ไปตีเกาะจันทร์เสี้ยวแห่งนั้นโดยเฉพาะท่านมิซึคาเงะ ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับอาณาเขตเกาะจันทร์เสี้ยวมากที่สุด

    จากวันนั้น… ฮาชิรามะได้นำบัตรประจำตัวนินจาซึ่งได้รับมาจากคาโอรุอีกที  เขานำไปตรวจสอบ

    ทำการเช็คจากทะเบียนราษฎร พบว่า พวกคนเหล่านั้นมีตัวตนจริงๆ และไม่นานก่อนหน้านั้น กลุ่มคนเหล่านั้น

    เดินทางกลับหมู่บ้านในสภาพครบสามสิบสอง

    ทว่าพวกเขาไม่มีใครพูดจารู้ศัพท์ทราบเรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น หรือจดจำเหตุการณ์บนเกาะได้เลยสักคน 

    กลับกลายเป็นคนวิกลจริต  สติไม่ดีกันเป็นแถวๆ  จึงเป็นเรื่องยากที่จะสอบถามข้อมูลจากเกาะจันทร์เสี้ยว 

    จากปากผู้คนที่กลับออกมา  

    ฮาชิรามะประเมิณว่า… คงเป็นคาถานินจาบางอย่าง ปิดปากไม่ให้คนภายนอกรู้ ในใจลึกๆกลับคิดว่า

    ผู้ที่ออกคำสั่งให้ใช้คาถานินจานี้คงมีความโหดเหี้ยมพอตัวอย่างแน่นอน 

     “ ฉันก็อยากได้ดินแดนส่วนนั้น ซึนะงาคุเระมีแต่ทะเลทราย ไม่มีผลผลิตทางการเกษตรเหมือนแคว้นอื่นๆ

     ซ้ำประชากรต่างเยอะขึ้น ต้องขยับขยายแบ่งไป ” คาเซะคาเงะพูดความประสงค์ของตนให้เหล่าคาเงะทั้งหมดได้ฟัง

    “ ท่านมิซึคาเงะพูดมาซะขนาดนี้ ฉันเองก็อยากจะได้ยลโฉมของเทวีแห่งสงครามแล้วสิ ” ไรคาเงะชักเริ่มสนใจ

             “ ฉันละก็อยากเห็นหน้าแม่ทัพเจ้าของฉายามาเหมือนกันนะ เอาเป็นว่าแคว้นไหนสามารถบุกตีเกาะ

    จันทร์เสี้ยวแตกได้ แคว้นนั้นจะได้เกาะจันทร์เสี้ยวไปครอง! ”  ซึชิคาเงะรีบเสนอก่อนที่ทุกคนจะทะเลาะกัน

    แล้วกลายเป็นสงครามกับทุกแคว้นอย่างยาวนานเหมือนสมัยก่อน

     


     

    หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดคาเงะ  ฮาชิรามะ โทบิรามะ นินจาหล่วยลับฝีมือดี เดินทางกลับโคโนฮะ

    พวกเขาแบกรับความไม่สบายใจกลับติดตัวมาด้วย ฮาชิรามะไม่เห็นด้วยกับการทำสงครามกับผู้คนบนเกาะจันทร์เสี้ยว

    แห่งนั้น เขาได้แต่นั่งฟังการสนทนาอย่างออกรสของผู้นำคนอื่นๆ อาจจะเป็นเพราะเขาขยาดกับสงครามแล้วก็เป็นได้

     อีกอย่างก็เคยได้ยินผ่านหูมาว่าไม่มีใครสามารถทำศึกสงครามชนะ

    ผู้คนจากเกาะจันทร์เสี้ยวได้  ซึ่งเรื่องนั้นก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ?

     

    “ โทบิรามะ เราต้องรีบไปแจ้งข่าวให้พวกคนที่เกาะทราบ ไม่อย่างนั้นพวกคนบนเกาะจะลำบากแน่! ” 

    ฮาชิรามะนึกถึงใบหน้าหวานของคาโอรุขึ้นมาเป็นอย่างแรก เขาทราบดีเรื่องสงครามและผลเสียที่ตามมาทากนับไม่ถ้วน

    “ ช่างเขาสิ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราเลย ” โทบิรามะไม่อยากยื่นมือเข้าไปยุ่ง ณ เวลานี้ “ อย่าชักใบให้เรือเสียสิ ”

    อีกย่างตอนหล่อนมาพูดคุยเรื่องของหมู่บ้าน ก็พูดจาใหญ่โตนักเชียว ฟังจากปากที่หล่อนพูดแล้วไม่ได้หวาดกลัว

    หวั่นใจแต่อย่างใด หากว่าโคโนฮะอยากจะทำสงคราม หรือจับมือพันธมิตรร่วมกันตีหมู่เกาะจันทร์เสี้ยวให้แตก

    ย่อยยับในพริบตา 

    ตอนนี้พวกเขากำลังขับเคลื่อนหมู่บ้านแบบนี้ พัฒนาในส่วนตั่งต่างก็ดีอยู่แล้ว 

    จริงๆโทบิรามะอยากบอกฮาชิรามะว่า เขาควรเลือกใช้เวลายุ่งเรื่องชาวบ้านไปแก้ไขปัญหา พัฒนาเรื่องอื่น

    จะเข้าท่ามากกว่า

    “ โทบิรามะขอร้องเห็นแก่พี่เถอะ” 

    “ ไม่เอาน่าท่านพี่ ” 

    “ โธ่ โทบิรามะฉันขอละนะ ” ฮาชิรามะเซ้าซี้โทบิรามะเล็กน้อย

    “ ท่านพี่ก็เป็นแบบนี้อยู่ตลอด อย่าหาเหาใส่หัวนักเลย! ”

    “ โทบิรามะที่ฉันรู้จักไม่แล้งน้ำใจแบบนี้เลยนะ ”

    “ ท่านพี่! ”

    “ ช่วยทำให้ท่านพี่คนนี้สบายใจฉันสักเรื่องได้ไหม? ”

    “ แล้วที่ผ่านมาไม่สบายใจนักเลยหรือไง? ” ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่ชายของเขาไม่เคยสบายใจเลยหรือไง?

    “ โธ่ โทบิรามะ หน่านะ นะนะนะ ” ในเมื่อใช้มุขนี้ไม่ผ่าน ฮาชิรามะก็งัดแผนสำรองขึ้นมาทันที 

    รับรอง รับประกันเลยว่าหากโทบิรามะเจอไม้นี้เข้าไปคงจอดไม่แจวอย่างแน่นอน! 

    “ เออ ก็ได้ ท่านพี่เลิกทำหน้าแบบนั้นเสียที! ” โทบิรามะไม่เข้าใจทำไมพี่ชายตนถึงได้ทำตาวิ้งๆ

    คิดว่าตัวเองเจ้าเหมียวพุซอิทบู๊ทส์ ออดอ้อนอยากให้ตามใจก็ไม่รู้ ฮาชิรามะขำคิกคักกับตัวเอง แผนการออเซาะ

    เป็นลูกแมวน้อยใช้ได้และได้ผลมาตลอดกับโทบิรามะ ดังนั้นแผนนี้จึงเป็นจุดอ่อนของโทบิรามะเลยก็ย่อมได้!

     

    โทบิรามะทนเสียงฮาชิรามะรบเร้าไม่ไหว ไม่ว่าจะหนีกลับบ้านของตน 

    ฮาชิรามะก็โผล่เข้ามานอนกลิ้งขลุกๆบนเตียงเสียงดังโครมคราม หรือจะโผล่ออกมาจากห้องน้ำ

    ตอนโทบิรามะกำลังปลดทุกข์เบา ยืนหันหน้าเขาโถติดผนังสำหรับผู้ชาย

     ความอดทนของโทบิรามะถึงขีดสุดทนความสามารถพิเศษตื้อ(ครองโลก)ของฮาชิรามะไม่ไหว

    จนต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า(จนได้)และออกเดินทางไปในที่สุด 

    การเดินทางไปยังเกาะจันทร์เสี้ยวใช้เวลาเกือบสองวันเต็มๆ ไหนจะทางบกและทางน้ำ

     เกาะจันทร์เสี้ยวอยู่ใกล้หมู่บ้านคิริงานคุเระก็จริง แต่ตัวเกาะนั้นล้อมรอบไปด้วยผืนน้ำ ต้องต่อเรือเข้าไปอีกพอสมควร

    ทำให้โทบิรามะต้องต่อเรือแล้วค่อยเดินเท้าเข้าไปอีกที  แลดูแล้วการเดินทางนั้นค่อนข้างยากลำบาก  

     

    ไม่ได้ลำบากธรรมดาแต่ โคตรลำบากเลย!

     

    ยิ่งเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวเดินทางเดี๋ยวน้ำ เดี๋ยวบก จากดินแดนไกลแสนไกล ตรงมายังหมู่บ้านโคโนฮะ 

    โทบิรามะถอนหายใจ  มองมุมกลับกัน ถ้าหากเป็นเรื่องของโทบิรามะ ถ้าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรนัก คอขาดบาดตาย 

    เขาก็ไม่อยากเดินทางนัก เมื่อเดินเท้าจนมาถึงชายฝั่งแล้ว

    โทบิรามะเดินชายเข้าป่าอย่างสบายๆ ไม่มีแม้แต่สายลมพัดผ่านหรือจิ้งหรีด สัตว์ป่าส่งเสียงร้องสักหนึ่งเสียง

    อากาศรอบตัวค่อนข้างร้อนอบอ้าว ชวนให้อยากถอดเสื้อผ้า ซ้ำอากาศยังไม่ถ่ายเทเสียอีกด้วย 

    ทำให้โทบิรามะต้องระวังตัวอยู่ในโหมดพร้อมไฝว้ตลอดเวลา

     

    เปราะ

    หูข้างซ้ายได้ยินเสียงกิ่งไม้แห้งหักเป็นสองเสี่ยงจากทางด้านหลัง ห่างออกไปราวๆสามเมตร 

    โทบิรามะชะงักพร้อมกับกวาดตามองรอบตัว วินาทีสั้นๆเขารีบหาที่ซ่อนตัว ภายในทันทีด้วยความว่องไว 

    เสือโคร่งสีขาวลำตัวสูงใหญ่เกือบสองเมตรกระโจนตัวเข้าหาโทบิรามะ

    ถ้าหากว่าโทบิรามะช้ากว่านั้นเพียงวินาทีเดียว เขาอาจจะกลายเป็นอาหารอันโอชะไปเสียแล้ว 

     

    ตัวจ๋า…. หัวอาจจะลาก่อนก็ได้ 

     

     โทบิรามะไม่อยากเสียเวลา เขามีหน้าที่แค่แจ้งข่าวให้กับผู้นำของเกาะจันทร์เสี้ยวทราบเรื่อง แล้วก็กลับไปเท่านั้น

     อีกอย่างเขายังจำเรื่องของคาโอรุเข้ามาเตือนฮาชิรามะได้ดี พยายามไม่เผลอพลั้งมือทำร้ายหรือสังหารสัตว์ป่าตัวใด

    อย่างเด็ดขาด แม้อีกฝ่ายต้องการจะกุกหัวของเขาก็ตามแต่

      ดังนั้นเขาเลือกที่จะถอยและไม่ต่อสู้หรือทำร้ายสัตว์ทุกตัว!

     

    “ ไม่ ฉันไม่เป็นพันธมิตรกับใครทั้งนั้น ฉันมาที่นี่เพื่อเตือนคุณ หากคุณยังไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อย่างที่ว่า

    อย่าหาว่าฉันไม่เตือน ... หวังว่าฉันพูดรู้เรื่องนะ?  ” ลองคิดและไตรตรองคำพูดของคาโอรุอีกครั้ง

    เขาเดาว่าหล่อนคงต้องเตรียมกองกำลังหรืออะไรสักอย่างเพื่อป้องกันการบุกรุกชายป่า อย่างแน่นหนามากขึ้นแน่ๆ

     

     

                    โครม

    โทบิรามะโยกตัวหลบทัน หันไปประจันหน้ากับแรดยักษ์ลำตัวสูงใหญ่กว่าสองเมตรครึ่ง 

    ทั้งแรดและเสือตั้งท่าจะขย้ำ ใส่โทบิรามะพร้อมกัน เขามองสลับระหว่างทั้งเสือโคร่งขาว แรด สัตว์สองตัวนี้

    ดักหน้าและหลังปิดโอกาศหลบหนีทั้งสองช่องทาง เพียงแค่โทบิรามะหลบแรดด้านหน้า เสือโคร่งขาวก็จะกระโจนใส่เขา

    ถ้าเขาหลบเสือโคร่งขาวได้ แรดตรงหน้าจะเข้ามาขวิดเขาทันที  โทบิรามะสามารถชักดาบคาตานะออกจากฝักข้างเอว

    ทำการสังหารสัตว์ทั้งสองได้ภายในพริบตา แต่เขาเลือกไม่ทำอย่างนั้น

     

    “ สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์  ” บทแผ่เมตตาต้องเข้าแล้วละวะ!

     

     

                    เสียงร้องพร้อมเสียงวิ่งดังตึงตังของวัตถุบางอย่างเคลื่อนที่เข้ามาใกล้

    หากฟังด้วยเสียงพอเดาได้ว่ามีขนาดใหญ่ มหึมา การลงจังหวะเท้านั้นมีมากกว่าสอง ตั้งใจฟังดีๆ นับได้ราวๆสี่ข้าง

    โทบิรามะกรอกตามองต้นตอของเสียงแม้กายจะไม่ขยับเขยื้อน ช้างป่าลำตัวขนาดเกือบถึงสี่เมตร

    วิ่งปรี่เข้ามาด้วยความเร็วสูง มันชูงวงขึ้นฟ้าเพื่อจะใช้ฟาดลงมาใส่โทบิรามะในระยะสองเมตร คงไม่พ้นเป็นการชาร์ตอัลติ

    ขั้นสูงสุด ราวกับว่าเป็นลาสช็อต!  

     

    “ เชี่ย หรือว่าสวดผิดบทวะ?  ” โทบิรามะถึงกับอุทาน

     

    หรือว่าเขาควรจะแผ่เมตตาให้ตัวเอง 

     

     ‘อะหัง อะเวโร โหมิ  ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร

                         อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ  ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง ’

     

    พอลองคิดดูอีกที หรือจริงๆ มันควรจะสวดตอนจบไปเลยดีวะ? 

     

    ‘ สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ

                        ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด ’

     

     

    เออ งั้นเล่นตอนจบ ‘กรวดน้ำ’ ไปเลยละกัน!

     ( ไรท์ชิว: ข้ามขั้นตอนไปอีก!)

     

     

     

    ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ก่อนที่โทบิรามะต้องชักดาบออกจากฝัก การมาของใครบางคน ร่างของชายฉกรรจ์

    ตัวสูงโปร่งราวๆหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรต้นๆ หุ่นกายล่ำสันอัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อ สมชายชาตรีพอๆกับโทบิรามะ

    เขามีเส้นสีผมแดงเพลิงยาวสลวยถึงกลางหลังรวบเก็บผมเป็นหางม้าเพื่อความคล่องตัว สวมชุดฮากามะในส่วนของเสื้อ

    สีขาวสะอาด กางเกงสีเทาเข้มรองเท้าสานแบบเรียบง่าย ซึ่งก็ไม่ได้เหมาะสำหรับเดินป่าเท่าที่ควร

    “ เป็นอะไรกันหมดละเนี่ย ทำไมพวกเจ้าถึงได้รุนแรงกันแบบนี้ละ? ” เขาถามพวกสัตว์ป่าเหล่านั้น

    “ ระวัง! ” โทบิรามะเตือน

    โทบิรามะเห็นช้างป่ากำลังจะฟาดงวงแล้วแทงซ้ำด้วยงาคู่คม ยาว ทั้งสองข้าง กระทืบเท้าด้วยน้ำหนักตัวอีกหลายตัน

    เล่นงานสังหารทีเดียวจอด ใส่ชายตรงหน้าอยู่รอมร่อ ชายตรงหน้ากลับนิ่งสงบ  เยือกเย็น เพียงแค่ยกมือซ้ายขึ้นมาปราม

    กลางอากาศเท่านั้น

     “ ใจเย็นหน่อยนะพ่อหนุ่ม ” เขาพูดสั้นๆ 

    โทบิรามะรู้สึกเหมือนว่าชายตรงหน้าของเขานั้นได้ปล่อยฮาคิ หรือกระแสจิตพลังอะไรสักอย่างออกมา

    ซึ่งเขาไม่สามารถตรวจจับกระแสพลังงานเหล่านั้นได้ ดวงตาสีทับทิมสดของเขามองเห็น จากช้างป่าท่าทีดุร้ายคล้ายตกมัน

    กลับเปลี่ยนท่าทีไปอย่างดื้อๆ จากช้างป่าดุร้ายย่อตัวลงนั่งกับพื้นและก้มหน้าต่ำ 

    ส่งเสียงร้องในลำคองอแง กลายเป็นลูกช้างดัมโบ้ตัวน้อยๆ 

     

    “ ตรงนี้ข้าจะดูแลต่อเอง พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนเถิดนะ ” ชายปริศนาบอกกับสัตว์ป่าเหล่านั้น 

    ส่งฝ่ามือซ้ายวางลงบริเวณส่วนเหนือดวงตา ลูบฝ่ามือลงบนหน้าผากช้างป่าด้วยความอ่อนโยนเบาๆสี่ถึงห้าหน

    แล้วยกมือออก  และพวกสัตว์ต่างพากันอันตธานหายไปในป่าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!

     

    “ ท่านคงเป็นนินจาแน่ๆ ” ชายปริศนาหันมาถามอย่างไม่แน่ใจ เขาเห็นโทบิรามะมีกระเป๋าสะพายด้านหลัง 

    ดาบคาตานะและซองใส่ดาวกระจายตรงต้นขาข้างขวา จึงเปลี่ยนท่าทีรีบระวังตัว 

    “ เปล่าไม่ใช่ ฉันมาเพียงส่งข่าวให้ผู้นำของเกาะจันทร์เสี้ยว ” โทบิรามะบอกถึงเจตนาในการมาของเขา

    “ ส่งข่าว? ” เจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงเอียงใบหน้าด้วยความสงสัย

    “ ใช่ ฉันต้องพบผู้นำของที่นี่ ท่านจะพาฉันไปพบได้หรือเปล่า? ” โทบิรามะถาม 

    “ ได้สิ แล้วข้าจะพาท่านไปพบท่านผู้นำ ข้าชื่อโอยามาดะ มีหน้าที่ดูแลสัตว์ป่าและผืนป่าแห่งนี้ ” 

    เขาเอ่ยแนะนำตัวด้วยความเรียบง่ายแถมส่งมือข้างขวา เพื่อทำการทักทายตามธรรมเนียมสากล

    “ ฉันโทบิรามะ ”

    “ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ท่านโทบิรามะ หากว่าท่านเป็นนินจา ข้าก็ไม่ติดอะไรหรอกนะ ” โอยามาะส่งรอยยิ้ม

    อย่างเป็นมิตรให้เพราะกฎของนินจาคือไม่กล่าวแนะนำตัว โดยเฉพาะเรื่องของนามสกุลอย่างเด็ดขาด! 

    โทบิรามะไม่ได้ตอบคำถามเพราะโอยามาดะ รู้อยู่แล้วว่าโทบิรามะเป็นนินจาซึ่งเขาก็ไม่ปฏิเสธด้วยสิ

     “ แล้วท่านชอบแคมปิ้งหรือเปล่า? ” โอยามาดะถาม

    “ ชอบสิ ฉันชอบนะพักนี้ลุยงานเยอะไปหน่อยแทบจะไม่มีเวลาเหลือออกไปแคมปิ้งเลย ”

    ไม่ว่าจะเป็นงานหลวงไม่ได้ขาด งานราษฎร์ไม่ให้เสีย โทบิรามะลุยหมดทุกอย่าง  แม้จะแยกร่างออกมาสิคน

    เพื่อจัดการกับงานทั้งหมด ก็แทบไม่ช่วย เพราะมีงานเข้ามาได้ทุกวี่วัน 

        โทบิรามะไม่รู้จักหรอกคำว่า ‘พักร้อน’ หรือ คำว่า ‘พักร้อน’ คืออะไร ทำไมไม่เคยเกิดขึ้นกับเขา!

    “ ขอโทษนะ ที่นี่ไม่ค่อยมีแขกบ้านแขกเมือง ข้าอาจจะพูดมากไปหน่อย ” โอยามาดะหันมายิ้ม

    แล้วเดินนำเส้นทางให้แก่โทบิรามะ

    วินาทีนั้นโทบิรามะสบตากับโอยามาดะพอดี โครงหน้ารูปไข่สีคิ้ว สีผมเป็นสีแดงเพลิง ดวงตากลมโตสีแดงสด 

    จมูกเป็นสันคม โทบิรามะคุ้นเคยกับโครงหน้าแบบนี้อยู่เหมือนกัน โครงหน้าของโอยามาดะ

    คล้ายกับโครงหน้าใครบางคนที่เขาเคยพบ... 

    “ นั่นสินะ ” โทบิรามะเข้าใจ สัตว์ป่าดุร้ายก็จริง 

    ถ้าโอยามาดะไม่โผล่เข้ามาโทบิรามะคงต้องชักดาบออกจากฝักเสียแล้ว อากาศร้อนอบอ้าวคล้ายมีฝนตก 

    โทบิรามะหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาซับเหงื่อพลางเงยหน้ามองท้องฟ้า พระอาทิตย์ทรงกลดเสียด้วย

    และหันมองโอยามาดะจากทางด้านหลัง บอกตามตรงนะโทบิรามะเองก็ไม่ได้ไว้ใจโอยามาดะมากนัก

    “ ใกล้ถึงตัวเมืองแล้วละข้าต้องแปลงเพศก่อน ” โอยามาดะบอกด้วยท่าทางล่อกแล่ก

    “ แปลงโฉม ” โทบิรามะรีบแก้ให้ โอยามาดะหันมาหัวเราะแหะๆใส่ ล้วงมือเข้าไปหยิบแว่นตารูปทรงประลาด

    ออกจากอกเสื้อด้านในขึ้นมาสวม  ' ข้าต้องปลอมตัว' โอยามาดะพูดเบาๆจึงค่อยสวมแว่นมีกรอบสีดำ มีจมูกใหญ่

    หนวดเหมือนคาวบอยสีดำเข้ม ซึ่งโทบิรามะเห็นว่ามันไม่ได้เข้ากับเสื้อผ้าของโอยามาดะ โทบิรามะเกือบหลุดขำลั่น

    โอยามาดะไม่ได้ปลอมตัวให้คนอื่นจำไม่ได้

    โทบิรามะควรจะบอกเรื่องนี้กับโอยามาดะดีไหมละเนี่ย? 

    ทั้งสองเดินเข้ามาถึงในเมือง โทบิรามะกวาดตามองและสำรวจ ทุกอย่างที่เขาสามารถมองเห็นได้ 

    วิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ ไม่ต่างกับหมู่บ้านโคโนฮะของเขาเลย ตึกรามบ้านเมืองตั้งเรียง กันอย่างสวยงาม

     มีระเบียบแบบแผนสลับกับมีต้นไม้คอยให้เงาร่มรื่นตลอดเส้นทาง

    “ นั่นท่านโอยามาดะนี่! ” เสียงหนึ่งตะโกนผ่านโทบิรามะ 

    “ ไปเร็วท่านโทบิรามะ ” โอยามาดะหันมาเร่งให้โทบิรามะพร้อมออกวิ่ง

    โทบิรามะมองตลอดทางทั้งสองฝั่ง เขาเห็นชาวบ้านต่างพากันแตกตื่นกับการมาของผู้ชายที่ชื่อ ‘โอยามาดะ’

    เมื่อโอยามาดะและโทบิรามะเดินเร็วกึ่งวิ่งเบาๆ (วิ่งด้วยความเร็วผ่านไป) 

    โทบิรามะเริ่มสังหรณ์ใจไม่ถูก จนกระทั่งไปถึงกำแพงสีขาวสูงราวสามเมตร มองไม่เห็นด้านหลังกำแพงอีกฟาก

    โอยามาดะรีบกระโดดลอยตัว ชูสองมือเหนือเส้นผมสีแดงเพลิง เกาะขอบหลังคากระเบื้อง ออกแรงจากต้นแขนล่ำ

    เพื่อดึง ยกร่างของตนขึ้น ออกแรงจากสปิงข้อเท้าเพื่อเสริมแรงให้ลอยตัวกลางอากาศ เพื่อข้ามไปอีกฝั่ง

    โดยไม่รอโทบิรามะไปพร้อมกัน 

    “ ท่านโทบิรามะเร็วเข้า ” โอยามาดะส่งเสียงตะโกนข้ามจากอีกฝั่งกำแพง

    โทบิรามะส่ายหน้า ไม่เห็นด้วย เขาเลือกที่จะออกเดินไปอีกไม่กี่เมตรและเดินเข้าจากทางประตู 

    เพื่อไปพบโอยามาดะอย่างเงียบๆ เขาคิดว่าโอยามาดะปีนอย่างแบบนั้นยิ่งเตะตาคนมากกว่าเดินเข้าไปแบบเขา!

    “ ท่านโอยามาดะ ท่านหนีไปเที่ยวที่ไหนอีก? ” เสียงของชายหนุ่มวัยเดียวกับโอยามาดะดังขึ้น

    โอยามาดะถึงกับยืนตัวแข็งทื่อ คล้ายกับเด็กเล็กถูกจับได้ว่าแอบกินขนมในห้องเรียน

     “ กึ๋ย! เรียวตะ.. ” โอยามาดะหน้าซีดในทันที 

    “ ทั้งๆที่ข้าปลอมตัวอยู่แล้วเชียว ทุกคนยังรู้ว่าเป็นข้าอีก! ” โอยามาดะเซ็งพร้อมถอดแว่นตากรอบดำออก

    “ ท่านโอยามาดะขอรับ ” เรียวตะเห็นว่าโอยามาดะมีแขกมาด้วย ซึ่งเขาไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน

    “ อ้อ นี่เรียวตะ ที่ปรึกษาของข้า แล้วนี่ท่านโทบิรามะ ”  โอยามาดะบอกให้ทั้งสองคนรู้จักกันอย่างสั้นๆ

    โทบิรามะค้อมตัวลงเล็กน้อย เรียวตะอายุไม่ต่างจากโอยามาดะ เขามีเส้นผมสีไวน์แดง ผิวดำคล้ำแดดอยู่ในชุดฮากามะ

    เสื้อสีขาวสะอาด กางเกงสีน้ำเงินเข้ม ดูสุภาพและเรียบร้อย

     “ เรียวตะวันนี้ข้ามีแขก คงไม่ได้ฟังเจ้าเทศนาชุดใหญ่หรอกนะ ”

     “ ขอรับ ” เรียวตะโค้งตัวลงแล้วส่งผ้าขนหนูสีขาวในมือให้ผู้เป็นนาย และแขกของนายด้วย

    โอยามาดะรับผ้าเย็นขนหนูสีขาว ขึ้นมาซับหน้าแล้วพาโทบิรามะเดินไปบนเรือน

      “ ข้า ฟูจิวาระ โอยามาดะ ผู้นำของที่นี่ ไหนท่านมีเรื่องอะไรจะแจ้งหรือ?  ” โอยามาดะ กล่าวแนะนำตัว

    อย่างเป็นทางการอีกครั้ง หันมาถามโทบิรามะด้วยรอยยิ้ม 

    ตอนนี้เขาพาโทบิรามะเข้ามาอยู่ในห้องทำงานของตน ห้องสี่เหลี่ยมกว้างขวางเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้

    ทุกอย่างไม่ได้หรูหราตระการตา มีเพียงแค่โต๊ะทำงานไม้สักกับเก้าอี้รับรองแขกเท่านั้น โทบิรามะเหลือบมองรอบ

    ห้องสายตาสะดุดกับเจ้าเสือโคร่งขนสีทองนอนอยู่มุมห้อง มันปรือตาขึ้นมาดูเล็กน้อยแล้วหลับตาลงนอนต่อ 

    อย่างไม่ใส่ใจว่าใครจะมาเยี่ยมเยียน

     “ มันก็ขี้เซาแบบนี้แหละ ” โอยามาดะบอก ไม่ให้โทบิรามะเกรงกลัวเจ้าเสือโคร่งมุมห้องตัวนั้น

    โทบิรามะไม่ได้เกรงกลัวคิดว่าเสือโคร่งขนสีทอง คงเป็นสัตว์เลี้ยงของพวกเหล่าบรรดาคนมีฐานะทางการเงิน

    “ ฉันจะบอกท่านว่า ...” โทบิรามะกำลังจะเข้าเรื่อง 

    ใบหูทั้งสองข้างได้ยินเสียงระหว่างทางเดินหน้าห้องดังมาแต่ไกล

     

     

    “ ไม่ได้นะขอรับ ท่านโอยามาดะคุยงานอยู่ขอรับ! ” เสียงของเรียวตะดังขึ้นจากข้างนอก

    “ ข้ามีเรื่องสำคัญกว่า! ” คู่สนทนาตอบกลับ 

    “ ให้ท่านโอยามาดะเสร็จธุระก่อนนะขอรับ! ” เรียวตะยิ่งปรามเสียงดังกว่าเดิม

    “ ไม่ได้ ข้าต้องคุยเดี๋ยวนี้ ! ”

    เรียวตะคุยเสียงดังกับใครสักคนหยุดตรงหน้าห้องพอดี แล้วตามด้วยเสียงกระแทกบานประตูห้องดังโครมใหญ่

     


     

      “ ท่านพี่ ทัพของคิริงาคุเระกำลังจะมาถึงในไม่ช้า! ” หล่อนพูดเสียงดังฟังชัด

     “ คาโอรุข้ามีแขก! ” โอยามาดะตอบเสียงนิ่งแอบแฝงด้วยความไม่สบอารมณ์ น้องสาวของเขาไม่มีแม้แต่มารยาท

    ในการเคาะประตู! 

     “ ไม่ เรื่องนี้ด่วนกว่าและสำคัญต่อท่านมาก! ” เจ้าของนามคาโอรุพูดต่ออย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

    รัวลิ้นพูดแบบไม่ให้โอยามาดะได้สวนกลับในตอนนั้น โทบิรามะมองสลับระหว่างโอยามาดะและคาโอรุ 

    นึกออกแล้วว่าโครงหน้า ของโอยามาดะทำไมถึงได้คุ้นตามากนัก โอยามาดะมีโครงหน้าคล้ายกับคาโอรุ

    ทุกอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ราวกับฝาแฝด! 


     

    “ เรียวตะส่งแขก! ” คาโอรุถึงกับต้องกล่าวอัญเชิญ แขกออกไปเพื่อจะได้คุยกับโอยามาดะแบบส่วนตัว

    “ คาโอรุ ข้าจะไม่พูดกับเจ้าจนกว่าเจ้าจะแต่งงาน! ” โอยามาดะไม่รู้จะพูดอย่างไรกับคาโอรุอีกแล้ว

    ในตอนนี้คาโอรุทำเกินไป หน้าแถมยังไม่รักษาหน้าเขาอีกด้วย  อีกอย่างโอยามาดะอยากคุยกับโทบิรามะมากกว่าคาโอรุ

    “ ท่านพี่ เรื่องนี้มันคอขาดบาดตายนะ อย่ามาเปลี่ยนเรื่องหน่อยเลย! ” คาโอรุโวยวายลั่น

    เรื่องของหล่อนไม่ยอมแต่งงานไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่เรื่องที่หลอ่นเกริ่นพูดไปแล้วนี่สิ สำคัญกว่าทุกอย่าง!

    “ ไม่รู้ละ ข้าไม่ฟัง!  ” โอยามาดะยกมือขึ้นมาทำท่าอุดหูของตนสองข้าง

     

    ‘เออ คุ้นๆ วะ’

    โทบิรามะรู้สึกคุ้นเคยกับเหตุการณ์คล้ายๆแบบนี้ชอบกล เหมือนเขากำลังรับชมฮาชิรามะกับตนเองเถียงกันอย่างนั้น

    แต่เป็นเวอร์ชั่นหนึ่งของอีกบ้านเท่านั้นเอง! 

     

    “ อย่ามายุ่งกับท่านพี่! ” เมื่อได้มองเห้นว่าแขกของโอยามาดะเป็นใคร ดังนั้นแล้วคาโอรุเข้าไปยืนขวาง

    กั้นกลางระกว่างโอยามาดะกับอีกคน หล่อนชักดาบออกจากฝักชี้ปลายดายใส่หน้าโทบิรามะทันที

    “ คาโอรุเจ้ากำลังเสียมารยาทอยู่นะ! ”  โอยามาดะเห็นว่าครั้งนี้คาโอรุทำเกินไปแล้ว! 

    “ ไม่ ท่านพี่ ผู้ชายคนนี้เป็นเลขาของท่านโฮคาเงะ บอกจุดประสงค์ของคุณมา คุณมาทำอะไรที่นี่? ”

    คาโอรุรายงานโอยามาดะเสียงแข็ง  หล่อนจ้องโทบิรามะตาแทบไม่กระพริบตา ต้องระวังตัวจากโทบิรามะ 

    การที่โทบิรามะเข้ามาถึงจุดๆนี้ได้ เขาผ่านสามารถสัตว์ป่าดุร้ายเข้ามาได้อย่างนับไม่ถ้วนแสดงว่า 

    ฝีไม้ลายมือของเขาต้องไม่เบาเหมือนกันแน่  โอยามาดะมองสลับระหว่างโทบิรามะและคาโอรุ

    ท่าทางของโอยามาดะเริ่มเปลี่ยน จากร่าเริงเข้าสู่โหมดนิ่งเงียบในบัดดล

     

     


     

    โปรดติดตามตอนต่อไป....

    5 ส.ค.2558

    2 ก.ย. 2563

    26 ก.ย. 2565 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×