ลำดับตอนที่ #23
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : the person who never forget 2 [memory room, locked room]
Character -
rate -
_________________________________________
อากาศที่นี้ยังคงเย็นเหมือนเดิม...
หลังจากเสร็จงานศพไปไม่นาน ฉันก็ต้องกลับมาที่นี้เพราะงานที่ได้รับ แน่นอน ไม่ได้หาที่พักไว้.....
ฉันเดินตรงไปยังบ้าน...แต่ใหญ่กว่าบ้านทั่วๆไปรอบๆนิดหน่อยหลังหนึ่งที่อยู่ใจกลางเมือง นี้ไม่ใช่บ้านของใคร เป็นบ้านของคนที่ครั้งหนึ่งฉันเคยสนิทด้วย ถึงคนๆนั้นจะไม่อยู่แล้วก็เถอะ
บ้านสูงสองชั้นตกแต่งเรียบง่ายตามนิสัยของเจ้าของ รอบตัวบ้านเป็นสวนไม้ดอก มีมุมเล็กๆตั้งชิงช้ากับชุดโต๊ะเก้าอี้เอาไว้นั่งเล่นในวันอากาศดี ล้อมรอบไปด้วยกุหลาบสีชมพูอ่อนส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ผีเสื้อที่บินวนอยู่รอบๆเป็นตัวรับประกันอย่างดี
ประตูไม้สีน้ำตาลเข้มบานใหญ่ให้บรรยากาศลึกลับตัดกับบรรยากาศของสวน ฉันเคาะประตูนั้นเสียงดัง ในใจก็นึกว่าคนข้างในตอนนี้จะเป็นอย่างไรเพราะหลังจากเจอกันตอนนั้นก็ไม่มีโอกาศได้มาหาอีกเลย
"มีอะไร....." เจ้าบ้านเปิดประตู เสียงเรียบนิ่งบวกกับสายตาที่มองมาแลดูไม่เป็นมิตร อา...นี้คือการทักทายแขกที่ดีตามมารยาทใช่ไหม?
"ก็...พอดีมาทำงานน่ะ แล้วไม่มีที่พัก แล้ว..."
"เข้ามาสิ" เจ้าของบ้านหันหลังกลับ ท่าทางไม่ได้เชิญชวนแต่อย่างใดแต่ก็ต้องเดิมตามเข้าไปไม่งั้นคงไม่มีที่ซุกหัวนอน
ภายในบ้านก็ตกแต่งแบบธรรมดาทั่วๆไป ไม่ได้ดูหรูหราอลังการกว่าบ้านอื่นๆ ฉันเดินตามขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านก่อนจะไปสะดุดตรงประตูบานหนึ่งที่ถูกล็อกไว้ด้วยโซ่อย่างแน่นหนาจนน่าสงสัย
"นั้นประตูห้องอะไรหรอ?" ฉันหันไปถามเจ้าของบ้านที่เดินนำหน้าฉันอยู่
"ไม่มีอะไรหรอก" เขาเดินต่อ ไม่แม้แต่จะหันมามองประตูบานนั้นด้วยซ้ำ
"ไม่ใช่ห้องของน้องชายนายหรอ?"
"ผมไม่มีน้องชาย"
"........"
คำพูดของเขาทำเอาฉันพูดต่อไม่ออก ไม่อยากนึกว่าถ้าน้องของคนๆนี้ยังอยู่แล้วได้ยินเข้า เขาจะรู้สึกยังไง
"นี้ห้องของเธอ..." เจ้าบ้านเปิดประตูห้องๆหนึ่ง
ห้องที่ฉันจะใช้ชั่วคราวนั้นไม่ใหญ่มาก มีแค่เตียงตรงมุมห้อง ตู้เสื้อผ้าตรงข้ามกับเตียงและโต๊ะไว้ที่ตั้งอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า
ฉันจะหันกลับไปขอบคุณเจ้าบ้านที่นำทางฉันมา แต่พอฉันหันกลับไปเขาก็หายไปเสียแล้ว...
หลังจากอาหารเย็น ฉันกลับขึ้นมานอนบนห้อง ในหัวคิดถึงแต่ห้องที่ถูกปิดตายไปนั้น นั้นคือห้องอะไร ทำไมถึงถูกปิดตายไป?
เสียงสิ่งของอะไรซักอย่างตกกระทบพื้น ฉันลุกจากเตียงก่อนจะเดินหาสิ่งของที่ตกไปนั้น
"อะไรกัน...แค่สร้อย..." ยังไม่ทันที่ฉันจะวางสร้อยนั้นไว้บนโต๊ะ ลมภายในห้องก็พัดแรงจนฉันต้องหันหน้าหนีหลบกระแสลมนั้น
"ช่วยผมหน่อย...." เสียงของคนที่ฉันคุ้นเคยดังขึ้นก่อนที่สายลมจะสงบลง
"น...นาย..."
"ช่วยผมหน่อย นะครับ" คนขอร้องพูดทั้งน้ำตา เสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ดูเศร้าและท้อแท้
ฉันวางสร้อยไว้ที่เดิมก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปหาผู้ที่ปรากฏตัวอยู่กลางห้อง ฉันลองจับแขนเขาดูแต่ก็ไม่สามารถจะจับต้องได้ แถมยังทำอีกคนร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก
"เดี๋ยว นาย ทำไม..."
"ผมโดนโซ่นี้ลาม...ไปไหนไม่ได้...คุณต้องช่วยผมนะ" ตาสีม่วงใสมองมาด้วยความหวังอย่างสุดซึ้ง สุดซึ้ง...ซึ้งมาก...ซึ้งจนฉันทำอะไรไม่ถูกเลย...
"ต...แต่นายเป็นผีนะ" ฉันค่อยๆถอย ถึงจะเป็นคนที่ฉันรู้จักแต่ถ้าเป็นผีฉันก็ไม่สู้ด้วยหรอก
"ฟรานซิสคุงใจร้าย...ฮึก..." ดูผีที่ว่าทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ ฉันก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก
"แล้วนายจะให้ฉันช่วยยังไงล่ะอีวาน?" ฉันหันไปมอง เตรียมถอยทุกเมื่อหากคนตรงหน้าเกิดไม่พอใจอาละวาดขึ้นมา
"ช่วยเปิดห้องนั้นให้ผมหน่อย"
"ห้อง? ห้องไหนล่ะ?" หรือจะเป็นห้องที่ถูกปิดตายนั้น
"ห้องที่มีโซ่ล็อกอยู่ ถ้าเปิดได้โซ่นี้ก็น่าจะหลุดออกไปด้วย"
ฉันยืนคิด ถ้าแค่เปิดห้องนั้นก็ไม่น่าจะยากเท่าไหร่ แค่หากุญแจมาเปิดเองนี้?
"ก็ได้ ฉันจะช่วยนาย"
"ฟรานซิสคุงใจดีที่สุดเลย!" คนเป็นผีโดดกอดฉัน ถูกชมว่าใจดีหลังจากถูกบอกว่าใจร้ายมันยังไงๆอยู่นะ "แล้วฉันจะหากุญแจจากไหนล่ะ?"
"กุญแจน่าจะอยู่กับพี่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอามันมาได้ยังไง คงต้อง...ให้พี่ผมเปิดเองเท่านั้นแหละ..."
"แต่พี่นาย..ช่างเถอะ..."
" 'ผมไม่มีน้องชาย' คุณกำลังจะบอกว่าพี่ผมพูดแบบนี้ใช่ไหม?"
ฉันมองหน้าอีวาน เท่าที่ดูเขาน่าจะเจ็บมากที่ได้ยินคำพูดนี้จากปากของพี่ชายตัวเอง พี่ชายที่เขารัก หากฉันโดนแบบนี้ฉันก็คงเสียใจไม่น้อยเหมือนกัน
"เพราะแบบนั้นผมถึงให้คุณช่วยไง..." อีวานก้มหน้าก่อนจะสลายไปในอากาศ บางทีการปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวในตอนนี้อาจจะดีกว่าก็ได้...
ตอนรุ่งเช้า ฉันจงใจตื่นเช้าแล้วออกไปยืนดักเจ้าบ้านหน้าประตูห้อง ไม่นานนักคนที่ฉันอยากเจอก็ออกมา
"มีอะไร?" เจ้าบ้านยังคงถามคำถามเดิมเหมือนกับตอนที่มาที่นี้
"ห้องนั้นห้องของน้องชายนายใช่ไหม?" ฉันถาม จ้องหน้าเขาหวังให้เขาตอบ'ใช่'ให้ได้
"ผมไม่มีน้องชาย..."
"แล้วอีวานล่ะ? ไม่ใช่น้องชายนายรึไง?"
"ผมบอกว่าผมไม่มีน้องชาย........"
"แล้วเด็กคนนั้น..."
"ผมบอกว่าผมไม่มีน้องชายไง!!!" เจ้าของบ้านตะโกนลั่น โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ในบ้านของจากเราสองคนกับวิญญาณอีกหนึ่งตน
"ฉันถึงถามไงว่าอีวานไม่ใช่น้องนายรึไง!!!" ฉันตะโกนกลับ "คนเป็นพี่...แค่น้องตายถึงกับลืมน้องเลยรึไง...แบบนี้สมกับที่เคยเรียกตัวเองว่าพี่แล้วหรอ? ถ้ามันเป็นแบบนี้ นายอย่าเอาคำว่าพี่มาใช้กับตัวเองเลย!"
ฉันมองหน้าโซยุซ เข้าใจว่าการทีคนไกล้ตัวที่สุดตายมันทรมานจิตใจขนาดไหน เพราะฉันเคยเจอมาแล้ว เคยเจอ...เพราะแบบนั้น...
"ฉันเคยรักผู้หญิงคนหนึ่ง...เธอนิสัยดีแล้วก็เก่งมาก แต่สุดท้ายเธอก็ถูกเผาทั้งเป็น ตอนนั้นฉันเสียใจมาก แต่ก็คิดว่าถ้าลืมความทรงจำดีๆที่มีกับเธอคนนั้นไปคงน่าเสียดายไม่น้อย จนถึงตอนนั้นฉันก็ยังไม่ลืมเธอ ฉันยังรักและเคารพเธอเหมือนกับตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ฉันเชื่อว่าตอนนี้เธอต้องไปเกิดใหม่แล้วมีความสุขมากแน่ๆ ฉันดีใจที่ได้เจอเธอ ดีใจมาก...และฉันจะไม่ลืมเธอ เด็ดขาด ฉันจะจำเธอ...จะจำ จนกว่าฉันจะสูญสลายไป..."
ฉันปาดน้ำตาที่ไหลออกมา สิ่งที่ฉันพูดไปฉันพูดออกจากใจทั้งหมด ความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันมีต่อเธอคนนั้น คนที่ฉันรักและตายไปแล้ว
ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงกุฯแจกระทบกัน โซยุซหยิบกุญแจดอกหนึ่งขึ้นมา ลวดลายของมันดูสวยงามมาก มากเสียจนไม่น่าเชื่อว่าจะสลักไว้บนกุญแจดอกเล็กๆนี้ได้
"ที่ทำให้มันมีลายแบบนี้...เพราะผมไม่อยากให้มันดูกลืนไปกับกุญแจดอกอื่น ผมอยากให้มันเด่น...เด่นพอจะทำให้ผมรู้ว่ามันล็อกห้องสำคัญไว้"
เจ้าบ้านเดินนำหน้าไปยังประตูห้องปิดตาย ไขกุญแจที่ล็อกโซ่ไว้ก่อนจะถอยออกมา
"กุญแจที่ใช้ล็อกประตูนี้ยังติดอยู่ที่รูกุญแจ ถ้าเธออยากเปิดมันจริง เธอก็ลองหาวิธีเอาลูกกุญแจดอกนั้นออกมา"
ฉันยืนคิด วิธีที่จะทำให้ลูกกุญแจที่เสียบรูกุญแจอีกด้านของประตูได้...แถมยังต้องเอามันกลับมาเปิดอีก...
ฉันเดินหากระดาษกับลวดเล็กๆ สอดกระดาษไว้ใต้ประตูตรงกับลูกบิดก่อนจะแหย่ลวดเข้าไปดันลูกกุญแจนั้นให้หล่นลงมาที่กระดาษ ดึงกระดาษออกมาและชูลูกกุญแจไม้ที่สลักลวดลายประณีตไว้
"นี้ไง? ฉันเอาออกมาได้ล่ะนะ" ฉันขยิบตาให้โซยุซก้อนจะยื่นกุญแจให้ "ถ้านี้เป็นห้องของเด็กคนนั้น ฉันอยากให้นายเปิดมันมากกว่า"
เจ้าของบ้านรับลูกกุญแจมา ยืนซักพักก่อนจะไขประตูเข้าไป
ภายในห้องสีขาวบริสุทธิ์ หน้าต่างทุกบานถูกปิดด้วยผ่าม่านสีแดงสดดั่งสีของดอกกุหลาบทำให้ห้องดูมืดลง เตียงสี่เสาถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวสะอาดปักลายเถาวัลย์สีทองทั้งผืนป้องกันผงฝุ่นที่อาจตกลงไปทำให้เตียงสกปรก ตู้ไม้ โต๊ะ เก้าอี้ ถูกทาด้วยสีขาวทั้งหมด บนตู้หนังสือยังมีหนังสือหลายประเภทวางอยู่ ดูเหมือนเจ้าของบ้านจะไม่อยากเปลี่ยนแปลงห้องมากนัก
ที่น่าแปลก...คือเครื่องดนตรีทั้งไวโอลีน กีต้าร์ ขลุ่ย ถูกวางไว้มุมห้อง เปียโนก็ถูกตั้งไว้ข้างๆ แถมยังดูสะอาดเหมือนมีคนทำความสำอาดพวกมันทุกวันอย่างไรอย่างนั้น
"จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันจะขอเดินไปเปิดผ้าม่านหน่อย" ฉันหันไปถามเจ้าบ้าน ซึ้งเขาก็พยักหน้ารับ
ฉันเดินไปเปิดม่านทั้งหมดออกให้แสงสว่างเข้ามาในตัวห้อง สีขาวของเครื่องใช้ต่างๆที่ถูกแสงส่องกระทบสะท้อนแสงนั้นออกมา
"ฉันว่าแบบนี้ดูสวยกว่าปิดมืดไว้เยอะเลยนะ" ฉันหันไปยิ้มให้ แสงนั้นส่องกระทบสร้อยของเจ้าบ้านที่ยืนอยู่หน้าประตู "สร้อยนั้น..."
"ผมใส่ไว้ตลอด ก็เขาอุสาห์ให้นี้นะ..." โซยุซยิ้มเศร้า ฉันยิ้ม เด็กคนนั้นคงดีใจมากแน่ๆถ้ารู้เรื่องนี้
เจ้าของบ้านเดินไปหยิบแตะเครื่องดนตรีเบาๆก่อนจะเปิดผ้าที่คลุมเปียโนไว้
"นั้น..."
"เด็กคนนั้นชอบดนตรีน่ะ ก่อนนอนก็จะขอให้มาเล่นให้ฟัง" เขานั่งเก้าอี้ยาวก่อนจะวางมือตรงที่ว่างข้างๆ "เขาชอบนั่งฟังตรงนี้ แล้วก็หลับไปทุกทีเลย"
เสียงเปียโนดังขึ้น เป็นเพลงที่ฟังดูเพราะและเศร้าในเวลาเดียวกัน ระหว่างที่ฉันยืนฟังอยู่ ฉันก็เห็นเงาลางๆของคนที่ให้ฉันช่วย
'ขอบคุณนะครับ' เขากอดโซยุซก่อนจะหันมายิ้มให้ 'ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ'
ร่างของอีวานค่อยๆเลือนลงไปเรื่อยๆ จากขาขึ้นมาก่อนจะหายไปทั้งๆที่ยังอยู่ในท่าที่กอดพี่ชายตนเองอยู่
"ขอให้มีความสุขนะอีวาน..." ฉันมองเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะหายไปพร้อมกับเพลงที่บรรเลงอยู่จบลง
"รู้สึก...เหมือนมีคนกอดเลย...สงใสเขาคงมาลาล่ะมั้ง" เจ้าบ้านยิ้ม
"นั้นสินะ"
"เขาคงมีความสุขแล้วล่ะ..."
-------------------------------------------------------------
วันนี้อากาศดีกว่าทุกๆวัน
ชายหนุ่มเดินมาบนเนินเล็กๆบนเขาที่ไม่สูงมากนัก ล้อมรอบไปด้วยป่าเขาดูไกลสุดตา ที่นี้เป็นที่ๆสงบที่สุดที่เขาเคยเจอและเป็นที่ๆน้องชายของเขาชอบ
เขาค่อยๆวางดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนลงหน้าป้ายหลุมศพใต้ต้นไม้ใหญ่ กิ่งก้านของมันแผ่ขยายสร้างร่มเงาคลายร้อนให้กับผู้ที่มาพัก ที่ป้ายหลุมศพถูกล้อมไปด้วยดอกคาร์โมไมล์สีขาวเล็กๆน่ารัก
"ยังสงบเหมือนเดิมนะ..." ชายหนุ่มค่อยๆนั่งลงข้างๆหลุมศพ เขาไม่ได้มาที่นี้นานแล้วหลังจากที่เจ้าของหลุมศพนี้ตายไป
"พี่ชายฮะ พี่ชาย"
เสียงเด็กตัวเล็กอายุราวห้าปีวิ่งเข้ามาหา ผมสีทองสว่างสะท้อยแสงอาทิตย์ดูสดใส ตาสีม่วงตัดกับสีผมดูลึกลับน่าค้นหา ชุดสีขาวสะอาดที่เจ้าตัวใส่ยาวจนคลุมเข่า ผ้าพันคอที่พันคอเล็กๆสีน้ำตาลอ่อนยาวจนคนใส่เกือบสะดุดล้มหน้าคว่ำถ้าเขาไม่เข้าไปรับเสียก่อน เท้าเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยบาดแผลถูกขีดข่วนจากการวิ่งในป่า
"เธอ..." ชายหนุ่มชะงักเมื่อเห็นหน้าเด็กตัวน้อย
"ฮึก...เจ็บจังเลย..." เด็กชายร้องไห้จ้าจนคนที่อุ้มอยู่ปลอบแทบไม่ทัน
"ทำไมเธอมาอยู่ตรงนี้ พ่อแม่เธออยู่ไหน?"
"ผมไม่รู้ฮะ...ผมตื่นมาก็อยู่ตรงนี้แล้ว...ผมหิว...เจ็บด้วย...ผมไม่รู้จะอยู่ที่ไหน..." เด็กชายสะอื้น
ชายหนุ่มมองหน้าเด็กน้อยอย่างพิจารณาก่อนจะกอดเบาๆ
"งั้นผมจะรับเธอมาเลี้ยงเอง ต่อจากนี้เธอจะอยู่กับผมนะ เธอต้องเรียกผมว่าพี่ เข้าใจไหม?"
"ฮะ ผมจะเชื่อฟังพี่ทุกอย่างเลย" เด็กน้อยกอดแขนพี่ของเขาแน่น
"เธอมีชื่อรึยัง?" ชายหนุ่มที่พึ่งเป็นพี่เด็กถาม
"ยังเลยฮะ" เด็กน้อยมองหน้าพี่ของเขา ตาสีม่วงใสทำเอาคนเป็นพี่รู้สึกเอ็ดดู
"งั้นผมจะตั้งชื่อให้เธอนะ"
"อีวาน บรากิสกี้"
-------------------------------------------------------------
rate -
_________________________________________
อากาศที่นี้ยังคงเย็นเหมือนเดิม...
หลังจากเสร็จงานศพไปไม่นาน ฉันก็ต้องกลับมาที่นี้เพราะงานที่ได้รับ แน่นอน ไม่ได้หาที่พักไว้.....
ฉันเดินตรงไปยังบ้าน...แต่ใหญ่กว่าบ้านทั่วๆไปรอบๆนิดหน่อยหลังหนึ่งที่อยู่ใจกลางเมือง นี้ไม่ใช่บ้านของใคร เป็นบ้านของคนที่ครั้งหนึ่งฉันเคยสนิทด้วย ถึงคนๆนั้นจะไม่อยู่แล้วก็เถอะ
บ้านสูงสองชั้นตกแต่งเรียบง่ายตามนิสัยของเจ้าของ รอบตัวบ้านเป็นสวนไม้ดอก มีมุมเล็กๆตั้งชิงช้ากับชุดโต๊ะเก้าอี้เอาไว้นั่งเล่นในวันอากาศดี ล้อมรอบไปด้วยกุหลาบสีชมพูอ่อนส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ผีเสื้อที่บินวนอยู่รอบๆเป็นตัวรับประกันอย่างดี
ประตูไม้สีน้ำตาลเข้มบานใหญ่ให้บรรยากาศลึกลับตัดกับบรรยากาศของสวน ฉันเคาะประตูนั้นเสียงดัง ในใจก็นึกว่าคนข้างในตอนนี้จะเป็นอย่างไรเพราะหลังจากเจอกันตอนนั้นก็ไม่มีโอกาศได้มาหาอีกเลย
"มีอะไร....." เจ้าบ้านเปิดประตู เสียงเรียบนิ่งบวกกับสายตาที่มองมาแลดูไม่เป็นมิตร อา...นี้คือการทักทายแขกที่ดีตามมารยาทใช่ไหม?
"ก็...พอดีมาทำงานน่ะ แล้วไม่มีที่พัก แล้ว..."
"เข้ามาสิ" เจ้าของบ้านหันหลังกลับ ท่าทางไม่ได้เชิญชวนแต่อย่างใดแต่ก็ต้องเดิมตามเข้าไปไม่งั้นคงไม่มีที่ซุกหัวนอน
ภายในบ้านก็ตกแต่งแบบธรรมดาทั่วๆไป ไม่ได้ดูหรูหราอลังการกว่าบ้านอื่นๆ ฉันเดินตามขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านก่อนจะไปสะดุดตรงประตูบานหนึ่งที่ถูกล็อกไว้ด้วยโซ่อย่างแน่นหนาจนน่าสงสัย
"นั้นประตูห้องอะไรหรอ?" ฉันหันไปถามเจ้าของบ้านที่เดินนำหน้าฉันอยู่
"ไม่มีอะไรหรอก" เขาเดินต่อ ไม่แม้แต่จะหันมามองประตูบานนั้นด้วยซ้ำ
"ไม่ใช่ห้องของน้องชายนายหรอ?"
"ผมไม่มีน้องชาย"
"........"
คำพูดของเขาทำเอาฉันพูดต่อไม่ออก ไม่อยากนึกว่าถ้าน้องของคนๆนี้ยังอยู่แล้วได้ยินเข้า เขาจะรู้สึกยังไง
"นี้ห้องของเธอ..." เจ้าบ้านเปิดประตูห้องๆหนึ่ง
ห้องที่ฉันจะใช้ชั่วคราวนั้นไม่ใหญ่มาก มีแค่เตียงตรงมุมห้อง ตู้เสื้อผ้าตรงข้ามกับเตียงและโต๊ะไว้ที่ตั้งอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า
ฉันจะหันกลับไปขอบคุณเจ้าบ้านที่นำทางฉันมา แต่พอฉันหันกลับไปเขาก็หายไปเสียแล้ว...
หลังจากอาหารเย็น ฉันกลับขึ้นมานอนบนห้อง ในหัวคิดถึงแต่ห้องที่ถูกปิดตายไปนั้น นั้นคือห้องอะไร ทำไมถึงถูกปิดตายไป?
เสียงสิ่งของอะไรซักอย่างตกกระทบพื้น ฉันลุกจากเตียงก่อนจะเดินหาสิ่งของที่ตกไปนั้น
"อะไรกัน...แค่สร้อย..." ยังไม่ทันที่ฉันจะวางสร้อยนั้นไว้บนโต๊ะ ลมภายในห้องก็พัดแรงจนฉันต้องหันหน้าหนีหลบกระแสลมนั้น
"ช่วยผมหน่อย...." เสียงของคนที่ฉันคุ้นเคยดังขึ้นก่อนที่สายลมจะสงบลง
"น...นาย..."
"ช่วยผมหน่อย นะครับ" คนขอร้องพูดทั้งน้ำตา เสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ดูเศร้าและท้อแท้
ฉันวางสร้อยไว้ที่เดิมก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปหาผู้ที่ปรากฏตัวอยู่กลางห้อง ฉันลองจับแขนเขาดูแต่ก็ไม่สามารถจะจับต้องได้ แถมยังทำอีกคนร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก
"เดี๋ยว นาย ทำไม..."
"ผมโดนโซ่นี้ลาม...ไปไหนไม่ได้...คุณต้องช่วยผมนะ" ตาสีม่วงใสมองมาด้วยความหวังอย่างสุดซึ้ง สุดซึ้ง...ซึ้งมาก...ซึ้งจนฉันทำอะไรไม่ถูกเลย...
"ต...แต่นายเป็นผีนะ" ฉันค่อยๆถอย ถึงจะเป็นคนที่ฉันรู้จักแต่ถ้าเป็นผีฉันก็ไม่สู้ด้วยหรอก
"ฟรานซิสคุงใจร้าย...ฮึก..." ดูผีที่ว่าทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ ฉันก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก
"แล้วนายจะให้ฉันช่วยยังไงล่ะอีวาน?" ฉันหันไปมอง เตรียมถอยทุกเมื่อหากคนตรงหน้าเกิดไม่พอใจอาละวาดขึ้นมา
"ช่วยเปิดห้องนั้นให้ผมหน่อย"
"ห้อง? ห้องไหนล่ะ?" หรือจะเป็นห้องที่ถูกปิดตายนั้น
"ห้องที่มีโซ่ล็อกอยู่ ถ้าเปิดได้โซ่นี้ก็น่าจะหลุดออกไปด้วย"
ฉันยืนคิด ถ้าแค่เปิดห้องนั้นก็ไม่น่าจะยากเท่าไหร่ แค่หากุญแจมาเปิดเองนี้?
"ก็ได้ ฉันจะช่วยนาย"
"ฟรานซิสคุงใจดีที่สุดเลย!" คนเป็นผีโดดกอดฉัน ถูกชมว่าใจดีหลังจากถูกบอกว่าใจร้ายมันยังไงๆอยู่นะ "แล้วฉันจะหากุญแจจากไหนล่ะ?"
"กุญแจน่าจะอยู่กับพี่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอามันมาได้ยังไง คงต้อง...ให้พี่ผมเปิดเองเท่านั้นแหละ..."
"แต่พี่นาย..ช่างเถอะ..."
" 'ผมไม่มีน้องชาย' คุณกำลังจะบอกว่าพี่ผมพูดแบบนี้ใช่ไหม?"
ฉันมองหน้าอีวาน เท่าที่ดูเขาน่าจะเจ็บมากที่ได้ยินคำพูดนี้จากปากของพี่ชายตัวเอง พี่ชายที่เขารัก หากฉันโดนแบบนี้ฉันก็คงเสียใจไม่น้อยเหมือนกัน
"เพราะแบบนั้นผมถึงให้คุณช่วยไง..." อีวานก้มหน้าก่อนจะสลายไปในอากาศ บางทีการปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวในตอนนี้อาจจะดีกว่าก็ได้...
ตอนรุ่งเช้า ฉันจงใจตื่นเช้าแล้วออกไปยืนดักเจ้าบ้านหน้าประตูห้อง ไม่นานนักคนที่ฉันอยากเจอก็ออกมา
"มีอะไร?" เจ้าบ้านยังคงถามคำถามเดิมเหมือนกับตอนที่มาที่นี้
"ห้องนั้นห้องของน้องชายนายใช่ไหม?" ฉันถาม จ้องหน้าเขาหวังให้เขาตอบ'ใช่'ให้ได้
"ผมไม่มีน้องชาย..."
"แล้วอีวานล่ะ? ไม่ใช่น้องชายนายรึไง?"
"ผมบอกว่าผมไม่มีน้องชาย........"
"แล้วเด็กคนนั้น..."
"ผมบอกว่าผมไม่มีน้องชายไง!!!" เจ้าของบ้านตะโกนลั่น โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ในบ้านของจากเราสองคนกับวิญญาณอีกหนึ่งตน
"ฉันถึงถามไงว่าอีวานไม่ใช่น้องนายรึไง!!!" ฉันตะโกนกลับ "คนเป็นพี่...แค่น้องตายถึงกับลืมน้องเลยรึไง...แบบนี้สมกับที่เคยเรียกตัวเองว่าพี่แล้วหรอ? ถ้ามันเป็นแบบนี้ นายอย่าเอาคำว่าพี่มาใช้กับตัวเองเลย!"
ฉันมองหน้าโซยุซ เข้าใจว่าการทีคนไกล้ตัวที่สุดตายมันทรมานจิตใจขนาดไหน เพราะฉันเคยเจอมาแล้ว เคยเจอ...เพราะแบบนั้น...
"ฉันเคยรักผู้หญิงคนหนึ่ง...เธอนิสัยดีแล้วก็เก่งมาก แต่สุดท้ายเธอก็ถูกเผาทั้งเป็น ตอนนั้นฉันเสียใจมาก แต่ก็คิดว่าถ้าลืมความทรงจำดีๆที่มีกับเธอคนนั้นไปคงน่าเสียดายไม่น้อย จนถึงตอนนั้นฉันก็ยังไม่ลืมเธอ ฉันยังรักและเคารพเธอเหมือนกับตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ฉันเชื่อว่าตอนนี้เธอต้องไปเกิดใหม่แล้วมีความสุขมากแน่ๆ ฉันดีใจที่ได้เจอเธอ ดีใจมาก...และฉันจะไม่ลืมเธอ เด็ดขาด ฉันจะจำเธอ...จะจำ จนกว่าฉันจะสูญสลายไป..."
ฉันปาดน้ำตาที่ไหลออกมา สิ่งที่ฉันพูดไปฉันพูดออกจากใจทั้งหมด ความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันมีต่อเธอคนนั้น คนที่ฉันรักและตายไปแล้ว
ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงกุฯแจกระทบกัน โซยุซหยิบกุญแจดอกหนึ่งขึ้นมา ลวดลายของมันดูสวยงามมาก มากเสียจนไม่น่าเชื่อว่าจะสลักไว้บนกุญแจดอกเล็กๆนี้ได้
"ที่ทำให้มันมีลายแบบนี้...เพราะผมไม่อยากให้มันดูกลืนไปกับกุญแจดอกอื่น ผมอยากให้มันเด่น...เด่นพอจะทำให้ผมรู้ว่ามันล็อกห้องสำคัญไว้"
เจ้าบ้านเดินนำหน้าไปยังประตูห้องปิดตาย ไขกุญแจที่ล็อกโซ่ไว้ก่อนจะถอยออกมา
"กุญแจที่ใช้ล็อกประตูนี้ยังติดอยู่ที่รูกุญแจ ถ้าเธออยากเปิดมันจริง เธอก็ลองหาวิธีเอาลูกกุญแจดอกนั้นออกมา"
ฉันยืนคิด วิธีที่จะทำให้ลูกกุญแจที่เสียบรูกุญแจอีกด้านของประตูได้...แถมยังต้องเอามันกลับมาเปิดอีก...
ฉันเดินหากระดาษกับลวดเล็กๆ สอดกระดาษไว้ใต้ประตูตรงกับลูกบิดก่อนจะแหย่ลวดเข้าไปดันลูกกุญแจนั้นให้หล่นลงมาที่กระดาษ ดึงกระดาษออกมาและชูลูกกุญแจไม้ที่สลักลวดลายประณีตไว้
"นี้ไง? ฉันเอาออกมาได้ล่ะนะ" ฉันขยิบตาให้โซยุซก้อนจะยื่นกุญแจให้ "ถ้านี้เป็นห้องของเด็กคนนั้น ฉันอยากให้นายเปิดมันมากกว่า"
เจ้าของบ้านรับลูกกุญแจมา ยืนซักพักก่อนจะไขประตูเข้าไป
ภายในห้องสีขาวบริสุทธิ์ หน้าต่างทุกบานถูกปิดด้วยผ่าม่านสีแดงสดดั่งสีของดอกกุหลาบทำให้ห้องดูมืดลง เตียงสี่เสาถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวสะอาดปักลายเถาวัลย์สีทองทั้งผืนป้องกันผงฝุ่นที่อาจตกลงไปทำให้เตียงสกปรก ตู้ไม้ โต๊ะ เก้าอี้ ถูกทาด้วยสีขาวทั้งหมด บนตู้หนังสือยังมีหนังสือหลายประเภทวางอยู่ ดูเหมือนเจ้าของบ้านจะไม่อยากเปลี่ยนแปลงห้องมากนัก
ที่น่าแปลก...คือเครื่องดนตรีทั้งไวโอลีน กีต้าร์ ขลุ่ย ถูกวางไว้มุมห้อง เปียโนก็ถูกตั้งไว้ข้างๆ แถมยังดูสะอาดเหมือนมีคนทำความสำอาดพวกมันทุกวันอย่างไรอย่างนั้น
"จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันจะขอเดินไปเปิดผ้าม่านหน่อย" ฉันหันไปถามเจ้าบ้าน ซึ้งเขาก็พยักหน้ารับ
ฉันเดินไปเปิดม่านทั้งหมดออกให้แสงสว่างเข้ามาในตัวห้อง สีขาวของเครื่องใช้ต่างๆที่ถูกแสงส่องกระทบสะท้อนแสงนั้นออกมา
"ฉันว่าแบบนี้ดูสวยกว่าปิดมืดไว้เยอะเลยนะ" ฉันหันไปยิ้มให้ แสงนั้นส่องกระทบสร้อยของเจ้าบ้านที่ยืนอยู่หน้าประตู "สร้อยนั้น..."
"ผมใส่ไว้ตลอด ก็เขาอุสาห์ให้นี้นะ..." โซยุซยิ้มเศร้า ฉันยิ้ม เด็กคนนั้นคงดีใจมากแน่ๆถ้ารู้เรื่องนี้
เจ้าของบ้านเดินไปหยิบแตะเครื่องดนตรีเบาๆก่อนจะเปิดผ้าที่คลุมเปียโนไว้
"นั้น..."
"เด็กคนนั้นชอบดนตรีน่ะ ก่อนนอนก็จะขอให้มาเล่นให้ฟัง" เขานั่งเก้าอี้ยาวก่อนจะวางมือตรงที่ว่างข้างๆ "เขาชอบนั่งฟังตรงนี้ แล้วก็หลับไปทุกทีเลย"
เสียงเปียโนดังขึ้น เป็นเพลงที่ฟังดูเพราะและเศร้าในเวลาเดียวกัน ระหว่างที่ฉันยืนฟังอยู่ ฉันก็เห็นเงาลางๆของคนที่ให้ฉันช่วย
'ขอบคุณนะครับ' เขากอดโซยุซก่อนจะหันมายิ้มให้ 'ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ'
ร่างของอีวานค่อยๆเลือนลงไปเรื่อยๆ จากขาขึ้นมาก่อนจะหายไปทั้งๆที่ยังอยู่ในท่าที่กอดพี่ชายตนเองอยู่
"ขอให้มีความสุขนะอีวาน..." ฉันมองเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะหายไปพร้อมกับเพลงที่บรรเลงอยู่จบลง
"รู้สึก...เหมือนมีคนกอดเลย...สงใสเขาคงมาลาล่ะมั้ง" เจ้าบ้านยิ้ม
"นั้นสินะ"
"เขาคงมีความสุขแล้วล่ะ..."
-------------------------------------------------------------
วันนี้อากาศดีกว่าทุกๆวัน
ชายหนุ่มเดินมาบนเนินเล็กๆบนเขาที่ไม่สูงมากนัก ล้อมรอบไปด้วยป่าเขาดูไกลสุดตา ที่นี้เป็นที่ๆสงบที่สุดที่เขาเคยเจอและเป็นที่ๆน้องชายของเขาชอบ
เขาค่อยๆวางดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนลงหน้าป้ายหลุมศพใต้ต้นไม้ใหญ่ กิ่งก้านของมันแผ่ขยายสร้างร่มเงาคลายร้อนให้กับผู้ที่มาพัก ที่ป้ายหลุมศพถูกล้อมไปด้วยดอกคาร์โมไมล์สีขาวเล็กๆน่ารัก
"ยังสงบเหมือนเดิมนะ..." ชายหนุ่มค่อยๆนั่งลงข้างๆหลุมศพ เขาไม่ได้มาที่นี้นานแล้วหลังจากที่เจ้าของหลุมศพนี้ตายไป
"พี่ชายฮะ พี่ชาย"
เสียงเด็กตัวเล็กอายุราวห้าปีวิ่งเข้ามาหา ผมสีทองสว่างสะท้อยแสงอาทิตย์ดูสดใส ตาสีม่วงตัดกับสีผมดูลึกลับน่าค้นหา ชุดสีขาวสะอาดที่เจ้าตัวใส่ยาวจนคลุมเข่า ผ้าพันคอที่พันคอเล็กๆสีน้ำตาลอ่อนยาวจนคนใส่เกือบสะดุดล้มหน้าคว่ำถ้าเขาไม่เข้าไปรับเสียก่อน เท้าเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยบาดแผลถูกขีดข่วนจากการวิ่งในป่า
"เธอ..." ชายหนุ่มชะงักเมื่อเห็นหน้าเด็กตัวน้อย
"ฮึก...เจ็บจังเลย..." เด็กชายร้องไห้จ้าจนคนที่อุ้มอยู่ปลอบแทบไม่ทัน
"ทำไมเธอมาอยู่ตรงนี้ พ่อแม่เธออยู่ไหน?"
"ผมไม่รู้ฮะ...ผมตื่นมาก็อยู่ตรงนี้แล้ว...ผมหิว...เจ็บด้วย...ผมไม่รู้จะอยู่ที่ไหน..." เด็กชายสะอื้น
ชายหนุ่มมองหน้าเด็กน้อยอย่างพิจารณาก่อนจะกอดเบาๆ
"งั้นผมจะรับเธอมาเลี้ยงเอง ต่อจากนี้เธอจะอยู่กับผมนะ เธอต้องเรียกผมว่าพี่ เข้าใจไหม?"
"ฮะ ผมจะเชื่อฟังพี่ทุกอย่างเลย" เด็กน้อยกอดแขนพี่ของเขาแน่น
"เธอมีชื่อรึยัง?" ชายหนุ่มที่พึ่งเป็นพี่เด็กถาม
"ยังเลยฮะ" เด็กน้อยมองหน้าพี่ของเขา ตาสีม่วงใสทำเอาคนเป็นพี่รู้สึกเอ็ดดู
"งั้นผมจะตั้งชื่อให้เธอนะ"
"อีวาน บรากิสกี้"
-------------------------------------------------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น