ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยากนัก รักไอ้หน้าหล่อ (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #21 : ครอบครัว (ตอนจบครับ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.14K
      25
      20 ก.ค. 51

    ผมมองมือถืออย่างคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวน้ำตาที่ไหลลงมาเมื่อไหร่ไม่รู้อาบอยู่เต็มแก้ม
    "บุ้ง รอพีอยู่ตรงนั้นนะ พีจะไปหา" มันหมายถึงอะไรกันนะ แล้วโทรศัพท์ก็เงียบไปกดกลับ
    ไปก็ไม่มีคนรับ จึงไแต่ถอนใจมองดูไอ้ปูนิ่มที่ดูว่ายน้ำวนไปวนมาเหมือนมันกังวลอะไรอยู่
    ไม่เคยเห็นมันลุกลี้ลุกลน ขนาดนี้มาก่อน ผมจึงเอื้อมมือไปลูบหัวมันไว้เบาๆ ใจคิดถึงคนที่วาง
    สายไปเมื่อตะกี้ ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรหา แล้วไงวันนี้ทำไหมเขาถึงโทรมา
    "มึงอยากให้กูมีคนอื่นจริงๆเหรอ" คำถามนั้นน้ำเสียงแบบนั้นทำเอาหัวใจผมแทบขาด
    อยากจะบอกว่าไม่ ไม่อยากให้นายมีใคร อยากให้มีแค่เราสองคน มันก็คงเห็นแก่ตัวมากสินะ
    ความรักที่ทุเรศของไอ้บุ้งในสายตาของไอ้พีคงจะยิ่งอัปลักษณ์เข้าไปใหญ่ที่จะเห็นแก่ตัวแบบนั้น
    "พี ขอให้นายมีความสุขในงานหมั้นพรุ่งนี้นะ" ผมอวยพรไอ้พีจากใจก่อนจะหลับตาลง
    ..................
    "บุ้ง คุณพีเกิดอุบัติเหตุรถชน ตอนนี้อยู่ห้องไอซียู ยังไม่ฟื้นเลยลูก"
    ประโยคนี้ดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวหลังจากผมรับโทรศัพท์จากยายในเช้าวันใหม่ กว่าจะบินจาก
    เชียงใหม่มาถึงโรงพยาบาลที่ไอ้พีเข้ารักษาตัวอยู่ได้หัวใจผมก็เจ็บจนชา ทำไหมนะพีทุกครั้ง
    ที่เราห่างกันนายต้องมีแต่เรื่องเจ็บตัว
    ทำไหมนะนายถึงไม่ดูแลตัวเอง
    ทำไหมนะนายต้อง... คำถามพรั่งพรูอยู่ในใจจนสับสนไปหมด
    ขอให้นายฟื้นมาอาละวาด รอเราด้วย เป็นสิ่งที่ผมปราถนาที่สุดในใจตอนนี้ ขณะที่ก้าวเข้าไปในโรงพยาบาล
    ผู้คนมากมายมารอให้ไอ้พีฟื้นอยู่หน้าห้องไอซียู ผมเห็นคุณหญิงถูกคนล้อมรอบคอยปลอบใจหนึ่งในนั้นคือ
    ว่าที่คู่หมั้นของไอ้พีด้วย ขณะที่ผมยืนนิ่งอยู่ยายผมมาจากไหนไม่ทราบมาโอบตัวผมร้องให้แล้วร้องให้เบาๆ
    "อาการเป็นยังไงบ้างครับ" ผมถามยายเสียงแผ่ว
    "สภาพร่างกายปกติดีทุกอย่างนะบุ้ง มีรอยฟกช้ำทั่วร่างไม่มีอะไรแตกหัก แต่ไม่ยอมฟื้นตั้งแต่เมื่อคืน"
    ยายบอกผมเสียงสั่นเครือผมลูบหลังยายเบาๆ เพื่อปลอบโยน แล้วจู่ๆคุณหญิงที่เห็นร้องให้เงียบๆเมื่อครู่
    ก็วิ่งเขามากอดผมอีกคน พร้อมร้องให้เสียงดังลั่นอย่างไม่อายใคร พลางเขย่าตัวผมไปมา
    "บุ้งๆๆ ช่วยตาพีด้วยนะ อย่าทิ้งตาพีอีกนะ แม่ขอร้อง ช่วยตาพีด้วยนะ นะบุ้งนะ" ผมพยายามลูบหลัง
    ของคุณหญิงและยายที่ซุกอยู่บนอกผมคนละข้างเบาๆพูดอะไรไม่ออก มันแน่นจนจุกอกไปหมด
    เวลาผ่านไปจนถึงบ่าย ผมกับคุณหญิงและยาย ยังนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องไอซียู ผู้คนในตอนเช้าค่อยๆหายไป
    เมื่อเริ่มค่ำ ผมก็ได้สติบอกให้ยายและคุณหญิงไปอาบน้ำอาบท่าก่อนจะมาเฝ้าต่อซึ่งกว่าคุณหญิงจะไปผมก็
    ต้องสัญญากับท่าน "ผมจะไม่ทิ้งไอ้พีไปไหนแน่ครับผมสัญญาผมจะอยู่ข้างมันแน่นอน" เหมือนจะ
    พอใจ คุณหญิงจึงยอมไปอาบน้ำทานข้าว ผมนั่งลงอย่างหมดแรงอยู่หน้าห้องไอซียู
    "พีนายอย่าหลับนานนักนะ รู้ไหมบุ้งเหนื่อยแค่ไหน" ผมเอ่ยเบาๆในหัวใจหวังให้คนที่อยู่ในห้องรับรู้
    .....................
    "คนไข้อาจจะฟื้นตอนไหนก็ได้นะครับหรืออาจจะต้องใช้เวลา"
    หมอบอกพวกเราขณะที่ไอ้พีออกจากห้องไอซียูมาอยู่ห้องพักพิเศษได้ในวันที่สาม
    "ลูกเดี้ยนจะเป็นเจ้าชายนิทราหรือเปล่าคะหมอ"คุณหญิงถามคุณหมอด้วยใจที่หวาดวิตกไม่ต่างจากผม
    "อันนี้ไม่อาจคาดเดาได้ครับ สมองร่างกายเขาปกติทุกอย่างอาจต้องใช้เวลา" หมออธิบาย
    "นานแค่ไหนคะ"คุณยายผมถามขึ้น
    "หมอไม่ทราบครับ เราต้องช่วยกันทุกคนนะครับ" หมอบอก
    "หมายความว่าอาจจะไม่ฟื้นเลยก็ได้ใช่ไหมคะ" คุณหญิงย้ำ
    "ไม่แน่ครับอาจฟื้นวันนี้ก็ได้นะครับ เราจะช่วยกันเต็มที่นะครับ" คุณหมอพยายามให้กำลังใจเต็มที่
    แต่ดูเหมือนสายไปสะแล้ว คุณหญิงทรุดร่างลงทันทีดีที่ผมรั้งไว้ทันก่อนหัวฟาดพื้น
    "คุณหมอครับช่วยคุณหญิงด้วยท่านเป็นโรคหัวใจนะครับ" ผมยกตัวคุณหญิงอุ้มไว้ในอ้อมกอด
    ก่อนจะรีบเดินตามคุณหมอไปยังห้องตรวจ
    .....................
    มันคือช่วงเวลาแห่งความทุกข์ที่แสนจะเนิ่นนาน วันเวลาเหมือนโดนลูกตุ้มถ่วงไว้ให้คลืบคลานไปช้าๆ
    ผมกับยายต้องผลัดกันดูแลคุณหญิงซึ่งช็อคไม่รับรู้สิ่งใด รอบตัวและไอ้พีที่ยังไม่ฟื้นจากการนอนหลับ
    ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ผู้คนที่เคยแวะมาเยี่ยมเยือนเงียบหายไปหมด นี่สินะที่เขาเรียกว่าครอบครัว
    คงมีเพียงแต่คนในครอบครัวเท่านั้นที่จะเคียงข้างคุณ ในยามที่ใครๆลืมคุณหมดสิ้น ผมยาย ไอ้พี
    คุณหญิง ตาพง และเจ้าปูนิ่ม ยังคงเวียนเข้าเวียนออกรอบตัวซึ่งกันและกันเพราะเราคือครอบครัว
    " แม่ครับไอ้พีต้องตื่นแน่นอนเชื่อผม มันบอกให้ผมรอ เพราะงั้นมันต้องมาแน่เชื่อผมนะครับ"
    ผมคุยกับคุณหญิงพร้อมจับมือท่านมากอดไว้เพื่อให้ท่านตั้งสติ
    "จริงเหรอลูก"แม่ไอ้พีเอ่ยขึ้นคำแรกหลังจากไม่พูดมาสี่วัน
    "จริงสิครับ แม่ต้องช่วยดูแลปกป้องไอ้พีนะไว้ให้มันแข็งแรงผมกับมันจะดูแลแม่เอง" ผมย้ำกับท่าน
    "จริงๆนะ ลูกต้องปลุกตาพีให้ตื่นมาหาแม่นะลูก" คุณหญิงเริ่มร้องให้หลังจากที่นั่งนิ่งไม่มีอารมณ์ใดๆมาหลายวัน
    "จริงสิครับแม่ผมสัญญา แม่ช่วยผมปกป้องไอ้พีด้วยนะครับ แม่ต้องเข้มแข็งนะครับ" ผมพูดเพื่อให้ท่านได้สติ
    คุณหญิงร้องไห้โฮ โอบไหล่ผมมากอดแน่น ผมลูบหลังท่านเบาๆ พลางบอกว่า
    "หลังจากคุณแม่ร้องให้เสร็จแล้วเราลุกขึ้นมาสู้เพื่อไอ้พีด้วยกันนะครับ"
    คุณหญิงร้องให้อยู่นานพอควร แล้วท่านก็ผลักผมออกจากอ้อมกอด
    "แม่อยากอาบน้ำ ทานข้าว รู้สึกหิวแหะ สงสัยช็อคไปหลายวัน" ท่านพูดกับผมพลางยิ้มให้ทั้งน้ำตา
    "เดียวบุ้งจัดการให้นะครับ" ผมรีบโทรบอกยาย ตาพง และพยาบาลมาดูแลคุณหญิง
    ......................
    "บุ้ง แม่จะไปดูแลบริษัท ดูแลบ้าน แทนตาพี ทางนี้แม่ฝากด้วยนะ" คุณหญิงฝากผมก่อนจะกลับบ้าน
    "ได้ครับ ผมจะปลุกไอ้พีรอแม่เอง" ผมยิ้มให้ความมั่นใจท่าน
    "อืมส์แม่จะรอ เราจะรอเขากลับมาด้วยกันนะ" ท่านหอมแก้มผมเบาๆก่อนขึ้นรถไป
    ผมกลับมานั่งข้างๆเตียงไอ้พีอีกครั้งหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ยายนำมาให้เปลี่ยนจากบ้าน หัวใจผม
    มันนิ่งจนน่าแปลกใจ มันรู้สึกไม่เจ็บไม่ปวด ไม่กลัว ผมจับมือไอ้พีมากอดไว้ ร่างกายมันเหมือนคนนอน
    หลับลึกไม่รับรู้เรื่องใดๆ ไม่รับรู้แม้ว่าผมกำลังกุมมือมันร้องไห้อยู่เงียบๆ ความเชื่อมั่นที่พยายามสร้างให้
    คนอื่นเห็น พออยู่ต่อหน้าไอ้พีมันมลายสิ้น น้ำตาที่คิดว่าหมดแล้วก็ยังมีมาไม่ขาดสาย
    "พีจะทำให้บุ้งร้องให้อีกกี่ครั้ง พีไม่รู้หรือว่า มันเหนื่อยแค่ไหน ไม่รู้บ้างเหรอว่าบุ้งรักนายเท่าไหร่"
    ผมพูดไปอย่างสุดกลั้นหลังจากที่ได้แต่กุมมือมันร้องไห้มาหลายวัน ไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ
    "ทำไหมให้บุ้งรอนานนัก  ทำไหมต้องทำแต่เรื่องให้บุ้งห่วง ไม่รักบุ้งบุ้งก็ไม่ว่า ตื่นมาด่าก็ได้"
    "คะ ใครบอก พีรักบุ้งนะ" เสียงแผ่วๆมาจากริมฝีปากไอ้พี มือที่ผมกำอยู่กำตอบผมแน่น
    "พีรักบุ้งนะ รักมากๆ ไม่แพ้ที่บุ้งรักพีหรอก" เสียงนั้นชัดเจนขึ้นอีก หัวใจผมเหมือนจะหยุดเต้นที่เห็น
    ตาไอ้พีกำลังลืมตาขึ้นมองผมอย่างช้าๆ
    " พีนายปวดหัวไหม เจ็บตรงไหนไหม มองเห็นบุ้งไหม"ผมอยากถามอีกหลายคำถามแต่ถูกไอ้พีดึงตัวเข้าไป
    กอดไว้แน่นก่อนจะจูบผมอยู่นานเหมือนอยากจะบอกว่ามันคิดถึงผมมากเพียงใด
    "พี คิดถึงบุ้งมากรู้ไหม พีเหมือนถูกปิดปากไว้ มองเห็นบุ้งนั่งร้องไห้อยู่แต่บุ้งไม่เอ่ยอะไรสักคำ
    พีตะโกนบอกรักบุ้งจนเหนื่อยบุ้งก็ไม่ได้ยิน" ไอ้พีพูดเสียงแหบแห้ง
    "ทานน้ำก่อนนะใจเย็นๆ บุ้งอยู่นี่แล้ว เดียวบุ้งจะบอกหมอให้มาตรวจพีก่อนนะ" ผมป้อนน้ำในแก้ว
    ให้เจ้าหัวใจของผมดื่มก่อนจะกดกริ่งเรียกพยาบาล สักครู่หมอก็พาไอ้พีเข้าห้องตรวจอีกครั้ง
    ......................
    ผมนั่งอยู่ในอ้อมกอดของไอ้พีพลางเหม่อมองไปบนท้องฟ้าที่มีแต่ดาวเต็มไปหมดในคืนไร้แสงจันทร์ ไอ้พีเฝ้า
    วนเวียนฝังจมูกไปตามซอกคอและแก้มผมเหมือนคนกระหายทียังทานน้ำไม่อิ่ม
    "บุ้งพีรักบุ้งจัง" รู้สึกผมจะได้ยินไปนาทีเมื่อกี้นี้เองนะคำนี้ หลังจากฟื้นจากสลบมาได้หนึ่งอาทิตย์นี้ไอ้พีหวาน
    จนผมแทบคลั่งในความน่ารักน่าหลงของมัน คนหล่อๆเข้มๆเวลาหวานนี่แทบจะอยากหยุดหายใจอยู่ในอ้อมกอดมัน
    "บุ้งรู้ไหม พีไม่อยากมีใครนอกจากบุ้งกะไอ้ปูนิ่มนะ พีขอเป็นพ่อไอ้ปูนิ่มด้วยคนนะ" ไอ้พีกระซิบบอก
    "พี พีไม่ต้องทำเพื่อบุ้งขนาดนั้นก็ได้ บุ้งยังอยากให้พีมีครอบครัวสมบูรณ์" ผมบอกไอ้พีจากใจจริง
    "บุ้งรักพีมากแค่ไหน" ไอ้พีถามผม
    "ไม่รู้สิ รักเท่าที่ทำได้มั่ง แต่ไม่รู้พีทำได้แค่ไหนนะ" ผมตอบตรงๆ
    "พีโชคดีแค่ไหนนะ ที่มีบุ้งมารัก อย่าให้บุ้งต้องเจ็บเพื่อพีอีกเลยนะ อย่าดูถูกความรักของบุ้งด้วย "ไอ้พีหอมแก้มผมเบาๆ
    "ให้พีเป็นคนนำครอบครัวเราไปนะ มีบุ้ง มีแม่ มียายของเรา ตาพง และปูนิ่ม บุ้งคิดว่าพอหรือยัง" ไอ้พีถามผม
    " สำหรับบุ้งมันเกินพอแล้ว" ผมรู้สึกอบอุ่นในหัวใจจนน้ำตาซึมออกมา
    "พีขอโทษ สำหรับความรู้สึกที่ให้บุ้งช้าเกินไป ขอโทษที่ทำให้บุ้งเหนื่อย และต้องรอ"เสียงกระซิบเบาๆที่หูของไอ้พีทำให้ผม
    ขยับตัวเข้าไปซุกในอกมันให้แน่นแนบชิดยิ่งขึ้นด้วยความรู้สึกอยากเป็นส่วนหนึ่งของร่างสูงที่โอบกอดอยู่
    "บุ้งจ๋าพีทนไม่ไหวแล้วละ ทำเหมือนคืนนั้นเถอะนะ" เอาละสิ หวานๆแบบนี้ต้องมีอะไรแฝงแน่ผมโดนบ่อยจนเริ่มจับทางถูก
    "ก็เพิ่งทำก่อนขึ้นมานี่ แปปเดียวเองนะ " ผมเตือนความจำคนขี้เอา
    "บุ้งทิ้งพีไปเชียงใหม่กี่วัน" ไอ้พีถามผม
    "สัปดาห์หนึ่งมั่ง" ผมตอบ
    "แล้วพีสลบนานกี่วัน" ไอ้พีถามต่อ
    "ก็สัปดาห์หนึ่งเหมือนกัน" ผมจำได้เพราะนับทุกวัน
    "แล้วคิดดูสิพีจะสะสมกระสุนไว้เยอะแค่ไหน " ไอ้พีถามผมก่อนจะกดตัวผมนอนลงบนเสื่อเบาๆ แล้วขึ้นคร่อมตัวผมพลางยิ้มให้
    "คิดได้หรือยังว่ากระสุนที่พีสะสมไว้ในนี้จะเยอะแค่ไหน" ไอ้พีไม่พูดเปล่ายังดึงปืนใหญ่ของตัวเองจากกางเกงมาให้ดูจ่ะๆตรงหน้า
    "ใครจะไปรู้"ผมอายจนหน้าแดง แม้จะเคยเห็นบ่อยแค่ไหนใจผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะทุกทีที่เห็นปืนไอ้พี
    "งั้นเรามาพิสูจน์กันนะว่าวันนี้พีจะยิงได้กี่ครั้งถึงจะหมดลำกล้อง" ว่าแล้วไอ้พีก็ลงมือปฏิบัติทันที
    เสียงครวญครางจากความสุขที่มันเอ่อล้นของเราสองคนไม่ได้ทำให้ไอ้ปูนิ่มเสียสมาธิการกินผักบุ้งของชอบแต่อย่างใด
    มันชะเง้อคอดูร่างเปลือยของสองหนุ่มที่กอดรัด ฟัดกันนัวเนียอยู่เบื้องหน้าอย่างสนใจ คงลุ้นว่าพ่อคนไหนของมันจะน้ำแตกก่อนกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×