คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ผู้ชายผิวสีน้ำผึ้ง
ผมยกตัวไอ้ขยะโสโครกไปตรึงไว้ที่ผนังด้วยมือเพียงข้างเดียว แม้มันจะปฏิเสธว่ามันไม่ได้ทำอะไร
ผมไม่เคยคิดจะเชื่อมัน ไอ้นี่มันต้องเป็นอีแอบที่วางแผนเขามาใกล้ผมเพื่อหวังประตูหลังผมแน่
ไอ้เชี่ยเอ้ยกูไม่น่าสงสารรับมันเข้าทำงานเลย ผมคิด เพราะผมรู้ประวัติมันจากปากพ่อว่ามันเป็น
เด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่จึงให้ลูกน้องไปลากตัวมันกลับมาทำงาน เลี้ยงงูพิษแท้ๆ แม้เมื่อคืนผมเมามาก
แต่ผมก็ไม่เคยเข้าห้องผิด ต้องเป็นมันแน่ๆที่จับผมลากเข้าไป
"มึงทำกับกูเจ็บมากเลยนะไอ้สาด" ผมบีบคอเสื้อมันแน่นเข้ามันจะได้หายใจอย่างทรมาน
"ปล่อย หายใจจะไม่ออก กูไม่ได้เป็นตุ้ด นะ กูไม่ได้ทำ" ไอ้ขยะแก้ตัวไม่หยุด
"กูไม่เชื่อมึงหรอกไอ้ตุ้ด แค่มึงเห็นกูใส่กางเกงตัวเดียวแบบนี้มึงไม่ใช่แข็งโด่แล้วเหรอ" ผมประชดมัน
"ก็ไม่ได้แข็งนะไอ้เชี่ย ปล่อยกู" มันตะโกนลั่น
"กูไม่เชื่อ"ผมกระชากกางเกงมันลงทันที เพื่อพิสูจน์ว่ามันต้องคิดไรกับผมแน่ ร่างเล็กๆผอมๆในมือผมหยุด
ดิ้นไปดิ้นมาเอาดื้อๆ คงตกใจที่ผมถอดกางเกง แล้วผมก็มองไปยังผิวสีน้ำผึ้งนวลตาของท่อนล่างมันที่เปลือย
เปล่า แจ่มชัดเต็มตาเบื้องหน้าตัวเอง ทุกชิ้นส่วนของมันดูเหมาะสมกับเจ้าตัวยิ่งนักและไม่น่าเชื่อว่าไอ้ขยะ
จะสีน้ำผึ้งไปทุกชิ้นส่วน ไม่ว่าจะเป็น้องชายที่นอนสงบอยู่หรือ ไข่ใบเล็กๆทั้งคู่ ก็สีน้ำผึ้งเนียนตาไปหมด
ความรู้สึกแปลกๆกับภาพตรงหน้าจู่โจมเข้ามาในใจผมจน มือผมวางเจ้าขยะลงยืนติดพื้นเมื่อไหร่ไม่รู้
มันรีบถลกกางเกงใส่แล้ววิ่งหนีเข้าห้องมันทันที ผมเดินไปทรุดตัวนอนบนเตียง หลับตาลงแล้วนึกถึงภาพเมื่อกี้
คนเชี่ยอะไร หน้าตาขี้เหร่แสนสกปรก แต่มีผิวใต้ร่มผ้าสวยจนผมมองอย่างเผลอไผล ผิวสีนี้ไม่เคยเห็นที่ไหน
"เฮ้ย กูเป็นบ้าอะไรนี่" ผมหงุดหงิดไม่อย่างทราบสาเหตุ แต่ผมรู้ก็ว่าตัวปัญหามันอยู่ที่ห้องหนึ่งใกล้นี่เอง
...............
"วันอาทิตย์นี่มึงไม่คิดจะไปไหนมั่งเหรอ" ผมถามไอ้ขยะที่ยืนเฝ้าผมกินอาหารเช้าอยู่เพราะตั้งแต่มันมาพัก
กับผมนี่ก็จะค่อนเดือนไม่เห็นมันออกไปไหนสักที นอกจากออกไปซื้อของกินของใช้แถวๆข้างล่าง
"กูไปได้เหรอ" มันถามผมกลับเบาๆแต่ผมรู้สึกกวนตีนมาก
"มึงเห็นกูเป็นไรว่ะ มันอาทิตย์เขาก็หยุดงานทั้งนั้น กูไม่ได้เอามึงมาเป็นทาสนะโว้ย" ผมด่าอย่างเหลืออด
"แสดงว่าวันนี้เป็นวันหยุดกูสินะ เย้ ดีจังจะได้นอนอ่านการ์ตูนให้สนุกทั้งวันเลย" ท่าทางดีใจของมันปัญญาอ่อนมาก
"มึงมีการ์ตูนเยอะเหรอ"ผมถามไปเรื่อยระหว่างกินข้าวไอ้ขยะนี่ทำอาหารอร่อยดีจนผมทานข้าวที่บ้านทุกวัน
"เปล่า มีเล่มเดียว" มันตอบ
"มึงอ่านหนังสือช้ามากสินะเล่มเดียวอ่านแม่งอยู่เป็นวัน" ผมเดา
"เปล่า ก็ประมาณสามสิบนาทีจบ" ไอ้ขยะตอบผม
"แล้วมึงจะอ่านไงทั้งวัน" ผมชักงง
"ก็อ่านใหม่สิ ไม่เห็นจะยาก" มันตอบแบบคิดว่าผมโง่มาก
"อย่าบอกนะว่ามึงอ่านเล่มเดียวซ้ำไปซ้ำมาทั้งวัน" ผมมองมันด้วยสายตาที่เห็นคนประหลาด
มันพยักหน้ารับ พร้อมทำท่างงที่เห็นผมแปลกใจ
"มึงทำแบบนี้นานยัง" ผมอดถามต่อไม่ได้
"ก็ตั้งแต่อ่านหนังสือออก" ไอ้ขยะตอบ
"อ่านมันอยู่เล่มเดียวนี่นะ" ผมย้ำเพราะไม่แน่ใจ
"อืมส์ ทำไหมเหรอ สนุกออก" ไอ้แทนถามผมกลับ
"ทำไหมมึงไม่ซื้อเล่มใหม่" ผมถามต่อ
"ซื้อทำไหมละ เปลืองตัง เล่มนี้ก็สนุกดีออก" ผมได้แต่มองไอ้ขยะตาปริบๆ ไม่รู้จะทุเรศหรือสมเพชมันดี
"เวลาว่างมึงชอบทำอะไรอีกนอกจากนอนอ่านการ์ตูนเล่มเดียวของมึง" ผมถามอีก
"ปีหนึ่งที่ผ่านมาที่กูออกมาจากบ้าน เอ้อ บ้านเด็กกำพร้านะ ไม่เคยว่างหรอก เวลานอนแทบไม่มี" มันตอบ
ผมมองดูร่างผอมผิวหน้าเกรียมแดดที่ยังไม่เลือนหายไป ก็พอจะเดาได้ว่ามันทำงานกลางแดดจ้ามาทั้งปี
"แล้วตอนเด็กๆที่มึงอยู่บ้านเด็กกำพร้า มึงไม่ทำอย่างอื่นเหรอ ดูทีวี เล่นกีฬาไรงี้" ผมถามเบาๆนึกเพลียใจในชีวิตมัน
"ก็ ทำ" มันตอบเสียงแผ่ว หลบสายตาผมเหมือนไม่อยากบอก
"ไอ้เชี่ย กูถามมึงนะ จะตอบไม่ตอบ" ผมชักโมโห
" กูชอบเก็บขยะอะ ไม่รู้ว่าเป็นงานอะไร นะ แต่ไม่อ่านการ์ตูนก็เก็บขยะ สนุกดี" มันรีบอธิบายเหมือนกลัวผมหักคอ
"ไอ้โรคจิต คนดีๆที่ไหนเขาเก็บขยะเป็นงานอดิเรก เขาต้องหาสิ่งที่ทำแล้วมีความสุขทำสิว่ะ" ผมด่ามันไอ้นี่บ้าชัดๆถ้า
มันรวยผมจะคิดว่ามันทำสร้างภาพแน่ แต่ผมก็จำได้ว่าวันแรกที่เจอมันก็แถวถังขยะ และมันก็เก็บขยะอยู่จริงๆ
"ไม่นะ เก็บขยะแล้วมีความสุข กูไม่อยากขยะมันถูกทิ้งขว้าง" ไอ้แทนตอบอ้อมแอ้ม เหมือนไม่อยากพูด
"มึงเกิดมาจากกองขยะเหรอถึงชอบของโสโครกนัก" ผมด่าปรชดมัน
" ไม่รู้สิว่าเกิดจากไหน แต่เขาเก็บกูมาจากถังขยะ" เสียงแผ่วๆ จากปากไอ้แทนทำเอาผมทานข้าวไม่ลง นี่ผมด่ามัน
ตลอดว่าไอ้ขยะ ผมจะบาปมากไหมนะ ผมรู้ว่าชีวิตคนบางคนยากจนข้นแค้น แสนอาภัพ แต่ก็ไม่เคยได้สัมผัสคนเหล่านั้น
เมื่อได้มาเจอกับคนใกล้ตัว รู้สึกหายใจผิดจังหวะและไม่อิ่มยังไงไม่รู้
"ไปๆอาบน้ำแต่งตัวไปกูจะพามึงไปซื้อหนังสือการ์ตูน"
ผมสั่งไอ้แทนก่อนจะลุกหนีเข้าไปห้องนอนเพราะรู้สึกละอายใจจนไม่อยากมองหน้ามัน
...............
ผมกับไอ้แทนมาถึงหน้าห้างแล้วแต่รถกลับติดไฟแดงอยู่หน้าห้างยังไม่สามารถเลื่อนรถเข้าไปจอดในห้างได้ ไอ้แทนมัน
จ้องดูวงดนตรีคนตาบอดที่ยืนแสดงอยู่ท่ามกลางแดดเปรี้ยงๆ บนทางเท้าของถนนหน้าห้างอย่างสนใจ
ไอ้นี่มันชอบเพลงอะไรนะผมคิด น่าจะเป็นลูกทุ่ง หรือไม่ก็ป๊อปร็อค ตามสมัยนิยม ว่าแต่ผมไปสนใจเรื่องมันทำไหมวะ
"เอ่อ วันนี้จะพามาซื้อการ์ตูนเหรอ กูไม่มีตังนะ" ไอ้แทนเอ่ยขึ้น
"ใครจะให้มึงออกละ "ผมบอกอย่างใจดี พร้อมควักกระเป๋าตังส่งให้มันดู
"ดูสิกระเป๋ากูมีเงินสดเท่าไหร่ กูให้มึงหมดเลย"
ผมบอกมันขณะที่มือทั้งสองข้างจับพวงมาลัยเคาะไปตามจังหวะเพลงที่เปิดฟังอยู่
"โห หมื่นหนึ่งซื้อการ์ตูนหมื่นหนึ่งนี่นะ" มันถามผมกลับ พลางทำตาโต
"กูให้มึงใช้ให้หมดนะ กูให้มึงใช้แค่วันนี้ด้วย ห้ามเก็บไว้" ผมบอกเพราะอยากชดเชยที่ด่ามันว่าไอ้ขยะมานาน
"งั้นเงินนี่เราจะเอาไปใช้ทำอะไรก็ได้ใช่ไหม" หึ หึ พูดเพราะมาเชียวนะมึง เงินเปลี่ยนคนได้เสมอผมคิด
"ช่างหัวมึงดิ กูให้มึงแล้ว"ผมบอกมันไป พลางโล่งใจที่ไม่ติดหนี้มันอีก ไอ้แทนควักเงินในกระเป๋าออกไปเกือบหมด
เหลือแบงค์ห้าร้อยไว้ใบเดียว ก่อนเปิดประตูวิ่งลงจากรถ ตรงไปยังวงดนตรีตาบอดวงนั้น มันยัดเงินใส่มือผู้หญิง
ตาบอดข้างเดียวที่ร้องเพลงอยู่ แล้วชี้มือมาทางผม เหมือนผู้หญิงตาบอดจะโค้งคำนับให้ผม ก่อนไอ้แทนจะกลับมาที่รถ
"มึงทำอะไรอะ"ผมถามมันขณะที่ขับรถออกจากไฟแดง
"ก็บริจาคไง แต่เราใช้ชื่อของนายนะ เพราะยังไงก็เป็นเงินนาย"
มันพูดพลางอมยิ้มเหมือนจะมีความสุขมากในสิ่งที่ทำ จนผมเองก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ถามมันไปว่า
"ทำแบบนี้แล้วมีความสุขจริงเหรอ"
"มีสิ นึกทีไรก็มีความสุขทุกที " ไอ้แทนตอบผมเบาๆ แต่ทำให้ผมเหนื่อยใจอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่เคยให้เงินใครฟรี
ที่จำนวนเยอะขนาดนี้ด้วยมือตัวเองเหมือนมันมาก่อน แม้บริษัทผมจะบริจาคปีหนึ่งหลายสิบล้านแต่ก็เพื่อสร้างภาพลักษณ์
ทางสังคม แต่ไอ้ขยะข้างๆผมมันจำเป็นต้องสร้างด้วยเหรอ
"ไอ้แทน มึงมาจากกองขยะจริงๆเหรอ" ผมถามคนข้างๆอยู่ในใจ
...............
ความคิดเห็น