ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พิศวาทสีน้ำผึ้ง

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่หนึ่ง ขยะที่ปลิวตามลม

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ค. 51


    เด็กหนุ่มหน้าตาซูบผอม พาเรือนร่างอันผอมบางที่เหมือนจะลอยล่องไปตามสายลมยามดึกมากกว่าจะเดินด้วยเท้า
     เข้าไปยังซอยเล็กๆที่ข้างทางเต็มไปด้วย ป่ารก ต้นซอยมีแสงจากหลอดไฟฟ้าเก่าๆดวงเดียวที่กระพริบอยู่เป็นระยะ
    เหมือนไส้ใกล้จะขาดในไม่ช้า แต่แววตาบนใบหน้ามันแพล่บของเด็กหนุ่มหาได้หวาดหวั่นกับสภาพรอบกายไม่
     กลับแสดงถึงความอบอุ่นใจที่ซอยอันมืดหม่นนี้ จะนำเขาไปสู่ห้องเช่าที่อยู่ลึกสุดซอย เขาก้มเก็บบรรดา ขยะต่างๆ
    จากปากซอยไปเรื่อยๆ จนเกือบล้นถุงพลาสติกใบเขื่องที่อยู่ในมือ เมื่อเขาเดินทางไปถึงหน้าห้องพักตัวเอง
     เด็กหนุ่ม็จัดการทิ้งขยะที่เก็บติดมือมาลงบนถังขยะแห้ง พลางส่ายหน้าเซียวๆให้กับ ความมักง่ายของมนุษย์ที่แม้แต่
    ขยะในมือของตัวเองยังไม่คิดจะรับผิดชอบ ก่อนจะเปิดประตูเก่าๆของห้องเช่า เข้าไปนอนทอดกายบนเตียงเล็กๆ
    แล้วหลับตาลงทันทีเหมือนคนสิ้นไร้เรี่ยวแรง ที่จะรับรู้สิ่งใดๆรอบกายอีกต่อไป
    .......
    เสียงทะเลาะกันของคู่สามีภรรยาข้างห้องฝั่งซ้ายและเสียงเปิดเพลงดังลั่นของข้างห้องฝั่งขวา คือนาฬิกาปลุกชั้นดี
    ที่ผมคุ้นเคย ผมลืมตาดูสภาพตัวเองที่หลับอยู่ในชุดของเมื่อวาน ก่อนจะพาร่างกายอันสกปรกของตัวเองไปจัดการ
    ในห้องน้ำ  พลางนึกถึงอนาคตตัวเองที่ต้องเดินหางานใหม่ในวันนี้ หลังจากยอมสละตำแหน่งจากการเป็น
    พนักงานขนขยะให้พี่คนหนึ่งไป ด้วยพี่คนนั้นมีภาระครอบครัวมากกว่าผมนัก ผมตัวคนเดียวจะสนไรนักหนา
    กับความมั่นคง หรืออาชีพการงาน มีกินไปวันๆ ก็พอแล้ว
    "ทำเท่ห์สละงานให้คนอื่นแต่วันนี้มึงต้องเดินหางานใหม่ให้ตัวเอง กูอยากมอบเหรียญสลึงให้มึงจังไอ้แทน"
    ผมพึมพำกับตัวเองไปตักน้ำราดตัวไปเพื่อไล่ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ง่วงเหงา ออกจากร่างกาย
    .......
    ผมมองตึกสูงประมาณห้าสิบชั้นที่ตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่ ตรงข้ามกับ ซอยที่พักของผม
     "ไอ้แทนเอ๋ยถ้ามึงได้งานที่ตึกนี้คงจะดี เพราะเดินไปทำงานได้ ประหยัดค่ารถไปได้อีกโข"
     ผมคิดในใจ ด้วยผมเป็นเด็กจากบ้านเด็กกำพร้าวุฒิที่ผมมีจึงแค่ มอหกและงานที่ผมจะไปสมัคร
    ในตึกที่ผมมองอยู่นี้ก็คือเป็นคนรับใช้ ซึ่งเป็นงานที่ผมน่าจะมีโอกาสได้ แม้ผมจะไม่เคยทำก็เถอะ
    ก็เขาบอกแค่ว่า วุฒิอย่างต่ำมอหกและไม่จำกัด เพศนี่หนา ขอให้ได้งานทีเถอะผมหวังลึกๆ
     ขณะที่ผมเดินมาถึงสวนหย่อม ที่กว้างมาก ดูสวยงามข้างๆตึกสูงระฟ้า ผมก็แอบเก็บขยะที่คนทิ้งไว้
    ตามพื้นใส่ถังไปด้วยเพราะเป็นสันดานผมแต่กำเนิดที่ชอบเก็บขยะ ใส่ถัง ผมรู้สึกไม่อยากเห็นมัน
    ถูกทิ้งขว้างไม่มีที่อยู่ที่เหมาะที่ควร เหมือนชีวิตตัวเอง
    "แป๋ง แก๋งๆๆๆ" เสียงกระป๋องกาแฟ  ตกอยู่ข้างหน้าผมไม่กี่ก้าว ส่วนเจ้าของผู้ไม่รับผิดชอบคือชายร่างสูง
    ที่หันหลังให้ผมและกำลังเดินหนีไป ผมรีบเดินไปเก็บกระป๋องกาแฟนั้น อย่างรวดเร็วแล้วเดินย้อนกลับไป
    ใส่ในถังขยะให้เรียบร้อย  พอผมละจากถังขยะ จะเดินตรงไปที่ตึก คนร่างสูงเมื่อกี้ก็เดินลิ่วตรงมาหาผม
    กว่าผมจะทันรู้ตัว ผมก็ถูกมันจับที่คอเสื้อ ยกร่างผมขึ้นลอยขึ้นบนอากาศด้วยมือเพียงข้างเดียวของมัน
    "ไอ้ขยะ มึงมายุ่งอะไร กับกระป๋องกาแฟของกู"
    ใบหน้าที่หล่อเหลามากกว่าชายใดที่ผมเคยเห็น ตอนนี้มีแววตาโกรธแค้นเหมือนผมเพิ่งไปฆ่าพ่อมันมา
    "ก็แค่เก็บลงถังให้แค่ๆๆ นั้นครับ" ผมพยายามพูดสุภาพเพราะมันคงหักคอผมได้แค่มือเดียวแน่ๆ
    "กูใช้มึงเรอะ มึงคงคิดวากูทุเรศทิ้งขยะไม่เป็นที่ ส่วนมึงเป็นเทพสินะ" มันยังตะคอกใส่หน้าผมไม่หยุด
    "ปะเปล่าครับ ผมผิดเองเดียวผม อะเอามาวางไว้ที่เดิมให้นะครับ" ผมพยายามเอาใจดีเข้าสู้
    "ไอ้เชี่ย มึงยังคิดจะยุ่งกับกระป๋องกาแฟกูอีกเหรอ " มันเริ่มดึงคอเสื้อผมรัดเข้าผมเริ่มหายใจไม่สะดวก
    "ปะเปล่า ครับผมขอโทษปล่อยผมเถอะ ให้ผมอะไรก็ยอม" ผมรีบพูดก่อนขาดใจตาย
    "ไอ้ขยะ หน้าอย่างมึงเหรอกูอยากจะไปยุ่ง ไปให้ไกลตากูเลยไป อย่าให้กูเห็นอีกนะ ไม่งั้นกูฆ่ามึงแน่"
    พูดเสร็จไอ้เวรตะไลก็โยนผมใส่พุ่มไม้ข้างถังขยะข้าหน้ามันดังพลั่ก ผมรีบยันกายขึ้นแม้จะรู้สึกเจ็บหลายที่
    แล้วรีบวิ่งหนีมันเข้าไปในตึกเพื่อจะได้ไปอยู่ที่คนเยอะๆ ก่อนที่ไอ้คนบ้านั่นมันจะตามมาฆ่าผม
    "พระเจ้าอย่าให้ผมต้องตายเพราะเก็บขยะเลย" ผมอ้อนวอนอยู่ในใจ
    ........
    เมื่อแน่ใจว่าไอ้เชี่ยนั่นไม่ตามมาแล้วผมก็แอบไป พักหอบหายใจในห้องน้ำ พลางสำรวจดูแผลช้ำที่ข้อศอก
    ดีนะที่ไม่มีเลือด ไม่งั้นผมคงไปสัมภาษณ์งานลำบากแน่ ไห้ตายสิ โลกใบนี้มันอุบาทว์ขนาดนี้หรือนี่ผมคิด
     คนทำดีแม่งมันจะต้องตายเพราะทำดี ไอ้คนมันชั่วมันก็เที่ยวกัด คนอื่นได้ไม่เลือกจริงๆ
    ไอ้เชี่ยนั่นดูจากเสื้อผ้าที่มันใส่กับผิวพรรณที่ผ่องยังกับมีประกายแล้วคงเกิดมารวย แต่คงเป็นผีห่าชิงมาเกิด
     "โลกหนอโลกมันจะมีที่ให้คนดีแอบอยู่ได้บ้างไหมหนอ" ผมคิดแล้วก็แทบหมดเรี่ยวแรงด้วยความ
    ท้อถอยที่โดนทำร้ายจากคนไร้เหตุผล จากคนที่ไม่มีแม้ความดีงามในตัวเพียงเพราะมันมีเงินเท่านั้น
    ........
    "นั่งลงเถอะหนู"ชายชราวัยประมาณหกสิบกว่าที่ดูหนุ่มกว่าอายุซึ่งเป็นประธานบริษัทเชิญผม หลังจาก
    ผมยกมือไหว้แล้วนั่งลงเสร็จท่าก็ถามขึ้นทันที
    "ชื่อไรนะเรา"
    "แทนครับ" ผมตอบ
    "เคยเป็นคนรับใช้มาก่อนไหมเรา" ท่านซัก
    "ไม่ครับผมเคย..." ผมเล่าประวัติงานแรกในชีวิตที่ผมทำหน้าที่ขนขยะให้ท่านฟัง
    "5555 เออ เข้าท่าดีนี่เด็กหนุ่มสมัยนี้น้อยคนที่จะไปทำงานแบบหนู" ท่านหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
    "แล้วหนูสะดวกไหมที่จะย้ายมาอยู่กับเจ้านาย "ท่านถามต่อ ผมเลยเล่าว่าตัวเองเป็นเด็กไม่มีพ่อแม่
    เพิ่งย้ายออกมาจากบ้านเด็กกำพร้าไม่ถึงปีหลังจากจบมอหก จึงไม่มีปัญหาที่จะย้ายไปอยู่ที่ไหน
    "อืมส์งั้นตาขอบอกตรงๆนะ ว่าจะให้หนูไปช่วยดูแลลูกตาหน่อย ตาเคนอาศัยอยู่ชั้นบนสุดของตึกเรานี่แหละ
      แต่ลูกชายคนเดียวของตา มันอารมณ์ร้ายมากนะ กี่คนๆก็ทนมันได้ไม่ถึงวัน ถ้าหนูทนมันได้ตายินดีให้หนู
      ทำงานด้วย นี่คือสัญญาจ้างและเงินเดือนที่หนูจะได้รับ อ่านดูสิ" ท่านประธานอธิบายยาว
    " โห เงินเดือนสี่หมื่นกว่า แพงจังครับ" ผมพูดตรงๆ เพราะไม่แน่ใจว่าพิมพ์ผิดเปล่า
    " ขอให้หนูทนลูกตาได้เถอะ แพงกว่านี้ตาก็ยอมจ่าย" ท่านประธานบอก
    " เขาร้ายมากหรือครับ" ผมถาม
    "เขาชอบโมโหบ่อยๆ เป็นแบบนี้ตั้งแต่แม่เขาตาย หนูจะลองดูไหมละ ลองไปหาเขาวันนี้เลยก็ได้เขาเพิ่งกลับมาจากจีน"
    "ครับ ผมจะลองดู" เงินเดือนขนาดนี้ทนสักเดือนก็ทำให้ผมอยู่รอดได้หกเดือนเลยละผมคิดในใจ
    "เอ้านี่ บัตรผ่านประตูห้องยังไง ลองพยายามดูนะ ตาก็เหนื่อยเหลือเกินแล้ว ขี้เกียจหาคนมาให้ไอ้ตัวดี"ท่านประธานบ่น
    ........
    "ผมเป็นคนรับใช้ ใหม่ครับ ขออนุญาตนะครับ มีใครอยู่ไหมครับ" ผมพยายามพูดเสียงดังหลังจากเปิดประตูห้องเข้าไป
    ห้องพักนี่เอาตึกชั้นบนสุดทั้งชั้นมาทำ มันกว้างกว่าห้องพักผมหลายสิบเท่า ตกแต่งอย่างปราณีต ดูทันสมัย แต่ข้าวของ
    กระจัดกระจายเต็มห้องไปหมด ก่อนที่ผมจะทันได้สำรวจอะไรต่อไป ร่างสูงใหญ่เกินมาตรฐานชายไทยก็นุ่งผ้าเช็ดตัว
    ผืนเดียวออกมาจากห้องนอน โชว์ผิวที่ขาวเนียนละเอียดอมชมพูเพราะเลือดฝาดวัยหนุ่ม พร้อมกับมัดกล้ามเนื้อที่พองาม
    ใบหน้าที่คมเข้มนั้น ส่งสายตาแวววับที่เหมือนต้องการบีบผมให้ตายคามือ ก่อนที่ผมจะได้ขยับตัววิ่งหนีไอ้เชี่ยคนเมื่อ
    เช้านี่ก็จับคอเสื้อแล้วยกร่างผมลอยขึ้นอีกครั้ง
    "ไอ้ขยะมึงมาทำไรที่ห้องกู" มันตะคอก
    "ผะ ผมเป็นคนรับใช้คนใหม่ครับ" ผมรีบบอกมัน
    "กูไม่เอามึงมารกห้องกูหรอก ไอ้คนชั้นต่ำ" ไอ้เชี่ยด่าผมแรงจนผมโกรธจัดไม่คิดจะสุภาพไว้หน้าใครอีกแล้ว
    "ไอ้เชี่ย ถึงกูจะชั้นต่ำ แต่กูก็ไม่ได้ขอมึงกินนะ กูมาทำงาน มึงไม่เอากูมึงพูดเหมือนคนเป็นไหม ผีชิงมาเกิดแท้ๆมึงนี่"
    ผมตะโกนใส่มันมั่ง แล้วพยายามดิ้นสุดฤิทธิ์ ให้หลุดจากไอ้บ้าเคน
    "ปล่อยกูถ้ามึงทำร้ายกูเหมือนเมื่อเช้า กูจะแจ้งตำรวจ ปล่อยกูไอ้เชี่ยกูจะไป มึงอยากอยู่กับแมลงสาป ก็ช่างหัวมึง"
    ผมทั้งด่าทั้งดิ้นแต่ทำยังไงก็ไม่หลุด
    "ปล่อยกูสิไอ้เชี่ย กูจะไปจากห้องโสโครกของมึงเอง มึงไม่ต้องไล่ ปล่อยกู" ผมตะโกนใส่มันจนแสบคอ
    ก่อนที่ผมจะได้ตะโกนอีกครั้งร่างผมก็ถูกโยนลงโซฟาดังพลั่ก ขณะที่ผมทั้งจุกทั้งเจ็บอยู่ไอ้เคนก็เอ่ยเสียงดัง
    "ห้องมึงอยู่โน่น ออกมาตอนกูไม่อยู่เท่านั้น ถ้าห้องกูมีฝุ่นแม้แต่นิดเดียว กูฆ่ามึงแน่"
    แล้วร่างสูงนั้นก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้ผมลูบก้นกบรรเทาความเจ็บและมองตามมันด้วยความงุนงง
    "นี่ตกลงไอ้เชี่ยนี่มันรับกูเข้าทำงานหรือว่ะ" ผมคิดสยองในใจ ให้ตายกูก็ไม่ทำ ให้มันถูกขยะท่วมตายในห้อง
    ของมันให้สาสมกับความชั่วมันเถิดผมแช่งมันในใจก่อนที่จะเดินกระโพลกกระเพลกออกมาจากห้องโดยไม่คิด
    จะมาเหยียบห้องไอ้เคน คนชั่วช้าอีกเป็นครั้งที่สอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×