คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ราตรีรัตติกาล
ตอนที่ 8 ราตรีรัตติกาล
ภายในมิติแห่งความมืด ณ คฤหาสน์ราตรี
ตูม ตูม ตูม ตูม!!
เสียงระเบิดดังลั่น เรยะปล่อยลูกไฟนับร้อยเข้าโจมตีใส่มินางิอย่างบ้าคลั่ง มินางิทำได้แค่ขี่ไม้กวาดบินหลบลูกไฟที่พุ่งเข้ามาได้อย่างฉิวเฉียด เรยะปล่อยโซ่ไฟหลายสิบเส้นไปโจมตีแบบไม่ยั้ง เธอกระหน่ำฟาดโซ่ใส่มินางิหลายต่อหลายครั้ง
“ไลท์ติ้งเว็บ”
มินางิสร้างกระแสไฟฟ้ารูปใยแมงมุมไว้รอบตัวเพื่อป้องกันการโจมตีจากโซ่ไฟ ซึ่งก็ดูเหมือนจะได้ผล โซ่ไฟไม่สามารถผ่านกระแสไฟฟ้าเข้ามาได้ แต่ดูเหมือนเรยะจะยังคงไม่หยุดการโจมตี
“ตะวันฉายแสง”
ลำแสงความร้อนสูงพุ่งทะลุผ่านใยแมงมุมไฟฟ้าเข้ามาได้อย่างง่ายดาย มินางิกระโดดหลบออกจากไม้กวาดอย่างเร็ว ก่อนที่ลำแสงจะพุ่งเข้ามาถึงตัว
“บอลไลท์ติ้ง”
มินางิขว้างลูกบอลไฟฟ้าจำนวนมากใส่เรยะด้วยความเร็ว เรยะหมุนตัวหนึ่งรอบ เกิดโซ่ไฟหมุนรอบตัว และตีลูกบอลไฟฟ้าให้กระเด็นออกไปอย่างง่ายดาย แต่เรยะก็ต้องชะงัก เมื่อมีกลุ่มเมฆดำลอยอยู่เหนือหัว
“ไลท์ติ้งโบวท์”
สายฟ้าขนาดใหญ่พุ่งลงมาจากกลุ่มเมฆดำ เข้ามาใกล้เรยะ เรยะเอามือชูขึ้นฟ้า เกิดเป็นกำแพงแสงสว่างจ้าขึ้นตรงหน้า สายฟ้ากระทบเข้ากับกำแพงแสงอย่างจัง เกิดแสงสว่างวาบ ทำเอาบริเวณรอบๆ ที่มืดอยู่ ถึงกับสว่างจ้าจนเหมือนกับระเบิดแสง เรยะปิดตาของตนเอง เพราะอยู่ใกล้กับแสงมากที่สุด โดยไม่ทันได้รู้ตัวว่ามินางิเข้ามาประชิดตัวแล้ว
“อาคมร่างสายฟ้า หมัดสายฟ้ากัมปนาท”
มินางิซัดหมัดที่รวบรวมพลังไฟฟ้าไว้เป็นจำนวนมากเข้าชกใส่เรยะด้วยความเร็วสูง แต่ก่อนที่หมัดของมินางิจะถึงตัวเรยะ
ตูมมมมมมมมมมม
เกิดการระเบิดขึ้นกระทันหัน มินางิร่วงลงสู่พื้นอีกครั้ง ส่วนเรยะลอยไปด้านหลังเล็กน้อย ก่อนจะปัดฝุ่นที่ชายกระโปรง และทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้” มินางิทำหน้าสงสัย
“จะบอกอะไรให้นะมินางิ เธอน่ะ ถนัดการต่อสู้ระยะประชิดมากกว่าใช่ไหม ซึ่งต่างจากชั้นที่ถนัดระยะไกล ถ้าชั้นโดนประชิดตัวก็มีหวังเสร็จเธอแน่ เลยต้องใช้ลูกเล่นเล็กน้อย” เรยะเริ่มอธิบาย
“ลูกเล่นอะไรของเธอ” มินางิทำหน้างง
“ชั้นเก็บน้ำยาที่ติดไฟง่ายไว้ในกระเป๋าเสื้อ มันจะทำปฏิกิริยากับไฟฟ้าของเธอและเกิดระเบิดขึ้น ทำให้เธอไม่สามารถโจมตีชั้นในระยะประชิดได้ อ๊ะ...ไม่ต้องทำหน้าสงสัยว่าทำไมชั้นโดนระเบิดแล้วถึงไม่เป็นอะไร เธอก็รู้นี้ว่าชั้นเป็นปีศาจพระอาทิตย์ โดนระเบิดนิดๆ หน่อยๆ ไม่รู้สึกหรอก” เรยะอธิบาย
“ว่าไงนะ แบบนี้ชั้นก็เข้าประชิดตัวเธอไม่ได้นะสิ” มินางิทำหน้าประหลาดใจ
“เพราะฉะนั้น ยอมแพ้ซะเถอะ สู้ไปก็เปล่าประโยชน์” เรยะพยายามพูดเกลี้ยกล่อมมินางิอีกครั้ง แต่มินางิก็หัวเราะออกมา
“เธอจะบ้าเหรอ ถึงชั้นจะประชิดตัวเธอไม่ได้ แต่เธอก็อย่างลืมสิว่าเรื่องการต่อสู้ระยะไกล ชั้นก็ไม่เป็นรองใครหรอกนะ” มินางิหลับตาซ้ายแล้วยิ้มออกมา
“งั้นเหรอ งั้นเราจะได้เห็นดีกัน”
เรยะสร้างลูกบอลเพลิงขนาดใหญ่รอบๆ ตัว สี่ลูก ลูกบอลเพลิงนั้นเริ่มหมุนรอบตัวเองอย่างเร็วและลอยรอบตัวเรยะ แล้วลูกบอลสามลูกก็พุ่งเข้าใส่มินางิ เรยะขว้างโซ่เพลิงให้ติดกับลูกบอลเพลิงจะดูเหมือนลูกตุ้ม มินางิเรียกไม้กวาดออกมาก่อนจะกระโจนหลบลูกตุ้มเพลิง เรยะเหวี่ยงลูกตุ้มเพลิงไปทางมินางิ มินางิพยายามบินหลบลูกตุ้มทั้งสามที่ลอยวนเวียนรอบตัวอย่างสุดชีวิต แต่เมื่อลูกตุ้มเพลิงเข้ามาใกล้มาก ถึงแม้มินางิจะหลบการโจมตีได้อย่างฉิวเฉียด แต่ก็ส่งผลทำให้ไม้กวาดของเธอบางส่วนเกิดรอยไหม้ขึ้น ทำเอาเธอสูญเสียการทรงตัวบนไม้กวาด มินางิพยายามคุมไม้กวาดให้มั่งคง เรยะขว้างลูกตุ้มเพลิงทั้งสามดักทางรอบตัวมินางิ มินางิกระโดดตัวขึ้นเหนือไม้กวาด ก่อนจะเริ่มร่ายคาถาอย่างเร็ว
“กระแสไฟฟ้าผกผัน”
มินางิระเบิดพลังไฟฟ้ารอบตัว ลูกตุ้มเพลิงที่พุ่งเข้าใส่เริ่มเปลี่ยนทิศทางเล็กน้อย จนผ่านตัวมินางิอย่างฉิวเฉียด แม้จะโดนไฟจากลูกตุ้มไหม้เสื้อผ้าไปบางส่วน แต่ก็ยังถือว่าปลอดภัย
ตูมมมมมมมมมมมม
“อ้ากกกกกกกกกกกกก”
เรยะขว้างลูกบอลเพลิงลูกที่สี่ใส่มินางิอย่างไม่ลังเล ด้วยแรงระเบิด มินางิถึงกับกระเด็นไปไกล มีควันพุ่งออกมาจากตัวและปากของเธอไปตามทางที่ลอยไป แล้วตกลงมากระแทกกับพื้น มินางิกำลังจะหมดสติ รูม่านตาเริ่มเปิดกว้าง นอนแผ่นิ่ง เริ่มมีควันลอยออกมาจากตามตัว เรยะลอยตัวเข้าไปสำรวจมินางิอยู่กลางอากาศห่าง
“ดูท่าเธอจะแพ้แล้วสินะ ไม่ต้องห่วง ไว้ชั้นจะของให้รูบีเลียไว้ชีวิตเธอเอง” เรยะยังคงมองดูมินางิอยู่ห่างๆ เล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่ามินางิสลบไปแล้ว แต่ก็ต้องประหลาดใจ
“...ฮึฮึฮึ” มินางิหัวเราะเล็กน้อย “ติดกับชั้นล่ะ” มินางิดีดนิ้ว
เรยะไม่ทันได้ระวังตัว ลูกบอลไฟฟ้าที่มินางิปล่อยก่อนหน้านั้นลอยอยู่รอบตัวเรยะ ลูกบอลไฟฟ้าทั้งหมดปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าใส่เรยะพร้อมกัน
“กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
เรยะรับการโจมได้ไปเต็มๆ โดยไม่ได้เตรียมการป้องกันไว้เลย
ตูมมมม
จุดที่เรยะโดนกระแสไฟฟ้าช็อตเกิดระเบิดขึ้น เรยะร่วงลงพื้นอย่างช้าๆ ก่อนจะกลับมาตั้งหลักและยืนขึ้นใหม่อีกครั้ง และตัวเองยังไม่หายงงกับการโจมตีที่คาดไม่ถึง
“น...นี้ถ้าเราไม่มีน้ำยาไวไฟมาล่ะก็ คงโดนไฟช็อตจนหมดสติไปแล้ว” มีควันลอยออกมารอบตัวเรยะเล็กน้อย “ทำกันได้นะ มินางิ”
“ฮึฮึฮึ มันยังไม่หมดแค่นี้หรอกนะ” มินางิหยิบขวดน้ำยาทรงกลมออกมาจากกระเป๋า เธอเปิดฝาขวดออก
“กลิ่นแบบนั้นมัน น้ำจากหญ้าสึบาเมะนี้” เรยะทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
“เธอเก่งจัง แค่ได้กลิ่นก็รู้แล้วว่าเป็นอะไร” แล้วมินางิก็ยกขวดน้ำยาขึ้นดื่มจนหมด
“แหงล่ะ ก็ชั้นเป็นคนให้เธอยืมหนังสือวิธีปรุงน้ำยาไปนี้ ว่าแต่หญ้าสึบาเมะขึ้นชื่อเรื่องช่วยฟื้นฟูพลังเวทย์อย่างได้ผลฉับพลัน แต่มันมีฤทธิ์ทำให้ง่วงภายในสามนาที ถึงไม่เป็นที่นิยม เธอคิดว่าแค่สามนาทีเธอจะล้มชั้นได้รึไง”
“ชั้นขอเดิมพันภายในเวลาสามนาทีนี้ จะต้องล้มเธอให้ได้” มินางิใช้มือเช็ดน้ำยาที่ติดขอบปาก
“งั้นชั้นเอามั่งสิ”
เรยะหยิบหลอดทดลองออกมาจากเสื้อ แล้วดื่มของเหลวภายในขวดจนหมด ทันใดนั้น เกิดประกายไฟรอบๆ ตัวเรยะ เปลวไฟเริ่มแผ่รังสีความร้อนมากขึ้น ทำเอามินางิต้องถอยหลังเพราะความร้อน
“รึว่า...น้ำยาไวไฟของเธอคือ น้ำจากผลคาเงะ งั้นรึ” มินางิทำหน้าประหลาดใจ
“ใช่แล้ว ที่ชั้นดื่มเข้าไปก็คือน้ำยาไวไฟนั้นแหละ เป็นน้ำยาเพิ่มพลังที่ใช้ได้เฉพาะกับชั้นเท่านั้น” เรยะพูดออกมาเป็นประกายไฟ
“แหงล่ะ ใครจะกล้าดื่มไอ้ที่เหมือนน้ำมันเบนซินนั้นได้ล่ะ” มินางิเหงื่อตก
“รับมือ!”
เรยะปล่อยลูกไฟใส่มินางิแบบไม่ยั้ง คราวนี้ลูกไฟใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า ลูกไฟจำนวนมากพุ่งเข้าใส่มินางิอย่างรวดเร็ว แต่มินางิไม่มีทีท่าว่าจะหลบแม้แต่น้อย เธอกลับตั้งท่าพร้อมจู่โจม มินางิชาร์จพลังไฟฟ้าไว้รอบตัว และส่งพลังไปรวมไว้ที่หมัดทั้งสอง เมื่อลูกไฟพุ่งเข้าใกล้
“เปล่าประโยชน์เปล่าประโยชน์เปล่าประโยชน์เปล่าประโยชน์เปล่าประโยชน์ๆๆๆๆ......”
มินางิรั่วหมัดใส่ลูกไฟแบบไม่ยั่ง ลูกไฟที่กระทบเข้ากับหมัดสายฟ้าของเธอถึงกับระเบิดกระจาย และกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง จนเกิดควันฟุ้งกระจายรอบๆ ตัว เมื่อควันเริ่มจางลง มินางิก็ต้องตกใจ เพราะเรยะพุ่งตัวเข้าประชิดตัว ซึ่งปกติเรยะจะไม่สู้แบบระยะประชิดอยู่แล้ว มินางิจึงรีบถอยหลังเล็กน้อย เรยะหมุนตัวตามด้วยความเร็วสูง ปรากฏโซ่ไฟหลายเส้นหมุนรอบตัวเรยะ จนเกิดเป็นพายุโซ่ไฟพุ่งเข้าใส่มินางิอย่างเร็ว พายุโซ่ไฟโถมเข้าตีมินางิอย่างไม่ยั้ง
“สปาร์คบอดี้”
มินางิระเบิดพลังไฟฟ้า รอบร่างกายของเธอเกิดกระแสไฟฟ้าแรงสูงขึ้น ดีดให้พายุโซ่ไฟกระเด็นให้ออกห่างได้ เรยะหยุดหมุนตัวเพราะโดนกระแสไฟฟ้าย้อนกลับ แต่เธอยังไม่ลดละ ปล่อยโซ่ไฟรอบๆ พุ่งเข้าใส่มินางิอีก มินางิในร่างไฟฟ้า ใช้เท้าประจุไฟฟ้าถีบตัวพุ่งเข้าใส่กลุ่มโซ่ด้วยความเร็วสูง มินางิฝ่าโซ่ที่เข้ามาโจมตีได้อย่างง่ายดาย จนเข้าประชิดตัวเรยะได้
“เสร็จชั้นล่ะ”
“เธอคิดว่างั้นรึ”
ตูมมมมมมมมมมมมมม
พลังไฟฟ้าของมินางิไปกระตุ้นน้ำยาไวไฟของเรยะให้ระเบิดขึ้นอีกครั้ง เรยะบินถอยออกมาจากมินางิได้อย่างง่ายดาย ส่วนมินางิใช้แขนกันสะเก็ดระเบิดไว้ได้
“ชั้นก็บอกแล้วไง ตราบเท่าที่ชั้นยังมีน้ำยาไวไฟ เธอก็ไม่มีสิทธิ์เข้าประชิดตัวชั้นได้”
“เจ็บใจนัก ทำไมเวลาระเบิดมันไม่ระเบิดพร้อมกันล่ะเนี้ย” มินางิกัดฟัน
“ดูท่าเธอจะไม่ได้สังเกต มันไม่มีทางระเบิดพร้อมกันหรอก เพราะชั้นควบคุมความร้อนได้ อย่างลืมสิ”
แล้วเรยะก็ควักนาฬิกาห้อยออกมาจากกระเป๋าเสื้อเพื่อดูเวลา
“อีกไม่ถึงนาทีฤทธิ์ของหญ้าสึบาเมะก็จะทำให้เธอหลับแล้ว เตรียมตัวแพ้ได้แล้วล่ะ” เรยะเก็บนาฬิกาเข้ากระเป๋า
“งั้นคงต้องเดิมพันด้วยการโจมตีครั้งสุดท้ายแล้ว” มินางิตั้งท่า
“หือ...เธอจะใช้ไลท์เทนนิ่งมาสเตอร์เหรอ เปล่าประโยชน์น่า ไอ้ท่าแบบนั้นชั้นเห็นมาจนชินแล้ว ใช้กับชั้นไม่ได้ผลหรอก”
“ไม่ลองไม่รู้นี้”
“อาคมสายฟ้า -- ไลท์เทนนิ้งมาสสส...”
แล้วเรยะก็พุ่งเข้ามาประชิดตัวมินางิแบบไม่ทันตั้งตัว
“เฟรมเฮซ”
ตูมมมมมมมมมมมมมมมม
ลูกไฟยักษ์ระเบิดใส่มินางิในระยะเผาขน มินางิถึงกับกระเด็นลอยไปไกล ตัวไถลไปกับพื้น และนอนคว่ำหน้า แน่นิ่งแบบไม่ได้สติ
“ไลท์เทนนิ่งมาสเตอร์มันเป็นท่าที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่ชั้นเคยเจอมา แต่มันใช้เวลารวมพลังนาน ยิ่งเวลาคู่ต่อสู้รู้ว่าเธอจะทำอะไรแล้ว มันยิ่งง่ายต่อการขัดขวาง...รู้สึกว่าเธอจะไม่ได้พัฒนาขึ้นเลยนะ” แล้วเรยะก็ควักนาฬิกาขึ้นมาดูอีกครั้ง
“ครบสามนาทีแล้ว ตอนนี้เธอแพ้ราบคาบแล้วล่ะ” เรยะเดินเข้าไปสำรวจมินางิใกล้ๆ
“ขอโทษด้วยนะ ที่ทำให้เธอบาดเจ็บขนาดนี้ แต่ถ้าจะต้องทำ ก็ขอให้ชั้นเป็นคนทำเถอะ” เรยะนั่งลงข้างๆ มินางิก่อนจะใช้มือลูบหน้าผากของมินางิ
“ขอโทษตอนนี้มันเร็วไปม้าง” เรยะสะดุ้งเฮือก
“พลังไฟฟ้าหนึ่งล้านโวลต์!!!”
“กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดด”
เรยะโดนกระแสไฟฟ้าช็อตเข้าเต็มๆ แบบไม่ได้เตรียมการป้องกันไว้ เรยะจะทำท่าหนี แต่โดนมินางิคว้าแขนเอาไว้ เรยะจึงต้องคว้าหลอดน้ำยาไวไฟมาปาใส่มินางิจนเกิดระเบิดขึ้น เรยะถอยไปตั้งหลัก แต่ร่างกายบางส่วนเริ่มชา ทำให้ขยับร่างกายไม่ได้ตามต้องการ ส่วนมินางิที่ยืนยิ้มด้วยสีหน้าเสียดายเล็กน้อยที่การโจมตีเห็นผลไม่มากนัก
“อ...อะไร...ก...กัน...ธ...เธอน่าจะ...หลับไปแล้ว...น...นี้” เรยะพูดไม่เป็นคำเพราะยังไม่หายชา
“เสียใจด้วย แต่ชั้นได้ปรับปรุงฤทธิ์ของน้ำยาหญ้าสึบาเมะนิดหน่อย ทำให้ไม่ง่วงนอน แต่ก็ทำให้ฟื้นฟูพลังเวทย์ได้ไม่สมบูรณ์มากนั้น เพราะฉะนั้นตอนนี้เลยใช้พลังไปจนเกลี้ยงเลย” มินางิหัวเราะแหบๆ ออกมาเล็กน้อย
“ง...งั้นรึ...ขอบใจนะ...ที่ช่วยบอกว่า...พลังเวทย์หมดแล้ว”
เรยะใช้มือที่กำลังสั่นล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แล้วหยิบหลอดน้ำยาออกมา แล้วเริ่มดื่มน้ำยาจนหมด
“เดี๋ยวก่อนนะ ไอ้ที่เธอดื่มไปนั้นมันอะไร” มินางิทำห้าประหลาดใจ
“น้ำยาจากหญ้าสึบาเมะไง ต้องขอโทษด้วยนะ แต่ชั้นคงปล่อยเธอไว้ไม่ได้แล้วล่ะ คงได้เวลาเอาจริงซักที” เรยะประกบมือไว้ด้านหน้า
“ตราอาคมแห่งแสง ความร้อนให้กำเนิดทุกสรรพสิ่ง และยังสามารถทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง ด้วยสัญญาแห่งข้า ขอพลังจงรวมเป็นหนึ่งเดียว...” เรยะเริ่มท่องคาถา
“เดี๋ยวก่อนนะ คาถาแบบนั้นมัน รึว่าเธอจะใช้
” มินางิทำหน้าซีด
“ความลับแห่งพระอาทิตย์”
เรยะชูมือขึ้นฟ้า เกิดลูกบอลเพลิงขนาดยักษ์แผ่รังสีความร้อนไปทั่วบริเวณด้วยความเร็วสูง ความร้อนพุ่งทะลุผ่านร่างของมินางิไป พลังการทำลายล้างกินอาณาเขตเป็นวงกว้าง พื้นรอบบริเวณถึงกับแตกสลายเป็นชิ้นๆ และเมื่อลูกบอลเพลิงยักษ์เริ่มหายไป รังสีความร้อนที่แผ่ซ้านออกมาทำลายบริเวณรอบๆ ก็เริ่มจากหายไป เหลือทิ้งไว้แค่กองไฟที่ไหม้พื้นที่เป็นจุดๆ
“โดนท่านี้เข้าไป ไม่มีทางหนีรอดแน่นอน ขอโทษด้วยนะ แต่เธอทำให้ชั้นโกรธขึ้นมานิด...?”
แต่เรยะทำหน้าตกใจแบบสุดๆ เพราะมินางิกำลังร่ายคาถาอะไรบางอย่างอยู่ และในมือขวาก็ชูกล่องเก็บพลังเวทย์ไว้ ประจุไฟฟ้าแรงสูงรวมตัวกันตรงหน้ากล่องเก็บพลังเวทย์ที่มินางิถือไว้
“ไลท์เทนนิ่งมาสเตอออออออออออออออออออออออออออออออออออร์”
ลำแสงคลื่นไฟฟ้าขนาดใหญ่โถมเข้าใส่เรยะแบบไม่มีทางหนี เรยะรับการโจมตีไปเต็มๆ คลื่นไฟฟ้าทำลายสูงพุ่งทะลุผ่านมิติแห่งความมืดจนหายลับตาไป มินางิหยุดปล่อยพลังก่อนจะนั่งลงกับพื้นด้วยความเหนื่อยล้า ส่วนเรยะที่โดนการโจมตีไปเต็มๆ ร่วงลงกับพื้นอย่างเร็ว มินางิรีบพุ่งตัวไปรับเรยะไว้ก่อนจะตกลงมากระแทกกับพื้น
[
“เป็นไงบ้างเรยะ” มินางิแสดงความเป็นห่วง
เรยะค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองนอนอยู่บนตักของมินางิ
“ท...ทำไมกัน ก็เธอโดนท่าไม้ตาย...ของชั้นไปแล้วนี้...ทำไมเธอถึงได้...” เรยะยังช็อกไม่หาย
“ก็เพราะไอ้นี้ไง” มินางิถือยันต์ขาดๆ ให้เรยะดู
“น...นั้นมัน...คือ”
“นี้คือยันต์คุ้มกาย อายะเอาให้ชั้นตอนก่อนจะแยกกัน เธอบอกว่าตัวชั้นบอบช้ำมากเลยให้ติดตัวไว้ป้องกันตัว”
“ง...งั้นเหรอ หมายความว่า...ที่เธอรอดมาได้...เพราะได้เพื่อนช่วยสินะ” เรยะพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“แต่ก็นะ เธอก็ดูเหมือนจะไม่ได้เอาจริงเหมือนกันนี้ ไม่งั้นยันต์แค่นี้คงกันไม่อยู่หรอก” มินางิยิ้มให้เรยะ
“ที่ไม่เอาจริงน่ะ...เธอตะหาก...ไลท์เทนนิ่งมาสเตอร์ของเธอ...จริงๆ มันน่าแรงกว่านี้อีกนะ” เรยะยิ้มตอบ
“ก็แหม ความจริงชั้นดูดพลังที่เก็บไว้ในกล่องเก็บพลังเวทย์มาใช้แค่ครึ่งเดียว ไอ้ที่ปล่อยไปก็คืออีกครึ่งนั้นแหละ ตอนนี้พลังเวทย์ชั้นหมดเกลี้ยงแล้วล่ะ”
“งั้นเหรอ...ดูท่าเธอจะพัฒนาขึ้นมาบ้างนิดหน่อยนะ” เรยะหลับตา
“แฮะๆๆ ไม่เท่าไหร่หรอก ถึงยังไงถ้าเธอเอาจริงชั้นก็สู้เธอไม่ได้อยู่ดี” มินางิเอามือลูบที่สีข้างแก้เขิน
“...”
“เป็นอะไรไปล่ะเรยะ” มินางิเริ่มสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ ของเรยะ
“ข...ขอโทษนะ ที่ทำให้เธอต้องบาดเจ็บ ความจริงชั้นไม่ควรทำอย่างนี้เลย ชั้นขอโทษจริงๆ” เรยะนอนหลับตานิ่ง
“ไม่เอาน่า ชั้นก็ทำให้เธอบาดเจ็บเหมือนกัน ถือว่าหายกันก็แล้วกัน” มินางิลูบบริเวณหน้าผากของเรยะ
“ขอโทษ ชั้นขอโทษ...” เรยะซุกหน้าเข้าไปในตักของมินางิมากขึ้น
“ชั้นบอกว่าไม่เป็นไรไง ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ตอนนี้เราก็เข้าใจกันแล้วนี้ ชั้นไม่ถือหรอก ก็เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ” มินางิสวมกอดเรยะไว้ เรยะตกใจเล็กน้อย
“ทั้งที่ชั้นทำแบบนี้กับเธอ เธอยังยอมเรียกชั้นว่าเพื่อนอีกเหรอ” เรยะยังคงอยู่ในอ้อมกอดของมินางิ
“แน่นอน” มินางิลูบศีรษะของเรยะ
“ขอบใจนะ” เรยะหลับตาลงอีกครั้ง เธอซุกหน้าลงบนตักของมินางิอีกครั้ง
“เอ่อจริงสิ รู้สึกว่าในนี้มันหนาวไปหน่อยนะ ขอกอดเธอไว้อย่างนี้ก็แล้วกัน ตัวเธอยิ่งอุ่นดีอยู่ด้วย” มินางิใช้มือโอบเรยะ
“อืม..”
‘ไม่หรอก ที่อบอุ่นน่ะ ตัวเธอนั้นแหละมินางิ’
[
อีกฟากหนึ่งของมิติแห่งความมืด
“ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า”
รูบีเลียหัวเราะด้วยความสะใจ พร้อมกับสาดกระสุนรูปหอกสีดำขนาดเล็กใส่อายะอย่างไม่ยั้งมือ อายะต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อบินหลบการโจมตีเป็นชุดๆ คมหอกเฉือนเข้ากับชุดของอายะจนปลายกระโปรงฮากามะของอายะเริ่มขาดปลาย อายะปายันต์ตอบโต้ห่ากระสุนที่สาดเข้ามาไม่หยุด แต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้มากนัก
“เป็นอะไรไปเล่า นี้เหรอมิโกะแห่งศาลเจ้าโดเมียวยะ มิโกะรุ่นก่อนยังจะดูเก่งกว่าเธอเลย” รูบีเลียยังคงสาดกระสุนใส่อายะอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“ว่าไงนะ นี้เธอรู้จักกับมิโกะรุ่นก่อนด้วยเหรอ” อายะบินหลบกระสุนที่พุ่งเข้ามา
“จะสนใจไปทำไม เพราะยังไงเธอก็ต้องตายอยู่ดี”
ทั้งสองบินตามกันด้วยความเร็วสูงโดยรูบีเลียยังคงสาดกระสุนใส่แบบไม่ยั้ง อายะหมดความอดทนกับการโจมตีที่แสนจะบ้าคลั่ง จึงพุ่งเข้าใส่ห่ากระสุนอย่างไม่สนใจว่าคมหอกจากกระสุนพุ่งบาดตามเนื้อตัวหรือไม่ อายะพยายามบินเข้าไปประชิดตัวรูบีเลียให้ได้มากที่สุด แล้วเธอก็ฟาดไม้ไล่ผีใส่รูบีเลียตรงๆ
“ฮ้าๆๆๆ ฟาดมาตรงๆ มันจะไปโดนได้ยังไง กระจอกจริงๆ” รูบีเลียหัวเราะเยาะเย้ย
“อย่ามาบ้ากับชั้นนะ” อายะเริ่มมีน้ำโหแบบสุดๆ
“อาคมสลายมาร”
อายะปล่อยลำแสงขนาดเล็กออกจากฝ่ามือ ปะทุเข้าใส่รูบีเลีย รูบีเลียถอยหลังออกมาเล็กน้อยเพื่อหลบ อายะหายตัวอ้อมไปด้านหลังรูบีเลียอย่างเร็ว เธอพุ่งเป้าเตะใส่กลางลำตัวของรูบีเลีย แต่รูบีเลียกลับใช้นิ้วชี้เพียงนิ้วเดียวหยุดการโจมตีไว้
“โอ้ เธออยากสู้กับชั้นแบบระยะประชิดเหรอเนี้ย” รูบีเลียยิ้มอย่างดีใจ
“อะไรกันล่ะนั้น”
รูบีเลียเหวี่ยงหมัดเข้าหน้าของอายะด้วยความเร็ว อายะโดนหมัดของรูบีเลียเข้าอย่างจัง แต่ในขณะที่อายะกำลังสับสน เธอใช้เท้าเตะใส่สีข้างของรูบีเลีย รูบีเลียยกแขนขึ้นมากันไว้ อายะเปลี่ยนขาข้างที่เตะ เตะสลับใส่รูบีเลีย รูบีเลียจึงจับขาของอายะไว้แน่น ก่อนจะลงมือตีเข่าใส่อายะกลางลำตัว จนอายะกระอักเลือด อายะตั้งสติแล้วสะบัดขาที่ถูกรูบีเลียจับไว้ ก่อนจะปล่อยลำแสงปะทุใส่รูบีเลียอีกครั้ง รูบีเลียรีบเอียงคอหลบอย่างฉับพลัน อายะหวดไม้ไล่ผีใส่รูบีเลีย รูบีเลียใช้กำไลที่เธอสวมอยู่ กันการโจมตี อายะรวบรวมพลังสร้างบอลพลังงานไว้ที่ฝ่ามือ
“รวมจิตสลายมาร”
ตูมมมมมมมมมมมมมม
อายะกระแทกบอลพลังงานใส่รูบีเลียอย่างจัง แรงระเบิดกระแทกให้รูบีเลียกระเด็นลงด้านล่าง รูบีเลียกางปีกให้กว้างขึ้น เพื่อหยุดร่างกายไม่ให้กระเด็นออกไปไกล อายะยังไม่ลดละ พุ่งตัวเข้าใส่รูบีเลียก่อนจะอัดลูกบอลพลังที่สร้างขึ้นใหม่ใส่รูบีเลีย
“อย่าได้ใจให้มากนัก”
รูบีเลียแยกร่างหลบ อายะพุ่งทะลุผ่านตัวรูบีเลียไปทันที แล้วรูบีเลียก็มาโผล่ด้านหลังของอายะ เธอจับด้านหลังศีรษะของอายะไว้ ก่อนจะจับพุ่งใส่พื้นด้วยความเร็ว อายะหน้ากระแทกกับพื้นอย่างแรงจนพื้นดินแตกกระจาย อายะหวดไม้ไล่ผีใส่รูบีเลียด้วยสัญชาตญาณ รูบีเลียจึงรีบบินออกห่างจากอายะ
“เป็นไงบ้างล่ะ” รูบีเลียยืนกอดอกกลางอากาศ
“แก...” อายะใช้มือจับบริเวณหน้าผากของตนที่มีเลือดไหลออกมาจากศีรษะ
อายะโกรธจัด จึงขว้างยันต์ทั้งหมดที่ตนมีใส่รูบีเลียอย่างไม่ยั้ง รูบีเลียใช้ความไว้ในการบินหลบการโจมตีของกลุ่มยันต์ที่พุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง และถึงแม้จะหลบไม่พ้น เธอก็ใช้ปีกสีดำขนาดใหญ่ของเธอปัดยันต์ให้เปลี่ยนทิศทาง
“ฮ้า~ว น่าเบื่อชะมัดยาดเลย เธอมีฝีมือแค่นี้เหรอ” รูบีเลียอ้าปากหาว
“ยันต์ระเบิดมาร”
ยันต์ที่อายะขว้างใส่รูบีเลียทั้งหมดเกิดระเบิดขึ้นพร้อมกันทำเอารูบีเลียแทบสะดุ้ง ก่อนจะเริ่มบินหลบสะเก็ดระเบิดจากยันต์ที่ระเบิดมาตามทางที่รูบีเลียบินหลบ
“ฮ้า น่าสนใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้วสิ แต่มันก็เท่านั้น...” รูบีเลียยังคงทำท่าสบายอารมณ์ และบินหลบระเบิดยันต์อย่างคล่องแคล่ว
“เจอนี้หน่อยเป็นไง” อายะหายตัวมาโผล่ด้านหลังของรูบีเลีย ที่ไม่ได้ทันตั้งตัว และกำลังจะหันหลังไปหาต้นเสียง
ผลัก!!
รูบีเลียโดนอายะชกเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง อายะรั่วหมัดเข้าชกรูบีเลียอย่างไม่ยั้งมือ ก่อนจะซัดเต็มแรงเข้าที่ท้องน้อย รูบีเลียเริ่มรู้สึกจุกขึ้นมาจนร่างกายหยุดชะงัก อายะไม่รอช้า กดศีรษะของรูบีเลียแล้วพุ่งลงพื้นด้วยความเร็ว ศีรษะของรูบีเลียกระแทกเข้ากับพื้นจนเกิดรอยแตก ศีรษะของรูบีเลียเริ่มแต่และมีเลือดไหลออกมา อายะยังโจมตีต่อเนื่อง เธอจับศีรษะของรูบีเลียไถไปกับพื้นจนบนพื้นเกิดรอยแตกไปตามทาง อายะโยนรูบีเลียขึ้นฟ้าก่อนจะพุ่งตัวเข้าเตะใส่อย่างเต็มแรง รูบีเลียโดนเตะจนตัวพุ่งไปด้านหลังด้วยความเร็ว อายะพุ่งตัวด้วยความเร็วตามไปซัดต่อ
“!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
รูบีเลียเบิกตากว้างฉายแววอาฆาต และปล่อยรังสีอัมหิตออกมา อายะหยุดพุ่งตัวเข้าใส่รูบีเลีย เพราะร่างกายเกิดหยุดชะงัก ไม่ใช่เพราะความเจ็บตามร่างกาย แต่เป็นเพราะความกลัวที่อยู่ในก้นบึ้งของจิตใจสั่งให้หยุด รูบีเลียสยายปีกเพื่อให้ร่างกายตัวเองหยุด เธอระเบิดพลังเวทย์สีดำภายในร่างกายจนบรรยากาศรอบๆ เกิดการบิดเบี้ยวชั่วขณะ
“ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า...” รูบีเลียระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“...” อายะยังคงอึ้งไม่ขยับตัวไปไหน
“ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า...” รูบีเลียยังคงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“หัวเราะทำซากอะไรของเธอ” อายะเริ่มขยับปากได้แล้ว
“ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า...”
“เฮ้ย พอที”
“ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า...”
“หยุดเดี๋ยวนี้”
“ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ้า...”
ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม...
อายะยิงลูกบอลพลังงานอย่างไม่ยั่งมือ ใส่รูบีเลียที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง อายะโมโหสุดขีด ยิงพลังใส่รูบีเลียอย่างไม่ลืมหูลืมตา แรงระเบิดทำเอาฝุ่นควันเริ่มฟุ้งกระจายไปทั่ว เสียงหัวเราะของรูบีเลียหยุดลงแล้ว อายะจึงหยุดปล่อยพลังออกไป แล้วเริ่มหายใจหอบด้วยความเหนื่อยล้า ควันจะแรงระเบิดเริ่มจางลง ปรากฏเห็นร่างของรูบีเลียใช้แขนซ้ายกางอักขระวงเวทย์สีดำ ออกมาป้องกันการโจมตีของอายะ แล้วรูบีเลียก็เริ่มยิ้มอีกครั้ง
“นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้...อยู่มา 600 กว่าปีพึ่งมีครั้งนี้ครั้งแรกแหละที่มีความรู้สึกอยาก...ฆ่าใครสักคนจริงๆ” รูบีเลียเบิกตากว้าง และฉีกยิ้มได้น่าสะพรึงกลัวมาก
“...” อายะเหงื่อตก
รูบีเลียกางแขนขวาไว้ด้านข้าง กำไลข้อมือของรูบีเลียเริ่มเปลี่ยนเป็นอักขระวงเวทย์ จากนั้น เธอค่อยๆ ดึงอะไรบางอย่างที่อยู่ในอย่างช้าๆ เมื่อมีของรูบีเลียปรากฏออกมาจากในอักขระวงเวทย์ เส้นอักขระวงเวทย์ก็เริ่มรวมตัวกับสิ่งที่รูบีเลียดึงออกมา จนกลายเป็นเคียวสีดำขนาดยักษ์
“ครอสโซล ไซท ไม่ได้ใช้มาซะนาน วันนี้ชั้นจะให้เจ้าได้ลิ้มรสเลือดสดๆ”
“เคียวนั้นมันอะไรกัน ท่าทางน่ากลัวชะมัด” อายะจ้องมองด้วยความรู้สึกผวา
“ตายซร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา”
รูบีเลียพุ่งตัวมาหยุดตรงหน้าอายะแบบไม่ทันตั้งตัว เธอเหวียงเคียวใส่อายะทันที บรรยากาศที่เคียวฟาดผ่านเกิดอาการบิดเบี้ยว อายะรีบถอยหลังหลบอย่างเร็ว แต่ไม่เป็นผล เธอโดนแรงเหวียงของเคียวเฉียวจนเสื้อกลางลำตัวของเธอขาดกระจาย และมีเลือดไหลออกมา
“หลบเก่งดีนี้ ถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้ตัวขาดครึ่งไปแล้ว” รูบีเลียทำท่าจะโจมตีระลอกสอง
“นี้มันอะไรกัน ขนาดหลบพ้นแล้ว ทำไมยังได้แผลอีก” อายะใช้มือกดแผลเลือดออก
“คืนฝันราตรีสลาย”
รูบีเลียพุ่งตัวด้วยความเร็วจนเกิดเป็นร่างเงาลางๆ วิ่งตามตัว แล้วเงาของรูบีเลียก็แยกออกจนกลายเป็นสองร่างพุ่งเข้าใส่อายะด้วยความเร็วสูง อายะโยนยันต์คุ้มกายมาป้องกันไว้รอบตัว รูบีเลียทั้งสองร่างพุ่งเข้าใส่ทั้งทางบนล่างซ้ายขวา จนยันต์คุ้มกายทั้งหมดขาดกระจุยและไม่สามารถป้องกันได้อีก อายะพยายามหลบรูบีเลียที่บินเฉี่ยวไปมาด้วยความเร็วและพยายามตั้งการ์ดเพื่อป้องกันการโจมตีไว้ คมมีดจากเคียวฟันผ่านอายะเฉี่ยวๆ แต่ก็ทำให้อายะเกิดบาดแผลไปทั่วทั้งร่าง การโจมตีสร้างความเสียหายให้กับอายะอย่างหนัก จนเธอคลายการ์ดที่เธอตั้งไว้ รูบีเลียเห็นอายะเริ่มอ่อนแรงจึงใช้ด้ามของเคียวฟาดเข้ากลางหลังของอายะอย่างแรง อายะโดนแรงกระแทกจนร่างกายพุ่งตกลงกระแทกพื้น
“อั๊ก!”
อายะนอนแผ่ลงบนพื้น หายใจหอบ ร่างกายแทบขยับไม่ได้ รูบีเลียฉีกยิ้มมากยิ่งขึ้น เธอรวมพลังสร้างบอลพลังงานสีดำไว้ที่มือทั้งสองข้าง ลูกบอลพลังทั้งสองลูกเริ่มขยายใหญ่ขึ้นและเกิดไฟฟ้าสถิตรอบๆ บริเวณ อายะค่อยๆ ลุกขึ้นอีกครั้งด้วยความยากลำบาก แล้วเธอรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง อายะรีบพุ่งตัวออกห่าง
“จะหนีไปไหน” รูบีเลียบินตาม ก่อนจะ...
“ราตรีรัตติกาลลลลลลลลลลลลลลลลล”
รูบีเลียรวมลูกพลังทั้งสองไว้ด้านหน้าแล้วยิงออกไปเป็นลำแสงสีดำขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่อายะอย่างเร็ว อายะรีบตั้งสติแล้ว แล้วเริ่มโยนยันต์คุ้มกายไปสี่มุมกลายเป็นอาณาเขตสี่เหลี่ยมจัตุรัสรอบๆ ตัว เธอรวบรวมพลังไว้ที่ฝ่ามืออย่างรวดเร็วแล้วกระแทกลูกพลังลงกับพื้น เกิดลำแสงสีขาวพุ่งออกมาจากภายใจอาณาเขตสี่เหลี่ยม คลื่นสำแลงสีดำพุ่งเข้าใส่อาณาเขตคุ้มกันของอายะ เกิดการปะทะขึ้นระหว่างพลังทั้งสอง รูบีเลียยังคงยิงพลังใส่อายะอย่างต่อเนื่อง อายะเพิ่มพลังป้องกันการโจมตีให้มากขึ้น แต่ก็ต้องเสียจังหวะเพราะบาดแผลตามตัวเริ่มเปิดออก เลือดทะลักออกมาตามตัว สติของอายะเริ่มเลือนรางเพราะเสียเลือดมาก
“แกเป็นคู่ต่อสู้ที่แน่มาก ชั้นขอชมจากใจจริง แต่สุดท้ายแกก็ต้องตายอยู่ที่นี้แหละ”
รูบีเลียใช้มือซ้ายยิงพลังต่อ และชูมือขวาเรียกเคียวออกมา มีไอสีดำปกคลุมรอบเคียว แล้วเริ่มเปลี่ยนสภาพกลายเป็นหอกปลายแหลมขนาดใหญ่ รูบีเลียตั้งท่าเตรียมปาหอก
“ตายซะเถอะ”
“เพทเทรท แลนเซอร์”
“เธอตะหากล่ะที่กำลังจะแพ้” อายะยิ้มออกมา
เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!
“กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดด.....”
รูบีเลียโดนคลื่นพลังสายฟ้าที่ลอยมาจากอีกฟากของมิติราตรี พุ่งเข้าใส่เต็มๆ รูบีเลียอาบคลื่นพลังสายฟ้าที่โหมกระหน่ำเข้าไป ทำให้ต้องหยุดพลังที่ปล่อยออกมา อายะเริ่มท่องคาถา หลังจากที่คลื่นพลังสายฟ้าเริ่มจางหายไป ปรากฏให้เห็นรูบีเลียในสภาพเนื้อตัวมีรอยดำไหม้ และมีควันออกมาตามตัว รูบีเลียยังคงสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของอายะ
“รับไปซะ”
“เจ็ดเทพวิญญาณคุ้มครองขจัดมาร”
ลูกไฟเจ็ดสีพุ่งเข้าใส่รูบีเลียที่ไม่ทันได้ตั้งตัวพร้อมกัน
[
“ไม่เป็นไรแล้วนะ” เอดีน่าใช้พลังรักษายัยเปี๊ยกที่นอนตัวชาอยู่กับพื้น
“เธอมารักษาชั้นทำไมเหรอ” ยัยเปี๊ยกทำหน้าสงสัย
“ก็นี่เป็นสิ่งที่ชั้นทำได้ในตอนนี้ อย่าระแวงในความหวังดีของคนอื่นเลย” เอดีน่ายิ้มให้ยัยเปี๊ยกที่ใบหน้าเริ่มแดงเล็กน้อย
“แต่ทำไมชั้นรักษาเด็กที่นอนอยู่บนเตียงนั้นแล้วเขายังไม่ฟื้นอีกล่ะ” เอดีน่ามองไปทางคาเรน
“อ๋อ ไม่ต้องไปสนยัยนั้นหรอก ปกติถ้านอนแล้วใครก็ปลุกไม่ตื่นหรอก” ยัยเปี๊ยกส่ายหน้า
เอดีน่าเดินไปหาเรนริซึ่งนั่งพิงกำแพงคฤหาสน์อยู่กับพื้น
“ขอโทษด้วยนะคะ ที่ชั้นรักษาคุณไม่ได้ เพราะยันต์ที่คุณอายะติดให้มันยังทำงานอยู่” เอดีน่านั่งลงข้างๆ เรนริ
“ช่างมันเถอะ ถึงไงชั้นก็เป็นคนตายอยู่แล้ว ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรมาก แถมยันต์นี้ก็รักษาบาดแผลทั่วตัวชั้นไปแล้ว ถึงมันจะทำให้ชั้นขยับไม่ได้ก็ตามที” เรนริพูดด้วยเสียงไร้อารมณ์ “แต่ว่า ถ้าชั้นขยับตัวได้ ชั้นจัดการพวกเธอแน่”
“แหะๆๆ” เอดีน่าหัวเราะเสียงแหบ
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
เกิดระเบิดขึ้นที่บริเวณด้านหน้าของคฤหาสน์ หลังจากควันที่เกิดจากระเบิดก็จางลง ก็ปรากฏให้เห็นรอยแตกขึ้นบนท้องฟ้า
“นั้นมันอะไรกัน” เรนริทำหน้าประหลาดใจ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอค่ะ” ยัยเปี๊ยกรีบวิ่งเข้ามาหา
“จ้ากกกกกกกกกกกกกก”
มินางิและเรยะหล่นลงมาจากรอยแตกของมิติ ลงมาทับยัยเปี๊ยกจนหมดสติไป
“มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี้ย” มินางิใช้มือลูบบั้นท้ายของตน
“มิติราตรีถูกทำลายนะสิ” เรยะตอบพลางลูบสีข้างของตน
“อายะกับรูบีเลียสู้กันอยู่นี้ สงสัยคงจบแล้วมั้ง” มินางิมองไปที่รอยแตกของมิติ
“ท่านเรยะคะ เป็นยังไงมั้ง แล้วท่านรูบีเลียล่ะคะ” เอดีน่าพยุงเรนริให้เข้าไปหา
“อ้าว เรนริเองเหรอ ขอโทษด้วยนะ ชั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” เรยะหันไปตอบ
จากนั้นอายะ และเด็กสาวในชุดขาวคนหนึ่งก็หล่นลงมาจากรอยแตกของมิติ ตกลงมากลางกลุ่มคนทั้งหมดพอดี จนเกิดฝุ่นตลบไปทั่ว ตอนนี้ รอยแตกของมิติเริ่มปิดตัวลงแล้ว
“โอ้ย เจ็บชะมัด นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี้ย” อายะจับที่สีข้างของตน
“นี้ พวกเธอรีบลุกขึ้นเร็วๆ เข้าสิ หนักนะ” มินางิโดนอายะนั่งทับ
“อ้าว ขอโทษที” อายะรีบลุกทันที
“คุณอายะ คุณบาดเจ็บนี้” เอดีน่าทำหน้าตกใจเมื่อเห็นอายะเลือดไหลเต็มตัว
“จะว่าไป ก็เริ่มรู้สึกมึนหัวขึ้นมาเล็กน้อยแล้วสิ” อายะเริ่มเซ
เอดีน่ารีบเข้าไปรักษาอายะทันที เธอเรียกดอกไม้ออกมาจากดิน แล้วปักเข้าไปที่แขนของอายะ ดอกไม้เริ่มดูดพลังจากดินมารักษาตัวให้อายะ บาดแผลของอายะเริ่มค่อยหายดีขึ้น
“แล้วคุณหนูล่ะ” เรนริร้อนลนรีบถามอายะ
“เออ
ชั้นก็ไม่แน่ใจนักหรอกนะ ว่าแต่เด็กชุดขาวนี้เป็นใคร”
อายะพึ่งสังเกตเห็นเด็กสาวตัวเล็กในชุดกระโปรงบานสีขาวบริสุทธิ์ ตัวเธอค่อนข้างเล็กมาก ใบหน้าของเธอดูอ่อนเยาว์ นัยน์ตาสีแดงกล่ำ ผมสีฟ้าอ่อนพลิ้วไหว และคาดผมด้วยผ้าคาดผมลายลูกไม้ เธอมีปีกค้างคาวสีดำไม่ใหญ่มากอยู่กลางหลัง และดูเหมือนเธอกำลังจะร้องไห้
“แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง” เด็กสาวคนนั้นร้องไห้ออกมา
“น
นี้เธอ เป็นอะไรไปน่ะ” อายะทำหน้าตื่น
“คุณหนูรูบีเลีย เป็นอะไรไปค่ะ” เรนริรีบเข้าไปหา ถึงแม้จะขยับร่างกายได้ลำบากก็ตามที
“ห...หา” อายะตกใจ
“เรนริ
” รูบีเลียตัวเล็กรีบวิ่งเข้าไปกอดเรนริ แล้วซบหน้าลงหน้าอกของสาวใช้ ก่อนจะเริ่มสะอื้นออกมา
“ใจเย็นๆ ค่ะ คุณหนู” เรนริเริ่มทำหน้าประหม่า และเริ่มสับสน
“แง แง แง แง แง แง แง
” รูบีเลียยังคงร้องไห้ในอ้อมกอดของเรนริต่อ สาวใช้เริ่มหน้าขึ้นสีจากการกระทำของผู้เป็นนาย
“นี้
ใจเย็นๆ ก่อนสิเธอ หยุดร้องได้แล้ว” เรยะรีบเข้าไปปลอบ
“ซิกๆๆๆ เรย้า” รูบีเลียร้องไห้ขี้มูกโป่ง
“นี้รูบีเลียเหรอ” อายะทำหน้าตกใจสุดๆ
“ก็ใช่นะสิ นี้เธอไม่รู้เลยเหรอ” มินางิทำหน้าตาย
“คงจะรู้หรอกนะ เธอเคยบอกชั้นซะที่ไหนเล่า” อายะทำหัวเสีย
“งั้นจะอธิบายให้ฟัง ที่เธอเห็นอยู่นี้คือร่างจริงของรูบีเลีย ส่วนที่เธอเคยเห็นคือร่างแปลง เธอจะไม่สามารถแปลงร่างได้ถ้าเธอโดนแสงอาทิตย์ ดังนั้นเธอเลยอย่างทำให้พระอาทิตย์ไม่ส่องแสงใน เรียวจินโซ ยังไงล่ะ” เรยะอธิบาย
“หา
” อายะตะลึง
รูบีเลียหยุดร้องแล้วหันมาจ้องมองอายะเขม็ง แล้วทำหน้างอน ขมวดคิ้วแก้มป่อง และยังกอดเรนริอยู่
“เธอใจร้ายมาก รู้ว่ายัยปลาไหลไฟฟ้ายิง ไลท์เทนนิ่งมาสเตอร์ มาแล้วยังหลอกให้ชั้นไปโดนอีก” รูบีเลียทำหน้าค้อนใส่อายะ
“อ้าว ถ้าไม่ทำอย่างงั้น ชั้นก็โดนเธอฆ่าตายน่ะสิ” อายะแย้ง
“หนวกหู หนวกหู หนวกหู หนวกหู หนวกหู
” รูบีเลียเริ่มงอแง
“ทำไมยัยนี้ตอนเด็กกับตอนโตมันถึงได้ต่างกันขนาดนี้ล่ะเนี้ย” อายะเหงื่อตก
“อย่างมาว่าคุณหนูนะคะ เพราะถ้าเธออยู่ในสภาพนี้ แม้แต่จิตใจของเธอก็จะกลายเป็นเด็กไปด้วย” เรนริลูบหัวรูบีเลีย
“ว่าแต่ ทำไมยัยหนูนี้ถึงได้อยู่ในสภาพนี้ล่ะ พระอาทิตย์ยังไม่ส่องแสงไม่ใช่เหรอ” มินางิถาม ทำเอาคนอื่นๆ ทำหน้าประหลาดใจเหมือนกัน
“เออ..ก็แหม หลังจากที่ยัยนี้โดนท่า ไลท์เทนนิ่งมาสเตอร์ ของมินางิไป ชั้นก็เลยใช้พลังผนึกเวทย์ของยัยนี้จนไม่สามารถปล่อยพลังได้ซักพัก ก็เลยคืนร่างเดิมล่ะมั้ง” อายะลูบสีข้างของตน
“ยัยบ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า บ้า
ทำให้ชั้นเป็นเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้นะ” รูบีเลียเข้าไปทุบอกของอายะอย่างงอแง
“ง่า
” อายะยืนอึ้งกับการกระทำของรูบีเลีย
“ว่าแต่ พวกเธอก็แพ้แล้วสินะ รีบทำให้ท้องฟ้าสว่างซักทีสิ อยู่มืดๆ มาทั้งวันแล้วนะ” มินางิพูดแทรกขึ้นมา
“
เข้าใจแล้ว จะรีบทำให้ท้องฟ้าสว่างเดี๋ยวนี้แหละ
ดูท่าก้อนเมฆที่รูบีเลียสร้างขึ้นมาบังท้องฟ้าเริ่มคลายตัวเพราะผลจากที่พลังเธอโดนสะกด งั้นชั้นจะทำให้พระอาทิตย์ส่องเดี๋ยวนี้แหละ”
เรยะชูมือขึ้นฟ้าแล้วเริ่มร่ายเวทย์ มีวงเวทย์ปรากฏขึ้นใต้เท้า รอบตัวเรยะเริ่มส่องแสงสว่าง เหล่าใบไม้ใบหญ้าที่อยู่บนพื้นลอยขึ้นหมุนรอบตัวเรยะ ท้องฟ้าเริ่มบิดตัวเป็นวงกว้าง แล้วเริ่มสลายตัว ท้องฟ้าเปิดออก อายะ มินางิ และเอดีน่ามองท้องฟ้าที่กำลังจะเปิดอย่างลุ้นระทึก เมื่อเรยะร่ายเวทย์เสร็จ วงเวทย์ก็เริ่มสลายตัวและกระจายไปรอบๆ
“เสร็จแล้วล่ะ” เรยะร่อนลงกับพื้น
“นี้มันอะไรกัน ฟ้ายังมืดอยู่เลย อย่ามาล้อเล่นนะ” อายะและมินางิบ่นพร้อมก้น
“เอ๊ะ
อะไรกัน ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี้ ทำไมท้องฟ้ายังไม่สว่างอีก” เรยะเกาหัว
“ท้องฟ้าจะไม่สว่างอีกแล้วเหรอค่ะ” เอดีน่าน้ำตาคลอ
ทั้งสามคนเข้าไปออรอบๆ ตัวเรยะ ที่กำลังสับสน
“นี้ พวกเธอ เลิกเกาะแกะเรยะซะที ตอนนี้เวลาหนึ่งทุ่มกว่าแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฟ้าจะมืดอยู่นี้” รูบีเลียพูดแทรกเข้ามา
“อ้าว
เหรอ” อายะ มินางิ เอดีน่าพูดพร้อมกัน
“เอาเถอะ เพื่อเป็นการขอโทษ คืนนี้ชั้นจะเลี้ยงอาหารพวกเธอก็แล้วกัน พวกเธอคงจะเริ่มหิวแล้วใช่ไหม” รูบีเลียยืนกอดอก
“จริงเหรอ เอาสิเอาสิ นี้อายะ เอดีน่า เรารีบไปกันเถอะ” มินางิรีบวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์ของรูบีเลียทันที
“นี้ อย่ารีบร้อนนักสิ” เรยะบินตามมินางิไป
“เออ
ขอโทษนะคะคุณหนู คือดิฉันยังขยับตัวไม่ค่อยได้ คงจะทำอาหารให้ไม่ได้หรอกค่ะ” เรนริเหงื่อตก
“อ้าว งั้นจะทำยังไงดีล่ะ” รูบีเลียเหงื่อตกตาม
“งั้นก็ให้คุณอายะทำให้สิค่ะ คุณอายะทำอาหารอร่อยมากเลยนะ” เอดีน่าเสนอ
“อ้าว
ไหงงั้นล่ะ” อายะเหงื่อตกอีกคน
“งั้นเหรอ งั้นดีเลย ช่วยหน่อยนะ” รูบีเลียเริ่มมีทีท่าตื่นเต้นเล็กน้อย
“ขอความกรุณาด้วยนะคะ” เรนริขอร้องอายะด้วยเสียงไร้อารมณ์
“เดี๋ยวก่อนซิ
”
[
อีกด้านหนึ่งของเรียวจินโซ ณ ตำหนักพันปี เจ้าของคฤหาสน์พันปี ฮิรากุ ฮิโยริ นั่งจ้องผ่านลูกแก้ว แล้วยิ้มอย่างสบายอารมณ์ก่อนจะเสกลูกแก้วให้หายไป
“ช่างเป็นการต่อสู้ที่สนุกจริงๆ แม่มิโกะสาวคนนี้ยังคงน่าสนใจไม่เปลี่ยน” ฮิโยริยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้อง
“นี้ ริน ข้าวเย็นเสร็จรึยัง ชั้นหิวแล้วน้า” ฮิโยริตะโกนเรียกริน
“อ้าว ท่านฮิโยริ นี้ยังไม่เช้าไม่ใช่เหรอค่ะ” รินทำหน้าสงสัย
“พูดอะไรของเธอ นี้ทุ่มกว่าแล้วนะ ชั้นหิวสุดๆ เลย ข้าวเช้ากับข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้กิน”
“อ๊ะ...ขอโทษค่ะ จะรีบเตรียมเดี๋ยวนี้” รินรีบร้อนไปที่ครัวทันที ส่วนฮิโยริหัวเราะอย่างชอบใจ
[
ทางด้านหมู่บ้านข้างป่าลวงตา ณ บ้านของอลิส ภายในห้องนอน อลิสรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาโดยไม่สนใจอะไร ก่อนจะมองออกไปนอนหน้าต่าง
“นี้ยังไม่เช้าอีกเหรอเนี้ย”
แล้วอลิสก็ล้มลงนอนต่ออย่างไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
[
ความคิดเห็น