คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ราตรีและตะวัน
ภายในคฤหาสน์ราตรีอันมืดมิด ภายในตัวคฤหาสน์มีบริเวณกว้างมาก มีประตูห้องรายล้อมมากมาย และเส้นทางภายในคฤหาสน์ก็ล้วนสลับซับซ้อน
อายะและมินางิบินผ่านตามทางต่างๆ แต่ก็มีอุปสรรคต่างๆ เข้ามาหาอย่างไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นฝูงอสูรเกรมลิน ปีศาจกากอยชั้นต่ำนับร้อย กองทัพค้างคาวดูดเลือดจำนวนมาก
อายะสาดยันต์จำนวนมากเป็นวงกว้าง เพื่อทำลายปีศาจที่ค่อยตามมาขัดขวาง มินางิขี่ไม้กวาดพุ่งเข้าชนเหล่าอสูรกายแบบไม่มีความปรานีพร้อมใช้หมัดชกใส่แบบไม่เกรงกลัว
“นี้ มินางิ ยังไม่ถึงอีกรึไง ชั้นรำคาญไอ้พวกนี้เต็มทนแล้วนะ” อายะหยุดสาดยันต์แล้วหันไปถามมินางิ
“ไม่รู้สิ คฤหาสน์นี้มันกว้างนะ ถึงชั้นเคยมาหลายครั้งเลยพอจำทางได้ แต่ก็ไม่มั่นใจนักหรอกนะ เพราะคฤหาสน์นี้มันมีอะไรแปลกๆ บ่อย” มินางิชะลอความเร็ว
“อ้าว นี้ถ้าเกิดเราหลงทางจะทำยังไง” อายะปาเข็มใส่ค้างคาวตัวใหญ่ที่พุ่งเข้ามาตรงหน้า
“ปกติยัยรูบีเลียมักจะชอบอยู่ในห้องนั่งเล่น ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของคฤหาสน์ ถ้าเราบินไปตามทางที่ตรงไปยังทิศตะวันตก เดี๋ยวก็เจอเองแหละ” มินางิปัดไม้กวาดใส่ปีศาจขนปุย
“อย่างนี้เธอก็ไม่รู้จักทางจริงๆ นะสิ” อายะทำเสียงตื่นเล็กน้อย
“เอาเถอะน่า บินฝ่าไปแบบนี้แหละ รู้สึกว่าพวกอสูรรับใช้พวกนี้เริ่มมากขึ้นแล้ว คงไม่ผิดทางหรอก” มินางิทำเสียงมั่น
อายะและมินางิยังคงบินไปตามปกติต่อ ฝูงอสูรเริ่มแห่กันเข้ามาหาพวกอายะมากขึ้น อายะเปลี่ยนการโจมตีของเธอโดยใช้ไม้ไล่ผีฟาดใส่พวกอสูรแทนเพราะตั้งใจจะเก็บยันต์ที่พกมาให้มากที่สุด ส่วนมินางิก็ยังคงพุ่งไม้กวาดเข้าใส่แถมยังตีลังกาฟาดฝูงอสูรด้วยไม้กวาดที่ตนเองขี่อยู่
“ชั้นสงสัยตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ทำไมเธอไม่ใช้เวทย์ล่ะ” อายะถาม
“ชั้นใช้พลังเวทย์ในตัวหมดไปแล้วเพราะใช้ยิงไลท์เทนนิ่งมาสเตอร์ตอนต่อสู้กับเรนริ ตอนนี้เอาพลังจากกล่องเก็บเวทย์สำรองมาใช้ เลยต้องถนอมพลังเอาไว้ใช้สู้กับรูบีเรีย” มินางิตอบ
“นี้ ชั้นว่าไอ้ท่าไม้ตายสุดเวอร์ของเธอมันผลาญพลังมากโขเลยนะ ไอ้ตอนโดนจังๆ คงตายไปหลายรอบได้เลย แต่ถ้าไม่โดนมันก็เปลืองพลังโดยใช่เหตุ ทำไมเธอไม่หาท่าไม้ตายอื่นๆ มาใช้แทนล่ะ” อายะทำหน้าสงสัย ก่อนจะใช้ไม้ไล่ผีปัดลูกไฟที่ค้างคาวสีแดงพ่นออกมา
“ก็อาจารย์ชั้นสอนไว้ว่า นักเวทย์มีหน้าที่ปิดฉากในยามรบ ดังนั้นจงปล่อยพลังออกไปให้ถึงที่สุด” มินางิรั่วหมัดใส่ฝูงอีกาที่บินเข้ามา
“ง่า...ชักอยากเห็นหน้าอาจารย์เธอซะแล้วสิ”
“...ท่านเสียไปแล้วล่ะ” มินางิลดหมวกลง
“เออ...ชั้นขอโทษด้วย...ถ้าเกิดชั้นพูดอะไรที่มันไม่ดี” อายะทำท่ากระวนกระวาย
“ไม่หรอก ไว้ชั้นจะเล่าเรื่องอาจารย์ของชั้นให้เธอฟังก็แล้วกัน ก็เธอเป็นเพื่อนของชั้นนี้” มินางิดันปีกของหมวกให้เห็นใบหน้าที่ยิ้มสู้ของมินางิ ทำเอาอายะใจเต้นไปพักนึง
“ไว้ชั้นจะค่อยฟังนะ” อายะยิ้มตอบ
มีลูกไฟพุ่งมาตรงหน้าของทั้งสองคน แล้วลูกไฟนั้นก็เกิดระเบิดขึ้น มีแสงเจิดจ้าส่องไปทั่วรอบๆ บริเวณ อายะและมินางิต้องเอามือปิดตาจากแสงสว่างของลูกไฟ
“ใครกัน” อายะตะโกน
ตรงหน้าของอายะและมินางิ ปรากฏเงาของคนค่อยๆ ลอยเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ มินางิจ้องมองเจ้าของเงานั้น ก็เริ่มคุ้นตามากขึ้น
“เรยะ นั้นเธอใช่ไหม” มินางิตะโกนถาม
“สวัสดี มินางิ ชั้นสงสัยจังว่าเธอมาทำอะไรที่นี้” เรยะปรากฏตัว บริเวณรอบๆ เริ่มสว่างขึ้น
“ไม่น่าถาม ตอนนี้เช้าแล้วแต่ข้างนอกท้องฟ้ามืด มองไม่เห็นพระอาทิตย์ แล้วคนที่ทำแบบนั้นได้ถ้าไม่ใช่เธอหรือรูบีเลียแล้วจะเป็นใคร” มินางิยืนเท้าเอว
“...ถูกต้องแล้ว ชั้นเป็นคนทำให้แสงอาทิตย์ไม่ส่องสว่างเอง” เรยะตอบเสียงไร้อารมณ์
“งั้นก็ทำให้เป็นเหมือนเดิมสิ เธอจะทำให้ เรียวจินโซ มืดไปทำไม” มินางิถาม
“ชั้นทำให้พระอาทิตย์ไม่ส่องแสงใน เรียวจินโซ จริง แต่ไม่ได้ทำให้มันมืดซักหน่อย” เรยะแบมือทั้งสองไปด้านข้าง
“แล้วสรุป ใครทำกันแน่” มินางิถามต่อ
“รูบี้ เป็นคนทำให้ท้องฟ้ามืด แล้วสั่งให้ชั้นทำให้พระอาทิตย์ไม่ส่องแสง แต่ก็ไม่เห็นจะไปเดือดร้อนใครนี้ ใน เรียวจินโซ มีแต่ปีศาจกับวิญญาณอาศัยอยู่ แค่ฟ้ามืด มันคงไม่ทำให้ใครตายหรอก เผลอๆ จะชอบเอาด้วยซ้ำ” เรยะมองไปนอกหน้าต่าง
“ไม่เดือดร้อนใครที่ไหน เธอรู้ไหมว่าถ้าไม่มีแสงอาทิตย์ ต้นไม้ใน เรียวจินโซ ทั้งหมดก็จะขาดแสงอาทิตย์ และตายไปในที่สุด” อายะพูดขึ้นมา
“เธอเป็นใคร” เรยะหันไปมองอายะ แบบเหมือนพึ่งจะมองเห็น
“ก่อนจะถามชื่อใคร ก็แนะนำชื่อตัวเองซะก่อนสิ” อายะกอดอก
“...งั้นก็ได้ ชั้นมีชื่อว่า โฮคุโตะ เรยะ เป็นปีศาจแห่งพระอาทิตย์” เรยะแนะนำตัว
“ชั้น โดเมียวยะ อายะ ส่วนเธอ เป็นถึงปีศาจแห่งพระอาทิตย์ แต่ทำไมถึงได้ทำให้พระอาทิตย์ไม่ส่องแสงกัน”
“ก็เจ้าของที่นี้เขาสั่งให้ชั้นทำ ชั้นอาศัยที่นี้ทำงานและค้นคว้าข้อมูลต่างๆ เลยต้องตอบแทนบ้าง” เรยะตอบแบบไร้อารมณ์
“แล้วมันสมควรเหรอ ที่ทำแบบนี้” อายะเริ่มทำเสียงดัง
“ไม่เกี่ยวกับสมควรไม่สมควร ถ้าเจ้าของที่นี้สั่ง ชั้นก็ยินดีทำตาม”
“ว่าไงนะ” อายะกัดฟันกรอด
“เอ่อ...ขอเวลาชั้นแป๊บนึงได้ไหม” มินางิพูดแทรกขึ้นมา
“มีอะไรเหรอมินางิ” เรยะถาม
“นี้ เรยะ จะเป็นไปไม่ได้เลยเหรอที่จะทำให้ท้องฟ้ากลับมาสว่างอีกครั้ง” มินางิทำเสียงเกลี้ยกล่อม
“มินางิ เธอก็รู้นี้ว่า รูบี้ เป็นคนยังไง เธอเกลียดแสงอาทิตย์ และถ้าคิดจะเข้าไปขัด ชั้นก็ไม่ขอแนะนำหรอกนะ” เรยะพูดเสียงไร้อารมณ์
“เรื่องนั้นไม่ลองจะไปรู้ได้ยังไง ถ้ามันยุ่งยากนั้น ก็ คันโซกุ กันซะก็สิ่งเรื่อง” อายะพูดแทรกทำเอาเรยะหันมามองและหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“คันโซกุ กับรูบี้เหรอ อย่ามาพูดอะไรให้ขำเลยดีกว่า มินางิ ชั้นว่าเธอพายัยขาวแดงนี้กลับไปซะจะดีกว่า ตอนนี้รูบี้กำลังมีอารมณ์อยากฆ่าคนอยู่ด้วย หวังว่าเธอคงฉลาดพอนะ” เรยะทำเสียงเป็นห่วงมินางิ
มินางิหน้าซีดเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของเรยะ แล้วเข้าไปดึงเสื้อของอายะ
“มีอะไร” อายะถาม
“นี้ อายะ ชั้นว่าทำตามที่เรยะแนะนำเหอะ ขอบอกไว้ก่อนนะว่าเจ้าของคฤหาสน์ รูบีเลีย น่ะ ร้ายกาจกว่า เรนริ เป็นพันเท่าเลยนะ”
“นี้ มินางิ ชั้นไม่เคยคิดว่าเธอจะเป็นคนขี้ขลาดขนาดนี้เลยนะ ชั้นไม่สนหรอกว่า ยัยรูบีเลียอะไรนั้นจะเก่งกาจซักแค่ไหน แต่เธอคิดถึงหัวอกของเอดีน่าบางไหม เธอใช้พลังทั้งหมดรักษาพวกเราทั้งสองให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด และสาเหตุที่เธอต้องทำอย่างนั้นเพราะต้องการรักษาสิ่งที่สำคัญที่สุดของเธอ แล้วพวกเราจะปล่อยไว้แบบนี้แล้วหนีกลับรึไงกัน” อายะต่อว่ามินางิ
“ต...แต่ว่า อายะ...”
“ขอโทษน่ะที่ขัดจังหวะ” เรยะพูดแทรกขึ้นมา “ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าใครจะทำอะไร แต่ชั้นเตือนไว้แล้วนะว่าให้กลับไปซะ ถ้าพูดกันดีๆ ไม่ฟัง คงต้องใช้กำลังกันซะแล้ว...”
ไม่ทันพูดจบ เรยะสร้างลูกบอลไฟที่มีความร้อนสูงรอบๆ ตัว และเธอจะทำท่าปล่อยลูกไฟใส่พวกอายะ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ เรยะ” มีเสียงใครบ้างคนก้องอยู่รอบๆ
“เสียงนี้มัน!” มินางิทำท่าตกใจ
“รูบี้เหรอ มีอะไร” เรยะแหงนหน้ามอง
“ชั้นเคยบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่า ห้ามใช้พลังของเธอในคฤหาสน์ของชั้น คิดจะเผาคฤหาสน์ของชั้นรึไง” เสียงรูบีเลียก้องไปทั่ว
“ขอโทษที ชั้นลืมตัว” แล้วลูกไฟรอบๆ ตัวเรยะก็หายไป
“ต้องขอประทานโทษด้วยที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับ ดิฉัน สเตร่า ไนท์ รูบีเลีย เป็นเจ้าของคฤหาสน์ ขอเชิญแขกทั้งสองมาที่ห้องนั่งเล่นได้ตามสบาย เรยะ ช่วยนำทางให้ทีสิ” เรยะทำหน้าไม่สบอารมณ์
“ก็ได้ๆ” เรยะถอนหายใจ
“ได้ยินที่เจ้าของคฤหาสน์พูดไหม ดูท่าเธอจะไม่มีโอกาสได้หนีแล้วล่ะ ยังไงก็ตามชั้นมาก็แล้วกัน” แล้วเรยะก็ลอยตัวไปอย่างช้าๆ
“เฮ้...เดี๋ยวก่อนสิ ยังไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” อายะร้องถาม
“ช่างเถอะ อายะ เรารีบตามเรยะไปดีกว่า ถึงยังไงตอนนี้ก็เลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะ” มินางิถอนหายใจ
“หมายความว่ายังไง เลี่ยงไม่ได้” อายะถาม
“ถ้ารูบีเลียเชิญใครให้เข้ามาในคฤหาสน์ล่ะก็ คนๆ นั้นก็จะไม่สามารถออกไปจากที่แห่งนี้ได้”
อายะและมินางิจึงต้องบินตามเรยะเพื่อไปหารูบีเลียจนมาถึงหน้าประตูห้องนั่งเล่น เรยะผลักประตูให้เปิดออก อายะเดินเข้ามาภายในห้องก็ต้องตกตะลึงกับสภาพภายในห้อง ซึ่งเป็นห้องโถงขนาดใหญ่และกว้างขวาง มีหน้าต่างบานใหญ่รายล้อม ประดับไว้ด้วยผ้าม่านสีแดงสด ภายในห้องมืดมิด แต่ส่องสว่างด้วยแสงไฟจากเตาผิงที่ตั้งอยู่ริมห้อง ภายในห้องมีเก้าอี้และโซฟาเป็นจำนวนมากพอที่จะจุคนได้เป็นสิบ รวมไปถึงชั้นหนังสือและอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ที่ดูเหมือนจะเอาไว้ใช้ในการเล่นเกมกระดาน ทั้งหมากรุก โอเทโล่ โต๊ะเล่นไพ่ และอีกสารพัด เหมาะกับคำว่าห้องนั่งเล่นจริงๆ
“ยินดีต้อนรับจ้า แขกทั้งสอง”
เสียงของรูบีเลียลอยมาจากมุมบนของห้อง อายะและมินางิหันไปมองต้นเสียง ก็พบหญิงสาวรูปร่างค่อนข้างสูง ในชุดเสื้อกักสีดำคลุมทับเสื้อเชิ้ตสีขาวกระโปรงสีดำยาว ในหน้าของเธองดงามหมดจด ผมสีฟ้าอ่อนที่ดูอ่อนนุ่มสะบัดและมีปีกค้างคาวเล็กๆ ประดับอยู่บนศีรษะ มีปีกค้างคาวสีดำขนาดใหญ่กลางหลัง รูบีเลียนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ที่ดูเหมือนบัลลังก์ที่อยู่บนชั้นลอยของห้องนั่งเล่น เธอใช้มือซ้ายเท้าคาง มือขวายกถ้วยชาอยู่ในมือขึ้นมาจิบ แล้วส่งสายตามองไปยังอายะและมินางิอย่างประเมิน
“ว่าแล้ว...เธอเป็นใครรึ” รูบีเลียจ้องมองไปที่อายะ
“เอ่อ...คือว่า ชั้นชื่อ โดเมียวยะ อายะ เป็นมิโกะคนใหม่ของศาลเจ้าโดเมียวยะ” อายะตอบ
“ศาลเจ้าโดเมียวยะ...อ๋อ ศาลเจ้ากลาง เรียวจินโซ นั้นเอง ก็ว่าได้ยินข่าวลือว่ามีมิโกะสาวฝีมือดีพึ่งมาใหม่ ดูเหมือนจะเป็นเธอสินะ แล้วมีธุระอะไรล่ะ ถึงได้มาถึงที่นี้” ตาของรูบีเลียฉายแวว
“ชั้นมาขอเจรจา ให้เธอทำให้ตอนเช้าของ เรียวจินโซ กลับมาสว่างเหมือนเดิมจะได้ไหม มืดแบบนี้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น”
“แหมๆ คงจะไม่ได้หรอก ชั้นก็มีเหตุผลของชั้นที่จะทำให้ เรียวจินโซ แห่งนี้มืดมิดนะ” รูบีเลียใช้นิ้วเล่นผมของตน
“เหตุผลอะไรของเธอ...” อายะถาม
“ก็แสงอาทิตย์มันแสบตา แถมยังทำให้พลังชั้นหดหายอีก ดังนั้นก็เลยทำให้มันมืดแบบนี้ซะ จะได้ไม่มีปัญหาอีก” รูบีเลียทำท่าใช้มือกุมขมับ
“ว่าไงนะ เหตุผลแค่นี้เองเหรอ มันจะมากไปแล้วนะ ทำให้กลับเป็นเหมือนเดิมซะ” อายะเริ่มฉุน รูบีเลียเหลือบตาไปทางอายะ
“ไม่เห็นจำเป็นต้องทำตามเลย แต่ถ้าอยากให้ทำตามล่ะก็ เธอน่าจะรู้กติกาดีนะ” รูบีเลียหรี่ตาลง
“มาคันโซกุกัน ถ้าเธอแพ้ ก็ทำให้ เรียวจินโซ กลับเป็นเหมือนเดิมซะ” อายะพูดเสียงดัง
“แต่ถ้าเธอแพ้ล่ะก็ ต้องมาเป็นอาหารของชั้น” รูบีเลียเกรงมือจนเล็บแหลมงอกออกมาจากปลายนิ้ว
รูบีเลียกางปีกค้างคาวสีดำของเธอ แล้วลอยตัวขึ้น ที่ฝ่ามือทั้งสองข้างมีลูกพลังสีดำลอยออกมา ลูกพลังสีดำแตกตัวออก บริเวณรอบๆ ห้องนั่งเล่นเปลี่ยนเป็นพื้นที่ว่างสีดำสนิท มินางิทำท่าตกใจแล้วหันไปมองรอบๆ อย่างตื่นกลัว
“อย่ากลัวไปเลยมินางิ ชั้นจะพยายามจบการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุด” เรยะลอยตัวไปข้างๆ รูบีเลีย
“นั้นเธอคิดจะทำอะไรกันน่ะ” อายะถามเมื่อเห็นเรยะลอยไปอยู่ข้างรูบีเลีย
“ก็จะอะไรซะอีก เราจะสู้กันแบบคู่ยังไงล่ะ ระหว่างชั้น รูบี้ กับ เธอและมินางิ” เรยะตอบ
“น่าสนุกใช่ไหมล่า” รูบีเลียยิ้มเยาะ
ไม่ทันไร บริเวณรอบตัวเรยะและรูบีเลียก็ปรากฏลูกไฟสีแดง และลูกพลังสีดำ จำนวนมาก ลูกพลังนับร้อยพุ่งตรงเข้าใส่อายะและมินางิด้วยความเร็ว อายะดันตัวมินางิให้กระเด็นออกจากวิถีของลูกพลัง และพุ่งตัวหลบลูกพลังนับร้อยได้อย่างฉิวเฉียด
“อย่ามั่วแต่เหม่อซิ เดี๋ยวก็โดนฆ่าตายหรอก” อายะตะโกนใส่มินางิ
“ขอโทษที ชั้นยังงงๆ อยู่น่ะ” มินางิดึงไม้กวาดออกมาขี่
รูบีเลียและเรยะ ยังคงปล่อยลูกพลังจำนวนมากใส่อย่างไม่หยั่ง อายะบินหลบลูกพลังและหาช่องว่างเข้าไปประชิดตัวรูบีเลียและเรยะให้ได้ อายะปายันต์นับสิบผ่านช่องว่างของลูกพลัง ยันต์พุ่งถึงตัวรูบีเลียและเรยะ แต่ไร้ผล แค่รูบีเลียหมุนตัวและสะบัดปีก ยันต์ของอายะก็เปลี่ยนทิศทางไปทันที รูบีเลียปล่อยหอกสีดำขนาดเล็กพุ่งตรงไปที่อายะด้วยความเร็ว อายะใช้ไม้ไล่ผีปัดหอกที่พุ่งเข้าใส่ แต่ไม่เป็นผล หอกนั้นพุ่งทะลุไม้ไล่ผีเข้ามาเสียบผ่านร่างของอายะเข้าอย่างจัง เลือดจากแผลที่โดนคมหอกพุ่งเป็นสาย อายะร่วงลงพื้น
“อายะ!!!” มินางิตะโกนเสียงดัง “แก...”
“อาภรสายฟ้า เอ็กเทนไลท์ติ้ง”
ประจุไฟฟ้าเป็นสายพุ่งออกไปจากปลายนิ้วของมินางิ จนกลายเป็นกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่รูบีเลีย แต่รูบีเลียไม่มีทีท่าว่าจะหลบการโจมตี แถมยังยิ้มเยาะให้ เรยะลอยมาอยู่ตรงหน้ารูยีเลีย แล้วยื่นมือทั้งสองไว้ตรงหน้า
“เฟรมเฮซ”
ลูกบอลเพลิงขนาดเท่าลูกแตงโมพุ่งออกไปจากผ่ามือของเรยะด้วยความเร็ว ลูกพลังนั้นกระทบเข้ากับประจุไฟฟ้าจนเกิดระเบิดขึ้น กระแสไฟฟ้าที่มินางิปล่อยสลายตัวไป แต่ลูกบอลเพลิงของเรยะยังคงพุ่งตรงเข้าใส่มินางิด้วยความเร็ว มินางิหลบไม่ทัน กระแทกเข้ากับลูกบอลเพลิงอย่างจัง เกิดระเบิดขึ้นอย่างแรง มินางิร่วงตกลงสู่พื้นจนมาทับอายะ
“แอ๊ฟ!!”
“อุ้ย...เจ็บชะมัด” มินางิใช้มือค้ำตัว
“ลุกซะทีซิ หนักจะแย่อยู่แล้ว” อายะผลักตัวมินางิให้ออกห่าง
“ขอโทษที...อ๊ะ! นั้นเธอบาดเจ็บนี้” มินางิเห็นเลือดไหลซึมออกมาจากเสื้อของอายะ
“ไม่เป็นไร แค่นี้ยังถากๆ ไม่โดนจุดตายหรอก” อายะค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
“ราตรีทมิฬ”
“ตะวันฉายแสง”
รูบีเลียและเรยะ ปล่อยลำแสงสีขาวสลับดำขนาดใหญ่ พุ่งเข้าใส่อายะและมินางิที่ยังไม่ทันตั้งตัว ลำแสงบิดรวมกันเป็นเกลียว และพุ่งไปด้วยความเร็วสูง
“แย่แล้ว” มินางิตั้งท่าป้องกัน
“อาคมยันต์คุ้มกาย”
อายะโยนยันต์ห้าใบออกไปตรงหน้า ยันต์ขยายตัวใหญ่ขึ้น และเรียงซ้อนกันกลางอากาศห้าชั้น เมื่อลำแสงเข้ากระทบกับยันต์ใบแรก ก็ถึงกับขาดกระจุย พอกระทบกับใบที่สอง ยันต์บิดตัวงอเล็กน้อยเมื่อปะทะกับลำแสงจนเกิดกระแสไฟ แต่ก็ยังคงทะลุเข้ามาถึงใบที่สาม คราวนี้ลำแสงเริ่มช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ยันต์บิดตัวงอและสั่นอย่างแรง ก่อนจะเริ่มขาดออกจากกัน และเมื่อลำแสงมากระทบกับยันต์ใบที่สี่ ลำแสงก็สลายตัวไปแล้ว
“อะไรกัน ถึงดูน่ากลัวแต่ก็ไม่เท่าไหร่นี้ นึกว่าต้องใช้ถึงห้าใบ เสียดายใบสุดท้ายจริงๆ” อายะพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก
“คิดจะพูดยั่วกันรึไง” เรยะเหลือบตามองอายะ
“ฮะฮะ เอาน่า หมูยังไม่เคยโดนน้ำร้อนลวก แค่นั้นมันเบาะๆ” รูบีเลียหัวเราะเบาๆ
เรยะและรูบีเลียเริ่มรวมพลังอีกครั้ง คราวนี้เริ่มมีคมหอกสีดำจำนวนมากลอยอยู่รอบๆ เรยะสะบัดข้อมือ เกิดสายโซ่ไฟพุ่งออกไปรวมเข้ากับคมหอก
“เนบิวลาเชน”
คมหอกติดสายโซ่นับร้อยพุ่งตรงเข้าใส่อายะและมินางิ อายะกระโจนตัวขึ้นฟ้า มินางิเรียกไม้กวาดขึ้นมาขี่แล้วพุ่งตัวไปอีกทาง แต่หอกติดโซ่นั้นแยกตัวออกเป็นสองสาย และตามอายะกับมินางิไปติดๆ
“เฮ้ย หอกพวกนั้นมันเป็นแบบติดตาม” มินางิทำหน้าตื่น
“อย่าตกใจ มินางิ พยายามบินสะลัดมันให้หลุด แล้วโจมตีคนที่ควบคุมมันอยู่” อายะตะโกนบอก
มินางิและอายะหันไปมองเรยะ ที่กำลังควบคุมสายโซ่ไฟอยู่ในมือ เธอใช้แกว่งนิ้วไปมาเหมือนกำลังบรรเลงเพลง หอกติดสายโซ่แยกตัวไปล้อมรอบตัวอายะและมินางิ แล้วพุ่งตัวเข้าจู่โจมที่จุดเดียวกัน อายะบินหลบหอกติดสายโซ่ได้อย่างฉิวเฉียด แต่มินางิเคลื่อนไหวได้ช้ากว่าจึงโดนการโจมตีไปอย่างจัง หอกพุ่งทะลุผ่านตัวมินางิ สร้างรอยแผลให้กับมินางิทั่วทั้งตัว เลือดพุ่งออกมาจากแผลเป็นสาย รูบีเลียที่เห็นเลือดจำนวนมากที่พุ่งออกมาจากตัวมินางิก็เริ่มเปลี่ยนสีหน้าจนดูหน้าหวาดกลัวมากขึ้น เรยะเห็นมินางิได้รับบาดเจ็บมากจึงทำให้ตนชะงักมือไปเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วง อายะเห็นเรยะเปิดช่องว่างเพียงเล็กน้อยจึงหายตัวไปปรากฏอยู่ตรงหน้าเรยะที่ยังไม่ได้ทันตั้งตัวทันที
“รวมจิตสลายมาร”
อายะรวมพลังอาคาสร้างบอลพลังงานสีขาวไว้ที่ฝ่ามือ และพุ่งเข้าใส่เรยะทันที
“อย่าได้หวังเลย”
รูบีเลียบินเข้ามาตัดหน้าอายะด้วยความเร็วเพียงเสี่ยววินาที มาปรากฏอยู่ตรงหน้าอายะเพียงไม่กี่เซน รูบีเลียตวัดปีกจนเกิดเป็นคลื่นสีดำวนรอบตัวของเธอ คลื่นสีดำกระทบเข้ากับตัวอายะอย่างแรง จนตัวอายะสะบัด รูบีเลียฟาดปีกเข้าใส่ท้องน้อยของอายะ อายะสำลักออกมาก่อนจะกระเด็นออกห่าง
“แค่ก แค่ก แค่ก” อายะไอออกมาเป็นเลือด
“ยังหรอกจ้า” รูบีเลียพุ่งตัวมาด้วยความเร็วมาปรากฏอยู่ด้านหลังของอายะ ทำเอาอายะตะลึง
“มนตราพิทักษ์”
เกิดแสงสว่างจ้าคลุมรอบตัวอายะ รูบีเลียใช้มือบังแสงที่สว่างจ้าก่อนจะบินถ้อยหลังไปตั้งหลักใหม่
“เห...นี้ขนาดบาดเจ็บอยู่ ยังป้องกันตัวได้อีก รู้สึกว่าแสงนั้นท่าจะอันตรายไม่ใช่น้อย” รูบีเลียยิ้ม
“...” อายะจ้องเขม็งรูบีเลียที่ทำสายตาเหมือน ‘รู้ทัน’
“ราตรีทมิฬ”
รูบีเลียยิงลำแสงสีดำออกจากมือ อายะที่กำลังตั้งสติใหม่ ยกไม้ไล่ผีขึ้นมากันการโจมตี แต่เพราะยังควบคุมร่างกายได้ไม่ดีนัก อายะจึงลอยตามลำแสงที่พุ่งเข้ามาและกระเด็นไปรวมกับมินางิที่นอนซมอยู่กับพื้น อายะค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งก่อนจะหันไปคุยกับมินางิ
“นี้ มินางิ เธอเป็นอะไรมากไหม”
“...ก...ก็ เจ็บไปทั้งตัวเลย รู้สึกแผลเก่าที่สู้กับเรนริมันยังไม่หายดี ตอนนี้คงขยับได้ไม่เต็มร้อย” มินางิฝืนพูด
“คู่นี้แข็งแกร่งจริงๆ ไม่มีทางเข้าประชิดตัวได้เลย แต่ฝ่ายโน้นสามารถโจมตีได้ทั้งไกล ใกล้ กลาง” อายะเริ่มประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
“มีทางเดียวที่เราจะเอาชนะได้คือ ต้องแยกคู่นี้ให้ออกจากกันซะก่อน แล้วเลือกโจมตีทีละคน แต่ท่าจะยากแฮะ” มินางิเสนอ
“จะให้โจมตีทีละคนคงทำไม่ได้หรอก แต่ถ้าทำให้สู้กันตัวต่อตัวล่ะก็พอไหว” อายะพูดต่อ
“แบบนั้นจะไหวเหรอ แถมชั้นเป็นแบบนี้ด้วย”
“เธอพอรู้จักกับยัยชุดขาวนั้นสินะ” อายะถาม
“ก็นะ ตอนปกติ ชั้นจะไปรบกวนเขาบ่อยๆ” มินางิตอบ
“งั้นชั้นจะให้เธอเจอกับยัยนั้น น่าจะสู้กันได้ง่ายหน่อยนะ ส่วนชั้นจะเจอกับยัยชุดดำนั้นเอง”
“เดี๋ยวนะ...นี้เธอคิดจะสู้กับรูบีเลีย ตัวต่อตัวเหรอ เดี๋ยวก็ได้ตายจริงๆ หรอก” มินางิทำท่าตกใจ
“อย่างดูถูกกันนักสิ ไงชั้นก็ไม่ถนัดการสู้กับเป็นคู่อยู่แล้ว แต่ถ้าตัวๆ ล่ะก็ไม่หวั่นหรอก” อายะฝืนยิ้มเล็กน้อย
“เอางั้นก็ได้ ชั้นคงต้องเชื่อเธออย่างเดียวแล้วล่ะ” มินางิสูดลมหายใจเข้าท้อง
“งั้นก็เริ่มกันเลย”
อายะและมินางิพุ่งตัวเข้าไปหารูบีเลียและเรยะพร้อมกัน ดูท่ารูบีเลียจะประหลาดใจเล็กน้อยกับการกระทำของอายะและมินางิ ส่วนเรยะหยิ่งดูท่าจะไม่พอใจอย่างมาก
“โอ้ สองคนนั้นเริ่มฮึดอีกครั้งแล้ว ท่าจะมีมุขใหม่มาเล่นแฮะ” รูบีเลียยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ยัยโง่มินางิเอ้ย ชั้นบอกแล้วแท้ๆ ว่าให้กลับไปตั้งแต่แรกก็ไม่เชื่อ” เรยะทำหน้าขุ่นเคือง
อายะดึงยันต์ทรงสี่เหลียมจัตุรัสออกมาก่อนจะเริ่มท่องคาถาอย่างเร็ว และชูยันต์ขึ้น
“อาณาเขตอาคมสวรรค์”
เกิดแสงสว่างออกมาจากยันต์ที่อายะถือ และกลายสภาพเป็นเขตแดนพุ่งออกมาจากพื้น กั้นระหว่าง อายะกับรูบีเลีย มินางิกับเรยะ ด้วยฤทธิ์ของอาณาเขต ดันให้คู่อายะกับรูบีเลีย และคู่ของมินางิกับเรยะ ออกห่างจากกัน จนทั้งสองฝ่ายลับสายตาไป
ตอนนี้อายะประจันหน้าอยู่กับรูบีเลียสองต่อสอง
“นี้คิดจะแยกชั้นออกมาจากเรยะ แล้วตั้งใจจะมาสู้กับชั้นตัวต่อตัวงั้นเหรอ มั่นใจในตัวเองจังนะ” รูบีเลียยิ้ม
“เผอิญว่าชั้นถนัดแบบนี้มากกว่าน่ะ” อายะหัวเราะเสียงแหบออกมา
“ถ้าจะแยกกันจริงๆ ทำไมไม่แยกเป็นสองต่อหนึ่งเลยล่ะ แบบนี้มีโอกาสชนะมากกว่าอีกนะ” รูบีเลียถาม
“ก็...มันอยู่ในเงื่อนไขของการ สร้างอาณาเขตน่ะ ว่าเขตนึงจะอยู่ได้แค่สองคนเท่านั้น”
“งั้นรึ...งั้นมาเริ่มกันเลยดีไหม แบบที่เธอถนัดน่ะ” รูบีเลียยิ้ม
[
ทางด้านมินางิกับเรยะ มินางิพยายามบินหลบลูกไฟนับร้อยของเรยะอย่างลำบาก เรยะปล่อยโซ่ไฟติดตามมินางิ มินางิโดนโซ่ไฟฟาดเข้าอย่างจัง จนตัวเองร่วงลงพื้น เรยะเห็นมินางิเริ่มสู้ไม่ได้จึงหยุดมือ
“ยอมแพ้ซะเถอะมินางิ แล้วชั้นจะขอให้รูบีเลียยกโทษให้เธอเอง” เรยะลอยอยู่เหนือหัวมินางิ
“ร
เรยะ ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจซักที” มินางิค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่ง
“เข้าใจ? เรื่องอะไรกัน เธอนะสิไม่เข้าใจ รู้ว่าสู้ไม่ได้อยู่แล้วทำไมยังรั้นแบบนี้อยู่อีก” เรยะเริ่มมีสีหน้ากังวล
“ขอโทษด้วยนะเรยะ แต่ชั้นจะมายอมแพ้ตรงนี้ไม่ได้หรอก ชั้นต้องสู้เพื่อเพื่อนที่เชื่อใจในตัวชั้น ดังนั้นชั้นจะทำให้เขาผิดหวังไม่ได้” มินางิใช้แขนเช็ดเลือดจากมุมปาก
“เพื่อน
เพื่อนงั้นเหรอ ยัยขาวแดงนั้นงั้นรึ ก็ได้ หลังจากจัดการกับเธอเสร็จ ชั้นจะส่งยัยขาวแดงนั้นลงนรกเอง” เรยะเบิกตากว้างขึ้น
“งั้นก็ข้ามศพชั้นไปก่อน” มินางิพูดเสียงดัง
แล้วทั้งคู่ก็พุ่งเข้าประจันหน้ากันทันที
[
ความคิดเห็น