ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Shine Maiden ศึกมิโกะป่วนฟ้า ภาค อาคมแห่งลูกแก้วฟ้าดิน

    ลำดับตอนที่ #4 : ป่าลวงตายามค่ำคืน

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 49



    "นี้ มินางิ เราจะพักกันตรงไหนเนี้ย เดินมาซะไกลเลย" อายะเริ่มบ่น

    "อีกนิดเดียวน่า เราจะพักกันใกล้ๆ แม่น้ำหน่อย" มินางิแหวกต้นไม้เพื่อเบิกทาง

    "ชั้นรำคาญกับไอ้พวกนี้เต็มที่แล้ว"


                   
    อายะชี้นิ้วตามพื้น อลิสที่กอดหนังสืออยู่หันไปมองกองปีศาจ และอสูรกายที่อยู่ในป่าที่นอนเรียงรายตามทางเดินของสามสาว ซึ่งดูจะเป็นฝีมือของอายะทั้งหมดเพราะส่วนใหญ่จะมีเข็มกับยันต์ติดอยู่ทุกตัว


                   
    แล้วสามสาวก็มาหยุดพักตรงที่โล่งใกล้กับแม่น้ำ


    "เอาล่ะ เราพักกันที่นี้แหละ" มินางิวางตะกร้าใส่ผักไว้ข้างๆ ต้นไม้

    "ที่แบบนี้มันจะปลอดภัยแน่เหรอ" อายะทำหน้าสงสัย

    "เอาน่า ยังไงไอ้พวกที่อยู่ในน้ำมันก็ไม่มีปัญญามาทำอะไรเราแน่นอน" มินางิชูนิ้วโป้ง

    "หมาควาย เอ้ย หมายความว่ายังไงที่ว่าไอ้พวกที่อยู่ในน้ำน่ะ" อายะเริ่มทำเสียงดัง

    "อย่าไปสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เลย" อลิสทำเสียงเย็นทำเอาอายะไม่อยากพูดต่อ

    "เอาล่ะ ชั้นว่าเรามาเตรียมอาหารกันก่อนจะดีกว่า ตั้งกะเช้ายังไม่ได้กินอะไร หิวแทบคลั่งแล้ว" มินางิเริ่มบ่น "เน้อะ อายะ"


                   
    มินางิส่งสายตาอ้อนวอนไปที่อายะ ไม่ต้องถามอายะก็รู้ว่ามินางิคิดอะไรอยู่ แต่ก็คงต้องทำตามที่มินางิคิด เพราะตัวเองก็ยังไม่ได้กินอะไรมาเหมือนกัน

    "จะให้ชั้นทำอะไรให้ล่ะ เราไม่มีอุปกรณ์เลยนะ แต่ถ้าจะกินผักสดๆ ก็ไม่ว่าหรอก" อายะเหล่ตาใส่มินางิ


    "อยากได้อุปกรณ์เหรอ เอ้า..." อลิสเปิดหน้าหนังสือแล้วเทหม้อ ทัพพี และถังน้ำออกมาจากหนังสือ ทำเอาอายะตะลึง

    'กระเป๋าวิเศษของโด...มอนรึไงยะ' อายะคิด

    "นี้ ถ้าเธอเอาของแบบนั้นออกมาได้ สู้เอาอาหารออกมาไม่ดีกว่าเหรอ" อายะถาม

    "หนังสือเล่มนี้มันเอาออกมาได้แต่ปีศาจอัญเชิญกับสิ่งของเท่านั้นแหละ เอาอาหารออกมาไม่ได้"  อลิสตอบ

    "เอาน่า มีแค่ไอ้นี้ เธอก็ทำอาหารได้แล้วนี้" มินางิยิ้มให้อายะที่ทำหน้าเบื่อหน่าย

    "เอาก็เอา" อายะปลงตก "งั้น มินางิ ไปหาฟืนมา ส่วนอลิส เธอจัดของที่เธอเอาออกมาให้เข้าที่ ส่วนชั้นจะไปเอาน้ำเอง"

    "Roger" มินางิตะเบ๊ะ


                  
    หลังจากที่อายะจัดแจงสั่งการเสร็จ ทั้งสามก็เริ่มกระจายกันไปทำตามหน้าที่ของตน มินางิเดินเข้าไปในป่าเพื่อเก็บฟืน อายะเดินไปทางแม่น้ำ ส่วนอลิส...

    "อ้าว หม้อมันรั่วนี้ แบบนี้เอาไงดี" แล้วอลิสก็เปิดหน้าหนังสือไปเรื่อยๆ

    "อ๊ะ ไอ้นี้น่าจะใช้แทนได้" อลิสเทของออกมาจากหนังสืออีกครั้ง มีหม้อต้มยาสีดำขนาดใหญ่ออกมาจากหน้าหนังสือ


    [


    "อืม...จะก้มลงไปตักน้ำดีไหมเนี้ย" อายะทำท่าคิดหนักเมื่อเห็นแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว และความมืดทำให้แม่น้ำกลายเป็นสีดำ

    "ถ้าก้มลงไปตัก มันจะมีตัวอะไรโผล่มาไหมเนี้ย" อายะวางถังลง

    "เอาเหอะ กันไว้ดีกว่าแก้" อายะร่ายคาถา แล้วโยนยันต์ไปที่ริมแม่น้ำ

    "อาคมสลายมาร"


                  
    น้ำในแม่น้ำเกิดระเบิดขึ้น ทำเอาปลา ปีศาจ ภูต ผู้ที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง

    "เอาล่ะ แค่นี้ก็ตักน้ำได้อย่างสบายใจ" อายะก้มลงไปตักน้ำ แต่มีปีศาจ และภูตบางตัวที่ยังกระเด็นไปไม่ไกลทำท่าโวยวาย แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปหือ


    [


    "เก็บฟืนกัน เรามาเก็บฟืนทำอาหารกันลัน ลัน ลา" มินางิร้องเพลงไปเก็บฟืนไปอย่างสบายใจ

      
                 
    มินางิเดินเก็บเศษไม้แห้งตามทาง เธอเก็บได้ค่อนข้างมากพอสมควร แต่เมื่อเธอหันไปเห็นอะไรบางอย่าง ทำเอาเธอปล่อยกองฟืนที่ถือมาลงพื้น

    "น...นั้นมัน ไก่ฟ้านี้ แถมยังอ้วนหน้ากินอีก" มินางิน้ำลายไหล

    "ถ้าจับไอ้นี้ไปให้อายะทำไก่ย่าง คงจะดีน่าดู" มินางิค่อยๆ ย่องไปด้านหลังไก่ฟ้าที่ยืนไม่รู้ตัวว่าถึงภัยอันตรายที่จะมาถึง

    "เสร็จชั้นล่ะ"


    [

      
                 
    เมื่ออายะเดินมาถึงจุดที่พัก ถึงกับทำเอาถังน้ำที่หิ้วมาหลุดมือ เพราะตกตะลึงกับหม้อต้มยาสีดำใบใหญ่ที่อลิสตั้งไว้บนก้อนหินที่วางกันเป็นวงเพื่อใช้เป็นฐานในการจุดไฟ

    "นี้มันหม้อบ้าอะไรกันเนี้ย เราไม่ได้จะมาต้มยานะ" อายะมองไปที่หม้อ

    "ไม่เห็นเป็นไรนี้ หม้อไหนก็เหมือนกัน ใช้ต้มได้หมดแหละ" อลิสตอบ

    "แล้วหม้อใบเดิมล่ะ"

    "มันรั่ว ใช้ไม่ได้"

    "ช่างมันเถอะ ใช้หม้อนี้ก็ได้ หวังว่าคงไม่มีเศษอะไรติดค้างในหม้อหรอกนะ" อายะเริ่มทำใจ

    "ก่อนหน้านี้อลิสใช้หม้อใบนี้ไปต้มยามาก่อนน่ะ"

    "ยา...ยาแบบไหนเหรอ แล้วใช้อะไรต้มมั่ง" อายะเริ่มรู้สึกแปลกๆ

    "ยาบำรุงน่ะ ใช้ สมองลิง ไส้แมงมุม ตับตะพาบ รากเน่า หนอนใบชา เลือดนก แล้วก็..." อลิสทำท่านับนิ้ว

    "หยุดๆๆๆ ไม่ต้องพูดต่อแล้ว ยิ่งฟังยิ่งคลื่นไส้" อายะทำหน้าซีด และหวังว่าหม้อคงล้างสะอาดแล้ว


                   
    ขณะที่อายะกำลังนำหม้อไปล้างเพื่อความแน่ใจ ก็ได้มีเสียงกรีดร้องของมินางิจากในป่าทำเอาหม้อในมือของอายะล่วงลงพื้น

     "มินางิ" อลิสตะโกนพร้อมกับวิ่งหายเข้าไปในป่า

    "เดี๋ยวก่อนสิอลิส รอชั้นด้วย" อายะรีบวิ่งตามอลิสไป

                    ทั้งสองวิ่งตามเสียงไปอย่างเร็ว อลิสวิ่งไปมุดกิ่งไม้ที่ขวางตามทางไป อายะใช้ไม้ไล่ผีของเธอแหวกพุ่งไม้ที่ขวางหน้าให้กระเด็นไปทางอื่น ในที่สุดทั้งสองก็วิ่งมาถึงจุดที่มินางิร้อง

    "เกิดอะไรขึ้น" อายะตะโกน

    "มินางิ เป็นอะไรไหม" อลิสรีบมองหามินางิ


                   
    แล้วทั้งคู่ก็ต้องตกตะลึง เมื่อเห็นสภาพของมินางิที่ถูกมัดห้อยหัวลงจากต้นไม้ กระโปรงของเธอเลิกขึ้นมาอยู่บนหัวเผยให้เห็นกางเกงชั้นในไหมพรมสีขาวยาวถึงเข่า เจ้าตัวน้ำตาคลอเบ้า ในมือแล้วคอยจับหมวกไว้อยู่

    "เออ...ชั้นในน่ารักดีนะ" อายะเผลอพูดลอยๆ

    "ดูอะไรอยู่น่ะ เอาชั้นลงไปทีสิ" มินางิพูดเสียงดัง


                  
    จากตะลึงกลายเป็นเสียงหัวเราะของอายะ อลิสแอบขำนิดๆ กับสภาพที่ดูไม่ได้ของมินางิ ทำเอามินางิทำหน้าบูดจนแก้มป่อง

    "นี้ไม่ใช่เรื่องน่าขำนะ ช่วยเอาชั้นลงไปที" มินางิเริ่มอารมณ์เสีย

    "ขอ...ขอโทษที ก็เห็นเธอร้อง แต่ไม่นึกว่าจะเห็นเธออยู่ในสภาพนี้" อายะเช็ดน้ำตาของตัวเอง

    "แล้วลงมาเองไม่ได้เหรอ" อลิสถาม

    "ห้อยหัวอยู่แบบนี้ ทำอะไรมันก็ลำบากอะ" มินางิตอบเสียงข้างๆ คูๆ

    "แล้วทำไมอยู่ในสภาพนี้ได้ล่ะ" อลิสถามต่อ

    "ก็...ชั้นเจอไก่ดูหน้ากินก็เลยจะจับ ดันกลายเป็นกับดักแบบนี้ซะนี้ เจ็บใจชะมัด" มินางิกัดหมวก

    "เพราะตะกละนี้เอง เอาเถอะ เดี๋ยวจะช่วยให้ลงมาเดี๋ยวนี้แหละ" อายะดึงเข็มออกมาจากเสื้อ


                  
    แต่มีอะไรบางอย่างพุ่งเข้าใส่อายะและอลิส ทำให้ทั้งสองคนต้องกระโดดถอยหลังไปตั้งหลัก ก่อนที่สิ่งนั้นจะหมุนควงกลับไปหาเจ้าของที่อยู่บนต้นไม้

    "ใครกัน" อายะพูดเสียงดัง


                  
    ปรากฏเป็นเด็กสาวตัวเล็กสอง คนหน้าตาเหมือนกัน ต่างกันแค่เครื่องแต่งกายที่คนหนึ่งสวมเสื้อสีดำรัดรูปใส่กางเกงขาสั้น ถือไม้กางเขนขนาดพอดีมืออยู่ ส่วนอีกคนใส่ชุดกระโปรงยาว ทั้งสองมีหูและหางเหมือนแมว แล้วทั้งคู่ก็กระโดดลงมาจากต้นไม้แล้วมาหยุดตรงหน้ามินางิ


     


    "ชั้นชื่อมาดิเอล เรียกย่อๆ เมล" เด็กสาวกางเกงขาสั้นแอคท่าไอ้มดแดง

    "หนูชื่อมิเกล เรียกสั้นๆ มิล" เด็กสาวในชุดกระโปร่งแอคท่าไอ้มดแดงตาม

    "มายุ่งอะไรกับอาหารของพวกเรา" เมลเอามือเท้าเอว

    "หา...อาหารเหรอ" มินางิทำท่าช็อค แต่อายะกับอลิสยังยืนอึ้งไม่หางงกับเด็กสาวสองคนที่อยู่ตรงหน้า

    "มายืนเอ๋ออะไรอยู่ พวกเราถามว่ามายุ่งอะไรกับอาหารของพวกเรา" เมลวางท่า

    "เออ...พี่จ๋า หนูว่าเรารีบเอาอาหารของเรากลับก่อนดีกว่านะ หนูหิวแล้วอะ" มิลทำเสียงสั่น

    "เออ...ก็ดีเหมือนกัน เสียเวลามามากแล้ว"

    "เฮ้ย เดี๋ยวดิ" มินางิโว้ยวายทำเอาอายะกับอลิสสะดุ้ง

    "เออ...เดี๋ยวก่อนสิ จะเอาเพื่อนของเราไปไหนน่ะ" อายะชี้ไม้ไล่ผีไปที่เมล

    "คืนมินางิมานะ" อลิสทำท่าโมโห

    "คืนก็บ้าสิ ยัยนี้ต้องเป็นอาหารของพวกเรา อยากได้ก็มาแย่งคืนไปสิ แบร่"
     

    เมลแลบลิ้นแล้วตวัดมือจนเกิดใบมีดลมรอบๆ ตัว ก่อนจะกระโดดไปทางมินางิ อายะกับอลิสต้องเอามือกันกระแสลมที่คมเหมือนใบมีดไว้ มิลใช้เชือกมัดรอบๆ ตัวมินางิก่อนจะใช้ลมตัดเชือกที่มัดขาของมินางิ ฝาแฝดหูแมวแบกมินางิขึ้นบ่าแล้วกระโจนเข้าป่าหายไปกับความมืด

    "อายะ อลิส" มินางิตะโกนร้องจนเสียงหายเข้าป่าไป

    "มินางิ" อลิสตะโกนตามหลังจากปัดลมให้หายไป แต่ไม่ทันการณ์ มินางิกับฝาแฝดหูแมวหายไปแล้ว


                   
    เมื่อเมฆมาบดบังแสงของดวงจันทร์ที่ส่องสว่างลงมาในป่า ความมืดก็เริ่มเข้าครอบคลุมพื้นที่อีกครั้ง อายะและอลิสได้แต่มองซ้ายขวาเพื่อให้ตัวเองมองได้ชัดเจน

    "รัน"

    มีไฟดวงเล็กออกมาจากยันต์ที่อายะถืออยู่ในมือเพื่อให้แสงสว่าง ถึงดวงไฟจะเล็กแต่ก็ทำให้เกิดแสงสว่างที่สามารถเห็นได้รอบๆ


    "แล้วเราจะเอาไงดี" อายะถามอลิส

    "ออกมาคิเมะจัง" คิเมร่าร่างยักษ์โผล่ออกมาจากหนังสือของอลิส

    "ให้คิเมะจังตามกลิ่นของมินางิไป เดี๋ยวก็เจอ" อลิสกระโดดขึ้นไปขี่หลังคิเมร่ายักษ์และทำท่าชวนให้อายะขึ้นมานั่งด้วย แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เคยต่อสู้กันมาทำเอาอายะรู้สึกหวาดนิดๆ ยิ่งคิเมร่ายักษ์ทำท่าจะคำรามใส่ก็ทำเอาอายะก้าวขาไม่ขึ้น

    "รีบขึ้นมาเร็วเข้าสิ" อลิสดึงอายะขึ้นมาบนหลังคิเมร่า ทำเอาอายะประหลาดใจเล็กน้อยกับเรี่ยวแรงของอลิสที่สามารถดึงตนขึ้นไปได้


                   
    คิเมร่ายักษ์ดมกลิ่นตามพื้นเสร็จ มันเชิดหน้าขึ้นแล้วเพ่งสายตาเหมือนนักล่าที่หาเหยื่อเจอ ก่อนจะเริ่มออกฝีเท้าวิ่งด้วยความเร็ว มันกระพือปีกแล้วทะยานตัวไปตามช่องว่างของต้นไม้ในป่า อายะแทบปลิวตกจากหลังคิเมร่ายักษ์เนื่องจากความสามารถในการบินฉวัดเฉวียน ผ่านตามป่า บางทีหลบไม่ทันก็พุ่งเข้าชนเอาดื้อๆ จนต้นไม้โค่น แต่อลิสดูท่าเหมือนจะชำนาญการขี่คิเมร่ายักษ์ตัวนี้แล้ว ทำให้เธอนั่งได้ตามปกติ ทั้งสองขี่คิเมร่ายักษ์ไปตามทางที่ฝาแฝดหูแมวจับตัวมินางิ และหายเข้าไปในความมืด


    [


                   
    ณ กระท่อมร่างกลางป่า ฝาแฝดหูแมวได้โยนมินางิลงพื้นจนกลิ้งหลายตลบ


    "นี้ วางกันดีๆ ก็ได้นี้ ไม่เห็นต้องโยนกันเลย" มินางิเริ่มโวยวาย

    "หนวกหู จะเป็นอาหารให้พวกเราอยู่แล้วยังจะพูดมากอีก" เมลทำหน้าโหด

    "หน่อยทำเบ่ง นี้ถ้าชั้นใช้มือร่างเวทย์ได้พวกเธอเละไปนานแล้ว" มินางิยังไม่หยุดพูดทำเอาเมลเริ่มมีน้ำโหเลยหยิบเศษใบไม้มายัดปากมินางิ

    "นี้มิล เฝ้าเหยื่อดีๆ ล่ะ พี่รู้สึกว่าพวกของยัยนี้กำลังตามมา ขอตัวไปจัดการแป๊บ" แล้วเมลก็กระโดดออกจากกระท่อมไป


                   
    มินางิถุยเศษใบไม้ในปากออกจนหมดแล้วเริ่มทำท่าทีอาละวาดอีกครั้ง แต่รู้สึกคนน้องจะให้ความสนใจมินางิเป็นพิเศษ


    "นี้ มาจ้องอะไรชั้น" มินางิร้องออกมา มิลทำหน้าเอ๋อแล้วจ้องมองมินางิ

    "อะไร หน้าชั้นมีอะไรติดรึไง" มินางิเริ่มหวาดๆ เพราะมิลเริ่มมีน้ำลายไหลออกมา ทำท่าเหมือนอยากกิน

    "นี้ยัยมิล ห้ามกินก่อนเด็ดขาดนะ แต่ถ้าเผลอกินก่อนก็อย่าหาว่าพี่ไม่เตือนนะ" เมลย้อนกลับมาพูดทำเอามิลสะดุ้งแล้วเช็ดน้ำลายออกจากปาก

    "เข้าใจแล้ว มิลไม่กินก่อนแน่นอน" แต่เมลทำตาเหล่เล็กน้อยเหมือนไม่เชื่อแต่ก็ต้องทำใจ ก่อนจะออกไปอีกครั้ง

    "ไม่กินก่อนหรอก แต่ถ้าชิมนิดหน่อยก็ไม่เป็นไรนิ" มิลหันมายิ้มให้มินางิ

    "อ...อะไร นี้ เดี๋ยวก่อนสิ อย่านะ" มินางิรีบล่นถอย แต่มิลคลานเข้ามาแทรกหว่างขาของมินางิ เธอเริ่มดมที่ใบหน้าของมินางิ

    "กลิ่นหอมดีจัง กลิ่นสมุนไพรนี้นา" มิลยังคงดมต่อ

    "ก็แหงล่ะ ชั้นวิจัยสมุนไพรอยู่นี้ มันก็ไม่แปลก...ว้าย ทำอะไรน่ะ" มินางิเริ่มสะดุ้งเมื่อมิลเข้ามากัดที่หูซ้าย

    "ย...อย่านะ...อ้า...ไม่...อย่า..." มินางิเริ่มพูดไม่เป็นคำ น้ำตาเริ่มคลอเบ้าแต่มิลไม่หยุดแค่กัดยังดูดที่ใบหูแล้วเริ่มไล่ไปจนถึงซอกคอ

    "รสดีจัง" มิลเริ่มเลียตามนิ้วของมินางิ มินางิเริ่มทรมานมากขึ้นเพราะถูกมัดอยู่ และยิ่งเธอดิ้นเชือกก็ดูเหมือนจะรัดแน่นเข้าไปอีกจนทำให้เธออึดอัด และเริ่มหายใจหอบ

    "พี่สาวนี้น่ารักดีจัง ชักทำให้หิวมากกว่าเดิมแล้วสิ แต่ต้องรอพี่มาก่อน งั้นมาเล่นอะไรสนุกๆ ดีไหมจ้ะ" มิลเริ่มเลียตามนิ้วมือของตัวเองบ้าง ก่อนที่เธอจะเลิกเสื้อของมินางิลงมาจากไหล่

    "ม...ม่ายน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา" มินางิตะโกนสุดเสียง น้ำตาคลอเต็มเบ้าตา


    [


    "มินางิ" อลิสทำท่าตกใจเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง

    "เป็นอะไรไปเหรอ" อายะถาม

    "รู้สึกว่ามินางิกำลังเดือดร้อน ต้องรีบแล้ว" อลิสเร่งให้คิเมะจังบินเร็วกว่าเดิม

    "รู้สึกว่าถ้าเป็นเรื่องของยัยนั้นดูเธอจะรีบร้อนจังนะ" อายะพูดเบาๆ แล้วทำหน้าสงสัย


                   
    แต่คิเมะจังต้องหยุดเพื่อหลบไม้กางเขนขนาดยักษ์ที่ที่พุ่งลงมาจากฟ้า ทำเอาอายะกระเด็นออกจากหลังคิเมะจัง ส่วนอลิสยังคงเกาะคิเมะจังไว้แน่น


    "จะไปไหนกันจ๊ะ" เมลยื่นยิ้มอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่

    "เธอนั้นเอง คืนมินางิมานะ" อลิสทำเสียงดัง

    "เรื่องสิ ยัยนั้นเป็นอาหารของพวกเรา ตอนนี้คงโดนต้มจนเปื่อยไปแล้วมั่ง" เมลแสยะยิ้ม

    "อย่าอยู่เลย แก" อลิสเลือดขึ้นหน้า

    คิเมะจังปล่อยลำแสงทำลายล้างออกมาจากปากพุ่งตรงไปยังเมล เมลตกตะลึงอยู่พักนึงแต่ตั้งสติได้ทันจึงสร้างกำแพงพายุตรงหน้า เมื่อลำแสงทำลายล้างโดนกำแพงพายุจึงเปลี่ยนทิศทางออกไปทางอื่น


    "อะไรกัน" อลิสทำท่าประหลาดใจ

    "โห ไม่เบาเลยนะนี้ ถ้าโดนไปจังๆ มีกี่ชีวิตก็ไม่พอ แต่ท่าแบบนี้ สำหรับชั้นมันกระจอก" มีเม็ดเหงื่อที่หน้าผากของเมลเล็กน้อย

    "ว่าไงนะ" อลิสทำท่าโมโหแต่อายะเอามือมาขวางไว้

    "อลิส เธอรีบไปตามมินางิเถอะ ตรงนี้ชั้นรับมือเอง" อายะพูดน้ำเสียงจริงจัง

    "อายะคนเดียวจะไหวเหรอ"

    "ไม่ต้องห่วงชั้นหรอกน่า ห่วงมินางิจะดีกว่า เธอรีบไปเถอะ" อายะเหล่ตาแล้วยิ้มให้อลิส

    "ถ้างั้นอลิสไปก่อนนะ" แล้วคิเมะจังก็พุ่งตัวด้วยความเร็วอีกครั้ง

    "เดี๋ยวก่อนสิ" เมลทำท่าจะไปขว้างแต่ก็ต้องหยุดเพราะอายะปาเข็มนับสิบเข้าใส่เมล

    "มองไปทางไหน คู่ต่อสู้ของเธอคือชั้น" อายะยิ้ม

    "ดูท่าเธอจะมั่นใจในตัวเองมากเลยนะ" เมลหันไปสนใจอายะมากขึ้น


                   
    แล้วอายะ และเมลก็พุ่งการโจมตีเข้าใส่กัน อายะปาเข็มเข้าใส่เมลอีกครั้ง เมลขยายขนาดของไม้กางเขนจนมีขนาดใหญ่แล้วประกบไว้ที่หลันแขน เธอใช้ไม้กางเขนปัดเข็มที่พุ่งเข้าใส่ทั้งหมดภายในครั้งเดียว เมลพุ่งเข้ามาใกล้อายะแล้วออกแรกชกด้วยไม้กางเขนยักษ์ อายะหมุนตัวหลบได้อย่างสบาย เมลเริ่มเตะต่อเนื่อง อายะใช้ไม้ไล่ผีรับการโจมตี เมลเหวี่ยงไม้กางเขนเข้าใส่อายะ อายะรีบออกห่าง เมลกระแทกไม้กางเขนกับพื้นจนเกิดแรงระเบิดตามพื้นไปจนถึงตัวอายะ อายะกระโดดขึ้นฟ้า


    "รวมจิต ประสานวิญญาณ"
     

    อายะโยนยันต์สามแผ่นใส่เมล เมลกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อหลบยันต์ที่พุ่งเข้ามา แต่ยันต์นั้นติดตามเมล เมลรีบหนีไปทางอื่นแต่ยันต์ก็ยังคงติดตามอยู่


    "เหวอ ยันต์อะไรเนี้ย ตื้อจริง" เมลหันกลับมา


                   
    เธอยกกางเขนขึ้นด้านบนแล้วปักลงมากับพื้น ยันต์กระทบกับกางเขนแล้วเกิดระเบิดรุนแรงจะทำเอาเมลเกือบปลิว


    "ยันต์บ้าอะไรกัน ระเบิดได้ด้วย" เมลทำหน้าซีด

    "จะหนีไปไหน" อายะหายตัวตามเมลมาอยู่เหนือหัว เธอพุ่งเข้าถีบใส่เมลจนกระเด็นไถลไปกับพื้น


                   
    อายะไม่รอช้าพุ่งตัวตามเมลต่อ เธอตวัดไม้ไล่ผีใส่เมล แต่เมลก็เอาไม้กางเขนขึ้นมารับการโจมตีไว้ได้ทันขณะที่กำลังลุกขึ้นยืน ทั้งสองเริ่มต่อสู้กันในระยะประชิด เมลเริ่มออกแรงชกโดยทุ่มน้ำหนักไปที่ไม้กางเขนที่ติดไว้หลังแขน อายะหงายหลังหลบหมัดของเมล แล้วสวนกลับด้วยการหวดไม้ไล่ผี เมลยกเท้ามากันการโจมตีไว้ ทั้งคู่เริ่มสลับการโจมตีรุกรับกันตลอด เมลควงไม้กางเขนเอาด้านยาวออกแล้วเหวี่ยงตามแนวขวาง อายะกระโดดหลบ การโจมตีของเมลทำเอาต้นไม้ที่ขวางอยู่โค่นล้มเป็นทาง


    "อึย ยัยนี้ตัวเล็กนิดเดียวไหงแรงมันวัวควายอย่างนี้เนี้ย" อายะหันไปมองต้นไม้ที่โดนโค่น

    "ย้ากกกกกกกกกกกกก" เมลเห็นอายะเผลอตัวจึงรีบเข้าประชิดตัว

    "ซวยแล้วไง"
     

    อายะโดนซัดกระเด็นไปไกล เมลใช้แรงลมดันตัวให้พุ่งตามอายะจนเข้าประชิดตัวได้อีกครั้ง แต่ก็ต้องชะงัก


    "ชั้นหลอกให้โจมตีนิดหน่อยเท่านั้นแหละ" อายะประสานมือยันต์ไว้ด้านหน้า

    "อัตถะวิญญาณร้าย"


                   
    คลื่นกระแสวิญญาณนับสิบพุ่งออกมาจากยันต์ แล้วบินวนรอบตัวเมล แล้วเริ่มพุ่งเจ้าโจมตีเหมือนการชก เมลโดนกระแสวิญญาณอัดเข้าทั่วลำตัวจนเกิดเป็นรอยช้ำ


    "ขจัดมาร"


                   
    กระแสวิญญาณเบนออกมาแล้วพุ่งจู่โจมใส่เมลพร้อมกัน จนเกิดระเบิดขนาดย่อม เมลกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แล้วล้มลงกับพื้น


    "เอาล่ะ ยอมแพ้ซะ" อายะมายืนตรงหน้าเมลที่นอนกองอยู่กับพื้น

    "..." เมลท่องคาถาอะไรบางอย่างด้วยเสียงเบาๆ

    "นี้ ถึงกับเพ้อเลยเหรอ ชั้นไม่ได้โจมตีแรงขนาดนั้นซักหน่อย" แต่อายะไม่ทันได้ระวังตัว

    "The Cross"


                   
    ไม้กางเขนขนาดใหญ่นับสิบพุ่งลงมาจากฟ้า ปิดล้อมตัวอายะทุกทิศทางเหลือช่องไว้ด้านบน ไม้กางเขนยักษ์พุ่งลงมาเสียงระหว่างกลางช่องที่ปิดล้อม อายะไม่สามารถหนีจะโจมตีได้ เธอตวัดไม้ไล่ผีขึ้น วาดมือเป็นรูปวงกลม ไม้กางเขนยักษ์เข้าปะทะกับอายะ อายะใช้ฝ่ามือที่เริ่มมีแสงทรงกลมที่ฝ่ามือประกบเข้ากับไม้กางเขนยักษ์


    "ทลายศูนย์กลาง"


                   
    ไม้กางเขนยักษ์แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ อายะเริ่มโล่งใจพร้อมกับหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า แต่การโจมตีของเมลยังไม่จบ เมลขี่ไม้กางเขนพุ่งเข้าใส่อายะจากช่องที่ปิดล้อมตัวอายะ อายะไม่ทันได้ตั้งตัว โดนเมลซัดไม้กางเขนเข้าที่กลางลำตัว อายะโดนการโจมตีกึ่งบดขยี้เข้ากับพื้นจนกระอักเลือดออกมา รูม่านตาเปิดกว้าง และทำไม้ไล่ผีหลุดมือ บัดนี้ไม้กางเขนรอบๆ เริ่มสลายตัวไป เมลกระโดดถอยหลังทิ้งระยะห่างไว้เล็กน้อย ก่อนจะประเมินสถานการณ์


    "ก็ไม่เห็นจะแน่ซักเท่าไหร่นี้" เมลมองดูอายะที่นอนแผ่อยู่กับพื้น

    "เอาล่ะ ยังเหลืออีกคน แต่ถึงยังไงก็หาตัวไม่ยากหรอก ตราบเท่าที่ยังอยู่ในอาณาเขตป่าลวงตา ถึงจะตามกลิ่นได้แต่ก็ได้แค่วนเวียนอยู่รอบๆ เท่านั้นแหละ" เมลละสายตาจากอายะแล้วทำท่าจะวิ่งเข้าป่าอีกครั้ง

    "อันตัวข้าแด่ทวยเทพทั้งเจ็ด ด้วยสัจจะสาบานว่าจะรับใช้ท่านอย่างซื่อตรง ได้โปรดรวมตัวกันเพื่อขจัดมารให้หายไปสิ้น" ลูกไฟวิญญาณขนาดใหญ่เจ็ดสีลอยล้อมรอบตัวอายะที่นอนอยู่บนพื้น

    "มหาเจ็ดเทพศาสตราขจัดมาร"


                   
    ลูกไฟขนาดใหญ่ทั้งเจ็ดพุ่งเข้าโจมตีใส่เมลทั้งยังไม่ทันได้ตั้งตัว เกิดแรงระเบิดขนาดใหญ่ทำเอาบริเวณป่ารอบๆ หายไปเป็นแถบ อายะลุกขึ้นยืนท่ามกลางแสงาสว่างจ้า ก่อนจะเดินเข้าไปดูสภาพเมลที่ได้รับบาดเจ็บหนักและนอนหมดสติแน่นิ่งอยู่กับพื้น อายะเอายันต์สีเหลืองมาติดที่อกของเมล


    "ขอโทษทีนี้ ก็ว่าจะไม่ใช่ท่านี้แล้ว แต่เพราะเจ็บตัวก็เลยฉุนขาดนิดหน่อย ชั้นติดยันต์นี้ให้ มันจะรักษาชีวิตเธอไว้ได้ แต่จะขยับตัวไม่ได้ซักพัก"


                   
    อายะแบกเมลขึ้นบ่าก่อนจะพุ่งตัวขึ้นฟ้า เธอเพ่งจิตเพื่อหาที่อยู่ของอลิสแล้วตามอลิสที่ล่วงหน้าไปก่อน


    [


    "เสียเวลาไปมากเพราะโดนพลังของป่าทำให้ต้องวนหลายรอบ" อลิสบ่นเล็กน้อย


                   
    ในที่สุดอลิสกับคิเมร่ายักษ์ก็ฝ่าป่ามาจนถึงกระท่อมเก่ากลางป่า เธอรีบกระโจนลงมาจากหลังคิเมร่าแล้ววิ่งไปเปิดประตูอย่างเร็ว


    "มินางิ เป็นอะไรไหม" แล้วอลิสก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้า


                   
    มินางิที่นอนขดตัวร้องไห้ซิกๆ เสื้อผ้าที่สวมใส่หลุดลุ่ย ส่วนสาวหูแมวมิลนั่งยิ้มแล้วเริ่มเลียตามมือ หลังจากชิมรสชาติจากตัวมินางิจนหนำใจ


    "อลิส ชั้นเป็นเจ้าสาวไม่ได้แล้ว" มินางิน้ำตาคลอ

    "ม...มินางิ ท...ทำไม บ้าที่สุดดดดดดด" อลิสถึงกับร้องไห้วิ่งไปหาคิเมะจังที่นั่งอยู่หน้ากระท่อม


                   
    อายะบินด้วยความเร็ว และตามจิตของอลิสมาจนถึงกระท่อม เห็นอลิสกอดคิเมะจังแล้วร้องไห้ออกมา อายะวางตัวเมลลงกับพื้น

    "เอ่อ...เธอเป็นอะไรเหรอ" อายะเดินไปถามอลิส

    "ก...ก็ มินางิ โดนเอาความบริสุทธิ์...ฮึก...ไปแล้วอะ" อลิสสะอื้น

    "หา...จะบ้าเหรอ" แล้วอายะก็เดินไปดูในกระท่อม อลิสเดินตามเข้ามาดูอีกที


                   
    อายะเห็นภาพเดียวกับที่อลิสเห็นคือมินางินอนขดตัวสะอื้นอยู่กับพื้น เสื้อผ้าหลุดลุ้ย ส่วนมิลนั่งหน้าเอ๋อ


    "เกิดอะไรขึ้นกับเธอน่ะ มินางิ" อายะถาม

    "อย่าพูดถึงมันอีก" มินางิสะอื้น

    "เธอไปทำอะไรเขาน่ะ" อายะหันไปถามมิล

    "หนูเปล่าทำอะไรนี้ แต่ชิมตัวพี่คนนี้เฉยๆ แค่เลียตามตัวทุกซอกทุกมุมแค่นั้นเอง" มิลทำหน้าเอ๋อ

    "ง่ะ...เลียทุกซอกทุกมุม" อายะหันไปมองมินางิ

    "อย่า อย่ามองชั้น ชั้นไม่เหลืออะไรอีกแล้ว" มินางิเอามือปิดหน้า

    "อย่ามาบ้าน่า โดนแค่นี้ ล้างน้ำเดี๋ยวก็หายแล้ว" อายะเข้าไปเขกหัวมินางิ

    "โธ่เอ้ย ก็นึกว่าโดนอะไร ถ้าโดนเลียแค่นี้อลิสไม่ถือหรอก มินางิยังไม่ได้เสียความบริสุทธิ์นี้" อลิสหยุดสะอื้น

    "ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ ชั้นเป็นผู้เสียหายนะ ลองมาโดนดูมั่งสิ" มินางิน้ำตาคลอ

    "มันจะขนาดไหนเชียว" อายะทำหน้าเซง

    "หนูไม่รู้นะว่าพวกพี่พูดเรื่องอะไรกัน หนูก็แค่เลียทั่วตัวเท่านั้น แต่ตอนเลียพี่คนนี้ถึงกับร้องครางออกมาเหมือนพอใจอย่างนั้น หนูก็เลยนึกว่าชอบก็เลย..." มิลยังคงพูดด้วยสีหน้าเอ๋อบริสุทธิ์อยู่

    "หยุดนะ อย่าพูด" มินางิทำเสียงดัง

    "โห ถึงกับร้องครางเชียว มิน่าถึงได้โกรธ ดูท่าจะถูกเด็กคนนี้จับจุดอ่อนได้แล้วสิ" อายะมองมินางิแบบเหยียดๆ

    "น่าอิจฉาจัง อลิสก็อยากเลียมินางิดูบ้าง" อลิสทำท่าดูดนิ้ว

    "หยุดนะ อย่าแม้แต่จะคิด" มินางิจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย

    "พ...พวกเธอ จะเอาเหยื่อของเราไปไหน" เมลค่อยๆ เดินเข้ามาในกระท่อมอย่างยากลำบาก

    "อ้าว พี่บาดเจ็บนี้" มิลรีบวิ่งเข้าไปหาเมล

    "ไม่เป็นไร แค่นี้พื่ทนได้" แต่เมลก็ยังคงทรุดตัวลง มิลรีบเข้าไปประคอง

    "นี้เธออย่าขยับตัวมากจะดีกว่านะ เพราะยันต์ที่ชั้นติดให้มันจะดึงพลังภายในตัวของเธอมารักษาร่างกาย เพราะฉะนั้นจะขยับตัวลำบากนิดนึง" อายะอธิบาย

    "อย่างมาพูดดี ชั้นไม่คืนเหยื่อของชั้นให้หรอก" เมลยังคงพยายามลุกขึ้นยืน

    "นี่พวกเธอทำอะไรกันอยู่เหรอ" มีเสียงจากบุคคลอื่นเข้ามาในกระท่อม ทำเอาทุกคนที่อยู่ในกระท่อมหันไปมอง ปรากฎเป็นเด็กสาวตัวเล็กในชุดกระโปรงสีฟ้า

    "ท...ท่านจิบิจิบิ" เมลพูดขึ้น

    "จิบิจัง" มิลพูดเสียงใส

    "สวัสดีจ้า" จิ้งจอกสาว อินุคามิ โมโมะริริน เดินตามเข้ามาในกระท่อม

    "เกิดอะไรขึ้นเหรอ" เด็กสาวถาม

    "ก็ ยัยพวกนี้จะมาแย่งเหยื่อพวกหนูไปนะสิคะ" เมลพูดเสียงอ่อย

    "อ้าว คนในศาลเจ้าโดเมียวยะนี้ สวัสดีจ้า" รินทักทายพวกอายะ

    "รินรู้จักคนพวกนี้ด้วยเหรอ" จิบิจิบิถามริน

    "ก็ นิดหน่อยจ๊ะ" รินตอบ

    "ว่าแต่ เมลจะกินคนพวกนี้จริงๆ เหรอ" จิบิจิบิเข้าไปซักไซร่เมล

    "เอ่อ...คือว่า" เมลอ้ำอึ้ง

    "จิบิจิบิเคยบอกแล้วไงว่าไม่ให้กินคนอีก แล้วจิบิจิบิก็เอาอาหารมาให้ตลอดไม่ใช่เหรอ" จิบิจิบิเข้าไปซักไซร่เมลเรื่อยๆ

    "ข...ขอโทษค่า..." เมลก้มลงขอโทษ

    "เข้าใจก็ดีแล้ว เอาเป็นว่าจะยกโทษให้ แต่ต่อไปห้าทำอีกนะ" เด็กน้อยยิ้มอย่างสดใส


                   
    พวกอายะเดินออกมาจากกระท่อม มิลโบกมือให้มินางิทำเอามินางิหน้าซีดแล้วรีบหลบหน้าทันที


    "แล้วพวกคุณมาทำอะไรกันป่าล่วงตาตอนกลางคืนเหรอค่ะ" รินถามอายะ

    "ก็พวกเรามาหาอาหารในป่า แต่มันมืดซะก่อนก็เลยออกไปจากป่าไม่ได้" อายะเริ่มอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมด

    "เออจริงสิ ลืมตะกร้าผักที่เอดีน่าให้มาซะสนิทเลย" อายะทำเสียงดัง

    "หมายถึงของพวกนี้เหรอค่ะ" รินดึงถุงหนังจิ้งจอกออกมาเสื้อ เธอเปิดถุงแล้วเทของภายในออกมาปรากฎเป็นตะกร้าผักใบใหญ่

    "นี้แหละ ว่าแต่ทำไมคุณถึงได้..." อายะตรวจดูภายในตะกร้า

    "ก็พวกเรามาหาของนิดหน่อย แล้วได้ยินเสียงระเบิดก็เลยเดินตรวจจนเจอนะจ๊ะ" รินยิ้ม

    "ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าจะหายไปซะแล้ว" อายะถอนหายใจ

    "เอาล่ะ พวกเรากลับกันเถอะจิบิจิบิ" รินจุงมือจิบิจิบิ

    "เดี๋ยวก่อนคะ พวกคุณออกไปจากป่านี้ได้ด้วยเหรอ" มินางิถาม

    "ก็ได้นะสิจ๊ะ" รินหันไปตอบ

    "งั้นขอพวกเราออกไปด้วยคนสิ ไม่อยากอยู่ในนี้จนถึงเช้า" อายะ มินางิ อลิสพูดพร้อมกัน

    "งั้นก็ตามเรามาก็แล้วกัน" รินยิ้มแล้วเริ่มออกเดิน


                   
    ทั้งหมดเดินมาจนถึงต้นไม้ใหญ่กลางป่า รินเดินไปที่โพรงไม้ แล้วใช้มือวาดเป็นวงหน้าโพรงไม้ ภายในโพรงไม้เกิดแสงสว่าง

    "เข้ามาเลยจ๊ะ" รินและจิบิจิบิเดินเข้าไปในโพรงไม้ พวกอายะรีบวิ่งตามไปทันที

    "เอาล่ะ ออกมาได้แล้ว" ทั้งห้าคนออกมาจากโพรงไม้อีกฝ่ากของป่า

    "เอาล่ะ พวกเราขอตัวก่อนนะ" รินบอกลาพวกอายะ

    "ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไมได้พวกคุณช่วยมีหวังพวกเราคงแย่" อายะก้มหัวขอบคุณริน


                   
    พวกอายะบอกลารินแล้วทำท่าจะบินกลับ แต่รินรั้งตัวอายะไว้ชั่วขณะ


    "ต่อแต่นี้ไปก็ระวังตัวด้วยนะ ยังมีเรื่องที่ยากลำบากอีกมาก และหวังว่าพวกเราจะได้พบกันอีก"
     

    รินยิ้มก่อนจะมีสายลมพัดผ่านตาของอายะทำเอาอายะปิดตาชั่วขณะ และพอลืมตาขึ้นมา รินและจิบิจิบิก็หายตัวไปแล้ว ปล่อยให้อายะนึกถึงคำพูดทิ้งท้ายของริน


    [

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×