คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เจ้าหญิงโลกปีศาจ
ณ ศาลเจ้าโดเมียวยะ มิโกะสาวอายะยืนบิดขี้เกียจและสูดลมหายใจจนเต็มปอด พร้อมกับยืนรับรรยากาศยามเช้าของเรียวจินโซ อายะเริ่มกวาดเศษใบไม้ตามพื้นบริเวณด้านหน้าของศาลเจ้า เธอเริ่มกวาดใบไม้มากองไว้ที่พื้นจนเริ่มสูง
"เฮ้อ เสร็จซะที" อายะเอามือเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก
ซักพัก เกิดลมค่อนข้างแรงพัดเข้ามาที่หน้าอายะอย่างจัง ใบไม้ที่กวาดไว้เริ่มปลิวและกระจายไปรอบๆ ศาลเจ้าอีกครั้งอายะทำท่าหนาวสั่น
"ลมบ้าอะไรเนี้ย อุตส่าห์กวาดเสร็จ ต้องกวาดไม่อีกแล้ว...อุ้ย หนาว"
ลมพัดกลับมาอีกครั้ง อายะทำท่าหนาวสั่น แต่คราวนี้ กองใบไม้ที่ถูกลมพัดกลับมากองรวมกันอีกครั้ง
"เป็นไปได้ไงเนี้ย"
อายะยังคงตกตะลึงโดยไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีคนยืนอยู่ด้านหน้าของตัวศาลเจ้า จนมีเสียงสั่นกระดิ่งหน้ากล่องรับบริจาคดังขึ้น อายะหันไปมอง มีหญิงสาวสองคนคนหนึ่งอยู่เป็นสาวสวยผมทองสั้นในชุดกระโปร่งสีฟ้าอ่อนบานยาวถึงพื้นสวมหมวกผ้าริ้ว กำลังยืนประนมมืออธิษฐาน พร้อมโยนเงินบริจาคลงกล่องไม้ใหญ่ ส่วนหญิงสาวอีกคน ใบหน้าดูงดงามราวเจ้าหญิง ผมดำเงางามและมีหูจิ้งจอกขนาดใหญ่สีเหลืองชี้ออกสองข้าง ในชุดกิโมโนสีชมพู มีหางจิ้งจอกอยู่ด้านหลัง 9 หาง ยืนหลับตาและประนมมืออยู่ด้านหลังหญิงคนแรก อายะยืนมองทั้งสองคนในมือยังคงถือไม้กวาดอยู่เมื่อหญิงสาวในชุดกระโปร่งบานลดมือลง เธอหันกลับมามองอายะ ด้วยสายตาประเมิน
"สวัสดีจ๊ะ เธอสินะ มิโกะคนใหม่ของศาลเจ้าแห่งนี้" หญิงสาวคนนั้นเดินเข้ามาหา อายะพยักหน้ากลับ
อายะรู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาลจากในตัวหญิงสาวคนนี้ จนทำเอาลืมหายใจ เหมือนมีแรกกดดันมหาศาลอะไรบางอย่างจากตัวหญิงสาวคนนี้คอยบีบรัดตัวอายะอยู่ แต่เธอก็เริ่มหายใจออกหลังจากที่ หญิงสาวหูจิ้งจอกเดินมายิ้มให้
"สวัสดีจ๊ะ หน้าตาน่ารักดีนะ เธอมีชื่อว่าอะไรเหรอ" หญิงสาวหูจิ้งจอกถามพรางยิ้มให้
"น...หนูชื่อ โดเมียวยะ อายะ ค่ะ เอ่อ...ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็น..."
หญิงสาวชุดกระโปร่งบานยิ้ม เธอมองไปที่อายะด้วยสายตาที่คมกริบ ราวจะเชือดเฉือนตัว
อายะให้ขาดเป็นท่อนๆ ได้หญิงสาวคนนั้นล่วงกระเป๋าแล้วหยิบพัดออกมา เธอคลี่พัดในมือแล้วเอาพัดป้องปากไว้
"ชั้นมีชื่อว่า ฮิรากุ ฮิโยริ เป็นเจ้าของตำหนักพันปี และเป็นผู้กุมกุญแจ แห่งเรียวจินโซ แห่งนี้" หลังพูดจบ ฮิโยริ ก็หุบพัดทันที
"ส่วนดิฉันมีชื่อว่า อินุคามิ โมโมะริริน แต่จะเรียกว่า ริน ก็ได้ เป็นจิ้งจอกพันปี และเป็นข้ารับใช้ของท่านฮิโยริ" รินพูดพร้อมยิ้มอย่างสุภาพ
"ตำหนักพันปี มีสถานที่แบบนั้นอยู่ด้วยเหรอ" อายะถาม
รินจึงชี้ให้อายะดูปราสาทขนาดใหญ่ทรงตะวันออกที่อยู่สุดปลายขอบฟ้า อายะจ้องไปที่ปราสาทและเริ่มสงสัยตัวเองว่าทำไมถึงมองไม่เห็นก่อนหน้านี้
แล้วอายะก็ต้องสะดุ้ง เพราะ ฮิโยริเดินเข้ามา แล้วเอามือลูบบริเวณใต้คางของอายะ ก่อนจะเชิดหน้าของอายะมามองให้ชัดๆ อายะแทบขยับตัวไม่ได้เมื่อได้สบตาเข้ากับ ฮิโยริ นัยน์ตาของฮิโยริมีสีเหลืองทองเป็นประกาย แต่รูม่านตาภายในกลับฉีกเป็นแนวตั้งเหมือนนัยน์ตาของแมว อายะเหมือนรู้สึกตัวเองถูกใครบางคนล่วงเข้าไปในจิตใต้สำนึก
"ขอโทษนะคะ ท่านฮิโยริ นี้ก็จะได้เวลาอาหารเช้าแล้ว รีบกลับเถอะค่ะ" รินพูดขัดขึ้นมา
ฮิโยริ ปล่อยมือจากอายะแล้วทำหน้าไม่พอใจใส่ริน แต่ก็ต้องหยุดมือ และเริ่มถอนหายใจ อายะรู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็เริ่มทำท่าระแวงฮิโยริมากขึ้น
"ชั้นมาทักทายแค่นี้แหละ ต้องขอตัวก่อนนะ"
ฮิโยริเดินไปที่หน้าประตูศาลเจ้า รินยืนโค้งให้กับอายะก่อนจะตามรินไป เมื่อรินเดินไปถึงตัวฮิโยริ ก็เกิดลมพัดขึ้นมีใบไม้ปริวผ่านหน้าอายะไปชั่วขณะ แล้วฮิโยริกับรินก็หายตัวไป อายะทำท่าประหลาดใจ
"สองคนนั้นเป็นใครกัน ดูท่าจะไม่ใช่คนธรรมดาซะแล้วสิ"
[
มินางิยังคงนอนน้ำลายยืดแผ่สองสลึงอยู่ในห้องรับรองแขกของศาลเจ้า อายะยืนจ้องมินางิด้วยสายตาเบื่อหน่ายแล้วยืนตบกระทะด้วยทัพพีจนเกิดเสียงดังกังวาล
"ตื่นๆๆๆ ตื่นซะที จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน" มินางิสะดุ้งตื่น จนขี้ตาร่วงหมดตา แล้วทำท่าหันซ้ายหันขวาไปรอบๆก่อนจะหันไปมองอายะ
"อ้าว อายะ อรุณสวัสดิ์" มินางิทำหน้าเอ๋อ
"มาอ้างมาอ้าวอะไร สายแล้ว ไปกินข้าวแล้วกลับบ้านไปได้แล้ว" อายะเอามือเท้าเอว
"ข้าวเหรอ เอาสิ กินๆ"
มินางิรีบลุกจากที่นอนแล้วทำท่าจะวิ่งออกจากห้อง แต่โดนอายะขัดขา มินางิเลยล้มหน้าไถลไปกับพื้น มินางิลุกขึ้นมานั่งแล้วเอามือลูบหน้า
"อุ้ย เจ็บๆ ทำบ้าอะไรของเธอ" มินางิเริ่มมีน้ำโห
"คิดจะกินอย่างเดียวรึไง ไปเก็บที่นอนซะก่อน แล้วไปล้างหน้าล้างตาด้วย เธอตอนนี้ดูไม่ได้เลยนะ"
มินางิมองดูตัวเอง ผมบนหัวชี้ไปรอบด้าน แล้วเอามือจับที่สีข้างก่อนจะวิ่งไปที่ห้องน้ำ อายะทำหน้าเบื่อหน่าย
"ทานล่ะนะค้า" มินางิตะกุยข้าวในชามเข้าปากด้วยตะเกียบ
"โห อร่อย สุดยอดแห่งความอร่อย ไม่เคยกินอะไรอร่อยเท่านี้มาก่อนเลย" ตามินางิเป็นประกาย
"นี้อายะ แต่งงานกับชั้นเถอะ แล้วทำอาหารให้ชั้นกินทุกๆ วันน้า" มินางิเข้าไปกอดอายะ
"เธอละเมอขี้ตาไม่หายรึไง อย่ามาบ้าให้มากนัก กินเสร็จก็ออกไปซะ" อายะดันหน้ามินางิให้ออกไปห่างๆ
"อย่าพูดงั้นสิ อายะ เราเพื่อนกันน้า รักกันให้มากๆ หน่อยสิ" มินางิพยายามเข้าไปคลอเคลียอายะ
"ชั้นไม่เห็นรู้เลยว่าเธอเป็นเพื่อนชั้น เมื่อวานยังตีกับชั้นอยู่เลย" อายะพยายามดันมินางิ
"ศัตรูของเมื่อวาน คือเพื่อนของวันนี้ ไม่เคยได้ยินเหรอ"
"ไม่เคยได้ยินซักนิด"
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ทั้งคู่ดื่มน้ำชากันในห้องนั่งเล่น มินางิซดน้ำชา แล้วหยิบเข้าเกรียบมากินอายะมองไปที่มินางิ
"ทำไมเธอยังไม่กลับบ้านไปอีกหา" อายะทำหน้าเบื่อหน่าย
"น่าๆ ชั้นขออยู่เป็นเพื่อนเธอหน่อย จะได้ไม่เหงาไง" มินางิยิ้มพร้อมดื่มชาต่อ
อายะถอนหายใจยาวๆ กับการกระทำของมินางิ และเริ่มทำใจพร้อมกับคิดว่า คิดผิดรึเปล่าที่เอายัยนี้มาค้าง
[
ขณะเดียวกัน ณ ตำหนักพันปี ฮิโยริ กำลังสนุกกับการโยนองุ่นใส่เด็กสาวตัวน้อยในชุดกระโปร่งสีฟ้า เด็กน้อยกระโดดงับองุ่นอย่างแม่นยำ ทั้งคู่ดูเหมือนกำลังเล่นสนุกกันอยู่
"ท่านฮิโยริคะ อย่าเอาของกินมาเล่นแบบนี้สิคะ" รินที่ยกถาดน้ำชาอยู่ทำท่าฉุนเล็กน้อย
"ไม่เห็นเป็นไรเลยนี้ ดูท่า จิบิจิบิ จะสนุกกับมันไม่น้อยเลยนะ" ฮิโยริยังคงเด็ดองุ่นแล้วโยนใส่ให้ จิบิจิบิกระโดดงับต่อ
"เป็นไงบ้างคะ ท่านฮิโยริ" จิบิจิบิกระโดดโลดเต้นหลังจากกระโดดตีลังกางับองุ่นกลางอากาศ
"เก่งจ้า เก่ง" ฮิโยริ ปรบมือชอบใจ รินทำได้แค่ถอนหายใจ
แล้วฮิโยริก็หยุดโยนองุ่น แล้วเริ่มดีดนิ้ว เหล่าอาหารที่อยู่บนโต๊ะ เริ่มจมหายไปกับโต๊ะ แล้วปรากฏเป็นลูกแก้วใส ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนหมอนสีม่วง
"มีอะไรเหรอค่ะ ท่านฮิโยริ" จิบิจิบิ แทรกตัวเข้าไปดูใกล้ๆ
"จะดูอะไรซักหน่อยน่ะ" ฮิโยริเอามือประคองรอบๆ ลูกแก้วไว้ ลูกแก้วเริ่มเรืองแสง รินเหลือบสายตาไปมองที่ลูกแก้ว
"เอาล่ะ วันนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างน้า อยากรู้จริง"
[
"กลับมาแล้ว"
มินางิเปิดประตูบ้านทรงตะวันตกชั้นเดียวที่ตั้งอยู่กลางป่า เธอโยนหมวกไปแขวนไว้ที่ไม้แขวนหมวกข้างประตูบ้าน ก่อนจะลงไปนั่งบนเก้าอี้ทำงานทำด้วยไม้ และเริ่มจัดกองหนังสือและกระดาษบนโต๊ะหนังสือ โดยหารู้ไม่ว่า มีอะไรบางอย่างแอบอยู่ใต้โต๊ะ เงาดำใต้โต๊ะลืมตาเป็นประกาย มินางิยังคงไม่รู้ตัว แล้วเงานั้นก็ตะครุบใส่มินางิ
"มินางิ" สาวน้อยร่างเล็กในชุดกระโปร่งยาวสีขาวกระโจนเข้าใส่มินางิจนล้มลงกับพื้น
"เมื่อวานไปไหนมา ชั้นมาหาไม่เห็นเธออยู่ รอจนเช้าก็ไม่เห็นเธอกลับมา" เด็กสาวคนนั้นนั่งบนตัวมินางิแล้วเข้าคอเสื้อจนมินางิตาเริ่มลาย
"เดี๋ยวก่อน รอแป๊บนึงสิ อลิส" มินางิดันสาวน้อยให้ออกไปจากตัว
อลิส ยืนขึ้นแล้วดึงตัวมินางิให้ลุกจากพื้น เด็กสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มินางิเริ่มเกาหัว ก่อนจะเริ่มปัดฝุ่นที่ติดตามกระโปร่ง
"เธอไปไหนมาเหรอ เมื่อวานสัญญากับชั้นว่าจะอยู่เล่นด้วยกันแท้ๆ"
"ขอโทษที เมื่อวานมันมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ ก็เลยไม่ได้กลับบ้าน" มินางิเกาหัวแต่ไม่มองไปที่อลิส
"เมื่อวานเธอคันโซกุอยู่กับใครเหรอ ชั้นเห็นเธอยิง ไลท์เทนนิ่งมาสเตอร์ ใส่ป่า ศัตรูเป็นใครเหรอ แล้วชนะไหม" อลิสยิงคำถามใส่
"ก็แพ้น่ะ คู่ต่อสู้เก่งมากเลย โดนไลท์เทนนิ่งมาสเตอร์ไปสองลูกยังไม่ล้มเลย" มินางิหัวเราะเสียงแหบ
"มันเป็นใคร ชั้นจะไปแก้แค้นให้มินางิเอง" อลิสทำท่าชกลม
"ไม่เป็นไรน่า ตอนนี้คนๆ นั้นเป็นเพื่อนกับชั้นแล้ว ไม่ต้องคิดมากหรอก"
"หา! เพื่อน...ไม่ได้น่ะ เพื่อนของมินางิมีแค่อลิสคนเดียวก็พอแล้ว" อลิสเข้าไปดึงกระโปร่งของมินางิ
"อะไรกัน มีเพื่อนเยอะๆ สิถึงจะสนุก" มินางิยิ้ม
"ไม่เอา ไม่ยอม มินางิต้องเป็นของชั้นคนเดียวเท่านั้น" อลิสทำท่างอแง จนมินางิทำตัวไม่ถูก
"ชักน่าสนใจซะแล้วสิ" ฮิโยริยิ้ม พร้อมกับจ้องมองที่ลูกแก้วต่อ จิบิจิบิยืนนวดไหล่ให้
[
ตกดึกของวัน อายะซดน้ำชาก่อนอยู่ริมระเบียงศาลเจ้า แล้วถอนหายใจออกมา
"ในที่สุดก็กลับได้ซะที ทั้งข้าวเช้าข้าวเที่ยง ยัยนั้นเห็นที่นี้เป็นร้านอาหารรึไงกัน" อายะเริ่มหัวเสีย
"หวังว่าคืนนี้คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นน่ะ" อายะซดน้ำชาจนหมดถ้วยแล้วไปปิดไฟศาลเจ้าเพื่อเข้านอน
ปรากฏเงาดำลอยอยู่บนฟ้า คอยจ้องมองอายะเดินปิดประตูหน้าต่าง ด้วยสายตาอาฆาต แล้วร่างนั้นก็เริ่มหายไป
เช้าวันต่อมา อายะทำอาหารให้ห้องครัวตามปกติ เธอจัดอาหารใส่หม้อแล้วยกไปที่ห้องกินข้าว แต่ก็ต้องหยุดชะงัก มินางิ นั่งยิ้มในมือถือตะเกียบ ทำท่าพร้อมกิน แถมยังมีอลิสพ่วงมาด้วย
"พวกเธอ...มาทำอะไร" อายะทำหน้าเบื่อหน่าย
"ก็มากินข้าวไง รีบเอามาเสิร์ฟเร็วๆ สิ" มินางิทำหน้าเอ๋อ
"...-_-" อลิสนั่งเงียบ
"พวกเธอเห็นที่นี้เป็นร้านอาหารรึไง" อายะเริ่มหัวเสีย
"เปล่าซะหน่อย ร้านอาหารมากินยังต้องเสียเงินเลย แต่ที่นี้ฟรี" มินางิทำหน้าระรื่น
"-__-||" อายะอ้าปากค้าง และพึ่งจะสังเกตเห็นอลิส
"แล้วเด็กคนนี้ใคร" อายะถามมินางิ
"ชั้นชื่อ อลิส...อลิส ลูซิเฟอร์" เด็กสาวคนนั้นตอบ
"เธอเป็นลูกสาวของจอมปีศาจ เป็นลูกครึ่งมนุษย์-ปีศาจน่ะ ว่าง่ายๆ ก็คือเจ้าหญิงโลกปีศาจนั้นแหละ" มินางิแถม
อาแยะแปลกใจซักนิดกับคำว่าเจ้าหญิงโลกปีศาจ เธฮจ้องมองไปที่อลิสแล้วยิ้มทักทาย แต่ดูเหมือนอลิสจะเมินหน้าอายะ ก่อนจะเขม่นตาใส่ แล้วหันหน้าไปทางอื่น ทำเอาอายะเหงื่อตก
"นี้ ชั้นทำอะไรผิดเหรอ ดูเหมือนเด็กคนนั้นจะเหม็นหน้าชั้นยังไงไม่รู้" อายะกระซิบกับมินางิ
"ไม่หรอกน่า เด็กคนนี้ออกจะเป็นเด็กดี แต่รีบๆ เถอะ ชั้นหิวแล้ว" มินางิยิ้ม อายะเหงื่อตกคิดได้แค่ต้องทำใจ
ทั้งสามนั่งกินข้าวด้วยกัน มินางิตะกุยข้าวเข้าปากอย่างเร็ว อายะเหงื่อตก ส่วนอลิสพอชิมอาหารที่อายะทำก็เริ่มรู้สึกติดใจ แต่ก็กินอย่างสุภาพ อายะเห็นอลิสชอบใจในรสชาติอาหารของตนก็รู้สึกดีใจเล็กน้อยแต่พออลิสเห็นอายะทำหน้าดีใจจึงรีบเมินหน้าหนีทันที
หลังทั้งสามกินอาหารเสร็จ มินางินั่งซดชาสบายอารมณ์ อลิสนั่งดื่มชาอยู่นิ่ง อายะเริ่มเบื่อหน่ายสุดๆ
"นี่พวกเธอมาทำอะไรกันแน่เนี้ย" อายะเริ่มบ่น
"ก็มาเยี่ยมเธอไง เห็นอยู่คนเดียวกลัวเหงาก็เลยพาเพื่อนมาหาไง" มินางิยิ้มแบบไม่รู้ไม่ชี้
"..." อสิลยังคงนั่งเฉย บรรยากาศหลังกินข้าวช่างไม่ต่างกับบรรยากาศก่อนกินเอาซะเลย
"นี้อายะ ไม่คิดจะแต่งงานกับชั้นเหรอ" มินางิเข้าไปคลอเคลียอายะ
"ทำอะไร น่าคลื่นไส้ ปล่อยชั้นนะ" อายะดันตัวให้มินางิออกห่าง
"ไม่เอาน่า ชั้นอยากกินอาหารฝีมืออายะอีกจังเลย" มินางิยังไม่เลิกความพยายาม
มินางิพยายามเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยง อายะพยายามขัดขืนสุดขีด อลิสมองการกระทำของทั้งสองคนแล้วเริ่มทนไม่ไหว
"ทั้งสองคน หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ" อลิสทำเสียงดังทำเอามินางิกับอายะหยุดชะงัก
"ทำไมล่ะ มินางิ ชอบยัยนี้มากเลยเหรอ ชั้นไม่ดีพอเหรอ" อลิสเริ่มน้ำตาคลอ
"ป...เปล่านะ เราแค่ล้อกันเล่นเท่านั้นเอง" มินางิพยายามแก้ตัว
แต่ตอนนี้อลิสดูท่าจะไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น ดูเหมือนเธอจะโมโหสุดๆ และดูเหมือนจะมีออร่าไฟแห่งความอิจฉาอยู่รอบตัว
"ยัยมิโกะ ชั้นขอท้า คันโซกุ กับเธอ ใครชนะได้มินางิไป" อลิสชี้หน้าอายะ
"หา...ชั้นเนี้ยน่ะ ชั้นเปล่าทำอะไรซะหน่อย และก็ไม่ได้คิดจะเอาตัวมินางิ..."
"หุบปาก"
อสิลไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งสิ้น อายะหันไปมองมินางิ มินางิทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ อายะกัดฟันกรอด ในที่สุดอลิสกับอายะก็ไปยืนประจันหน้ากันที่สวนด้านหลังศาลเจ้า โดยมีมินางิยืนสังเกตการณ์
"นี้ เราจะพูดกันดีๆ ไม่ได้เหรอ"
"ไม่ต้องพูดมาก" อลิสเริ่มร่ายเวทย์ อายะเห็นท่าไม่ดู จึงรีบเข้าไปขัด
"ไฟ ไอซ์"
เวทย์ไฟน้ำแข็งสองสายพุ่งตรงไปยังอายะ แต่อายะใช้ไม้ไล่ผีปัดให้กระเด็นออกไป อลิสเริ่มร่ายเวทย์ต่อคราวนี้มีวิญญาณลอยอยู่รอบตัว
"โซล สตริงเกอร์" ดวงวิญญาณพุ่งเข้าใส่อายะหลายสาย อายะบินขึ้นฟ้า แต่สายวิญญาณก็พุ่งตามไปติดๆ
"เวทย์ติดตามเหรอ" แล้วอายะก็ควักยันต์คุ้มกายออกมารับการโจมตี
"บินได้ด้วยเหรอ" อลิสประหลาดใจเล็กน้อย แต่เธอก็เริ่มบินตาม
"เหล่าอสูรรับใช้ของข้า จงไปจัดการเป้าหมายของเจ้า" ปรากฏฝูงอิมขนาดเล็ก(อสูรรูปร่างเหมือนลิงสีดำขนาดเล็ก มีปีกค้างคาวกลางหลัง)
ฝูงอิมพุ่งเข้าไปวนรอบตัวอายะ อายะพยายามใช้ไม้ไล่ผีปัดไล่ แต่อิมทั้งฝูงก็ยังคงรุมโจมตีอายะไม่ยอมหยุดฝูงอิมเริ่มจิกและใช้หอกในมือฟันอายะจนเกิดบาดแผล
"โอ้ย น่ารำคาญโว้ย เยอะนักใช่ไหม" อายะโยนยังไปสี่ทิศ
"อาคมผนึกมาร"
เกิดแสงพุ่งไปรอบยันต์ และเกิดลำแสงทำลายรอบๆ ตัวอิมจนสลายไป
"เธอจะเอาจริงใช่ไหม งั้นชั้นจะไม่อ่อนข้อให้แล้วนะ" อายะเริ่มโมโห
เธอพุ่งเข้าไปโจมตีอลิสในระยะประชิด อลิสเอามือจับเชือกรัดหนังสือที่ตนถือไว้ แล้วเหวี่ยงหนังสือใส่อายะ ทำเอาอายะต้องถอยหลังไป แต่อลิสยังไม่หยุดหมุนตัวแล้วเหวี่ยงหนังสือเข้ากระแทกอายะเข้าอย่างจัง อายะใช้มือกันไว้แต่ก็รู้สึกว่าหนังสือเล่มนั้นหนักมากๆ จนสามารถกระแทกให้อายะกระเด็นลงมากระแทกกับพื้น อายะเริ่มงงนิดหน่อยว่าตนโดนอะไรไป
"หนังสือบ้าอะไรหนักเป็นบ้า โดนกระแทกจังๆ นี้ทำเอาสลบได้เลยนะ" อายะจับที่สีข้างของตน
"ระวังนะอายะ หนังสือนั้นเป็นหนังสือปีศาจ มันมีพลังปีศาจเทียบเท่ากองทัพปีศาจทั้งฝูงเลย" มินางิตะโกนบอกอายะทำเอาอลิสดูจะไม่พอใจและเปิดหน้าหนังสือ
"ด้วยพันธนาการแห่งความมืด จงหยุดร่างเนื้อตรงหน้าข้า"
อายะโดนผนึกสีดำตรึงร่างให้อยู่กับที่ เธอขยับร่างกายไม่ได้
"กรีดรัด" อลิสกำหมัด
อายะกรีดร้องออกมา รู้สึกร่างกายเหมือนกำลังฉีกขาด และถูกรัดแน่น บีบอัด หายใจไม่ออก อลิสกำหมัดแน่นเข้าไปอีก จนอายะกระอักเลือดออกมา และไม่มีเสียงร้องออกมาแล้ว
"ยังไม่พอหรอก ชั้นไม่ให้อภัยเธอแน่" แววตาอลิสฉายแววอาฆาต
"มันเกิดอะไรขึ้น ปกติคำสาบของอลิสมันต้องสร้างเขตอาคมไว้รอบๆ เป้าหมายก่อนสิ แต่นี้ทำไม..." มินางิทำท่าคิด
"ไม่แปลกหรอก ชั้นมาร่ายเขตอาคมไว้ที่นี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไง" อลิสกำมือแน่น อายะเริ่มดิ้นและหมดสติไป
"อะไรกัน ไม่เห็นเก่งเลย ยัยนี้นะที่ชนะเธอได้ มินางิ" อลิสทำหน้าเมินเฉย
แต่อายะเริ่มขยับได้อีกครั้ง พันธนาการสีดำที่อยู่รอบตัวเริ่มแตกเป็นชิ้นๆ เกิดแสงสว่างพุ่งออกมารอบๆ ตัวอายะ
"แกตายแน่!!"
อายะหายตัวไปต่อหน้าอลิส แล้วปรากฏตัวอยู่ด้านหลังอลิส อายะใช้ไม้ไล่ผีฟาดไปที่อลิสจนลอยไปไกลอายะหายตัวอ้อมไปด้านหลังอลิสแล้วประกบมือไว้ที่หน้าอกของอลิส
"รวมผนึกลมปราณ"
เกิดลูกพลังทรงกลมที่ฝ่ามือของอายะ ลูกพลังหมุนเป็นวงกลมกระแทกใส่อลิส อลิสถึงกับกระอักเลือด อายะยังคงโจมตีต่อไปโดยใช้ยันต์โยนไปรอบทิศ แล้วใช้ท่าเดียวกับที่ใช้จัดการฝูงอิม อลิสกรีดร้องออกมา แล้วร่วงลงพื้น มินางิวิ่งเข้าไปดูอาการ
"อายะ เธอจะโหดเกินไปรึเปล่า อลิสยังเป็นเด็กอยู่เลยนะ"
"ไม่สั่งสอนตอนนี้ จะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในภายหลังไม่ได้หรอก" อายะบินลงมาดูอาการอลิส
"แด่อสูรร้ายของข้า จงฉีกกระชาก และจัดการกับศัตรูของข้า"
อลิสท่องมนต์และเกิดลำแสงทำเอาอายะและมินางิกระเด็นออกห่าง
"คาถาอัญเชิญนี้มัน..." มินางิหันไปหาอายะ
"อายะ! ข้างหลัง" มินางิตะโกนเตือน
อายะหันไปด้านหลัง จมูกชนเข้ากับอะไรบางอย่างขนาดใหญ่ รู้สึกว่าจะเป็นจมูกของมัน รูปร่างของมันเป็นสิงโตเผือกขนาดใหญ่ มีปีกนกสีขาวขนาดใหญ่ หางเหมือนงูขาว แววตาสีแดงฉายนักฆ่า มันคำรามใส่อายะจนผมของอายะปลิวไปด้านหลัง อายะรีบบินหนีทันที ก่อนที่มันจะทำท่างับหัวเธอเข้า
"ตามมันไป คิเมะจัง" อลิสกระโดดขี้คิเมะจัง อสูรยักษ์บินไล่ตามอายะไป
"มันตัวอะไรกันฟะเนี้ย" อายะรีบบินสุดชีวิต
"มันคืออสูรรับใช้ของอลิส คิเมร่า" มินางิขี้ไม้กวาดบินตามอายะ
"ระวังตัวด้วยนะ มันเป็นคิเมร่าที่เก่งที่สุดของโลกปีศาจ" แล้วมินางิก็บินลงพื้น
"อ้าว ไม่มาช่วยกันหน่อยเหรอ"
"คาออสบีม"
คิเมะจังของอลิสเริ่มชาจน์พลังในปากแล้วปล่อยลำแสงขนาดใหญ่ใส่อายะ อายะรีบควักยันต์คุ้มกายออกมารับการโจมตี เธอต้องใช้ถึงเจ็ดใบเพื่อป้องกันการโจมตี
"หยั่งนี้นี่เอง เธอถึงได้ป้องกันการโจมตีท่า ไลท์เทนนิ่งมาสเตอร์ ของมินางิได้ แต่ยันต์นั้นจะมีเยอะแต่ไหนกันนะ"
คิเมะจังยังคงพุ่มตามอายะไปติดๆ อายะพยายามบินผ่านช่องที่แคบระหว่างต้นไม้ หวังจะรอดจากอสูรยักษ์แต่มันกลับกระแทกต้นไม้หักกระจาย อายะจึงเปลี่ยนความคิดใหม่ บินผ่านช่องเขา แต่คิเมะจังก็ใช้พลังยิงใส่ช่องเขาจนเป็นรูทะลุ
"นี้มันตัวอะไรกันเนี้ย ขอร้องล่ะ เลิกตามซะที"
คิเมะจังบินไปถึงตัวอายะ และใช้อุ้งมือตะปบใส่อายะ ด้วยแรงของอสูรยักษ์ทำเอาอายะกระเด็นกระแทกกับพื้น อายะค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่ง แต่ก็ต้องชะงักเพราะ อสูรยักษ์มายืนอยู่ตรงหน้า
"จัดการมัน คิเมะจัง" อลิสสั่ง
คิเมะจังพุ่งเข้าไป และใช้อุ้งมือตะปบใส่อายะ อายะจนตรอก และรีบควักยันต์ออกมา
"ยันต์ผนึกอักขระสลายมาร"
อายะปิดยันต์สีเหลืองไว้ที่อสูรยักษ์ เกิดวงอักขระอักษรโบราณรอบๆ ตัวอสูรยักษ์ แล้วอักษรก็เริ่มบีบรัดตัวมันจนร้องคำรามออกมา
"ได้ผลด้วยแฮะ" อายะเริ่มยิ้มออก
"เป็นอะไรไป คิเมะจัง" อลิสทำท่าตื่นตกใจ
อสูรยักษ์ร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะสลายร่างไป อลิสร่วงลงพื้น แล้วทำการเรียกคิเมะจังออกมาใหม่อีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จ
"เกิดอะไรขึ้น ทำไม คิเมะจัง
"
แล้วอลิสก็ร้องไห้ออกมา เกิดลำแสงพุ่งออกมาจากพื้นที่อลิสนั่งอยู่ บริเวณรอบๆ ถูกทำลาย
"นี้มันอะไรกัน" อายะประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"อลิสร้องไห้เหรออายะ" มินางิรีบขี่ไม้กวาดมาหา
"ทำไมเธอพึ่งมา หา!" อายะต่อว่า
"โทษที แต่ว่าตอนนี้ต้องหยุดยัยอลิสให้ได้นะ ไม่งั้นบริเวณรอบๆ ได้หายไปจากเรียว จินโซแน่ๆ เพราะเวลายัยนั้นร้องไห้ เธอจะควบคุมพลังในตัวไม่ได้"
"แล้วต้องทำยังไงเล่า ถึงจะหยุดยัยนั้นได้" อายะถาม
"เธอกล้าฝ่าลำแสงนี้ไปหายัยนั้นได้ไหม ตรงกลางที่ยัยนั้นอยู่จะปลอดภัย"
"ก็พอทำได้หรอกนะ แต่เข้าไปแล้วต้องทำไงต่อ"
"ก็ทำให้ยัยอลิสหยุดร้องไห้ โดย..." มินางิทำหน้าแดงแล้วกระซิบเข้าที่หูของอายะ
"หา! จ...จูบเนี้ยนะ ไม่เอาชั้นไม่ทำ" อายะทำหน้าแดงและส่ายหน้า
"ไอ้ชั้นก็เคยทำแค่หนเดียวเท่านั้นแหละ ถ้าชั้นมีกล่องเก็บเวทย์แต่ใช้ไปกับเธอเมื่อวันก่อน ไม่งั้นชั้นทำเองแล้วล่ะ"
"ต...แต่ว่า"
"ขอร้องล่ะ มีแต่เธอเท่านั้นที่จะหยุดยัยนั้นได้"
มินางิทำหน้าอ้อนวอน อายะทำหน้าลำบากใจ แล้วหันไปมองลำแสงจากตัวอลิส และมองไปรอบๆ
"ก็ได้ ชั้นทำก็ได้" อายะทำท่าฝืนใจ
เธอติดยันต์คุ้มกายทุกใบไว้ที่ตัว แล้วเริ่มท่องคาถา มีแสงคุ้มกันรอบตัวอายะ และเธอก็ใช้พลังคุ้มกันตนเองอีกชั้นหนึ่ง ก่อนจะวิ่งฝ่ากระแสพลังเข้าไป
"ช่วยทีนะอายะ ขอโทษด้วยที่ชั้นตอแหลเธอ ชั้นเอากล่องเก็บเวทย์มาด้วยแต่ตัวเองไม่อยากทำ" มินางิแลบลิ้น
อายะวิ่งฝ่าคลื่นพลังจนมาถึงกลางลำแสง ลำแสงคุ้มกันรอบตัวอายะสลายไปแล้ว เธอหันหลังกลับไม่ได้ และวิ่งไปหาอลิสที่นั่งร้องไห้อยู่ เธอก้มลงใกล้ๆ อลิส แล้วจับแก้มทั้งสองฝั่งของอลิส จากนั้นบรรจงก้มหน้าไปประกบเข้าที่ปากของอลิส อลิสตกใจจนหยุดร้องไห้ ลำแสงรอบๆ เริ่มจางหายไป มินางิจึงวิ่งเข้าไปหา
"เป็นไงบ้างพวกเธอ" แต่มินางิต้องชะงักเพราะเห็นฉากน่าอายสุดๆ
อายะรีบดึงปากออกจากปากอลิสอย่างเร็ว อลิสยืนนิ่งเงียบ ที่ตาจ้องไปที่อายะด้วยความคิดที่ว่างเปล่ามินางิเห็นสถานะการไม่ค่อยดี จึงรีบเข้าไป
"ขอตัดสินให้ โดเมียวยะ อายะ เป็นผู้ชนะในการ คันโซกุ ครั้งนี้" มินางิประกาศทำเอาอายะและอลิสสะดุ้ง
"เอาล่ะจบแค่นี้นะ ไม่ต้องสู้กันแล้วนะ อายะ หิวข้าวแล้ว ทำอะไรให้กินหน่อยสิ"
"นี้เธอจะบ้าเรอะ เห็นชั้นเป็นตัวอะไร" อายะกระโดดตบหัวมินางิ ก่อนจะหันไปหาอลิส
"เออ...เรื่องคิเมร่าของเธอน่ะ ไม่ต้องห่วง ชั้นแค่ผนึกมันไว้ พรุ่งนี้เธอก็เรียกมันได้ใหม่อีกครั้ง"
หลังจากที่อลิสได้ฟังคำพูดของอายะก็เริ่มยิ้มขึ้นมา และทำท่าดีใจบวกโล่งอก อายะยังคงวิ่งไล่มินางิที่พูดจากวนประสาทไม่เลิก อลิสมองไปที่อายะ เธอยิ้มออกมาแล้วทำหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
[
บ่ายวันนั้น ทั้งสามคนนั่งกินข้าวอยู่ในศาลเจ้า มินางิยังคงตะกุยข้าวเข้าปากอย่างมุมมาม อายะต่อว่ามินางิจนไม่รู้จะว่ายังไงดี ส่วนอลิสที่นั่งกินข้าวไปก็เริ่มยิ้มให้กับรสชาติของอาหาร อายะเห็นอลิสยิ้มก็เริ่มรู้สึกสบายใจเล็กน้อยว่าจะไม่ต้องสู้กับเธออีกซักพัก
หลังกินข้าวเสร็จ มินางิก็ยังคงกวนอายะต่อไม่เลิก อลิสเห็นจึงเข้าไปกอดทั้งสองคนด้วย ทำเอาทั้งมินางิและอายะรู้สึกประหลาดใจ อลิสยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน
"เป็นวันที่สนุกจริงๆ ด้วยวันนี้" ฮิโยริยิ้มแล้วเก็บลูกแก้วลงโต๊ะก่อนจะหันไปมองด้านนอกของตำหนัก เพื่อมองทัศนียภาพของ เรียวจินโซ
[
ความคิดเห็น