ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic[Arthur/Merlin] : Love Effect - [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 57




    บทที่ 6

    *~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~*

    “เมอร์ลิน หยิบขวดยาสีเขียวบนชั้นตรงนั้นให้ข้าหน่อย”

    “...”

    “เมอร์ลิน?”

    เมื่อเห็นว่าเรียกไปแล้วไม่ตอบ ไกอัสซึ่งเป็นเจ้าของเสียงเพียงหนึ่งเดียวในห้องหมอหลวงอันเงียบสงบจึงหันไปมองเด็กหนุ่มอีกคนที่ไร้ปฏิกิริยาตอบรับมาตั้งแต่เมื่อครู่... และสิ่งที่เขาได้เห็นเป็นอย่างแรกหลังจากการละสายตาออกจากหม้อต้มยาของตนก็คือร่างบางของอีกฝ่ายที่กำลังยืนเช็ดขวดแก้วอยู่อย่างใจลอย... ดวงตาสีฟ้าเข้มเหม่อมองออกไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมายจนทำให้ชายชราต้องถอนหายใจออกมาด้วยความเป็นห่วง

    เมอร์ลินมีอาการอย่างนี้มาสักพักแล้ว ถ้าจะให้เจาะจงก็คือตั้งแต่คืนที่เขาออกไปพบอาเธอร์... ตอนแรกที่เขาให้คำแนะนำกับเด็กหนุ่มไปก็ไม่ได้คิดเลยว่าผลมันจะออกมาเป็นแบบนี้ ถึงแม้ว่าเขาพอจะเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไรก็เถอะ แต่ว่าเขาก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่ดีว่าการพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาจะทำให้เกิดสถานการณ์ที่แย่ลงได้... ไกอัสนิ่งมองฝ่ายตรงข้ามเงียบๆพลางนึกทบทวนถึงเหตุผลที่พอจะทำให้เมอร์ลินกังวลใจกว่าเก่า แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถสรุปอะไรได้อยู่ดี

    “เมอร์ลิน” ชายชราส่งเสียงเรียก “เมอร์ลิน!

    “ห๊ะ? ห๊ะ? ครับ?” เด็กหนุ่มส่งเสียงขานรับอย่างงงๆก่อนจะหันมามองหน้าฝ่ายตรงข้ามด้วยสีหน้าตื่นตระหนกเล็กน้อย มือทั้งสองข้างพยายามประคองขวดแก้วในมือให้อยู่ในตำแหน่งที่จะไม่หล่นลงไปจากความตกใจของตนเอง... “มีอะไรเหรอครับ? ไกอัส”

    ชายชราถอนหายใจเล็กๆให้กับอาการน่าเป็นห่วงของอีกฝ่ายก่อนจะพูดขึ้น

    “วิธีที่ข้าแนะนำไปเมื่อวันก่อน... เจ้าได้เอาไปใช้รึยังน่ะ?”

    เด็กหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่ง

    “อ้อ ครับๆ ใช้แล้วครับ” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะฝืดๆ... “เหมือนจะได้ผลด้วยล่ะครับ ขอบคุณมากนะ ไกอัส”

    ไกอัสจ้องตาฝ่ายตรงข้ามราวกับจะจับผิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าแล้วหันกลับไปจดจ่อกับหม้อยาอีกครั้ง

    “เจ้าโกหกข้าเหรอ เมอร์ลิน” เขาถามขึ้นในขณะที่หยิบนู่นจับนี่บนโต๊ะขึ้นมาดู “ถ้ามันได้ผลจริง... แล้วทำไมเจ้าถึงต้องกังวลด้วยล่ะ?”

    “ไม่ใช่นะ ข้า...ข้าไม่ได้กังวลซักหน่อย” เด็กหนุ่มคัดค้านเสียงเบาราวกับลังเลใจอยู่ลึกๆ... “ข้าก็แค่... เอ่อ... ไม่สบายใจนิดหน่อยก็เท่านั้นแหละ”

    ชายชราเหลือบตามองขึ้นมาเล็กน้อยด้วยสายตาเอือมระอา... “ข้าก็ไม่เห็นว่ามันจะต่างกันซักเท่าไหร่เลยนะ?”

    “เอ่อ... ข้า... ข้าหมายความว่า ข้าไม่ได้กังวลเรื่องที่เขารักข้าแล้ว แต่ข้าแค่ไม่สบายใจที่เขาคิดมากเรื่องข้าขนาดนั้น...” เมอร์ลินพึมพำ “ก็ข้าไม่เคยหักอกใครนี่...”

    ไกอัสจับจ้องใบหน้าที่ฉายชัดถึงความหนักใจของฝ่ายตรงข้ามอย่างเงียบๆพักหนึ่ง... เขาชักจะสงสัยขึ้นมาจริงๆแล้วว่า เมอร์ลินแค่ เป็นคนดีเกินไป จนมีเวลาไปห่วงความรู้สึกของคนที่ตัวเองหักอก หรือว่าเด็กหนุ่ม มีใจให้เขาเข้าแล้วจริงๆกันแน่... ชายชราถอนหายใจแล้วจึงส่ายหน้า

    แต่ว่า... โดยสภาพการณ์แบบนี้ถ้าปล่อยเอาไว้โดยไม่ทำอะไรเลยก็ใช่ที่...

    “เจ้า... ออกไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอกซักพักจะดีกว่าไหม?”

    ไกอัสพึมพำขึ้นลอยๆโดยหวังว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน แต่เมื่อได้เห็นสภาพจิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอยเต็มขั้นของฝ่ายตรงข้ามแล้ว... เขาก็พอจะเข้าใจว่าการพูดขึ้นมาเฉยๆคงจะไม่ได้ผลเป็นแน่แท้...

    “เมอร์ลิน เจ้าฟังข้าอยู่รึเปล่า?”

    “หืม... เอ๊ะ? อ๊ะ? อะไรนะครับ?”

    ตามคาด... ใบหน้าของเด็กหนุ่มที่หันมาหาเขาเกลื่อนไปด้วยความรู้สึกงุนงงที่ฟ้องได้เป็นอย่างดีว่าคำพูดก่อนหน้าของชายชรานั้นไม่ได้เข้าหูเขาเลยแม้แต่น้อย... ไกอัสถอนหายใจพร้อมกับอาการเหนื่อยหน่ายเบาๆก่อนจะเริ่มพูดใหม่

    “ข้าบอกว่า เจ้าน่าจะออกไปเดินเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอกซักหน่อย...” ผู้มีอาวุโสกว่ากล่าวขึ้นพร้อมกับวางขวดยาในมือของตนเองลงดังเคร้งก่อนจะหันมาจ้องหน้าเมอร์ลิน “เพราะขืนเจ้าเหม่อแบบนี้ต่อไป... จากที่งานข้าจะเสร็จไวขึ้น คงกลายเป็นว่ามีข้อผิดพลาดมากขึ้นแน่ๆ...”

    “จริงสินะครับ...” เด็กหนุ่มรับฟังคำพูดประโยคนั้นด้วยท่าทางขัดเขินเล็กน้อยแล้วหัวเราะแหะๆ “ขอโทษครับ ผมจะพยายามมีสมาธิมากกว่านี้...”

    “ไม่ต้องมาพยายามตอนนี้หรอกน่า ข้ารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องยากที่เจ้ายังตัดสินใจไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?” ไกอัสเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แล้วจึงหันกลับไปจดจ่อกับอย่างอื่นต่อ... “เพราะฉะนั้นก็ไปทำตัวให้ว่างซักระยะนึงเถอะ เจ้าจะได้มีเวลาคิดถึงเรื่องอะไรต่อมิอะไรพวกนั้นมากขึ้น... การมุ่งมั่นขยันทำงานมันก็ดีอยู่หรอก แต่ข้าว่าเจ้าควรจะให้เวลาตัวเองได้คิดบ้าง”

    เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะยิ้มรับและพยักหน้าเบาๆ

    “งั้นก็ตามนั้นก็ได้ครับ... ขอบคุณนะครับ ไกอัส”

    ชายชราเพียงพยักเพยิดเป็นเชิงอนุญาตในขณะที่ง่วนอยู่กับงานอันละเอียดอ่อนของตน... แต่เมื่อเมอร์ลินเก็บของเสร็จเรียบร้อยและเตรียมจะออกจากประตูไปนั้นเอง ฝ่ายตรงข้ามกลับผุดนึกบางสิ่งขึ้นมาได้อย่างกะทันหันพอดี

    “เดี๋ยวก่อน เมอร์ลิน” ไกอัสเอ่ยปากเป็นเชิงเรียกรั้งก่อนจะแสดงท่าทีลังเลเล็กน้อย... “อันที่จริงแล้วข้าเองก็ไม่ค่อยชอบไปยุ่งเรื่องรักๆใคร่ๆของใครหรอกนะ... แต่ข้าอยากจะถามอะไรเจ้าอย่างนึง และก็อยากให้เจ้าตอบข้าตามตรงด้วย...”

    เด็กหนุ่มเจ้าของร่างบางที่กำลังหยุดยืนอยู่บริเวณหน้าประตูเอี้ยวตัวมาทำหน้ากระพริบตาปริบๆให้อย่างไม่ค่อยเข้าใจความหมายนัก แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับปาก

     “มีอะไรงั้นเหรอครับ?”

    “...ตามจริงเลยนะ” ชายชราย้ำอีกครั้งราวกับจะเน้นความสำคัญ ก่อนจะหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างเตรียมจับผิด... “เจ้ารักอา... ไม่สิ คนที่มาจีบเจ้าคนนี้บ้างไหม?”

    เจอคำถามนี้เข้าไป เมอร์ลินถึงกับนิ่งอึ้ง

    “...รัก?”

    “ใช่ ข้าอยากรู้ว่าเจ้ารัก เขาคนนั้น บ้างหรือเปล่า?”

    “ข้า...”

    เด็กหนุ่มขยับริมฝีปากพึมพำออกมาเพียงเท่านั้นพร้อมกับใบหน้าลังเลใจ... เขาเองคิดมาตลอดว่าคำตอบของคำถามเช่นนี้สำหรับเขาแล้วจะต้องเป็นคำว่า ไม่  แต่ไม่รู้ทำไม... พอถึงคราวที่ต้องพูดออกมาจริงๆแล้วเขากลับพูดไม่ออก...

    เหมือนกับว่า ลึกๆข้างในแล้วเขาเองก็...

    “หืม? เจ้าว่าอะไรนะ?”

    ไม่แน่ใจ...

    “เปล่าครับ ไม่มีอะไรหรอก” เด็กหนุ่มตอบชัดเจนแล้วหัวเราะ “ข้ารีบไปรีบกลับดีกว่า เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน”

    ไม่ว่าเปล่า... เมอร์ลินรีบคว้าของก่อนจะหันมายิ้มให้อย่างรวดเร็ว

    “แล้วเจอกันครับไกอัส!

    ปึง!!

    “...หา?”

    สุดท้าย... เจ้าก็ตอบคำถามของข้าไม่ได้งั้นสินะ...?

    *~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~*

    มารยาท

    คำนี้นับเป็นสิ่งสำคัญที่รู้กันดีอยู่ในหมู่ของข้ารับใช้ในพระราชวังจนกลายเป็นเรื่องปกติ... แน่นอนว่าการเงียบของพวกเขาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดซึ่งจะแสดงถึงความเคารพในตัวของผู้เป็นนาย ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจนักเมื่อเมอร์ลินได้พบว่าทางเดินในพระราชวัง ณ ยามบ่ายอันสงบสุขนี้จะเงียบสงัดอย่างที่มันควรจะเป็น...

    เด็กหนุ่มมีท่าทางเหม่อลอยในขณะที่เดินเอื่อยๆไปตามทาง... สายลมเย็นเยียบพัดหวิวลอดตามช่องหน้าต่างเข้ามาแตะต้องผิวกายเนียน แต่นั่นก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้ร่างบางที่เดินทอดน่องอยู่นั้นรู้สึกตัวขึ้นมาจากห้วงความคิดของตนสักเท่าใดนัก... เขาก้าวเท้าด้วยฝีเท้าสม่ำเสมอตามความเคยชินเพื่อมุ่งหน้าไปสู่บริเวณลานว่างด้านบนของหอคอยอย่างคนที่ไม่มีที่จะไปเป็นหลักแหล่ง...

    แต่จู่ๆ... ภาพบางอย่างกลับผุดวาบขึ้นมาในห้วงความคิดเมื่อเด็กหนุ่มนึกไปถึงสถานที่ที่เขากำลังมุ่งหน้าไป...

    ใช่แล้ว... ที่ว่างนั้น ด้านบนหอคอยนั่น...

    ...ที่ที่เขากับอาเธอร์เคยยืนคุยกันเมื่อหลายปีก่อน...

    “...อ๊ะ?” ทำไมอยู่ดีๆถึงได้มานึกถึงเรื่องแบบนั้นกันนะ... เมอร์ลินคิดพลางนิ่วหน้าอย่างขัดใจ... ทั้งๆที่เวลาก็ผ่านมาตั้งนานแล้วแท้ๆที่แม่ของเขามาขอความช่วยเหลือจากอูเธอร์ในตอนที่เอลดอร์ถูกโจมตี แต่ถึงอย่างนั้น... ภาพที่เขายืนคุยกับอาเธอร์อยู่ข้างบนนั่น คำพูดของอาเธอร์ สีหน้า ท่าทาง และทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับชายหนุ่มคนนั้น กลับยังคงติดตรึงอยู่ในใจเขาอย่างประหลาด...

    ทั้งที่เขาก็...

    นั่นสินะ...

    ไม่ได้รักอาเธอร์... ซักหน่อยนี่นา...?

    “โอ๊ยยยย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันนักกันหนานะ?!!” เมอร์ลินขยี้หัวตัวเองอย่างหัวเสียก่อนจะบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด... พักนี้เขาเองก็รู้ตัวดีอยู่หรอกว่าทั้งความคิดความรู้สึกทุกอย่างทั้งที่อยู่ในหัวหรือในใจมันตีกันจนยุ่งเหยิงไปหมด แต่ว่า ถึงจะรู้อย่างนั้นก็เถอะ... ยังไงเขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจะต้องแก้ไขมันแบบไหนถึงจะดีที่สุด...

    จะเปิดใจยอมรับ... หรือจะปฏิเสธ...?

    แต่ไม่ว่าแบบไหน... มันก็ยากพอๆกันทั้งนั้นนั่นแหละ...

    “เฮ้อ...” เด็กหนุ่มคิดแล้วก็ถอนใจออกมาอีกรอบ... พักนี้เขาชักจะเริ่มถอนหายใจบ่อยจนลมพัดเข้าพัดออกช่องปากพาลเอาน้ำลายจะแห้งหมดอยู่แล้ว แต่มันก็ยังอดเหนื่อยใจกับเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญนี้ไม่ได้อยู่ดี...

    นั่นสินะ... จะว่าไป เรื่องของอาเธอร์...

    อันที่จริงแล้ว บางทีตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะไปใส่ใจหรือกังวลอะไรให้มันมากมายทำไม... ทั้งๆที่บางปัญหาก็เป็นปัญหาส่วนตัวของฝ่ายตรงข้ามล้วนๆแท้ๆ แต่เขาก็ยังอดคิดนู่นคิดนี่แทนไม่ได้ทุกทีเมื่อเห็นสีหน้าเหมือนจะกังวลใจและต้องการรับผิดชอบอะไรบางอย่างแบบนั้น... คิดหนักราวกับว่าเป็นเรื่องของตัวเองเลยด้วยซ้ำไป...

    ยังกับว่า... หยุดความคิดของตัวเองเกี่ยวกับเขาไม่ได้เลยอย่างนั้นแหละ...

    “...ไม่สิ”

    ก็ใช่ว่า เขาจะกังวลแบบนั้นกับเรื่องของอาเธอร์คนเดียวซักหน่อยนี่นา...?

    แต่ก็... ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเขาให้ความสำคัญกับองค์รัชทายาทที่ทั้งขี้หงุดหงิดและเอาแต่ใจนั่นมากผิดปกติจริงๆนั่นแหละ...

    “...แย่สุดๆเลยนะเนี่ย...”

    เมอร์ลินพึมพำอุบอิบด้วยอาการปลงตกสุดๆก่อนจะถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อย

    ถ้าไม่รีบปัดความคิดฟุ้งซ่านแบบนี้ออกไปจากหัวล่ะก็ มีหวัง...

    “...เอ๊ะ?”

    แต่ทันใดนั้นเอง สายตาของเด็กหนุ่มก็เหลือบไปเห็นบางอย่างที่โผล่ออกมาจากซอกมุมหนึ่งของทางเดิน... ก็อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่า ทางเดินภายในพระราชวังของคาเมลอทแห่งนี้มีซอกมืดๆเล็กๆที่เหลือมล้ำกับแนวทางเดินปกติเข้าไปเล็กน้อยเป็นครั้งคราวตลอดแนวความยาว... ซึ่งแม้แต่เขาเองบางทีก็ยังแอบหลบเข้าไปในนั้นบ้างเมื่อถึงคราวฉุกเฉินอย่างการต้องการซ่อนตัวเป็นระยะเวลาไม่นานนัก แต่ด้วยความลึกที่ไม่มาก บวกจากแสงสว่างจากคบเพลิงที่มักจะปักอยู่ใกล้ๆกันก็ทำให้มันเป็นสถานที่ที่หลบซ่อนตัวได้บ้างแค่เป็นครั้งคราวตามความโชคดีเท่านั้น

    แต่ถึงอย่างไรก็ตาม... มันก็ยังเป็นที่หลบซ่อนกลายๆของคนบางคนได้อยู่ดี...

    “...หืม...?”

    เมอร์ลินส่งเสียงงึมงำในลำคอออกมาเบาๆเมื่อยื่นหน้าเข้าไปใกล้ วัตถุประหลาด นั้นให้มากขึ้นอีกด้วยความตั้งใจที่จะระบุรายละเอียดของมันให้ชัดเจน... มันเป็นอะไรบางอย่างลักษณะคล้ายกระดาษหรือผ้าที่โผล่ปลายออกมาเป็นรูปสามเหลี่ยม แต่เป็นปลายที่เล็กมากถึงขนาดว่าถ้าเขารีบเดินก็คงจะไม่ทันสังเกต... เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นอีกจนพอจะจับความได้ว่ามันมีสีออกแดง และเป็นเนื้อผ้าจริงๆ... เหมือนกับ...

    ...เสื้อทูนิค...ของอาเธอร์...?

    “...อ๊ะ?!

    เมอร์ลินหลุดเสียงร้องอย่างตกใจออกมาเล็กน้อย เมื่อจู่ๆร่างบางของเขาก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในซอกหลืบแคบๆนั้นด้วยมือปริศนาของใครบางคน...

    แต่คงไม่ต้องบอกก็รู้ล่ะมั้ง ว่าคนต้นเหตุของเรื่องนี้คือใคร...?

    “อาเธอร์?! ท่านเล่นบ้าอะไรของท่านเนี่ย?!!

    เด็กหนุ่มเริ่มดิ้นขัดขืนทันทีที่เห็นว่าเจ้าตัวต้นเรื่องเจ้าของชายเสื้อสีแดงตรงหน้าคือใคร... องค์ชายแห่งคาเมลอท... องค์รัชทายาทที่หลังๆเริ่มจะให้ความรู้สึกว่าค่อยๆเสียสติไปกับการคิดมุกจีบสาว(?)ทั้งวันทั้งคืนนั่นเอง... ทว่าฝ่ายตรงข้ามก็ยังคงทำหน้าตาไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมยังหัวเราะให้กับท่าทีที่จนปัญญาจะขัดขืนของร่างบางตรงหน้าอีกต่างหาก

    “อะไร? แค่โดนข้าดึงนิดดึงหน่อยต้องทำเป็นตกใจด้วย?” ทำเป็นตกใจ...? เมอร์ลินอยากจะตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายเต็มแก่ว่า ถ้าไม่ตกใจก็บ้าแล้ว!!’

    “ก็จู่ๆท่านเล่นโผล่มาแบบนี้... จะให้ข้ายิ้มใส่ท่านแล้วบอกว่า อรุณสวัสดิ์ รึไง?” เมอร์ลินถามด้วยใบหน้าหงุดหงิดในขณะที่อาเธอร์ยังคงขำไม่หยุด

    “ผิดแล้วเมอร์ลิน... เจ้าต้องพูดว่า สายัณสวัสดิ์ ต่างหาก”

    เด็กหนุ่มตวัดสายตามองหน้าของคนที่เล่นมุกกวนอารมณ์ของตนแวบนึงก่อนจะกลอกตา... อยากจะเถียงกลับชะมัด แต่ขืนพูดเยอะกว่านี้คงจะยาว... ร่างบางตัดสินใจเช่นนั้นก่อนจะถอนหายใจเฮือก

    “ท่านมีธุระอะไรรึเปล่า... หรือแค่อยากแกล้งข้า?”

    อาเธอร์ฟังคำพูดของฝ่ายตรงข้ามทั้งที่ยังไม่ยอมปล่อยมือ ทั้งที่ใช้จับข้อมือตอนแรกและที่ใช้รั้งไว้ที่เอวในตอนหลัง... “มีสิ ธุระน่ะ”

    เด็กหนุ่มฟังพลางเลิกคิ้ว “...อะไรล่ะ?”

    องค์รัชทายาทมีท่าทีลังเลใจเล็กน้อยผิดกับปฏิกิริยาในตอนแรกจนน่าสงสัย... ดวงตาสีฟ้าเข้มหลุบลงเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับมามองตรงเข้าไปในดวงตาสีเดียวกันของฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง

    “เรื่องที่เจ้าขอคำตอบจากข้าเมื่อคืน...”

    เด็กหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย

    หัวข้อของเรื่องธุระนั้นทำเอาเมอร์ลินนิ่งอึ้งไปพร้อมกับการใช้ความคิด... เมื่อคืน... เขาเดินเข้าไปถามอาเธอร์เรื่องเกว็นนิเวียร์สินะ?

    จนปัจจุบัน... เขาก็ยังกังวลอยู่ว่าจะทำให้อีกฝ่ายกลุ้มใจมากเกินไปรีเปล่า...

    “อ... เอ้อ... ทำไมเหรอ?” พ่อมดหนุ่มตะกุกตะกักเล็กน้อยในขณะที่พยายามอ่านคำตอบล่วงหน้าจากสีหน้าที่ดูตึงเครียดขึ้นกว่าเมื่อครู่นิดหน่อย แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ผลเมื่อคนตรงหน้าเบือนหน้าไปทางอื่นเสียก่อน

    “ข้า... คิดว่าจะไปคุยน่ะ...” อาเธอร์พึมพำก่อนจะสูดหายใจดังเฮือก

    “ข้าจะไปคุยตรงๆกับเกว็นนิเวียร์...”

    คำตอบนั้นทำเอาเมอร์ลินแทบหยุดหายใจ...

    คุย? คุยเนี่ยนะ? แค่คุยอย่างนั้นเหรอ...?

    “ท่าน... ท่านคิดว่ามันจะได้ผลจริงๆน่ะเหรอ?” ตัดใจจากข้าแล้วกลับไปรักนางจะดีกว่าไหม...? เมอร์ลินอยากจะถามอย่างนั้นแต่ยั้งปากตัวเองไว้ทัน... จะพูดแบบนั้นก็คงทำร้ายน้ำใจกันเกินไป...

    “ข้าไม่รู้” ฝ่ายตรงข้ามตอบทันควันก่อนจะหันหน้ากลับมาจ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง... “แต่ข้าเชื่อ... ข้าเชื่อว่าถ้าคุยกับนางดีๆ ค่อยๆคุยกับนางอย่างอดทน... ถึงจะโดนโกรธโดนทำร้ายบ้าง แต่นางเป็นคนเข้มแข็งและมีเหตุผล... นางคงจะเข้าใจซักวัน...”

    มันฟังดูเป็นวิธีที่แย่... ไม่สิ... ดูเป็นวิธีที่ตรงๆและรับประกันผลลัพธ์ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์... แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นวิธีที่ชายหนุ่มคิดว่าซื่อสัตย์และจริงใจที่สุด และคงจะทำให้มีความสุขทั้งสองฝ่ายมากกว่าการปิดบังความจริง...

    สถานที่แคบๆนั้นยังคงบรรยากาศอึดอัดไปพักใหญ่เนื่องจากเมอร์ลินยังคงนิ่งเงียบหลังจากฟังคำตอบของฝ่ายตรงข้าม ใจนึงก็แอบค้านว่าทำไมคนตรงหน้าถึงได้ปักใจกับเขาหนักจนถึงขนาดยอมใช้วิธีแตกหักแบบนั้น... แต่อีกใจนึง... ส่วนที่อยู่ลึกลงไปมากๆ... กลับคิดว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้สถานการณ์... เด็กหนุ่มปล่อยให้จิตใจสองส่วนตีกันเงียบๆอยู่ข้างในโดยที่ไม่สามารถพูดอะไรโต้ตอบกลับไปได้มากกว่านั้น ดังนั้นอาเธอร์จึงไม่กล้าพูดอะไรออกไปอีก...

    ปล่อยให้ความเงียบ... ครอบคลุมแผ่ขยายเพื่อให้เวลาอีกฝ่ายได้คิด...

    “... ข้า...”

    ข้า... ควรจะช่วยอะไรท่านรึเปล่านะ...?

    เด็กหนุ่มลังเลใจที่จะพูดไป

    ทว่าในขณะนั้นเอง กลับมีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน...

    ทั้งเมอร์ลินและอาเธอร์แทบสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่ที่มาพร้อมกับการพูดคุยจ๊อกแจ๊กของเหล่าหญิงรับใช้ในวัง ซึ่งการันตีได้ดีว่าที่มาของเสียงพวกนั้นคงจะไม่ได้เกิดขึ้นจากคนเพียงสองหรือสามคนเป็นแน่... เสียงหัวเราะร่าเริงสดใสที่ทำให้เห็นว่าหัวข้อของการพูดคุยอยู่ในเรื่องสัพเพเหระนั้นแทบไม่ได้ช่วยให้ทั้งสองร่างที่เบียดตัวกันอยู่ในซอกแคบๆอย่างอึดอัดสบายใจขึ้นเลยแม้แต่น้อย แล้วยิ่งคนที่เดินผ่านมาเป็นพวกหญิงรับใช้อีก...

    นี่ถ้าพวกเธอเห็นองค์รัชทายาทรูปงามมาซ่อนอยู่กับเด็กรับใช้หน้าตาน่ารักน่าชังในซอกมืดๆแคบๆแบบนี้ละก็... คงจะแทบไม่ต้องเดาเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป... อะไรน่ะเหรอ?

    เรื่องนี้คงจะได้กลายเป็นเรื่องซุบซิบประจำคาเมลอทไปเลยน่ะสิ...

    “อ... อาเธอร์... พวกเราจะทำยังไงกันดี?” เมอร์ลินที่ดูเหมือนว่าจะมีพลังเห็นอนาคตขึ้นมาชั่วขณะเอ่ยกระซิบถามเบาๆ... แทบจะลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้คุยอะไรกันอยู่... “ถ้าพวกสาวใช้มาเห็นล่ะก็... สภาพแบบนี้...”

    “ข้ารู้น่า” อาเธอร์ตอบด้วยท่าทีคิดหนักไม่แพ้กันในขณะที่เงี่ยหูฟังเสียงเหล่านั้นอย่างตั้งใจมากขึ้นเพื่อกะระยะก่อนจะถูกโจมตี(?) “หนีออกไปตอนนี้ก็ไม่ได้แน่... ทีอย่างนี้เจ้าไม่มีแผนอะไรเลยรึไง?”

    “ความผิดท่านแท้ๆ ยังจะมาถามหาแผนกับข้าอีกเหรอ?!” เด็กหนุ่มกระซิบลอดไรฟันด้วยท่าทางเคืองจัด “ถ้าท่านไม่เล่นบ้าๆแบบนี้ละก็นะ ป่านนี้...!!

    “พอๆๆๆ ข้านึกออกแล้ว!” อาเธอร์รีบกระซิบให้อีกฝ่ายหยุดบ่นในขณะที่พิงแผ่นหลังแนบกำแพงแล้วแอบเหลือบออกไปมองด้านนอกเล็กน้อยอย่างรวดเร็ว... “เราต้องทำตัวให้กลมกลืน”

    ร่างบางนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยอย่างตามความคิดไม่ทันก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายอย่างงุนงง “...กลมกลืน?”

    “ก็เสื้อข้าสีแดงส่วนเสื้อเจ้าสีน้ำเงินเข้ม... โอ๊ย! ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว เจ้ามานี่!

    “เดี๋ยว! อาเธอร์ ท่านจะทำอะ- อุ๊ก!!

    เสียงบ่นของเมอร์ลินขาดหายไปกลางคัน ก่อนที่ร่างบางจะโดนดึงเข้าไปในช่องว่างนั้นให้ลึกกว่าเดิมด้วยการถูกอีกฝ่ายคว้าข้อมือเอาไว้แล้วกระชากเข้าไปอย่างแรงแค่ครั้งเดียว จนทำให้ปลายจมูกของพวกเขาอยู่ห่างกันแทบไม่ถึงเซนต์... เมอร์ลินเบิกตากว้างด้วยความไม่ทันตั้งตัว ในขณะที่อาเธอร์จัดตำแหน่งมือทั้งสองให้โอบรัดอยู่บริเวณช่วงเอวของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ แผ่นหลังกว้างเบียดชิดกำแพงในจุดที่ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้...

    โอเค ชัดล่ะว่าคำว่า กลมกลืนของอาเธอร์ก็คือเอาสีเสื้อเขาไปปิดสีเสื้ออีกฝ่ายให้มันมืดๆเข้าไว้... แต่ว่านะ... ถ้าทำอย่างนี้มัน...

    เรียกว่า กอด ชัดๆเลย... ไม่ใช่เรอะ...?

    “อาเธอร์! มันแน่นไปแล้วนะ ปล่อยข้า!!” เด็กรับใช้นามเมอร์ลินกระซิบลอดไรฟันโดยพยายามกดเสียงให้เบาที่สุดเนื่องจากกลุ่มคนที่เห็นได้ชัดว่ากำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้... ทว่าอีกฝ่ายกลับทำท่าทางกลอกตาเหนื่อยหน่ายเสียอย่างนั้นทั้งๆที่ความจริงแล้วไอ้ปฏิกิริยาตอบรับแบบนั้นเขาควรจะเป็นคนทำมากกว่า... เมอร์ลินแอบสบถอยู่ในใจ

    “ถ้าเจ้าจะช่วยเงียบ อยู่นิ่งๆ แล้วทำตัวเป็นเด็กดีซักแวบนึงท่าจะดีกว่านะ” อาเธอร์แนะนำเสียงเรียบ ก่อนจะยกมือข้างที่ว่างขึ้นมาปิดริมฝีปากบางที่ส่งเสียงอู้อี้อย่างขัดใจไม่ยอมเลิก... “เดี๋ยวพวกนั้นก็ไปแล้ว... เรื่องจะได้จบลงด้วยดีไง?”

    พ่อมดหนุ่มแทบรู้สึกอยากจะกัดฝ่ามืออีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอด... นี่ถ้าไม่ติดว่าชายหนุ่มตรงหน้านี่เป็นองค์รัชทายาทละก็นะ ไหนจะมืออีกข้างที่รั้งเอวเขาเอาไว้ซะแน่น แล้วก็รอยยิ้มมุมปากบนใบหน้าอาเธอร์นั่นอีก...

    อยากจะพูดเหลือเกินว่านี่มันไม่ใช่แค่ กลมกลืน... แต่แทบจะ กลืนกิน เลยต่างหาก!

    “ก็ได้ๆ... แต่ก่อนหน้านั้นช่วยเอามือออกจากปากข้าซักทีจะได้ไหม!

    “...ก็ได้” องค์รัชทายาทหนุ่มตอบกลับด้วยสายตาราวเสียดายเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนฝ่ามือหนาออกจากบริเวณที่อีกฝ่ายขอ แต่เปลี่ยนเอาไปรั้งไว้ที่เอวบางเหมือนเดิมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม... “แต่ตรงนี้ไม่เอาออกให้หรอกนะ”

    เมอร์ลินคำรามเสียงต่ำในลำคออย่างสุดทน พลางคิดในใจว่า แค่ครั้งนี้หรอกนะ ข้าจะยอมยกให้ก็ได้... แต่พูดก็พูดเถอะ ในใจจริงๆแล้ว เด็กหนุ่มก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองยอมให้ฝ่ายตรงข้ามเพราะอะไรกันแน่...

    ทว่าก่อนที่จะทันได้รับรู้ถึงเรื่องนั้น เมอร์ลินกลับสะดุ้งเฮือก

    “อาเธอร์! คราวนี้อะไรอีกเนี่ย!!

    เด็กหนุ่มโวยขึ้นอีกรอบ(แน่นอนว่าด้วยเสียงกระซิบ) หลังจากสัมผัสได้ถึงสัมผัสไม่คุ้นเคยบริเวณต้นคอ... เมื่อมองดูดีๆจะเห็นได้ว่าฝ่ายตรงข้ามเพียงแค่พักศีรษะลงบนไหล่เขาเท่านั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เส้นผมสีบลอนด์ซอยสั้นนั้นกลับทำให้เขารู้สึกแปลกๆเมื่อมันลงมาระที่ลำคอของตัวเอง... จั๊กจี้น่ะใช่แน่ แต่เรื่องแค่นั้นกลับทำให้ใบหน้าของเขาร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน... หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะสัมผัสจากวงแขนแข็งแรงที่กระชับแน่นรอบตัวเขาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ได้ หรือแม้แต่สัมผัสอันอบอุ่นจากช่วงตัวของพวกเขาที่ชิดติดกันจนชวนให้หวาดหวั่น...

    หรือบางที... อาจเป็นเพราะเขาได้ยินเสียงหัวใจของอาเธอร์ ที่เต้นแรงพอๆกับเขาก็เป็นได้...

    คนทั้งคู่ค้างอยู่ในสภาพนั้นกว่าหนึ่งนาทีในขณะที่ได้รอและภาวนาให้พวกสาวรับใช้เดินผ่านไปโดยสวัสดิภาพ... เสียงแหลมสูงที่กลุ่มคนตรงหน้าคุยหยอกล้อกันเองสะท้อนก้องไปทั่วบริเวณโถงทางเดิน ในขณะที่หญิงสาวหน้าตาคุ้นเคยหลายคนตามที่เมอร์ลินได้เห็นในเขตปราสาทบ่อยครั้งเดินผ่านไปพร้อมใบหน้าแสดงอารมณ์สนุกสนาน ทว่ากลับไม่มีใครสักคนเดียวที่จะหันมาสนใจสิ่งผิดปกติในซอกช่องว่างระหว่างเสาหินข้างตัว... ซึ่งก็คงนับได้ว่าเป็นโชคดี

    คนทั้งคู่กลั้นหายใจยืนนิ่งขณะที่ร่างกายยังคงสัมผัสกันแนบแน่นผ่านชั้นผ้าบางของเสื้อทูนิค ในขณะที่เสียงพูดคุยค่อยๆเงียบลงไปเรื่อยตามระยะห่างของโถงทางเดินยาว... เสียงแหลมสูงสะท้อนก้องในหัวอ้อยอิ่งเนิ่นนาน ก่อนจะค่อยๆจางหายไปเช่นกัน...

    สุดท้ายเด็กหนุ่มก็รับรู้ได้ว่าเขาอยู่ในจุดที่ปลอดภัย จริงๆ แล้ว... เมอร์ลินคิดได้ดังนั้นก่อนจะกระแอมเล็กน้อย

    “เอ่อ... พวกนั้นไปแล้ว”

    เสียงพูดอย่างไม่มั่นใจดังแทรกขึ้น... ความเงียบจะเข้าปกคลุมอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่อาเธอร์จะค่อยๆเอ่ยปากตอบสั้นๆ

    “อืม”

    “...ถ้างั้นก็ปล่อยข้าซักทีสิ”

    เสียงค้านแผ่วสวนตอบ ทว่าน้ำเสียงกลับไม่หนักแน่นราวกับกำลังลังเล... นี่เขาเป็นอะไรไปแล้วกันนะ? เด็กหนุ่มร่างบางได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ...

    วินาทีต่อมาอาเธอร์ปล่อยลมหายใจอุ่นร้อนรดต้นคอขาววูบหนึ่งจนทำให้ฝ่ายที่ถูกกระทำแทบสะดุ้งด้วยความรู้สึกคล้ายมีกระแสไฟฟ้าไหลทวนขึ้นตามแนวกระดูกสันหลัง...  ทว่าน่าเสียดายที่เป็นแค่การถอนหายใจ เพราะสิ่งที่เขาทำต่อจากนั้นคือการคลายวงแขนออกช้าๆ... ดวงตาสีฟ้าค่อยๆตวัดสบเข้ากับอีกฝ่าย ก่อนที่เจ้าตัวจะระบายยิ้มขี้เล่นบนใบหน้าคม

    “เจ้านี่รีบจังเลยนะ... ข้าอยากจะกอดต่ออีกหน่อยแท้ๆเชียว”

    “เงียบไปเลย อาเธอร์” เมอร์ลินพยายามจะแหวใส่ฝ่ายตรงข้าม ทว่าเสียงกลับออกมาแผ่วเบากว่าที่คิดขณะเด็กหนุ่มลูบแผ่นหลังของตนราวยังไม่หายจากอาการเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตเมื่อครู่... “นี่ท่านไม่มีอะไรต้องทำแล้วรึไงกัน?”

    “มีสิ”

    ชายหนุ่มผมบลอนด์สวนรับทันควัน ก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มจางแทบเลือนหาย

    “ข้าคง... ต้องไปคุยกับเกว็นนิเวียร์ซักที”

    เมอร์ลินชะงักขณะมององค์รัชทายาทที่เบนสายตาไปทางอื่นราวไม่ต้องการให้ใครรับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงซึ่งฉายฉาบอยู่ที่ดวงตาสีฟ้าคราม... ความรู้สึกไม่สบายใจก่อตัวขึ้นที่ไหนสักแห่งในร่างกายจนทำให้รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน ทว่าเด็กหนุ่มกลับทำอะไรไม่ได้นอกจากเงียบ

    สุดท้ายเหมือนฝ่ายตรงข้ามที่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึดอัดนั้นจะหันกลับมามองคู่สนทนาที่ยืนนิ่งอึ้งไปซะเอง แล้วถอนหายใจพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปขยี้เรื่อนผมสีดำของอีกฝ่ายเร็วๆอย่างหมั่นเขี้ยว

    “เลิกทำหน้าแบบนั้นซะทีเถอะ ข้าเห็นแล้วนึกถึงหมาเวลาถูกเจ้าของทิ้ง” อาเธอร์พยายามพูดติดตลก ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงสายตาเชิงค้อนของอีกฝ่ายขณะมือบางเอื้อมขึ้นจัดทรงผมตัวเองให้เข้าที่... ชายหนุ่มจ้องมองด้วยรอยยิ้มบางพักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง “ข้าไปล่ะ”

    “อือ”

    พ่อมดหนุ่มขานรับงึมงำ ก่อนจะมองแผ่นหลังของฝ่ายตรงข้ามที่หมุนหายไปตามทิศของทางเดิน กับมือที่ยกขึ้นมาโบกเบาๆเป็นเชิงลาทั้งที่เจ้าตัวยังหันหลัง... สัมผัสของอาเธอร์ที่อยู่บนหัวยังอ้อยอิ่งอยู่ตามปลายเส้นผมจนเมอร์ลินรู้สึกแปลกๆ รวมทั้งความอบอุ่นบนเนื้อผ้าของเสื้อส่วนที่สัมผัสกันเมื่อครู่ ทั้งหมดทิ้งความรู้สึกประหลาดไว้รอบตัว และความรู้สึกที่ทำให้ใจเต้นเเรงยิ่งทำให้เด็กหนุ่มใจไม่ดี...

    เมอร์ลินพอจะรู้เเล้วว่ามันคืออะไร

    แต่เขาไม่ชอบเวลาตัวเองรู้สึกเเบบนี้เลย... ไม่มีทาง...

    “ทำไมท่านต้องทำให้ข้าสับสนแบบนี้ด้วย อาเธอร์...”

    เด็กหนุ่มกระซิบกับตัวเอง ก่อนจะสะบัดหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่าน แล้วหมุนตัวออกวิ่ง


     

    << มุมสำนึกผิด... >>

                    แง้ว... ไรเตอร์กลับมาละค่า... =7=;; #หลบกองระเบิดที่รีดเดอร์เขวี้ยงใส่

                    แบบว่า ก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัวนอกจากกราบขอโทษค่ะ... //กราบงามๆ// ไรเตอร์หายไปปีกว่าแล้วเนอะ... ตั้งแต่ขึ้นม.4 จนนี่จะจบม.5อยู่แล้วพึ่งได้อัพ... //ร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด// แต่ขอขอบคุณจริงๆค่ะ เกินคาดที่ยังมีคนมาเปิดดู 555 (น้ำตาไหล) ก็จะบอกว่า... จริงๆแล้วบทนี้แต่งเสร็จตั้งแต่ตอนนั้นที่ต้องอัพแล้วค่ะ แต่มันจบไม่ลง... TvT เลยพาลเลิกอัพไปซะอย่างนั้น พึ่งได้กลับมาอ่านอีกรอบก็วันนี้เองค่ะ เนื้อเรื่องตอนจบเลยอารมณ์ไม่ปะติดปะต่อซักเท่าไหร่... (เพราะว่าไรเตอร์ก็ลืมพลอตไปหมดเแล้ว... ดีที่มีโน้ตย่อๆไว้บ้างไม่งั้น...) ก็อยากจะบอกว่าเรื่องที่จะเข็นให้มันจบได้นี่คงยากมาก ยากเข้าขั้นปาฏิหาริย์... เพราะฉะนั้นยังไงก็อยากขอบคุณสำหรับคนที่เข้ามาอ่านทั้งใหม่และเก่ามากๆนะคะ

                    ปล.ที่วันนี้มาอัพได้เพราะมีคนไปทวิตทวงมาค่ะ... 55555 //ขำ// ขอบคุณมากๆเน้อ บางทีไรต์ก็ต้องมีแรงกระตุ้นแบบนี้บ้างถึงจะทำงานค่ะ 555 #รู้สึกผิด

                    แถมรูปวันนี้ขอเสนอ... “วันรั่วๆของอาเธอร์” และ “ฟีดแบคจากเมอร์ลิน” ค่ะ 55555

                    ขอให้มีความสุขนะคะ Merry Christmas & Happy New Year ที่จะถึงด้วยค่ะ :






    ....................................................




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×