ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บเรื่องสั้นตามใจจินต์

    ลำดับตอนที่ #3 : #2 : Fairytales

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 55






    Fairytales


    By : Double NN



    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------


    ...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...

    ได้มีนักเล่านิทานผู้หนึ่งซึ่งไม่มีผู้ใดรู้จักนาม เดินทางร่อนเร่เรื่อยไปตามหนทางคับแคบ

    เธอเป็นหญิงสาวอายุราว 18-19 ปี เส้นผมสีนิลดำขลับยาวสยาย

    ซุกซ่อนใบหน้าครึ่งหนึ่งไว้ใต้ผ้าคลุมดำ คงไว้เพียงรอยยิ้มชวนลุ่มหลงบนริมฝีปากสีแดงสด

    ...วันนี้เธอก็ยังคงเดินทางต่อไปเช่นเคย...

    จุดประสงค์ของเธอมีเพียงอย่างเดียว

    นั่นคือการเล่านิทานเพื่อแลกเศษเงินประทังชีวิต และมอบจินตนาการให้แก่เด็กๆ

    ...ในที่สุดเธอมาถึงเมืองแห่งหนึ่ง...

    มีบ้านหลังเล็กใหญ่สลับกันไป ร้านรวงมากมาย และผู้คนเดินไปมา

    แน่นอนว่ามีเด็กๆมากมาย

    ...เป็นเมืองที่แสนธรรมดา...

    เธอเริ่มแย้มยิ้ม เดินตรงไปยังจัตุรัสกลางเมือง

    หาที่ว่าง นั่งลง ตั้งป้ายโฆษณาและกล่องใส่เงิน

    รอให้เด็กๆอ่านป้าย เข้าใจ และสนใจ

    …5 คน 10 คน และ 20 คน...

    รอบตัวเธอเริ่มถูกรายล้อมไปด้วยเด็กๆมากมาย

    พวกเขาเรียกร้องด้วยเสียงเล็กแหลมไร้เดียงสา

    นี่ เล่าเถอะ เริ่มเล่าเถอะ!’

    ท้ายที่สุดหญิงสาวคลี่ยิ้มบางเบา

    ...ก่อนจะเริ่มเล่านิทานของเธอ...


    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...

    ได้มีเด็กสาวผู้หนึ่ง เดินลึกเข้าไปในป่าเพียงลำพัง

    เธอเป็นเด็กที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการ ไร้เดียงสา

    แต่กลับมีสัญชาตญาณลึกลับและบ้าคลั่ง ซุกซ่อนอยู่ ณ ก้นบึ้งของจิตใจ

    เธอยังคงเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ท่ามกลางหมู่แมกไม้ที่กรีดร้องด้วยสายลมยามพลบค่ำ

    ท้ายที่สุด เธอเห็นบ้านหลังหนึ่งโผล่พ้นสีเขียวรกทึบที่รายล้อมอยู่รอบกาย

    บ้านทรงยุโรปหลังเล็ก เปี่ยมไปด้วยเค้าไอน่าเกรงขาม

    สายตาเธอเหลือบไปเห็นป้ายไม้ผุพังที่ถูกสลักข้อความเลือนราง ปักตั้งอยู่ใกล้กับประตูบ้านสีดำสนิท

    ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งนิทาน

    เด็กสาวสะกดข้อความช้าๆ ในขณะที่ความมืดเริ่มกลืนกินแสงอาทิตย์ยามสนทยา

    เธอรู้ดีว่าหนทางด้านหลังไม่มีที่ให้ย้อนกลับอีกต่อไป

    มือขวาเอื้อมไปกำจี้ห้อยคอสีฟ้าใสราวผลึกคริสตัล พลางภาวนาขอความกล้า

    สุดท้ายการตัดสินใจส่งผลให้บานประตูถูกผลักเปิดออก เสียงก้าวเดินดังขึ้น

    ด้านในมืดมิดจนไม่สามารถมองเห็นสิ่งใด ทว่าเด็กสาวกลับยิ่งเดินลึกเข้าไปราวกับถูกดึงดูดด้วยพลังลึกลับ

    ไม่นานนัก เธอถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ด้วยเสียงปิดประตูที่ดังมาจากด้านหลัง

    แต่เมื่อหันไป กลับพบเพียงความว่างเปล่า

    ความกลัวเริ่มเอ่อท้นในจิตใจ ม่านตาเบิกกว้าง ขาเรียวเล็กสั่นระริก

    ทันใดนั้น แสงสว่างเล็กๆปรากฏขึ้นแทนที่ราวกับช่วยเจือจางความมืดมิดหนาหนักรอบกาย

    เด็กสาวปรับสายตาให้ชินแสง ก่อนจะพบทิวทัศน์พิศวงฉายอยู่เบื้องหน้า

    ประตู 5 บาน

    2 บานอยู่ริมด้านซ้าย 2 บานทางริมด้านขวา หันหน้าเข้าหากัน และมีบานสุดท้ายอยู่ตรงสุดทาง

    ทุกบานล้วนเป็นสีขาวสว่างไสว

    แต่สิ่งที่ประหลาดกว่านั้น คือบานประตูเหล่านั้นมิได้ติดอยู่กับกำแพงใดๆ

    พวกมันกลับตั้งอยู่อย่างอิสระท่ามกลางความมืด ราวกับดวงดาวในห้วงอวกาศเวิ้งว้าง

    ในขณะนั้นเอง เส้นทางสายเล็กปูด้วยพรมสีแดงขลิบลวดลายดำแปลกตาหมุนวนขึ้นใต้ฝ่าเท้าเล็ก

    เด็กสาวเฝ้ามองเส้นทางนั้นในขณะที่มันเริ่มทอดยาวออกไปสู่ประตูบานแรก

    เธอเริ่มก้าวเดินออกไป ระยะห่างของทางเดินนั้นเริ่มหดสั้นลงเรื่อยๆ

    สุดท้ายเด็กสาวยืนประจันหน้ากับบานประตูสีสว่าง

    ความลังเลและหวาดกลัวเอ่อล้นจนร่างเล็กสั่นสะท้าน

    แต่ทว่า ประตูบานแรกถูกเปิดออกในเวลาไม่นานนัก

    และเลือนหายไปทันทีที่ถูกปิด

    คงเหลือไว้เพียงเด็กสาว ความมืด และหนังสือนิทานเล่มหนา

    สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้ง 7’

    ปลายนิ้วเรียวเล็กไล้ไปบนตัวอักษรสีทองนูนบนหน้าปกสีขาวเจิดจ้า

    เสียงกระดาษพลิกเปิดเชื่องช้าดังขึ้นทำลายความเงียบงัน

    ทันใดนั้นมีบางสิ่งพวยพุ่งออกมาจากหน้าหนังสือ โอบล้อมร่างเล็กภายในเวลาอันรวดเร็ว

    บรรยากาศสีขาวอบอวลไปด้วยหิมะ และปราสาทหลังใหญ่

    ท้ายที่สุด นิทานเรื่องแรกได้เริ่มขึ้น

    หญิงสาวผู้หนึ่งปรากฏกายพร้อมเรือนผมสีดำสนิท ริมฝีปากสีแดงสด และผิวขาวโปร่งใส

    ใช่แล้ว

    เธอคือสโนว์ไวท์

    เรื่องราวค่อยๆดำเนินไปอย่างที่มันควรจะเป็น โดยมีเด็กสาวเฝ้าดูด้วยความเงียบงัน

    สโนว์ไวท์ถูกขับไล่ออกจากปราสาท ราชินีส่งนายพรานตามสังหาร

    สโนว์ไวท์หนีรอด พบกับคนแคระทั้งเจ็ด

    สโนว์ไวท์กัดกินลูกแอปเปิ้ลใส่ยาพิษ และล้มลง

    สโนว์ไวท์ได้รับการจุมพิตจากเจ้าชาย และครองคู่กันอย่างสงบสุขตลอดกาล

    จบแล้วหรือ?

    เด็กสาวเฝ้าถามตัวเอง

    สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างจะจบลงด้วยความสุขแน่หรือ?

    วังวนแปลกประหลาดค่อยๆขยายตัวขึ้นภายในจิตใจทีละน้อย

    เรื่องราวน่าเบื่อหน่ายเช่นนี้น่ะหรือที่ควรได้รับการเล่าขานต่อไป?

    ความบ้าคลั่งผุดพุ่งเอ่อล้นจากก้นบึ้งของจิตสำนึกที่สะกดไว้เนิ่นนาน

    จะต้องเปลี่ยนมัน...เปลี่ยนแปลงความเพ้อฝันงมงายนี้...

    ทันใดนั้น ตัวหนังสือทั้งหมดพลันเลือนหายไปจากหน้ากระดาษราวกับตอบสนองความคิดนั้น

    เหลือเพียงความว่างเปล่า กับปากกาขนนกหนึ่งด้าม

    รอยยิ้มบิดเบี้ยวคุ้มคลั่งถูกระบายทับบนใบหน้าอ่อนเยาว์

    หมึกสีดำสาดกระเซ็นบนหน้ากระดาษขาว

    เด็กสาวเริ่มเล่านิทานที่ถูกต้องด้วยตัวหนังสือหยาบกระด้าง...

    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว

    หญิงสาวแสนงดงามผู้มีนามว่าสโนว์ไวท์ถูกขับไล่ออกจากปราสาท

    โดนนายพรานตามล่า แต่กลับรอดพ้นด้วยไหวพริบอันล้ำเลิศ

    จนกระทั่งได้มาพบกับคนแคระทั้งเจ็ด และดำเนินชีวิตอย่างสงบสุข

    วันหนึ่ง เธอได้รับแอปเปิ้ลอาบยาพิษมาจากราชินีใจร้ายในคราบยายแก่

    แต่ด้วยความฉลาดหลักแหลม เธอจึงไม่กินมันเข้าไป

    หญิงสาวรอดพ้นจากแผนการชั่วร้ายในที่สุด

    แต่เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านั้น...

    คนแคระทั้งเจ็ดที่กลับมาในตอนเย็น รับฟังเรื่องเล่าของสโนว์ไวท์ด้วยท่าทางแปลกประหลาด

    พวกเขาปรึกษาหารือกันเงียบๆด้วยการส่งสายตาหากันเพียงชั่วเสี้ยววินาที

    ก่อนจะลงมือฆ่าเธอด้วยอุปกรณ์ขุดเหมือง ตามคำสั่งที่ได้รับมาจากราชินี

    หญิงสาวที่น่าสงสารถูกฟันจนลมหายใจขาดห้วง จมหายไปในกองเลือด

    และจบชีวิตลง พร้อมกับตำนานที่สิ้นสุด...

    ป๊อก!

    ปากกาขนนกด้ามงามหักลง ปะปนกับเสียงหายใจหอบด้วยความสุขของเด็กน้อย

    นี่แหละ...คือตำนานที่แท้จริง...

    รอยยิ้มแสยะปรากฏขึ้นบนริมฝีปากบางด้วยความพึงพอใจ

    เด็กสาวผละออกจากหนังสือนิทาน กลับสู่ประตูที่เปิดออกอีกครั้ง

    ฉันนี่แหละคือผู้สร้างกฎ...เป็นผู้สร้างตำนานที่แท้จริง...

    เส้นทางสีแดงสดกับบานประตูที่เหลืออีก 4 บานปรากฏขึ้นตรงหน้า 

    แต่ในครั้งนี้ไม่มีเด็กน้อยไร้เดียงสาผู้เปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวอีกต่อไป

    หลงเหลือเพียงแค่นักเล่านิทาน...นักเปลี่ยนแปลงตำนานผู้วิปริต

    ซินเดอเรลล่า เจ้าหญิงนิทรา’ ‘ราพันเซล

    เด็กสาวเปิดประตูบานแล้วบานเล่า เขียนนิทานเรื่องแล้วเรื่องเล่า

    ก่อนจะเผชิญหน้ากับประตูบานสุดท้าย พร้อมกับความบ้าคลั่งถึงขีดสุด

    เด็กสาวกระโจนหายไปในความมืดมิดลึกล้ำหลังบานประตูโดยปราศจากความลังเล ก่อนจะพบว่า...

    ไม่มีหนังสือนิทาน

    ทำไม...ทำไมกัน? ร่างเล็กเฝ้าถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับคนเสียสติ

    ทันใดนั้นได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นแทนที่

    เจ้ารึ...คือผู้ที่เขียนเรื่องราวลงในหนังสือนิทานของข้า?

    เด็กสาวสะดุ้งสุดตัว หันมองรอบทิศแต่กลับพบเพียงความมืดมิดเงียบงัน

    ใคร...ใครกัน?

    ฉับพลันนั้น นิ้วมือเย็นเยียบของใครบางคนสัมผัสถูกที่กลางแผ่นหลังเล็กสั่นสะท้าน

    พร้อมกับคมมีดทะลุกลางลำตัวบางง่ายดาย...

    ร่างเล็กล้มลงโดยไม่มีแม้เสียงร้องครวญครางทรมานใดๆ

    เหมือนกับฉากจบในนิทานของเธอทุกเรื่อง ที่ปิดฉากด้วยการตายของตัวเอกเสมอ

    นี่คือ

    ตำนานที่แท้จริง...ของนักเล่านิทานวิปริต...


    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------
     

    ...เรื่องเล่าขาดห้วงลงเพียงเท่านั้น...

    เด็กๆที่นิ่งฟังราวกับต้องมนตร์สะกด ค่อยๆลืมตาตื่นจากความฝันบิดเบี้ยวบ้าคลั่ง

    พวกเขาตระหนักได้ในตอนนั้น ว่าเรื่องราวทั้งหมดสิ้นสุดลง

    พร้อมกับนักเล่านิทานพเนจร ที่ค้อมตัวรับเสียงปรบมือแผ่วเบา

    ...นิทานจบแล้ว...

    เด็กๆแยกย้ายกันกลับบ้านหลังจากหยอดเศษเหรียญที่นำติดตัวมากันคนละเล็กน้อยลงในกล่องที่วางไว้

    ในขณะที่เด็กสาวปริศนาเก็บกวาดสิ่งของของเธอและเตรียมจะจากไป

    ก็ได้พบว่า ยังมีเด็กหญิงคนหนึ่งยังคงยืนนิ่ง

    ...มีอะไรงั้นหรือ?...

    เธอถามออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลกังวานใส

    เด็กน้อยจ้องตอบ ลึกลงไปภายใต้ผ้าคลุมสีดำสนิท

    ดวงตาส่องประกายใสแวววาวดั่งเพชรน้ำงามเปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสา

    ...นิทานเรื่องนี้ยังไม่จบใช่ไหมคะ?...

    เสียงเล็กไต่ถามด้วยความกระตือรือร้น

    หญิงสาวนิ่งไปในชั่วเสี้ยววินาที

    ก่อนจะคลี่ยิ้มเบาบางอย่างเคย

    ...ใช่ มันยังไม่จบหรอก...

    เธอว่าพลางหยิบสายสร้อยเส้นบางจากใต้เสื้อคลุม

    คริสตัลสีฟ้าใสส่องประกายงดงาม

    สิ่งนั้นถูกสวมลงบนลำคอเรียวของเด็กหญิงตัวน้อยพร้อมกับคำพูดสุดท้าย

    ...ตอนจบที่แท้จริงน่ะ เธอต้องเป็นคนตามหามันด้วยตัวเอง...

    เด็กน้อยนิ่งเงียบ ก้มมองดูจี้สีสวยที่พึ่งได้รับมาอย่างครุ่นคิด

    ก่อนจะให้สัญญาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

    ...ค่ะ หนูจะทำ...

    เด็กสาวคลี่ยิ้มตอบ

    ก่อนจะเดินจากไปพร้อมผ้าคลุมสีรัตติกาลสะบัดปลิว

    กลับสู่ทางเดิม

    ...กลับสู่บ้าน ที่ห่างหายไปแสนนาน...

    แล้วคุณล่ะ คิดว่าตอนจบของนิทานเรื่องนั้นคืออะไร?

    คุณรู้หรือไม่ ว่าสุดท้ายแล้ว เด็กสาวคนนั้นไม่ได้ตายเพราะคมมีดนั้น

    คุณรู้หรือไม่ ว่าสุดท้ายแล้ว เด็กสาวได้ทำสัญญาข้อหนึ่งเพื่อแลกเปลี่ยนกับชีวิตของตน

    คุณรู้หรือไม่ ว่าเด็กสาวผู้นั้นได้ออกเดินทางไปในนามของ นักเล่านิทาน เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวนั้น

    คุณรู้หรือไม่ ว่าหากมีใครสงสัยถึงตอนจบของนิทานเรื่องนั้น คนๆนั้นจะได้รับสร้อยเส้นหนึ่ง

    คุณรู้หรือไม่ ว่าสร้อยเส้นนั้น จะนำทางคนๆนั้นไปยัง โลกแห่งนิทานเพื่อเปลี่ยนแปลงตำนานอีกครั้ง

    ...แล้วคุณล่ะ รู้ถึงตอนจบของเรื่องนี้หรือไม่...

     

    ---------------------------       The End        ----------------------------
     

    มุมรกสมอง

         สวัสดีค่ะนักอ่านทุกท่าน! ในที่สุดเรื่องที่ 2 ก็จบลงไปแล้ว!!! (ถึงแม้เรื่องที่ 1 จะยังไม่กระเตื้องและเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่สั้นสุดๆก็ตามทีอ่ะนะ...) ขอขอบคุณที่ยังคงหลงเหลือความอดทน ณ ก้นบึ้งของจิตใจทนอ่านกันอยู่นะคะ!!

     
         เอาล่ะ สำหรับหลายๆคนที่ถามว่า" ไอ้นิทานที่ถูกเปลี่ยนทั้งเรื่อง ซินเดอเรลล่า เจ้าหญิงนิทรา กับราพันเซลที่แต่งๆเกรียนข้ามไปเนี่ยคือไม่ได้คิดพล๊อตใช่ไหม?" คำตอบคือผิดจ้า~ อันที่จริงคิดไว้แล้วล่ะแต่ไม่หมดทุกเรื่องเนี่ยสิ...(แล้วมันต่างกันตรงไหนฟะ?!) เอาเป็นว่าเรื่องที่คิดเอาไว้แล้วเดี๋ยวจะลงให้ในภาคพิเศษ'ตอนว่างๆ'แล้วกันนะ!(แล้วเมื่อไหร่เอ็งจะว่างซะทีล่ะเฮ้ย?!!) เอาเป็นว่า...เดี๋ยวค่อยเจอกันใหม่ในภาคพิเศษนะ!!!
     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×