คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Request #21 : 3D Gear
“Request #21 : 3D Gear”
[~Little_Killer~]
********************************************************************
หากโลกนี้ไม่มีไททัน...
คำพูดที่ถูกยกมาใช้บ่อยครั้ง... คำพูดที่เติมเต็มความรู้สึกว่า ‘หากเป็นเช่นนี้แล้วทุกอย่างคงจะดีขึ้น’
แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว... เขากลับไม่รู้สึกอะไร
เมื่อถึงวันที่ความฝันเป็นจริง ในวันที่ความหวังถูกหยิบยื่นเข้ามาให้ตรงหน้า...
ในหัวเขามีเพียงความคิดที่ว่า... เป็นอิสระแล้วมันทำไม?
ทำไมคนเราถึงต้องพยายามไขว่คว้าอิสรภาพ...?
ทำไม... ถึงต้องต่อสู้ขนาดนั้นเพื่อให้ได้มันมา...?
คำถามที่ดูง่ายในตอนก่อนหน้านี้ กลับตอบยากขึ้นมาทันทีที่เขาได้ครอบครองสิ่งนั้นแล้วจริงๆ...
‘อิสรภาพ’ คืออะไร?
มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้น ที่แจนลังเลที่จะตอบ...
.
.
.
“ข้างนอกยังจุดพลุกันอยู่อีกเหรอเนี่ย? ไม่ไหวแฮะ... ผ่านมาสามเดือนแล้วแท้ๆน้า...”
เสียงพึมพำลอยๆของอดีตผู้บังคับหมู่ฮันซี่ดังขึ้น เรียกสายตาของเด็กหนุ่มอีกคนซึ่งกำลังยืนจัดของอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลให้หันมองตาม...
วันนี้ยังคงเป็นอีกวันที่เขามาช่วยงานจัดระเบียบเล็กๆน้อยๆในห้องทดลองแห่งใหม่ของอดีตผู้บังคับบัญชาของตนเอง... เบื้องหน้าของแจน ท่ามกลางแสงสีหม่นยามพลบค่ำซึ่งมองเห็นได้จากทางหน้าต่างบานใหญ่ของห้องแล็บกว้างขวางปรากฏจุดสีเป็นรูปร่างคล้ายดาวกระจาย วาดลวดลายแต่งแต้มผืนฟ้าพร้อมกับเสียงลั่นดังสนั่น... เสียงดนตรี ผู้คนมากมายเต้นรำ และเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน ยังคงถูกส่งเข้ามาเรื่อยๆผ่านช่องหน้าต่างที่เพียงแค่ถูกเจาะเป็นทรงสี่เหลี่ยมเอาไว้โดยไม่มีบานกระจก แสดงให้เห็นถึงงานเทศกาลรื่นเริงครั้งใหญ่ที่มีไม่ได้บ่อยครั้งนัก...
งานฉลองครั้งยิ่งใหญ่... ที่จัดมาตลอดทุกสัปดาห์เป็นเวลาสามเดือน...
งานเลี้ยงฉลองการหายไปของไททัน...
“เอ้าๆ จะอู้อีกนานไหมน่ะ? เดี๋ยวงานก็ไม่เสร็จหรอก”
เสียงเตือนกลั้วอาการหัวเราะขำอย่างไม่จริงจังนักของหญิงสาวผู้มีศักดิ์เป็นหัวหน้า ทำให้เด็กหนุ่มร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีวอลนัทที่กำลังเหม่อมองออกไปด้านนอกเกิดอาการชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาหัวเราะแหะๆ
“ขอโทษครับ พอดีเผลอคิดอะไรนิดหน่อย...”
เจ้าตัวตอบกลับไปเช่นนั้นอย่างยอมรับความผิด ก่อนจะถูกการปัดมือไปมาของฝ่ายตรงข้ามเป็นเชิงว่า ‘ช่างมันเถอะ’ ไล่ให้กลับไปจดจ่อกับงานจัดเรียงเอกสารของตนเองต่ออย่างไม่ทุกข์ร้อน... ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบสีทองจางเบนกลับมากวาดมองแยกกองกระดาษตรงหน้าออกจากกันอีกครั้ง ท่ามกลางกองหลอดทดลองและอุปกรณ์ต่างๆนานาที่วางทิ้งอยู่ข้างตัวอย่างไร้ระเบียบรอการจัดวาง...
ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“...อ้าว? อาร์มิน ไหนบอกว่าวันนี้จะไม่มาแล้วไง?”
เสียงถามของฮันซี่ทำให้แจนเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้งอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเห็นภาพของเด็กหนุ่มอีกคนซึ่งกำลังหัวเราะแหะๆให้กับอีกฝ่ายพร้อมกับเอื้อมมือเล็กของตนขึ้นไปเกาหัวแก้อาการเก้อเขิน
“พอดีผมจัดกระเป๋า แล้วก็จัดการลาทุกคนเรียบร้อยหมดแล้วน่ะครับ... เห็นว่ายังพอมีเวลาเลยอยากจะมาช่วย” เสียงหวานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงติดจะเหงาเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาสีฟ้ากลมโตจะเบนมาสบเข้ากับร่างสูงกว่าที่ยืนอยู่อีกมุมของห้องพอดี... เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงรีบแต่งแต้มใบหน้าด้วยรอยยิ้มบาง
“สวัสดีครับ แจน”
เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อเรียกรู้สึกเหมือนบางอย่างในอกกระตุกวูบเมื่อเห็นรอยยิ้มฝืดฝืนนั้น ก่อนจะหันหลังกลับไปทำงานต่อพร้อมเสียงตอบรับงึมงำในลำคอ...
ทั้งๆที่ความจริงแล้ว... ในใจมีคำพูดมากมายที่อยากจะบอกอยู่เต็มไปหมด...
แต่...
“จะไปแล้วสินะ... พรุ่งนี้น่ะ?”
หญิงสาวเพียงผู้เดียวในห้องกว้างเอ่ยถามออกมาอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก ทว่ากลับทำให้เด็กหนุ่มซึ่งกำลังตรวจแยกเอกสารชะงักกึก... ดวงตาสีน้ำตาลเข้มวูบไหวเล็กน้อยก่อนจะรีบตวัดกลับไปที่งานตรงหน้า ส่วนร่างเล็กผู้ถูกถามได้แต่หลบสายตา ก่อนจะคลี่ยิ้มหม่นๆส่งไปให้
“ครับ พวกผมตัดสินใจกันดีแล้ว...”
แจนนิ่งฟังน้ำเสียงแผ่วเบานั้น ในขณะที่พลิกเปิดหน้ากระดาษในมือเสียงดังกรอบแกรบ
อาร์มิน... จะเดินทางออกนอกกำแพงเพื่อตามหาความฝัน พร้อมกับพวกเอเลนและมิคาสะ...
หากจะมองย้อนไป... กลับสู่วันเวลาช่วงที่ทุกคนยังต้องต่อสู้ ต้องหวาดระแวงกับการตายของคนที่ผูกพันที่ไม่รู้จะมาเมื่อไหร่ เมื่อพูดกันตามตรงแล้ว... ก็จะเห็นว่าแจนพูดกับอาร์มินน้อยมาก ดูผิวเผินอาจจะเหมือนว่าไม่ได้สนิทกัน หรือเพราะเขาค่อนข้างจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับเอเลนเลยไม่ได้พูดคุยกันนัก ไม่ว่าจะเป็นทั้งเวลาที่อยู่ด้วยกันที่นี่หรือในการต่อสู้... ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้น...
ก็แค่... ไม่รู้เท่านั้นว่าจะต้องเข้าหายังไง...
“อ๊ะ จริงสิ... ฉันลืมกล่องใส่ของอีกกล่องนึงเอาไว้ที่ห้องแล็บเก่านี่นา...”
เสียงพึมพำของฮันซี่ที่ดังขึ้นมาแว่วๆลอยเข้ามากระทบหูแจนในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังตอกปึกเอกสารให้เป็นระเบียบเพื่อเตรียมเก็บเข้าชั้นวาง... ร่างสูงหันหน้าไปเลิกคิ้วเล็กน้อยเพื่อมองดูว่าอดีตผู้บังคับบัญชาของตนเองจะทำอย่างไรต่อไป ก่อนที่ฮันซี่จะถอนหายใจออกมาดังเฮือก
“ช่วยไม่ได้แฮะ... เดี๋ยวฉันไปเอาเองก็แล้วกัน พวกนายสองคนช่วยกันจัดของไปพลางๆก่อนนะ... โดยเฉพาะตู้ใหญ่ๆตรงนั้นน่ะรู้สึกว่าจะมีอะไรใส่อยู่ไม่รู้ ถ้าเคลียร์ได้ก็ช่วยเอาออกหน่อย โอเคนะ?”
“ครับ ได้ครับ”
อาร์มินตอบรับเสียงใสพร้อมรอยยิ้มบาง ในขณะที่แจนซึ่งเหลือบมองท่าทางนั้นด้วยหางตาไม่ได้พูดว่าอะไร... จนกระทั่งเสียงฝีเท้าของบุคคลที่วิ่งออกจากห้องค่อยๆห่าง และเบาลง...
บรรยากาศเงียบงันชวนอึดอัดเข้าปกคลุมห้องกว้างอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่แจนจะตัดสินใจเปิดประตูตู้ แล้วเรียงตั้งเอกสารในมือลงไปอย่างระมัดระวังโดยไม่สนใจเสียงลั่นของบานพับขึ้นสนิมที่ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดอยู่เบื้องหน้า... ในขณะที่ร่างเล็กของอาร์มินเอง ก็ดูเหมือนจะวุ่นวายอยู่กับเสียงเคร้งคร้างซึ่งน่าจะเกิดจากการกระทบกันของหลอดทดลองแก้วที่ถูกถืออยู่เต็มสองมือเพื่อเรียงมันลงในชั้นวางเช่นกัน...
ทั้งสองหันหลังให้กันเงียบๆ โดยที่ไม่มีฝ่ายใดพูดอะไรออกมา
เหมือนเดิม... เหมือนปกติที่เคยทำ...
ต่อให้อยากพูดแค่ไหน ก็ไม่กล้าพอเสียที...
แม้จะรู้ดี... ว่าวันนี้เป็นวันสุดท้าย...
“เอ่อ... คุณแจนครับ... เราไปดูตู้ตรงนั้นหน่อยไหมครับ?”
เสียงเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้ผู้ถูกเรียกหยุดมือจากงานของตัวเองแล้วหันกลับไปมองเล็กน้อย ก่อนที่ภาพของอาร์มินซึ่งกำลังทำท่าทางลังเลใจจะปรากฏเข้าสู่คลองสายตา
แจนนิ่งเงียบไปพักหนึ่งราวกับกำลังเลือกคำพูด ก่อนจะพยักหน้า
“เอาสิ”
เด็กหนุ่มทั้งสองต่างวางมือจากงานของตัวเองก่อนจะเดินไปที่ตู้เหล็กใหญ่ในบริเวณที่ฮันซี่ได้มอบหมายงานเอาไว้... วัตถุทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าส่องประกายสีเงินหม่นเพราะคราบสนิมเบาบาง ร่องรอยขูดขีดที่แสดงให้เห็นถึงการใช้งานราวกับจะย้ำเตือนให้นึกถึงเรื่องเก่าๆขึ้นมาอีก...
ร่างสูงกว่าถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะเปิดบานประตูออกมา
เคยไหม? ที่แค่มองไปที่ของบางสิ่ง ก็ทำให้นึกถึงเรื่องราวต่างๆได้มากมาย...
เรื่องราว... ของคนเพียงแค่คนเดียว...
“...เครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติ งั้นเหรอ...”
แจนพึมพำออกมาเบาๆเมื่อสังเกตเห็นว่าวัตถุสีเงินที่อยู่ด้านในคืออะไร... ส่วนอาร์มินที่อยู่ด้านหลังก็ชะงักไปเล็กน้อยเช่นกัน
เรื่องราวที่เคยผ่านมาพร้อมกับสิ่งของตรงหน้านี้ ค่อยๆหมุนวนอยู่ในจิตใจ...
สิ่งสำคัญ... ที่เคยปกป้องเอาไว้ด้วยของสิ่งนี้...
“...นึกถึงตอนนั้นจังนะครับ”
ร่างสูงกว่าเหลือบมองฝ่ายที่เอ่ยประโยคนั้นขึ้นมานิ่งๆ ก่อนจะหันกลับไปยกวัตถุตรงหน้าขึ้นมา
“ตอนไหนเหรอ?”
“อืม... ก็ตอนที่อยู่ในสนามรบไงครับ” เด็กหนุ่มร่างบางตอบรับ ในขณะที่ก้าวเข้าไปช่วยประคองกองโลหะนั้นให้วางลงบนโต๊ะ... “แจนเองก็มาช่วยผมไว้ด้วยเจ้านี่นี่นา...”
เจ้าของชื่อผู้ถูกพูดถึงชะงักกึก ก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่น
“จำได้ด้วยเหรอ?”
อาร์มินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่รอยยิ้มจางจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวานพร้อมอาการถอนหายใจ...
“เรื่องสำคัญขนาดนั้น ผมจะลืมได้ยังไงกันครับ...”
แจนไม่ได้ตอบอะไร ในขณะที่มองจ้องไปยังเครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติบนโต๊ะข้างตัว...
จำได้ดี... ว่าตัวเองเคยเอาชีวิตเข้าแลกพร้อมกับของสิ่งนี้เพื่ออะไร
จำได้ดี ว่าเคยตะโกนเรียกชื่อของคนตรงหน้านี้ ด้วยหัวใจที่เจ็บปวดแค่ไหน...
“ฉันก็แค่... ไม่อยากเห็นใครตายเท่านั้นแหละ”
เด็กหนุ่มตอบไปอย่างนั้น ก่อนจะหันหน้าเข้าหาตู้เก็บของเพื่อยกสิ่งของชิ้นต่อไปออกมาวาง ส่วนฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น...
ทั้งๆที่จำทุกอย่างได้ดีขนาดนั้น...
แต่กลับมีสิ่งหนึ่ง... ที่เขานึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก...
“...ผมจะไปพรุ่งนี้แล้วนะครับ”
เสียงหวานเอ่ยประโยคนั้นขึ้นมาลอยๆ ทว่ากลับทำให้บางอย่างในใจของผู้ฟังรู้สึกเหมือนถูกบีบ...
สิ่งเดียว... ที่เขานึกไม่ออก
“...ขอให้เดินทางปลอดภัยก็แล้วกัน”
ก็คือเรื่องที่ว่า เขารักคนตรงหน้านี้หมดหัวใจไปตอนไหน...
แจนกล่าวขึ้นหลังจากเงียบไปสักพัก ในขณะที่ทำท่าทางราวกับไม่ใส่ใจ... แล้วแกล้งค้นของในตู้ตรงหน้าเสียงดังกุกกัก
อาร์มินได้แต่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหลบสายตา
“ขอบคุณนะครับ”
******************************************************
“อ้าว... อาร์มินกลับไปแล้วเหรอ?”
เสียงถามของฮันซี่ดังขึ้นทันทีที่เจ้าตัวก้าวเท้าเข้ามาในห้องหลังจากการหันซ้ายหันขวาอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่แจนซึ่งยังคงจัดเรียงเอกสารต่อเอ่ยตอบเสียงเรียบทั้งที่ยังไม่ได้หันกลับมา
“พึ่งออกไปเมื่อกี้ครับ”
หญิงสาวนิ่งมองแผ่นหลังนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำขึ้นลอยๆ
“ไปเร็วจังน้า...”
บรรยากาศเงียบงันที่ปกคลุมเอื่อยเฉื่อยอยู่ในห้อง ถูกตัดออกด้วยเสียงกระทบกันของหลอดทดลองซึ่งผู้เข้ามาใหม่วางลงบนเคาท์เตอร์ ในขณะที่แจนยังคงทำท่าทางเหมือนยุ่งวุ่นวายอยู่กับเอกสารตรงหน้าตลอดเวลา ทั้งๆที่ความจริงไม่มีอะไรให้ทำมากไปกว่าการจัดเรียงและใส่ลงในตู้ตรงหน้าเท่านั้น...
เด็กหนุ่มลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยขึ้น
“คุณฮันซี่ครับ... ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
เขารู้สึกเหมือนอีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เสียงตอบรับจะดังกลับมาในวินาทีถัดมา
“ว่ามาสิ”
แจนถอนหายใจดังเฮือกในขณะที่หันกลับมาเอาตัวพิงกับขอบโต๊ะด้านหลังตัวเอง สายตาเบนไปด้านข้างก่อนจะกล่าวต่อ... “ถ้าคุณฮันซี่มีเรื่องที่อยากจะพูดกับใครคนนึงมากๆแต่พูดไม่ออก... แถมเรื่องนั้นยังเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะพูดออกไปด้วย จะทำยังไงเหรอครับ?”
หญิงสาวมองท่าทางสลดๆนั้น ก่อนจะยิ้มขำ
“วันนี้มาแปลกนะ... ปกตินายเป็นพวกที่เครียดกับเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ?”
“...ผมจริงจังนะครับ...”
“โอ๋ๆ ฉันรู้น่า... ก็แค่อยากแซวเล่นเท่านั้นแหละ” ฮันซี่รีบตอบตัดทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าเครียดหนักกว่าเดิม ก่อนจะเอนตัวพิงกับเคาท์เตอร์ด้านหลังบ้างแล้วถอนหายใจพร้อมรอยยิ้มบาง... “ฉันก็คงจะบอกไปเลยล่ะมั้ง? ไม่รู้สินะ... แค่คิดว่าคนเราจะรู้ได้ยังไงว่าเรื่องที่เราคิดจะทำให้คนๆนั้นรู้สึกแย่หรืออึดอัด ทั้งๆที่ไม่ได้พูดอะไรออกไปเลยน่ะ...”
“...แต่มันเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสุดๆไปเลยนะครับ?”
“...อย่างเช่นว่า รักผู้ชายด้วยกันน่ะเหรอ...?”
พอโดนจี้ใจดำเข้าอย่างนั้น แจนก็ได้แต่สะอึก
หญิงสาวผู้พูดไม่ได้เอ่ยอะไรมากไปกว่านั้นราวกับให้เวลาอีกฝ่ายได้คิด... ดวงตาก็จ้องมองปฏิกิริยาตอบสนองของร่างสูงซึ่งค่อยๆเปิดปากเหมือนกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็นิ่งเงียบ และถอนหายใจก่อนจะหันกลับไปทำงานที่คั่งค้างอยู่อีกครั้ง...
“ช่างมันเถอะครับ...”
เจ้าตัวพูดออกมาเพียงเท่านั้น ก่อนที่เสียงเปิดหน้ากระดาษจะดังขึ้นมาอีก
ฮันซี่ได้แต่ถอนหายใจอย่างเอือมๆให้กับความปากแข็งผิดที่ผิดเวลาของอีกฝ่าย ในขณะที่เหลือบมองออกไปยังทางเดินว่างเปล่านอกประตูห้องพลางนึกถึงเด็กหนุ่มตัวเล็กที่ป่านนี้คงจะเดินออกไปไกลแล้ว... ก่อนจะตัดสินใจยันตัวขึ้นจากเคาท์เตอร์ที่พิงอยู่ และเดินตรงเข้าไปหาร่างสูงซึ่งกำลังหันหลังให้แล้วเอ่ยขึ้นบ้าง
“นายถามคำถามฉันไปแล้ว... งั้นคราวนี้ฉันจะขอถามอะไรนายหน่อยได้ไหม?”
ฝ่ายตรงข้ามชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหลังกลับมามองด้วยสายตางุนงง
“ครับ?”
“นายคิดว่า อิสรภาพมีไว้เพื่ออะไรงั้นเหรอ?”
ฮันซี่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย แต่กลับตีสีหน้าจริงจัง
แจนซึ่งตอนแรกมีท่าทีงุนงงอยู่แล้วกลับยิ่งมึนหนักขึ้นไปกว่าเก่าเมื่อรับฟังคำพูดประโยคนั้น คิ้วเข้มสองข้างเลิกขึ้นเป็นเชิงไม่เข้าใจ...
อิสรภาพ... คืออะไร...?
นั่นสินะ...
สำหรับเขา... มันคืออะไรกันแน่...
“ไม่รู้สิครับ”
ฮันซี่รับฟังคำตอบนั้น ก่อนจะยิ้มออกมาราวกับพึงพอใจ
“กะแล้วว่านายต้องพูดแบบนี้...” หญิงสาวยิ้มขำอย่างเป็นต่อ ก่อนจะยกปากกาในมือขึ้นมาจิ้มไปที่หน้าอกกว้างของอีกฝ่ายเป็นเชิงให้ตั้งใจฟัง... “งั้นฉันจะบอกให้ ความหมายของอิสรภาพน่ะ”
“...ครับ?”
ฝ่ายตรงข้ามระบายรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“มันเป็นสิ่งที่มีไว้... เพื่อให้คนเราได้ทำตามหัวใจตัวเองยังไงล่ะ”
แจนนิ่งฟังคำพูดนั้น ด้วยอาการชะงักค้าง...
...เป็นอย่างนั้นหรอกเหรอ?
ความหมายของคำว่าอิสรภาพ ที่เขาหาคำตอบมาตลอด...
“อาร์มินน่ะ เลือกที่จะใช้อิสรภาพของตัวเองแล้วนะ?” หญิงสาวกล่าวต่อโดยไม่สนใจท่าทางนิ่งอึ้งนั้น ก่อนจะเลื่อนปากกาในมือตัวเองมาเคาะหัวฝ่ายตรงข้ามดังป๊อกๆ... “แล้วนายล่ะ... จะใช้สิทธิที่อุตส่าห์ได้มานี่เมื่อไหร่ หืม?”
อย่างนั้นเหรอ...
ที่แท้ก็... เรื่องง่ายๆแค่นี้เอง...
“...ผมขออู้งานซักพักได้ไหมครับ?”
ฮันซี่ฟังคำตอบนั้น ก่อนจะยิ้มกว้าง
“ไม่ต้องขอหรอก... ฉันอนุญาตให้นายลาพักร้อนยาวไปเลยล่ะ”
แจนส่งยิ้มขอบคุณให้คนตรงหน้าแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบวิ่งออกไปตามทางเดินเวิ้งว้างว่างเปล่า...
สิ่งที่เขาเฝ้าถามตัวเองมาตลอด... หลังจากวันที่ไททันหายไปจากโลก...
คนเรา ควรจะใช้อิสรภาพเพื่ออะไร?
หากมีคำๆนั้นเอาไว้ในมือ... ควรจะต้องใช้มันอย่างไร...?
ทว่าตอนนี้ คำตอบนั้นกลับลอยเด่นชัดอยู่ในหัว
อิสรภาพ ของเขา...
“อาร์มิน!!”
เสียงเรียกชื่อปนอาการหอบเหนื่อยดังก้องไปทั่วโถงทางเดินสีน้ำตาลเข้ม หลังจากที่ดวงตาคมของแจนเริ่มมองเห็นแผ่นหลังเล็กที่เคลื่อนไหวอยู่ท่ามกลางความมืด... ร่างนั้นดูราวกับจะหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่ใบหน้าหวานจะหันกลับมามองคนร่างสูงกว่าซึ่งวิ่งมาหยุดอยู่ด้านหน้าด้วยอาการเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด พลางก้มตัวลงยันเข่าของตัวเองเอาไว้แล้วสูดหายใจเข้าราวกับหาอากาศเข้าไปเลี้ยงปอด...
เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อเรียกจนคำพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงแผ่วเบาออกมาราวกับไม่มั่นใจ
“...แจน?”
ฝ่ายตรงข้ามระบายลมหายใจออกยาว ก่อนจะยืดตัวขึ้นมาพร้อมกับการสูดหายใจเข้าลึกครั้งสุดท้ายเพื่อเรียกความกล้า...
“ใช่ ฉันเอง”
ถ้าหากการเป็นอิสระ หมายถึงการทำตามใจปรารถนา...
ตอนนี้ตัวเขา... ก็คงกำลังใช้สิทธิแห่งเสรีภาพนี้อยู่เช่นกันสินะ...?
“ฉัน... มีเรื่องอยากจะขอนาย”
อีกฝ่ายนิ่งงันไปพักหนึ่งอย่างไม่เข้าใจ ในขณะที่จ้องมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาสีฟ้าใสที่เคยทำให้เด็กหนุ่มอีกคนหลงรักไปไม่รู้กี่ครั้ง...
“ขอ... อะไรเหรอครับ?”
คำตอบของคำถาม... ที่ว่าอิสรภาพคืออะไร...
“ฉันขอเดินทางไปกับนายได้ไหม?”
และเป็นคำตอบ... ว่าสิ่งที่เขาต้องการคืออะไร...
อาร์มินชะงักไปแวบหนึ่ง ในขณะที่นัยน์ตาสีสวยวูบไหวกับคำขอที่ไม่เคยคาดคิดจากคนตรงหน้า...
“จะไป... จริงๆนะครับ...?”
ร่างสูงกว่านิ่งจ้องใบหน้านั้น ก่อนจะยิ้ม
“อืม”
อิสรภาพของเขาคือ...
.
.
.
เด็กหนุ่มร่างเล็กได้แต่ร้องไห้ออกมา ก่อนจะโผเข้ากอดอีกฝ่ายเต็มแรง...
******************************************************
หวาย... เผาเควสต์อีกแล้วสิเนี่ย... =v=;;
ขอโทษค่ะ... ขอโทษนะคะ... การกลับมาครั้งแรกหลังเปิดเทอมเนี่ย... กะจะทำให้มันยิ่งใหญ่กว่านี้แท้ๆเชียว... TvT
เควสต์นี้เขียนออกมาแล้วดูมั่วๆ อึนๆ... = =” อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ได้เขียนนานเลยรู้สึกเหมือนไม่ค่อยฟิน...? เพราะงั้นขออธิบายไว้หน่อยว่าตอนนี้เป็นฟีลลิ่งคล้ายๆกับว่าแจนมันปากแข็งมาตั้งแต่แรกน่ะค่ะ ซึนจนเกือบได้เรื่องแล้วไหมล่ะเจ้าม้า... เฮ้อ... –v–…
อันนี้เป็นฟิคที่โยงเข้ากับเรื่องจริงเป็นครั้งแรกเลยค่ะ... เอ่อ... บางคนอาจจะรู้แล้ว... แต่ของสารภาพบาปตรงนี้อีกทีก็แล้วกัน...
ไรท์เตอร์... ไม่เคยดูหรืออ่านไททันเลยค่ะ... ///Orz
ไอ้ที่เขียนๆมานี่ก็เสพจากรูป gif ทั้งน้านนน เพราะฉะนั้นถ้ามีตรงไหนผิดพลาดไปก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ... //คารวะสามหน
เหมือนเคย!! ขอบคุณรีเควสต์ดีๆจากพี่วดีนะคะ!! XD
ตอนนี้ไรท์เคลียร์โครงงานได้ครึ่งนึงแล้วววว~!! (เย้~~~!!! TWT) เพราะงั้นหลังจากนี้อาจจะมีเวลามากขึ้นเนอะ... แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหมดไฟเมื่อไหร่อ่ะนะ... เพราะงั้นคงจะสัญญาอะไรไม่ได้จริงๆค่ะ แต่ก็จะพยายามเขียนต่อไป! โอ้ว!!
TBC >> Request #22 : Onsen และ #23 : Hot-air Balloon นะคะ!!
ปล.ไหนๆก็ไหนๆแล้ว... คราวนี้ไรเตอร์เลยทำวีดีโอรวมรูปแจนมินมาเป็นการเซอร์วิสนะคะ! แถมแบบพิเศษสุดๆคือไรท์โคฟเวอร์เพลงเอง... =v=; เพลง Ai Kotoba ค่ะ! ไม่รู้จะฟังได้รึเปล่า... แต่ถ้ามีเวลาว่างละก็... ลองเข้าไปดูและฝากคำติชมเอาไว้ได้นะคะ!! XD (ไรเตอร์โคฟเองทั้งเสียงชายหญิงเลยนะคะ 555)
ลิ้งค์เลยค่ะ!! >> http://www.youtube.com/watch?v=Klwoc_SSAzc&feature=youtu.be
ความคิดเห็น