ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SNK]รวม Short Fic [Jean x Armin] : รับรีเควสต์!!

    ลำดับตอนที่ #18 : Request #18 : Prince & Knight

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 64


       


    “Request #18 : Prince & Knight”

    [DiJung]

    ****************************************************************************

    “ว่าไงนะ?! ใครส่งอาร์มินออกไปทำงานแนวหน้า!!

    เสียงตวาดกราดเกรี้ยวดังก้อง ในขณะที่แก้วในมือถูกเขวี้ยงลงพื้นแตกกระจาย...

    ทั้งที่ยังเป็นยามเช้าของพระราชวังเมืองมาเรียที่ใครบางคนยังไม่ตื่นดี... แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าชายแจน... เด็กหนุ่มร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีวอลนัทกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มซึ่งเป็นรัชทายาทเพียงพระองค์เดียวของประเทศแห่งนี้ กลับส่งเสียงดังลั่นปราสาทออกมาจากห้องนอนส่วนพระองค์หลังจากได้รับข่าวจากทหารราชองครักษ์...

    ใครๆก็รู้ดีว่าสถานการณ์ที่ชายแดนประเทศนี้กำลังอันตรายมากแค่ไหน... แล้วยังจะส่ง คนๆนั้น ไปอีก?

    แค่ความคิดนี้ ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้แจนคลั่งแทบบ้า

    “ไม่เอาน่าแจน มีเหตุผลหน่อยจะได้ไหม?” เบลรูท... ทหารองครักษ์ส่วนพระองค์ซึ่งเป็นทั้งคนคุ้มกันและเพื่อนสมัยเด็กขององค์รัชทายาทซึ่งกำลังออกท่าทีหงุดหงิดตรงหน้าเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีปราม... “อาร์มินน่ะเป็นอัศวินที่วางแผนเก่งที่สุดในหมู่พวกเรา... เรื่องแค่นี้นายก็รู้แท้ๆ ยิ่งสถานการณ์ย่ำแย่แบบนี้ก็ยิ่งต้องไปงั้นไม่ใช่เหรอ?”

    เด็กหนุ่มตรงหน้ายังคงกัดฟันเป็นเชิงไม่ยอมรับ ก่อนจะเบือนหน้าหนีแล้วส่งเสียงตะโกน “อาร์มินจำเป็นต้องไป...? แล้วทำไมฉันถึงต้องถูกกักตัวอยู่ในนี้ล่ะ?! ฉันก็เป็นเจ้าชาย... เป็นคนที่สมควรจะมีส่วนในการปกป้องประเทศนี้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่ส่งฉันไปด้วยเล่า!!

    “...ฉันว่านายเองก็น่าจะรู้คำตอบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แจน?” คราวนี้เป็นไรเนอร์ที่พูดแทรกขึ้นมาบ้าง... ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์สั้นเกรียนตีสีหน้าจริงจังราวกับจะเพิ่มความหนักแน่นให้กับคำพูดของตนเพื่อให้เหตุผลองค์ชายที่กำลังโกรธเกรี้ยวก่อนจะเอ่ยต่อ... “นายเป็นเจ้าชาย... เป็นรัชทายาท มีความสำคัญมากแค่ไหนกับประเทศนี้? ถ้าศัตรูได้ตัวนายไปทุกอย่างก็จบ... แล้วนายจะพูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แบบนั้นเพื่ออะไรอีก?”

    แจนได้แต่กัดฟันแล้วตีสีหน้าเจ็บปวด ดวงตาสีน้ำคาลคมเข้มฉายประกายโกรธเกรี้ยวรุนแรงก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปเตะขาเตียงนอนของตัวเองเสียงดังสนั่น...

    ทั้งห้องเงียบเสียจนได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจของแจน ในขณะที่องครักษ์ทั้งสองซึ่งเป็นผู้มาแจ้งข่าวเหลือบมองหน้ากันเงียบๆพลางถอนหายใจ...

    ทุกคนรู้ดี... ว่าสำหรับเจ้าชายพระองค์นี้นั้น ชื่อของอัศวินที่ถูกกล่าวมามีความสำคัญแค่ไหน...

    แต่เนื่องจากเด็กหนุ่มคนนั้นเองก็เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนสำคัญเช่นกัน จึงดื้อรั้นจะไปเสียให้ได้...

    “อาร์มิน... เจ้าบ้าเอ๊ย...”

    แจนพึมพำด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย ในขณะที่เอาหัวซบลงกับผ้าม่านเนื้อดีของเสาเตียง...

    ก็รู้ ว่าอีกฝ่ายทำไปเพราะเป็นห่วงเขา... เป็นห่วงบ้านเมือง

    แต่สิ่งที่เขาใช้รับรู้เรื่องพวกนั้น คือสมองและจิตสำนึก

    เพราะในหัวใจ... มันตะโกนให้ไปช่วยคนๆนั้นกลับมา...

    อาร์มิน...

    ถ้านาย... เป็นอะไรไป...

    “...ฉันกับเบลรูทจะอยู่หน้าห้องนะ... อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามเชียวล่ะ”

    องครักษ์ของเขาทิ้งคำพูดเอาไว้ให้เตือนสติ ก่อนจะดึงปิดประตูห้อง...

    ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มอย่างอ่อนแรง ก่อนจะยกแขนขึ้นมาปิดดวงตาที่เหนื่อยล้า

    ถ้าฉัน... ไม่เป็นเจ้าชาย...

    องค์รัชทายาทได้แต่คิดอย่างนี้ซ้ำๆ ในขณะที่ใบหน้ายามยิ้มแย้มของอีกคนผุดขึ้นมาในหัว...

    “นายต้องกลับมาให้ได้นะ... อาร์มิน...”

    **************************************************************

    “นี่... นายได้ยินข่าวเรื่องสถานการณ์ชายแดนครั้งล่าสุดรึยัง?”

    เสียงเด็กหนุ่มสนทนาเปิดประเด็นดังขึ้น ในขณะที่เสียงเดินของทหารยามทั้งสองยังคงดังคลอไปกับเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วในสวน พร้อมกับเสียงร้องอ๋อของเด็กหนุ่มอีกคน...

    “รู้แล้ว ที่ว่าสองอาทิตย์ก่อนมีคนลอบเข้ามาฆ่าพวกทหารแล้วก็เผาที่พัก แต่สุดท้ายก็จัดการได้งั้นสินะ?” ทหารหนุ่มคู่สนทนาตอบด้วยสีหน้ากังวลใจในขณะที่เดินตัดผ่านสวนดอกไม้เพื่อเฝ้ายาม... ด้านขวามือเป็นกำแพงสูง ในขณะที่ตรงหน้าเยื้องออกไปไม่ไกลนักเป็นคอกเลี้ยงม้าสำหรับทหารและคลังอาวุธที่ถูกเปิดรับแสงแดดยามเช้าอยู่ข้างกัน... “แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ... เห็นว่ามีคนบาดเจ็บแล้วก็ตายหลายคน ไม่รู้ว่าเพื่อนพวกเราจะเป็นยังไงกันบ้าง...”

    “อืม... นั่นสินะ...” ทหารยามอีกคนตอบรับพลางพึมพำพยักหน้า ก่อนจะตกอยู่ในท่าทีครุ่นคิด... “คุณอาร์มินก็เหมือนกัน... นี่ถ้าองค์ชายรู้ข่าวเรื่องนี้มีหวังต้องรีบรุดไปที่ชายแดนแน่ ขนาดตอนที่รู้ว่าคุณอาร์มินไปแนวหน้ายังร้อนใจซะขนาดนั้น แล้วยิ่งคราวนี้...”

    “เห็นว่าพวกทหารองครักษ์เองก็พยายามปิดข่าวสุดชีวิตอยู่...” เด็กหนุ่มอีกคนตอบรับก่อนจะถอนหายใจ “น่าสงสารทั้งคู่เลยนะ... คนนึงก็อยากปกป้องจนออกไปที่อันตรายแบบนั้น ส่วนอีกคนก็อยากตามไปช่วยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นเจ้าชาย... ทั้งๆที่ตอนอยู่ด้วยกันในกำแพงนี่ก็ดูมีความสุขกันดีแท้ๆ ไม่น่ามีสงครามเลย...”

    เด็กหนุ่มคู่สนทนาพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนจะเงียบไปพักหนึ่ง...

    ทหารทุกคน ข้ารับใช้ทุกคน หรืออาจรวมไปถึงประชาชนด้วยซ้ำ ต่างก็รู้ดีว่าองค์ชายรักอัศวินตัวน้อยคนนั้นมากแค่ไหน... และถ้าหากมีโอกาสได้พูดคุยกับอาร์มินซักครั้ง ทุกคนเองก็จะเข้าใจเหตุผลนั้นได้ดีมากขึ้น

    เพราะความอ่อนโยน รอยยิ้ม ท่าทางกิริยาทุกอย่างที่ดึงดูดใจให้เข้าไปหา มันรวมอยู่ในตัวของคนๆนั้นหมดแล้ว...

    “ไม่ว่ายังไงก็ตาม... จะให้องค์ชายรู้ข่าวนี้ไม่ได้เด็ดขาด” ทหารยามคนที่พยักหน้ารับเมื่อครู่พูดฝ่าความเงียบขึ้นก่อนจะถอนหายใจ... “ถึงจะน่าสงสารก็จริง... แต่ถ้าองค์ชายออกไปที่แบบนั้นก็ไม่แน่ว่าจะเป็นอันตรายรึเปล่า แล้วยิ่งถ้าพวกศัตรูได้องค์ชายไปสถานการณ์ก็จะยิ่งลำบาก-”

    “ให้ฉันรู้อะไรไม่ได้งั้นเหรอ?”

    ทว่าเสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ทหารยามทั้งสองสะดุ้งแล้วหันกลับไปมอง

    เจ้าชายแห่งประเทศมาเรีย...

    “อ... องค์ชาย-”

    “เล่ามา”

    แจนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบแข็งกระด้างจนทำให้เด็กหนุ่มคู่สนทนาทั้งสองถึงกับมีเหงื่อผุดซึม... ดวงตาสองคู่เหลือบมองกันในเชิงปรึกษาอย่างกล้าๆกลัวๆในขณะที่บุคคลตรงหน้ายิ่งหงุดหงิดแล้วตะคอกใส่

    “มีอะไรเกิดขึ้นที่ชายแดนใช่ไหม?! เล่ามาเดี๋ยวนี้!!

    ทหารทั้งสองนายทำหน้าตากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก่อนที่เด็กหนุ่มหนึ่งในนั้นจะโดนเพื่อนอีกคนกระทุ้งศอกแล้วถึงกับสะดุ้ง...

    “...คือ...”

    *************************************************************

    “แจน! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!

    “แจน!!

    “องค์ชายขอรับ!!

    เสียงตะโกนตามหลังของผู้คนและเสียงกีบเท้าม้าดังสนั่นไปทั่งทุ่งกว้างสีเขียวขจีในขณะที่ดวงอาทิตย์ทอดตัวลงต่ำ... ทว่าร่างของเด็กหนุ่มบนม้าสีน้ำตาลตัวหนึ่งซึ่งวิ่งนำอยู่ด้านหน้าสุดนั้นยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพัก

    ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องเพียงหนทางเบื้องหน้า ในขณะที่เจ้าตัวกัดฟันด้วยความโมโห

    เรื่องสำคัญขนาดนั้น... ทำไมถึงไม่ยอมบอกกันแต่แรก!

    “แจน!!” เสียงเรียกของไรเนอร์ซึ่งควบม้าขึ้นมาทันอยู่ด้านข้างดังขึ้นราวกับจะเรียกสติ ทว่าเด็กหนุ่มกลับไม่มีอารมณ์แม้จะหันไปมอง... “นายลืมไปแล้วเหรอว่านายอยู่ในฐานะอะไร! นายจะออกมาแบบนี้ไม่ได้นะ!!

    “จะอยู่ในฐานะอะไรก็ช่างฉันเถอะ!!” แจนตะคอกกลับในขณะที่สะบัดหน้ามามองชายหนุ่มคู่สนทนาด้วยท่าทีโมโหอย่างปิดไม่มิด “ทีพวกนายยังช่วยกันปิดเรื่องสำคัญแบบนั้นกับฉัน! นายก็รู้ว่าฉันเป็นห่วงอาร์มินมากแค่ไหน แถมข่าวคราวก็ยังไม่มีส่งมาว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง... ถึงขนาดนี้แล้วจะให้ฉันอยู่เฉยอีกงั้นเหรอ?!!

    “แล้วนายคิดว่าอาร์มินจะดีใจงั้นเหรอที่เป็นต้นเหตุให้นายออกมาเสี่ยงอันตรายแบบนี้?” เบลรูทพูดขึ้นบ้างในขณะที่ขี่ม้าไล่หลังเข้ามาใกล้... “นายกำลังทำให้ประเทศต้องมาเสี่ยงเพราะความต้องการของนาย... ทำแบบนี้คิดดีแล้วเหรอแจน?!!

    “ฉันไม่ได้เอาประเทศมาเสี่ยง! ฉันจะสู้กับพวกมัน จะปกป้องประเทศนี้! แล้วถ้าพวกมันฆ่าอาร์มินจริงๆล่ะก็... ประเทศของพวกมันต่างหากที่เสี่ยง!!

    ไรเนอร์กับเบลรูทฟังคำประกาศกร้าวอย่างมั่นใจนั้นแล้วมองหน้ากัน...

    ถึงขั้นนี้... คงพูดกันไม่รู้เรื่องแล้ว

    “ขอโทษนะแจน แต่พวกฉันจำเป็น!!

    “หา... อุ๊ก-!!

    หลังจากเอ่ยคำพูดพอเป็นพิธี... ไรเนอร์ก็เบียดกระแทกม้าของตัวเองเข้ากับอีกฝ่ายอย่างแรง จนทำให้แจนที่กำลังควบม้าเต็มกำลังถึงกับทำม้าเสียหลักแล้วตกลงไปกระแทกพื้นกระเด็นไปไกล...

    เด็กหนุ่มร่างสูงร้องครางออกมาเบาๆด้วยความเจ็บในขณะที่กำลังฝืนลุกขึ้นยืน... ทว่าพอดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นปรือเปิดขึ้นมาได้ก็ต้องเห็นภาพที่ทำให้ร่างกายหยุดชะงัก

    องครักษ์ทั้งสอง... กำลังจ่อดาบมาที่เขา...

    “ไรเนอร์ เบลรูท พวกนายทำบ้าอะไรกัน?!!

    “ฉันบอกแล้วว่ามันจำเป็น” ไรเนอร์ตอบในขณะที่มองลงไปยังร่างซึ่งไม่สามารถลุกขึ้นมาจากพื้นดินได้จากการจ่อดาบของพวกเขาด้วยสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด... “ถ้าปล่อยนายไปไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง องค์ราชาเองก็มีรับสั่งว่าให้ดูแลนายให้ดีที่สุด... ฉันคงยอมให้นายไปไม่ได้”

    “บ้าเอ๊ย!! นี่พวกนาย-”

    ทว่าเสียงค้านของแจนที่ดังขึ้นนั้นกลับชะงักค้างลงกลางคันด้วยการส่งเสียงลอดไรฟันเป็นเชิงบอกให้เงียบของเบลรูท พร้อมกับท่าทางของเจ้าตัวที่ดูราวกับกำลังเงี่ยหูฟังอะไรบางอย่างอย่างตั้งใจจนทำให้คู่สนทนาทั้งสองพลอยเงียบไปด้วย...

    เสียงที่ดังขึ้น... คือเสียงกีบเท้าม้า...

    แน่นอนว่านั่นอาจจะเป็นพวกเสียงที่เกิดจากทหารที่ออกมาตามตัวแจนในตอนแรกก็ได้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันดังขึ้น และมาจากคนละทิศทางกัน... ไรเนอร์กับเบลรูทรีบละสายตาจากคนบนพื้นทันทีและหันไปจ้องต้นเสียงจากทางแนวป่าด้วยมือที่กำดาบแน่น

    เสียงนั่น... อาจจะเป็นของศัตรู...

    คิดดังนั้นแล้ว องครักษ์ทั้งสองก็ยิ่งตั้งสมาธิด้วยท่าทีเครียดเขม็ง

    ทว่า... ทันใดนั้นเอง...

    “แจน!!

    เสียงเล็กใสของใครบางคนที่ดังขึ้นจากคนกลุ่มนั้น พร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่ควบม้านำออกมาจากบริเวณชายป่ากลับทำให้ความตึงเครียดที่ว่านั้นสลายหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น... ไรเนอร์และเบลรูทถอนหายใจในขณะที่หันมายิ้มให้กัน ก่อนที่เด็กหนุ่มคนนั้นจะหอบหายใจแล้วรีบลงมาจากม้าของตัวเองที่หยุดไว้ด้านหน้าแทบไม่ทัน

    “คุณไรเนอร์... คุณเบลรูท...”

    “ไงอาร์มิน... ยินดีด้วยที่ได้กลับมา”

    องครักษ์หนุ่มเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์กล่าวขึ้นในขณะที่จับมือกับร่างเล็กซึ่งยิ้มออกมาได้ในที่สุด... เบลรูทเองก็ทำเช่นเดียวกัน ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเบนสายตาสีฟ้าคู่สวยไปสบกับร่างสูงของใครบางคนที่ยังคงนั่งอยู่ที่พื้นแล้วคลี่ยิ้มกว้าง

    “แจน... ผมกลับมาแล้วนะ”

    ฝ่ายที่รับคำพูดนั้นยังคงนิ่งอึ้งอยู่เล็กน้อย ก่อนที่ในวินาทีถัดมา... เจ้าตัวจะส่งเสียงหัวเราะแห้งๆออกมาด้วยอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูกพร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้คนตรงหน้า...

    “อาร์มิน... เจ้าบ้าเอ๊ย...”

    เด็กหนุ่มร่างเล็กหัวเราะก่อนโผเข้าไปกอดอีกฝ่ายทันทีด้วยความคิดถึง ไม่ต่างจากแจนที่รับร่างของอาร์มินเข้ามาไว้ในอ้อมกอดก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมาทั้งที่แขนยังรัดร่างนั้นแน่น...

    ทหารองครักษ์ทั้งสองมองภาพนั้นในขณะที่อมยิ้ม ก่อนที่เบลรูทจะเลิกคิ้วแล้วสังเกตเห็นถึงร่างอีกร่างหนึ่งที่กำลังลงจากม้าแล้วเดินมาทางพวกเขาเช่นกัน...

    พระราชา... แห่งประเทศมาเรีย...

    “องค์ราชา...”

    เบลรูทกล่าวขึ้นเสียงเบาก่อนที่ทั้งเขาและไรเนอร์จะรีบคุกเข่าทำความเคารพคนตรงหน้า... ทว่าผู้รับการคารวะนั้นกลับมีทีท่าผ่อนคลายในขณะที่หัวเราะแล้วบอกให้เด็กหนุ่มทั้งสองยืนขึ้น

    “ขอบใจพวกนายมากที่ช่วยดูแลลูกชายฉัน...” ชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีเดียวกับเด็กหนุ่มซึ่งกำลังกอดกับใครอีกคนบนพื้นหญ้ากล่าวขึ้นก่อนจะยิ้มให้องครักษ์ทั้งสอง... “คงจะเหนื่อยมากสินะ”

    “เหนื่อยมากขอรับ” ไรเนอร์กล่าวอย่างไม่ลังเลก่อนจะหัวเราะ “เจ้าหมอนี่ทำทุกคนในปราสาทปวดหัวไปหมด... ยังดีที่สถานการณ์ชายแดนคลี่คลายแล้ว ไม่อย่างนั้นป่านนี้คงได้วุ่นวายจับตัวกันให้ยุ่งไปหมดแล้วล่ะขอรับ”

    องค์ราชาหัวเราะตามหลังจากฟังรายงานผล ก่อนจะเบนสายตาไปมองลูกชายที่ยังคงกอดอยู่กับอัศวินตัวน้อยพร้อมรอยยิ้มบางแล้วเอ่ยต่อ... “ทั้งหมดนี่ก็เพราะว่าอัลเลอร์โต้ไปนั่นล่ะ... ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าป่านนี้พวกเราจะรอดกลับมาได้ไหม ต้องขอบคุณเด็กคนนั้นจริงๆ...”

    ทหารองครักษ์ทั้งสองยิ้มให้กัน แล้วมองตามสายตาของพระราชาไปยังเจ้าชายที่กำลังหัวเราะสนุกสนาน... อดคิดไปไม่ได้ว่า เมื่อกี้ยังโมโหอยู่เลยแท้ๆ แล้วตอนนี้มันอะไรกันฟะ...

     แจนที่เหมือนจะพึ่งรู้สึกตัวละสายตาจากเด็กหนุ่มตรงหน้าขึ้นมา แล้วมองเลยไปที่อีกร่างหนึ่งซึ่งกำลังจ้องมาก่อนจะถอนหายใจบาง... “ท่านพ่อ กลับมาแล้วเหรอ?”

    “เหอะ... ไอ้เจ้าลูกชายตัวแสบ...” ผู้เป็นราชากล่าวขึ้นในขณะที่ก้าวเข้าไปขยี้เรือนผมยุ่งของผู้เป็นลูกชาย ในจังหวะที่อาร์มินหัวเราะขำแล้วรีบถอยออกมา... “ห่วงคนอื่นมากกว่าพ่อตัวเองอีกไม่ใช่รึไงน่ะ?”

    “ก็ท่านพ่อเก่งแบบนั้น ผมจะห่วงทำไมกันล่ะครับ?” เด็กหนุ่มตอบกลับด้วยท่าทางกวนๆจนผู้เป็นพ่ออดไม่ได้ที่จะตบหัวเล่นซักป้าปก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อมกัน...

    สงคราม... ไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น

    แต่หากต่อสู้จนได้ชัยชนะอันสุขสงบไว้ในมือ... หลังจากนี้ก็คงจะได้มีความสุขกับมันสักพัก...

    แจนนิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองใบหน้ายามหัวเราะของอาร์มินด้วยรอยยิ้มบาง...

    เขา... คิดถึงใบหน้านี้เหลือเกิน...

    “...ท่านพ่อ”

    ผู้ที่ถูกเรียกกะทันหัน หันหน้ากลับไปเหลือบมองเจ้าลูกชายเล็กน้อย

    “อะไรเหรอ?”

    “ผม... จะแต่งงานกับอาร์มินได้ไหมครับ?”

    “...หืม...?” องค์ราชานิ่งมองอีกฝ่ายอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองเด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังคุยกับทหารนายอื่นอยู่ด้วยท่าทางสดใสแล้วอมยิ้ม... “แล้วถามเขารึยังล่ะ?”

    แจนหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะตะกุกตะกักเอ่ยตอบ... “ย-ยังครับ”

    “งั้นก็ไปถามซะสิ?” ชายหนุ่มผู้อาวุโสกว่ากล่าวขึ้นพลางหัวเราะให้ลูกชายที่ยังคงจดจ้องร่างนั้นไม่วางตาแล้วเอื้อมมือไปตบบ่าดังปั๊กๆ... “พ่อจะอนุญาตซี้ซั๊วได้ไง... ถามให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยมาขอพ่อทีหลังก็แล้วกัน”

    เด็กหนุ่มนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนที่สุดท้ายจะหัวเราะออกมา

    “ขอบคุณครับ ท่านพ่อ”

    องค์ราชาส่งยิ้มให้ผู้เป็นลูกชายบางๆก่อนจะเดินจากไป... ทิ้งให้ร่างที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นจับจ้องเด็กหนุ่มผมบลอนด์พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า...

    จากนี้ไปบ้านเมืองก็จะสงบแล้ว

    ขอทำตามใจบ้าง... ก็คงไม่เป็นไรสินะ?

    “ฉันจะเอานายมาเป็นราชินีของฉันให้ได้ อาร์มิน...”

    เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเองเช่นนั้น ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นจากพื้นหญ้าพร้อมรอยยิ้ม

     

    ****************************************************************

    รีเควสต์นี้จบสวยดีจัง... ;w; //ร้องไห้ด้วยความปลาบปลื้ม

    ตอนนี้ไรเตอร์รู้แล้วค่ะว่าการเขียนฟิคไว้แค่ไม่ถึงครึ่งแล้วนอนนี่อันตรายต่อการเขียนในวันรุ่งขึ้นมาก... ;v; เนื่องจากอารมณ์ขาดแล้วต่อไม่ออก... ///Orz

    แต่ก็!! ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม... รีเควสต์นี้สนุกมากจริงๆนะคะ~! XD ตอนแรกก็จะเอาอาร์มินเป็นเจ้าชายแหละ... แต่เจ้าชายน่ารักๆกับอัศวินซึนๆมันไปพล็อตสั้นไม่ถูกอ่ะค่ะ ได้แต่พล็อตยาวเลย...(ฮา) เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็เลยออกมาเป็นธีมนี้ล่ะค่ะ! เจ้าชายอารมณ์ร้อนที่เป็นห่วงหนูน้อยอัศวิน~ ( -//w//-)~<3 //ม้วน// อรั๊งงส์~ แจนน่ารักโฮกค่ะ =//.,//=+b เพราะงั้น! ขอขอบคุณรีเควสต์ดีๆเช่นเคย!! คราวนี้เป็นของคุณ[DiJung]นะคะ! ขอบคุณมากค่ะ!! XD

    ปล.รีเควสต์ที่คาดว่าจะปิดตัวเป็นรีเควสต์สุดท้ายคือ “แผลเป็น” ของพี่บลูนะคะ... เป็นรีเควสต์ที่ 20 พอดีเลย >v< ก็ขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาตลอดนะคะ! ส่วนรีเควสต์ทรีดีเกียร์ของพี่วดีกับออนเซ็นของพี่แปมจะค่อยๆคลานแล้วก็หมักเอาไว้ตอนเปิดเทอมค่ะ... =v=; แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ! ยังไงถ้ามาแล้วจะทวิตบอกแน่นอนค่ะ!! XD


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×