ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SNK]รวม Short Fic [Jean x Armin] : รับรีเควสต์!!

    ลำดับตอนที่ #10 : Request #10 : Rival

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 64




    Request #10 : Rival

    [~Little_Killer~]

    ******************************************************************

    คุณรู้จักสิ่งที่เรียกว่า แก๊งมาเฟีย ไหม?

    แน่นอน... พอพูดถึงคำๆนี้หลายคนอาจจะคิดไปถึงแก๊งคนหน้าตาเถื่อนๆ ถืออาวุธครบมือ แล้วก็ชอบไประรานคนอื่น... แต่จริงๆแล้วแก๊งมาเฟียไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตที่แย่ถึงขนาดนั้น... อาจจะมีการใช้กำลังกับกลุ่มอื่นที่เป็นปรปักษ์บ้าง แต่โดยส่วนใหญ่จริงๆแล้วนั้น แก๊งมาเฟียก็เป็นแค่กลุ่มผู้ที่มีอิทธิพลซึ่งบางครั้งอาจจะนิสัยดีกว่าที่คุณคิดมากนัก...

    แต่ถ้าหากขึ้นชื่อว่าเป็นแก๊งที่ตั้งตนเป็นศัตรูกันแล้ว ก็ย่อมจะมีการกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นธรรมดา...

    “อ้าวๆๆ~ อาร์มินใช่ไหมนั่น? เข้ามาในเขตของแก๊งฉันเนี่ย... ไม่กลัวโดนลักพาตัวไปหรอกเหรอ หืม?”

    เด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่ได้ยินเสียงนั้นมาจากด้านหลังเกิดอาการเส้นเลือดปูดโปนเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปตีหน้าบึ้งให้ทางต้นเสียงอย่างไม่สบอารมณ์

    “อย่ามายุ่งกับผมถ้านายยังไม่อยากตาย... กิลชูไตน์”

    “โหๆ นี่ขนาดบอดี้การ์ดประจำตัวไม่อยู่ยังพูดได้ถึงขนาดนี้เนี่ย ใจกล้าไม่เบานะ?” แจนล้อเลียนพร้อมกับยิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะแกล้งทำสีหน้าตกใจ “โอ้โห! ดูสิ อาร์มินมาดใหม่รวบหางม้ากับแว่นตาสีดำ!! น่ากลัวจังเลย~

    ฝ่ายที่ถูกนินทาจ้องหน้าคนพูดด้วยใบหน้าหงุดหงิด ในขณะที่บอดี้การ์ดประจำตัวของลูกชายแก๊งกิลชูไตน์ตัวดีอย่างไรเนอร์และเบลรูทซึ่งยืนอยู่ด้านหลังก็ออกอาการเหนื่อยใจกับคุณหนูของตัวเองมากกว่าจะหัวเราะขำ... คนรอบด้านที่ยังคงเดินไปเดินมาเพื่อจับจ่ายซื้อของบนถนนคนเดินเส้นนี้เองก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะสนใจอะไรนอกเสียจากการคิดไปว่าเป็นแค่เรื่องของเด็กทะเลาะกัน

    อาร์มินสบถออกมาเบาๆแต่ก็ทำอะไรไม่ได้... นี่ถ้าไม่ติดว่าวันนี้เขาแอบเอเลนกับมิคาสะ... บอดี้การ์ดประจำตัวของเขาออกมาข้างนอกเพื่อซื้อหนังสือแล้วละก็ ป่านนี้เด็กหนุ่มร่างสูงตรงหน้านี้คงโดนเอเลนต่อยจนหน้าหงายไปแล้ว...

    “ผมไม่มีเวลามาเล่นต่อคำกับนายหรอกนะ” เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ที่วันนี้รวบหางม้าผิดจากลุคปกติเพื่อจงใจพรางตัวจ้องอีกฝ่ายผ่านเลนส์ของแว่นกรอบดำบนใบหน้า... “ผมจะกลับแล้ว”

    “หวา นายนี่ดุเหมือนเคยเลยนะ...” แจนว่าก่อนจะส่ายหน้าเนือยๆ ทว่าเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มอีกคนไม่มีท่าทีจะใส่ใจและกำลังจะเดินจากไปเจ้าตัวจึงรีบตามไปคว้าข้อมือเล็กนั้นเอาไว้อย่างรวดเร็ว... “อะไรเล่า? นี่ฉันยังไม่ทันจะพูดจบนายก็จะไปซะแล้วเหรอ? มารยาทแย่ลงนะอาร์มิน”

    “ผมไม่มีมารยาทให้คนอย่างนายหรอก” อาร์มินสวนกลับมาทันควันก่อนจะพยายามสะบัดมือนั้นทิ้ง “ปล่อยผม กิลชูไตน์”

    “คำก็กิลชูไตน์ สองคำก็กิลชูไตน์... ฉันเองก็มีชื่อนะไม่ได้มีแต่นามสกุล เรียกแบบนั้นมันก็หมายความรวมถึงพ่อฉันด้วยนะ?” แจนยังคงเถียงด้วยการแกล้งทำหน้าตาหน้าตาบูดบึ้งแบบเด็กๆ... “ทีฉันยังเรียกนายว่าอาร์มินเลย... นายก็เรียกชื่อฉันบ้างสิ?”

    “ต่อให้ตายผมก็ไม่มีวันเรียกชื่อนาย” เด็กหนุ่มร่างเล็กตอกกลับก่อนจะสะบัดมือทิ้งได้ในที่สุด... “นายเองก็เลิกเรียกผมแบบนั้นซักที... เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”

    “เฮ้อ... เย็นชาชะมัด...” แจนบ่นเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเหนื่อยหน่ายพลางส่ายหน้า... “ฉันงอนนายแล้ว จะไปไหนก็ไปเลยไป”

    ร่างเล็กกว่ามองหน้าอีกฝ่ายพลางแค่นหัวเราะ ก่อนจะหันหลังกลับแล้วบ่นพึมพำพอให้อีกฝ่ายได้ยินว่า... “ยังกับว่าผมอยากอยู่นานๆนักแหละ เขตของนายน่ะ...”

     “เออ! งั้นก็ดีแล้ว!! อย่างนายน่ะมาเขตอันตรายอย่างเขตของฉันระวังจะโดนคุณโจรจับไปกินนะจ๊ะเด็กน้อย~!!

    แจนตะโกนตอกกลับไล่หลังอีกฝ่ายในขณะที่รับรู้ได้ถึงจิตสังหารและเสียงสบถเล็กน้อยที่อีกฝ่ายพูดออกมา ก่อนที่จะหัวเราะอย่างชอบใจพลางมองดูอีกฝ่ายเดินหายไปพร้อมกับฝูงชนยามเย็น...

    ทว่าพอแผ่นหลังเล็กนั้นลับหายไปแล้ว เจ้าตัวกลับถอนหายใจด้วยสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมา

    “...พวกนายคิดว่าหมอนั่นจะกลับถึงบ้านไหมน่ะ?” แจนพูดพึมพำกับบอดี้การ์ดทั้งสองของตัวเองที่เริ่มหันมามองหน้ากันเองพร้อมเสียงหลุดหัวเราะเล็กน้อย... “เฮ้ยนี่! พวกนายอย่ามัวแต่ขำสิวะ อาร์มินน่ะไม่ได้มากับเอเลนกับมิคาสะนะเฟ้ย! ระหว่างทางจะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้... เขตพวกเราน่ะพวกแก๊งเล็กแก๊งน้อยที่ทำตัวสกปรกน่ะมันมีน้อยๆซะที่ไหนกัน?”

    “ถ้านายเป็นห่วงเขานัก ก็ตามไปเป็นบอดี้การ์ดเขาซะเองเลยสิ?” ไรเนอร์กล่าวขึ้นพลางหัวเราะให้กับความปากแข็งของผู้จ้างวานของตัวเอง... พออยู่ต่อหน้าเขาล่ะทำเป็นเก่งนัก แต่พอลับหลังแล้วก็แอบมาห่วงมาหวงอยู่อย่างนี้ซะได้... “ตอนนี้ยังทันนะ?”

    “ร... เรื่องอะไรเล่า!” แจนว่าด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย... เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่คิดในใจสวนทางกันกับคำพูดชนิดรุนแรง... “หมอนั่นเป็นลูกชายแก๊งอัลเลอร์โต้... นายก็รู้ว่าแก๊งนั้นกับแก๊งพวกเรากำลังจะตีกันตายอยู่แล้ว นี่ถ้าลูกน้องมาเห็นฉันเดินตามก้นหมอนั่นต้อยๆจะคิดยังไง?”

    “อืม... นายก็บอกว่าข้ามไปสืบข้อมูลของเขตนู้นซะสิ?” เบลรูทเริ่มเสนอทางเลือกให้ทั้งยังคงกลั้นขำสุดชีวิต... “แบบนี้ก็ไม่มีใครสงสัยอะไรแล้วล่ะ”

    แจนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งด้วยสีหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย ก่อนจะพึมพำออกมาว่า... “นายยุฉันเองนะเบลรูท” แล้วเดินตามทางที่อีกฝ่ายพึ่งเดินไปเมื่อครู่อย่างหน้าตาเฉย...

    ไรเนอร์กับเบลรูทได้แต่มองหน้ากันขำๆ ก่อนจะส่ายหน้าให้กับความซึนของหัวหน้าตัวเองแล้วเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้...

    ***************************************************************

    แสงอาทิตย์ยามเย็นเริ่มเหือดหายไปแล้วเมื่อลูกชายหัวหน้าแก๊งอัลเลอร์โต้ตัวน้อยเดินผ่านถนนแคบๆซึ่งเป็นตัวเชื่อมระหว่างเขตของเขากับของอีกแก๊งนึง ซึ่งคงไม่บอกก็รู้ว่านั่นคือแก๊งไหนเพราะในเมื่อเจ้าลูกชายหัวหน้าแก๊งหน้าตากวนบาทานั่นก็พึ่งหาเรื่องเขามาเมื่อกี้... พอนึกถึงหน้าหมอนั่นขึ้นมาแล้ว เด็กหนุ่มผมบลอนด์ก็อดจะทำสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้ในขณะที่บ่นพึมพำกับตัวเอง...

    “หนอย... เพราะเจ้าบ้ากิลชูไตน์นั่นแท้ๆ...” เพราะเจ้านั่นถึงทำให้เขากลับบ้านเย็นซะได้... อาร์มินนึกอย่างไม่สบอารมณ์ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วคือตัวเขาเองต่างหากที่อ่านหนังสือจนลืมเวลา... แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ตัดสินใจโยนความผิดให้อีกฝ่ายอยู่ดี...

    ก็นะ... เจ้าหมอนั่นมันชอบหาเรื่องเขาก่อนเองนี่นา...

    “แถวนี้ยิ่งอันตรายอยู่ด้วย... คิดผิดจริงๆที่ไม่บอกเอเลนกับมิคาสะ...” อาร์มินบ่นพึมพำเล็กน้อยในขณะที่ดวงตาสีฟ้าใสกวาดมองไปรอบตัว... ทางนี้เป็นทางเปลี่ยว สิ่งที่ให้แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวก็คือโคมไฟถนน... และถึงแม้ว่าตอนนี้ท้องฟ้าจะยังไม่เย็นจนมืดสนิท แต่ว่าลำพังแค่แสงของดวงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาน้อยลงก็ทำให้น่ากลัวได้แล้ว...

    ถ้าคุณคิดว่าลูกชายแก๊งมาเฟียจะกลัวอะไรไม่เป็น... ขอบอกได้เลยว่าผิดถนัด...

    เด็กหนุ่มร่างเล็กรีบเร่งสปีดการเดินของตัวเองให้เร็วขึ้นราวกับจะหนีความกลัวของตัวเอง... เขารู้ดีว่ามันดูไม่เหมือนมาดของลูกชายแก๊งมาเฟียใหญ่อย่างอัลเลอร์โต้ที่ควรจะเป็นคนเข้มแข็ง แต่ว่า... ตัวเขาเองก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วจะให้ทำยังไงได้? ที่เก่งน่ะจริงๆแล้วก็มีแค่ความรู้ในหนังสือกับปากคมๆที่เอาไว้ใช้สาดคำพูดใส่พวกกวนบาทาก็เท่านั้น...

    ผิดจาก... ใครอีกคน...

    อาร์มินกัดฟันเล็กน้อยอย่างเจ็บใจเมื่อนึกถึงใบหน้านั้นขึ้นมา... ลูกชายของแก๊งกิลชูไตน์น่ะเป็นพวกมาเฟียสมบูรณ์แบบ ต่อสู้ก็เก่ง ฝีปากก็กล้า แถมความบ้ายังเกินร้อย... ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดด้วยซ้ำ แต่เด็กหนุ่มเคยได้ยินมาว่าที่เจ้าหมอนั่นอยากได้บอดี้การ์ดก็เพราะอยากมีเพื่อน...

    ดูยังไง... ก็น่าอิจฉา...

    “หนอย... ไอ้หน้าม้าเอ๊ย...” ร่างเล็กสบถออกมาเบาๆ... มันเป็นอะไรที่อดไม่ได้จริงๆเมื่อนึกถึงใบหน้าของคนๆนั้นขึ้นมา แน่นอนว่าขาเรียวเล็กก็ยังคงก้าวเดินต่อไปตามเส้นทางของตัวเองเรื่อยๆ แต่สมองก็ยังคงคิดวนเวียนถึงเรื่องแบบนั้นซ้ำๆ...

    ความจริงแล้ว... เขาเองก็ไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับใคร...

    สำหรับแจนเองก็เหมือนกัน...

    แต่ว่า... ทุกๆครั้งที่เจอหน้ากัน ทุกๆครั้งที่โดนหาเรื่อง มันก็อดไม่ได้ที่จะต้องแสดงท่าทางแบบนั้นออกไปทุกที...

    ทำไม... กันนะ?

    “อ๊ะ? แล้วนี่ทำไมเราต้องมาคิดเรื่องแบบนี้ด้วยนะ บ้าชะมัด...”

    อาร์มินพึมพำกับตัวเองก่อนจะส่ายหน้า ดวงตาสีฟ้าใสเหลือบขึ้นมามองเส้นทางตรงหน้าที่เริ่มมืดลงไปอีกเล็กน้อยในขณะที่รีบก้าวขาเดิน และเลี้ยวเข้าไปในทางแยกเพื่อกลับบ้านอย่างที่คุ้นเคย...

    ทว่า สิ่งที่เขาไม่คาดคิด... คือการได้เจอกลุ่มคนในชุดเสื้อผ้าสีดำหน้าตาไม่น่าไว้วางใจซึ่งยืนจับกลุ่มกันอยู่ในซอยหลังทางแยก...

    เด็กหนุ่มมีท่าทางงุนงงอยู่พักหนึ่งเมื่อคนพวกนั้นพร้อมใจกันหันหน้ามาทางเขา แต่พอเจ้าตัวเหลือบไปเห็นสัญลักษณ์ที่ถูกติดอยู่ที่ต้นแขนเสื้อคลุมของคนกลุ่มนั้น ดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้างทันที...

    แก๊งนี้มัน...

    “อ้าว? แย่แล้วๆ~ ดูซิเนี่ยว่าเราเจอใคร?” ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาเหี้ยมคนหนึ่งมองมาที่อาร์มินพร้อมรอยยิ้มหยันน่าขยะแขยง... “นี่มันคุณลูกชายแก๊งอัลเลอร์โต้นี่หว่า... ใช่ไหมเอ่ย? พ่อหนู...”

    เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ได้แต่ขยับถอยห่างออกมาจากใบหน้าที่ยื่นเข้ามาใกล้นั้น ในขณะที่คิดไปในใจว่างานนี้ต้องแย่แน่ๆ...

    ดันมาเจอกับ... แก๊งอันธพาลที่เป็นศัตรูของแก๊งเขาเข้าให้จนได้...

    “ผมจะเป็นใคร... นั่นมันก็เรื่องของผม” อาร์มินตอกกลับด้วยสีหน้าที่ยังคงไว้ซึ่งความมั่นใจทั้งๆที่ในใจเห็นภาพตัวเองโดนซ้อมไปแล้ว... แน่นอนว่ามันเป็นคติของมาเฟียอย่างหนึ่งที่ถึงแม้จะกลัวก็ต้องทำใจกล้าไว้ก่อน เหมือนกับคนที่ถือไพ่เหนือกว่าทั้งๆที่ในมือไม่มีอะไรอยู่เลย... “หลีกทางได้แล้ว”

    “โอ้โห... ปากเก่งอย่างนี้เนี่ย ตัวจริงเสียจริงแหงๆ...” ทว่าไม้นั้นใช้ไม่ได้ผลแน่นอนอยู่แล้วกับพวกคนเถื่อนที่เหมือนจะไม่กลัวอะไรเลยอย่างแก๊งพวกนี้ แล้วยิ่งคำขู่ออกมาจากปากของเด็กหนุ่มตัวเล็กๆนี่ด้วยแล้วยิ่งไม่มีอะไรน่ากลัวเข้าไปใหญ่... “เฮ้ย พวกเรา... จัดการมัน!

    สิ้นคำพูดนั้น กลุ่มชายในชุดฟอร์มสีดำแบบเดียวกันก็พุ่งเข้าใส่อาร์มินทันที... เด็กหนุ่มรู้ดีว่าคนพวกนี้คุยไปก็ไม่รู้เรื่อง แถมยังไม่มีการปราณีแบ่งแยกเด็ก-ผู้ใหญ่หรือแม้แต่ผู้หญิงกับคนแก่... แน่นอนว่าเรื่องวิธีการสู้ตัวต่อตัวที่สามารถต่อรองกับคนมีวัฒนธรรมได้ก็ใช้ไม่ได้ผลกับคนพาลเหล่านี้เช่นกัน...

    ทางเลือกเดียว... ก็คือต้องเอาตัวให้รอด และรีบหนีให้ไวที่สุด...

    “ชิ!!” เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาเป็นเชิงสบถในขณะที่พยายามหลบหลีกมือไม้ที่ตั้งใจจะคว้าตัวเขาเอาไว้อย่างเต็มที่... อย่างน้อยก็ยังโชคดีที่ลูกชายแก๊งอัลเลอร์โต้คนนี้เป็นคนร่างเล็กจึงสามารถทำให้หลบพวกลูกน้องเหล่านั้นออกมาได้ แต่อาร์มินก็ไม่มีเวลาดีใจมากนักในขณะที่เร่งฝีเท้าวิ่งหนีออกไปในทางข้างหน้าอย่างสุดชีวิต

    แต่ทว่า... ร่างกายเล็กๆนั้นก็ไม่ได้เอื้ออำนวยสำหรับการวิ่งให้เร็วสักเท่าใดนัก...

    “อ้าว? จะรีบไปไหนเล่า... มาอยู่เล่นกับพวกฉันก่อนเป็นไง!!

    “หะ... อ๊ะ?!!

    เสียงนั้นดังขึ้นในระยะประชิดจากด้านหลัง ก่อนที่ไหล่บางของเด็กหนุ่มจะถูกคว้าเอาไว้ด้วยมือหนาใหญ่น่าเกลียดของผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม

    และใน... วินาทีต่อจากนั้น...

    หมัดหนักๆของนักเลงอันธพาลที่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความปราณี ถูกส่งอัดเข้าเต็มช่องท้องของเด็กหนุ่มอย่างแรง...

    “อ-...”

    อาร์มินได้แต่ส่งเสียงลอดลำคอที่ตีบตันออกมาเบาๆ... พูดอะไรออกมามากกว่านั้นไม่ได้ ในขณะที่ร่างกายซึ่งถูกปล่อยให้เป็นอิสระอีกครั้งร่วงลงกระทบพื้นถนนอย่างไร้เรี่ยวแรง...

    แว่นกรอบดำของเด็กหนุ่ม... ตกลงพื้นและแตกกระจาย...

    “หึ... แก๊งอัลเลอร์โต้มันก็แค่นี้ล่ะน้า~

    เด็กหนุ่มผมบลอนด์รับฟังคำพูดนั้นอย่างเจ็บใจในขณะที่น้ำตาจากความเจ็บปวดช่วงกลางลำตัวเริ่มซึมออกมาคลอที่ขอบตาสีฟ้าสวย... หมัดเล็กๆยังคงกำแน่น ทว่าดวงตากลับมืดมัวและหนักอึ้ง...

    เจ็บใจ...

    แต่ก็... ทำอะไรไม่ได้...

    “ฮึ- อ-”

    เด็กหนุ่มได้แต่ส่งเสียงที่ยังคงเปล่งออกมาอย่างยากลำบากในขณะที่กลุ่มผมนุ่มถูกจิกยกขึ้น... ทรงผมที่ถูกมัดรวบไว้อย่างดีหลุดลุ่ยยุ่งเหยิง ทัศนวิสัยที่เริ่มพร่าเบลอมองเห็นใบหน้าของคนที่ต่อยเขากำลังยิ้มด้วยริมฝีปากน่าขยะแขยงในขณะที่ชายหนุ่มเบื้องหน้ามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและคราบเลือดที่มุมปากของเขาอย่างสะใจ...

    “เอาไปทำอะไรดีน้า~ เรียกค่าไถ่น่าจะเหมาะ...”

    เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นตรงหน้าพร้อมเสียงหัวเราะต่ำทราม ในขณะที่อาร์มินยังคงกัดฟันทนความเจ็บปวด...

    อ่อนแอ...

    เพราะตัวเขา... มันอ่อนแอ...

    “อ๊ะ? แย่แล้วสิ... ดันทำให้ร้องไห้ซะได้... ฮะๆๆๆๆ”

    ดวงตาสีฟ้าของเด็กหนุ่มเริ่มมีของเหลวใสเอ่อคลอ ก่อนจะพรั่งพรูไหลลงมาเป็นสาย...

    ไม่ได้ร้องไห้... เพราะเจ็บ...

    แต่ร้องไห้... ให้กับความน่าสมเพชของตัวเอง...

    “เฮ้ย!! แก!! ปล่อยมือนั่นเดี๋ยวนี้นะ!!

    อาร์มินเบิกตากว้าง ในขณะที่สายตายังคงเห็นฝ่ายที่จิกหัวเขาไว้หันไปมองอย่างตื่นตระหนก...

    เสียงนี้ มัน...

    พลั่ก!!

    เสียงบางอย่างถูกอัดกระแทกดังขึ้น... ก่อนที่อาร์มินจะรับรู้ได้ว่าใบหน้าของคนน่าขยะแขยงตรงหน้าเขานั้นถูกขาของใครก็ไม่รู้เตะอัดจนกระเด็นไปไกล...

    แจน... เหรอ...?

    “อาร์มิน! เป็นอะไรมากไหม?!” แทนคำตอบนั้น... เสียงของเด็กหนุ่มอีกคนก็ดังขึ้นข้างหูในขณะที่ร่างของเขาถูกยกขึ้นจากพื้น... แขนของอีกฝ่ายประคองเอาไว้ที่หลังคอเขาข้างหนึ่งในขณะที่อีกข้างหนึ่งเอื้อมมาแตะที่ข้างแก้มและเอียงหัวเล็กๆนั้นให้หันไปมองตา... “อาร์มิน?”

    ดวงตาสีฟ้าสะท้อนภาพของใบหน้าคมเข้ามาแวบหนึ่ง ก่อนที่จะรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง...

    หมอนี่... กำลังเป็นห่วงเขา...

    “...นาย... ทำหน้าตาแบบนี้... เป็นด้วยเหรอ?”

    ทว่าเสียงที่พูดออกไปอย่างกระท่อนกระแท่น กลับเป็นสิ่งที่สื่อความหมายออกไปได้คนละทางอย่างที่สุด...

    แจนมีท่าทีนิ่งอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะออกมา... เห็นได้ชัดว่าคนตรงหน้านี้ไม่ค่อยจะมีอะไรให้เป็นห่วงมากนักในขณะที่ถอนหายใจโล่งอก “นายเนี่ย... ถึงขนาดนี้ยังจะปากเก่งได้อีกนะ เชื่อเลย...”

     อาร์มินไม่ได้พูดอะไร ได้แต่คลี่ยิ้มให้ฝ่ายตรงข้ามบางๆด้วยท่าทีเหนือกว่า...

    ทว่า ทันใดนั้นเอง...

    “นาย... ลูกชายแก๊งกิลชูไตน์สินะ?!” เสียงที่จู่ๆก็ดังขึ้นจากชายร่างยักษ์นั้นทำให้ทั้งแจนและอาร์มินหันหน้าไปมองพร้อมๆกัน... ก่อนจะเห็นภาพของคนที่ต่อยเขาเมื่อครู่กุมรอยแผลบนใบหน้าแล้วชี้หน้ามาอย่างคับแค้น... “นายไม่รู้รึไงว่าแก๊งฉันเป็นพันธมิตรของแก๊งนาย? ถ้าหัวหน้ารู้เรื่องนี้เข้านายจะต้องเป็นศัตรูกับเราแน่!!

    อาร์มินฟังคำพูดนั้นอย่างตกใจ ก่อนจะหันมามองคนที่ประคองเขาไว้ซึ่งยังคงมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง...

    ผลประโยชน์ของแก๊ง... ต้องมาก่อนเรื่องส่วนตัว...

    หากเป็นพันธมิตรกัน... หากอยากจะรักษาซึ่งผลประโยชน์ต่อกันนั้น...

    “ถ้าไม่อยากให้หัวหน้ารู้ละก็... ส่งตัวเจ้าหนูนั่นมาซะดีๆ!!

    จะต้องทำ... ตามที่อีกฝ่ายเรียกร้อง...

    เด็กหนุ่มร่างเล็กเริ่มมีท่าทีตื่นตระหนกในอ้อมแขนของอีกฝ่าย... อยากจะลุกหนี แต่เรี่ยวแรงก็ไม่มีจึงได้แต่จ้องใบหน้าคมของอีกฝ่ายที่ยังคงมองตรงไปข้างหน้านั้นด้วยแววตาหวาดกลัว... เขารู้ดีว่าการทำเพื่อแก๊งนั้นเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของคนในระดับหัวหน้า แล้วตัวเขาเองก็เป็นแค่คนในแก๊งที่เป็นศัตรูกัน... ตอนแรกอีกฝ่ายจะช่วยเขาไว้ด้วยเรื่องมนุษยธรรมหรืออะไรก็ช่าง แต่ตอนนี้ก็ได้เวลาดำเนินตามกฎของมาเฟียแล้ว...

    แจน... ต้องส่งตัวเขาไปแน่ๆ...

    เด็กหนุ่มร่างเล็กเริ่มทำท่าจะขัดขืน ทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับกระชับตัวเขาเข้ามาให้แน่นขึ้น ก่อนที่เสียงพูดจะดังออกมา...

     “ฉันน่ะ... ไม่สนใจหรอกนะว่าพ่อจะไปทำสัญญาบ้าบออะไรกับแก๊งไหนไว้...” แจนพูดด้วยน้ำเสียงที่เห็นได้ชัดว่าแข็งกระด้างในขณะที่อาร์มินเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้านั้นอย่างงุนงงกับคำพูดไม่คาดฝัน... “แต่ฉันสนใจแค่นายมาทำร้าย คนของฉัน... เพราะฉะนั้นช่วยกลับไปบอกกับหัวหน้าโง่ๆของแกด้วยว่า ฉันไม่ต้องการพวกแก๊งอันธพาลชอบใช้กำลังมาเป็นพันธมิตร... อ้อ แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ เพราะฉันจะคุยกับพ่อให้รู้เรื่องแน่ ส่วนพวกนายจะมาล้างแค้นเมื่อไหร่ก็เชิญ”

    ชายหนุ่มผู้ยื่นข้อเสนอมีท่าทางงุนงง ก่อนที่สุดท้ายจะเปลี่ยนมาเป็นกราดเกรี้ยว

    “แล้วนายจะได้เห็นดีกันแน่!! ไอ้พวกกิลชูไตน์!!

    อาร์มินยังคงตกอยู่ในอาการมึนงงในขณะที่รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายนั้นวิ่งหายไปแล้ว... ดวงตาสีฟ้าใสยังคงจับจ้องอยู่กับใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ถอนหายใจออกมาเงียบๆ ก่อนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าที่น่าจะเป็นของไรเนอร์และเบลรูทมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ...

    “ทำแบบนี้ดีแล้วแน่เหรอแจน... นายก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าเจ้าพวกนั้นมันมีอิทธิพลขนาดไหน?”

    เสียงถามของไรเนอร์ที่ดังขึ้นมาทำให้ร่างสูงแค่นหัวเราะเล็กน้อย

    “พวกนายก็เห็นว่าพวกนั้นน่ะมันเลว... แล้วยิ่งมาทำร้ายอาร์มินขนาดนี้... พวกนายคิดว่าฉันจะปล่อยมันไปจริงๆเหรอ?”

    อาร์มินได้ยินเสียงหลุดหัวเราะเล็กน้อย ก่อนที่เสียงไรเนอร์จะดังขึ้นอีกครั้ง...

    “พวกฉันน่ะไม่คิดหรอก... แต่เห็นว่าอาร์มินเจ็บตัวอยู่ก็เลยถามนายให้แทนไง?”

    เด็กหนุ่มร่างเล็กมีท่าทีงุนงงเล็กน้อยในขณะที่กระพริบตา ในระหว่างที่ร่างสูงกว่าซึ่งเหมือนกับพึ่งจะรู้ตัวว่าเมื่อกี้ตัวเองพูดอะไรออกไปหันหน้ามามองคนในอ้อมแขนพร้อมใบหน้าแดงจัด...

    พวกนายก็เห็นว่าพวกนั้นน่ะมันเลว... แล้วยิ่งมาทำร้ายอาร์มินขนาดนี้... พวกนายคิดว่าฉันจะปล่อยมันไปจริงๆเหรอ?

    ทำร้าย... อาร์มิน ขนาดนี้...?

    อาร์มินที่พึ่งจะรู้สึกตัวถึงความหมายแฝงในคำพูดนั้นมองหน้าอีกฝ่ายที่ยังคงทำอะไรไม่ถูกด้วยท่าทางอึ้งๆ

    อาร์มิน...?

    เจาะจงที่เขา... อย่างนั้นเหรอ?

    “เฮ้ย! ฉ-ฉัน... ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น!!” ฝ่ายที่เหมือนจะรู้ตัวเมื่อถูกจ้องด้วยสายตาสงสัยของฝ่ายตรงข้ามโบกมือปฏิเสธพัลวันทั้งที่ใบหน้ายังคงแดงระเรื่อ... “หมายถึง... มัน- คือ... มันทำร้ายคนอื่น! ชอบใช้กำลัง! ก็เลย... เอ้อ... อะไรแบบนั้นแหละ”

    เด็กหนุ่มร่างเล็กยังคงจ้องใบหน้านั้นอย่างมึนงงท่ามกลางเสียงโหวกเหวกของแจนที่บอกให้บอดี้การ์ดส่วนตัวของพวกเขาหยุดขำเสียที ในขณะที่รู้สึกได้ว่าอะไรบางอย่างในอกกำลังเต้นแรง...

    งั้นเหรอ... อย่างนี้นี่เอง...

    ที่ผ่านมา... เขาไม่เคยสังเกตเลย...

    “อ... เอาเป็นว่า... เดี๋ยวฉันจะพานายไปส่งให้ที่บ้านก็แล้วกัน... สภาพแบบนี้คงไปคนเดียวไม่ไหวหรอก...” แจนพูดขึ้นด้วยท่าทางตะกุกตะกักเหมือนจะพยายามเปลี่ยนเรื่องก่อนจะพยายามช่วยพยุงเขาขึ้นมา... “ยืนไหวรึเปล่า?”

    “อืม ผม... อ-”

    อาร์มินเหมือนจะตอบรับแต่ก็หลุดเสียงอุทานที่บ่งบอกว่าเจ็บออกมาเล็กน้อย ทว่าเจ้าตัวกลับเม้มปากแน่นก่อนจะพูดย้ำ

    “ไม่เป็นไร ผมเดินไหว”

    แจนเหลือบตามองคนที่พูดปากแข็งทั้งที่เจ็บจนน้ำตาเล็ดในอ้อมแขนของตัวเองแวบหนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะถอนหายใจแล้วจัดการช้อนร่างของอีกฝ่ายขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าหญิงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงท่ามกลางเสียงอุทานอย่างตกใจของอีกฝ่าย

    “จะทำอะไรน่ะ?! ปล่อยผมลงนะ!!

    “จะบ้าเหรอ? เห็นๆอยู่ว่านายโทรมซะขนาดนั้น... ต่อให้เดินไปจนถึงบ้านได้คงไม่วายเลยเที่ยงคืนแหงๆ...”

    “แต่ผมก็ไม่ได้บอกให้-!! อึก-”

     อาร์มินทำท่าจะเถียง... แต่ดูเหมือนว่าจะเงียบไปเพราะความเจ็บที่แล่นขึ้นมาจากช่องท้อง เด็กหนุ่มร่างสูงที่กำลังอุ้มอยู่สังเกตได้ถึงอาการนั้นก่อนจะถามขึ้นอย่างเป็นห่วง...

    “เจ็บเหรอ?”

    ร่างเล็กกว่าพูดอะไรไม่ออก จึงได้แต่ใจเต้นแรงกับน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยนั้นเงียบๆ...

    นี่หรือว่า... ความรู้สึกนี้...

    “ที่เจ็บน่ะ ก็เพราะว่าแจนพูดมากนั่นแหละ”

    เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวพูดออกมาแบบนั้น เด็กหนุ่มร่างสูงที่กำลังอุ้มอยู่ก็ได้แต่ส่ายหน้าและทำท่าเหมือนจะแซวว่า ยังจะมาพูดดีอีก... แต่สุดท้ายก็เหมือนจะชะงักไปและนึกอะไรขึ้นมาได้...

    เมื่อกี้...?

    อาร์มิน... เรียกเขาว่าอะไรนะ?

    “เฮ้... นายลองพูดประโยคเมื่อกี้ใหม่ซิ?”

    เด็กหนุ่มร่างเล็กกระพริบตาเหมือนงุนงง ก่อนจะพูดทวนซ้ำ... “ก็บอกว่า ที่ผมเจ็บน่ะก็เพราะว่า แจน พูดม-”

    แต่พูดไปพูดมา... เจ้าตัวก็เหมือนจะนึกขึ้นได้เสียเอง...

    อาร์มินยังคงได้แต่อึ้งกับคำที่ตัวเองเผลอพูดออกไปในขณะที่อีกฝ่ายเริ่มยิ้มขำ... แจนได้แต่กลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้จนตัวสั่นในขณะที่แซวออกมาอย่างฮาๆ...

    “ไหนนายเคยบอกว่า... ต่อให้ตายก็จะไม่เรียกฉันด้วยชื่อนี้ไม่ใช่เหรอ?”

    เด็กหนุ่มร่างเล็กหน้าแดงระเรื่อในขณะที่พูดตอกกลับด้วยน้ำเสียงติดจะออกแนวตะกุกตะกักเล็กน้อย... “น-นายน่ะหุบปากไปเลย! กิลชูไตน์!!

    “อ๊ะ... โถ่ อย่างอนสิอาร์มิน ฉันชอบให้นายเรียกฉันแบบเมื่อกี้มากกว่า...”

    “ก็บอกให้เงียบไงเล่า!!

    แจนยังคงหัวเราะให้กับปฏิกิริยาตอบสนองอายๆที่ไม่เคยเห็นจากคนตรงหน้า ก่อนจะเดินไปเรื่อยๆท่ามกลางถนนสีทึมเทาของยามกลางคืน...

    คุณรู้หรือเปล่า... ว่ามาเฟียแต่ละกลุ่มเกี่ยวดองกันด้วยเหตุผลอะไร...?

    เรื่องนั้น... ก็อาจเป็นได้จากหลายๆสาเหตุ...

    แต่ว่า... สำหรับสองคนนี้นั้น...

                    คงไม่ต้องเดา ว่ามาจากผลประโยชน์...

    หรือมาจาก... หัวใจ...

     

    ****************************************************************

    วันช็อตเรื่องนี้... สิบหน้าเวิร์ดถ้วน...

    ยาวไปไหมมมมมมมม?!! O[]O!! << อันนี้ไรเตอร์ตกใจจริงจังนะคะ... =v=;

    คือจะบอกว่าเควสต์นี้นี่มันส์สุดๆจริงๆค่ะ... ตอนแรกกะจะทำเป็นแบบเด็กมัธยมธรรมดาๆธรรมดาที่กัดกันกุ๊กกิ๊กกัน... แต่พอจะเริ่มเขียนดันรู้สึกไม่มีอารมณ์ร่วมซะอย่างนั้น... (=A=;) พอคิดไปคิดมาบวกกับเห็นคอมเม้นต์(จากตอนที่แล้ว)ที่บอกว่าไรเตอร์อาจจะโฟกัสกับรีเควสต์มากเกินไปก็เลยนึกขึ้นได้ว่า... บางทีเราอาจจะเขียนแนวโรงเรียนจนเบื่อแล้วก็ได้? แล้วก็... ลองทำแนวอื่นให้มันแหวกๆบ้างดีไหม? สรุปก็คือหลังจากการเดินวนไปวนมาในบ้านอยู่หลายรอบอย่างใช้ความคิดบวกกับนึกถึงรูปอาร์มินรูปนึง(ที่ใส่เอาไว้ด้านบนตอนนี้)ก็เลยนึกขึ้นได้ว่า... คู่กัดงั้นเหรอ? งั้นก็ทำเป็นแก๊งมาเฟียไปซะเลยสิ!! ค่ะ... แล้วจากนั้นพล็อตก็ไหลเป็นเทน้ำทิ้งกันเลยทีเดียวด้วยประการฉะนี้เอย... =w=; เพราะฉะนั้น!! ก็ยังคงต้องขอบคุณวดีเหมือนเคยที่รีเควสต์อะไรสนุกๆแบบนี้เข้ามานะ!! แล้วก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่ให้ไรเตอร์ร่วมกับคุณ[Pamyu]แล้วก็คุณ[Eclair&Xandria]ด้วยนะคะ!! ช่วยได้มากเลย!! ตอนนี้ไรเตอร์เองก็เหมือนจะจับทางการเขียนฟิคในชีวิตตัวเองได้แล้วล่ะค่ะ!! โอ้ววววว~! XD

    ปล.เพราะฉะนั้นไรเตอร์จะพยายามเขียนต่อไปนะคะ แหะๆๆ =w=~<3
     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×