ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic[Arthur/Merlin] : Love Effect - [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 56


     

    บทที่ 5

    *~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~*

    เมอร์ลินกำลังเดินวนอยู่ในห้องนอนของตนเองอย่างว้าวุ่นใจ...

    เอาล่ะ ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สักพักใหญ่ๆ... หลังจากที่เขารับดอกไม้มาจากอาเธอร์ด้วยอาการเคร่งเครียดในตอนเช้านั้นแล้ว ตลอดทั้งวันต่อจากนั้นเขาก็พยายามที่จะหลบหน้าอีกฝ่ายอย่างสุดความสามารถ แต่สุดท้ายแล้วเขากลับรู้สึกว่าตัวเองใช้เวลากับฝ่ายตรงข้ามมากกว่าวันธรรมดาเสียอีก... เมอร์ลินทึ้งหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่งเมื่อย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์หนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในยามบ่ายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้...

    เหตุการณ์ที่เกิด หลังจากที่เขาเดินผ่านหน้าห้องนอนขององค์รัชทายาทโดยบังเอิญ...

    ถ้าหากถามว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงไปอยู่ที่นั่นในเวลานั้นได้ ก็ต้องขอบอกเลยว่าเขาก็แค่ทำหน้าที่ช่วยเหลือคนอื่นๆตามที่ได้รับไหว้วานมาตามเรื่อง... แต่ในตอนนั้นเขาได้ยินเสียงโครมครามดังผิดปกติลอดออกมาจากประตูห้องของอีกฝ่ายเลยเข้าไปตรวจดูความเรียบร้อยก็เท่านั้น...

    ทว่าภาพที่ได้เห็น กลับทำให้เขาตกใจยิ่งกว่า

    ทันทีที่บานประตูถูกเปิดออก สิ่งแรกที่ปรากฏเข้ามาในขอบเขตการมองเห็นของเขาก็คือสภาพของอาเธอร์ที่กำลังจมอยู่ในกองเศษไม้ขนาดใหญ่ที่แตกหักออกเป็นเสี่ยงๆ... และดูเหมือนเจ้าตัวเองก็กำลังทำลายอะไรบางอย่างอันเป็นต้นเหตุให้เกิดเสียงดังสนั่นอย่างที่เขาได้ยินอยู่ด้วยอย่างขะมักเขม้น

    เด็กหนุ่มพูดอะไรไม่ออกจึงได้แต่ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น...

    อ้าว? เมอร์ลิน? เสียงทักของชายหนุ่มดังขึ้นหลังจากที่อีกฝ่ายสังเกตเห็นเขาในที่สุด... เจ้ามีธุระอะไรเหรอ?

    จำได้ว่าตอนนั้นเขากระพริบตาเล็กน้อยก่อนจะตอบไป

    เปล่า... เด็กหนุ่มปฏิเสธก่อนจะทำหน้าตาเหมือนพึ่งนึกได้ ไม่สิ... ข้าสิต้องถามท่านว่าท่านทำอะไรอยู่!!’

    หืม? อ้อ เนี่ยเหรอ... อีกฝ่ายว่าก่อนจะชูเศษไม้ในมือโบกไปมา ข้ากำลัง... อืม... ทำลายเก้าอี้อยู่น่ะ

    เมอร์ลินเลิกคิ้วด้วยความงุนงง

    ทำลายเก้าอี้?

    ใช่ อาเธอร์ตอบก่อนจะยิ้มให้เขา

    เจ้าจะได้ไม่ต้องไปนั่งที่อื่น... นอกจากในใจข้าไง?

    และ... ใช่ คำพูดนั้นทำเขาสตั๊นไปหลายสิบวิตามคาด...

    ท่าน... พูดจริงสิ?

    ตอนนั้น เขาพบว่าตนเองมีความลำบากเป็นอย่างมากที่จะบังคับให้ตัวเองเปล่งเสียงเป็นประโยคออกไปเช่นนั้นได้

    แล้วเจ้าอยากให้ข้าพูดจริงไหมล่ะ? อาเธอร์เย้าเล่น... ทว่าพอเห็นสีหน้าไม่รับมุกของคนตรงหน้าแล้วก็เปลี่ยนใจทันที... ไม่ล่ะ ข้าล้อเล่น

    เมอร์ลินแทบจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

    ถ้างั้น... ไอ้เศษไม้พวกนี้คือ...?

    อ้อ... ข้าให้คนไปช่วยรวบรวมมาน่ะ... อีกฝ่ายตอบพร้อมกับแย้มยิ้มเล็กน้อย แค่อยากรู้ว่าข้าจะพอทำบันไดแบบง่ายๆปีนขึ้นหน้าต่างห้องหมอหลวงแห่งคาเมลอทได้รึเปล่า...

    เจอแบบนี้เข้าไป เด็กหนุ่มก็อดยืนนิ่งด้วยความอึ้งไม่ได้...

    อาเธอร์... เอาจริงๆนะ...

    ชายหนุ่มกระพริบตาปริบๆ

    ก็จริงน่ะสิเขากล่าวตอบ นั่นแหละจุดประสงค์ของข้าเลยล่ะ...

    ในวินาทีนั้น... เมอร์ลินแทบอยากจะคว้าเศษไม้มาทำการฆาตกรรมองค์รัชทายาทคนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ...

    นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ยยยยย?!!

    “ไม่เอาน่า เมอร์ลิน... ใจเย็นๆนะใจเย็นๆ...” เด็กหนุ่มในปัจจุบันทิ้งตัวลงกับเตียงนอนของตนก่อนจะพูดพึมพำเป็นเชิงปลอบใจตัวเองแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่... เขาไม่รู้จริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับอาเธอร์ หรือสาเหตุอะไรที่ทำให้ชายหนุ่มเป็นได้มากถึงขนาดนี้... ทว่าก็ไม่ใช่จะคาดเดาไม่ได้เสียทีเดียว เพียงแต่... สิ่งที่เขาคิดได้ในตอนนี้ก็มีเพียงแค่การทำเสน่ห์เท่านั้น ซึ่งก็ไม่สมเหตุสมผลอีกว่าจะทำให้อาเธอร์มารักเขาทำไม... คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะได้ประโยชน์อะไรจากการที่พวกเขาสองคนรักกันงั้นเหรอ?

    ยิ่งคิดก็ยิ่งมีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจทั้งนั้น... เมอร์ลินนิ่วหน้าอย่างหงุดหงิด

    “ทำไมท่านต้องชอบทำให้ข้าหัวหมุนอยู่ตลอดเวลาทุกทีเลยนะ... ให้ตายสิ” เด็กหนุ่มพึมพำพลางถอนหายใจอีกครั้ง... บางทีเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาจะต้องมาเป็นกังวลเรื่องหลายๆอย่างแทนอาเธอร์ คิดเรื่องนู้นเรื่องนี้แทนอาเธอร์ หรือแม้กระทั่งปกป้องอาเธอร์... เอาล่ะๆ เขารู้ดีว่ามันเป็นโชคชะตา... แต่ความรู้สึกบางอย่างลึกๆลงไปแล้วนั้นมันก็ดูเหมือนกับว่าจะทำให้เขารู้สึกดีใจ และเต็มใจกับหน้าที่เหล่านี้เสียเหลือเกิน...

    หน้าที่ ที่ทำให้เขาดูมีความหมายสำหรับอาเธอร์... หน้าที่ ที่ทำให้เป็นเสมือนเหรียญสองด้านของกันและกัน...

    “เอ๋? นี่ข้ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่อีกละเนี่ย? แย่จริง...” เมอร์ลินพูดกับตัวเองพลางส่ายหัวเบาๆเพื่อสลัดความคิดฟุ้งซ่านต่างๆออกไปจากหัวสมอง... ตอนนี้เรื่องที่เขาต้องคิดมีมากเกินไปแล้ว และเขาก็ไม่ต้องการให้มันมีหัวข้อเรื่องน่ากลุ้มใจเพิ่มมาให้ลำบากตัวเองไปมากกว่านี้อีก... เด็กหนุ่มกวาดตามองไปรอบห้องเพื่อจะหาสิ่งที่จะเบนความสนใจของเขาให้ออกไปจากการจดจ่อกับเรื่องเครียดๆเหล่านี้ได้... ทว่า โดยไม่ได้ตั้งใจ... จู่ๆสายตาของเด็กหนุ่มก็เหลือบไปเห็นดอกไม้สีขาวช่อเล็กๆช่อหนึ่งซึ่งถูกปักเอาไว้แจกันบนโต๊ะบริเวณนั้นเข้าอย่างพอดิบพอดี

    ดอกไม้ที่อาเธอร์ให้เขามาในเช้าวันนี้นั่นเอง...

    เมอร์ลินขมวดคิ้วเล็กน้อยให้กับดอกไม้เหล่านั้น... จนถึงป่านนี้เขาเองก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงต้องเก็บมันไว้ในแจกันด้วย ทว่า พอลองคิดไปคิดมาดีๆ...(ด้วยการพยายามหาข้อแก้ตัวให้กับตนเองอย่างสุดชีวิต) เขาก็ได้ข้อสรุปมาว่าตนเองคงทำไปเพราะคำว่า มารยาท... เนื่องจากว่าถ้าจะเอาไปให้คนอื่นก็คงไม่ได้ หรือจะเอาไปทิ้งก็ใช่ที่... สุดท้ายมันก็เลยต้องมาลงเอยอยู่ในแจกันห้องเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ งั้นมิใช่หรือ?... เมอร์ลินพยักหน้ายืนยันความสมเหตุสมผลของมันให้กับตัวเองอีกรอบหนึ่งก่อนจะปัดประเด็นในการคิดเรื่องนี้ให้ตกไปจากระบบประมวลผลของเขาในทันที

    ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น...

    “เมอร์ลิน อาหารเย็นเรียบร้อยแล้วนะ”

    เสียงของไกอัสที่ลอดผ่านช่องประตูเข้ามานั้นทำให้เมอร์ลินยิ้มออกในที่สุด... เด็กหนุ่มรีบลุกออกจากเตียงหลังจากตะโกนตอบรับออกไปด้วยคำขอบคุณ ก่อนที่จะรีบจัดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อยและลงไปร่วมมื้ออาหารกับฝ่ายตรงข้ามหลังจากปล่อยเวลาผ่านไปไม่ถึงนาที

    “หืม~ วันนี้ยังทำอาหารได้น่ากินเหมือนเดิมเลยนะครับ” เด็กหนุ่มกล่าวชมทันทีที่ได้เห็นอาหารตรงหน้าพร้อมกับกลิ่นหวมยั่วจมูก... ชายชราผู้ซึ่งเป็นคนจัดการเตรียมมื้ออาหารจึงแสดงสีหน้าพอใจกับผลลัพธ์แวบนึงก่อนจะยักไหล่

    “ข้าดีใจที่เจ้าชอบนะ” เขาพูดพร้อมกับยิ้มบาง “รีบทานก่อนมันจะเย็นหมดเถอะ”

    เด็กหนุ่มพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะเริ่มมื้ออาหารของตนด้วยซุปร้อนๆในถ้วยตรงหน้า ทว่าความคิดของเขาก็ยังคงวนเวียนกับเรื่องน่าปวดหัวเหล่านั้นอยู่จนรู้สึกไม่สบายใจนัก... เขาคิดว่าควรจะปรึกษาไกอัส แต่... เรื่องที่อาเธอร์กำลังจีบเขาเนี่ยนะ? เมอร์ลินขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดก่อนจะส่ายหน้า... มันคงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่สำหรับเรื่องนี้ละมั้ง?

     “...เจ้ามีอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจรึเปล่า เมอร์ลิน”

    คำถามของไกอัสที่ดังแทรกขึ้นมาอย่างถูกจังหวะราวกับอ่านสิ่งที่อยู่ในใจของเขาได้นั้นทำให้เมอร์ลินถึงกับสะดุ้ง เขาหันมองอีกฝ่ายอย่างลังเลแวบหนึ่งก่อนจะปฏิเสธ

    “เปล่าครับ ไม่มีอะไรหรอก” เด็กหนุ่มตอบพลางหัวเราะแห้งๆให้กับฝ่ายตรงข้ามที่จ้องมองมาอย่างสงสัย... แน่ล่ะว่าเขาโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย และไกอัสก็ดูเหมือนจะรู้นิสัยของเด็กหนุ่มในข้อนั้นดีจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ

    “เจ้าก็รู้ว่าเจ้าปรึกษาข้าได้ทุกเรื่อง” ชายชรากล่าวขึ้นในที่สุด “เรื่องที่กำลังรบกวนจิตใจเจ้าอยู่ตอนนี้ บางทีข้าอาจจะเคยผ่านมันมาแล้วก็ได้นะ... ทำไมไม่ลองเล่าให้ข้าฟังดูก่อนล่ะ?”

    ท่านคงไม่เคยโดนอูเธอร์สารภาพรักหรอกมั้ง... เมอร์ลินคิดไปเช่นนั้น แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจยอมเล่าแบบอ้อมๆให้อีกฝ่ายฟังอยู่ดี... เด็กหนุ่มงึมงำอยู่พักหนึ่งก่อนจะอธิบายออกมา

    “คือว่า... เมื่อวันก่อนมี คนๆนึง มาสารภาพรักกับข้า...” เขาเริ่ม “เขาเป็น... เอ่อ... เพื่อนของข้า... แล้วตอนนี้เขาก็จริงจังกับการจีบข้ามาก แต่ว่า...”

    เด็กหนุ่มแสดงอาการลังเลเล็กน้อยราวกับไม่มั่นใจนักกับประโยคต่อไป

    “ข้า... ไม่ได้รักเขา”

    ไกอัสนิ่งฟังปัญหาของคู่สนทนาอยู่เงียบๆในขณะที่ลอบสังเกตปฏิกิริยาต่างๆ แล้วจึงเอ่ยปากถาม

    “งั้น... เรื่องที่เจ้ากังวลคือควรจะทำอย่างไรต่อไป ใช่ไหม?”

    เมอร์ลินพยักหน้ารับก่อนจะถามกลับ “แล้วถ้าเป็นท่าน... ท่านจะทำยังไงเหรอ?”

    ชายชรานิ่งไปครู่หนึ่ง

    “ถ้าเป็นข้าเหรอ?” เขาทวนคำ “อืม... ข้าก็ไม่ค่อยได้เจอสถานการณ์แบบนี้นักหรอกนะ... แต่ข้าคิดว่าการมีปัญหากันระหว่างเพื่อน ยังไงก็ต้องไปพูดคุยปรับความเข้าใจกันเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว... เจ้าลองคุยกับเพื่อนคนนั้นตรงๆดู บางทีอาจจะดีขึ้นก็ได้นะ?”

    เด็กหนุ่มพยักหน้ารับคำแนะนำนั้นในขณะที่คิดไตร่ตรองตามไปอย่างเงียบๆ... บางที ถ้าพูดเตือนสติอาเธอร์ได้ว่าเขายังมีเกว็นนิเวียร์อยู่ละก็ อีกฝ่ายอาจจะคิดได้แล้วเลิกยุ่งกับเขาไปเองก็ได้? เมอร์ลินสรุปรวบยอดความคิดตนเองได้เช่นนั้น... แต่เพราะเหตุใดก็ไม่อาจทราบได้ที่ทำให้เขารู้สึกขัดแย้งอยู่ลึกๆว่าไม่อยากให้ผลลัพธ์นั้นเกิดขึ้นจริง... เขานึกอะไรไปเรื่อยเปื่อยในขณะที่นึกตัดสินใจลองทำตามวิธีที่ไกอัสบอก... บางทีมันอาจจะทำให้อะไรๆดีขึ้นบ้างก็ได้ละมั้ง? เมอร์ลินคิดพลางยักไหล่

    และทันใดนั้นเอง...

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นนั้นดึงดูดความสนใจของผู้เป็นเจ้าของห้องทั้งสองได้เป็นอย่างดี... พวกเขามองหน้ากันเงียบๆแวบหนึ่งก่อนที่ไกอัสจะพูดขึ้น

    “ข้าไปเปิดเอง” เขาว่าก่อนจะลุกไปเปิดประตูและชะโงกหน้าไปพูดคุยกับผู้ที่อยู่ด้านนอกพักหนึ่ง แล้วจึงหันกลับมาพูดกับเมอร์ลินในที่สุด

    “อาเธอร์ฝากทหารยามมาเรียกเจ้าน่ะ” ชายชรากล่าวขึ้น “เห็นบอกจะให้ช่วยงานอะไรนิดหน่อย”

    เมอร์ลินถอนหายใจยาว... คราวนี้จะมาไม้ไหนอีกละเนี่ย? แต่ก็ดีเหมือนกัน จะได้หาโอกาสคุยกับอาเธอร์ตามที่ไกอัสบอกไปเลย... เด็กหนุ่มยักไหล่อย่างปลงๆก่อนจะลุกจากเก้าอี้

    “งั้น... เดี๋ยวข้าค่อยกลับมาทานต่อทีหลังนะครับ”

    ไกอัสพยักหน้ารับเป็นเชิงอนุญาตก่อนจะนิ่งมองเด็กหนุ่มผมดำที่เดินสวนออกไปอย่างเงียบๆ... จนเมื่อร่างนั้นหายลับจากช่องประตูไปแล้ว ชายชราจึงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวเก่าพร้อมกับถอนหายใจ...

    “ขอให้ข้าเดาผิดเถอะว่าใครมาสารภาพรักเมอร์ลินน่ะ...”

    เขาพึมพำกับตนเองเบาๆก่อนจะเหม่อมองออกไปด้านนอกอยู่พักใหญ่...

    *~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~*

    “เจ้ามาเร็วจังนะ?”

    นั่นคือสิ่งที่เมอร์ลินได้ยินเป็นอย่างแรกหลังจากก้าวเข้ามาในห้องนอนขององค์รัชทายาทแห่งคาเมลอท

    “ก็ท่านอุตส่าห์ส่งทหารยามไปเรียกซะขนาดนั้น... ไม่ให้ข้ามาเร็วได้เหรอ?” เด็กหนุ่มตอบกลับไปในขณะที่ดึงประตูปิดตามหลัง แล้วจึงหันมาถามฝ่ายที่เรียกตัวเขามาระหว่างเวลาอาหารด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย... “แล้วท่านมีธุระอะไรล่ะ?”

    “อ้อ... ก็นิดหน่อย” อาเธอร์ตอบกำกวมก่อนจะค้นหาบางอย่างบนโต๊ะทำงานของตน ซึ่งเมอร์ลินสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนที่มองเข้ามาในห้องเป็นครั้งแรกแล้วว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังง่วนอยู่กับอะไรบางอย่างบนนั้น... อาจจะเป็นแผนที่ของเมืองไหนซักเมือง... แต่เขาก็ตัดสินใจจะไม่ใส่ใจมันมากนักแล้วหันไปสนใจกับผู้เป็นเจ้าของห้องที่ทำท่าเหมือนจะพบของที่หาแล้วในที่สุด

    “อยู่ตรงนี้นี่เอง!

    “หืม?” เมอร์ลินส่งเสียงถามอย่างสงสัยก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ เป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายหยิบเศษกระดาษชิ้นเล็กๆออกมาจากกองเอกสารรกเละเทะตรงหน้า... เขาชะโงกหน้ามองก่อนจะรับกระดาษชิ้นนั้นมาอ่านตัวหนังสือขยุกขยิกที่ถูกเขียนอยู่บนนั้นชั่วครู่ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมาถาม

    “นี่อะไรเหรอ?”

    “ชื่อหนังสือน่ะ...” อาเธอร์กล่าวตอบพลางคลี่ยิ้มบาง “พอดีข้าอยากได้มาอ่านหน่อย แต่ติดแค่ว่ามันอยู่ในห้องสมุด... เจ้าช่วยไปหยิบให้ข้าทีได้ไหม?”

    “...ได้สิ” เด็กหนุ่มตอบด้วยอาการงุนงงเล็กน้อย “แต่ว่าเรื่องแค่นี้... ท่านใช้ให้ใครไปหยิบให้ก็ได้นี่นา?”

    ฝ่ายตรงข้ามเกาหัวอย่างลำบากใจก่อนจะกล่าวตอบ

    “ว่ายังไงดีล่ะ...” เขาพูดพึมพำเบาๆราวกับอายอะไรซักอย่างแล้วหันมาจ้องหน้าอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม... “ข้า... อยากเห็นหน้าเจ้าล่ะมั้ง?”

    เมอร์ลินชะงักไปชั่วครู่กับประโยคนั้น ก่อนที่ใบหน้าจะแดงซ่านขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ...

    “อ... เอาเป็นว่า... เดี๋ยวข้าจะไปหยิบมาให้ก็แล้วกัน” เด็กหนุ่มตะกุกตะกักตอบด้วยความเขินอายในขณะที่หันไปทางอื่นเพื่อซ่อนสีแดงระเรื่อบนใบหน้าของตน... อาเธอร์มองท่าทางนั้นขำๆก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

    “เจ้ากินข้าวรึยัง?”

    เมอร์ลินหยุดชะงักขาของตนที่กำลังพาเดินไปที่ประตูห้องแล้วจึงพึมพำตอบ... “ยังไม่ได้กิน”

    “งั้นเหรอ...” ชายหนุ่มเอ่ยรับเบาๆก่อนจะเสมองไปทางอื่น... “ขอโทษที่ข้าไปเรียกเจ้ามาเวลากินข้าวก็แล้วกันนะ”

    “เอ่อ... อืม... ไม่เป็นไรหรอก” เด็กหนุ่มตอบปฏิเสธด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย... อาเธอร์ขอโทษเขาเนี่ยนะ? ไม่อยากจะเชื่อเลย... คนที่ไม่ค่อยจะพูดขอบคุณหรือขอโทษอะไรใครง่ายๆอย่างองค์รัชทายาทน่ะเหรอ? เมอร์ลินเหลือบมองไปทางอีกฝ่ายแวบนึงก่อนจะคิดในใจ

    ความรักเนี่ย... ทำให้คนเราเป็นกันได้ถึงขนาดนี้เชียว?

    เขานึกเงียบๆด้วยความสงสัยก่อนจะอมยิ้ม... แบบนี้ก็ไม่เลวเท่าไหร่นะ อาเธอร์ที่รู้จักการยอมรับผิดน่ะ... เมอร์ลินคิดพลางหัวเราะคิกคักกับตัวเอง

    แต่พอพูดถึงการกินข้าว... จู่ๆบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัวของเด็กหนุ่มในฉับพลัน

    จริงสิ... เขามาหาอาเธอร์ก็เพราะอยากพูดด้วยเรื่องเกว็นนิเวียร์นี่นา...

    เมอร์ลินคิดก่อนจะเกาหัวแกรกๆ

    “เอ่อ... อาเธอร์” เขาเอ่ยขึ้นหลังจากที่หันกลับมาหาฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับอาการสูดหายใจเข้าลึก... “ข้า... ขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม?”

    ชายหนุ่มคู่สนทนาออกอาการงุนงงเล็กน้อยพลางกระพริบตาปริบๆ

    “ว่ามาสิ”

    “เอ่อ... คือ...” เด็กหนุ่มออกอาการอ้ำอึ้งก่อนจะถอนหายใจแล้วเอาตัวพิงกับโต๊ะใหญ่กลางห้อง... เขาก้มหน้ามองพื้นอย่างเงียบๆพักหนึ่งแล้วจึงกล่าวขึ้นในที่สุด... “ท่านคิดดีแล้วจริงๆเหรอที่มารักข้าน่ะ?”

    อาเธอร์ออกอาการนิ่งงันไปพักหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าไปทันที... ดวงตาเฉียบคมมองไปที่ใบหน้าของฝ่ายที่ถามราวกับจะสังเกตอารมณ์ของคู่สนทนา ก่อนจะกล่าวตอบด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

    “ข้าจริงจังกับเจ้าจริงๆนะ”

    หลังจากจบประโยคนั้น เมอร์ลินเงยหน้าขึ้นไปสบตากับอาเธอร์อยู่พักหนึ่งท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด... ความมืดของยามค่ำคืนและแสงจากเปลวเทียนที่ไหวระริกไปมายิ่งทำให้อากาศในห้องดูราวกับจะน้อยลงทุกที... ความอึดอัดเหล่านั้นทำให้เด็กหนุ่มลำบากใจที่จะพูดต่อ อีกทั้งแววตามุ่งมั่นซึ่งจับจ้องมายังเขานั้นก็ส่อประกายความแน่วแน่อย่างแรงกล้าจนไม่กล้าปฏิเสธ... เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อยด้วยความกังวลที่เริ่มเอ่อล้นเข้ามาในจิตใจก่อนจะต้องหลบตาในที่สุด

    “แต่ข้าว่า... ความจริงจังต่อข้าของท่านน่ะอาจจะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้หรอกนะ...” เมอร์ลินออกเสียงค้านทั้งที่ยังลำบากใจกับการสานต่อบทสนทนาอยู่ไม่น้อย... “จากนี้ท่านจะทำยังไงกับเกว็นนิเวียร์ล่ะ... นางเป็นคนรักของท่านนะ? ท่านเองก็เคยรักนางมากไม่ใช่เหรอ? แล้วจู่ๆก็มาหาข้าแบบนี้ท่านจะอธิบายกับนางว่ายังไง... ท่านคิดเอาไว้แล้วรึยัง?”

    อาเธอร์นิ่งเงียบไปพักหนึ่งกับคำถามนั้นก่อนจะต้องเป็นฝ่ายหลบตาบ้าง... ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยซะทีเดียว เพียงแต่... เขารู้ดีว่าตนเองสามารถทอดทิ้งนางได้เพื่อเมอร์ลิน แต่ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นคนดีเกินกว่าที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นถึงเรื่องนั้นได้อยู่แล้ว... เรื่องนั้นเขาเองก็รู้อยู่แก่ใจ แต่จะให้เขาทำยังไงได้ในเมื่อทางที่เขาเลือกก็คือเมอร์ลิน ไม่ใช่เกว็นนิเวียร์... อาเธอร์ลังเลใจที่จะพูดบางอย่างออกไป ทว่า เพียงแค่เขาทำท่าเหมือนจะให้คำตอบ อีกฝ่ายก็ขัดเขาเอาไว้ทันทีอย่างรู้ทัน

    “ท่านไม่ต้องรีบคิดหรอก” เด็กหนุ่มกล่าวขึ้นในที่สุด “ถึงท่านจะตอบข้าได้ตอนนี้... แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่แม้แต่ท่านยังไม่มั่นใจที่จะพูดออกมาละก็ มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาอยู่ดี... เพราะฉะนั้นท่านควรจะให้เวลาตัวเองได้ทบทวนอีกหน่อย แล้วค่อยบอกกับข้าทีหลังก็ได้...”

    ชายหนุ่มนิ่งเงียบสักพักก่อนจะพยักหน้ารับคำแนะนำของอีกฝ่ายแต่โดยดี... เขารู้ว่าคำพูดของเขาเป็นกุญแจสำคัญที่สุดสำหรับเรื่องนี้ ดังนั้นหากพูดอะไรส่งเดชออกไปย่อมไม่ดีแน่... เรื่องนี้เขาเองก็รู้ดีอีกนั่นแหละ แต่สุดท้ายแล้วเขาเองก็ไม่ค่อยจะคิดอะไรให้รอบคอบเลยทั้งๆที่รู้ว่ามันจะมีผลตามมาแบบไหน... ทุกปัญหาที่เขาเคยผ่านมา สิ่งที่เขารู้และมั่นใจมีเพียงเป้าหมายที่อยู่ตรงหน้า และเขาก็พร้อมที่จะบรรลุมันโดยปราศจากความลังเลที่จะตัดผลกระทบเล็กน้อยอื่นๆที่เกิดขึ้นระหว่างทางนั่นเสมอ... แต่ดูเหมือนว่าเรื่องในครั้งนี้เขาจะไม่สามารถทำอย่างนั้นได้อีก

    เพราะความรัก จำเป็นต้องใส่ใจจิตใจของผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ...

    อาเธอร์เงียบไปนานพอสมควรในระหว่างที่ครุ่นคิดถึงเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจังท่ามกลางการยืนมองอย่างเงียบๆของเมอร์ลิน... จนสุดท้าย เมื่อเด็กหนุ่มเห็นว่าคงจะไม่ได้คำตอบจากฝ่ายตรงข้ามในเวลาอันสั้นแน่ๆแล้ว เขาจึงตัดสินใจทำลายความเงียบขึ้นในที่สุด...

    “เอาเป็นว่า... ท่านพร้อมเมื่อไหร่ค่อยบอกคำตอบกับข้าก็ได้” เมอร์ลินกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินเลี่ยงไปที่บานประตูด้วยความลังเลอยู่พักหนึ่ง... “ข้า... จะไปหยิบหนังสือมาให้นะ”

    ชายหนุ่มพยักหน้ารับท่ามกลางการจ้องมองอย่างกังวลใจจากอีกฝ่ายอยู่ซักพักก่อนที่ประตูห้องของเขาจะปิดลง ทิ้งอาเธอร์ให้อยู่กับห้วงความคิดของตนเองตามลำพังตลอดค่ำคืนอันยาวนาน...

     

     





     

    <<มุมสนทนาพาเพลิน>>

                    กลับมาแล้วค่า~! // หอบ // เกือบไม่ทันนะเนี่ย!! จะหลุดวันที่สองอยู่แล้วแต่ยังไม่ได้อัพ... ความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตชัดๆ... อา... ขอโทษด้วยจริงๆค่ะ OTL

                    คือว่า เมื่อวานไรเตอร์ไปทำบำเพ็ญประโยชน์ครั้งแรกค่ะ ปาเข้าไป 6 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว... TWT กลับมาถึงบ้านก็นอนแผ่สลบเหมือด ลืมเรื่องอัพฟิคไปซะสนิทเลยอ่ะนะ...(แหะๆ) แต่ว่า ก็ถือว่านี่เป็นก้าวแรกของชีวิตเฟรชชี่ม.4 เนอะ?(<<ใช่เรอะ? = =) เพราะงั้นช่วงนี้งานยุ่งๆ รัดตัวไปหมดแล้วค่ะ โปรเจ็ค(นิยาย)เรื่องอื่นก็กองเต็มโต๊ะ บทเจ็ดก็ยังไม่เสร็จ... นี่ก็ลุ้นๆอยู่เหมือนกันว่าจะทำให้จบแบบไม่ปาหมอนได้ไหมนะ... = = แต่ตอนนี้ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าพล็อตที่มีเอาไว้เกือบ 25 ตอนจะลดลงมาเหลือแค่ 10 ตอนกว่าๆ... =w=” ก็เนื่องด้วยความขี้เกียจของอีคนเขียนนี่ล่ะค่ะ(โดนกระทืบ) แต่ว่า ยังไงก็ขอรับรองว่าเนื้อหาและฟีลลิ่งจะครบครันแน่ๆค่ะ!

                    โอเคค่ะ วันนี้เราก็มาพล่ามน้อยๆเช่นเคย... จากนี้ต้องไปทำงานต่อแล้วค่ะ!! ยังไงก็ขอทิ้งรูปเอาไว้เพื่อความฟินตามประเพณีต่อไปเนอะ? วันนี้รูปจะเป็นเกี่ยวกับประโยคเอาฮาที่ไปค้นเจอมาจ้า~ ขอให้มีความสุขสนุกสนานในชีวิตกันต่อไปนะคะ! โอ้ว!!
           

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×