คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : #5 : Hikikomori
มีฉากที่ใช้ความรุนแรงเบาๆค่ะ หากไม่ชอบแนะนำให้หลีกเลี่ยงจ้า :)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เพราะฉลาดเกินไปจึงถูกแบ่งแยก
ดวงตาสีดำสนิทภายใต้เส้นผมรุงรังกลอกมองออกไปบริเวณปากถ้ำ
เสียงฝีเท้าและเสียงโวยวายของผู้คนดังก้องในพื้นที่ปิด
แรงสั่นสะเทือนจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนส่งผ่านพื้นทรายที่แนบอยู่ใต้ลำตัวจนทำให้ปลายเท้าของเด็กสาวหดเกร็ง
ชั่วนาทีต่อมา กลุ่มชายหนุ่มแต่งกายด้วยชุดของหน่วยกู้ภัยก็ยกร่างที่ไร้การต่อต้านของเธอขึ้นจากพื้นทราย
พร้อมเสียงข้างหูที่วนซ้ำไปซ้ำมาว่า ไม่เป็นไรนะ หนูปลอดภัยแล้ว
H I K I K O M O R I
Story by JINN
“หนู...
หนูชื่ออะไรเหรอ?”
ฟอสต์ที่กำลังเหลาไม้ปลายแหลมอยู่บนเรือประมงขนาดเล็กหันไปตามเสียง
มองภาพของเพื่อนร่วมทีมอาวุโสที่กำลังซักถามร่างเล็กผอมแห้งซึ่งขดตัวอยู่มุมหนึ่งของห้องบังคับเรือแล้วยิ้มน้อยๆ
วันนี้เป็นวันที่สองที่หน่วยกู้ภัยออกค้นหาผู้รอดชีวิตและร่างของเหยื่อในเหตุการณ์เรือสำราญล่มเมื่อวาน...
ฟอสต์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาถูกเรียกตัวมาสมทบกับทีมเพื่อออกตามหาผู้โดยสารเคราะห์ร้ายทางฝั่งน่านน้ำที่มีเกาะเล็กเกาะน้อยซึ่งไม่มีคนอาศัย
โดยแบ่งกันโดยสารเรือประมงลำละ 2-3 คน
ส่วนเรือของเขามีเพียงแค่สองคนคือเขาและลุงแท้ๆเพื่อหวังจะให้สะดวกในการบรรทุกผู้รอดชีวิตให้เต็มกำลัง
ทว่าทันทีที่เขาไปถึงเกาะแห่งแรกซึ่งใกล้กับสถานที่เกิดเหตุที่สุด
ก็กลับพบเพียงเด็กสาวคนนี้กับซากศพจำนวนนับไม่ถ้วน...
หากจะเล่าให้ละเอียด
คงต้องย้อนไปประมาณ 1 ชั่วโมงก่อน
เขาและทีมทั้งหมดไปสมทบกันที่ชายหาดของเกาะดังกล่าวในเวลานั้นแล้วตกลงที่จะแยกกันค้นหา
เขากับลุงเข้าไปในส่วนป่าด้านตะวันตก ตะโกนหาผู้รอดชีวิต
ทว่ากลับพบเพียงศพของชายหนุ่มวัยกลางคนที่ห้อยแขวนอยู่กับเถาวัลย์และศพของสาววัยรุ่นที่กะโหลกศีรษะแตกกระจาย
พิงอยู่กับโคนต้นมะพร้าวในสภาพที่ยังไม่เน่าเปื่อยเหมือนกับเพิ่งเสียชีวิตใหม่ๆ...
เขาไม่แน่ใจนักว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่นภายในยามค่ำคืนหลังจากที่เรือสำราญจมหายไปในก้นบึ้งของมหาสมุทร
แต่มันคงเป็นเรื่องน่ากลัวเสียจนไม่อยากนึกถึง
ทว่าสุดท้ายพวกเขาก็เจอเธอคนนี้
เธอนอนขดตัวอยู่ในถ้ำ
กลุ่มที่ไปพบเธอเล่าว่าเธอนอนนิ่งมากจนพวกเขาคิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว
แต่พอเข้าไปสำรวจใกล้ๆก็พบว่ามีลมหายใจและพาออกมาด้วยวิธีการอุ้ม น่าประหลาดที่ร่างกายของเด็กสาวคนนี้เบาหวิวเหมือนปุยนุ่น
เส้นผมยาวรุงรังกระเซอะกระเซิงปิดดวงตา เสื้อผ้าขาดวิ่น...
ราวกับว่าเป็นคนที่ติดเกาะมาแล้วมากกว่าเดือน ไม่ใช่เพียงเมื่อวาน
และสุดท้าย
เธอก็จับพลัดจับผลูมานั่งร่วมเรือกับพวกเขาสองลุงหลาน
“ไม่ได้ผลเลยเว้ย
เอ็งลองไปคุยกับอีหนูนั่นหน่อยสิ ฟอสต์”
เสียงของผู้ร่วมทางที่ดังขึ้นทำให้เจ้าของชื่อเงยหน้า
ก่อนที่เขาจะได้เห็นท่าทางพยักเพยิดของคุณลุงไปทางเด็กสาวที่ยังคงนั่งนิ่งเงียบอยู่ที่เดิม...
ชายหนุ่มตกปากรับคำด้วยรอยยิ้มแล้วลุกสลับที่กับอีกฝ่าย
ปล่อยให้คู่สนทนาเดินออกไปรับลมภายนอกห้องบังคับเรือ
เขาเดินมายืนต่อหน้าเด็กสาวแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
สังเกตเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามโคลงหัวมาทางเขาเล็กน้อย...
ดวงตาใต้แพเรือนผมกลอกมองตรงเข้ามา ขณะปลายนิ้วมือนิ้วเท้าหดเกร็งราวกับหวาดกลัว
เขาพิจารณาครู่หนึ่งแล้วจึงส่งเสียงทักเบาๆ
“ไง”
ทว่าเพียงเท่านั้นเล็บเท้าของเด็กสาวก็จิกเกร็งลงไปบนพื้นเรืออย่างรุนแรง
ริมฝีปากเผยออ้าเป็นคำพูดเสียแผ่วราวกระซิบ “ออกไป...”
“หืม? ว่ายังไงนะ--”
ก่อนที่จะรู้ตัว ปลายหัวปากกาก็แทงทะลุกลางลำคอทันทีที่เขายื่นหน้าเข้าไปหาเธอ
=============================================
เสียงด้ามไม้แหลมตกกระทบพื้นเรือประมงก้องกังวานกลางทะเล
ตามด้วยเสียงฝีเท้าของเด็กสาวที่ก้าวข้ามร่างไร้วิญญาณของชายวัยกลางคนเบื้องล่าง...
เลือดสีแดงเจิ่งนองท่วมพื้นเรือ ก่อนที่เธอจะตรงเข้าห้องบังคับเรือแล้วปิดประตู
ทำลงไปอีกจนได้
เด็กสาวคิดกับตัวเองในใจแล้วซุกใบหน้าลงกับฝ่ามือ
แต่ไหนแต่ไรมาเธอถูกยกย่องให้เป็นอัจฉริยะ...
เด็กสาวที่เป็นเลิศในทุกด้าน ทั้งการเรียน ความคิด ดนตรี มาจากครอบครัวที่ดี ทว่าเพราะเหตุนั้นจึงทำให้เธอถูกเพื่อนบางกลุ่มรังแก
โต๊ะเรียนที่เต็มไปด้วยรอยกรีดเป็นคำสาปแช่ง หนังสือเรียนที่ถูกเผาไฟ
ร่างกายที่ขึ้นรอยช้ำเพราะถูกทำร้าย จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี...
นานจนเธอไม่รู้สึกว่าโรงเรียนเป็นที่ที่เธอควรอยู่ เธอเริ่มเก็บตัวในห้องมากขึ้น
ไปโรงเรียนน้อยลง จนครอบครัวที่ท้อใจพาเธอไปลาออกจากโรงเรียนให้พ้นๆไป
และจากวันนั้นเป็นต้นมา
เด็กสาวก็ไม่เคยออกจากห้องอีกเลย
เธอรู้ว่าตัวเองผิดปกติ
แต่ไม่แน่ใจว่ามากเท่าไหร่... ในหนึ่งวันเธอเล่นอินเทอร์เน็ต ดูโทรทัศน์
หากหมดเรื่องทำก็นั่งจ้องกำแพงว่างเปล่าอยู่หลายชั่วโมง
พอนอกหน้าต่างมืดลงถึงจะย่องออกมาเปิดตู้เย็นหาอะไรประทังชีวิต
วงจรเช่นนี้วนเวียนซ้ำไปมาจนเด็กสาวไม่รับรู้วันและคืน
รู้เพียงแต่ว่ามันช่างมีความสุข...
และประตูห้องนอนที่อยู่ตรงหน้าเป็นป้อมปราการแห่งเดียวที่จะกันความชั่วร้ายจากภายนอกไม่ให้ทำอันตรายเธอได้อีก
จนวันหนึ่ง
แม่ก็บอกกับเธอว่ามันคืออาการ ‘ฮิคิโคโมริ’
ฮิคิโคโมริคืออาการของคนที่หนีสังคม...
คำกล่าวนั้นมาพร้อมกับร่างของชายหนุ่มที่เธอไม่รู้จักสองถึงสามคนที่ตรงเข้ามาลากตัวเธอออกไป
เด็กสาวดิ้นต่อสู้ กรีดร้อง ท่ามกลางเสียงปลอบประโลมเจือร้องไห้ของแม่ที่พร่ำบอกว่าจะให้เธอล่องเรือออกไปพักผ่อนร่วมกับกลุ่มเด็กๆวัยเดียวกัน
เธอจะต้องหาย และกลับมาอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อีกครั้ง
แต่เธอรู้ดี... มันสายเกินไป
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นจากฝ่ามือของเธออีกครั้งขณะดวงตาสีดำสนิทหยุดอาการสั่นไหวแล้วกลับมานิ่งสงบ
ร่างไร้ลมหายใจของชายคนแรกที่เธอฝังปากกาเข้าไปในลำคอแน่นิ่งอยู่ตรงจุดเดิมพร้อมเลือดแดงฉานที่ทะลักล้นจนย้อมเสื้อกู้ภัยให้เป็นสีชาด
เธอนึกขอโทษในใจ
ทว่าการสูญเสียของคนแปลกหน้าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้สำหรับเธอไปแล้ว
เด็กสาวลุกขึ้นจากจุดที่เธอนั่งอยู่
แล้วตรงเข้าไปยังหน้าจอบังคับเรือ
ตั้งแต่วันที่เรือซึ่งเป็นความหวังในการรักษาของเธอออกจากฟากฝั่งมาก็เป็นเวลาร่วมเดือน...
สิ่งที่เกิดขึ้นบนเรือลำนั้นเป็นเรื่องเลวร้ายเรื่องแรกที่เธอเคยกระทำ
แต่เธอหยุดมันไม่ได้ และอยู่ในนั้นไม่ได้เช่นกัน
ทุกคนไม่ปลอดภัยสำหรับเธอ
ไม่มีใครที่เธอไว้ใจทั้งนั้น
เรือลำนั้นดิ่งลงมหาสมุทร
พร้อมๆกับที่เธอค้นพบชีวิตใหม่ซึ่งเปรียบดังสรวงสวรรค์บนเกาะร้างห่างไกลผู้คน...
และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ผู้คนที่ย่างเหยียบบนผืนทรายของเธอ ถือเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ต้องถูก ‘กำจัด’
เด็กสาวมองแผงวงจรด้านหน้าด้วยสายตาศึกษาค้นคว้าเพียงครู่เดียว
ก่อนที่นิ้วผอมยาวจะขยับเลื่อนเปลี่ยนทิศทางของหางเสือ
เสียงเครื่องยนต์สะดุดชั่วครู่ แล้วจึงเดินหน้าเต็มกำลังอีกครั้ง
...เพราะฉลาดเกินไปจึงถูกแบ่งแยก
เพราะเก่งกาจเกินไป... จึงต้องแบ่งแยก
และหากการอยู่ลำพังในเกาะเพียงคนเดียว
คือหนทางสุดท้ายที่โลกอันกว้างใหญ่ใบนี้จะมอบความสงบให้เธอได้
เธอก็จะเลือก
เด็กสาวขยับนิ้วของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย
สัมผัสได้ถึงเรือประมงลำเล็กที่หมุนเปลี่ยนทิศทาง
แล้วตรงกลับไปยังเกาะร้างแห่งนั้นอีกครั้ง...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ช่วง Talk Talk กับจินต์
ไม่พูดมากอีกเช่นเคยค่ะ 5555 เเค่จะมาบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นหัวข้อ "ติดเกาะ" ซึ่งทำส่งกับทางเเรลลี่นักเขียนงานหนึ่งจ้า กำหนดความยาว 2 หน้า A4 ก็เลยออกมาเป็นสภาพรวบรัดตัดตัดตอนอย่างที่เห็นค่ะ *ฮา*
ความคิดเห็น