ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บเรื่องสั้นตามใจจินต์

    ลำดับตอนที่ #6 : #5 : Hikikomori

    • อัปเดตล่าสุด 10 มิ.ย. 59



                   *Violence Alert* ระดับ 1
                  มีฉากที่ใช้ความรุนแรงเบาๆค่ะ หากไม่ชอบแนะนำให้หลีกเลี่ยงจ้า :) 

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



                  เพราะฉลาดเกินไปจึงถูกแบ่งแยก
                  ดวงตาสีดำสนิทภายใต้เส้นผมรุงรังกลอกมองออกไปบริเวณปากถ้ำ เสียงฝีเท้าและเสียงโวยวายของผู้คนดังก้องในพื้นที่ปิด แรงสั่นสะเทือนจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนส่งผ่านพื้นทรายที่แนบอยู่ใต้ลำตัวจนทำให้ปลายเท้าของเด็กสาวหดเกร็ง
                  ชั่วนาทีต่อมา กลุ่มชายหนุ่มแต่งกายด้วยชุดของหน่วยกู้ภัยก็ยกร่างที่ไร้การต่อต้านของเธอขึ้นจากพื้นทราย พร้อมเสียงข้างหูที่วนซ้ำไปซ้ำมาว่า ไม่เป็นไรนะ หนูปลอดภัยแล้ว

    H  I  K  I  K  O  M  O  R  I

    Story by JINN

                  “หนู... หนูชื่ออะไรเหรอ?”
                  ฟอสต์ที่กำลังเหลาไม้ปลายแหลมอยู่บนเรือประมงขนาดเล็กหันไปตามเสียง มองภาพของเพื่อนร่วมทีมอาวุโสที่กำลังซักถามร่างเล็กผอมแห้งซึ่งขดตัวอยู่มุมหนึ่งของห้องบังคับเรือแล้วยิ้มน้อยๆ
                  วันนี้เป็นวันที่สองที่หน่วยกู้ภัยออกค้นหาผู้รอดชีวิตและร่างของเหยื่อในเหตุการณ์เรือสำราญล่มเมื่อวาน... ฟอสต์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาถูกเรียกตัวมาสมทบกับทีมเพื่อออกตามหาผู้โดยสารเคราะห์ร้ายทางฝั่งน่านน้ำที่มีเกาะเล็กเกาะน้อยซึ่งไม่มีคนอาศัย โดยแบ่งกันโดยสารเรือประมงลำละ
    2-3 คน ส่วนเรือของเขามีเพียงแค่สองคนคือเขาและลุงแท้ๆเพื่อหวังจะให้สะดวกในการบรรทุกผู้รอดชีวิตให้เต็มกำลัง ทว่าทันทีที่เขาไปถึงเกาะแห่งแรกซึ่งใกล้กับสถานที่เกิดเหตุที่สุด ก็กลับพบเพียงเด็กสาวคนนี้กับซากศพจำนวนนับไม่ถ้วน...
                  หากจะเล่าให้ละเอียด คงต้องย้อนไปประมาณ
    1 ชั่วโมงก่อน
                  เขาและทีมทั้งหมดไปสมทบกันที่ชายหาดของเกาะดังกล่าวในเวลานั้นแล้วตกลงที่จะแยกกันค้นหา เขากับลุงเข้าไปในส่วนป่าด้านตะวันตก ตะโกนหาผู้รอดชีวิต ทว่ากลับพบเพียงศพของชายหนุ่มวัยกลางคนที่ห้อยแขวนอยู่กับเถาวัลย์และศพของสาววัยรุ่นที่กะโหลกศีรษะแตกกระจาย พิงอยู่กับโคนต้นมะพร้าวในสภาพที่ยังไม่เน่าเปื่อยเหมือนกับเพิ่งเสียชีวิตใหม่ๆ... เขาไม่แน่ใจนักว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่นภายในยามค่ำคืนหลังจากที่เรือสำราญจมหายไปในก้นบึ้งของมหาสมุทร แต่มันคงเป็นเรื่องน่ากลัวเสียจนไม่อยากนึกถึง
                  ทว่าสุดท้ายพวกเขาก็เจอเธอคนนี้
                  เธอนอนขดตัวอยู่ในถ้ำ กลุ่มที่ไปพบเธอเล่าว่าเธอนอนนิ่งมากจนพวกเขาคิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว แต่พอเข้าไปสำรวจใกล้ๆก็พบว่ามีลมหายใจและพาออกมาด้วยวิธีการอุ้ม น่าประหลาดที่ร่างกายของเด็กสาวคนนี้เบาหวิวเหมือนปุยนุ่น เส้นผมยาวรุงรังกระเซอะกระเซิงปิดดวงตา เสื้อผ้าขาดวิ่น... ราวกับว่าเป็นคนที่ติดเกาะมาแล้วมากกว่าเดือน ไม่ใช่เพียงเมื่อวาน
                  และสุดท้าย เธอก็จับพลัดจับผลูมานั่งร่วมเรือกับพวกเขาสองลุงหลาน
                  “ไม่ได้ผลเลยเว้ย เอ็งลองไปคุยกับอีหนูนั่นหน่อยสิ ฟอสต์”
                  เสียงของผู้ร่วมทางที่ดังขึ้นทำให้เจ้าของชื่อเงยหน้า ก่อนที่เขาจะได้เห็นท่าทางพยักเพยิดของคุณลุงไปทางเด็กสาวที่ยังคงนั่งนิ่งเงียบอยู่ที่เดิม... ชายหนุ่มตกปากรับคำด้วยรอยยิ้มแล้วลุกสลับที่กับอีกฝ่าย ปล่อยให้คู่สนทนาเดินออกไปรับลมภายนอกห้องบังคับเรือ
                  เขาเดินมายืนต่อหน้าเด็กสาวแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ สังเกตเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามโคลงหัวมาทางเขาเล็กน้อย... ดวงตาใต้แพเรือนผมกลอกมองตรงเข้ามา ขณะปลายนิ้วมือนิ้วเท้าหดเกร็งราวกับหวาดกลัว
                  เขาพิจารณาครู่หนึ่งแล้วจึงส่งเสียงทักเบาๆ
                  “ไง”
                  ทว่าเพียงเท่านั้นเล็บเท้าของเด็กสาวก็จิกเกร็งลงไปบนพื้นเรืออย่างรุนแรง ริมฝีปากเผยออ้าเป็นคำพูดเสียแผ่วราวกระซิบ “ออกไป...”
                  “หืม? ว่ายังไงนะ--”
                  ก่อนที่จะรู้ตัว ปลายหัวปากกาก็แทงทะลุกลางลำคอทันทีที่เขายื่นหน้าเข้าไปหาเธอ

    =============================================

                  เสียงด้ามไม้แหลมตกกระทบพื้นเรือประมงก้องกังวานกลางทะเล ตามด้วยเสียงฝีเท้าของเด็กสาวที่ก้าวข้ามร่างไร้วิญญาณของชายวัยกลางคนเบื้องล่าง... เลือดสีแดงเจิ่งนองท่วมพื้นเรือ ก่อนที่เธอจะตรงเข้าห้องบังคับเรือแล้วปิดประตู
                  ทำลงไปอีกจนได้
                  เด็กสาวคิดกับตัวเองในใจแล้วซุกใบหน้าลงกับฝ่ามือ
                  แต่ไหนแต่ไรมาเธอถูกยกย่องให้เป็นอัจฉริยะ... เด็กสาวที่เป็นเลิศในทุกด้าน ทั้งการเรียน ความคิด ดนตรี มาจากครอบครัวที่ดี ทว่าเพราะเหตุนั้นจึงทำให้เธอถูกเพื่อนบางกลุ่มรังแก โต๊ะเรียนที่เต็มไปด้วยรอยกรีดเป็นคำสาปแช่ง หนังสือเรียนที่ถูกเผาไฟ ร่างกายที่ขึ้นรอยช้ำเพราะถูกทำร้าย จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี... นานจนเธอไม่รู้สึกว่าโรงเรียนเป็นที่ที่เธอควรอยู่ เธอเริ่มเก็บตัวในห้องมากขึ้น ไปโรงเรียนน้อยลง จนครอบครัวที่ท้อใจพาเธอไปลาออกจากโรงเรียนให้พ้นๆไป
                  และจากวันนั้นเป็นต้นมา เด็กสาวก็ไม่เคยออกจากห้องอีกเลย
                  เธอรู้ว่าตัวเองผิดปกติ แต่ไม่แน่ใจว่ามากเท่าไหร่... ในหนึ่งวันเธอเล่นอินเทอร์เน็ต ดูโทรทัศน์ หากหมดเรื่องทำก็นั่งจ้องกำแพงว่างเปล่าอยู่หลายชั่วโมง พอนอกหน้าต่างมืดลงถึงจะย่องออกมาเปิดตู้เย็นหาอะไรประทังชีวิต วงจรเช่นนี้วนเวียนซ้ำไปมาจนเด็กสาวไม่รับรู้วันและคืน รู้เพียงแต่ว่ามันช่างมีความสุข... และประตูห้องนอนที่อยู่ตรงหน้าเป็นป้อมปราการแห่งเดียวที่จะกันความชั่วร้ายจากภายนอกไม่ให้ทำอันตรายเธอได้อีก
                  จนวันหนึ่ง แม่ก็บอกกับเธอว่ามันคืออาการ
    ฮิคิโคโมริ
                  ฮิคิโคโมริคืออาการของคนที่หนีสังคม... คำกล่าวนั้นมาพร้อมกับร่างของชายหนุ่มที่เธอไม่รู้จักสองถึงสามคนที่ตรงเข้ามาลากตัวเธอออกไป เด็กสาวดิ้นต่อสู้ กรีดร้อง ท่ามกลางเสียงปลอบประโลมเจือร้องไห้ของแม่ที่พร่ำบอกว่าจะให้เธอล่องเรือออกไปพักผ่อนร่วมกับกลุ่มเด็กๆวัยเดียวกัน เธอจะต้องหาย และกลับมาอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อีกครั้ง
                  แต่เธอรู้ดี... มันสายเกินไป
                  เด็กสาวเงยหน้าขึ้นจากฝ่ามือของเธออีกครั้งขณะดวงตาสีดำสนิทหยุดอาการสั่นไหวแล้วกลับมานิ่งสงบ ร่างไร้ลมหายใจของชายคนแรกที่เธอฝังปากกาเข้าไปในลำคอแน่นิ่งอยู่ตรงจุดเดิมพร้อมเลือดแดงฉานที่ทะลักล้นจนย้อมเสื้อกู้ภัยให้เป็นสีชาด เธอนึกขอโทษในใจ ทว่าการสูญเสียของคนแปลกหน้าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้สำหรับเธอไปแล้ว
                  เด็กสาวลุกขึ้นจากจุดที่เธอนั่งอยู่ แล้วตรงเข้าไปยังหน้าจอบังคับเรือ
                  ตั้งแต่วันที่เรือซึ่งเป็นความหวังในการรักษาของเธอออกจากฟากฝั่งมาก็เป็นเวลาร่วมเดือน... สิ่งที่เกิดขึ้นบนเรือลำนั้นเป็นเรื่องเลวร้ายเรื่องแรกที่เธอเคยกระทำ แต่เธอหยุดมันไม่ได้ และอยู่ในนั้นไม่ได้เช่นกัน

                  ทุกคนไม่ปลอดภัยสำหรับเธอ ไม่มีใครที่เธอไว้ใจทั้งนั้น
                  เรือลำนั้นดิ่งลงมหาสมุทร พร้อมๆกับที่เธอค้นพบชีวิตใหม่ซึ่งเปรียบดังสรวงสวรรค์บนเกาะร้างห่างไกลผู้คน...
                  และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้คนที่ย่างเหยียบบนผืนทรายของเธอ ถือเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ต้องถูก
    กำจัด
                  เด็กสาวมองแผงวงจรด้านหน้าด้วยสายตาศึกษาค้นคว้าเพียงครู่เดียว ก่อนที่นิ้วผอมยาวจะขยับเลื่อนเปลี่ยนทิศทางของหางเสือ เสียงเครื่องยนต์สะดุดชั่วครู่ แล้วจึงเดินหน้าเต็มกำลังอีกครั้ง
                  ...เพราะฉลาดเกินไปจึงถูกแบ่งแยก
                  เพราะเก่งกาจเกินไป... จึงต้องแบ่งแยก
                  และหากการอยู่ลำพังในเกาะเพียงคนเดียว คือหนทางสุดท้ายที่โลกอันกว้างใหญ่ใบนี้จะมอบความสงบให้เธอได้
                  เธอก็จะเลือก
                  เด็กสาวขยับนิ้วของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย สัมผัสได้ถึงเรือประมงลำเล็กที่หมุนเปลี่ยนทิศทาง แล้วตรงกลับไปยังเกาะร้างแห่งนั้นอีกครั้ง...

                


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ช่วง Talk Talk กับจินต์

    ไม่พูดมากอีกเช่นเคยค่ะ 5555 เเค่จะมาบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นหัวข้อ "ติดเกาะ" ซึ่งทำส่งกับทางเเรลลี่นักเขียนงานหนึ่งจ้า กำหนดความยาว 2 หน้า A4 ก็เลยออกมาเป็นสภาพรวบรัดตัดตัดตอนอย่างที่เห็นค่ะ *ฮา*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×